หลังจากให้ถังหยางออกไปสำรวจแล้ว อวี่เหวินห่าวเริ่มวางแผนจัดการ ตั้งแต่ค่ำยันเช้าก็ไม่ได้กลับจวน หยวนชิงหลิงก็หลับไปแต่หัวค่ำแล้วหลังจากเขาอาบน้ำเสร็จแล้ว จึงย่องเข้าไปนอน มองดูหยวนชิงหลิงที่นอนหลับลึกไปแล้ว เขาก็อดไม่ได้ที่จะจูบนาง และนอนตะแคงอยู่ข้างนางเขานอนไม่หลับเขารู้สึกเศร้าใจยิ่งนักกับสิ่งที่เสด็จพ่อทำ ทำให้เขาลำบากเหลือเกินเขาไม่สนใจตำแหน่งรัชทายาท เขาสนแค่ท่าทีของเสด็จพ่อเหตุการณ์ลอบสังหหารคราวนั้น เขาเกือบเอาชีวิตไม่รอด ยังถูกกล่าวหาว่าจ้างมือสังหารมาลอบสังหารตนเองอีกวันนี้เซียวเหยากงหาหลักฐานได้ เสด็จพ่อไม่แม้แต่จะฟังหรือถามไถ่ และไม่สนใจมันด้วยซ้ำหลายปีมานี้ ในใจเขามีแค่ราชสำนักและเสด็จพ่อเท่านั้น ไม่ได้ต่อสู้เพื่อคุณงามความดี ไม่ได้ต่อสู้เพื่อความโปรดปราน แค่อยากทุ่มเทช่วยงานราชสำนักสักเล็กน้อย เพื่อช่วยแบ่งเบาภาระเสด็จพ่อ แต่ผลที่ได้ในวันนี้ทำให้เขารู้สึกยากที่จะยอมรับอยู่บ้างนอกจากความท้อแท้แล้ว ในใจยังมีความโศกเศร้าและโกรธแค้นการหาความผิดของอ๋องจี้ครั้งนี้ พูดตรง ๆ ว่าไม่สามารถรับความไม่ยุติธรรมนี้ได้เขาที่นอนตะแคงมองหยวนชิงหลิงที่นอนหลับสนิท เขาลอบถ
ทั้งสองคนวางกล่องยาสูบลง และเรียกให้ฉางกงกงเอาออกไปไท่ซ่างหวงพูดกับหยวนชิงหลิง “เจ้านั่งลงก่อน!”หยวนชิงหลิงเหลียวซ้ายแลขวา ไม่มีเก้าอี้หรือเก้าอี้ตัวเล็ก ๆ เลย นั่งที่ไหนกัน?แต่ฉางกงกงก็สั่งคนให้ย้ายเก้าอี้ยาวเข้ามาวางไว้ในสวนทันที แต่ถ้าหยวนชิงหลิงนั่งลงก็เท่ากับว่าตัวเองนั่งสูงกว่าไท่ซ่างหวง นางก็รู้สึกเก้อเขินอยู่บ้างว่าควรนั่งหรือไม่ควรนั่งดีนางบ่นพึมพำในใจว่า ทำไมทั้งสามคนถึงมารวมตัวกันแบบนี้?มหาเสนาบดีฉู่ลุกขึ้นขอทูลลา ก้าวเดินของเขาดูเดินตัวลอย ๆ โซซัดโซเซ ตอนเดินไปเห็นนางข้าหลวงสี่หลังจากนั้นก็เดินเซไปชน “ไม่ระวังเลยนะ”ชนถูกนางข้าหลวงสี่แล้ว ก็พูดขอโทษและเดินออกไปอย่างช้า ๆหยวนชิงหลิงแทบไม่อยากเชื่อสายตาตัวเองเลยนางขยี้ตาตัวเองกลัวว่าตัวเองจะมองผิดไป เมื่อครู่เห็น คนที่ตั้งใจเดินไปชนคือมหาเสนาบดีฉู่จริง ๆ หรือ? หรือว่าแค่คนหน้าคล้าย? หรือเป็นพี่น้องฝาแฝดกัน?ความประทับใจของนางที่มีต่อมหาเสนาบดีฉู่ น่าเกรงขาม เคร่งขรึม เก็บอาการไม่แสดงออกอะไร และยังโหดร้ายอมหิตในใจหยวนชิงหลิงเหมือนมีอะไรชกเข้าให้ นางระวังหัวหน้าตระกูลฉู่คนนี้มานาน นึกไม่ถึงว่าเขามีด้านใสซื่อไร
หยวนชิงหลิงหันไปมองเซียวเหยากง “หัวใจของพระองค์เดิมก็ไม่ดีอยู่แล้ว วันนี้ดื่มไปมากขนาดนั้น ความดันเลือดต้องขึ้นสูงเป็นธรรมดา”เซียวเหยากงมองกล่องยาของนาง และมองบนหูนางที่ใส่หูฟังแพทย์อยู่ ยังทีเครื่องวัดความดันนั้นด้วย ในแววตาของเขาเหมือนจะฉายแววแปลก ๆแต่ว่าเขาก็ไม่พูดอะไร แค่เดินไปนั่งและคุยกับไท่ซ่างหวงว่า “งั้นวันหลังก็อย่าดื่มเลยพ่ะย่ะค่ะ คำพูดของหมอต้องเชื่อฟัง”ไท่ซ่างหวงไม่มีความสุขเลย “ขี้เกียจสนพวกเจ้าแล้ว ข้าจะไปนอน”หยวนชิงหลิงรู้ว่าเขาเมาขึ้นหัวไปแล้ว จึงรีบให้ยากับฉางกงกง “จับตาดูพระองค์กินยาก่อนแล้วค่อยนอนนะ”ฉางกงกงรับยานั้นมา “พ่ะย่ะค่ะ!”ไท่ซ่างหวงเดินโงนเงนโซซัดโซเซเข้าไปข้างในแล้ว เหลือแค่เซียวเหยากงและหยวนชิงหลิงที่อยู่ในตำหนักหยวนชิงหลิงสงบลงหลังจากโกรธจนได้สติ เพิ่งนึกขึ้นได้ว่าวันนี้มีเรื่องอยากถามเซียวเหยากง จึงผลักกล่องยาออกมา “ท่านปู่ ท่านเคยเจอกล่องยาแบบนี้หรือไม่?”เซียวเหยากงมองดูอยู่ครู่หนึ่ง และส่ายหัวอย่างช้า ๆ “ไม่เคย”หยวนชิงหลิงรู้สึกผิดหวังอยู่บ้าง “ไม่เคยเห็นจริง ๆ หรือเจ้าคะ?”เซียวเหยากงมองดูอย่างสงสัยอยู่สักครู่ แต่ก็ยังส่ายหน้าตอบเหม
ถังหยางยิ้มและพูดอย่างชาญฉลาดว่า “บางทีหนังสือชำระหนี้ยังจะดีกว่า” อวี่เหวินห่าวหรี่ตาลง “อย่างไรก็ตาม ถ้าไม่ถอนเขี้ยวของอ๋องจี้ทิ้ง ข้าจะไม่ยอมเลิกรา” บัณฑิตซิ่วไฉ่จากเมืองเจียงฝู๋เข้ามาเมืองหลวงฟ้องร้องเรื่องนี้ วันรุ่งขึ้นในราชสำนัก จักรพรรดิหมิงหยวนที่ทรงทราบเรื่องนี้แล้วนั้น พระองค์ทรงกริ้วมาก และได้บัญชาให้อวี่เหวินห่าวสอบสวนอย่างเข้มงวด เมื่อสืบสวนจนได้หลักฐานชัดเจนแล้ว ไม่สนว่าจะเกี่ยวพันถึงขุนนางของเมืองเจียงฝู๋มากน้อยเพียงใด ทรงให้ปลดออกทั้งหมด และค่อยสอบสวนความผิดซักถามมูลเหตุอ๋องจี้ที่อยู่ในท้องพระโรง ใบหน้าซีดขาวไปหมดตอนออกจากท้องพระโรง เขาได้ตามอวี่เหวินห่าวออกไป“น้องห้า รอประเดี๋ยว”อวี่เหวินห่าวหยุดและหันมามองเขา “พี่ใหญ่ มีเรื่องอันใดหรือ?”อ๋องจี้ยิ้มและจับบ่าเขา “ไม่มีอะไร แค่พวกเราพี่น้องไม่ได้ดื่มด้วยกันนานแล้ว คืนนี้พี่ใหญ่จะนำสุราชั้นเลิศไปที่จวนของเจ้า ดื่มด้วยกันดีหรือไม่?”อวี่เหวินห่าวถอยออกมาอย่างเงียบ ๆ และกล่าวว่า “ไว้วันอื่นเถอะ ช่วงนี้ข้ายุ่งงานราชการจริง ๆ”อ๋องจี้สะบัดมือและกล่าวอย่างไม่พอใจ “เรื่องที่เจียงฝู๋ เจ้าพวกบัณฑิตซิ่วไฉ่หน้าโง่พ
พระชายาจี้ตะขิดตะขวงใจขึ้นมา พี่ใหญ่แม้ตอนนี้จะไม่ได้อยู่ในกระทรวงการคลังแล้ว แต่ว่าถ้าฝ่าบาททรงสอบสวน ต้องถูกขุดรากถอนโคน ทุกอย่างมันชัดเจนมากแต่นางกลับรู้สึกโกรธจากก้นบึ้งของหัวใจ หลายปีมานี้บ้านนางออกเงินค่าใช้จ่ายทั้งทางตรงทางอ้อมไปมากมายเท่าไร? ถ้าไม่มีการสนับสนุนเงินจากทางบ้านของนาง เขาจะมีวันนี้ได้หรือ? แม้จะรู้มานานแล้วว่าเขาเริ่มมีใจเป็นอื่น แต่พระชายาจี้มักคิดเสมอว่าเขาต้องพึ่งพี่งนาง วันนี้รู้ว่าเขาแต่งกับหลานสาวของมหาเสนาบดีฉู่เป็นพระชายารอง เขาทอดทิ้งนาง เสร็จนาฆ่าโคถึก เสร็จศึกฆ่าขุนพล ช่างเป็นคนเนรคุณคนจริง ๆพระชายาจี้อดทนมาโดยเสมอ วันนี้แม้ว่าจะไม่มีความสุข แต่บนใบหน้านางก็ไม่แสดงสีหน้าไม่มีความสุขอะไรออกมา รวมถึงความเศร้าโศกเสียใจในแววตาล้วนถูกเก็บซ่อนไว้ นางจึงกล่าวเตือนอย่างเรียบเฉยว่า “ท่านอ๋อง พระชายารองยังไม่ได้แต่ง หยวนชิงหลิงก็ยังไม่แท้ง ทุกอย่างย่อมเปลี่ยนแปลงได้ หม่อมฉันมักบอกท่านอ๋องอยู่เสมอ ให้ทำทุกอย่างให้ดี อย่าให้มีอะไรหลุดรอดไปได้ วันนี้เองก็พูดคำนี้เหมือนกัน ท่านอ๋องดูเหมือนตัวหมากที่ไม่เหลืออะไรแล้ว ไม่กำจัดมันไม่ได้แล้ว”อ๋องจี้พูดอย่างเฉยชา “ค
"ไม่ใช่หรือ? โชคดีแล้วที่ไม่มีผู้ใดได้ยิน" หยวนชิงผิงทั้งกลัดกลุ้มและทำอะไรไม่ถูก "เขาหยอกล้อข้าใช่หรือไม่ ทําไมเขาถึงแย่นัก? ข้าหลงคิดไปว่าเขาเป็นคนดีเสียอีก""ไม่ใช่คนดี!" หยวนชิงหลิงกล่าวด้วยรอยยิ้มหยวนชิงผิงทำเสียงอ่าแล้วนัยน์ตาก็พลันมีรอยแดงเกิดขึ้นในทันที "นั่น...นั่นแสดงว่าเขารังแกข้า แล้วก็หยอกล้อข้าเล่นเช่นนั้นหรือ?"นางเคยคิดว่าเขานั้นจริงจัง สองสามวันที่ผ่านมานั้นพลิกผันเปลี่ยนแปลงไปมาตลอด เมื่อคิดถึงเขาที่จ้องตาเขม็ง และถามความคิดเห็นกันเป็นเพียงช่วงเวลาสั้น ๆ แต่ทำให้ใจของคนคนหนึ่งแทบจะกระโดดออกมา"ถึงแม้ว่าเขาจะไม่ใช่คนดีอะไร แต่ว่าเขาไม่จำเป็นที่จะต้องรังแกเจ้าหรือหยอกล้อเจ้า"หยวนชิงผิงเขย่าแขนของเธอแล้วเอ่ยอย่างร้อนใจ "อย่างนั้นท่านรีบช่วยข้าขบคิดหน่อยเถอะว่า เขาทำเช่นนี้หมายความว่าอย่างไร?"หยวนชิงหลิงจับมือของนางไว้แล้วเอ่ย "ดี งั้นเจ้าบอกข้ามา เจ้ามีความรู้สึกอย่างไรต่อเขา? ถ้าเขามาสู่ขอเจ้าจริง เจ้ายินดีที่จะแต่งงานกับเขาหรือไม่?"หยวนชิงผิงหันกลับมา แล้วชำเลืองมองว่าไม่มีผู้ใดอยู่แล้ว จึงขบริมฝีปากเล็กน้อยก่อนจะเอ่ย "ข้าไม่ใช่คนโง่ต้องยินดีอยู่แล้ว เขาคนนั
เหล่าไท่ไท่กับหยวนชิงหลิงเพิ่งจะกลับมาหลังมื้อค่ำ เดิมทีต้องการที่จะรออวี่เหวินห่าวกลับมาก่อน แต่ว่าไม่กี่วันมานี้อวี่เหวินห่าวยุ่งมาก จึงไม่สามารถรอได้พวกนางได้ จึงต้องทานกันก่อนตกเย็นเหล่าไท่ไท่ไม่ต้องการค้างคืนอยู่ที่จวนอ๋อง มืดค่ำหยวนชิงหลิงจึงให้ซูยี่ไปส่งนางกลับไปหยวนชิงหลิงคิดว่าคืนนี้จะรออวี่เหวินห่าวกลับมา ก่อนหน้านี้ทุกคืนล้วนสาบานว่าจะรอเขา แต่ทุกครั้งก็ล้วนรอจนกระทั่งหลับไป ดังนั้นคืนนี้นางจึงพาตัวเป่าเข้ามาในห้อง พูดคุยแลกเปลี่ยนกันครั้งแล้วครั้งเล่า จนกระทั่งในที่สุด นางก็รั้แม้กระทั่งว่าในเมืองหลวงมีสุนัขเร่ร่อนมากเท่าไร แต่ก็ยังคงง่วงนอนไม่ง่ายเลยที่จะอดทนให้ถึงเวลา นางข้าหลวงสี่เข้ามาตามเธอเป็นครั้งที่ห้าแล้ว "ควรจะนอนได้แล้วนะเพคะ ท่านอ๋องเกรงว่าคืนนี้คงไม่กลับมาเร็วนัก"หยวนชิงหลิงปีนขึ้นเตียงอย่างสะลึมสะลือ "ได้ งั้นข้าจะนอนรอ"นางข้าหลวงสี่ยิ้มด้วยอารมณ์ที่ไม่ค่อยดีนัก ในความจริงพระชายาก็ง่วงเป็นอย่างมากแล้ว ตั้งแต่ยังไม่ถึงช่วงค่ำก็เห็นนางนั่งสัปหงก เปลือกตาก็หรี่ปรือไม่มีแรงจะลืม แต่ฝืนรออยู่สองชั่วโมงนางเดินไปข้างหน้าเพื่อจัดผ้านวมให้หยวนชิงหลิง และกำล
เสด็จพ่อมอบคดีนี้ให้ข้า ตอนนี้กู้ซีถูกคุมขังชั่วคราวอยู่ในจวนจิงจ้าวของสำนักผู้ตรวจการ ข้ายังไม่รู้จะไปถามเขาอย่างไร" อวี่เหวินห่าวถอนหายใจเฮือกใหญ่หยวนชิงหลิงเอ่ยถาม "องค์ชายแปดและอ๋องฉีห่างกันปีกว่า แต่อ๋องฉีได้รับพระราชทานจวนชินอ๋องให้พักอาศัยอยู่ด้านนอก แต่เพราะอะไรจนบัดนี้องค์ชายแปดยังไม่ได้รับพระราชทานจวน และยังไม่ได้รับแต่งตั้งเป็นอ๋อง? อีกทั้งข้ายังจำได้เหมือนกับว่าจะยังคงไม่สมรสใช่หรือไม่?"ตามกฎแล้วนั้น องค์ชายที่โตเกินวัยไม่สามารถอาศัยอยู่ในวังหลังได้อวี่เหวินห่าวเอ่ย "ความจริงเสด็จพ่อมีพระประสงค์ให้มีพระราชโองการแต่งตั้งให้เขาเป็นอ๋องลวี่ เพียงแต่เจ้าแปดสติปัญญาไม่ค่อยฉลาดปราดเปรื่องนัก”"ไม่ฉลาดปราดเปรื่อง?""เขา…" อวี่เหวินห่าวก็ไม่รู้ว่าจะต้องเอ่ยอย่างไร "ตั้งแต่เด็กเขาก็ไม่ชอบที่จะพูดคุยกับผู้ใดนัก มีนิสัยสันโดษ ชอบเก็บตัว อีกทั้งก็ยังไม่ค่อยรู้ตัวอักษร รักเพียงการวาดภาพ มีเวลาก็สามารถนั่งวาดภาพได้ทั้งวัน แต่เขาชอบข้าและเจ้าเจ็ด จึงชอบทำตัวติดกับพวกข้า วันนี้เห็นเขาแม้แต่จะหายใจก็ดูเหมือนจะไม่มี ในใจของข้านั้นหวาดกลัวเป็นอย่างมาก”หยวนชิงหลิงได้ฟังการเจ็บป่วยนี้