เธอตบหน้าเขาเบา ๆ “อวี่เหวินห่าว นี่อวี่เหวินห่าว”“เจ้าอย่าตบเขา เขาหมดสติไปนานแล้ว” อ๋องฉีพูดอย่างโกรธเคือง หยวนชิงหลิงยังตบต่อ “นี่อวี่เหวินห่าว ตื่นแล้วลองลืมตาดูสิ” เธอจับมือเขาแล้วยืดคลายมือเขาออก เธอจับมือเขาแน่น “ลืมตาสิ”“เจ้านี่มัน! ไม่รู้เลยจริง ๆ เสด็จพ่อให้เรียกตัวเจ้ามาทำอะไร” อ๋องฉีเดินเข้ามาคิดจะลากนางออกไป แต่พบว่าอวี่เหวินห่าวค่อย ๆ ลืมตาขึ้นอย่างช้า ๆ หยวนชิงหลิงผลักอ๋องฉีออก “ท่านถอยไปตรงนั้นโน้น อย่ามาเกะกะข้า”อ๋องฉีมองนางด้วยความประหลาดใจ ผู้หญิงคนนี้ทำไมดุร้ายขนาดนี้?หยวนชิงหลิงวางมือทั้งคู่ไว้ที่ศีรษะและเอ่ยปากถาม “อวี่เหวินห่าวมองข้า จำได้หรือไม่ว่าข้าคือใคร?”อวี่เหวินห่าวมองภาพตรงหน้าเป็นภาพมัว แต่ยังได้ยินเสียง ได้ยินไม่กี่คำก็พูดออกมาคำนึงว่า“หญิงอัปลักษณ์”หยวนชิงหลิงเบ้ปากลง “ท่านคือใคร เกิดอะไรขึ้น ท่านรู้เรื่องไหม?”“ข้าถูกลอบทำร้าย”ยังมีสติรับรู้ชัดเจน“ดี ตอนนี้ข้าจะตรวจอาการท่าน ถ้ารู้สึกเจ็บให้บอกข้า ข้าต้องตรวจก่อนว่ามีท่านมีอาการเลือดออกในสมองหรืออาการฟกช้ำภายในหรือไม่” หยวนชิงหลิงใช้มือทั้งคู่ค่อย ๆ กดลงเบา ๆ ที่บริเวณกระโหลกศรีษ
“ก็คือการเอาเลือดของพวกเจ้าให้ท่านอ๋องใช้”เมื่อองครักษ์ซูยี่ ยกข้อมือขึ้นแล้วกรีดข้อมือ เลือดไหลลงมาแล้ว เลื่อนข้อมือไปให้เลือดหยดลงในปากของอวี่เหวินห่าว แล้วพูดว่า “แม้จะใช้เลือดข้าน้อยจนหมดตัวก็ไม่เป็นไร”หยวนชิงหลิงเหลือบมองเขา “น่ายกย่องที่เจ้าจงรักภักดี แต่แบบนี้เจ้าไม่สามารถช่วยเขาได้ แม้ว่าเลือดจะถูกกลืนเข้าไป ก็ลงไปถึงแค่กระเพาะเท่านั้นแหละ ส่งไปไม่ถึงหลอดเลือด และไม่มีทางไหลเวียนไปยังหัวใจ รีบห้ามเลือดก่อนเถอะ อย่าเสียเวลาเลย” ซูยี่ตกตะลึง มองไปที่อวี่เหวินห่าวที่มีเลือดอยู่เต็มปาก และเอ่ยอย่างเขิน ๆ ว่า “ไม่ใช่แบบนี้เหรอ?”หยวนชิงหลิงยื่นกระดาษทดสอบไปแตะเลือดของซูยี่ คนอื่น ๆ ก็ทำตามที่หยวนชิงหลิงพูด โดยหยดเลือดลงบนกระดาษทดสอบจากนั้นหยวนชิงหลิงก็เจาะปลายนิ้วอวี่เหวินห่าวเพื่อตรวจเลือดหลังจากรอสักครู่ นางมองไปที่กระดาษทดสอบ พูดว่า “กู้ซือ, ถังหยาง เลือดของพวกเจ้าใช้ได้”ทั้งคู่เป็นเลือดกรุ๊ป โอ แต่เลือดของอวี่เหวินห่าวนั้นเป็นเลือดกรุ๊ป เอกู้ซือและถังหยางยืนตัวตรงทันที รอคำกำชับของหยวนชิงหลิง“นั่งลง!” หยวนชิงหลิงหยิบถุงเข็มเจาะเลือดออกมา การถ่ายเลือดเร่งด่วนในสถ
หยวนชิงหลิงยืนขึ้น ขยับ ๆ มือที่ปวดเมื่อย ไหล่และกระดูกสันหลังส่วนคอของนางปวดจนเกือบจะทนไม่ไหวแล้ว นางมองไปแวบหนึ่ง ทุกคนในห้องนั้นไม่มีคุณสมบัติเป็นหมอฝึกหัดหรือแม้แต่พยาบาล และไม่มีทางที่จะยืมมือใครมาช่วยได้เลย “พระชายา ถ้าลำบากจริง ๆ ก็ให้ไปเชิญแม่นมฉีมาช่วยเถอะ นางมีทักษะด้านเข็มและด้ายเป็นอย่างดี” ซูยี่แนะนำ เมื่อครู่รู้สึกขายหน้า ในตอนนี้เพียงหวังว่าจะได้กู้คืนศักดิ์ศรีกลับมาอีกครั้ง “ถ้าหากท่านอ๋องเป็นเสื้อผ้าชิ้นหนึ่ง ก็สามารถขอให้แม่นมฉีมาช่วยได้อยู่หรอก” หยวนชิงหลิงพูดอย่างเบา ๆอ๋องฉีทนไม่ได้อีกต่อไปแล้ว “นี่เจ้าทำอะไร? แผลสมานเองตามธรรมชาติ ทำไมต้องเย็บด้วย” ดูท่าทีผู้หญิงคนนี้จะรู้จักทักษะทางการแพทย์ แต่เป็นทักษะการแพทย์ไม่ถูกกฎหมาย เป็นสังกัดหมอผี กล่องนั้นก็คือ กล่องของหมอผี ถ้าไม่ใช่เพราะคำสั่งของไท่ซ่างหวง เขาจะไม่ยอมให้นางทำตามใจอย่างนี้แน่นอน ที่ตลกที่สุดคือ นางบอกว่าเลือดของเขาไม่เหมาะกับพี่ห้า เขากับพี่ห้ามาจากพ่อคนเดียวกัน มีความสัมพันธ์ทางสายเลือด จะใช้ไม่ได้ ได้อย่างไร?หยวนชิงหลิงลึก ๆ แล้วไม่อยากสนใจเขาเลย นางหันกลับไป ค่อย ๆ ขยับคอ เพื่อผ่อนคลาย
ฉางกงกงยิ้ม และมองไปที่อ๋องฉีผู้ที่รู้ก่อนใคร "ไม่เช่นนั้น ไท่ซ่างหวงจะรีบให้นางกลับไปที่ตำหนักตอนกลางดึก เพื่อรักษาท่านอ๋องได้อย่างไร?" อ๋องฉีมองไปที่หยวนชิงหลิง ครั้งนี้มองวิเคราะห์ราวกับว่าเขาไม่รู้จักนางมาก่อนเลย ฉางกงกงถามหยวนชิงหลิงอีกครั้ง “ไท่ซ่างหวงยังขอให้ข้าน้อยถามพระชายาว่า อาการบาดเจ็บของพระชายาดีขึ้นหรือไม่?” หยวนชิงหลิงถอนหายใจ ที่สุดก็มีแต่ตาลุงนี่แหละที่รู้จักเป็นห่วงเป็นใยคนอื่น “ขอบพระทัยไท่ซ่างหวงที่เป็นห่วงข้า ข้าดีขึ้นมากแล้ว” ฉางกงกงยิ้ม “งั้นก็ดีแล้ว ไท่ซ่างหวงตรัสว่าให้พระชายารักษาบาดแผลและพักผ่อนให้ดี หากว่าโดนโบยอีก จะต้องมีร่างกายที่แข็งแรงทนทานเท่านั้นที่จะทนต่อความรุนแรงได้” หยวนชิงหลิงมองบน อยากจะถอนคำพูดที่เพิ่งพูดซึ้งใจเมื่อกี้นี้ ตาลุงนี่ร้ายลึกนะ อ๋องฉีเบิกตากว้างอีกครั้ง มองหยวนชิงหลิงด้วยความอิจฉาริษยา เขารู้ว่าไท่ซ่างหวงพูดแบบนี้มาแต่ไหนแต่ไร ยิ่งรักทะนุถนอมใครบางคนมากเท่าไหร่ ก็ยิ่งพูดแบบนี้มากขึ้นเท่านั้น ผู้หญิงคนนี้นางอาศัยอะไร? ก็แค่คนที่ดูแลคนป่วยในวัง แต่กลับได้รับความใส่ใจจากท่านปู่ถึงเพียงนี้ หลังจากฉางกงกงกลับไป อ๋องฉีก็
หยวนชิงหลิงมองไปที่นาง “เจ้าหมายถึงไม่สบายอย่างไร?” ร่างกายของนางตอนนี้ไม่ค่อยดีต่าง ๆ เพียงแต่ภายใต้แรงกดประสาทของยา ทำให้นางไม่มีต่อมการรับรู้ความรู้สึกใด ๆ แต่เมื่อนางนั่งลงหรือฟุบลง นางยังคงรู้สึกว่าตับไตไส้พุงม้วนเข้าหากัน ซึ่งทุกข์ทรมานกว่าบาดแผลที่ได้รับ แม่นมฉีส่ายหัว “จริง ๆ แล้วหม่อมฉันไม่รู้รายละเอียดเกี่ยวกับยามากนัก บางทีอาจจะมีผู้ที่รู้ดีกว่านางอย่างเช่น ถังหยางหรือองครักษ์ซู หม่อมฉันรู้เพียงว่าหลังจากกินยาต้มจื่อจิน มันจะทำลายอวัยวะภายใน เริ่มอาเจียนเป็นเลือด, ไอ, สับสนกระวนกระวาย เป็นต้น ก่อนหน้านี้มีเด็กหนุ่มคนหนึ่งแอบขโมยของเก่าในวังไปขาย ถึงตายก็ไม่ยอมรับ และพยายามจะฆ่าตัวตายด้วยการเอาหัวโขลกกับกำแพง ถังหยางให้เขาดื่มยาต้มจื่อจิน สุดท้ายเขาก็รับสารภาพ หลังจากนั้นประมาณครึ่งเดือนเขาก็ตาย”หยวนชิงหลิงกลัวจนใจเต้นรัวเมื่อได้ยิน “ตายภายในครึ่งเดือน เพราะดื่มยาต้มจื่อจินหรือ?” “ถังหยางบอกว่า หลังจากดื่มน้ำต้มจื่อจินแล้ว ต้องอาศัยการปรับสมดุลร่างกาย ซึ่งใช้เวลาหนึ่งปีหรือครึ่งปีในการรักษาด้วยยาจึงจะกลับมาเป็นปกติ แต่เด็กหนุ่มคนนั้นน่ารังเกียจจริง ๆ ถังหยางจึงไม่รักษ
อ๋องฉีขยับเข้ามาใกล้ พูดด้วยความยินดี “พี่ห้า ท่านตื่นแล้ว?” อวี่เหวินห่าวพยักหน้าเล็กน้อย มองไปที่อ๋องฉี "ขอบคุณยาจื่อจินของเจ้า" อ๋องฉีโบกมืออย่างใจกว้าง “ยาจื่อจินเรื่องเล็กน้อยน่า ข้าไม่ได้อยู่ในสนามรบ ข้าไม่จำเป็นต้องใช้ยาจื่อจินหรอก” อวี่ เหวินห่าวยิ้มเล็กน้อย แววตาขรึมลง ครู่หนึ่ง เขาก็พูดขึ้นว่า “น้องเจ็ด, ถังหยาง พวกเจ้าออกไปพักผ่อนก่อน" อ๋องฉีกล่าว “ข้าไม่เหนื่อย ข้าพักผ่อนมาแล้ว” อวี่เหวินห่าวถอนหายใจเล็กน้อย มองไปที่ถังหยาง ถังหยางดึงมือของอ๋องฉี “จริงสิ ท่านอ๋อง ข้าน้อยมีเรื่องจะปรึกษาท่านสักหน่อย ท่านโปรดตามข้าน้อยมาสักครู่” “มีอะไรก็พูดที่นี่แหละ” อ๋องฉีกล่าวด้วยความงุนงง แต่กลับถูกถังหยางลากตัวออกไป หยวนชิงหลิงตอนแรกในใจค่อนข้างสับสน แต่เมื่อเห็นฉากนี้ เธอก็อดที่จะหัวเราะออกมาไม่ได้ อวี่เหวินห่าวทำท่า “เจ้ามานี่หน่อย” เสียงของเขาอ่อนดูเพลียมาก ไม่มีชีวิตชีวา เขายังไม่พ้นขีดอันตราย แต่ถึงกระนั้น การแสดงออกของเขาก็ยังค่อนข้างเย็นชา หยวนชิงหลิงเข้ามาใกล้เล็กน้อย พยายามทำให้เขาไม่ต้องลำบากมากนักในการพูด “ท่านพูดเถอะ” “ท่านปู่เป็นอย่างไรบ้าง?” อวี่เ
หลังจากที่หยวนชิงหลิงช่วยเขาแขวนสายน้ำเกลือ เธอกลับไปเช็ดตัวและเปลี่ยนเสื้อผ้ามาใหม่ ก็เห็นฉู่หมิงชุ่ยพาคนรับใช้ของนางเข้าไปในลานบ้าน นางสวมชุดกระโปรงผ้าซาตินปักลายเมฆ ลายดอกไม้ แขนกว้าง เอวผูกด้วยเครื่องประดับในวังสีเดียวกัน เอวบางร่างเล็กอย่างเห็นได้ชัด ดูอ่อนช่อยน่าหลงใหล ผมมวยสูงเกล้าขึ้น ปักปิ่นลายหางหงษ์หยกดิ้นทอง ใบหูที่ขาวสะอาดห้อยต่างหูรูปโคมเล็ก ๆ วงสีทอง เมื่อขยับ ต่างหูกระทบกับผิว ทำให้เกิดเสียงที่ไพเราะเพราะพริ้ง เมื่ออ๋องฉีเห็นนาง เขายิ้มอย่างอ่อนโยน ก้าวไปข้างหน้าและจับมือนาง “นั่งรถม้าเหนื่อยหรือเปล่า?” ฉู่หมิงชุ่ยตอบด้วยสีหน้าอ่อนโยน และพูดเบา ๆ "ไม่เหนื่อยเพคะ" ทั้งสองประสานมือกันและก้าวขึ้นบันไดหิน หยวน ชิงหลิงยืนอยู่ที่ประตู มองดูฉู่หมิงชุ่ยอย่างไม่สนใจ ฉู่หมิงชุ่ยดึงมือที่นางกำลังจับอยู่กับอ๋องฉี ออกอย่างเร็ว และย่อตัวทำความเคารพ “คารวะ พระชายาฉู่ เพคะ” “อืม!” หยวนชิงหลิงตอบ อ๋องฉีโกรธ ตามมารยาทแล้ว นางควรพูดว่า คารวะ พระชายาฉี ไม่ใช่ อืมอืม อะไร? จะวางมาดหรือไง? ฉู่หมิงชุ่ยยื่นมือออก กดหลังมือเขา ยิ้ม ๆ และส่ายหัว เหมือนจะบอกเป็นนัยต์ว่าอย่าไปถ
เมื่อฉู่หมิงชุ่ยเห็นว่าอวี่เหวินห่าวหลับอยู่จริง ๆ เลยจำเป็นต้องกลับไปกับอ๋องฉี ที่หน้าประตู ฉู่ หมิงชุ่ยยืนนิ่ง และมองไปที่ หยวน ชิงหลิง “ดูแลท่านอ๋องให้ดี ๆ และอย่าทำให้เขาอารมณ์เสีย” หยวนชิงหลิงกล่าวอย่างเฉย ๆ “พระชายาฉีเรื่องเยอะไปแล้ว” อ๋องฉีโกรธ กลัวว่านางจะพูดอะไรที่ไม่น่าฟัง ดึงฉู่หมิงชุ่ยและกล่าวว่า “ไปเถอะ ไม่ต้องสนใจนาง นางเป็นคนที่ท่านปู่ให้มาดูแลพี่ห้าเท่านั้น คอยดูสิว่านางจะทำได้หรือไม่” แววตาของฉู่หมิงชุ่ยนิ่งอึ้ง แต่กลับถูกอ๋องฉีดึงออกไปแล้วหยวนชิงหลิงมองไปทางที่พวกเขากำลังกลับไป ได้ยินเสียงฉู่หมิงชุ่ยถามอ๋องฉี “ท่านปู่เรียกนางให้มาดูแลพี่ห้างั้นเหรอ?” อ๋องฉีกลับถามว่า “ทำไมเจ้าถึงเอาแต่ถามถึงเรื่องคนร้ายบ่อย ๆ?” ฉู่หมิงชุ่ยถอนหายใจเบา ๆ “ข้ากำลังคิดแทนท่าน มีคนต้องการฆ่าอ๋องฉู่ ก็จะมีคนต้องการลงมือกับท่านอย่างหลีกเลี่ยงไม่ได้ ข้าเป็นห่วงท่าน ทำไมท่านถึงไม่เข้าใจล่ะ” หยวนชิงหลิงปิดประตู เพื่อกั้นการสนทนาระหว่างอ๋องฉี และภรรยาของเขาไว้ตรงนั้น เธอเดินเข้าไปอย่างช้า ๆ ชะเง้อมองคนบนเตียง เขาหลับตา แต่หายใจไม่สม่ำเสมอ เขาไม่ได้หลับ ไม่รู้ว่าเมื่อครู่เขาจะ