เท้าเรียวของ อวี่ เหวินห่าวกดลงที่ขอบเตียง แล้วเขาก็เอนหลังเล็กน้อย ความเย็นบนใบหน้าของเขายังไม่หาย ทั้งร่างกายและจิตใจของเขาปฏิเสธ หยวน ชิงหลิง แต่คำพูดของ หยวน ชิงหลิงได้ลดความเกลียดชังของเขาลงอย่างไม่ต้องสงสัย“เจ้าให้ยาอะไรแก่ท่านปู่?”"ยาปฐมพยาบาล สามารถใช้สำหรับกล้ามเนื้อหัวใจตาย หัวใจล้มเหลว และหายใจลำบาก" หยวน ชิงหลิงกล่าว“ใครให้ยาเจ้ามา?”“ไม่มีใครให้มันเป็นของข้าเอง”ดวงตาของ อวี่ เหวินห่าวเย็นชา "เห็นได้ชัดว่าเจ้าไม่ยอมบอกความจริง"“ท่านไม่เชื่อข้าต่างหาก ถึงทำให้ท่านคิดว่าข้าไม่ได้พูดความจริง”อวี่ เหวินห่าวไม่เชื่อ นางจะมียาเหล่านี้ได้อย่างไร? แต่ทว่าเขาก็เข้าใจว่าหากผู้เชี่ยวชาญมอบยาอายุวัฒนะเหล่านี้ให้กับนาง ก็เป็นเรื่องปกติที่นางจะเก็บความลับไว้เขาถามอีกครั้ง: "เจ้าใช้ยาพิษชนิดใดกับข้า ทำไมเจ้าทำให้ข้าหมดสติได้ ร่างกายขยับไม่ได้?"“ไม่ใช่ยาพิษ หากแต่เป็นเป็นยาชาและใช้สำหรับการผ่าตัด มันมีผลเช่นเดียวกับยาจื่อจิน”อวี่ เหวินห่าว กล่าวอย่างเย็นชา: "ยาจื่อจินเป็นยาพิษ"หยวน ชิงหลิงมองที่เขา "ฉะนั้น สิ่งที่ท่านให้ข้าดื่มคือยาพิษ?" อวี่ เหวินห่าว ไม่ได้กล่าวอ
หลังจากกินยาจื่อจินแล้ว หยวน ชิงหลิงก็นอนหลับไปกว่าหนึ่งชั่วโมง หลังจากตื่นนอน เธอรู้สึกว่าความเจ็บปวดของแผลลดลงมาก และเธอก็รู้สึกว่าบาดแผลไม่มีเลือดซึมออกมาแล้ว เธอลงไปเดินไม่กี่ก้าว และรู้สึกว่าความเจ็บปวดนั้นทุเลาลง อย่างน้อยการเดินด้วยวิธีนี้ก็ไม่ได้ทำให้เจ็บปวดอย่างรุนแรงแม่นมสี่เปิดประตูเข้ามา เมื่อเห็นว่าเธอลุกขึ้น จึงเอ่ยขึ้น: “พระชายา ตื่นก็ดีแล้ว ควรจะออกไปเดินเล่นเพคะ หลังจากกินยาจื่อจิน ควรออกกำลังกาย เพื่อให้เลือดหมุนเวียน”หยวน ชิงหลิงตอบ: “ก็ดี ข้าอยากไปเดินเล่นพอดี”“หม่อมฉันจะไปเป็นเพื่อนเพคะ”ทั้งสองเพิ่งออกจากลานหน้าตำหนัก ก็เห็นขันทีหนุ่มวิ่งวิ่งเข้ามา ใบหน้าซีดและตกใจ “พระชายา อ๋องฉู่ให้มาเชิญพระชายาโปรดรีบไปที่วังเฉียนคุน”แม่นมสี่จับมือนาง “เกิดอะไรขึ้น ทำไมดูรีบร้อน”ขันทีแทบร้องไห้ “ฟูเป่าตกลงมาจากหอคอยเหวินชาง ใกล้จะหมดลมหายใจแล้ว ไท่ซ่างหวงทรงทราบแล้วและกำลังเสด็จไป บัดนี้ในวังกำลังโกลาหล และได้รับคำสั่งให้เชิญฮ่องเต้แล้ว”แม่นมสี่ตื่นตกใจทันที ไท่ซ่างหวงให้ความสำคัญกับฟูเป่าเช่นเดียวกับหลานชาย ฟูเป่าโดนลอบทำร้าย ไท่ซ่างหวงเสียใจและขุ่นเคืองอย่างแน่
"ฟูเป่า..."“ยังมีทางรอด!” หยวน ชิงหลิงพูดอย่างรวดเร็ว โยนผ้าให้เขา เป็นผ้าที่ใช้เช็ดบาดแผล “หม่อมฉันจะผ่าตัดม้ามที่เสียหาย ท่านช่วยข้าซับเลือดที ไท่ซ่างหวงห่วงใยฟูเป่า ฟูเป่าเปรียบเสมือนดวงใจของพระองค์ ถ้าฟูเป่าจากไปจริง ๆ มันจะกระทบต่อจิตใจ และส่งผลโดยตรงต่ออาการป่วยของพระองค์” อวี่เหวินห่าวหยิบผ้า และจ้องมองนางซึ่งสวมหน้ากากด้วยอาการงุนงง ท่าทางของนางดูน่าเกลียด แต่ก็ดูสวยอย่างบอกไม่ถูก วางยาสลบ, โกนขน, ลงมือผ่า หยวน ชิงหลิงฝีมือดีมาก จึงเจอม้ามอย่างรวดเร็ว “ซับเลือดสิเพคะ!” เมื่อเห็น อวี่ เหวินห่าวยืนนิ่งมองมาที่เธอ เธอจึงตะโกนขึ้น อวี่ เหวินห่าวได้สติกลับมา หยิบผ้าและซับเลือด แล้วนางก็ล้วงมือทั้งสองลงไป ฉากนี้น่ากลัวมาก ทำไมนางถึงไม่มีความกลัวเลย? เลือดกระเด็นออกมา เปื้อนบนใบหน้าของเธอ หน้าผากและคิ้วของเธอเต็มไปด้วยเลือด “เส้นเลือดแตก!” ใบหน้าของ หยวน ชิงหลิงเปลี่ยนไป “ต้องเย็บหลอดเลือดก่อน” เขายื่นผ้าไปเช็ดหน้าผากและคิ้วของเธอโดยไม่รู้ตัว เลือดที่เปื้อนระหว่างคิ้ว ดูเหมือนไฝขนาดใหญ่ ดูแปลกพิกล “ขอบคุณ!” หยวน ชิงหลิงกล่าวก่อนจะก้มศีรษะลง หนีบหลอดเลือดด้วยคีม จากน
หยวน ชิงหลิงมองเห็นได้จากการแสดงออกของเขา “จุดประสงค์ของอีกฝ่ายคือท่าน? ท่านเคยไปที่หอคอยเหวินชางหรือไม่?” อวี่ เหวินห่าวไม่ตอบ พลางนั่งลงอย่างช้า ๆ มองดูท่าทางที่น่าสงสารของฟูเป่า ความโกรธของเขาประทุออกมาจากก้นบึ้งของหัวใจ “อีกฝ่ายต้องการยิงปืนนัดเดียวได้นกสองตัว ต้องการปลงพระชมน์ท่านปู่ของข้าแล้ว คิดจะดึงข้าเข้าไปเอี่ยวด้วย” อวี่ เหวินห่าวยิ้มเยาะ หยวน ชิงหลิงเงียบไปครู่หนึ่งมองไปที่เขา และกล่าวว่า “แม้จะทำร้ายไท่ซ่างหวงไม่ได้ แต่ยังไงก็จะให้ท่านอ๋องมีส่วนร่วมกับเหตุการณ์นี้ เรื่องนี้มันดูผิดปกติ ไท่ซ่างหวงจะต้องให้มีการตรวจสอบอย่างแน่นอน เมื่อถึงเวลานั้น เกรงว่าท่านอ๋องจะแก้ตัวไม่ได้ง่าย ๆ ไม่ว่าจะยังไง ไท่ซ่างหวงจะไม่มีวันกล่าวโทษท่านอ๋อง” แต่ไท่ซ่างหวงก็ผิดหวังในตัวท่านอ๋องเช่นกัน หยวน ชิงหลิงไม่ได้พูดประโยคสุดท้ายออกไป นั่นคือเขาจะไม่มีโอกาสได้ตำแหน่งองค์รัชทายาท อวี่ เหวินห่าวนิ่งเงียบไปสักพัก ขมวดคิ้วและทำตาแข็ง สีหน้าของเขาดูน่ากลัวมาก หยวน ชิงหลิงไม่กล้าที่จะปลุกปั่นเขาการสมรู้ร่วมคิดและกลอุบายในการใส่ร้ายแบบนี้ เธอเองก็ไม่อยากจะรับรู้เช่นกัน อย่างไรก็ตาม เรื่
“ถ้าอย่างนั้นตอนที่ท่านอ๋องนั้นออกมาจากหอคอยเหวินชาง ฟูเป่าลงมาด้วยหรือไม่?” กู้ซีถามอวี่เหวินห่าวส่ายหัว “ในเวลานั้นข้าเองก็ไม่ทันได้สังเกต”“ท่านฉลาดพอที่จะมีหัวคิด และก็รู้ว่าฟูเป่าเป็นสิ่งล้ำค่าของท่านปู่ ท่านจะบอกว่าท่านไม่ทันได้สังเกตได้อย่างไรกัน?”คำพูดของจักรพรรดิหมิงหยวนทิ่มแทงใจมาก แสดงให้เห็นว่าอวี่เหวินห่าวอยากจะประจบหวงไท่ซ่าง จึงเข้าหาสุนัขเพื่อเอาอกเอาใจ บรรยากาศในตำหนักตึงเครียดมากแม้แต่ไทเฮาก็ยังตกใจนางกล่าวว่า “ช่างเถอะ แค่สุนัขแค่ตัวเดียวทำไมถึงกับต้องโมโหลูกชายตัวเองถึงขนาดนั้นด้วย? ถึงเจ้าห้าจะพาขึ้นไปก็เถอะ ยังไรเสียเจ้าห้าเองก็คงไม่มีทางที่จะโยนลงมาได้หรอก เพราะเจ้าห้าเองก็รักฟูเป่าเหมือนกัน”ไทเฮามิทรงทราบเลยว่าจักรพรรดิหมิงหยวนมีความคิดอื่นในใจ คิดเพียงแต่ว่าจักรพรรดิหมิงหยวนทำให้เรื่องราวดูเป็นเรื่องใหญ่ แค่สุนัขตัวเดียวถึงกับขนาดเกลี้ยกล่อมให้ไท่ซ่างหวงสอบสวนเลยรึ เจตนาเพื่อที่จะให้เจ้าห้าเสียหน้าต่อหน้าผู้คนมากมาย?เมื่อไทเฮาเห็นว่าจักรพรรดิหมิงหยวนทรงเงียบลงแล้ว แต่สีหน้ายังคงดูโกรธเกรี้ยวอยู่ จึงหันไปหาไท่ซ่างหวงและกล่าวว่า “ไท่ซ่างหวง ท่านพูดอะ
เมื่อทุกคนพากันออกไปจากตำหนัก ไท่ซ่างหวงเหลือบมองไปที่ฉางกงกง ท่าที่ไม่ค่อยพอใจเท่าไหร่ ทำไมถึงยืนนิ่งเป็นท่อนไม้อย่างนั้นหล่ะ? ไม่เบื่อหรือไง? ฉางกงกงเหลือบมองหยวนชิงหลิงด้วยความน้อยใจ ตั้งแต่พระชายาฉู่เข้ามาอยู่ในวัง จนกระทั่งมาเป็นคนเฝ้าผู้ป่วย รู้สึกว่าไท่ซ่างหวงไม่เห็นความสำคัญของเขาเลย แต่ถึงอย่างนั้นก็เถอะ เห็นแก่นางที่ได้ช่วยชีวิตฟูเป่าเอาไว้ฉางกงกงออกไปพร้อมกับไล่คนรับใช้ในตำหนัก และสั่งให้คนรับใช้ทุกคนห้ามเข้าไปวุ่นวายและห้ามส่งเสียงดังรบกวนไท่ซ่างหวงกวาดสายตามองหยวนชิงหลิง “สิ่งนั้นที่อยู่บนท้องของฟูเป่าคือสิ่งใดรึ?”“ตะขาบ…มั้งเพคะ” หยวนชิงหลิงตอบด้วยเสียงสั่นเครือเมื่อครู่ไม่มีใครจะจ้องไปที่ท้องของฟูเป่า เพราะตัวของฟูเป่าเต็มไปด้วยเลือดมีเพียงเจ้านายที่รักมัน ถึงได้สังเกตเห็นสิ่งนั้น“ยังจะไม่รีบพูดความจริงอีก? หรือต้องการให้เรียกเจ้าห้ามารับโทษก่อนเจ้าถึงจะยอมบอก” ไท่ซ่างหวงกล่าวอย่างหนักแน่นจะลงโทษเขาก็ไม่เกี่ยวอะไรกับนาง? ดีเสียอีกที่จะโบยเขา โบยสัก 30 ไม้ยิ่งดี หากเป็นเช่นนี้ก็ถือว่าได้แก้แค้นแล้วแต่ทว่า นางไม่กล้าที่จะพูดเช่นนั้นออกมา ภายใต้สีหน้าที่เค
หยวนชิงหลิงส่ายหัว “หม่อมฉันมองไม่ออกหรอกเจ้าค่ะ”“เจ้าต้องสังเกตให้ดี ตราบใดที่ใจสงบพอ ดวงตาเจ้าจะมองเห็นอะไรบางอย่าง แววตาของปีศาจก็จะค่อย ๆ ออกมา ความโหดเหี้ยมของพวกมันไม่สามารถเก็บซ่อนได้ รอวันที่เจ้าเข้าใจ ข้าถึงจะบอกวิธีรับมือกับพวกมัน”หยวนชิงหลิงไม่เข้าใจจริง ๆ “ในเมื่อพระองค์ทรงรู้ว่าใครเป็นคน ใครเป็นปีศาจ ทำไมพระองค์ไม่จัดการเพคะ”“เพราะไม่มีวันที่จะกำจัดให้หมดไปได้ง่าย ๆ เมื่อปีศาจถูกกำจัดไปแล้ว ก็จะมีปีศาจตนใหม่ขึ้นมาแทน ความทะเยอทะยาน จะเข้าครอบงำจิตใจของคน ส่วนข้าเหมือนคนที่รอวันตาย ไม่มีเรี่ยวแรงที่จะต่อสู้แล้ว ที่สำคัญพวกเขาทั้งหมดเป็นคนในตระกูลอวี่เหวิน เป็นลูกหลานของข้า ฆ่าใครคนใดคนหนึ่ง ก็เหมือนตัดเนื้อตัวเอง”ไท่ซ่างหวงเมื่อพูดประโยคนี้จบแล้ว ก็ค่อย ๆ หลับตาลงหยวนชิงหลิงรู้สึกว่าคำพูดเหล่านี้ล้วนแฝงไปด้วยความเศร้า ในเวลานี้เขาเป็นถึงไท่ซ่างหวงแห่งราชวงศ์ ผู้ที่มีอำนาจ และพระอิสริยยศฐานันดรสูงสุด น่าเสียดายที่พระองค์ไม่สามารถแม้แต่จะจัดการกับคนที่ทำร้ายพระองค์ได้ลง“เจ้าห้าเป็นคนฉลาดคนหนึ่ง น่าเสียดาย ตาบอด!” ไท่ซ่างหวงหลับตาแล้วพึมพำอีกประโยคหยวนชิงหลิงห่มผ
แต่ทว่า หยวนชิงหลิงกลับยืนอย่างเงียบแน่นิ่งแววตาสีหน้าท่าทางของนางดูไม่โกรธ เหมือนนางไม่สนใจแม้แต่น้อยฉู่หมิงชุ่ยไม่เชื่อว่านางจะไม่ใส่ใจกับเรื่องนี้ และยังคงยั่วโมโหหยวนชิงหลิงต่อ “เจ้าไม่อยากรู้เหรอ ว่าทำไมเขาถึงเอาเรื่องพวกนี้มาบอกข้า?”หยวนชิงหลิงคว้าข้อมือของนางอย่างรวดเร็ว ลากนางเดินเข้ามาในตำหนัก "อยากสิ แต่ข้ารู้สึกว่า เราทั้งสี่คนสามารถนั่งคุยกันได้"นางรู้อยู่แต่แรกแล้วว่า อวี่เหวินห่าวและอ๋องฉีอยู่ในตำหนัก จากที่นางได้คาดเดาตามสถานการณ์เอาไว้ จุดประสงค์ของทั้งคู่ที่มาหาอวี่เหวินห่าว นางรู้ว่าเพราะอะไรดังนั้น ฉู่หมิงชุ่ยถึงยืนอยู่ที่หน้าประตู ไม่เข้าไปด้านในเมื่อเห็นนางมา ก็หาเรื่องยั่วโมโห พูดโน่นพูดนี่ สร้างเรื่องทำให้นางโกรธ ทำให้นางต้องอับอายขายหน้าและถูกขับไล่ออกจากวัง และไม่ได้เข้าใกล้ไท่ซ่างหวงอีกต่อไป“ปล่อยข้านะ!” ฉู่หมิงชุ่ยไม่คิดว่านางจะทำเช่นนี้ หล่อนตกใจมาก พร้อมจับไปที่ข้อมือของหยวนชิงหลิงพยายามบังคับให้หยวนชิงหลิงปล่อยมือหยวนชิงหลิงมีความดื้อรั้นมาตั้งแต่เด็ก หากคิดจะทำการสิ่งใดแล้ว แม้จะต้องเอาชีวิตเข้าแรกก็ยอมดังนั้นตลอดทางเข้าไปในตำหนัก เลือดก็หยด