Share

บทที่ 51

Author: จูน
last update Last Updated: 2024-10-29 19:42:56
ปีนี้ถังหยางอายุ 35 ปี แต่ก่อนเขาเคยเป็นทหารผ่านศึกฝีมือดีในสนามรบเฟิงเยว่ ยิ่งกว่านั้นคือเขายังติดสอยห้อยตามอวี่เหวินห่าวมีชีวิตรอดกลับมาด้วยกัน นับว่าเป็นคนมีประสบการณ์โชกโชน

อย่างไรก็ตาม ตอนนี้ชายผู้แข็งแกร่งคนนี้ ใบหน้าแดงก่ำ ถอนหายใจตลอด พระชายาจะพูดอ้อมค้อมหน่อยได้ไหม?

“ใช่ไหมล่ะ?” หยวนชิงหลิงเมื่อเห็นเขาดูมีทีท่าที่ตกใจถึงกับอึ้งจนพูดไม่ออก แต่นางก็อดไม่ได้ที่จะถามต่อ

“ถังหยาง นี่เจ้ากำลังพูดจาเหลวไหลอะไรอยู่?” เสียงตวาดดังขึ้นมาจากด้านใน เสียงตวาดที่ดังสนั่นจนเกือบจะทำให้กำแพงทะลุได้ แน่นอน! มันเป็นสิ่งที่ไม่ยากเกิน

ความสามารถของอวี่เหวินห่าวที่เขาจะทำได้ ถังหยางถือกระโถนฉี่วิ่งหนีไปแล้ว

หยวนชิงหลิงเหม่อมองอย่างลอย ๆ ก่อนจะเดินกลับเข้าไปอย่างช้า ๆ

สีหน้าของอวี่เหวินห่าว ทั้งเก้อเขินทั้งโกรธ ผสมปนเปกันราวกับจานสี

ดวงตาลุกโชนไปด้วยความโกรธ จ้องมองไปที่หยวนชิงหลิงอย่างไม่ละสายตา เหมือนกับจะกลืนกินนางทั้งเป็นอย่างไงอย่างงั้น

“เอ่อ…” หยวนชิงหลิงไม่รู้ว่าทำไมเขาถึงโกรธมากขนาดนั้น “ถังหยางบอกว่าพระองค์ยังมีบาดแผลอยู่”

“เขาพูดเรื่องไร้สาระ!” อวี่เหวินห่าวกัดฟันพูด

หยว
Locked Chapter
Continue to read this book on the APP

Related chapters

  • ใต้หล้าสยบรัก   บทที่ 52

    อันที่จริงในใจหยวนชิงหลิงเองนั้นก็รู้สึกจำใจ นางอยากจะดูหรือ? นางอยากจะรักษาบาดแผลบริเวณตรงนั้นของเขารึไง? แต่หากเกิดการติดเชื้อ แล้วเขาตายไป นางเองก็ไม่รู้จะอธิบายให้ไท่ซ่างหวงหรือกับตัวนางเองเข้าใจได้อย่างไร แม้ว่าเขาจะตายไปจริง ๆ ก็เป็นเพราะเขานั้นหาเรื่องใส่ตัวเอง แต่ก็ยังโชคดีอยู่ที่บาดแผลนั้นเบี่ยงออกห่างจากเส้นเลือดใหญ่ที่ต้นขา ตรวจดูจากด้านข้าง แผลลึกมาก ไม่รู้ว่าวิธีไหนที่จะสามารถห้ามเลือดได้ เขาน่าจะเทผงห้ามเลือดเอง เพราะข้าง ๆ มีผงเหนียว ๆ ติดอยู่ ขณะที่นางกำลังคิดและเงยหน้าเหลือบมองอวี่เหวินห่าว อวี่เหวินห่าวชกหมัดออกไป หยวนชิงหลิงรีบหดหัวกลับอย่างรวดเร็ว และในทันใดนั้นก็เห็นใบหน้าของเขาแดงก่ำราวกับปลอกประทัด “ยังต้องเย็บแผล!” หลังจากหยวนชิงหลิงฆ่าเชื้อเสร็จ ก็พูดอย่างจริงจัง “ไม่!” อวี่เหวินห่าวปฏิเสธเสียงแข็ง อวี่เหวินห่าวรู้สึกโกรธจนขนลุกขนชัน อีกทั้งผมทุกเส้นกำลังถูกไฟความโกรธแผดเผาอยู่ “งั้นเอางี้!” หยวนชิงหลิงหยิบกล่องยาขึ้นมา หายาชาที่ใช้สำหรับทา แล้วพูดว่า “ข้าจะให้ยาห้ามเลือดแก่พระองค์ ซึ่งสามารถช่วยให้แผลนั้นสมานตัวได้โดยเร็วที่สุด” “งั้นก็รี

  • ใต้หล้าสยบรัก   บทที่ 53

    หยวนชิงหลิงฟุบหลับไป ในความฝัน เธอถูกไล่ฆ่า ถูกมีดดาบไล่ฟันตลอดทาง นางวิ่งหาที่หลบซ่อน ในที่สุดก็ถูกไล่ไปถึงทางตัน ดาบเล่มใหญ่ถูกยกขึ้น เธอมองผ่านนิ้วมือที่บังใบหน้าไป เห็นใบหน้าอันน่าสะพรึงของอวี่เหวินห่าว เมื่อดาบถูกฟันลงมา เลือดก็สาดกระเซ็นบนใบหน้าของเธอ เธอกรีดร้องและตื่นขึ้น มีความรู้สึกเปียกบนใบหน้า เมื่อใช้มือลูบ ๆ เป็นน้ำนี่เอง เธอเงยหน้าขึ้นเห็นอวี่เหวินห่าวถือถ้วยอยู่ในมือ ปากชามคว่ำลง ในชามนั้นคือว่างเปล่า หน้าของเขาดูเย่อหยิ่งและร้ายกาจ บนหัวเตียงจะมีถ้วยน้ำวางอยู่ตลอด เพื่อให้เขาสามารถเอื้อมมือไปเอามาดื่มได้เมื่อกระหาย หยวนชิงหลิงโกรธมาก เธอปรนนิบัติรับใช้เขา รักษาเขาอย่างไม่รู้จักเหน็ดเหนื่อย แทนที่จะกล่าวขอบคุณ แต่กลับถูกเขากลั่นแกล้ง แต่ว่า นางก็ไม่ได้แสดงความโกรธออกมา กลับกัน นางมองเขาด้วยความเห็นใจ “น่าสงสารจริง ๆ เป็นถึงท่านอ๋องผู้สูงส่ง สู้รบกับศัตรูมานับไม่ถ้วน และตอนนี้กลับทำได้แค่สาดน้ำใส่ผู้หญิงตัวเล็ก ๆ เพื่อแก้แค้นเท่านั้น” อวี่เหวินห่าวสีหน้าโกรธเคือง ยกมือขึ้นขว้างถ้วยใส่นาง ถ้วยนั้นไม่ได้โดนตัวของหยวนชิงหลิงแต่กลับหล่นลงที่หัวของเขาเอง

  • ใต้หล้าสยบรัก   บทที่ 54

    หยวนชิงหลิงตามถังหยางไปที่ห้องโถงใหญ่ ระหว่างทาง ถังหยางได้บอกเหตุผลกับนางแล้ว เรื่องที่นางแอบรักษาไท่ซ่างหวงโดยพลการฮ่องเต้ทรงทราบเรื่องแล้ว ทรงโกรธมาก จึงสั่งให้ขันทีมู่หรูพาคนมาเชิญนางเข้าไปในวังเพื่อไตร่สวนด้วยตนเอง ในใจของหยวนชิงหลิงรู้สึกกังวลอยู่บ้าง นางเข้าใจกฏของวังหลวงดี นางไม่ใช่หมอหลวง ไม่ใช่หมอ ไม่มีคุณสมบัติที่จะรักษาไท่ซ่างหวงได้ ขันทีมู่หรูนั่งรออยู่ที่ห้องโถงใหญ่ด้วยท่าทางเคร่งขรึม เมื่อเห็นหยวนชิงหลิงเข้ามา เขาก็ลุกขึ้นยืน และพูดอย่างเบา ๆ “พระชายาฉู่ ฮ่องเต้ให้มาเชิญพระองค์เข้าวัง” หยวนชิงหลิงเอ่ยถามเพียงคำถามเดียวว่า "ไท่ซ่างหวงเป็นอย่างไรบ้าง?" “ไท่ซ่างหวงถูกวางยาพิษและหมดสติไป” ขันทีมู่หรูกล่าวอย่างเย็นชา หยวนชิงหลิงหลับตาลง ไม่แปลกใจเลยที่ฮ่องเต้จะทรงหาผู้ทำผิด หากเป็นเพียงแค่การให้การรักษาโดยไม่มีอะไรเกิดขึ้น ก็ย่อมไม่มีความผิด เช่นนั้นนางก็ไม่มีทั้งความผิดและความชอบ แต่หากมีบางอย่างผิดพลาดขึ้น เช่นนั้นโทษทั้งหมดจะต้องตกเป็นของนาง ทั้งยัง เป็นการถูกวางยาพิษ เมื่อเดินตามขันทีมู่หรูออกไปถึงประตูจวน จึงเห็นหัวหน้าองครักษ์กู้ซีก็อยู่ด้วย แววตา

  • ใต้หล้าสยบรัก   บทที่ 55

    หยวนชิงหลิงไม่กล้าปฏิเสธ โดยรู้ว่าเขาต้องมีหลักฐานแน่ ๆ จึงตอบกลับว่า “ทูลฝ่าบาท ใช่ เพคะ” “เจ้าเรียนทักษะทางการแพทย์มาจากไหน” จักรพรรดิหมิงหยวนถามอีกครั้ง ขณะที่หยวนชิงหลิงเข้ามาในวัง นางคิดอยู่แล้วว่าจักรพรรดิหมิงหยวนจะต้องถามแน่ ดังนั้น นางจึงคิดข้อแก้ตัวไว้ก่อนแล้ว “ทูลฝ่าบาท เมื่อหม่อมฉันยังเด็ก พบกับหญิงสาวเจียงหูท่านนึ่ง นางอาศัยอยู่ที่เมืองปักกิ่งมาระยะหนึ่งแล้ว นางถูกชะตาหม่อมฉันมาก จึงขอให้หม่อมฉันเรียนรู้ทักษะทางการแพทย์จากนาง” “เจ้าเรียนนานหรือยัง?” “หนึ่งปี” “ท่านอาจารย์ของเจ้าชื่ออะไร” จักรพรรดิหมิงหยวนกดดันทุกย่างก้าว และถามคำถามให้ถึงที่สุด หยวนชิงหลิงกล่าวว่า “หม่อมฉันไม่รู้ ท่านอาจารย์ไม่เคยเปิดเผย” ฮ่องเต้รู้สึกรำคาญมากกับคำพูดที่ไม่มีความโน้มน้าวใจ แต่ยังไงก็ยังไม่หลุดออกมา “เจ้ารักษาอาการป่วยไท่ซ่างหวง เป็นคำสั่งของเจ้าห้า?”หยวนชิงหลิงส่ายหัว “ท่านอ๋องไม่รู้เรื่องนี้” “ไม่รู้?” จักรพรรดิหมิงหยวนเม้มริมฝีปาก หรี่ตา และพูดอย่างเย็นชา “ครั้งแรกที่เจ้าให้ไท่ซ่างหวงทานยา คือเจ้

  • ใต้หล้าสยบรัก   บทที่ 56

    หากครั้งนี้เกี่ยวโยงไปถึงจวนพระยาจิ้ง นางเกรงว่านางจะต้องกลายเป็นคนที่คนทั้งตระกูลประนามด่าทอเป็นแน่นางค่อย ๆ นั่งลง องครักษ์กู้ซีก็ยืนอยู่ตรงข้ามนาง สองมือกอดอกมองนาง เป็นการมองอย่างที่เรียกว่า จ้องเขม็งอย่างไม่ละสายตา นางเงยหน้าขึ้นถามกู้ซี “บอกข้าได้หรือไม่ ไท่ซ่างหวงถูกพิษอะไรกันแน่?” กู้ซีปิดปากสนิท ไม่มีคำพูดอะไรหลุดออกมาแม้แต่คำเดียวหยวนชิงหลิงเองนั้นรู้ดีว่าพวกที่เป็นองครักษ์นั้นมักจะปากแข็งยิ่งกว่าเหล็กกล้าเสียอีก หากไม่ยอมที่จะพูด ต่อให้ง้างยังไงก็ง้างไม่ขึ้น นางจึงไม่สงสัยเลยสักนิดที่ไท่ซ่างหวงจะถูกวางยาพิษนับตั้งแต่เรื่องของฟูเป่าก็พอมองออก ไท่ซ่างหวงคงจะไปขัดหูขัดตาใครบางคนเข้า จึงคิดที่จะกำจัดพระองค์ทิ้งเพียงแต่ว่า พระตำหนักเฉียนคุนนั้นมิดชิดแม้แต่ลมก็ยังผ่านเข้าไปไม่ได้ หากจะลงมือวางยาในอาหาร แทบเป็นไปไม่ได้เลยจะวางยาพิษลงในพระโอสถก็เป็นไปได้น้อยมาก เพราะหมอหลวงต้มยาล้วนมีคนทดสอบยาก่อน ถ้าจะวางยาพิษในพระโอสถ คน ๆ นั้นต้องเป็น ฉางกงกงกับแม่นมสี่ ทั้งคู่เองก็เป็นคนทดลองยา หลังจากลองเสร็จแล้วถึงจะส่งเข้าตำหนักให้ไท่ซ่างหวงเสวยได้อยู่ตำหนักเฉียนคุนสามวันมานี้

  • ใต้หล้าสยบรัก   บทที่ 57

    “รอดูท่าที แล้วสถานการณ์มันจะพลิกผันได้รึไง?” อวี่เหวินห่าวถามออกมาอย่างเย็นชา“ไม่พ่ะย่ะค่ะ แต่อย่างน้อยก็สามารถเตรียมที่จะรับมือกับสถานการณ์ได้” ถังหยาง ถอนหายใจออกมา “ท่านอ่องในตอนนี้ไม่สามารถต้องลมได้ มันจะส่งผลต่ออาการบาดเจ็บหนักของท่าน ถึงไม่เข้าวังไปอธิบายเรื่องราว ยังไงฮ่องเต้ก็ให้อภัยโทษ แต่ถ้าท่านอ๋องเข้าวังด้วยสภาพนี้ มันจะทำให้ฮ่องเต้คิดว่าท่านใช้อาการบาดเจ็บท่านมาเล่นละครแสดงความบริสุทธิ์ใจ” “ซูยี่ไปเตรียมเกี้ยว” อวี่เหวินห่าวพูดกับซูยี่ซูยี่มองหน้าถังหยางอย่างลำบากใจ อาการบาดเจ็บของท่านอ๋องก็หนักเหลือเกิน ลงจากเตียงยังทำไม่ได้เลย แล้วท่านจะเข้าวังได้อย่างไร? “ท่านอ๋อง โปรดไตร่ตรองด้วย!” ถังหยางกล่าวด้วยน้ำเสียงขรึมอวี่เหวินห่าวไตร่ตรองซ้ำแล้วซ้ำอีก น่าจะเกินสามสิบรอบไปแล้วด้วยซ้ำตั้งแต่ที่หยวนชิงหลิงถูกขันทีมู่หรูเชิญตัวไป สมองของเขาหยุดที่จะคิดไม่ได้เลยเขาคิดคำแก้ต่างต่าง ๆ นานา แต่ว่า ไม่ว่าจะเป็นคำแก้ต่างอะไร เขาก็ไม่สามารถที่จะแก้ต่างให้ตัวเองไม่มีส่วนเกี่ยวข้องในเรื่องนี้ได้เขาคำนึงถึงสถานการณ์ที่เลวร้ายที่สุดที่เป็นไปได้ นั่นก็คือ เพื่อที่จะหนีเอาตัวรอด

  • ใต้หล้าสยบรัก   บทที่ 58

    ตำหนักเสี้ยวเย่วตกอยู่ในภวังค์ความเงียบอวี่เหวินห่าวคิดไตร่ตรองซ้ำแล้วซ้ำเล่าและเงยหน้าขึ้นมองถังหยาง “เจ้าไปสืบมาไท่ซ่างหวงโดนพิษอะไร?”“ท่านอ๋อง เกรงว่าจะไม่ได้พะยะคะ”“กู้ซี เขาต้องรู้แน่!” อวี่เหวินห่าวกล่าว“ในตอนนี้กู้ซีได้รับคำสั่งให้อยู่ในวังหลวง และไม่สามารถออกมาได้ อย่างไรก็ตามกู้ซีเองก็คงอยากออกมา แต่ถ้าให้พูดสถานการณ์ของเขาตอนนี้ไม่สามารถหาทางออกมาส่งข่าวบอกได้เลย” ถังหยางพูดโดยคำนึงถึงสถานการณ์ที่รัดกุมในตอนนี้แววตาของอวี่เหวินห่าวปรากฏความโหดเหี้ยมออกมา “ข้าจะเข้าวังไปกราบทูล ข้าจะสารภาพ”“ท่านอ๋อง!” ซูยี่และถังหยางร้องตกใจเสียงหลงพร้อมกัน ท่านอ๋องบ้าไปแล้ว? จะสารภาพจริง ๆ“ข้าจะสารภาพ เรื่องทั้งหมดที่หยวนชิงหลิงทำทั้งหมด ข้าเป็นคนบงการ” ใบหน้าของอวี่เหวินห่าวว่างเปล่าไร้ความรู้สึกซูยี่ถอนหายใจเฮือกหนึ่ง ถ้าอย่างนั้นก็เท่ากับว่าท่านอ๋องบงการคนร้ายให้มาทำร้ายตัวเองแต่ว่า การบอกว่าตัวเองเป็นคนบงการให้พระชายารักษาไท่ซ่างหวง ก็ไม่สมเหตุสมผล“ไม่ได้พ่ะย่ะค่ะ ท่านอ๋อง ตอนนี้ท่านเองก็ตกเป็นหนึ่งในผู้ต้องสงสัยแล้ว” ซูยี่กล่าวถังหยางคิดแล้วคิดอีกก่อนจะพูดออกมา “ท่า

  • ใต้หล้าสยบรัก   บทที่ 59

    เกี้ยวเคลื่อนมาหยุดจอดหน้าประตูหอตำราหลวงอ๋องรุ่ยชิงกล่าวกับถังหยาง “พวกเจ้ากับท่านอ๋องรออยู่ที่นี่ ข้าจะเข้าไปพบฮ่องเต้”“พ่ะย่ะค่ะ!”เพียงแค่ชายเสื้อสะบัด อ๋องรุ่ยชิงก็ได้เข้าไปในหอตำราหลวงแล้วถังหยางเห็นพระยาจิ้งอยู่หน้าหอตำราหลวงยืนตัวสั่นหงึกหงัก หน้าถอดสีจนยืนแทบไม่ไหวเขาเดินไปข้างหน้า “ท่านพระยา”พระยาจิ้งสะดุ้งตกใจเมื่อเห็นถังหยาง เมื่อตั้งสติมองดูดี ๆ “นี่ใต้เท้าหยาง”“ท่านพระยา มาทำอะไรที่นี่?” ถังหยางกล่าวถามพระยาจิ้งมีสีหน้าเศร้าสร้อยพูดกับถังหยาง “รอฮ่องเต้เรียกเข้าพบ แต่ก็ไม่รู้ว่าพระองค์มีเรื่องอะไรจึงได้ให้คนไปตามข้า แต่กลับไม่พบข้า เพียงแต่ให้คนมาถามไม่กี่คำเกี่ยวกับเรื่องหยวน ชิง...พระชายา และบอกให้ข้ารออยู่ด้านนอก” ตอนที่พูดอยู่ ขันทีมู่หรูเดินออกมา “ท่านอ๋องฉู่ เชิญเข้าเฝ้า”ถังหยางกับซูยี่ช่วยประคองอวี่เหวินห่าวออกมา พระยาจิ้งเห็นอวี่เหวินห่าวก็ตกใจ รีบถอยตัว กลัวจะไปโดนตัวอีกฝ่าย เขาซีดเซียวราวกับกระดาษจริง ๆ ถ้ามีลมพัดก็อาจจะปลิวไปตามลมได้ด้วยซ้ำ“ฝ่าบาทให้ท่านอ๋องฉู่เข้าเฝ้าคนเดียว” ขันทีมู่หรู ขวางทางซูยี่กับถังหยางและกล่าวอย่างเรียบเฉยถังหย

Latest chapter

  • ใต้หล้าสยบรัก   บทที่ 1015

    ซูยี่อยู่ในห้องของสุนัขป่าเช่นกัน เมื่อเห็นอวี่เหวินห่าวและหยวนชิงหลิงเข้ามา เขาพูดอย่างกังวล "องค์รัชทายาท พระชายา นายน้อยสุนัขป่าไม่กินอะไรเลย หาหมอหลวงดีไหมพ่ะย่ะค่ะ?"อวี่เหวินห่าวหัวเราะ "เขารักษาอาการป่วยของสุนัขป่าไม่ได้ จะพาเขาไปทำไม?"เขาดูสุนัขป่าน้อยสามตัวนอนอยู่บนเตียงเล็ก ร่างเล็ก ๆ ของพวกมันเบียดเสียดกัน ดูเซื่องซึม บางทีอาจเป็นเพราะพวกมันไม่ได้กินอะไรจึงดูอ่อนแอและซูบผอมเป็นพิเศษ อวี่เหวินห่าวพูดด้วยความประหลาดใจว่า "ผอมลงมากขนาดนี้เลยรึ? สุนัขป่าคงหิวมากแน่ ๆ""สุนัขป่าที่โตเต็มวัย เวลาหิวนั้นกินอาหารหนึ่งมื้อสามารถอยู่ได้นานถึงครึ่งเดือน ตอนนี้พวกมันยังเด็กและต้องกินเนื้อ" ซูยี่เลี้ยงสุนัขป่า และได้ศึกษาการเลี้ยงมามากมายอวี่เหวินห่าวหยิบหนึ่งในนั้นขึ้นมา เห็นสุนัขป่าหิมะตัวน้อยนอนนิ่งอยู่ในมือของเขาเหมือนก้อนสำลีเบาหวิวไม่มีน้ำหนัก "ตัวนี้ของใครกัน?""ของเสี่ยวลั่วหมี่" หยวนชิงหลิงกล่าว "ตัวเล็กที่สุดคือของเสี่ยวลั่วหมี่ ท่านดูสิแยกออกได้เลยเห็นไหม ของ เปาจื่อปากจะแหลมมาก ของทังหยวนก็หน้ากลมกว่า มันแปลกที่จะบอกว่าสุนัขป่าพวกนี้ ทั้งลักษณะนิสัยหรือรูปร่างหน้าตา พว

  • ใต้หล้าสยบรัก   บทที่ 1014

    อวี่เหวินห่าวไม่ได้อธิบายอะไรแทนจิ้งถิง เขาแค่พูดว่า "เขาจะอยู่ในจวนสักพัก ดังนั้นเจ้าควรเปิดตาของเจ้าดูสิว่าเขาจริงใจหรือเสเเสร้ง เจ้าฉลาดมากขนาดนี้ ย่อมต้องดูออกอยู่แล้ว”หยวนชิงหลิงได้ยินถึงความไม่พอใจในน้ำเสียงของเขา ดูเหมือนว่าเขาใส่ใจมิตรภาพนี้จริง ๆหยวนชิงหลิงลองคิดดูแล้ว หลังจากใช้เวลาร่วมกับจวิ้นจู่มาสองสามวัน จวิ้นจู่ก็เป็นคนตรงไปตรงมาและเปิดเผย ดังนั้นนางคงไม่หาสามีที่มีจิตใจล้ำลึกซับซ้อนหรอกนางจึงขอโทษเขา "ข้าคิดมากไป ในอนาคตข้าจะไม่พูดอะไรแบบนี้อีก"อวี่เหวินห่าวเอื้อมมือไปเชยคางนาง และมองหน้านาง "เหล่าหยวน ข้าเองก็เห็นว่านิสัยของเจ้าช่างเถรตรงจริง ๆ แม้ว่าบางครั้งเจ้าจะดุร้าย เผด็จการ และไม่มีเหตุผล แต่ถ้าเจ้าทำอะไรผิด เจ้าจะต้องขอโทษอย่างแน่นอน เกรงว่าแม้จะเป็นคนรับใช้ก็ยังกล่าวคำขอโทษได้ เจ้านี่นิสัยดี ใช้ได้จริง ๆ"“ข้าเป็นคนไร้เหตุผลตั้งแต่เมื่อไหร่กัน?” หยวนชิงหลิงหัวเราะ “ท่านจะชมข้าก็ชมสิ ทำไมต้องดุกันก่อน”อวี่เหวินห่าวหัวเราะ "รางวัลและบทลงโทษต้องแยกให้ออกจากกันอย่างชัดเจน หากเจ้าทำสิ่งที่ถูกต้อง เจ้าควรได้รับคำชมเชย หากเจ้าทำอะไรผิด ก็ต้องบอกกล่าวตักเตือ

  • ใต้หล้าสยบรัก   บทที่ 1013

    เขากลับมาที่จวนอย่างไม่สบอารมณ์ หยวนชิงหลิงเห็นว่าเขาขมวดคิ้ว นางรู้ว่าเป็นเพราะเรื่องลงนามพันธมิตรอีกเป็นแน่ ดังนั้นนางจึงปลอบเขาอวี่เหวินห่าวพูดด้วยความโกรธ "เสด็จพ่อจงใจทำให้ข้าลำบาก จูกั๋วกงเห็นด้วยหรือไม่นั้นเป็นเรื่องสำคัญขนาดนั้นเลยรึอย่างไร?"หยวนชิงหลิงหัวเราะ "ท่านอยู่ในเกมและกังวลเกี่ยวกับเรื่องนี้มากเกินไป จึงไม่เข้าใจความหมายของเสด็จพ่อ เสด็จพ่อต้องการให้ท่านเอาแรงสนับสนุนจากจูกั๋วกงมาให้ได้ ไม่ใช่แค่แรงสนับสนุนเรื่องนี้เท่านั้น แต่มันจะเป็นแรงสนับสนุนงานในอนาคตทั้งหมดของท่าน เพราะตอนนี้เขาเป็นคนที่สามารถปราบปรามตี้เว่ยหมิงอย่างออกหน้าได้ นั้นก็คือตัวเขาที่เป็นพ่อตา”อวี่เหวินห่าวตกตะลึงไปครู่หนึ่ง "เจ้าหมายความว่า เสด็จพ่อก็มองตี้เว่ยหมิงออกด้วยหรือ?"หยวนชิงหลิงยืนพิงเขา "เสด็จพ่อย่อมต้องรู้มากกว่าท่านอยู่แล้ว เหมือนที่ท่านเคยพูดไว้ก่อนหน้านี้ว่าพระองค์ลำเอียงเข้าข้างพี่ใหญ่เสมอ จริง ๆ แล้วพระองค์ทรงรู้อยู่แก่ใจ พระองค์แค่ให้โอกาสพี่ใหญ่เสมอ แต่เมื่อเจอโอกาสที่เหมาะสม ก็ควรจัดการไม่ใช่หรอกหรือ? ความคิดของพระองค์ชัดเจนอยู่แล้ว ดังนั้นจงทำตามที่พระองค์ต้องการเถอะ จัดก

  • ใต้หล้าสยบรัก   บทที่ 1012

    พระชายาจี้พูดจบก็กลับไปนั่งลงบนเก้าอี้เก้าอี้ที่นางนั่งนั้นใหญ่มาก แต่นางผอมมากเนื่องจากป่วยมาเป็นเวลานาน เก้าอี้นั้นยังมีพื้นที่เหลืออีกมาก ผู้หญิงตัวเล็ก ๆ คนนั้นนั่งบนเก้าอี้กว้างตัวใหญ่ประจัญหน้ากับพวกขุนนางกว่าสิบคนที่อยู่ตรงนั้นแม่ทัพซุยไม่กล้าพูดอะไรอีกต่อไป ความโกรธบนใบหน้าของเขาก็ค่อย ๆ แปรเปลี่ยนเป็นความหวาดกลัวคนที่เหลือก็เงียบและก้มหน้าเช่นกันพระชายาจี้รออยู่สักพัก ก่อนที่จะกล่าวอย่างใจเย็นว่า "องค์รัชทายาทคือผู้กำหนดชะตา ถ้าเจ้าปฏิบัติตามให้ดี เจ้าจะมีชีวิตอยู่อย่างมั่งคั่งและมั่งคั่งในภายภาคหน้า วันนี้ข้าพูดได้เพียงเท่านี้ ทุกคนไปเถอะ รักษาตัวด้วย"หลังจากพูดจบ นางก็ยืนขึ้น และเดินออกไปโดยเอามือไพล่หลัง แผ่นหลังบาง ๆ ของนางตั้งตรงดูยิ่งใหญ่ราวกับว่าสามารถแบกท้องฟ้าได้ครึ่งหนึ่งแรงสนับสนุนของอวี่เหวินห่าวสูงขึ้นเรื่อย ๆอย่างไรก็ตาม มีคน ๆ ​​หนึ่งที่มีความคิดเห็นเป็นปฏิปักษ์อยู่เสมอ ถึงกับตำหนิเขาตรง ๆ ต่อหน้าท้องพระโรงทำให้บรรยากาศของวันนั้นแย่เป็นอย่างยิ่ง แม้แต่จักรพรรดิหมิงหยวนก็ยังกริ้วจนหน้าดำจูกั๋วกงคนนี้คือ จูหรูเพ่ย เป็นพ่อตาของตี้เว่ยหมิงเมื่อก่อน

  • ใต้หล้าสยบรัก   บทที่ 1011

    มีแม่ทัพแซ่ซุยอยู่ที่นี่ ซึ่งเคยอยู่กับตี้เว่ยหมิงมาก่อน และตี้เว่ยหมิงได้ติดต่อเขาแล้ว เมื่อได้ยินสิ่งที่พระชายาจี้พูด เขาพูดอย่างเฉยเมยว่า "ข้อเสนอขององค์รัชทายาทที่จะจัดตั้งพันธมิตรกับต้าโจว ไม่ต่างอะไรไปกว่าการกระทำของคนขี้ขลาด คิดว่าด้วยการสนับสนุนของต้าโจว เป่ยถังของเราจะสามารถดำรงอยู่ได้อย่างสงบสุขรึ และเช่นกันด้วยวิธีนี้ เป่ยถังของเราจะต้องมองสีหน้าท่าทีของต้าโจวในทุก ๆ เรื่องงั้นหรือ? นี่คิดว่ามันคงไม่เหมาะกระมั่ง”พระชายาจี้มองเขา น้ำเสียงของนางเย็นชาเล็กน้อย “แม่ทัพซุย แม้ว่าข้าจะเป็นผู้หญิง แต่ข้าก็รู้ด้วยว่าสิ่งที่องค์รัชทายาทเสนอเป็นพันธมิตร มิใช่การยอมจำนน ทำไมเจ้าต้องสังเกตสีหน้าท่าทางต้าโจวทุกอย่างด้วย?”แม่ทัพซุยพูดอย่างแข็งกร้าว "พระชายาคงไม่เข้าใจสินะ? เมื่อพันธมิตรถูกจัดตั้งขึ้น ก็จะมีข้อจำกัดซึ่งกันและกัน ข้อจำกัดทางทหารไม่ใช่เรื่องที่ดี"พระชายาจี้ถึงกับขำ แววตาของนางดูเย็นชาขึ้นมา "จริงหรือ? แล้วทำไมข้าถึงได้ยินว่าสนธิสัญญานี้หมายถึงการไม่รุกรานกัน? หรือว่าแม่ทัพซุยมีความคิดที่จะรุกรานแคว้นอื่น"แม่ทัพซุยตกตะลึง "นี่...ข้าย่อมไม่มีอยู่แล้ว"“ในเมื่อไม่มี เจ

  • ใต้หล้าสยบรัก   บทที่ 1010

    หยวนชิงหลิงไม่สบายใจ อย่างไรก็ตาม เสี่ยวลั่วหมี่ยังมีไข้อยู่นางยิ้มและพูดว่า "เสด็จย่า พวกเขาอาจจะงอแง เกรงว่าจะทำให้พระองค์ทรงเหนื่อยได้เพคะ"ไทเฮาทรงมีสีพระพักตร์นิ่งเฉย และตรัสอย่างไม่พอใจว่า “เกรงว่าคนแก่อย่างข้าจะอ่อนล้า หรือไม่วางใจให้ข้าดูแลพวกเขากัน? กลัวว่าพวกเขาอยู่กับข้าแล้วจะดูแลไม่ดี ไม่มีนมให้กินอย่างนั้นรึ” หยวนชิงหลิงยิ้มและพูดว่า "ดูพระองค์พูดสิเพคะ พระองค์จะปฏิบัติต่อพวกเขาอย่างเลวร้ายได้อย่างไร? พระองค์ออกจะรักเหมือนเป็นหัวแก้วหัวแหวน... "“บุ้ย ๆ ๆ หัวแก้วหัวแหวนอะไรกัน ไม่ใช่ลูกสาวสักหน่อย แต่เป็นทองคำต่างหาก ทองคำของข้า” ไทเฮาทรงตรัสแปลก ๆ ขณะอุ้มเสี่ยวลั่วหมี่ไว้นางเงยหน้าขึ้นและมองไปที่หยวนชิงหลิงและพูดอย่างเย็นชาว่า "อย่าพูดไร้สาระ แค่อยู่ในวังสักสองสามวัน ไว้หายดีแล้วค่อยให้เจ้ามารับไป หากยังกังวลใจ ให้ไปหาไท่ซ่างหวงให้รับรองให้เจ้าเถอะ”หยวนชิงหลิงได้ยินว่านางถึงกับยกไท่ซ่างหวงออกมาแบบนี้ นางจะกล้าปฏิเสธได้อย่างไร นางจึงจำใจต้องส่งลูกที่เพิ่งครบเดือนให้ห่างอกนางเท่านั้นอย่างไรก็ตาม เมื่อนึกถึงเรื่องการจัดตั้งโรงเรียนแพทย์ ทุกวันนี้นางก็แทบไม่มีเวลา

  • ใต้หล้าสยบรัก   บทที่ 1009

    ในเมื่อเสด็จพ่อเห็นด้วย จะให้เขามาหารือกับเหล่าขุนนางเพื่อเรียกแรงสนับสนุน แล้วทำไมเขาต้องไปหาเสียงเห็นชอบด้วยจักรพรรดิหมิงหยวนมองเขาอย่างแฝงความนัย เขายังเด็กเกินไปจริง ๆ "ไปซะ"อวี่เหวินห่าวออกไปคิดเกี่ยวกับเรื่องนี้ และทันใดนั้นก็ตระหนักได้ว่า มันยังเป็นความเคลื่อนไหวอันเฉียบแหลมของเสด็จพ่อ ที่ไม่ได้แสดงจุดยืนของพระองค์ออกมา และเฝ้าดูความเคลื่อนไหวของเหล่าขุนนางอย่างเงียบ ๆ หากพระองค์แสดงจุดยืนออกมา หลายคนจะเอียนเอียงคล้อยตามพระองค์ทันที ถ้าพระองค์ไม่พูดอะไร พระองค์ก็จะรู้ความคิดทุกคนจริง ๆ ว่าใครอยู่ข้างตี้เว่ยหมิงอย่างไรก็ตาม หลังจากที่เขาจากไป จักรพรรดิหมิงหยวนก็คิดว่าเรื่องนี้มีข้อดีมากมาย แต่ก็มีข้อเสียเล็ก ๆ น้อย ๆ ด้วยเช่นกัน เพื่อหลีกเลี่ยงไม่ให้นักประวัติศาสตร์ในอนาคตเขียนส่งเดชให้เขาเป็นแพะรับบาป การแสร้งทำเป็นบีบบังคับให้ทำในสิ่งที่ไม่น่าทำได้น่าจะเป็นการดีกว่าเขากำลังกินหมานโถ่วและกังวลใจเกี่ยวกับเสี่ยวลั่วหมี่วันนี้เสี่ยวลั่วหมี่มีไข้ อันที่จริงไม่ใช่แค่เสี่ยวลั่วหมี่ แต่เด็กทั้งสามคนมีอาการไอเล็กน้อยเพียงแต่ร่างกายของเสี่ยวลั่วหมี่นั้นไม่ค่อยแข็งแรง เขาจึงมี

  • ใต้หล้าสยบรัก   บทที่ 1008

    หลังจากเลิกว่าราชกิจแล้ว อวี่เหวินห่าวก็ไม่ย่อมไม่พอใจ ดังนั้นเขาจึงไปหอตำราหลวงหาจักรพรรดิหมิงหยวนจักรพรรดิหมิงหยวนมักจะกินอาหารเช้าหลังจากเลิกว่าราชกิจในยามเช้า มีโจ๊กและหมานโถ่วอยู่ในห้องทำงานของจักรพรรดิ หลังจากกินโจ๊กชามหนึ่ง ก็พูดอย่างเรียบเฉยว่า"เป็นเพราะความสัมพันธ์ระหว่าเจ้ากับแม่ทัพเฉินแห่งต้าโจว? ถึงเป็นเหตุผลให้เจ้าวิ่งเต้นขนาดนี้?”อวี่เหวินห่าวไม่ได้กินอาหารเช้าเช่นกัน และตอนนี้เขาหิวมาก เมื่อเห็นว่าเขาหยุดกินโจ๊กแล้ว เขาคิดว่าเขาไม่เอาหมานโถ่วแล้ว จึงเอื้อมมือไปหยิบหมานโถ่ว “ไม่ใช่พ่ะย่ะค่ะ กระหม่อม..."จักรพรรดิหมิงหยวนหยิบตะเกียบขึ้นมาและชี้ไปที่เขา "วางลงซะ!"อวี่เหวินห่าวถึงกับอ้าปากค้าง เมื่อเห็นสายตาพ่อตัวเองเป็นประกายเช่นนั้น เขาแอบบ่นว่าขี้งกและวางหมานโถ่วกลับที่เดิมจักรพรรดิหมิงหยวนหยิบหมานโถ่วขึ้นมาเช็ด จากนั้นค่อย ๆ ปอกลอกเปลือกนอกออกและกินมัน โดยทิ้งอวี่เหวินห่าวที่อยู่ข้าง ๆอวี่เหวินห่าวพูดอย่างเศร้าใจ "กระหม่อมก็หิวเหมือนกัน เมื่อเช้านี้ตื่นมา แม่นมบอกว่าเสี่ยวลั่วหมี่ตัวร้อนเล็กน้อย กระหม่อมจึงรีบไปดูก่อน ไม่ได้สนใจที่จะกินอาหารเช้า"เมื่อได้ยินว

  • ใต้หล้าสยบรัก   บทที่ 1007

    เขาพูดเสียงดังในท้องพระโรง "เป่ยโม่และเสียนเป่ยเป็นดั่งหมาป่าทะเยอทะยาน พวกเขาจับตามองเป่ยถังมานานแล้ว แต่เป็นเพราะทหารม้าที่แข็งแกร่งของเป่ยถั งและเหล่ายอดนักรบจึงขับไล่พวกเขากลับไปได้เป็นการชั่วคราว แต่ไม่มีอะไรมารับประกันได้ว่าพวกเขาจะไม่กลับมารุกรานอีกตอนนี้ต้าโจวได้พัฒนาอาวุธและรถออกศึกได้ หากทั้งสองแคว้นเป็นพันธมิตรกัน ต้าโจวสามารถช่วยเป่ยถังปรับปรุงอาวุธและยุทโทปกรณ์ ซึ่งสามารถเสริมสร้างการป้องกันทางทหารของเป่ยถังได้ และร่วมกับการพัฒนาเศรษฐกิจ นี่เป็นประโยชน์ระยะยาวสำหรับเป่ยถัง รัชทายาททรงมีพระวินิจฉัยที่ลึกซึ้ง นั่นเป็นผลดีต่อราษฏร และเขายังคิดถึงระยะยาวสำหรับเป่ยถัง ส่วนแม่ทัพตี้เว่ยหมิงที่เจตนาพูดจาให้คนอื่นตกใจนั้นก็มีส่วนต้องรับผิดชอบด้วย ว่าไปแล้วเป่ยถังไม่ได้ไปรุกรานโม่เป่ยกับเสียนเป่ย หากพวกเขาไปรุกรานต้าโจว มีหรือจะปล่อยเป่ยถังไว้? หรือถึงตอนนั้นต้องยกแคว้นให้เพื่อสงบศึกกัน? "ในตอนนั้นเป่ยถังพ่ายแพ้ให้กับเป่ยโม่ ถูกทหารสามหมื่นนายล้อมไว้ ในท้ายที่สุด แม่ทัพตี้เว่ยหมิงถูกส่งไปเจรจาสงบศึก ยกเมืองที่เป่ยโม่ต้องการถึงจะยอมถอยทัพนี่เป็นความอัปยศอดสูของเป่ยถังเสมอ และม

DMCA.com Protection Status