Share

บทที่ 23

Author: จูน
last update Last Updated: 2024-10-29 19:42:56
ภายในวังเฉียนคุน

ไท่ซ่างหวงสนทนากับจักรพรรดิหมิงหยวนและท่านอ๋องลุ่ยอยู่ครู่หนึ่ง ก็อ่อนเพลียแล้ว จึงให้พวกเขาออกไป แม้แต่แพทย์ประจำพระองค์ก็ต้องออกไปเช่นกัน เหลือเพียง หยวน ชิงหลิงอยู่ในวังเฉียนคุนเพียงลำพัง

ก่อนที่จักรพรรดิหมิงหยวนจะออกไป ก็มอง หยวน ชิงหลิงด้วยสายตาที่มีความนัย แต่ก็ไม่ได้พูดอะไร

ภายในวังเงียบสงัด ผ้าม่านมืดมิด แม้แต่ลมก็เล็ดลอดเข้ามาไม่ได้

หยวน ชิงหลิงยืนอยู่ข้างเตียง เพียงครู่หนึ่ง ก็ไม่รู้ว่าจะทำอะไรดี

ไท่ซ่างหวงเดิมทีที่กำลังพักสายตาอยู่ก็ลืมตาขึ้นมา กวาดสายตาอย่างเยือกเย็น พูดด้วยน้ำเสียงที่ดุดัน “คุกเข่า!”

หยวน ชิงหลิงค่อย ๆ ย่อลงไปคุกเข่า ท่านั่งคุกเข่าของเธอ สำหรับเธอแล้ว ยังสบายกว่านั่งปกติ สรุปก็คือ ตอนนี้ยาต้มจื่อจินหมดฤทธิ์แล้ว รูขุมขนบนร่างกายกำลังทะลุคำว่าเจ็บออกมา

“เจ้ามีความผิด?” ไท่ซ่างหวงถามด้วยน้ำเสียงเย็นชา

หยวน ชิงหลิงรู้ว่าไท่ซ่างหวงไม่ลงโทษเธอจริง ๆ หรอก อย่างน้อยช่วงวิกฤตอย่างตอนนี้คงไม่ ขอเพียงแต่พระองค์ยังมีความโหยหาต่อโลกใบนี้ ตนก็จะเป็นกำลังเดียวของพระองค์

ด้วยเหตุนี้ เธอจึงเงยหน้าขึ้น ตอบกลับไปอย่างจริงใจ “มีเพคะ”

“ผิดมากจากไหน?”

“ทักษะทางการแพทย์ไม่สูงนักแต่โดดเด่น” หยวน ชิงหลิงเลี่ยงหนักไปเบา

ไท่ซ่างหวงพูดอย่างเย็นชา “เป็นประโยคที่ดีทักษะการแพทย์ไม่สูง แต่เจ้ากลับไปตัดสินว่าพวกหมอหลวงเป็นพวกหมอเถื่อน”

หยวน ชิงหลิงพอฟังประโยคนี้ ใจที่กำลังว้าวุ่นอยู่ก็สงบลง ในเมื่อไท่ซ่างหวงได้รับรองทักษะทางการแพทย์ของเธอแล้ว ทุกอย่างก็จะพูดง่ายขึ้น

ผลที่ตามมา ไท่ซ่างหวงยังคงพูดด้วยน้ำเสียงเย็นชาว่า “มานั่งนี่ บอกอาการป่วยของข้า จะตายหรือมีชีวิตอยู่ หรือตายเมื่อไหร่ และหากมีชีวิตอยู่อยู่ได้ถึงเมื่อไหร?”

หยวน ชิงหลิงค่อย ๆ ยืนขึ้น พูดว่า “ยังไม่กล้าตัดสินเพคะ หม่อมฉันยังต้องขออนุญาตพระองค์ทำการตรวจอีก”

“งั้นจะยืนเฉยอยู่ทำอะไร? เข้ามาวัดชีพจรสิ ”

ไท่ซ่างหวงมอง หยวน ชิงหลิงที่ไม่รู้ว่าเอาของหน้าตาประหลาดมาจากที่ไหนใส่ไว้ในหู เธอยิ้มอ่อน ๆ แล้วพูดว่า “ตอนนี้เรามาฟังเสียงหัวใจก่อนนะเพคะ…”

ในช่วงเวลาสั้น ๆ ไท่ซ่างหวงกระตุกมุมปากขึ้น พูดด้วยความโมโห “ของเล่นพวกนี้นี่มันอะไรกัน? อยากให้ข้าแข็งตายหรือ?”

หยวน ชิงหลิงถอดเครื่องฟังเสียงหัวใจออกมา ใส่เข้าไปในหูของไท่ซ่างหวง พูดเบา ๆว่า “ ชู่วว พระองค์ตั้งใจฟังนะเพคะ”

จากใบหน้าที่ฉุนเฉียวของไท่ซ่างหวงก็ค่อย ๆ เย็นลง ๆ สายตาว่างเปล่า เงียบอยู่ครู่หนึ่ง พระองค์กล่าว “นี่มันเสียงหัวใจเต้นของข้า!”

หยวน ชิงหลิงพยักหน้า “ใช่เพคะ ฟังดูเหมือนจะไม่ค่อยแข็งแรงเท่าไหร แต่แค่ช่วงเวลาสั้น ๆ กลัวก็แต่ยมบาลจะยังไม่พาพระองค์ไปนี่แหละเพคะ”

“บังอาจ!” ไท่ซ่างหวงเหยียดคิ้วตรงมองเธอด้วยสายตาเยือกเย็น

หยวน ชิงหลิงรีบลงไปนั่งท่าคุกเข่าทันที “ขอประทานอภัยเพคะ”

“ช่างเหอะ คุกเข่าทำไม มานั่ง” ไท่ซ่างหวงถอนหายใจออกมา ขอประทานอภัยกับผีอะไร?

หยวน ชิงหลิง ยิ้มแบบขมขื่น “ไม่กล้านั่งเพคะ”

ไท่ซ่างหวงมองเธอด้วยสายตาจืดชืด “แผลนั่นไปทำอะไรมา”

หยวน ชิงหลิงชะงักไป

มองออกได้ยังไงว่าเธอบาดเจ็บ?

“เจ้าหายใจเข้าเป็นครั้งคราวแบบเจ็บปวด เห็นข้าเป็นคนหูหนวกหรือ? มือของเจ้าที่แตะบนหน้าผากข้าร้อนไปหมด มีไข้ เกิดอะไรขึ้น?” ไท่ซ่างหวงพูดเรียบ ๆ

หยวน ชิงหลิงนึกถึงเรื่องที่เจอวันนั้นตรงจวนอันมืดมนไร้แสง ความเศร้าโศกและขุ่นเคืองหลอมรวม แต่สุดท้าย ก็ตอบกลับไปแบบนิ่งสงบ “หกล้มเพคะ บาดแผลติดเชื้อเลยมีไข้”

“เจ้ารักษาตัวเองไม่เป็นหรืออย่างไร” น้ำเสียงของไท่ซ่างหวงไม่มีท่าทีดุดันอีก

หยวน ชิงหลิง พยักหน้า “หม่อมฉันมียาเพคะ”

ไท่ซ่างหวงฟังแล้วขมวดคิ้ว ทำไมสาวน้อยที่รอเงียบ ๆ อยู่ตรงนี้ถึงไร้ขนบธรรมเนียมขนาดนี้

แต่ช่างมันเถอะ วังแห่งนี้ ที่ยังขาดก็คือคนที่ไร้ขนบธรรมเนียมงั้นหรือ?

“กินยาแล้วก็ไปพักซะ ข้าเหนื่อยแล้ว!” ไท่ซ่างหวงหลับตาลง เอาเครื่องฟังเสียงหัวใจวางลง

หยวน ชิงหลิงเก็บเครื่องฟังเสียงหัวใจ และหลีกไปหากล่องยาอีกฝั่ง กล่องยาใบนี้แค่เปิดขึ้นมา นางถึงกับชะงัก นี่…ทำไมถึงมีขวดน้ำเกลือ?”

เธอยิ้มแบบขมขื่น อดไม่ได้ที่จะคิด พลางหยิบยาลดไข้ และยาแก้อักเสบกลืนลงไป จากนั้นเปิดขวดน้ำเกลือพาไป

ไท่ซ่างหวงที่ยังไม่ตื่น ได้ยินเสียงเบา ๆ ของฝีเท้าดังขึ้น ท่านขมวดคิ้ว “ทำไมกลับมาอีกล่ะ? บอกให้เจ้าไปพักผ่อนมิใช่หรือ”

“ให้น้ำเกลือก่อนเพคะ แล้วค่อยบรรทม” หยวน ชิงหลิง นำขวดน้ำเกลืออกมาอย่างระมัดระวัง กลัวว่าไท่ซ่างหวงจะคิดว่าเป็นขวดประหลาดและไม่ยอมให้เจาะสายน้ำเกลือ

หลังจากที่แขวนน้ำเกลือเสร็จ หยวน ชิงหลิง เงยหน้าขึ้น ก็พบว่าไท่ซ่างหวงกำลังจ้องเขม็งมาที่เธอ

เธอหัวเราะออกมา “รอพระองค์หายดี แล้วหม่อมฉันจะอธิบายให้ฟังเพคะ”

ตอนนี้ขอให้เธอได้หาข้ออ้างไปก่อน ไม่งั้นคงหาอะไรไม่เจอแน่

ไท่ซ่างหวงตอบกลับไปว่า “ขอให้เป็นคำอธิบายที่สมเหตุสมผลแล้วกัน”

หยวน ชิงหลิง หัวเราะแบบขมขื่นต่อไป พยายามเข้าเถอะ

ขวดน้ำเกลือแขวนไว้ไม่นานเท่าไหร่ หยวน ชิงหลิงกลัวว่าจะมีคนมา เพราะฉะนั้นหลังจากที่หมดแล้ว เธอจึงดึงออก

ไท่ซ่างหวงกรนออกมาเบา ๆ หลับไปแล้ว

หยวน ชิงหลิงทั้งเหนื่อย ทั้งหิว ทั้งเจ็บ แต่นั่งไม่ได้ ฟุบไม่ได้ ไม่มีอะไรกิน แม้แต่น้ำหนึ่งอึกก็ไม่มี

นางแอบมอง ๆ ดูแล้ว ภายในวังไม่มีคนอยู่เลย ในเวลาครู่เดียวไท่ซ่างหวงคงยังไม่ตื่น เธอมายืนอยู่หน้าโต๊ะ โน้มตัวฟุบลงกับโต๊ะ เอามือสองข้างมาทำเป็นหมอน เหมือนกับตัวมาร์มอตที่กำลังขุดหลุม

เธอได้แต่คิดว่าฟุบลงอย่างนี้สักพักคงลดอาการเพลียและบรรเทาความเจ็บลงได้ ไม่ทันรู้ตัว เธอได้หลับลึกไปแล้ว

ฉางกงกงกลับไปพักผ่อนครู่หนึ่ง เป็นห่วงไท่ซ่างหวง ได้ยินว่ามีแค่พระชายาฉู่คนเดียวที่ดูแลพระองค์อยู่ จึงรีบมาดู

พอเข้ามาก็เห็น หยวน ชิงหลิงฟุบนอนด้วยท่าทางประหลาด เขาขมวดคิ้ว มีการรักษาแบบนี้ด้วยหรือ? แท้จริงแล้วพระชายาฉู่พระองค์นี้ไว้ใจไม่ได้ แถมท่านอนนี้ยังอุจาดตาสิ้นดี กำลังจะพูดออกไป แต่ได้ยินไท่ซ่างหวงพูดกดเสียงในลำคอเบา ๆ ว่า “อย่าเสียงดัง”

ฉางกงกงเดินแบบเขย่ง ๆ เท้าเข้าไป เอาผ้าห่มมาคลุมให้ไท่ซ่างหวง ด้วยความรู้สึกห่วงใย

ไท่ซ่างหวงกระซิบเบาๆ “ออกไปดู และหาอะไรให้นางกินด้วย”

ฉางกงกงยิ่งประหลาดใจเข้าไปใหญ่ พระชายาฉู่ดูแลแบบนี้ นอกจากไท่ซ่างหวงจะไม่โกรธแล้ว ยังให้ของกินอีก?

เขาไม่ได้ถามอะไร ได้แต่เดินออกไปเงียบ ๆ

หยวน ชิงหลิงนอนจนมือเริ่มชา จากนั้นค่อย ๆ ตื่นขึ้น

ตระหนักได้ว่าตนหลับเลยไปแล้ว หลังเธอเย็นยะเยือกขึ้นมา มองไปที่หลังเตียงอย่างรวดเร็ว เห็นว่าไท่ซ่างหวงยังหลับอยู่ ถึงถอนหายออกไป

เธอเอากล่องยาออกมา แล้วหยิบปรอทวัดไข้ใส่ไปในปาก จู่ ๆ ก็ได้ยินเสียงฝีเท้าข้างนอก เธอตกใจจนรีบเอากล่องยาไปซ่อนไว้ในแขนเสื้อ แล้วหมุนตัวกลับ ก็เจอกับฉางกงกงที่กำลังยกอาหารเข้ามา

ฉางกงกงเห็นว่าในปากของ หยวน ชิงหลิงมีของบางอย่างอยู่ ก็ตกใจ “พระชายา พระองค์…”

หยวน ชิงหลิงไม่รู้ว่าจะอธิบายยังไง เอาออกมาก็ไม่ได้ ไม่เอาออกมาก็ไม่ได้ ได้แต่ยืนกระอักกระอ่วนมองฉางกงกงอยู่อย่างนั้น

ทำไมไม่ให้ไท่ซ่างหวงที่เดิมทีกำลัง “หลับอยู่” แก้ต่างให้เธอล่ะ “ยังไม่รีบเอาอาหารไปวางอีก? หากยังช้ากว่านี้อีก เกรงว่าแม้แต่รองเท้า ข้าพระองค์จะกินจนหมดนะ”

“อ้อ” ฉาง กงกงยิ้มออกมา นำอาหารไปจัดวางบนโต๊ะ “หิวแล้วใช่ไหมพะยะค่ะ? พระชายารีบเสวยเถอะพะยะค่ะ”

หยวน ชิงหลิงหิวแล้วจริง ๆ หิวจนหน้าอกจะติดกับหลังอยู่ละ และยังไม่เพียงแต่หิว แต่ยังกระหายอีกด้วย หอแห้งจนจะมีควันคายออกมา

ฉางกงกงยกซุปมาหนึ่งถ้วย เธอไม่สามารถจัดการกับความอดทนนี้ได้อีกต่อไป เอาปรอทวัดไข้ออกมา ยกถ้วยขึ้นมาซดดังเอือก ๆ ซุปหนึ่งถ้วยลงไปในท้องเรียบร้อย ปากพอได้พัก ก็เจอกับควันร้อน ๆ ต่อ เธอรีบกินข้าวต่อด้วยความรวดเร็ว

ฉางกงกงเห็นเข้าก็ขมวดคิ้ว หิวก็ไม่น่าขาดความเป็นตัวเองไปได้ขนาดนี้? นี่ยังอยู่ต่อหน้า

ไท่ซ่างหวง

Related chapters

  • ใต้หล้าสยบรัก   บทที่ 24

    ตกเย็น จักรพรรดิหมิงหยวนมาเข้าเฝ้า พบว่าอาการของไท่ซ่างหวงดีขึ้น พระองค์พูดคุยกับไท่ซ่างหวงอยู่ครู่หนึ่งก็ไปหยวนชิงหลิงได้แต่ก้มหน้า การมีอยู่ของเธอจึงไม่ได้เป็นที่สนใจ จักรพรรดิหมิงหยวนเลยไม่ทันสังเกต ทุกอย่างเป็นไปอย่างปกติหลังจากที่จักรพรรดิหมิงหยวนกลับไป ฉางกงกงก็ทำเหมือนอย่างเคย คือเช็ดตัวให้ไท่ซ่างหวง หยวนชิงหลิงจึงเลี่ยงออกไปนอกวังถือโอกาสตอนที่ยังมีเวลา ฉีดยาให้ตัวเธอเอง น่าเสียดายที่ไม่ได้เปลี่ยนผ้าพันแผลใหม่ ตอนนี้รู้สึกได้ว่าแผลเปียกชื้น เหมือนว่าจะมีเลือดซึมออกมาหลังจากที่ฉีดยาแล้ว เธอก็ฟุบลงพักผ่อนอยู่สักพัก ก็ได้ยินเสียงฝีเท้าอยู่ข้างใน จึงรู้ว่าฉางกงกงเสร็จเรื่องแล้ว เธอเหยียดตัวขึ้นตรง การขยับตัวทันที ทำให้เลือดลมของหัวใจเธอรวนขึ้นมาชั่วขณะ และรู้สึกถึงกลิ่นคาวในช่องคอ ภายในปากปนไปด้วยเลือดเล็กน้อยเธอเดินสั่น ๆ ออกไปด้านนอก บ้วนเลือดลงบนรากไม้พิงต้นไม้เอาไว้ สักพักเธอก็ดีขึ้นจนเลือดลมคงที่“พระชายาเป็นอะไรหรือเปล่าพ่ะย่ะค่ะ”ข้างหลัง ตามมาด้วยเสียงของฉางกงกงหยวนชิงหลิงหมุนตัวกลับไปโบกมือ “ไม่เป็นอะไร กินเยอะไปหน่อยน่ะ”“อ้อ!” สีหน้าของฉางกงกงฉายแววประหล

  • ใต้หล้าสยบรัก   บทที่ 25

    ผลที่ตามาคือฉู่หมิงชุ่ยเห็นว่าใบหน้าของไท่ซ่างหวงเริ่มหนักอึ้งฉู่หมิงชุ่ยวางใจแล้ว แม้ว่าไท่ซ่างหวงจะตามใจอ๋องฉู่ แต่ก็เพราะตามใจเช่นนี้จึงให้หยวนชิงหลิงอยู่ดูแลในวัง แต่น่าเสียดาย หยวนชิงหลิงเป็นคนโง่ที่คิดว่าตัวนางถูกเสมอ ช่างราคาคุยเสียจริงหมอหลวงเห็นว่าสีหน้าของไท่ซ่างหวงเริ่มไม่ดี จึงรีบนำยาออกไปแต่ไท่ซ่างหวงกลับพูดด้วยความโกรธว่า “ยังไม่รีบเอายามาอีก? ไม่ได้ยินที่พระชายาฉู่พูดว่าต้องกินยาหรือไง?”ทุกคนต่างตกใจ ค่อย ๆ มองมาที่หยวนชิงหลิงทีละคนสองคน โดยเฉพาะฉู่หมิงชุ่ยสีหน้าเปลี่ยนทันที แทบไม่อยากจะเชื่อหูของตนเอง หยวนชิงหลิงก้มหน้า เธอไม่ได้อยากจะเปิดปากพูดประโยคนั้นออกไปจริง ๆ แต่ว่า หากไท่ซ่างหวงไม่กินยา แต่กลับดีขึ้นนี่จะทำให้คนสงสัยจักรพรรดิหมิงหยวนมีสีหน้าดีใจ “ยังไม่รีบยกกลับมาอีก?”ตั้งแต่เมื่อคืนจนถึงตอนนี้ จนในที่สุดจักรพรรดิหมิงหยวนก็มองตรงมาที่หยวนชิงหลิง อีกทั้งยังตามมาด้วยสายตาที่ชื่นชมไท่ซ่างหวงกินยาจนหมดในทีเดียว แต่ดูพระองค์คงจะกลัวรสขมจริง ๆ หลังจากกินยาจนหมด ใบหน้าก็มากองอยู่รวมกัน ไทเฮารีบนำบ๊วยหวานส่งให้ สีหน้าจึงกลับมาดีขึ้นอวี่เหวินห่าวมองห

  • ใต้หล้าสยบรัก   บทที่ 26

    ก้นบึ้งหัวใจอวี่เหวินห่าวนั้นสั่นวะท้านไปทั้งใจ เมื่อนางบอกว่า ถึงตายนางก็จะไม่ยอมเป็นพระชายาของอ๋องฉู่?น่าขันยิ่งนัก ตำแหน่งพระชายาอ๋องฉู่นี่ ไม่ใช่นางเองหรอกหรือที่แสวงหาทุกวิถีทางเพื่อที่จะได้มา?“เจ้าตื่นเดี๋ยวนี้ พูดให้รู้เรื่อง!” ความโกรธที่ไม่อาจอธิบายได้ปะทุขึ้นมาอวี่ เหวินห่าวจับใบหน้าของนาง แล้วตบนางแม่นมสี่โกรธจัด ลุกขึ้นและขวางอยู่ตรงหน้า หยวน ชิงหลิง "จิตใจพระองค์ทรงทำด้วยอะไรเพคะ? เหตุใดท่าจึงโหดเหี้ยมได้เช่นนี้ หากไม่ถือเป็นความรักแบบฉันท์สามีภรรยา อย่างน้อย ๆ ต่อให้ถือเป็นคนแปลกหน้าก็ไม่น่าจะทำกันถึงเพียงนี้ ท่านทำลงไปได้เยี่ยงไร?”อวี่เหวินห่าวเหลือบมองหยวนชิงหลิงที่มีสีหน้าซีดเผือดจนน่ากลัว ในดวงตาของนางเต็มเปี่ยมไปด้วยน้ำตา ทว่ากลับฝืนทนให้ไหว จึงดูดื้อรั้นและแข็งทะนงเขาไม่สามารถมองไปยังความดื้อรั้นนั้นได้ เขาจึงหันหลังและเดินออกไปยืนอยู่นอกตำหนักด้านข้าง มองดูใบไม้สีเหลืองที่พัดผ่านตรงหน้า ในใจนั้นราวกับถูกพายุพัดกระหน่ำอยู่ภายในใจ ช่างเป็นความรู้สึกที่ยากเกินจะบรรยาย“อ๋องฉู่ เพคะ!” ด้านหลังเขา มีเสียงของพระชายาฉี ฉู่หมิงชุ่ยดังขึ้นอวี่ เหวินห่าวเก็บอ

  • ใต้หล้าสยบรัก   บทที่ 27

    เท้าเรียวของ อวี่ เหวินห่าวกดลงที่ขอบเตียง แล้วเขาก็เอนหลังเล็กน้อย ความเย็นบนใบหน้าของเขายังไม่หาย ทั้งร่างกายและจิตใจของเขาปฏิเสธ หยวน ชิงหลิง แต่คำพูดของ หยวน ชิงหลิงได้ลดความเกลียดชังของเขาลงอย่างไม่ต้องสงสัย“เจ้าให้ยาอะไรแก่ท่านปู่?”"ยาปฐมพยาบาล สามารถใช้สำหรับกล้ามเนื้อหัวใจตาย หัวใจล้มเหลว และหายใจลำบาก" หยวน ชิงหลิงกล่าว“ใครให้ยาเจ้ามา?”“ไม่มีใครให้มันเป็นของข้าเอง”ดวงตาของ อวี่ เหวินห่าวเย็นชา "เห็นได้ชัดว่าเจ้าไม่ยอมบอกความจริง"“ท่านไม่เชื่อข้าต่างหาก ถึงทำให้ท่านคิดว่าข้าไม่ได้พูดความจริง”อวี่ เหวินห่าวไม่เชื่อ นางจะมียาเหล่านี้ได้อย่างไร? แต่ทว่าเขาก็เข้าใจว่าหากผู้เชี่ยวชาญมอบยาอายุวัฒนะเหล่านี้ให้กับนาง ก็เป็นเรื่องปกติที่นางจะเก็บความลับไว้เขาถามอีกครั้ง: "เจ้าใช้ยาพิษชนิดใดกับข้า ทำไมเจ้าทำให้ข้าหมดสติได้ ร่างกายขยับไม่ได้?"“ไม่ใช่ยาพิษ หากแต่เป็นเป็นยาชาและใช้สำหรับการผ่าตัด มันมีผลเช่นเดียวกับยาจื่อจิน”อวี่ เหวินห่าว กล่าวอย่างเย็นชา: "ยาจื่อจินเป็นยาพิษ"หยวน ชิงหลิงมองที่เขา "ฉะนั้น สิ่งที่ท่านให้ข้าดื่มคือยาพิษ?" อวี่ เหวินห่าว ไม่ได้กล่าวอ

  • ใต้หล้าสยบรัก   บทที่ 28

    หลังจากกินยาจื่อจินแล้ว หยวน ชิงหลิงก็นอนหลับไปกว่าหนึ่งชั่วโมง หลังจากตื่นนอน เธอรู้สึกว่าความเจ็บปวดของแผลลดลงมาก และเธอก็รู้สึกว่าบาดแผลไม่มีเลือดซึมออกมาแล้ว เธอลงไปเดินไม่กี่ก้าว และรู้สึกว่าความเจ็บปวดนั้นทุเลาลง อย่างน้อยการเดินด้วยวิธีนี้ก็ไม่ได้ทำให้เจ็บปวดอย่างรุนแรงแม่นมสี่เปิดประตูเข้ามา เมื่อเห็นว่าเธอลุกขึ้น จึงเอ่ยขึ้น: “พระชายา ตื่นก็ดีแล้ว ควรจะออกไปเดินเล่นเพคะ หลังจากกินยาจื่อจิน ควรออกกำลังกาย เพื่อให้เลือดหมุนเวียน”หยวน ชิงหลิงตอบ: “ก็ดี ข้าอยากไปเดินเล่นพอดี”“หม่อมฉันจะไปเป็นเพื่อนเพคะ”ทั้งสองเพิ่งออกจากลานหน้าตำหนัก ก็เห็นขันทีหนุ่มวิ่งวิ่งเข้ามา ใบหน้าซีดและตกใจ “พระชายา อ๋องฉู่ให้มาเชิญพระชายาโปรดรีบไปที่วังเฉียนคุน”แม่นมสี่จับมือนาง “เกิดอะไรขึ้น ทำไมดูรีบร้อน”ขันทีแทบร้องไห้ “ฟูเป่าตกลงมาจากหอคอยเหวินชาง ใกล้จะหมดลมหายใจแล้ว ไท่ซ่างหวงทรงทราบแล้วและกำลังเสด็จไป บัดนี้ในวังกำลังโกลาหล และได้รับคำสั่งให้เชิญฮ่องเต้แล้ว”แม่นมสี่ตื่นตกใจทันที ไท่ซ่างหวงให้ความสำคัญกับฟูเป่าเช่นเดียวกับหลานชาย ฟูเป่าโดนลอบทำร้าย ไท่ซ่างหวงเสียใจและขุ่นเคืองอย่างแน่

  • ใต้หล้าสยบรัก   บทที่ 29

    "ฟูเป่า..."“ยังมีทางรอด!” หยวน ชิงหลิงพูดอย่างรวดเร็ว โยนผ้าให้เขา เป็นผ้าที่ใช้เช็ดบาดแผล “หม่อมฉันจะผ่าตัดม้ามที่เสียหาย ท่านช่วยข้าซับเลือดที ไท่ซ่างหวงห่วงใยฟูเป่า ฟูเป่าเปรียบเสมือนดวงใจของพระองค์ ถ้าฟูเป่าจากไปจริง ๆ มันจะกระทบต่อจิตใจ และส่งผลโดยตรงต่ออาการป่วยของพระองค์” อวี่เหวินห่าวหยิบผ้า และจ้องมองนางซึ่งสวมหน้ากากด้วยอาการงุนงง ท่าทางของนางดูน่าเกลียด แต่ก็ดูสวยอย่างบอกไม่ถูก วางยาสลบ, โกนขน, ลงมือผ่า หยวน ชิงหลิงฝีมือดีมาก จึงเจอม้ามอย่างรวดเร็ว “ซับเลือดสิเพคะ!” เมื่อเห็น อวี่ เหวินห่าวยืนนิ่งมองมาที่เธอ เธอจึงตะโกนขึ้น อวี่ เหวินห่าวได้สติกลับมา หยิบผ้าและซับเลือด แล้วนางก็ล้วงมือทั้งสองลงไป ฉากนี้น่ากลัวมาก ทำไมนางถึงไม่มีความกลัวเลย? เลือดกระเด็นออกมา เปื้อนบนใบหน้าของเธอ หน้าผากและคิ้วของเธอเต็มไปด้วยเลือด “เส้นเลือดแตก!” ใบหน้าของ หยวน ชิงหลิงเปลี่ยนไป “ต้องเย็บหลอดเลือดก่อน” เขายื่นผ้าไปเช็ดหน้าผากและคิ้วของเธอโดยไม่รู้ตัว เลือดที่เปื้อนระหว่างคิ้ว ดูเหมือนไฝขนาดใหญ่ ดูแปลกพิกล “ขอบคุณ!” หยวน ชิงหลิงกล่าวก่อนจะก้มศีรษะลง หนีบหลอดเลือดด้วยคีม จากน

  • ใต้หล้าสยบรัก   บทที่ 30

    หยวน ชิงหลิงมองเห็นได้จากการแสดงออกของเขา “จุดประสงค์ของอีกฝ่ายคือท่าน? ท่านเคยไปที่หอคอยเหวินชางหรือไม่?” อวี่ เหวินห่าวไม่ตอบ พลางนั่งลงอย่างช้า ๆ มองดูท่าทางที่น่าสงสารของฟูเป่า ความโกรธของเขาประทุออกมาจากก้นบึ้งของหัวใจ “อีกฝ่ายต้องการยิงปืนนัดเดียวได้นกสองตัว ต้องการปลงพระชมน์ท่านปู่ของข้าแล้ว คิดจะดึงข้าเข้าไปเอี่ยวด้วย” อวี่ เหวินห่าวยิ้มเยาะ หยวน ชิงหลิงเงียบไปครู่หนึ่งมองไปที่เขา และกล่าวว่า “แม้จะทำร้ายไท่ซ่างหวงไม่ได้ แต่ยังไงก็จะให้ท่านอ๋องมีส่วนร่วมกับเหตุการณ์นี้ เรื่องนี้มันดูผิดปกติ ไท่ซ่างหวงจะต้องให้มีการตรวจสอบอย่างแน่นอน เมื่อถึงเวลานั้น เกรงว่าท่านอ๋องจะแก้ตัวไม่ได้ง่าย ๆ ไม่ว่าจะยังไง ไท่ซ่างหวงจะไม่มีวันกล่าวโทษท่านอ๋อง” แต่ไท่ซ่างหวงก็ผิดหวังในตัวท่านอ๋องเช่นกัน หยวน ชิงหลิงไม่ได้พูดประโยคสุดท้ายออกไป นั่นคือเขาจะไม่มีโอกาสได้ตำแหน่งองค์รัชทายาท อวี่ เหวินห่าวนิ่งเงียบไปสักพัก ขมวดคิ้วและทำตาแข็ง สีหน้าของเขาดูน่ากลัวมาก หยวน ชิงหลิงไม่กล้าที่จะปลุกปั่นเขาการสมรู้ร่วมคิดและกลอุบายในการใส่ร้ายแบบนี้ เธอเองก็ไม่อยากจะรับรู้เช่นกัน อย่างไรก็ตาม เรื่

  • ใต้หล้าสยบรัก   บทที่ 31

    “ถ้าอย่างนั้นตอนที่ท่านอ๋องนั้นออกมาจากหอคอยเหวินชาง ฟูเป่าลงมาด้วยหรือไม่?” กู้ซีถามอวี่เหวินห่าวส่ายหัว “ในเวลานั้นข้าเองก็ไม่ทันได้สังเกต”“ท่านฉลาดพอที่จะมีหัวคิด และก็รู้ว่าฟูเป่าเป็นสิ่งล้ำค่าของท่านปู่ ท่านจะบอกว่าท่านไม่ทันได้สังเกตได้อย่างไรกัน?”คำพูดของจักรพรรดิหมิงหยวนทิ่มแทงใจมาก แสดงให้เห็นว่าอวี่เหวินห่าวอยากจะประจบหวงไท่ซ่าง จึงเข้าหาสุนัขเพื่อเอาอกเอาใจ บรรยากาศในตำหนักตึงเครียดมากแม้แต่ไทเฮาก็ยังตกใจนางกล่าวว่า “ช่างเถอะ แค่สุนัขแค่ตัวเดียวทำไมถึงกับต้องโมโหลูกชายตัวเองถึงขนาดนั้นด้วย? ถึงเจ้าห้าจะพาขึ้นไปก็เถอะ ยังไรเสียเจ้าห้าเองก็คงไม่มีทางที่จะโยนลงมาได้หรอก เพราะเจ้าห้าเองก็รักฟูเป่าเหมือนกัน”ไทเฮามิทรงทราบเลยว่าจักรพรรดิหมิงหยวนมีความคิดอื่นในใจ คิดเพียงแต่ว่าจักรพรรดิหมิงหยวนทำให้เรื่องราวดูเป็นเรื่องใหญ่ แค่สุนัขตัวเดียวถึงกับขนาดเกลี้ยกล่อมให้ไท่ซ่างหวงสอบสวนเลยรึ เจตนาเพื่อที่จะให้เจ้าห้าเสียหน้าต่อหน้าผู้คนมากมาย?เมื่อไทเฮาเห็นว่าจักรพรรดิหมิงหยวนทรงเงียบลงแล้ว แต่สีหน้ายังคงดูโกรธเกรี้ยวอยู่ จึงหันไปหาไท่ซ่างหวงและกล่าวว่า “ไท่ซ่างหวง ท่านพูดอะ

Latest chapter

  • ใต้หล้าสยบรัก   บทที่ 1015

    ซูยี่อยู่ในห้องของสุนัขป่าเช่นกัน เมื่อเห็นอวี่เหวินห่าวและหยวนชิงหลิงเข้ามา เขาพูดอย่างกังวล "องค์รัชทายาท พระชายา นายน้อยสุนัขป่าไม่กินอะไรเลย หาหมอหลวงดีไหมพ่ะย่ะค่ะ?"อวี่เหวินห่าวหัวเราะ "เขารักษาอาการป่วยของสุนัขป่าไม่ได้ จะพาเขาไปทำไม?"เขาดูสุนัขป่าน้อยสามตัวนอนอยู่บนเตียงเล็ก ร่างเล็ก ๆ ของพวกมันเบียดเสียดกัน ดูเซื่องซึม บางทีอาจเป็นเพราะพวกมันไม่ได้กินอะไรจึงดูอ่อนแอและซูบผอมเป็นพิเศษ อวี่เหวินห่าวพูดด้วยความประหลาดใจว่า "ผอมลงมากขนาดนี้เลยรึ? สุนัขป่าคงหิวมากแน่ ๆ""สุนัขป่าที่โตเต็มวัย เวลาหิวนั้นกินอาหารหนึ่งมื้อสามารถอยู่ได้นานถึงครึ่งเดือน ตอนนี้พวกมันยังเด็กและต้องกินเนื้อ" ซูยี่เลี้ยงสุนัขป่า และได้ศึกษาการเลี้ยงมามากมายอวี่เหวินห่าวหยิบหนึ่งในนั้นขึ้นมา เห็นสุนัขป่าหิมะตัวน้อยนอนนิ่งอยู่ในมือของเขาเหมือนก้อนสำลีเบาหวิวไม่มีน้ำหนัก "ตัวนี้ของใครกัน?""ของเสี่ยวลั่วหมี่" หยวนชิงหลิงกล่าว "ตัวเล็กที่สุดคือของเสี่ยวลั่วหมี่ ท่านดูสิแยกออกได้เลยเห็นไหม ของ เปาจื่อปากจะแหลมมาก ของทังหยวนก็หน้ากลมกว่า มันแปลกที่จะบอกว่าสุนัขป่าพวกนี้ ทั้งลักษณะนิสัยหรือรูปร่างหน้าตา พว

  • ใต้หล้าสยบรัก   บทที่ 1014

    อวี่เหวินห่าวไม่ได้อธิบายอะไรแทนจิ้งถิง เขาแค่พูดว่า "เขาจะอยู่ในจวนสักพัก ดังนั้นเจ้าควรเปิดตาของเจ้าดูสิว่าเขาจริงใจหรือเสเเสร้ง เจ้าฉลาดมากขนาดนี้ ย่อมต้องดูออกอยู่แล้ว”หยวนชิงหลิงได้ยินถึงความไม่พอใจในน้ำเสียงของเขา ดูเหมือนว่าเขาใส่ใจมิตรภาพนี้จริง ๆหยวนชิงหลิงลองคิดดูแล้ว หลังจากใช้เวลาร่วมกับจวิ้นจู่มาสองสามวัน จวิ้นจู่ก็เป็นคนตรงไปตรงมาและเปิดเผย ดังนั้นนางคงไม่หาสามีที่มีจิตใจล้ำลึกซับซ้อนหรอกนางจึงขอโทษเขา "ข้าคิดมากไป ในอนาคตข้าจะไม่พูดอะไรแบบนี้อีก"อวี่เหวินห่าวเอื้อมมือไปเชยคางนาง และมองหน้านาง "เหล่าหยวน ข้าเองก็เห็นว่านิสัยของเจ้าช่างเถรตรงจริง ๆ แม้ว่าบางครั้งเจ้าจะดุร้าย เผด็จการ และไม่มีเหตุผล แต่ถ้าเจ้าทำอะไรผิด เจ้าจะต้องขอโทษอย่างแน่นอน เกรงว่าแม้จะเป็นคนรับใช้ก็ยังกล่าวคำขอโทษได้ เจ้านี่นิสัยดี ใช้ได้จริง ๆ"“ข้าเป็นคนไร้เหตุผลตั้งแต่เมื่อไหร่กัน?” หยวนชิงหลิงหัวเราะ “ท่านจะชมข้าก็ชมสิ ทำไมต้องดุกันก่อน”อวี่เหวินห่าวหัวเราะ "รางวัลและบทลงโทษต้องแยกให้ออกจากกันอย่างชัดเจน หากเจ้าทำสิ่งที่ถูกต้อง เจ้าควรได้รับคำชมเชย หากเจ้าทำอะไรผิด ก็ต้องบอกกล่าวตักเตือ

  • ใต้หล้าสยบรัก   บทที่ 1013

    เขากลับมาที่จวนอย่างไม่สบอารมณ์ หยวนชิงหลิงเห็นว่าเขาขมวดคิ้ว นางรู้ว่าเป็นเพราะเรื่องลงนามพันธมิตรอีกเป็นแน่ ดังนั้นนางจึงปลอบเขาอวี่เหวินห่าวพูดด้วยความโกรธ "เสด็จพ่อจงใจทำให้ข้าลำบาก จูกั๋วกงเห็นด้วยหรือไม่นั้นเป็นเรื่องสำคัญขนาดนั้นเลยรึอย่างไร?"หยวนชิงหลิงหัวเราะ "ท่านอยู่ในเกมและกังวลเกี่ยวกับเรื่องนี้มากเกินไป จึงไม่เข้าใจความหมายของเสด็จพ่อ เสด็จพ่อต้องการให้ท่านเอาแรงสนับสนุนจากจูกั๋วกงมาให้ได้ ไม่ใช่แค่แรงสนับสนุนเรื่องนี้เท่านั้น แต่มันจะเป็นแรงสนับสนุนงานในอนาคตทั้งหมดของท่าน เพราะตอนนี้เขาเป็นคนที่สามารถปราบปรามตี้เว่ยหมิงอย่างออกหน้าได้ นั้นก็คือตัวเขาที่เป็นพ่อตา”อวี่เหวินห่าวตกตะลึงไปครู่หนึ่ง "เจ้าหมายความว่า เสด็จพ่อก็มองตี้เว่ยหมิงออกด้วยหรือ?"หยวนชิงหลิงยืนพิงเขา "เสด็จพ่อย่อมต้องรู้มากกว่าท่านอยู่แล้ว เหมือนที่ท่านเคยพูดไว้ก่อนหน้านี้ว่าพระองค์ลำเอียงเข้าข้างพี่ใหญ่เสมอ จริง ๆ แล้วพระองค์ทรงรู้อยู่แก่ใจ พระองค์แค่ให้โอกาสพี่ใหญ่เสมอ แต่เมื่อเจอโอกาสที่เหมาะสม ก็ควรจัดการไม่ใช่หรอกหรือ? ความคิดของพระองค์ชัดเจนอยู่แล้ว ดังนั้นจงทำตามที่พระองค์ต้องการเถอะ จัดก

  • ใต้หล้าสยบรัก   บทที่ 1012

    พระชายาจี้พูดจบก็กลับไปนั่งลงบนเก้าอี้เก้าอี้ที่นางนั่งนั้นใหญ่มาก แต่นางผอมมากเนื่องจากป่วยมาเป็นเวลานาน เก้าอี้นั้นยังมีพื้นที่เหลืออีกมาก ผู้หญิงตัวเล็ก ๆ คนนั้นนั่งบนเก้าอี้กว้างตัวใหญ่ประจัญหน้ากับพวกขุนนางกว่าสิบคนที่อยู่ตรงนั้นแม่ทัพซุยไม่กล้าพูดอะไรอีกต่อไป ความโกรธบนใบหน้าของเขาก็ค่อย ๆ แปรเปลี่ยนเป็นความหวาดกลัวคนที่เหลือก็เงียบและก้มหน้าเช่นกันพระชายาจี้รออยู่สักพัก ก่อนที่จะกล่าวอย่างใจเย็นว่า "องค์รัชทายาทคือผู้กำหนดชะตา ถ้าเจ้าปฏิบัติตามให้ดี เจ้าจะมีชีวิตอยู่อย่างมั่งคั่งและมั่งคั่งในภายภาคหน้า วันนี้ข้าพูดได้เพียงเท่านี้ ทุกคนไปเถอะ รักษาตัวด้วย"หลังจากพูดจบ นางก็ยืนขึ้น และเดินออกไปโดยเอามือไพล่หลัง แผ่นหลังบาง ๆ ของนางตั้งตรงดูยิ่งใหญ่ราวกับว่าสามารถแบกท้องฟ้าได้ครึ่งหนึ่งแรงสนับสนุนของอวี่เหวินห่าวสูงขึ้นเรื่อย ๆอย่างไรก็ตาม มีคน ๆ ​​หนึ่งที่มีความคิดเห็นเป็นปฏิปักษ์อยู่เสมอ ถึงกับตำหนิเขาตรง ๆ ต่อหน้าท้องพระโรงทำให้บรรยากาศของวันนั้นแย่เป็นอย่างยิ่ง แม้แต่จักรพรรดิหมิงหยวนก็ยังกริ้วจนหน้าดำจูกั๋วกงคนนี้คือ จูหรูเพ่ย เป็นพ่อตาของตี้เว่ยหมิงเมื่อก่อน

  • ใต้หล้าสยบรัก   บทที่ 1011

    มีแม่ทัพแซ่ซุยอยู่ที่นี่ ซึ่งเคยอยู่กับตี้เว่ยหมิงมาก่อน และตี้เว่ยหมิงได้ติดต่อเขาแล้ว เมื่อได้ยินสิ่งที่พระชายาจี้พูด เขาพูดอย่างเฉยเมยว่า "ข้อเสนอขององค์รัชทายาทที่จะจัดตั้งพันธมิตรกับต้าโจว ไม่ต่างอะไรไปกว่าการกระทำของคนขี้ขลาด คิดว่าด้วยการสนับสนุนของต้าโจว เป่ยถังของเราจะสามารถดำรงอยู่ได้อย่างสงบสุขรึ และเช่นกันด้วยวิธีนี้ เป่ยถังของเราจะต้องมองสีหน้าท่าทีของต้าโจวในทุก ๆ เรื่องงั้นหรือ? นี่คิดว่ามันคงไม่เหมาะกระมั่ง”พระชายาจี้มองเขา น้ำเสียงของนางเย็นชาเล็กน้อย “แม่ทัพซุย แม้ว่าข้าจะเป็นผู้หญิง แต่ข้าก็รู้ด้วยว่าสิ่งที่องค์รัชทายาทเสนอเป็นพันธมิตร มิใช่การยอมจำนน ทำไมเจ้าต้องสังเกตสีหน้าท่าทางต้าโจวทุกอย่างด้วย?”แม่ทัพซุยพูดอย่างแข็งกร้าว "พระชายาคงไม่เข้าใจสินะ? เมื่อพันธมิตรถูกจัดตั้งขึ้น ก็จะมีข้อจำกัดซึ่งกันและกัน ข้อจำกัดทางทหารไม่ใช่เรื่องที่ดี"พระชายาจี้ถึงกับขำ แววตาของนางดูเย็นชาขึ้นมา "จริงหรือ? แล้วทำไมข้าถึงได้ยินว่าสนธิสัญญานี้หมายถึงการไม่รุกรานกัน? หรือว่าแม่ทัพซุยมีความคิดที่จะรุกรานแคว้นอื่น"แม่ทัพซุยตกตะลึง "นี่...ข้าย่อมไม่มีอยู่แล้ว"“ในเมื่อไม่มี เจ

  • ใต้หล้าสยบรัก   บทที่ 1010

    หยวนชิงหลิงไม่สบายใจ อย่างไรก็ตาม เสี่ยวลั่วหมี่ยังมีไข้อยู่นางยิ้มและพูดว่า "เสด็จย่า พวกเขาอาจจะงอแง เกรงว่าจะทำให้พระองค์ทรงเหนื่อยได้เพคะ"ไทเฮาทรงมีสีพระพักตร์นิ่งเฉย และตรัสอย่างไม่พอใจว่า “เกรงว่าคนแก่อย่างข้าจะอ่อนล้า หรือไม่วางใจให้ข้าดูแลพวกเขากัน? กลัวว่าพวกเขาอยู่กับข้าแล้วจะดูแลไม่ดี ไม่มีนมให้กินอย่างนั้นรึ” หยวนชิงหลิงยิ้มและพูดว่า "ดูพระองค์พูดสิเพคะ พระองค์จะปฏิบัติต่อพวกเขาอย่างเลวร้ายได้อย่างไร? พระองค์ออกจะรักเหมือนเป็นหัวแก้วหัวแหวน... "“บุ้ย ๆ ๆ หัวแก้วหัวแหวนอะไรกัน ไม่ใช่ลูกสาวสักหน่อย แต่เป็นทองคำต่างหาก ทองคำของข้า” ไทเฮาทรงตรัสแปลก ๆ ขณะอุ้มเสี่ยวลั่วหมี่ไว้นางเงยหน้าขึ้นและมองไปที่หยวนชิงหลิงและพูดอย่างเย็นชาว่า "อย่าพูดไร้สาระ แค่อยู่ในวังสักสองสามวัน ไว้หายดีแล้วค่อยให้เจ้ามารับไป หากยังกังวลใจ ให้ไปหาไท่ซ่างหวงให้รับรองให้เจ้าเถอะ”หยวนชิงหลิงได้ยินว่านางถึงกับยกไท่ซ่างหวงออกมาแบบนี้ นางจะกล้าปฏิเสธได้อย่างไร นางจึงจำใจต้องส่งลูกที่เพิ่งครบเดือนให้ห่างอกนางเท่านั้นอย่างไรก็ตาม เมื่อนึกถึงเรื่องการจัดตั้งโรงเรียนแพทย์ ทุกวันนี้นางก็แทบไม่มีเวลา

  • ใต้หล้าสยบรัก   บทที่ 1009

    ในเมื่อเสด็จพ่อเห็นด้วย จะให้เขามาหารือกับเหล่าขุนนางเพื่อเรียกแรงสนับสนุน แล้วทำไมเขาต้องไปหาเสียงเห็นชอบด้วยจักรพรรดิหมิงหยวนมองเขาอย่างแฝงความนัย เขายังเด็กเกินไปจริง ๆ "ไปซะ"อวี่เหวินห่าวออกไปคิดเกี่ยวกับเรื่องนี้ และทันใดนั้นก็ตระหนักได้ว่า มันยังเป็นความเคลื่อนไหวอันเฉียบแหลมของเสด็จพ่อ ที่ไม่ได้แสดงจุดยืนของพระองค์ออกมา และเฝ้าดูความเคลื่อนไหวของเหล่าขุนนางอย่างเงียบ ๆ หากพระองค์แสดงจุดยืนออกมา หลายคนจะเอียนเอียงคล้อยตามพระองค์ทันที ถ้าพระองค์ไม่พูดอะไร พระองค์ก็จะรู้ความคิดทุกคนจริง ๆ ว่าใครอยู่ข้างตี้เว่ยหมิงอย่างไรก็ตาม หลังจากที่เขาจากไป จักรพรรดิหมิงหยวนก็คิดว่าเรื่องนี้มีข้อดีมากมาย แต่ก็มีข้อเสียเล็ก ๆ น้อย ๆ ด้วยเช่นกัน เพื่อหลีกเลี่ยงไม่ให้นักประวัติศาสตร์ในอนาคตเขียนส่งเดชให้เขาเป็นแพะรับบาป การแสร้งทำเป็นบีบบังคับให้ทำในสิ่งที่ไม่น่าทำได้น่าจะเป็นการดีกว่าเขากำลังกินหมานโถ่วและกังวลใจเกี่ยวกับเสี่ยวลั่วหมี่วันนี้เสี่ยวลั่วหมี่มีไข้ อันที่จริงไม่ใช่แค่เสี่ยวลั่วหมี่ แต่เด็กทั้งสามคนมีอาการไอเล็กน้อยเพียงแต่ร่างกายของเสี่ยวลั่วหมี่นั้นไม่ค่อยแข็งแรง เขาจึงมี

  • ใต้หล้าสยบรัก   บทที่ 1008

    หลังจากเลิกว่าราชกิจแล้ว อวี่เหวินห่าวก็ไม่ย่อมไม่พอใจ ดังนั้นเขาจึงไปหอตำราหลวงหาจักรพรรดิหมิงหยวนจักรพรรดิหมิงหยวนมักจะกินอาหารเช้าหลังจากเลิกว่าราชกิจในยามเช้า มีโจ๊กและหมานโถ่วอยู่ในห้องทำงานของจักรพรรดิ หลังจากกินโจ๊กชามหนึ่ง ก็พูดอย่างเรียบเฉยว่า"เป็นเพราะความสัมพันธ์ระหว่าเจ้ากับแม่ทัพเฉินแห่งต้าโจว? ถึงเป็นเหตุผลให้เจ้าวิ่งเต้นขนาดนี้?”อวี่เหวินห่าวไม่ได้กินอาหารเช้าเช่นกัน และตอนนี้เขาหิวมาก เมื่อเห็นว่าเขาหยุดกินโจ๊กแล้ว เขาคิดว่าเขาไม่เอาหมานโถ่วแล้ว จึงเอื้อมมือไปหยิบหมานโถ่ว “ไม่ใช่พ่ะย่ะค่ะ กระหม่อม..."จักรพรรดิหมิงหยวนหยิบตะเกียบขึ้นมาและชี้ไปที่เขา "วางลงซะ!"อวี่เหวินห่าวถึงกับอ้าปากค้าง เมื่อเห็นสายตาพ่อตัวเองเป็นประกายเช่นนั้น เขาแอบบ่นว่าขี้งกและวางหมานโถ่วกลับที่เดิมจักรพรรดิหมิงหยวนหยิบหมานโถ่วขึ้นมาเช็ด จากนั้นค่อย ๆ ปอกลอกเปลือกนอกออกและกินมัน โดยทิ้งอวี่เหวินห่าวที่อยู่ข้าง ๆอวี่เหวินห่าวพูดอย่างเศร้าใจ "กระหม่อมก็หิวเหมือนกัน เมื่อเช้านี้ตื่นมา แม่นมบอกว่าเสี่ยวลั่วหมี่ตัวร้อนเล็กน้อย กระหม่อมจึงรีบไปดูก่อน ไม่ได้สนใจที่จะกินอาหารเช้า"เมื่อได้ยินว

  • ใต้หล้าสยบรัก   บทที่ 1007

    เขาพูดเสียงดังในท้องพระโรง "เป่ยโม่และเสียนเป่ยเป็นดั่งหมาป่าทะเยอทะยาน พวกเขาจับตามองเป่ยถังมานานแล้ว แต่เป็นเพราะทหารม้าที่แข็งแกร่งของเป่ยถั งและเหล่ายอดนักรบจึงขับไล่พวกเขากลับไปได้เป็นการชั่วคราว แต่ไม่มีอะไรมารับประกันได้ว่าพวกเขาจะไม่กลับมารุกรานอีกตอนนี้ต้าโจวได้พัฒนาอาวุธและรถออกศึกได้ หากทั้งสองแคว้นเป็นพันธมิตรกัน ต้าโจวสามารถช่วยเป่ยถังปรับปรุงอาวุธและยุทโทปกรณ์ ซึ่งสามารถเสริมสร้างการป้องกันทางทหารของเป่ยถังได้ และร่วมกับการพัฒนาเศรษฐกิจ นี่เป็นประโยชน์ระยะยาวสำหรับเป่ยถัง รัชทายาททรงมีพระวินิจฉัยที่ลึกซึ้ง นั่นเป็นผลดีต่อราษฏร และเขายังคิดถึงระยะยาวสำหรับเป่ยถัง ส่วนแม่ทัพตี้เว่ยหมิงที่เจตนาพูดจาให้คนอื่นตกใจนั้นก็มีส่วนต้องรับผิดชอบด้วย ว่าไปแล้วเป่ยถังไม่ได้ไปรุกรานโม่เป่ยกับเสียนเป่ย หากพวกเขาไปรุกรานต้าโจว มีหรือจะปล่อยเป่ยถังไว้? หรือถึงตอนนั้นต้องยกแคว้นให้เพื่อสงบศึกกัน? "ในตอนนั้นเป่ยถังพ่ายแพ้ให้กับเป่ยโม่ ถูกทหารสามหมื่นนายล้อมไว้ ในท้ายที่สุด แม่ทัพตี้เว่ยหมิงถูกส่งไปเจรจาสงบศึก ยกเมืองที่เป่ยโม่ต้องการถึงจะยอมถอยทัพนี่เป็นความอัปยศอดสูของเป่ยถังเสมอ และม

DMCA.com Protection Status