หยวนชิงหลิงมองไปที่นาง “เจ้าหมายถึงไม่สบายอย่างไร?” ร่างกายของนางตอนนี้ไม่ค่อยดีต่าง ๆ เพียงแต่ภายใต้แรงกดประสาทของยา ทำให้นางไม่มีต่อมการรับรู้ความรู้สึกใด ๆ แต่เมื่อนางนั่งลงหรือฟุบลง นางยังคงรู้สึกว่าตับไตไส้พุงม้วนเข้าหากัน ซึ่งทุกข์ทรมานกว่าบาดแผลที่ได้รับ แม่นมฉีส่ายหัว “จริง ๆ แล้วหม่อมฉันไม่รู้รายละเอียดเกี่ยวกับยามากนัก บางทีอาจจะมีผู้ที่รู้ดีกว่านางอย่างเช่น ถังหยางหรือองครักษ์ซู หม่อมฉันรู้เพียงว่าหลังจากกินยาต้มจื่อจิน มันจะทำลายอวัยวะภายใน เริ่มอาเจียนเป็นเลือด, ไอ, สับสนกระวนกระวาย เป็นต้น ก่อนหน้านี้มีเด็กหนุ่มคนหนึ่งแอบขโมยของเก่าในวังไปขาย ถึงตายก็ไม่ยอมรับ และพยายามจะฆ่าตัวตายด้วยการเอาหัวโขลกกับกำแพง ถังหยางให้เขาดื่มยาต้มจื่อจิน สุดท้ายเขาก็รับสารภาพ หลังจากนั้นประมาณครึ่งเดือนเขาก็ตาย”หยวนชิงหลิงกลัวจนใจเต้นรัวเมื่อได้ยิน “ตายภายในครึ่งเดือน เพราะดื่มยาต้มจื่อจินหรือ?” “ถังหยางบอกว่า หลังจากดื่มน้ำต้มจื่อจินแล้ว ต้องอาศัยการปรับสมดุลร่างกาย ซึ่งใช้เวลาหนึ่งปีหรือครึ่งปีในการรักษาด้วยยาจึงจะกลับมาเป็นปกติ แต่เด็กหนุ่มคนนั้นน่ารังเกียจจริง ๆ ถังหยางจึงไม่รักษ
อ๋องฉีขยับเข้ามาใกล้ พูดด้วยความยินดี “พี่ห้า ท่านตื่นแล้ว?” อวี่เหวินห่าวพยักหน้าเล็กน้อย มองไปที่อ๋องฉี "ขอบคุณยาจื่อจินของเจ้า" อ๋องฉีโบกมืออย่างใจกว้าง “ยาจื่อจินเรื่องเล็กน้อยน่า ข้าไม่ได้อยู่ในสนามรบ ข้าไม่จำเป็นต้องใช้ยาจื่อจินหรอก” อวี่ เหวินห่าวยิ้มเล็กน้อย แววตาขรึมลง ครู่หนึ่ง เขาก็พูดขึ้นว่า “น้องเจ็ด, ถังหยาง พวกเจ้าออกไปพักผ่อนก่อน" อ๋องฉีกล่าว “ข้าไม่เหนื่อย ข้าพักผ่อนมาแล้ว” อวี่เหวินห่าวถอนหายใจเล็กน้อย มองไปที่ถังหยาง ถังหยางดึงมือของอ๋องฉี “จริงสิ ท่านอ๋อง ข้าน้อยมีเรื่องจะปรึกษาท่านสักหน่อย ท่านโปรดตามข้าน้อยมาสักครู่” “มีอะไรก็พูดที่นี่แหละ” อ๋องฉีกล่าวด้วยความงุนงง แต่กลับถูกถังหยางลากตัวออกไป หยวนชิงหลิงตอนแรกในใจค่อนข้างสับสน แต่เมื่อเห็นฉากนี้ เธอก็อดที่จะหัวเราะออกมาไม่ได้ อวี่เหวินห่าวทำท่า “เจ้ามานี่หน่อย” เสียงของเขาอ่อนดูเพลียมาก ไม่มีชีวิตชีวา เขายังไม่พ้นขีดอันตราย แต่ถึงกระนั้น การแสดงออกของเขาก็ยังค่อนข้างเย็นชา หยวนชิงหลิงเข้ามาใกล้เล็กน้อย พยายามทำให้เขาไม่ต้องลำบากมากนักในการพูด “ท่านพูดเถอะ” “ท่านปู่เป็นอย่างไรบ้าง?” อวี่เ
หลังจากที่หยวนชิงหลิงช่วยเขาแขวนสายน้ำเกลือ เธอกลับไปเช็ดตัวและเปลี่ยนเสื้อผ้ามาใหม่ ก็เห็นฉู่หมิงชุ่ยพาคนรับใช้ของนางเข้าไปในลานบ้าน นางสวมชุดกระโปรงผ้าซาตินปักลายเมฆ ลายดอกไม้ แขนกว้าง เอวผูกด้วยเครื่องประดับในวังสีเดียวกัน เอวบางร่างเล็กอย่างเห็นได้ชัด ดูอ่อนช่อยน่าหลงใหล ผมมวยสูงเกล้าขึ้น ปักปิ่นลายหางหงษ์หยกดิ้นทอง ใบหูที่ขาวสะอาดห้อยต่างหูรูปโคมเล็ก ๆ วงสีทอง เมื่อขยับ ต่างหูกระทบกับผิว ทำให้เกิดเสียงที่ไพเราะเพราะพริ้ง เมื่ออ๋องฉีเห็นนาง เขายิ้มอย่างอ่อนโยน ก้าวไปข้างหน้าและจับมือนาง “นั่งรถม้าเหนื่อยหรือเปล่า?” ฉู่หมิงชุ่ยตอบด้วยสีหน้าอ่อนโยน และพูดเบา ๆ "ไม่เหนื่อยเพคะ" ทั้งสองประสานมือกันและก้าวขึ้นบันไดหิน หยวน ชิงหลิงยืนอยู่ที่ประตู มองดูฉู่หมิงชุ่ยอย่างไม่สนใจ ฉู่หมิงชุ่ยดึงมือที่นางกำลังจับอยู่กับอ๋องฉี ออกอย่างเร็ว และย่อตัวทำความเคารพ “คารวะ พระชายาฉู่ เพคะ” “อืม!” หยวนชิงหลิงตอบ อ๋องฉีโกรธ ตามมารยาทแล้ว นางควรพูดว่า คารวะ พระชายาฉี ไม่ใช่ อืมอืม อะไร? จะวางมาดหรือไง? ฉู่หมิงชุ่ยยื่นมือออก กดหลังมือเขา ยิ้ม ๆ และส่ายหัว เหมือนจะบอกเป็นนัยต์ว่าอย่าไปถ
เมื่อฉู่หมิงชุ่ยเห็นว่าอวี่เหวินห่าวหลับอยู่จริง ๆ เลยจำเป็นต้องกลับไปกับอ๋องฉี ที่หน้าประตู ฉู่ หมิงชุ่ยยืนนิ่ง และมองไปที่ หยวน ชิงหลิง “ดูแลท่านอ๋องให้ดี ๆ และอย่าทำให้เขาอารมณ์เสีย” หยวนชิงหลิงกล่าวอย่างเฉย ๆ “พระชายาฉีเรื่องเยอะไปแล้ว” อ๋องฉีโกรธ กลัวว่านางจะพูดอะไรที่ไม่น่าฟัง ดึงฉู่หมิงชุ่ยและกล่าวว่า “ไปเถอะ ไม่ต้องสนใจนาง นางเป็นคนที่ท่านปู่ให้มาดูแลพี่ห้าเท่านั้น คอยดูสิว่านางจะทำได้หรือไม่” แววตาของฉู่หมิงชุ่ยนิ่งอึ้ง แต่กลับถูกอ๋องฉีดึงออกไปแล้วหยวนชิงหลิงมองไปทางที่พวกเขากำลังกลับไป ได้ยินเสียงฉู่หมิงชุ่ยถามอ๋องฉี “ท่านปู่เรียกนางให้มาดูแลพี่ห้างั้นเหรอ?” อ๋องฉีกลับถามว่า “ทำไมเจ้าถึงเอาแต่ถามถึงเรื่องคนร้ายบ่อย ๆ?” ฉู่หมิงชุ่ยถอนหายใจเบา ๆ “ข้ากำลังคิดแทนท่าน มีคนต้องการฆ่าอ๋องฉู่ ก็จะมีคนต้องการลงมือกับท่านอย่างหลีกเลี่ยงไม่ได้ ข้าเป็นห่วงท่าน ทำไมท่านถึงไม่เข้าใจล่ะ” หยวนชิงหลิงปิดประตู เพื่อกั้นการสนทนาระหว่างอ๋องฉี และภรรยาของเขาไว้ตรงนั้น เธอเดินเข้าไปอย่างช้า ๆ ชะเง้อมองคนบนเตียง เขาหลับตา แต่หายใจไม่สม่ำเสมอ เขาไม่ได้หลับ ไม่รู้ว่าเมื่อครู่เขาจะ
ซูยี่มองดูหยวนชิงหลิงเดินออกไปอย่างโกรธเคือง แต่ด้วยความอยากรู้อยากเห็น จึงพูดว่า “ข้าไม่รู้ว่านางกวนใจท่านอ๋องอย่างไร จึงถูกตบตีอีกแล้ว” ถังหยางเดินเข้าไปอย่างรวดเร็ว เมื่อเห็นคิ้วของอวี่เหวินห่าวมีเลือดไหล บนใบหน้าที่ซีด ๆ ก็มีรอยตบเหมือนกัน อดไม่ได้ที่จะพูดด้วยน้ำเสียงที่เคร่งขึมว่า “ซูยี่ รีบไปเอาผงยามา” ซูยี่เดินไปดูและพูดอย่างโกรธเคือง “นางกล้าตบท่านอ๋องเหรอ?” “รีบไปเอาผงยามาสิ!” ถังหยางผลักเขา อวี่ เหวินห่าวพูดอย่างเบา ๆ “ไม่จำเป็น” ถังหยางกลับยืนยันว่าต้องการ แต่พอซูยี่หยิบผงมา อวี่เหวินห่าวก็กลับพูดว่า “ไม่จำเป็นต้องใส่ยา จริง ๆ นางใส่ยาให้แล้ว” ซูยี่งงมาก อดไม่ได้ที่จะบ่นว่า “ท่านอ๋อง นางกล้าที่จะตบท่าน ทำไมท่านยังใช้ยาของนางอยู่? นางตอนนี้จะยิ่งหยิ่งทะนง” อวี่เหวินห่าวไม่สนใจเขา เพียงพูดกับถังหยาง “เจ้าเอายาไปให้นาง ยาจื่อจินน่าจะออกฤทธิ์แล้ว เมื่อครู่ข้าเพิ่งได้ยินนางพูดว่าผีหลอก” “เกิดภาพหลอนหรือ?” ถังหยางก็เข้าใจทันที “พระชายาเข้าใจท่านอ๋องผิดแล้ว” อวี่เหวินห่าวพูดอย่างเย็นชา “เข้าใจผิดอะไรกัน ข้าทำเพื่อให้นางตกใจตื่น รอให้ข้าดีขึ้น นางจะต้องถูกตบตีหนักๆ
ตลอดทางที่ออกไป รู้สึกว่าปอดขยายได้เต็มที่ หายใจก็สะดวกขึ้นมาก ดูเหมือนว่ายานี้จะขยายปอด ปอดขยายตัว หายใจสะดวก ทำให้สมองไม่ขาดออกซิเจนที่จะทำให้เกิดภาพหลอน เพียงแต่ไม่รู้ว่าใครเป็นคนคิดค้นยาจื่อจินและยาถอนพิษแบบนี้ เป็นใครกันแน่? เมื่อมาถึงตำหนักเสี่ยวเยว่อีกครั้ง ถังหยางและซูยี่ตามหยวนชิงหลิงเข้าไป ราวกับว่าป้องกันนางเป็นอย่างดี และยังกล้าที่จะตบท่านอ๋องด้วย? ช่างไม่รู้จักที่ต่ำที่สูง เมื่ออวี่เหวินห่าวเห็นนาง สีหน้ายังคงซีด ๆ ไม่ได้พูดอะไรสักคำ แต่เมื่อหยวนชิงหลิงเห็นเลือดไหลออกจากบาดแผลของเขาก็รู้สึกผิดเล็กน้อย คำว่าขอโทษนางก็ไม่สามารถพูดออกมาได้ ทำได้แค่นั่งเงียบ ๆ ที่ข้างเตียงจัดการกับบาดแผลให้กับเขา “นั่งแบบนี้ไม่เจ็บเหรอ?” อวี่เหวินห่าวพูดขึ้นทันที จนทำให้หยวนชิงหลิงตกตะลึง นางมองมาที่เขา เขาก็มองตรงมาที่นางด้วยสายตาที่สับสน“ไม่เจ็บมาก!” หยวนชิงหลิงพูดอย่างเบา ๆ“ขอโทษ!” จู่ ๆ เขาก็พูดขึ้น มุมปากของหยวนชิงหลิงขยับเล็กน้อย โบยสามสิบครั้ง พูดมาคำเดียวขอโทษ นางไม่ต้องการญาติดีปรองดองด้วย ระหว่างพวกเขาต้องมีกำแพงกั้นไว้ถึงจะปลอดภัย ฉะนั้น นางน่าจะพูดอย่างเคร
หยวนชิงหลิงมองเขาด้วยความประหลาดใจ “หมายความว่าอย่างไร” อวี่เหวินห่าวไม่ตอบ แต่ถามกลับ “ทำไมเจ้าถึงคิดว่าเป็นฝีมือของอ๋องจี้?” หยวนชิงหลิงคิดอยู่ครู่หนึ่ง แล้วพูดว่า “สัญชาตญาณ” แน่นอนว่านางไม่ใช่คนประเภทที่ต้องพึ่งสัญชาตญาณ เพียงแต่จากการวิเคราะห์เบื้องต้นเกี่ยวกับสถานการณ์ปัจจุบันในสมองของนาง คาดว่าคืออ๋องจี้ อวี่เหวินห่าวมองปุ๊บก็รู้ทันที “ข้าไม่เชื่อคำพูดพวกนี้ เจ้าแค่พูดไปเรื่อย” หยวนชิงหลิงพูดอย่างเบา ๆ “เป็นสัญชาตญาณจริง ๆ ” เธอหงุดหงิดที่เมื่อกี้ตัวเองพูดมาก นางไม่อยากสร้างปัญหา การวิเคราะห์เหล่านี้ที่พูดออกมาเป็นจริง ๆ ก็ไม่ได้ประโยชน์กับเธอเลย กลับยิ่งทำให้เขาคิดว่าตัวเองขณะที่อยู่จวนเจ้าพระยาจิ้ง จะเข้าใจเรื่องเหล่านี้แล้ว คนที่อ่านหนังสือประวัติศาสตร์มักจะมีการสัมผัสที่ไหวพริบในสถานการณ์ อ๋องจี้เป็นลูกชายคนโต มีผลงานด้านการรบ แม้กระทั่งฮ่องเต้ยังชื่นชม และเขายังสามารถควบคุมกลุ่มข้าราชบริพารด้วย มั่นใจว่าตำแหน่งรัชทายาทต้องได้มา และเลือดเนื้อเชื้อไของค์อื่น ๆ แม้ว่าพวกเขาจะมีความทะเยอทะยานก็ตาม โดยอาศัยอำนาจปัจจุบันของอ๋องจี้ ก็เป็นไปไม่ได้ที่จะช่วยเขากำจัดอว
ปีนี้ถังหยางอายุ 35 ปี แต่ก่อนเขาเคยเป็นทหารผ่านศึกฝีมือดีในสนามรบเฟิงเยว่ ยิ่งกว่านั้นคือเขายังติดสอยห้อยตามอวี่เหวินห่าวมีชีวิตรอดกลับมาด้วยกัน นับว่าเป็นคนมีประสบการณ์โชกโชน อย่างไรก็ตาม ตอนนี้ชายผู้แข็งแกร่งคนนี้ ใบหน้าแดงก่ำ ถอนหายใจตลอด พระชายาจะพูดอ้อมค้อมหน่อยได้ไหม?“ใช่ไหมล่ะ?” หยวนชิงหลิงเมื่อเห็นเขาดูมีทีท่าที่ตกใจถึงกับอึ้งจนพูดไม่ออก แต่นางก็อดไม่ได้ที่จะถามต่อ “ถังหยาง นี่เจ้ากำลังพูดจาเหลวไหลอะไรอยู่?” เสียงตวาดดังขึ้นมาจากด้านใน เสียงตวาดที่ดังสนั่นจนเกือบจะทำให้กำแพงทะลุได้ แน่นอน! มันเป็นสิ่งที่ไม่ยากเกิน ความสามารถของอวี่เหวินห่าวที่เขาจะทำได้ ถังหยางถือกระโถนฉี่วิ่งหนีไปแล้วหยวนชิงหลิงเหม่อมองอย่างลอย ๆ ก่อนจะเดินกลับเข้าไปอย่างช้า ๆ สีหน้าของอวี่เหวินห่าว ทั้งเก้อเขินทั้งโกรธ ผสมปนเปกันราวกับจานสี ดวงตาลุกโชนไปด้วยความโกรธ จ้องมองไปที่หยวนชิงหลิงอย่างไม่ละสายตา เหมือนกับจะกลืนกินนางทั้งเป็นอย่างไงอย่างงั้น “เอ่อ…” หยวนชิงหลิงไม่รู้ว่าทำไมเขาถึงโกรธมากขนาดนั้น “ถังหยางบอกว่าพระองค์ยังมีบาดแผลอยู่”“เขาพูดเรื่องไร้สาระ!” อวี่เหวินห่าวกัดฟันพูด หยว