Share

บทที่ 33

Author: จูน
last update Last Updated: 2024-10-29 19:42:56
หยวนชิงหลิงส่ายหัว “หม่อมฉันมองไม่ออกหรอกเจ้าค่ะ”

“เจ้าต้องสังเกตให้ดี ตราบใดที่ใจสงบพอ ดวงตาเจ้าจะมองเห็นอะไรบางอย่าง แววตาของปีศาจก็จะค่อย ๆ ออกมา ความโหดเหี้ยมของพวกมันไม่สามารถเก็บซ่อนได้ รอวันที่เจ้าเข้าใจ ข้าถึงจะบอกวิธีรับมือกับพวกมัน”

หยวนชิงหลิงไม่เข้าใจจริง ๆ “ในเมื่อพระองค์ทรงรู้ว่าใครเป็นคน ใครเป็นปีศาจ ทำไมพระองค์ไม่จัดการเพคะ”

“เพราะไม่มีวันที่จะกำจัดให้หมดไปได้ง่าย ๆ เมื่อปีศาจถูกกำจัดไปแล้ว ก็จะมีปีศาจตนใหม่ขึ้นมาแทน ความทะเยอทะยาน จะเข้าครอบงำจิตใจของคน ส่วนข้าเหมือนคนที่รอวันตาย ไม่มีเรี่ยวแรงที่จะต่อสู้แล้ว ที่สำคัญพวกเขาทั้งหมดเป็นคนในตระกูลอวี่เหวิน เป็นลูกหลานของข้า ฆ่าใครคนใดคนหนึ่ง ก็เหมือนตัดเนื้อตัวเอง”

ไท่ซ่างหวงเมื่อพูดประโยคนี้จบแล้ว ก็ค่อย ๆ หลับตาลง

หยวนชิงหลิงรู้สึกว่าคำพูดเหล่านี้ล้วนแฝงไปด้วยความเศร้า ในเวลานี้เขาเป็นถึงไท่ซ่างหวงแห่งราชวงศ์ ผู้ที่มีอำนาจ และพระอิสริยยศฐานันดรสูงสุด น่าเสียดายที่พระองค์ไม่สามารถแม้แต่จะจัดการกับคนที่ทำร้ายพระองค์ได้ลง

“เจ้าห้าเป็นคนฉลาดคนหนึ่ง น่าเสียดาย ตาบอด!” ไท่ซ่างหวงหลับตาแล้วพึมพำอีกประโยค

หยวนชิงหลิงห่มผ
Locked Chapter
Continue to read this book on the APP
Comments (2)
goodnovel comment avatar
Nannapas Hwandee
น่าสนใจที่จะอ่านต่อค่พ
goodnovel comment avatar
Phatchaporn Pongsu
โอเคๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆ
VIEW ALL COMMENTS

Related chapters

  • ใต้หล้าสยบรัก   บทที่ 34

    แต่ทว่า หยวนชิงหลิงกลับยืนอย่างเงียบแน่นิ่งแววตาสีหน้าท่าทางของนางดูไม่โกรธ เหมือนนางไม่สนใจแม้แต่น้อยฉู่หมิงชุ่ยไม่เชื่อว่านางจะไม่ใส่ใจกับเรื่องนี้ และยังคงยั่วโมโหหยวนชิงหลิงต่อ “เจ้าไม่อยากรู้เหรอ ว่าทำไมเขาถึงเอาเรื่องพวกนี้มาบอกข้า?”หยวนชิงหลิงคว้าข้อมือของนางอย่างรวดเร็ว ลากนางเดินเข้ามาในตำหนัก "อยากสิ แต่ข้ารู้สึกว่า เราทั้งสี่คนสามารถนั่งคุยกันได้"นางรู้อยู่แต่แรกแล้วว่า อวี่เหวินห่าวและอ๋องฉีอยู่ในตำหนัก จากที่นางได้คาดเดาตามสถานการณ์เอาไว้ จุดประสงค์ของทั้งคู่ที่มาหาอวี่เหวินห่าว นางรู้ว่าเพราะอะไรดังนั้น ฉู่หมิงชุ่ยถึงยืนอยู่ที่หน้าประตู ไม่เข้าไปด้านในเมื่อเห็นนางมา ก็หาเรื่องยั่วโมโห พูดโน่นพูดนี่ สร้างเรื่องทำให้นางโกรธ ทำให้นางต้องอับอายขายหน้าและถูกขับไล่ออกจากวัง และไม่ได้เข้าใกล้ไท่ซ่างหวงอีกต่อไป“ปล่อยข้านะ!” ฉู่หมิงชุ่ยไม่คิดว่านางจะทำเช่นนี้ หล่อนตกใจมาก พร้อมจับไปที่ข้อมือของหยวนชิงหลิงพยายามบังคับให้หยวนชิงหลิงปล่อยมือหยวนชิงหลิงมีความดื้อรั้นมาตั้งแต่เด็ก หากคิดจะทำการสิ่งใดแล้ว แม้จะต้องเอาชีวิตเข้าแรกก็ยอมดังนั้นตลอดทางเข้าไปในตำหนัก เลือดก็หยด

  • ใต้หล้าสยบรัก   บทที่ 35

    หยวนชิงหลิงดูฉากนี้อย่างเย็นชา ในใจรู้สึกขบขันแทนที่จะโกรธคนสวยพูดแค่หนึ่งประโยค ก็ชนะนางที่โต้เถียงนับพันประโยคอย่างไรก็ตาม ความโกรธของอวี่เหวินห่าวค่อย ๆ จางหายไป ในท้ายที่สุด เขาก็สงบสติอารมณ์พูดกับอ๋องฉีว่า “พวกเจ้ากลับไปก่อนเถอะ”“ได้ พวกข้าไปก่อนนะ พี่ห้าอย่าทรงโกรธเลย ถือซะว่าฟังคำพูดของคนบ้า” อ๋องฉีกลัวว่าอวี่เหวินห่าวจะทุบตีพระชายาในวัง สร้างปัญหาต่อหน้าท่านพ่อ ซึ่งก็ยิ่งยากที่จะตามเก็บหลังจากพูดจบ เขาก็จับมือฉู่หมิงชุ่ยออกไปฉู่หมิงชุ่ยโกรธจนเลือดขึ้นหน้า จะให้กลับไปตอนนี้ได้ไงล่ะ? เรื่องนี้ยังไม่ได้พูดให้เข้าใจเลยนะเธอไม่ยอมที่จะหันกลับไปมองอวี่เหวินห่าวและพูดด้วยน้ำเสียงที่จุกอก “ข้าหวังว่าท่านอ๋องจะคืนความยุติธรรมให้แก่ข้า”อวี่เหวินห่าวกล่าวเล็กน้อย “พวกเจ้ากลับไปก่อนเถอะ”ฉู่หมิงชุ่ยไม่ได้รับการรับรอง รู้สึกหงุดหงิดและโกรธมาก แต่มันไม่ง่ายสำหรับนางที่จะแสดงท่าทีโกรธออกมา ทำได้แค่เดินตามอ๋องฉีกลับไปนางไม่กล้าแม้แต่จะย้อนกลับไปมองหยวนชิงหลิงอวี่เหวินห่าวดึงสายตากลับมองไปที่หยวนชิงหลิง ผู้ซึ่งถือปิ่นปักผมไว้ในมืออย่างแน่นหนา มวยผมของนางปล่อยสยาย ผมเผ้ายุ่งเห

  • ใต้หล้าสยบรัก   บทที่ 36

    อวี่เหวินห่าวหยิบตะเกียบขึ้นมาคีบอาหารที่เย็นชืด เงยหน้าขึ้นพูดกับนางด้วยน้ำเสียงนิ่ง ๆ“ถ้าอยากจะสู้? กินให้อิ่มมีแรงแล้วค่อยมาสู้” หยวนชิงหลิงรู้แล้วว่าตัวเองเข้าใจเขาผิดไป จึงรู้สึกเก้อเขินอยู่บ้าง เธอนำปิ่นปักผมปักบนมวยผมแล้วนั่งลงจริง ๆ แล้วเธอเองก็รู้สึกหิวจนไส้กิ่ว ตั้งแต่มาถึงที่นี้ เธอก็รู้สึกหิวอยู่ตลอดเพราะในใจยังรู้สึกหวาดระแวงอยู่ตลอด เธอกินไวมากกินอย่างตะกละตะกลามอวี่เหวินห่าวกินข้าวอย่างเชื่องช้า สีหน้ายังคงเคร่งขรึม แต่เห็นได้ชัดว่าเขาดูเงียบสงบลงเป็นพิเศษ ทว่าความเงียบสงบนี้ทำให้รู้สึกราวกับว่าเขามีแผนการอะไรซ่อนอยู่หยวนชิงหลิงกินข้าวหมดในชั่วอึดใจ หลังจากนั้นเธอก็เดินเข้าไปที่หลังฉากกั้น ฉีดยาให้ตนเองและกินยาฉากกั้นที่ทอขึ้นด้วยผ้าไหมนั้นโปร่งแสง อวี่เหวินห่าวมองเห็นได้ว่านางกำลังทำอะไรอยู่ข้างในเขาจับตาดูอย่างจริงจัง หลายวันมานี้ทุกอย่างดูสูญเสียการควบคุม หยวนชิงหลิงเปลี่ยนไป เกิดอะไรขึ้นถึงเปลี่ยนไปได้ถึงขนาดนี้เขาจดจ่อกับความคิดราวกับติดอยู่ในวังวนแบบนี้ก็ดีเหมือนกัน ถ้าหากทำให้ท่านปู่ดีขึ้น เขาก็ไม่ติดใจอะไรการเปลี่ยนแปลงของหยวนชิงหลิงตอนกลับจวนก

  • ใต้หล้าสยบรัก   บทที่ 37

    ข้างเตียงมีเบาะนุ่มรองอยู่ ซึ่งมันทำให้หยวนชิงหลิงคุกเข่าสบายขึ้น ไท่ซ่างหวงรู้ว่านางได้รับบาดแผล หยวนชิงหลิงที่บาดเจ็บจนนั่งลงไม่ได้ การนั่งคุกเข่าคือวิธีสบายที่สุดแล้ว ดังนั้นจึงได้ให้ฉางกงกงเตรียมเบาะนุ่มรองเอาไว้ให้ หยวนชิงหลิงเมื่อคุกเข่านั่งลงเรียบร้อยแล้ว อยู่รับใช้ในวังมาสามวัน จึงพอรู้อุปนิสัยใจคอของไท่ซ่างหวง ชอบทำตัวเป็นอาจารย์สั่งสอนบทเรียน ไม่ยอมรับคำอธิบายและคำโต้เถียงด้วยแน่นอน มันเริ่มขึ้นแล้ว“เจ้ารู้สึกว่าการที่ข้าให้เจ้าเรียนรู้ต่อการอดทนอดกลั้นนั้น ทำให้เจ้าเป็นคนโง่เง่าไหม?”หยวนชิงหลิงส่ายหน้า “หม่อมฉันไม่เคยคิดเช่นนั้นเพคะ”“ไม่เคยคิด? ข้าเห็นชัดว่าเจ้าคิด ในใจเจ้านั้นไม่พอใจ เจ้าคิดว่าหากเกิดเรื่องที่ไม่ยุติธรรมก็ต้องพูดออกมา จะยอมความไม่ได้”จริง ๆ หยวนชิงหลิงก็ไม่ได้ไร้เดียงสาขนาดนั้น ดังนั้นเธอส่ายหน้าแรงขึ้น “จริง ๆ เพคะ หม่อมฉันไม่เคยคิดเช่นนั้น”ไท่ซ่างหวงใช้หลังมือเคาะขอบเตียงและพูดด้วยน้ำเสียงหนักแน่นว่า “แล้วเจ้าจะอายอะไรอีก ทุกคนต่างก็คิดแบบเดียวกัน ตอนสมัยข้ายังเด็กข้าเองก็คิดเช่นนั้น ข้าเจออุปสรรคมานับไม่ถ้วนจึงได้เข้าใจในสัจธรรม ตอนเจ

  • ใต้หล้าสยบรัก   บทที่ 38

    แสงอาทิตย์ที่ค่อย ๆ อาบไล่ไปทั่วตำหนัก จนตอนนี้ก็ยังไม่พบว่าอวี่เหวินห่าวเข้าวังหยวนชิงหลิงรู้สึกไม่ค่อยสบายใจอยู่บ้าง วันนี้ผ่านไปได้อย่างเงียบสงบ ตั้งแต่นางทะลุมิติมาอยู่ที่นี่ ไม่เคยมีวันไหนที่สงบเท่าวันนี้มาก่อน ตกดึกหลังจากช่วยฟูเป่าล้างแผลเสร็จ ฉางกงกงก็พานางกลับไปพักผ่อนที่ตำหนักซีหน่วน หยวนชิงหลิงออกจากตำหนัก เห็นเกี้ยวเสด็จขององค์จักรพรรดิหมิงหยวนมาถึงหน้าประตูตำหนักแล้ว นางลังเลอยู่ว่าจะกลับตำหนักเลยดี หรือว่าจะรอให้ฮ่องเต้เข้าเฝ้าถวายบังคมให้เสร็จก่อนแล้วค่อยกลับ ถึงหน้าตำหนักแล้วกลับหันกายกลับไป? หรือว่ามีเรื่องให้เกิดขึ้น?หยวนชิงหลิงเดินใจลอยกลับถึงตำหนักซีหน่วน นางข้าหลวงสี่ เข้ามาเปลี่ยนยาให้นาง หยวนชิงหลิงเช็ดตัวด้วยน้ำร้อน ล้างหน้า ทั้งตัวรู้สึกสบายขึ้นมากนางกินยาแก้อักเสบ กลับไปที่เตียงแล้วนอนหลับไปหลายวันมานี้ที่กินยาแก้อักเสบอยู่ตลอด มันทำให้นางรู้สึกง่วงซึม อยากนอนอยู่ตลอดเวลา เปลือกตาก็ลืมแทบไม่ขึ้นแล้วถึงกระนั้นก็อดคิดไม่ได้ว่า ฮ่องเต้ทำไมมาแล้ว แล้วก็กลับไปซะอย่างนั้นดึกดื่นค่ำคืน นางข้าหลวงสี่เข้ามาปลุกนางหยวนชิงหลิงขยี้ตา เห็นนางข้าหลวงสี่ถ

  • ใต้หล้าสยบรัก   บทที่ 39

    นอกประตูจวนอ๋องฉู่มีโคมไฟดวงใหญ่สองดวงแขวนอยู่ ไอหมอกปกคลุม แสงระยับรำไร หยวนชิงหลิงรู้สึกใจคอไม่ค่อยดี เดินก้าวผิดจังหวะจนลื่นล้ม องครักษ์จึงเข้ามาช่วยและพูดเสียงเบา “พระชายาระวังด้วย”“ขอบใจ” หยวนชิงหลิงเงยหน้าขึ้นสบเข้ากับสายตาเย็นชาขององครักษ์กู้ซือ“เดินได้ไหม พ่ะย่ะค่ะ?” องครักษ์กู้ซือปล่อยนางและถามหยวนชิงหลิงลื่นล้มขาแพลงเจ็บมาก แต่ว่านางก็ไม่ได้ให้องครักษ์กู้ซือช่วยประคอง นางค่อย ๆ เดินกะเผลก ๆ เข้าไปเองเข้ามาถึงกลางจวนเป็นทางเดินตรงยาว ถังหยางกล่าวขึ้นว่า “เมื่อคืนก่อน ท่านอ๋องตอนออกจากวังถูกลอบทำร้าย อาการบาดเจ็บสาหัส”“อาการหนักขนาดไหน?” มิน่า ไม่แปลกใจเลยที่เมื่อวานเขาไม่เข้าวัง ที่แท้ถูกทำร้ายนี่เอง“ท่านอ๋องหยุดหายใจไปชั่วครู่ หลังจากนั้นอ๋องฉีมอบยาเม็ดจื่อจินมาให้ให้ถึงยื้อกลับมาได้ แต่ท่านอ๋องก็ยังไม่ฟื้น ตั้งแต่ช่วงหัวค่ำของเมื่อวานท่านอ๋องก็ไข้ขึ้นสูงตลอด อีกทั้งอาเจียนเป็นเลือด” ถังหยางพูดเสียงต่ำ“แล้วทำไมถึงเพิ่งจะมาเรียกหาข้าตอนนี้?” หยวนชิงหลิงถามถังหยางเดินอย่างเร่งรีบและกล่าวว่า “ท่านอ๋องไม่อนุญาตให้รายงานเข้าไปในวังหลวง สถานการณ์เมื่อคืนวานอันตรา

  • ใต้หล้าสยบรัก   บทที่ 40

    เธอตบหน้าเขาเบา ๆ “อวี่เหวินห่าว นี่อวี่เหวินห่าว”“เจ้าอย่าตบเขา เขาหมดสติไปนานแล้ว” อ๋องฉีพูดอย่างโกรธเคือง หยวนชิงหลิงยังตบต่อ “นี่อวี่เหวินห่าว ตื่นแล้วลองลืมตาดูสิ” เธอจับมือเขาแล้วยืดคลายมือเขาออก เธอจับมือเขาแน่น “ลืมตาสิ”“เจ้านี่มัน! ไม่รู้เลยจริง ๆ เสด็จพ่อให้เรียกตัวเจ้ามาทำอะไร” อ๋องฉีเดินเข้ามาคิดจะลากนางออกไป แต่พบว่าอวี่เหวินห่าวค่อย ๆ ลืมตาขึ้นอย่างช้า ๆ หยวนชิงหลิงผลักอ๋องฉีออก “ท่านถอยไปตรงนั้นโน้น อย่ามาเกะกะข้า”อ๋องฉีมองนางด้วยความประหลาดใจ ผู้หญิงคนนี้ทำไมดุร้ายขนาดนี้?หยวนชิงหลิงวางมือทั้งคู่ไว้ที่ศีรษะและเอ่ยปากถาม “อวี่เหวินห่าวมองข้า จำได้หรือไม่ว่าข้าคือใคร?”อวี่เหวินห่าวมองภาพตรงหน้าเป็นภาพมัว แต่ยังได้ยินเสียง ได้ยินไม่กี่คำก็พูดออกมาคำนึงว่า“หญิงอัปลักษณ์”หยวนชิงหลิงเบ้ปากลง “ท่านคือใคร เกิดอะไรขึ้น ท่านรู้เรื่องไหม?”“ข้าถูกลอบทำร้าย”ยังมีสติรับรู้ชัดเจน“ดี ตอนนี้ข้าจะตรวจอาการท่าน ถ้ารู้สึกเจ็บให้บอกข้า ข้าต้องตรวจก่อนว่ามีท่านมีอาการเลือดออกในสมองหรืออาการฟกช้ำภายในหรือไม่” หยวนชิงหลิงใช้มือทั้งคู่ค่อย ๆ กดลงเบา ๆ ที่บริเวณกระโหลกศรีษ

  • ใต้หล้าสยบรัก   บทที่ 41

    “ก็คือการเอาเลือดของพวกเจ้าให้ท่านอ๋องใช้”เมื่อองครักษ์ซูยี่ ยกข้อมือขึ้นแล้วกรีดข้อมือ เลือดไหลลงมาแล้ว เลื่อนข้อมือไปให้เลือดหยดลงในปากของอวี่เหวินห่าว แล้วพูดว่า “แม้จะใช้เลือดข้าน้อยจนหมดตัวก็ไม่เป็นไร”หยวนชิงหลิงเหลือบมองเขา “น่ายกย่องที่เจ้าจงรักภักดี แต่แบบนี้เจ้าไม่สามารถช่วยเขาได้ แม้ว่าเลือดจะถูกกลืนเข้าไป ก็ลงไปถึงแค่กระเพาะเท่านั้นแหละ ส่งไปไม่ถึงหลอดเลือด และไม่มีทางไหลเวียนไปยังหัวใจ รีบห้ามเลือดก่อนเถอะ อย่าเสียเวลาเลย” ซูยี่ตกตะลึง มองไปที่อวี่เหวินห่าวที่มีเลือดอยู่เต็มปาก และเอ่ยอย่างเขิน ๆ ว่า “ไม่ใช่แบบนี้เหรอ?”หยวนชิงหลิงยื่นกระดาษทดสอบไปแตะเลือดของซูยี่ คนอื่น ๆ ก็ทำตามที่หยวนชิงหลิงพูด โดยหยดเลือดลงบนกระดาษทดสอบจากนั้นหยวนชิงหลิงก็เจาะปลายนิ้วอวี่เหวินห่าวเพื่อตรวจเลือดหลังจากรอสักครู่ นางมองไปที่กระดาษทดสอบ พูดว่า “กู้ซือ, ถังหยาง เลือดของพวกเจ้าใช้ได้”ทั้งคู่เป็นเลือดกรุ๊ป โอ แต่เลือดของอวี่เหวินห่าวนั้นเป็นเลือดกรุ๊ป เอกู้ซือและถังหยางยืนตัวตรงทันที รอคำกำชับของหยวนชิงหลิง“นั่งลง!” หยวนชิงหลิงหยิบถุงเข็มเจาะเลือดออกมา การถ่ายเลือดเร่งด่วนในสถ

Latest chapter

  • ใต้หล้าสยบรัก   บทที่ 1015

    ซูยี่อยู่ในห้องของสุนัขป่าเช่นกัน เมื่อเห็นอวี่เหวินห่าวและหยวนชิงหลิงเข้ามา เขาพูดอย่างกังวล "องค์รัชทายาท พระชายา นายน้อยสุนัขป่าไม่กินอะไรเลย หาหมอหลวงดีไหมพ่ะย่ะค่ะ?"อวี่เหวินห่าวหัวเราะ "เขารักษาอาการป่วยของสุนัขป่าไม่ได้ จะพาเขาไปทำไม?"เขาดูสุนัขป่าน้อยสามตัวนอนอยู่บนเตียงเล็ก ร่างเล็ก ๆ ของพวกมันเบียดเสียดกัน ดูเซื่องซึม บางทีอาจเป็นเพราะพวกมันไม่ได้กินอะไรจึงดูอ่อนแอและซูบผอมเป็นพิเศษ อวี่เหวินห่าวพูดด้วยความประหลาดใจว่า "ผอมลงมากขนาดนี้เลยรึ? สุนัขป่าคงหิวมากแน่ ๆ""สุนัขป่าที่โตเต็มวัย เวลาหิวนั้นกินอาหารหนึ่งมื้อสามารถอยู่ได้นานถึงครึ่งเดือน ตอนนี้พวกมันยังเด็กและต้องกินเนื้อ" ซูยี่เลี้ยงสุนัขป่า และได้ศึกษาการเลี้ยงมามากมายอวี่เหวินห่าวหยิบหนึ่งในนั้นขึ้นมา เห็นสุนัขป่าหิมะตัวน้อยนอนนิ่งอยู่ในมือของเขาเหมือนก้อนสำลีเบาหวิวไม่มีน้ำหนัก "ตัวนี้ของใครกัน?""ของเสี่ยวลั่วหมี่" หยวนชิงหลิงกล่าว "ตัวเล็กที่สุดคือของเสี่ยวลั่วหมี่ ท่านดูสิแยกออกได้เลยเห็นไหม ของ เปาจื่อปากจะแหลมมาก ของทังหยวนก็หน้ากลมกว่า มันแปลกที่จะบอกว่าสุนัขป่าพวกนี้ ทั้งลักษณะนิสัยหรือรูปร่างหน้าตา พว

  • ใต้หล้าสยบรัก   บทที่ 1014

    อวี่เหวินห่าวไม่ได้อธิบายอะไรแทนจิ้งถิง เขาแค่พูดว่า "เขาจะอยู่ในจวนสักพัก ดังนั้นเจ้าควรเปิดตาของเจ้าดูสิว่าเขาจริงใจหรือเสเเสร้ง เจ้าฉลาดมากขนาดนี้ ย่อมต้องดูออกอยู่แล้ว”หยวนชิงหลิงได้ยินถึงความไม่พอใจในน้ำเสียงของเขา ดูเหมือนว่าเขาใส่ใจมิตรภาพนี้จริง ๆหยวนชิงหลิงลองคิดดูแล้ว หลังจากใช้เวลาร่วมกับจวิ้นจู่มาสองสามวัน จวิ้นจู่ก็เป็นคนตรงไปตรงมาและเปิดเผย ดังนั้นนางคงไม่หาสามีที่มีจิตใจล้ำลึกซับซ้อนหรอกนางจึงขอโทษเขา "ข้าคิดมากไป ในอนาคตข้าจะไม่พูดอะไรแบบนี้อีก"อวี่เหวินห่าวเอื้อมมือไปเชยคางนาง และมองหน้านาง "เหล่าหยวน ข้าเองก็เห็นว่านิสัยของเจ้าช่างเถรตรงจริง ๆ แม้ว่าบางครั้งเจ้าจะดุร้าย เผด็จการ และไม่มีเหตุผล แต่ถ้าเจ้าทำอะไรผิด เจ้าจะต้องขอโทษอย่างแน่นอน เกรงว่าแม้จะเป็นคนรับใช้ก็ยังกล่าวคำขอโทษได้ เจ้านี่นิสัยดี ใช้ได้จริง ๆ"“ข้าเป็นคนไร้เหตุผลตั้งแต่เมื่อไหร่กัน?” หยวนชิงหลิงหัวเราะ “ท่านจะชมข้าก็ชมสิ ทำไมต้องดุกันก่อน”อวี่เหวินห่าวหัวเราะ "รางวัลและบทลงโทษต้องแยกให้ออกจากกันอย่างชัดเจน หากเจ้าทำสิ่งที่ถูกต้อง เจ้าควรได้รับคำชมเชย หากเจ้าทำอะไรผิด ก็ต้องบอกกล่าวตักเตือ

  • ใต้หล้าสยบรัก   บทที่ 1013

    เขากลับมาที่จวนอย่างไม่สบอารมณ์ หยวนชิงหลิงเห็นว่าเขาขมวดคิ้ว นางรู้ว่าเป็นเพราะเรื่องลงนามพันธมิตรอีกเป็นแน่ ดังนั้นนางจึงปลอบเขาอวี่เหวินห่าวพูดด้วยความโกรธ "เสด็จพ่อจงใจทำให้ข้าลำบาก จูกั๋วกงเห็นด้วยหรือไม่นั้นเป็นเรื่องสำคัญขนาดนั้นเลยรึอย่างไร?"หยวนชิงหลิงหัวเราะ "ท่านอยู่ในเกมและกังวลเกี่ยวกับเรื่องนี้มากเกินไป จึงไม่เข้าใจความหมายของเสด็จพ่อ เสด็จพ่อต้องการให้ท่านเอาแรงสนับสนุนจากจูกั๋วกงมาให้ได้ ไม่ใช่แค่แรงสนับสนุนเรื่องนี้เท่านั้น แต่มันจะเป็นแรงสนับสนุนงานในอนาคตทั้งหมดของท่าน เพราะตอนนี้เขาเป็นคนที่สามารถปราบปรามตี้เว่ยหมิงอย่างออกหน้าได้ นั้นก็คือตัวเขาที่เป็นพ่อตา”อวี่เหวินห่าวตกตะลึงไปครู่หนึ่ง "เจ้าหมายความว่า เสด็จพ่อก็มองตี้เว่ยหมิงออกด้วยหรือ?"หยวนชิงหลิงยืนพิงเขา "เสด็จพ่อย่อมต้องรู้มากกว่าท่านอยู่แล้ว เหมือนที่ท่านเคยพูดไว้ก่อนหน้านี้ว่าพระองค์ลำเอียงเข้าข้างพี่ใหญ่เสมอ จริง ๆ แล้วพระองค์ทรงรู้อยู่แก่ใจ พระองค์แค่ให้โอกาสพี่ใหญ่เสมอ แต่เมื่อเจอโอกาสที่เหมาะสม ก็ควรจัดการไม่ใช่หรอกหรือ? ความคิดของพระองค์ชัดเจนอยู่แล้ว ดังนั้นจงทำตามที่พระองค์ต้องการเถอะ จัดก

  • ใต้หล้าสยบรัก   บทที่ 1012

    พระชายาจี้พูดจบก็กลับไปนั่งลงบนเก้าอี้เก้าอี้ที่นางนั่งนั้นใหญ่มาก แต่นางผอมมากเนื่องจากป่วยมาเป็นเวลานาน เก้าอี้นั้นยังมีพื้นที่เหลืออีกมาก ผู้หญิงตัวเล็ก ๆ คนนั้นนั่งบนเก้าอี้กว้างตัวใหญ่ประจัญหน้ากับพวกขุนนางกว่าสิบคนที่อยู่ตรงนั้นแม่ทัพซุยไม่กล้าพูดอะไรอีกต่อไป ความโกรธบนใบหน้าของเขาก็ค่อย ๆ แปรเปลี่ยนเป็นความหวาดกลัวคนที่เหลือก็เงียบและก้มหน้าเช่นกันพระชายาจี้รออยู่สักพัก ก่อนที่จะกล่าวอย่างใจเย็นว่า "องค์รัชทายาทคือผู้กำหนดชะตา ถ้าเจ้าปฏิบัติตามให้ดี เจ้าจะมีชีวิตอยู่อย่างมั่งคั่งและมั่งคั่งในภายภาคหน้า วันนี้ข้าพูดได้เพียงเท่านี้ ทุกคนไปเถอะ รักษาตัวด้วย"หลังจากพูดจบ นางก็ยืนขึ้น และเดินออกไปโดยเอามือไพล่หลัง แผ่นหลังบาง ๆ ของนางตั้งตรงดูยิ่งใหญ่ราวกับว่าสามารถแบกท้องฟ้าได้ครึ่งหนึ่งแรงสนับสนุนของอวี่เหวินห่าวสูงขึ้นเรื่อย ๆอย่างไรก็ตาม มีคน ๆ ​​หนึ่งที่มีความคิดเห็นเป็นปฏิปักษ์อยู่เสมอ ถึงกับตำหนิเขาตรง ๆ ต่อหน้าท้องพระโรงทำให้บรรยากาศของวันนั้นแย่เป็นอย่างยิ่ง แม้แต่จักรพรรดิหมิงหยวนก็ยังกริ้วจนหน้าดำจูกั๋วกงคนนี้คือ จูหรูเพ่ย เป็นพ่อตาของตี้เว่ยหมิงเมื่อก่อน

  • ใต้หล้าสยบรัก   บทที่ 1011

    มีแม่ทัพแซ่ซุยอยู่ที่นี่ ซึ่งเคยอยู่กับตี้เว่ยหมิงมาก่อน และตี้เว่ยหมิงได้ติดต่อเขาแล้ว เมื่อได้ยินสิ่งที่พระชายาจี้พูด เขาพูดอย่างเฉยเมยว่า "ข้อเสนอขององค์รัชทายาทที่จะจัดตั้งพันธมิตรกับต้าโจว ไม่ต่างอะไรไปกว่าการกระทำของคนขี้ขลาด คิดว่าด้วยการสนับสนุนของต้าโจว เป่ยถังของเราจะสามารถดำรงอยู่ได้อย่างสงบสุขรึ และเช่นกันด้วยวิธีนี้ เป่ยถังของเราจะต้องมองสีหน้าท่าทีของต้าโจวในทุก ๆ เรื่องงั้นหรือ? นี่คิดว่ามันคงไม่เหมาะกระมั่ง”พระชายาจี้มองเขา น้ำเสียงของนางเย็นชาเล็กน้อย “แม่ทัพซุย แม้ว่าข้าจะเป็นผู้หญิง แต่ข้าก็รู้ด้วยว่าสิ่งที่องค์รัชทายาทเสนอเป็นพันธมิตร มิใช่การยอมจำนน ทำไมเจ้าต้องสังเกตสีหน้าท่าทางต้าโจวทุกอย่างด้วย?”แม่ทัพซุยพูดอย่างแข็งกร้าว "พระชายาคงไม่เข้าใจสินะ? เมื่อพันธมิตรถูกจัดตั้งขึ้น ก็จะมีข้อจำกัดซึ่งกันและกัน ข้อจำกัดทางทหารไม่ใช่เรื่องที่ดี"พระชายาจี้ถึงกับขำ แววตาของนางดูเย็นชาขึ้นมา "จริงหรือ? แล้วทำไมข้าถึงได้ยินว่าสนธิสัญญานี้หมายถึงการไม่รุกรานกัน? หรือว่าแม่ทัพซุยมีความคิดที่จะรุกรานแคว้นอื่น"แม่ทัพซุยตกตะลึง "นี่...ข้าย่อมไม่มีอยู่แล้ว"“ในเมื่อไม่มี เจ

  • ใต้หล้าสยบรัก   บทที่ 1010

    หยวนชิงหลิงไม่สบายใจ อย่างไรก็ตาม เสี่ยวลั่วหมี่ยังมีไข้อยู่นางยิ้มและพูดว่า "เสด็จย่า พวกเขาอาจจะงอแง เกรงว่าจะทำให้พระองค์ทรงเหนื่อยได้เพคะ"ไทเฮาทรงมีสีพระพักตร์นิ่งเฉย และตรัสอย่างไม่พอใจว่า “เกรงว่าคนแก่อย่างข้าจะอ่อนล้า หรือไม่วางใจให้ข้าดูแลพวกเขากัน? กลัวว่าพวกเขาอยู่กับข้าแล้วจะดูแลไม่ดี ไม่มีนมให้กินอย่างนั้นรึ” หยวนชิงหลิงยิ้มและพูดว่า "ดูพระองค์พูดสิเพคะ พระองค์จะปฏิบัติต่อพวกเขาอย่างเลวร้ายได้อย่างไร? พระองค์ออกจะรักเหมือนเป็นหัวแก้วหัวแหวน... "“บุ้ย ๆ ๆ หัวแก้วหัวแหวนอะไรกัน ไม่ใช่ลูกสาวสักหน่อย แต่เป็นทองคำต่างหาก ทองคำของข้า” ไทเฮาทรงตรัสแปลก ๆ ขณะอุ้มเสี่ยวลั่วหมี่ไว้นางเงยหน้าขึ้นและมองไปที่หยวนชิงหลิงและพูดอย่างเย็นชาว่า "อย่าพูดไร้สาระ แค่อยู่ในวังสักสองสามวัน ไว้หายดีแล้วค่อยให้เจ้ามารับไป หากยังกังวลใจ ให้ไปหาไท่ซ่างหวงให้รับรองให้เจ้าเถอะ”หยวนชิงหลิงได้ยินว่านางถึงกับยกไท่ซ่างหวงออกมาแบบนี้ นางจะกล้าปฏิเสธได้อย่างไร นางจึงจำใจต้องส่งลูกที่เพิ่งครบเดือนให้ห่างอกนางเท่านั้นอย่างไรก็ตาม เมื่อนึกถึงเรื่องการจัดตั้งโรงเรียนแพทย์ ทุกวันนี้นางก็แทบไม่มีเวลา

  • ใต้หล้าสยบรัก   บทที่ 1009

    ในเมื่อเสด็จพ่อเห็นด้วย จะให้เขามาหารือกับเหล่าขุนนางเพื่อเรียกแรงสนับสนุน แล้วทำไมเขาต้องไปหาเสียงเห็นชอบด้วยจักรพรรดิหมิงหยวนมองเขาอย่างแฝงความนัย เขายังเด็กเกินไปจริง ๆ "ไปซะ"อวี่เหวินห่าวออกไปคิดเกี่ยวกับเรื่องนี้ และทันใดนั้นก็ตระหนักได้ว่า มันยังเป็นความเคลื่อนไหวอันเฉียบแหลมของเสด็จพ่อ ที่ไม่ได้แสดงจุดยืนของพระองค์ออกมา และเฝ้าดูความเคลื่อนไหวของเหล่าขุนนางอย่างเงียบ ๆ หากพระองค์แสดงจุดยืนออกมา หลายคนจะเอียนเอียงคล้อยตามพระองค์ทันที ถ้าพระองค์ไม่พูดอะไร พระองค์ก็จะรู้ความคิดทุกคนจริง ๆ ว่าใครอยู่ข้างตี้เว่ยหมิงอย่างไรก็ตาม หลังจากที่เขาจากไป จักรพรรดิหมิงหยวนก็คิดว่าเรื่องนี้มีข้อดีมากมาย แต่ก็มีข้อเสียเล็ก ๆ น้อย ๆ ด้วยเช่นกัน เพื่อหลีกเลี่ยงไม่ให้นักประวัติศาสตร์ในอนาคตเขียนส่งเดชให้เขาเป็นแพะรับบาป การแสร้งทำเป็นบีบบังคับให้ทำในสิ่งที่ไม่น่าทำได้น่าจะเป็นการดีกว่าเขากำลังกินหมานโถ่วและกังวลใจเกี่ยวกับเสี่ยวลั่วหมี่วันนี้เสี่ยวลั่วหมี่มีไข้ อันที่จริงไม่ใช่แค่เสี่ยวลั่วหมี่ แต่เด็กทั้งสามคนมีอาการไอเล็กน้อยเพียงแต่ร่างกายของเสี่ยวลั่วหมี่นั้นไม่ค่อยแข็งแรง เขาจึงมี

  • ใต้หล้าสยบรัก   บทที่ 1008

    หลังจากเลิกว่าราชกิจแล้ว อวี่เหวินห่าวก็ไม่ย่อมไม่พอใจ ดังนั้นเขาจึงไปหอตำราหลวงหาจักรพรรดิหมิงหยวนจักรพรรดิหมิงหยวนมักจะกินอาหารเช้าหลังจากเลิกว่าราชกิจในยามเช้า มีโจ๊กและหมานโถ่วอยู่ในห้องทำงานของจักรพรรดิ หลังจากกินโจ๊กชามหนึ่ง ก็พูดอย่างเรียบเฉยว่า"เป็นเพราะความสัมพันธ์ระหว่าเจ้ากับแม่ทัพเฉินแห่งต้าโจว? ถึงเป็นเหตุผลให้เจ้าวิ่งเต้นขนาดนี้?”อวี่เหวินห่าวไม่ได้กินอาหารเช้าเช่นกัน และตอนนี้เขาหิวมาก เมื่อเห็นว่าเขาหยุดกินโจ๊กแล้ว เขาคิดว่าเขาไม่เอาหมานโถ่วแล้ว จึงเอื้อมมือไปหยิบหมานโถ่ว “ไม่ใช่พ่ะย่ะค่ะ กระหม่อม..."จักรพรรดิหมิงหยวนหยิบตะเกียบขึ้นมาและชี้ไปที่เขา "วางลงซะ!"อวี่เหวินห่าวถึงกับอ้าปากค้าง เมื่อเห็นสายตาพ่อตัวเองเป็นประกายเช่นนั้น เขาแอบบ่นว่าขี้งกและวางหมานโถ่วกลับที่เดิมจักรพรรดิหมิงหยวนหยิบหมานโถ่วขึ้นมาเช็ด จากนั้นค่อย ๆ ปอกลอกเปลือกนอกออกและกินมัน โดยทิ้งอวี่เหวินห่าวที่อยู่ข้าง ๆอวี่เหวินห่าวพูดอย่างเศร้าใจ "กระหม่อมก็หิวเหมือนกัน เมื่อเช้านี้ตื่นมา แม่นมบอกว่าเสี่ยวลั่วหมี่ตัวร้อนเล็กน้อย กระหม่อมจึงรีบไปดูก่อน ไม่ได้สนใจที่จะกินอาหารเช้า"เมื่อได้ยินว

  • ใต้หล้าสยบรัก   บทที่ 1007

    เขาพูดเสียงดังในท้องพระโรง "เป่ยโม่และเสียนเป่ยเป็นดั่งหมาป่าทะเยอทะยาน พวกเขาจับตามองเป่ยถังมานานแล้ว แต่เป็นเพราะทหารม้าที่แข็งแกร่งของเป่ยถั งและเหล่ายอดนักรบจึงขับไล่พวกเขากลับไปได้เป็นการชั่วคราว แต่ไม่มีอะไรมารับประกันได้ว่าพวกเขาจะไม่กลับมารุกรานอีกตอนนี้ต้าโจวได้พัฒนาอาวุธและรถออกศึกได้ หากทั้งสองแคว้นเป็นพันธมิตรกัน ต้าโจวสามารถช่วยเป่ยถังปรับปรุงอาวุธและยุทโทปกรณ์ ซึ่งสามารถเสริมสร้างการป้องกันทางทหารของเป่ยถังได้ และร่วมกับการพัฒนาเศรษฐกิจ นี่เป็นประโยชน์ระยะยาวสำหรับเป่ยถัง รัชทายาททรงมีพระวินิจฉัยที่ลึกซึ้ง นั่นเป็นผลดีต่อราษฏร และเขายังคิดถึงระยะยาวสำหรับเป่ยถัง ส่วนแม่ทัพตี้เว่ยหมิงที่เจตนาพูดจาให้คนอื่นตกใจนั้นก็มีส่วนต้องรับผิดชอบด้วย ว่าไปแล้วเป่ยถังไม่ได้ไปรุกรานโม่เป่ยกับเสียนเป่ย หากพวกเขาไปรุกรานต้าโจว มีหรือจะปล่อยเป่ยถังไว้? หรือถึงตอนนั้นต้องยกแคว้นให้เพื่อสงบศึกกัน? "ในตอนนั้นเป่ยถังพ่ายแพ้ให้กับเป่ยโม่ ถูกทหารสามหมื่นนายล้อมไว้ ในท้ายที่สุด แม่ทัพตี้เว่ยหมิงถูกส่งไปเจรจาสงบศึก ยกเมืองที่เป่ยโม่ต้องการถึงจะยอมถอยทัพนี่เป็นความอัปยศอดสูของเป่ยถังเสมอ และม

DMCA.com Protection Status