“รอดูท่าที แล้วสถานการณ์มันจะพลิกผันได้รึไง?” อวี่เหวินห่าวถามออกมาอย่างเย็นชา“ไม่พ่ะย่ะค่ะ แต่อย่างน้อยก็สามารถเตรียมที่จะรับมือกับสถานการณ์ได้” ถังหยาง ถอนหายใจออกมา “ท่านอ่องในตอนนี้ไม่สามารถต้องลมได้ มันจะส่งผลต่ออาการบาดเจ็บหนักของท่าน ถึงไม่เข้าวังไปอธิบายเรื่องราว ยังไงฮ่องเต้ก็ให้อภัยโทษ แต่ถ้าท่านอ๋องเข้าวังด้วยสภาพนี้ มันจะทำให้ฮ่องเต้คิดว่าท่านใช้อาการบาดเจ็บท่านมาเล่นละครแสดงความบริสุทธิ์ใจ” “ซูยี่ไปเตรียมเกี้ยว” อวี่เหวินห่าวพูดกับซูยี่ซูยี่มองหน้าถังหยางอย่างลำบากใจ อาการบาดเจ็บของท่านอ๋องก็หนักเหลือเกิน ลงจากเตียงยังทำไม่ได้เลย แล้วท่านจะเข้าวังได้อย่างไร? “ท่านอ๋อง โปรดไตร่ตรองด้วย!” ถังหยางกล่าวด้วยน้ำเสียงขรึมอวี่เหวินห่าวไตร่ตรองซ้ำแล้วซ้ำอีก น่าจะเกินสามสิบรอบไปแล้วด้วยซ้ำตั้งแต่ที่หยวนชิงหลิงถูกขันทีมู่หรูเชิญตัวไป สมองของเขาหยุดที่จะคิดไม่ได้เลยเขาคิดคำแก้ต่างต่าง ๆ นานา แต่ว่า ไม่ว่าจะเป็นคำแก้ต่างอะไร เขาก็ไม่สามารถที่จะแก้ต่างให้ตัวเองไม่มีส่วนเกี่ยวข้องในเรื่องนี้ได้เขาคำนึงถึงสถานการณ์ที่เลวร้ายที่สุดที่เป็นไปได้ นั่นก็คือ เพื่อที่จะหนีเอาตัวรอด
ตำหนักเสี้ยวเย่วตกอยู่ในภวังค์ความเงียบอวี่เหวินห่าวคิดไตร่ตรองซ้ำแล้วซ้ำเล่าและเงยหน้าขึ้นมองถังหยาง “เจ้าไปสืบมาไท่ซ่างหวงโดนพิษอะไร?”“ท่านอ๋อง เกรงว่าจะไม่ได้พะยะคะ”“กู้ซี เขาต้องรู้แน่!” อวี่เหวินห่าวกล่าว“ในตอนนี้กู้ซีได้รับคำสั่งให้อยู่ในวังหลวง และไม่สามารถออกมาได้ อย่างไรก็ตามกู้ซีเองก็คงอยากออกมา แต่ถ้าให้พูดสถานการณ์ของเขาตอนนี้ไม่สามารถหาทางออกมาส่งข่าวบอกได้เลย” ถังหยางพูดโดยคำนึงถึงสถานการณ์ที่รัดกุมในตอนนี้แววตาของอวี่เหวินห่าวปรากฏความโหดเหี้ยมออกมา “ข้าจะเข้าวังไปกราบทูล ข้าจะสารภาพ”“ท่านอ๋อง!” ซูยี่และถังหยางร้องตกใจเสียงหลงพร้อมกัน ท่านอ๋องบ้าไปแล้ว? จะสารภาพจริง ๆ“ข้าจะสารภาพ เรื่องทั้งหมดที่หยวนชิงหลิงทำทั้งหมด ข้าเป็นคนบงการ” ใบหน้าของอวี่เหวินห่าวว่างเปล่าไร้ความรู้สึกซูยี่ถอนหายใจเฮือกหนึ่ง ถ้าอย่างนั้นก็เท่ากับว่าท่านอ๋องบงการคนร้ายให้มาทำร้ายตัวเองแต่ว่า การบอกว่าตัวเองเป็นคนบงการให้พระชายารักษาไท่ซ่างหวง ก็ไม่สมเหตุสมผล“ไม่ได้พ่ะย่ะค่ะ ท่านอ๋อง ตอนนี้ท่านเองก็ตกเป็นหนึ่งในผู้ต้องสงสัยแล้ว” ซูยี่กล่าวถังหยางคิดแล้วคิดอีกก่อนจะพูดออกมา “ท่า
เกี้ยวเคลื่อนมาหยุดจอดหน้าประตูหอตำราหลวงอ๋องรุ่ยชิงกล่าวกับถังหยาง “พวกเจ้ากับท่านอ๋องรออยู่ที่นี่ ข้าจะเข้าไปพบฮ่องเต้”“พ่ะย่ะค่ะ!”เพียงแค่ชายเสื้อสะบัด อ๋องรุ่ยชิงก็ได้เข้าไปในหอตำราหลวงแล้วถังหยางเห็นพระยาจิ้งอยู่หน้าหอตำราหลวงยืนตัวสั่นหงึกหงัก หน้าถอดสีจนยืนแทบไม่ไหวเขาเดินไปข้างหน้า “ท่านพระยา”พระยาจิ้งสะดุ้งตกใจเมื่อเห็นถังหยาง เมื่อตั้งสติมองดูดี ๆ “นี่ใต้เท้าหยาง”“ท่านพระยา มาทำอะไรที่นี่?” ถังหยางกล่าวถามพระยาจิ้งมีสีหน้าเศร้าสร้อยพูดกับถังหยาง “รอฮ่องเต้เรียกเข้าพบ แต่ก็ไม่รู้ว่าพระองค์มีเรื่องอะไรจึงได้ให้คนไปตามข้า แต่กลับไม่พบข้า เพียงแต่ให้คนมาถามไม่กี่คำเกี่ยวกับเรื่องหยวน ชิง...พระชายา และบอกให้ข้ารออยู่ด้านนอก” ตอนที่พูดอยู่ ขันทีมู่หรูเดินออกมา “ท่านอ๋องฉู่ เชิญเข้าเฝ้า”ถังหยางกับซูยี่ช่วยประคองอวี่เหวินห่าวออกมา พระยาจิ้งเห็นอวี่เหวินห่าวก็ตกใจ รีบถอยตัว กลัวจะไปโดนตัวอีกฝ่าย เขาซีดเซียวราวกับกระดาษจริง ๆ ถ้ามีลมพัดก็อาจจะปลิวไปตามลมได้ด้วยซ้ำ“ฝ่าบาทให้ท่านอ๋องฉู่เข้าเฝ้าคนเดียว” ขันทีมู่หรู ขวางทางซูยี่กับถังหยางและกล่าวอย่างเรียบเฉยถังหย
อ๋องรุ่ยชิงเองก็ทนรอเฉย ๆ ไม่ได้ นำยาเม็ดที่ตัวเองพกมาออกจากแขนเสื้อ และนำใส่ปากของอวี่เหวินห่าว หลังจากนั้นก็หันมาคุกเข่า “ฮ่องเต้ กระหม่อมเองก็ไม่เชื่อว่าเจ้าห้าจะทำร้ายตัวเอง แต่อาการบาดเจ็บขนาดนี้ กระหม่อมเกรงว่าหมอหลวงเองก็ยากจะช่วยได้ ถ้าเพียงแค่แสดงละครให้พระองค์เห็น ไม่จำเป็นต้องลงทุนทำให้ตัวเองอาการหนักขนาดนี้”หยวนชิงหลิงที่ได้ยินแบบนั้นก็รู้สึกตกใจมาก ฮ่องเต้คิดว่าเขาทำร้ายตัวเองงั้นเหรอ?แต่เดิมกู้ซีที่จับตามองหยวนชิงหลิง เขาก็ออกปากขอร้องด้วยเช่นกัน “ฝ่าบาท กระหม่อมเองก็คิดว่ามันไม่สมเหตุสมผล หมอหลวงเองก็พูดว่าอาการของท่านอ๋องสาหัสมาก ต้องเตรียมตัวจัดงานศพ แต่ไท่ซ่างหวงรับสั่งให้พระชายารีบออกจากวังเพื่อมาช่วยท่านอ๋อง กระหม่อมเองก็เป็นผู้ฝึกวิทยายุทธ์ รู้ว่าดาบหอกนั้นไร้ซึ่งความเมตตา ไม่เพียงแต่จะทำให้ตนบาดเจ็บแต่ยังเป็นอันตรายถึงชีวิตได้พ่ะย่ะค่ะ”จักรรรดิหมิงหยวน พูดด้วยเสียงราบเรียบ “ทั้งหมดลุกขึ้นมาเถอะ”ในแววตาของกู้ซือมีความขุ่นมัวอยู่บ้าง ฮ่องเต้ยังคงไม่แสดงท่าทีอะไรออกมาเลยหมอหลวงที่รีบเข้ามายังวังหลวง เขารับใช้ไท่ซ่างหวงด้วยใจภักดีมาเป็นเวลาหลายปี เขาได้ฝึก
หยวนชิงหลิงยังคงปั้มหัวใจต่อไป โดยหวังว่าเขาจะแค่ช็อกไปเท่านั้นจักรพรรดิหมิงหยวนรู้สึกโศกเศร้าเสียใจ ลูกชายคนนี้เป็นลูกชายที่เขาชื่นชมมากที่สุด แม้สุดท้ายจะทำให้เขาผิดหวังก็ตาม แต่ความสัมพันธ์พ่อลูกก็ไม่อาจตัดขาดได้ เขาไม่สามารถมองภาพตรงหน้าได้ เลยหันกายเดินโซเซออกไปหนึ่งก้าวโดยมี อ๋องรุ่ยชิง รีบไปประคองไว้“ลากนางออกมา!” จักรพรรดิหมิงหยวนกลืนเลือดลงคอไป ขมขื่นจนรู้สึกเวียนหัว “ไปแจ้งข่าวให้นางสนมเสียนมาพบเขา”กู้ซีกำลังจะเดินเข้าไปลากตัวหยวนชิงหลิงออกมา แต่ได้ยินเสียงหมอหลวงตะโกนขึ้นว่า “ท่านอ๋องหายใจแล้ว ท่านอ๋องหายใจแล้ว”จักรพรรดิหมิงหยวนหันกลับมามองหน้าอกของอวี่เหวินห่าวที่กระเพื่อมขึ้นลงช้า ๆ อย่างไม่น่าเชื่อ เขายื่นมือตัวเองไปทดสอบลมหายใจหยวนชิงหลิงหมดเรี่ยวแรงไถลบนเตียง นางหายใจหอบ ไม่รู้ว่าทำไมน้ำตาถึงไหลออกมา ในใจมีความอัดอั้น อยากร้องไห้เสียงดังออกมา แล้วนางก็ร้องไห้ออกมาจริง ๆนางรู้ว่าตัวเองเสียมารยาทอย่างมาก นางจึงคุกเข่าลง ร้องไปขอประทานอภัยไป “เสด็จพ่อ หม่อมฉันรู้ว่าตัวเองเสียมารยาท แต่หม่อมฉันอยากร้องไห้จริง ๆ ขอเสด็จพ่อเมตตาให้หม่อมฉันร้องสักครู่เถอะนะเพคะ
“หันมานี่!” เขาพูดเรียกเสียงเบาหยวนชิงหลิงวางคางเกยลงบนเตียง ยิ้มไปน้ำตาไหลไป “ยินดีที่รอดตายนะ”“ไม่ใช่ว่าเจ้าอยากให้ข้าตายรึ?” อวี่เหวินห่าวมองหน้างดงามของนาง บนหน้าผากมีรอยฟกช้ำ ตาก็บวมยังกับลูกท้อ น้ำตาที่ชะล้างคราบสกปรกบนใบหน้าเผยให้เห็นใบหน้าขาวซีด คิดไม่ถึงเลยจริง ๆ ว่า เมื่อไม่กี่วันก่อนพวกเขายังไม่ถูกกันเหมือนน้ำกับไฟอยู่เลย“ใช่ ข้าอยากให้ท่านตายจริง ๆ” หยวนชิงหลิงเช็ดน้ำตาเธอแสดงความไร้เดียงสาออกมา “แต่ไม่ใช่ตายต่อหน้าต่อตาข้า ข้าเป็นหมอ คนไข้ตายต่อหน้าข้า มันคือความผิดของข้า”อวี่เหวินห่าวมองนางแล้วยิ้มออกมาอย่างช้า ๆ กู้ซีที่ยืนมองอยู่ด้านข้าง ยิ้มอย่างโล่งใจออกมาและมองหยวนชิงหลิงด้วยสายตาซับซ้อนพระชายาคนนี้จริง ๆ แล้วก็ไม่ได้เป็นคนน่ารังเกียจอวี่เหวินห่าวสูดหายใจเข้าลึก ๆ ยาจื่อจินกำลังออกฤทธิ์ รู้สึกถึงพลังลมปราณที่ค่อย ๆ เพิ่มจากจุดชีพจรที่ใต้สะดืออย่างช้า ๆเขามองไปที่กู้ซี “ไท่ซ่างหวงโดนพิษอะไร?”กู้ซีก้าวมาข้างหน้าหนึ่งก้าวและตอบว่า “จริง ๆ แล้วกระหม่อมเองก็ยังไม่ทราบแน่ชัด ทราบแต่เพียงว่า เมื่อคืนวาน ไท่ซ่างหวงจู่ ๆ ก็อาเจียนเป็นเลือดและหมดสติไป หมอหล
เขาโกรธเกรี้ยวอย่างที่สุด นางก่อเรื่องขึ้นมาจริง ๆ! กลับถึงจวน ก็พาลอารมณ์เสียใส่ฮูหยินชงขึ้นมา “ดูเจ้าสั่งสอนลูกสาวสิ อุตส่าห์ส่งนางแต่งไปเป็นพระชายา นางให้อะไรตอบแทนพวกเราบ้าง? วันนี้ฮ่องเต้อารมณ์ดี เลยไม่ได้ตำหนิอะไรข้า อย่างไรก็ตาม กลัวแต่ว่าตำแหน่งก็คงไม่อาจปกป้องแล้ว”ฮูหยินหยวนไม่ได้คิดอะไรมาก ได้ยินสามีด่าว่าลูกสาว นางเองก็รู้สึกแอบเกลียดขึ้นมา “ต่อไปก็ปล่อยนางไปตามยถากรรม พวกเราไม่ต้องไปสนนาง”“ยังต้องสน? ต่อไปกลับจวนขอเงิน สักแดงเดียวก็อย่าให้นาง” นึกถึงเงินเมื่อครั้งก่อนที่ให้นางไปให้ฝ่ายกลาโหม เงินก้อนนั้นรู้สึกเหมือนเอาซาลาเปาเนื้อให้หมากิน ไร้ประโยชน์ ในใจเขารู้สึกเจ็บปวดแปล๊บ ๆ ฮูหยินหยวนตอบซ้ำ ๆ “ข้าทราบแล้ว”พระยาจิ้งดื่มชาแก้วหนึ่ง ในใจก็คิดไตร่ตรอง หยวนชิงหลิงไม่สามารถเป็นที่โปรดปรานของอ๋องฉู่ได้ ทำได้แค่มีตำแหน่งเป็นพระชายา มองดูแล้วไม่มีประโยชน์อะไรเลย ดูเหมือนว่าเขาต้องหาครอบครัวอื่นถึงจะดีเขาดำรงตำแหน่งข้าราชการประจำกระทรวงกลาโหมเป็นมาหลายปีแล้ว มองเสมียนผู้ช่วยที่เปลี่ยนไปแล้วสามคน เขายังไม่มีโอกาสได้เลื่อนขั้น เขารอไม่ได้แล้วทางด้านตระกูลฉู่ ลมได้เป
ฉู่หมิงชุ่ยรู้สึกว่าปู่ตัวเองกำลังกังวลเรื่องนี้มากเกินไป นางจึงพูดปลอบว่า “ท่านปู่อย่ากังวลไปเลยเจ้าค่ะ หยวนชิงหลิงยังไงก็ไม่รอดพ้นข้อกล่าวหานี้ แต่เดิมอาการป่วยของไท่ซ่างหวงเองก็หนักมาตลอด ตอนนี้ก็โดนวางยาพิษ จะมีใครที่ไหนช่วยได้อีก? เพียงแค่ไท่ซ่างหวงสิ้นพระชนม์ ไม่ว่าสาเหตุสิ้นพระชนม์ของพระองค์จะเกิดจากสาเหตุอะไร หยวนชิงหลิงนางก็มีความผิด เป็นคนรักษาพระอาการไท่ซ่างหวงจนเลวร้ายลง ข้อกล่าวหานี้ ไม่ต้องพูดถึงความดีความชอบนางเลย”เรื่องราวของวังหลัง ลึกลับแปรปรวนราวกับเมฆในม่านหมอก นางยังไม่อาจมองได้กระจ่าง จะนับประสาอะไรกับหยวนชิงหลิงสถานการณ์ในตอนนี้ซับซ้อนมาก อ๋องฉู่เองก็เข้าไปอยู่ท่ามกลางความเสี่ยง ท้ายที่สุดแล้วจวนอ๋องฉู่เองก็คงมาถึงจุดจบ พอคิดถึงอวี่เหวินห่าวขึ้นมา ในใจของนางก็รู้สึกเสียใจเล็กน้อย แต่ทว่านี้เป็นเรื่องใหญ่ ไม่ใช่เรื่องเล็ก ๆ แต่นี่คือชะตาชีวิตเขา“อย่ามั่นใจให้มากนัก ทุกอย่างยังไม่ถึงตอนจบ ต้องมีการเปลี่ยนแปลงเกิดขึ้นแน่” อัครเสนาบดีฉู่จ้องเขม็งไปที่นางทันที “เรื่องที่ไท่ซ่างหวงถูกพิษ ใช่ฝีมือพวกเจ้าหรือไม่?”ฉู่หมิงชุ่ยตกใจ “ไม่ใช่ฝีมือพวกข้าแน่นอน ถึงหลาน