แชร์

บทที่ 39

ผู้แต่ง: จูน
last update ปรับปรุงล่าสุด: 2024-10-29 19:42:56
นอกประตูจวนอ๋องฉู่มีโคมไฟดวงใหญ่สองดวงแขวนอยู่ ไอหมอกปกคลุม แสงระยับรำไร

หยวนชิงหลิงรู้สึกใจคอไม่ค่อยดี เดินก้าวผิดจังหวะจนลื่นล้ม องครักษ์จึงเข้ามาช่วยและพูดเสียงเบา “พระชายาระวังด้วย”

“ขอบใจ” หยวนชิงหลิงเงยหน้าขึ้นสบเข้ากับสายตาเย็นชาขององครักษ์กู้ซือ

“เดินได้ไหม พ่ะย่ะค่ะ?” องครักษ์กู้ซือปล่อยนางและถาม

หยวนชิงหลิงลื่นล้มขาแพลงเจ็บมาก แต่ว่านางก็ไม่ได้ให้องครักษ์กู้ซือช่วยประคอง นางค่อย ๆ เดินกะเผลก ๆ เข้าไปเอง

เข้ามาถึงกลางจวนเป็นทางเดินตรงยาว ถังหยางกล่าวขึ้นว่า “เมื่อคืนก่อน ท่านอ๋องตอนออกจากวังถูกลอบทำร้าย อาการบาดเจ็บสาหัส”

“อาการหนักขนาดไหน?” มิน่า ไม่แปลกใจเลยที่เมื่อวานเขาไม่เข้าวัง ที่แท้ถูกทำร้ายนี่เอง

“ท่านอ๋องหยุดหายใจไปชั่วครู่ หลังจากนั้นอ๋องฉีมอบยาเม็ดจื่อจินมาให้ให้ถึงยื้อกลับมาได้ แต่ท่านอ๋องก็ยังไม่ฟื้น ตั้งแต่ช่วงหัวค่ำของเมื่อวานท่านอ๋องก็ไข้ขึ้นสูงตลอด อีกทั้งอาเจียนเป็นเลือด” ถังหยางพูดเสียงต่ำ

“แล้วทำไมถึงเพิ่งจะมาเรียกหาข้าตอนนี้?” หยวนชิงหลิงถาม

ถังหยางเดินอย่างเร่งรีบและกล่าวว่า “ท่านอ๋องไม่อนุญาตให้รายงานเข้าไปในวังหลวง สถานการณ์เมื่อคืนวานอันตรา
บทที่ถูกล็อก
อ่านต่อเรื่องนี้บน Application

บทที่เกี่ยวข้อง

  • ใต้หล้าสยบรัก   บทที่ 40

    เธอตบหน้าเขาเบา ๆ “อวี่เหวินห่าว นี่อวี่เหวินห่าว”“เจ้าอย่าตบเขา เขาหมดสติไปนานแล้ว” อ๋องฉีพูดอย่างโกรธเคือง หยวนชิงหลิงยังตบต่อ “นี่อวี่เหวินห่าว ตื่นแล้วลองลืมตาดูสิ” เธอจับมือเขาแล้วยืดคลายมือเขาออก เธอจับมือเขาแน่น “ลืมตาสิ”“เจ้านี่มัน! ไม่รู้เลยจริง ๆ เสด็จพ่อให้เรียกตัวเจ้ามาทำอะไร” อ๋องฉีเดินเข้ามาคิดจะลากนางออกไป แต่พบว่าอวี่เหวินห่าวค่อย ๆ ลืมตาขึ้นอย่างช้า ๆ หยวนชิงหลิงผลักอ๋องฉีออก “ท่านถอยไปตรงนั้นโน้น อย่ามาเกะกะข้า”อ๋องฉีมองนางด้วยความประหลาดใจ ผู้หญิงคนนี้ทำไมดุร้ายขนาดนี้?หยวนชิงหลิงวางมือทั้งคู่ไว้ที่ศีรษะและเอ่ยปากถาม “อวี่เหวินห่าวมองข้า จำได้หรือไม่ว่าข้าคือใคร?”อวี่เหวินห่าวมองภาพตรงหน้าเป็นภาพมัว แต่ยังได้ยินเสียง ได้ยินไม่กี่คำก็พูดออกมาคำนึงว่า“หญิงอัปลักษณ์”หยวนชิงหลิงเบ้ปากลง “ท่านคือใคร เกิดอะไรขึ้น ท่านรู้เรื่องไหม?”“ข้าถูกลอบทำร้าย”ยังมีสติรับรู้ชัดเจน“ดี ตอนนี้ข้าจะตรวจอาการท่าน ถ้ารู้สึกเจ็บให้บอกข้า ข้าต้องตรวจก่อนว่ามีท่านมีอาการเลือดออกในสมองหรืออาการฟกช้ำภายในหรือไม่” หยวนชิงหลิงใช้มือทั้งคู่ค่อย ๆ กดลงเบา ๆ ที่บริเวณกระโหลกศรีษ

  • ใต้หล้าสยบรัก   บทที่ 41

    “ก็คือการเอาเลือดของพวกเจ้าให้ท่านอ๋องใช้”เมื่อองครักษ์ซูยี่ ยกข้อมือขึ้นแล้วกรีดข้อมือ เลือดไหลลงมาแล้ว เลื่อนข้อมือไปให้เลือดหยดลงในปากของอวี่เหวินห่าว แล้วพูดว่า “แม้จะใช้เลือดข้าน้อยจนหมดตัวก็ไม่เป็นไร”หยวนชิงหลิงเหลือบมองเขา “น่ายกย่องที่เจ้าจงรักภักดี แต่แบบนี้เจ้าไม่สามารถช่วยเขาได้ แม้ว่าเลือดจะถูกกลืนเข้าไป ก็ลงไปถึงแค่กระเพาะเท่านั้นแหละ ส่งไปไม่ถึงหลอดเลือด และไม่มีทางไหลเวียนไปยังหัวใจ รีบห้ามเลือดก่อนเถอะ อย่าเสียเวลาเลย” ซูยี่ตกตะลึง มองไปที่อวี่เหวินห่าวที่มีเลือดอยู่เต็มปาก และเอ่ยอย่างเขิน ๆ ว่า “ไม่ใช่แบบนี้เหรอ?”หยวนชิงหลิงยื่นกระดาษทดสอบไปแตะเลือดของซูยี่ คนอื่น ๆ ก็ทำตามที่หยวนชิงหลิงพูด โดยหยดเลือดลงบนกระดาษทดสอบจากนั้นหยวนชิงหลิงก็เจาะปลายนิ้วอวี่เหวินห่าวเพื่อตรวจเลือดหลังจากรอสักครู่ นางมองไปที่กระดาษทดสอบ พูดว่า “กู้ซือ, ถังหยาง เลือดของพวกเจ้าใช้ได้”ทั้งคู่เป็นเลือดกรุ๊ป โอ แต่เลือดของอวี่เหวินห่าวนั้นเป็นเลือดกรุ๊ป เอกู้ซือและถังหยางยืนตัวตรงทันที รอคำกำชับของหยวนชิงหลิง“นั่งลง!” หยวนชิงหลิงหยิบถุงเข็มเจาะเลือดออกมา การถ่ายเลือดเร่งด่วนในสถ

  • ใต้หล้าสยบรัก   บทที่ 42

    หยวนชิงหลิงยืนขึ้น ขยับ ๆ มือที่ปวดเมื่อย ไหล่และกระดูกสันหลังส่วนคอของนางปวดจนเกือบจะทนไม่ไหวแล้ว นางมองไปแวบหนึ่ง ทุกคนในห้องนั้นไม่มีคุณสมบัติเป็นหมอฝึกหัดหรือแม้แต่พยาบาล และไม่มีทางที่จะยืมมือใครมาช่วยได้เลย “พระชายา ถ้าลำบากจริง ๆ ก็ให้ไปเชิญแม่นมฉีมาช่วยเถอะ นางมีทักษะด้านเข็มและด้ายเป็นอย่างดี” ซูยี่แนะนำ เมื่อครู่รู้สึกขายหน้า ในตอนนี้เพียงหวังว่าจะได้กู้คืนศักดิ์ศรีกลับมาอีกครั้ง “ถ้าหากท่านอ๋องเป็นเสื้อผ้าชิ้นหนึ่ง ก็สามารถขอให้แม่นมฉีมาช่วยได้อยู่หรอก” หยวนชิงหลิงพูดอย่างเบา ๆอ๋องฉีทนไม่ได้อีกต่อไปแล้ว “นี่เจ้าทำอะไร? แผลสมานเองตามธรรมชาติ ทำไมต้องเย็บด้วย” ดูท่าทีผู้หญิงคนนี้จะรู้จักทักษะทางการแพทย์ แต่เป็นทักษะการแพทย์ไม่ถูกกฎหมาย เป็นสังกัดหมอผี กล่องนั้นก็คือ กล่องของหมอผี ถ้าไม่ใช่เพราะคำสั่งของไท่ซ่างหวง เขาจะไม่ยอมให้นางทำตามใจอย่างนี้แน่นอน ที่ตลกที่สุดคือ นางบอกว่าเลือดของเขาไม่เหมาะกับพี่ห้า เขากับพี่ห้ามาจากพ่อคนเดียวกัน มีความสัมพันธ์ทางสายเลือด จะใช้ไม่ได้ ได้อย่างไร?หยวนชิงหลิงลึก ๆ แล้วไม่อยากสนใจเขาเลย นางหันกลับไป ค่อย ๆ ขยับคอ เพื่อผ่อนคลาย

  • ใต้หล้าสยบรัก   บทที่ 43

    ฉางกงกงยิ้ม และมองไปที่อ๋องฉีผู้ที่รู้ก่อนใคร "ไม่เช่นนั้น ไท่ซ่างหวงจะรีบให้นางกลับไปที่ตำหนักตอนกลางดึก เพื่อรักษาท่านอ๋องได้อย่างไร?" อ๋องฉีมองไปที่หยวนชิงหลิง ครั้งนี้มองวิเคราะห์ราวกับว่าเขาไม่รู้จักนางมาก่อนเลย ฉางกงกงถามหยวนชิงหลิงอีกครั้ง “ไท่ซ่างหวงยังขอให้ข้าน้อยถามพระชายาว่า อาการบาดเจ็บของพระชายาดีขึ้นหรือไม่?” หยวนชิงหลิงถอนหายใจ ที่สุดก็มีแต่ตาลุงนี่แหละที่รู้จักเป็นห่วงเป็นใยคนอื่น “ขอบพระทัยไท่ซ่างหวงที่เป็นห่วงข้า ข้าดีขึ้นมากแล้ว” ฉางกงกงยิ้ม “งั้นก็ดีแล้ว ไท่ซ่างหวงตรัสว่าให้พระชายารักษาบาดแผลและพักผ่อนให้ดี หากว่าโดนโบยอีก จะต้องมีร่างกายที่แข็งแรงทนทานเท่านั้นที่จะทนต่อความรุนแรงได้” หยวนชิงหลิงมองบน อยากจะถอนคำพูดที่เพิ่งพูดซึ้งใจเมื่อกี้นี้ ตาลุงนี่ร้ายลึกนะ อ๋องฉีเบิกตากว้างอีกครั้ง มองหยวนชิงหลิงด้วยความอิจฉาริษยา เขารู้ว่าไท่ซ่างหวงพูดแบบนี้มาแต่ไหนแต่ไร ยิ่งรักทะนุถนอมใครบางคนมากเท่าไหร่ ก็ยิ่งพูดแบบนี้มากขึ้นเท่านั้น ผู้หญิงคนนี้นางอาศัยอะไร? ก็แค่คนที่ดูแลคนป่วยในวัง แต่กลับได้รับความใส่ใจจากท่านปู่ถึงเพียงนี้ หลังจากฉางกงกงกลับไป อ๋องฉีก็

  • ใต้หล้าสยบรัก   บทที่ 44

    หยวนชิงหลิงมองไปที่นาง “เจ้าหมายถึงไม่สบายอย่างไร?” ร่างกายของนางตอนนี้ไม่ค่อยดีต่าง ๆ เพียงแต่ภายใต้แรงกดประสาทของยา ทำให้นางไม่มีต่อมการรับรู้ความรู้สึกใด ๆ แต่เมื่อนางนั่งลงหรือฟุบลง นางยังคงรู้สึกว่าตับไตไส้พุงม้วนเข้าหากัน ซึ่งทุกข์ทรมานกว่าบาดแผลที่ได้รับ แม่นมฉีส่ายหัว “จริง ๆ แล้วหม่อมฉันไม่รู้รายละเอียดเกี่ยวกับยามากนัก บางทีอาจจะมีผู้ที่รู้ดีกว่านางอย่างเช่น ถังหยางหรือองครักษ์ซู หม่อมฉันรู้เพียงว่าหลังจากกินยาต้มจื่อจิน มันจะทำลายอวัยวะภายใน เริ่มอาเจียนเป็นเลือด, ไอ, สับสนกระวนกระวาย เป็นต้น ก่อนหน้านี้มีเด็กหนุ่มคนหนึ่งแอบขโมยของเก่าในวังไปขาย ถึงตายก็ไม่ยอมรับ และพยายามจะฆ่าตัวตายด้วยการเอาหัวโขลกกับกำแพง ถังหยางให้เขาดื่มยาต้มจื่อจิน สุดท้ายเขาก็รับสารภาพ หลังจากนั้นประมาณครึ่งเดือนเขาก็ตาย”หยวนชิงหลิงกลัวจนใจเต้นรัวเมื่อได้ยิน “ตายภายในครึ่งเดือน เพราะดื่มยาต้มจื่อจินหรือ?” “ถังหยางบอกว่า หลังจากดื่มน้ำต้มจื่อจินแล้ว ต้องอาศัยการปรับสมดุลร่างกาย ซึ่งใช้เวลาหนึ่งปีหรือครึ่งปีในการรักษาด้วยยาจึงจะกลับมาเป็นปกติ แต่เด็กหนุ่มคนนั้นน่ารังเกียจจริง ๆ ถังหยางจึงไม่รักษ

  • ใต้หล้าสยบรัก   บทที่ 45

    อ๋องฉีขยับเข้ามาใกล้ พูดด้วยความยินดี “พี่ห้า ท่านตื่นแล้ว?” อวี่เหวินห่าวพยักหน้าเล็กน้อย มองไปที่อ๋องฉี "ขอบคุณยาจื่อจินของเจ้า" อ๋องฉีโบกมืออย่างใจกว้าง “ยาจื่อจินเรื่องเล็กน้อยน่า ข้าไม่ได้อยู่ในสนามรบ ข้าไม่จำเป็นต้องใช้ยาจื่อจินหรอก” อวี่ เหวินห่าวยิ้มเล็กน้อย แววตาขรึมลง ครู่หนึ่ง เขาก็พูดขึ้นว่า “น้องเจ็ด, ถังหยาง พวกเจ้าออกไปพักผ่อนก่อน" อ๋องฉีกล่าว “ข้าไม่เหนื่อย ข้าพักผ่อนมาแล้ว” อวี่เหวินห่าวถอนหายใจเล็กน้อย มองไปที่ถังหยาง ถังหยางดึงมือของอ๋องฉี “จริงสิ ท่านอ๋อง ข้าน้อยมีเรื่องจะปรึกษาท่านสักหน่อย ท่านโปรดตามข้าน้อยมาสักครู่” “มีอะไรก็พูดที่นี่แหละ” อ๋องฉีกล่าวด้วยความงุนงง แต่กลับถูกถังหยางลากตัวออกไป หยวนชิงหลิงตอนแรกในใจค่อนข้างสับสน แต่เมื่อเห็นฉากนี้ เธอก็อดที่จะหัวเราะออกมาไม่ได้ อวี่เหวินห่าวทำท่า “เจ้ามานี่หน่อย” เสียงของเขาอ่อนดูเพลียมาก ไม่มีชีวิตชีวา เขายังไม่พ้นขีดอันตราย แต่ถึงกระนั้น การแสดงออกของเขาก็ยังค่อนข้างเย็นชา หยวนชิงหลิงเข้ามาใกล้เล็กน้อย พยายามทำให้เขาไม่ต้องลำบากมากนักในการพูด “ท่านพูดเถอะ” “ท่านปู่เป็นอย่างไรบ้าง?” อวี่เ

  • ใต้หล้าสยบรัก   บทที่ 46

    หลังจากที่หยวนชิงหลิงช่วยเขาแขวนสายน้ำเกลือ เธอกลับไปเช็ดตัวและเปลี่ยนเสื้อผ้ามาใหม่ ก็เห็นฉู่หมิงชุ่ยพาคนรับใช้ของนางเข้าไปในลานบ้าน นางสวมชุดกระโปรงผ้าซาตินปักลายเมฆ ลายดอกไม้ แขนกว้าง เอวผูกด้วยเครื่องประดับในวังสีเดียวกัน เอวบางร่างเล็กอย่างเห็นได้ชัด ดูอ่อนช่อยน่าหลงใหล ผมมวยสูงเกล้าขึ้น ปักปิ่นลายหางหงษ์หยกดิ้นทอง ใบหูที่ขาวสะอาดห้อยต่างหูรูปโคมเล็ก ๆ วงสีทอง เมื่อขยับ ต่างหูกระทบกับผิว ทำให้เกิดเสียงที่ไพเราะเพราะพริ้ง เมื่ออ๋องฉีเห็นนาง เขายิ้มอย่างอ่อนโยน ก้าวไปข้างหน้าและจับมือนาง “นั่งรถม้าเหนื่อยหรือเปล่า?” ฉู่หมิงชุ่ยตอบด้วยสีหน้าอ่อนโยน และพูดเบา ๆ "ไม่เหนื่อยเพคะ" ทั้งสองประสานมือกันและก้าวขึ้นบันไดหิน หยวน ชิงหลิงยืนอยู่ที่ประตู มองดูฉู่หมิงชุ่ยอย่างไม่สนใจ ฉู่หมิงชุ่ยดึงมือที่นางกำลังจับอยู่กับอ๋องฉี ออกอย่างเร็ว และย่อตัวทำความเคารพ “คารวะ พระชายาฉู่ เพคะ” “อืม!” หยวนชิงหลิงตอบ อ๋องฉีโกรธ ตามมารยาทแล้ว นางควรพูดว่า คารวะ พระชายาฉี ไม่ใช่ อืมอืม อะไร? จะวางมาดหรือไง? ฉู่หมิงชุ่ยยื่นมือออก กดหลังมือเขา ยิ้ม ๆ และส่ายหัว เหมือนจะบอกเป็นนัยต์ว่าอย่าไปถ

  • ใต้หล้าสยบรัก   บทที่ 47

    เมื่อฉู่หมิงชุ่ยเห็นว่าอวี่เหวินห่าวหลับอยู่จริง ๆ เลยจำเป็นต้องกลับไปกับอ๋องฉี ที่หน้าประตู ฉู่ หมิงชุ่ยยืนนิ่ง และมองไปที่ หยวน ชิงหลิง “ดูแลท่านอ๋องให้ดี ๆ และอย่าทำให้เขาอารมณ์เสีย” หยวนชิงหลิงกล่าวอย่างเฉย ๆ “พระชายาฉีเรื่องเยอะไปแล้ว” อ๋องฉีโกรธ กลัวว่านางจะพูดอะไรที่ไม่น่าฟัง ดึงฉู่หมิงชุ่ยและกล่าวว่า “ไปเถอะ ไม่ต้องสนใจนาง นางเป็นคนที่ท่านปู่ให้มาดูแลพี่ห้าเท่านั้น คอยดูสิว่านางจะทำได้หรือไม่” แววตาของฉู่หมิงชุ่ยนิ่งอึ้ง แต่กลับถูกอ๋องฉีดึงออกไปแล้วหยวนชิงหลิงมองไปทางที่พวกเขากำลังกลับไป ได้ยินเสียงฉู่หมิงชุ่ยถามอ๋องฉี “ท่านปู่เรียกนางให้มาดูแลพี่ห้างั้นเหรอ?” อ๋องฉีกลับถามว่า “ทำไมเจ้าถึงเอาแต่ถามถึงเรื่องคนร้ายบ่อย ๆ?” ฉู่หมิงชุ่ยถอนหายใจเบา ๆ “ข้ากำลังคิดแทนท่าน มีคนต้องการฆ่าอ๋องฉู่ ก็จะมีคนต้องการลงมือกับท่านอย่างหลีกเลี่ยงไม่ได้ ข้าเป็นห่วงท่าน ทำไมท่านถึงไม่เข้าใจล่ะ” หยวนชิงหลิงปิดประตู เพื่อกั้นการสนทนาระหว่างอ๋องฉี และภรรยาของเขาไว้ตรงนั้น เธอเดินเข้าไปอย่างช้า ๆ ชะเง้อมองคนบนเตียง เขาหลับตา แต่หายใจไม่สม่ำเสมอ เขาไม่ได้หลับ ไม่รู้ว่าเมื่อครู่เขาจะ

บทล่าสุด

  • ใต้หล้าสยบรัก   บทที่ 1015

    ซูยี่อยู่ในห้องของสุนัขป่าเช่นกัน เมื่อเห็นอวี่เหวินห่าวและหยวนชิงหลิงเข้ามา เขาพูดอย่างกังวล "องค์รัชทายาท พระชายา นายน้อยสุนัขป่าไม่กินอะไรเลย หาหมอหลวงดีไหมพ่ะย่ะค่ะ?"อวี่เหวินห่าวหัวเราะ "เขารักษาอาการป่วยของสุนัขป่าไม่ได้ จะพาเขาไปทำไม?"เขาดูสุนัขป่าน้อยสามตัวนอนอยู่บนเตียงเล็ก ร่างเล็ก ๆ ของพวกมันเบียดเสียดกัน ดูเซื่องซึม บางทีอาจเป็นเพราะพวกมันไม่ได้กินอะไรจึงดูอ่อนแอและซูบผอมเป็นพิเศษ อวี่เหวินห่าวพูดด้วยความประหลาดใจว่า "ผอมลงมากขนาดนี้เลยรึ? สุนัขป่าคงหิวมากแน่ ๆ""สุนัขป่าที่โตเต็มวัย เวลาหิวนั้นกินอาหารหนึ่งมื้อสามารถอยู่ได้นานถึงครึ่งเดือน ตอนนี้พวกมันยังเด็กและต้องกินเนื้อ" ซูยี่เลี้ยงสุนัขป่า และได้ศึกษาการเลี้ยงมามากมายอวี่เหวินห่าวหยิบหนึ่งในนั้นขึ้นมา เห็นสุนัขป่าหิมะตัวน้อยนอนนิ่งอยู่ในมือของเขาเหมือนก้อนสำลีเบาหวิวไม่มีน้ำหนัก "ตัวนี้ของใครกัน?""ของเสี่ยวลั่วหมี่" หยวนชิงหลิงกล่าว "ตัวเล็กที่สุดคือของเสี่ยวลั่วหมี่ ท่านดูสิแยกออกได้เลยเห็นไหม ของ เปาจื่อปากจะแหลมมาก ของทังหยวนก็หน้ากลมกว่า มันแปลกที่จะบอกว่าสุนัขป่าพวกนี้ ทั้งลักษณะนิสัยหรือรูปร่างหน้าตา พว

  • ใต้หล้าสยบรัก   บทที่ 1014

    อวี่เหวินห่าวไม่ได้อธิบายอะไรแทนจิ้งถิง เขาแค่พูดว่า "เขาจะอยู่ในจวนสักพัก ดังนั้นเจ้าควรเปิดตาของเจ้าดูสิว่าเขาจริงใจหรือเสเเสร้ง เจ้าฉลาดมากขนาดนี้ ย่อมต้องดูออกอยู่แล้ว”หยวนชิงหลิงได้ยินถึงความไม่พอใจในน้ำเสียงของเขา ดูเหมือนว่าเขาใส่ใจมิตรภาพนี้จริง ๆหยวนชิงหลิงลองคิดดูแล้ว หลังจากใช้เวลาร่วมกับจวิ้นจู่มาสองสามวัน จวิ้นจู่ก็เป็นคนตรงไปตรงมาและเปิดเผย ดังนั้นนางคงไม่หาสามีที่มีจิตใจล้ำลึกซับซ้อนหรอกนางจึงขอโทษเขา "ข้าคิดมากไป ในอนาคตข้าจะไม่พูดอะไรแบบนี้อีก"อวี่เหวินห่าวเอื้อมมือไปเชยคางนาง และมองหน้านาง "เหล่าหยวน ข้าเองก็เห็นว่านิสัยของเจ้าช่างเถรตรงจริง ๆ แม้ว่าบางครั้งเจ้าจะดุร้าย เผด็จการ และไม่มีเหตุผล แต่ถ้าเจ้าทำอะไรผิด เจ้าจะต้องขอโทษอย่างแน่นอน เกรงว่าแม้จะเป็นคนรับใช้ก็ยังกล่าวคำขอโทษได้ เจ้านี่นิสัยดี ใช้ได้จริง ๆ"“ข้าเป็นคนไร้เหตุผลตั้งแต่เมื่อไหร่กัน?” หยวนชิงหลิงหัวเราะ “ท่านจะชมข้าก็ชมสิ ทำไมต้องดุกันก่อน”อวี่เหวินห่าวหัวเราะ "รางวัลและบทลงโทษต้องแยกให้ออกจากกันอย่างชัดเจน หากเจ้าทำสิ่งที่ถูกต้อง เจ้าควรได้รับคำชมเชย หากเจ้าทำอะไรผิด ก็ต้องบอกกล่าวตักเตือ

  • ใต้หล้าสยบรัก   บทที่ 1013

    เขากลับมาที่จวนอย่างไม่สบอารมณ์ หยวนชิงหลิงเห็นว่าเขาขมวดคิ้ว นางรู้ว่าเป็นเพราะเรื่องลงนามพันธมิตรอีกเป็นแน่ ดังนั้นนางจึงปลอบเขาอวี่เหวินห่าวพูดด้วยความโกรธ "เสด็จพ่อจงใจทำให้ข้าลำบาก จูกั๋วกงเห็นด้วยหรือไม่นั้นเป็นเรื่องสำคัญขนาดนั้นเลยรึอย่างไร?"หยวนชิงหลิงหัวเราะ "ท่านอยู่ในเกมและกังวลเกี่ยวกับเรื่องนี้มากเกินไป จึงไม่เข้าใจความหมายของเสด็จพ่อ เสด็จพ่อต้องการให้ท่านเอาแรงสนับสนุนจากจูกั๋วกงมาให้ได้ ไม่ใช่แค่แรงสนับสนุนเรื่องนี้เท่านั้น แต่มันจะเป็นแรงสนับสนุนงานในอนาคตทั้งหมดของท่าน เพราะตอนนี้เขาเป็นคนที่สามารถปราบปรามตี้เว่ยหมิงอย่างออกหน้าได้ นั้นก็คือตัวเขาที่เป็นพ่อตา”อวี่เหวินห่าวตกตะลึงไปครู่หนึ่ง "เจ้าหมายความว่า เสด็จพ่อก็มองตี้เว่ยหมิงออกด้วยหรือ?"หยวนชิงหลิงยืนพิงเขา "เสด็จพ่อย่อมต้องรู้มากกว่าท่านอยู่แล้ว เหมือนที่ท่านเคยพูดไว้ก่อนหน้านี้ว่าพระองค์ลำเอียงเข้าข้างพี่ใหญ่เสมอ จริง ๆ แล้วพระองค์ทรงรู้อยู่แก่ใจ พระองค์แค่ให้โอกาสพี่ใหญ่เสมอ แต่เมื่อเจอโอกาสที่เหมาะสม ก็ควรจัดการไม่ใช่หรอกหรือ? ความคิดของพระองค์ชัดเจนอยู่แล้ว ดังนั้นจงทำตามที่พระองค์ต้องการเถอะ จัดก

  • ใต้หล้าสยบรัก   บทที่ 1012

    พระชายาจี้พูดจบก็กลับไปนั่งลงบนเก้าอี้เก้าอี้ที่นางนั่งนั้นใหญ่มาก แต่นางผอมมากเนื่องจากป่วยมาเป็นเวลานาน เก้าอี้นั้นยังมีพื้นที่เหลืออีกมาก ผู้หญิงตัวเล็ก ๆ คนนั้นนั่งบนเก้าอี้กว้างตัวใหญ่ประจัญหน้ากับพวกขุนนางกว่าสิบคนที่อยู่ตรงนั้นแม่ทัพซุยไม่กล้าพูดอะไรอีกต่อไป ความโกรธบนใบหน้าของเขาก็ค่อย ๆ แปรเปลี่ยนเป็นความหวาดกลัวคนที่เหลือก็เงียบและก้มหน้าเช่นกันพระชายาจี้รออยู่สักพัก ก่อนที่จะกล่าวอย่างใจเย็นว่า "องค์รัชทายาทคือผู้กำหนดชะตา ถ้าเจ้าปฏิบัติตามให้ดี เจ้าจะมีชีวิตอยู่อย่างมั่งคั่งและมั่งคั่งในภายภาคหน้า วันนี้ข้าพูดได้เพียงเท่านี้ ทุกคนไปเถอะ รักษาตัวด้วย"หลังจากพูดจบ นางก็ยืนขึ้น และเดินออกไปโดยเอามือไพล่หลัง แผ่นหลังบาง ๆ ของนางตั้งตรงดูยิ่งใหญ่ราวกับว่าสามารถแบกท้องฟ้าได้ครึ่งหนึ่งแรงสนับสนุนของอวี่เหวินห่าวสูงขึ้นเรื่อย ๆอย่างไรก็ตาม มีคน ๆ ​​หนึ่งที่มีความคิดเห็นเป็นปฏิปักษ์อยู่เสมอ ถึงกับตำหนิเขาตรง ๆ ต่อหน้าท้องพระโรงทำให้บรรยากาศของวันนั้นแย่เป็นอย่างยิ่ง แม้แต่จักรพรรดิหมิงหยวนก็ยังกริ้วจนหน้าดำจูกั๋วกงคนนี้คือ จูหรูเพ่ย เป็นพ่อตาของตี้เว่ยหมิงเมื่อก่อน

  • ใต้หล้าสยบรัก   บทที่ 1011

    มีแม่ทัพแซ่ซุยอยู่ที่นี่ ซึ่งเคยอยู่กับตี้เว่ยหมิงมาก่อน และตี้เว่ยหมิงได้ติดต่อเขาแล้ว เมื่อได้ยินสิ่งที่พระชายาจี้พูด เขาพูดอย่างเฉยเมยว่า "ข้อเสนอขององค์รัชทายาทที่จะจัดตั้งพันธมิตรกับต้าโจว ไม่ต่างอะไรไปกว่าการกระทำของคนขี้ขลาด คิดว่าด้วยการสนับสนุนของต้าโจว เป่ยถังของเราจะสามารถดำรงอยู่ได้อย่างสงบสุขรึ และเช่นกันด้วยวิธีนี้ เป่ยถังของเราจะต้องมองสีหน้าท่าทีของต้าโจวในทุก ๆ เรื่องงั้นหรือ? นี่คิดว่ามันคงไม่เหมาะกระมั่ง”พระชายาจี้มองเขา น้ำเสียงของนางเย็นชาเล็กน้อย “แม่ทัพซุย แม้ว่าข้าจะเป็นผู้หญิง แต่ข้าก็รู้ด้วยว่าสิ่งที่องค์รัชทายาทเสนอเป็นพันธมิตร มิใช่การยอมจำนน ทำไมเจ้าต้องสังเกตสีหน้าท่าทางต้าโจวทุกอย่างด้วย?”แม่ทัพซุยพูดอย่างแข็งกร้าว "พระชายาคงไม่เข้าใจสินะ? เมื่อพันธมิตรถูกจัดตั้งขึ้น ก็จะมีข้อจำกัดซึ่งกันและกัน ข้อจำกัดทางทหารไม่ใช่เรื่องที่ดี"พระชายาจี้ถึงกับขำ แววตาของนางดูเย็นชาขึ้นมา "จริงหรือ? แล้วทำไมข้าถึงได้ยินว่าสนธิสัญญานี้หมายถึงการไม่รุกรานกัน? หรือว่าแม่ทัพซุยมีความคิดที่จะรุกรานแคว้นอื่น"แม่ทัพซุยตกตะลึง "นี่...ข้าย่อมไม่มีอยู่แล้ว"“ในเมื่อไม่มี เจ

  • ใต้หล้าสยบรัก   บทที่ 1010

    หยวนชิงหลิงไม่สบายใจ อย่างไรก็ตาม เสี่ยวลั่วหมี่ยังมีไข้อยู่นางยิ้มและพูดว่า "เสด็จย่า พวกเขาอาจจะงอแง เกรงว่าจะทำให้พระองค์ทรงเหนื่อยได้เพคะ"ไทเฮาทรงมีสีพระพักตร์นิ่งเฉย และตรัสอย่างไม่พอใจว่า “เกรงว่าคนแก่อย่างข้าจะอ่อนล้า หรือไม่วางใจให้ข้าดูแลพวกเขากัน? กลัวว่าพวกเขาอยู่กับข้าแล้วจะดูแลไม่ดี ไม่มีนมให้กินอย่างนั้นรึ” หยวนชิงหลิงยิ้มและพูดว่า "ดูพระองค์พูดสิเพคะ พระองค์จะปฏิบัติต่อพวกเขาอย่างเลวร้ายได้อย่างไร? พระองค์ออกจะรักเหมือนเป็นหัวแก้วหัวแหวน... "“บุ้ย ๆ ๆ หัวแก้วหัวแหวนอะไรกัน ไม่ใช่ลูกสาวสักหน่อย แต่เป็นทองคำต่างหาก ทองคำของข้า” ไทเฮาทรงตรัสแปลก ๆ ขณะอุ้มเสี่ยวลั่วหมี่ไว้นางเงยหน้าขึ้นและมองไปที่หยวนชิงหลิงและพูดอย่างเย็นชาว่า "อย่าพูดไร้สาระ แค่อยู่ในวังสักสองสามวัน ไว้หายดีแล้วค่อยให้เจ้ามารับไป หากยังกังวลใจ ให้ไปหาไท่ซ่างหวงให้รับรองให้เจ้าเถอะ”หยวนชิงหลิงได้ยินว่านางถึงกับยกไท่ซ่างหวงออกมาแบบนี้ นางจะกล้าปฏิเสธได้อย่างไร นางจึงจำใจต้องส่งลูกที่เพิ่งครบเดือนให้ห่างอกนางเท่านั้นอย่างไรก็ตาม เมื่อนึกถึงเรื่องการจัดตั้งโรงเรียนแพทย์ ทุกวันนี้นางก็แทบไม่มีเวลา

  • ใต้หล้าสยบรัก   บทที่ 1009

    ในเมื่อเสด็จพ่อเห็นด้วย จะให้เขามาหารือกับเหล่าขุนนางเพื่อเรียกแรงสนับสนุน แล้วทำไมเขาต้องไปหาเสียงเห็นชอบด้วยจักรพรรดิหมิงหยวนมองเขาอย่างแฝงความนัย เขายังเด็กเกินไปจริง ๆ "ไปซะ"อวี่เหวินห่าวออกไปคิดเกี่ยวกับเรื่องนี้ และทันใดนั้นก็ตระหนักได้ว่า มันยังเป็นความเคลื่อนไหวอันเฉียบแหลมของเสด็จพ่อ ที่ไม่ได้แสดงจุดยืนของพระองค์ออกมา และเฝ้าดูความเคลื่อนไหวของเหล่าขุนนางอย่างเงียบ ๆ หากพระองค์แสดงจุดยืนออกมา หลายคนจะเอียนเอียงคล้อยตามพระองค์ทันที ถ้าพระองค์ไม่พูดอะไร พระองค์ก็จะรู้ความคิดทุกคนจริง ๆ ว่าใครอยู่ข้างตี้เว่ยหมิงอย่างไรก็ตาม หลังจากที่เขาจากไป จักรพรรดิหมิงหยวนก็คิดว่าเรื่องนี้มีข้อดีมากมาย แต่ก็มีข้อเสียเล็ก ๆ น้อย ๆ ด้วยเช่นกัน เพื่อหลีกเลี่ยงไม่ให้นักประวัติศาสตร์ในอนาคตเขียนส่งเดชให้เขาเป็นแพะรับบาป การแสร้งทำเป็นบีบบังคับให้ทำในสิ่งที่ไม่น่าทำได้น่าจะเป็นการดีกว่าเขากำลังกินหมานโถ่วและกังวลใจเกี่ยวกับเสี่ยวลั่วหมี่วันนี้เสี่ยวลั่วหมี่มีไข้ อันที่จริงไม่ใช่แค่เสี่ยวลั่วหมี่ แต่เด็กทั้งสามคนมีอาการไอเล็กน้อยเพียงแต่ร่างกายของเสี่ยวลั่วหมี่นั้นไม่ค่อยแข็งแรง เขาจึงมี

  • ใต้หล้าสยบรัก   บทที่ 1008

    หลังจากเลิกว่าราชกิจแล้ว อวี่เหวินห่าวก็ไม่ย่อมไม่พอใจ ดังนั้นเขาจึงไปหอตำราหลวงหาจักรพรรดิหมิงหยวนจักรพรรดิหมิงหยวนมักจะกินอาหารเช้าหลังจากเลิกว่าราชกิจในยามเช้า มีโจ๊กและหมานโถ่วอยู่ในห้องทำงานของจักรพรรดิ หลังจากกินโจ๊กชามหนึ่ง ก็พูดอย่างเรียบเฉยว่า"เป็นเพราะความสัมพันธ์ระหว่าเจ้ากับแม่ทัพเฉินแห่งต้าโจว? ถึงเป็นเหตุผลให้เจ้าวิ่งเต้นขนาดนี้?”อวี่เหวินห่าวไม่ได้กินอาหารเช้าเช่นกัน และตอนนี้เขาหิวมาก เมื่อเห็นว่าเขาหยุดกินโจ๊กแล้ว เขาคิดว่าเขาไม่เอาหมานโถ่วแล้ว จึงเอื้อมมือไปหยิบหมานโถ่ว “ไม่ใช่พ่ะย่ะค่ะ กระหม่อม..."จักรพรรดิหมิงหยวนหยิบตะเกียบขึ้นมาและชี้ไปที่เขา "วางลงซะ!"อวี่เหวินห่าวถึงกับอ้าปากค้าง เมื่อเห็นสายตาพ่อตัวเองเป็นประกายเช่นนั้น เขาแอบบ่นว่าขี้งกและวางหมานโถ่วกลับที่เดิมจักรพรรดิหมิงหยวนหยิบหมานโถ่วขึ้นมาเช็ด จากนั้นค่อย ๆ ปอกลอกเปลือกนอกออกและกินมัน โดยทิ้งอวี่เหวินห่าวที่อยู่ข้าง ๆอวี่เหวินห่าวพูดอย่างเศร้าใจ "กระหม่อมก็หิวเหมือนกัน เมื่อเช้านี้ตื่นมา แม่นมบอกว่าเสี่ยวลั่วหมี่ตัวร้อนเล็กน้อย กระหม่อมจึงรีบไปดูก่อน ไม่ได้สนใจที่จะกินอาหารเช้า"เมื่อได้ยินว

  • ใต้หล้าสยบรัก   บทที่ 1007

    เขาพูดเสียงดังในท้องพระโรง "เป่ยโม่และเสียนเป่ยเป็นดั่งหมาป่าทะเยอทะยาน พวกเขาจับตามองเป่ยถังมานานแล้ว แต่เป็นเพราะทหารม้าที่แข็งแกร่งของเป่ยถั งและเหล่ายอดนักรบจึงขับไล่พวกเขากลับไปได้เป็นการชั่วคราว แต่ไม่มีอะไรมารับประกันได้ว่าพวกเขาจะไม่กลับมารุกรานอีกตอนนี้ต้าโจวได้พัฒนาอาวุธและรถออกศึกได้ หากทั้งสองแคว้นเป็นพันธมิตรกัน ต้าโจวสามารถช่วยเป่ยถังปรับปรุงอาวุธและยุทโทปกรณ์ ซึ่งสามารถเสริมสร้างการป้องกันทางทหารของเป่ยถังได้ และร่วมกับการพัฒนาเศรษฐกิจ นี่เป็นประโยชน์ระยะยาวสำหรับเป่ยถัง รัชทายาททรงมีพระวินิจฉัยที่ลึกซึ้ง นั่นเป็นผลดีต่อราษฏร และเขายังคิดถึงระยะยาวสำหรับเป่ยถัง ส่วนแม่ทัพตี้เว่ยหมิงที่เจตนาพูดจาให้คนอื่นตกใจนั้นก็มีส่วนต้องรับผิดชอบด้วย ว่าไปแล้วเป่ยถังไม่ได้ไปรุกรานโม่เป่ยกับเสียนเป่ย หากพวกเขาไปรุกรานต้าโจว มีหรือจะปล่อยเป่ยถังไว้? หรือถึงตอนนั้นต้องยกแคว้นให้เพื่อสงบศึกกัน? "ในตอนนั้นเป่ยถังพ่ายแพ้ให้กับเป่ยโม่ ถูกทหารสามหมื่นนายล้อมไว้ ในท้ายที่สุด แม่ทัพตี้เว่ยหมิงถูกส่งไปเจรจาสงบศึก ยกเมืองที่เป่ยโม่ต้องการถึงจะยอมถอยทัพนี่เป็นความอัปยศอดสูของเป่ยถังเสมอ และม

DMCA.com Protection Status