แสงอาทิตย์ที่ค่อย ๆ อาบไล่ไปทั่วตำหนัก จนตอนนี้ก็ยังไม่พบว่าอวี่เหวินห่าวเข้าวังหยวนชิงหลิงรู้สึกไม่ค่อยสบายใจอยู่บ้าง วันนี้ผ่านไปได้อย่างเงียบสงบ ตั้งแต่นางทะลุมิติมาอยู่ที่นี่ ไม่เคยมีวันไหนที่สงบเท่าวันนี้มาก่อน ตกดึกหลังจากช่วยฟูเป่าล้างแผลเสร็จ ฉางกงกงก็พานางกลับไปพักผ่อนที่ตำหนักซีหน่วน หยวนชิงหลิงออกจากตำหนัก เห็นเกี้ยวเสด็จขององค์จักรพรรดิหมิงหยวนมาถึงหน้าประตูตำหนักแล้ว นางลังเลอยู่ว่าจะกลับตำหนักเลยดี หรือว่าจะรอให้ฮ่องเต้เข้าเฝ้าถวายบังคมให้เสร็จก่อนแล้วค่อยกลับ ถึงหน้าตำหนักแล้วกลับหันกายกลับไป? หรือว่ามีเรื่องให้เกิดขึ้น?หยวนชิงหลิงเดินใจลอยกลับถึงตำหนักซีหน่วน นางข้าหลวงสี่ เข้ามาเปลี่ยนยาให้นาง หยวนชิงหลิงเช็ดตัวด้วยน้ำร้อน ล้างหน้า ทั้งตัวรู้สึกสบายขึ้นมากนางกินยาแก้อักเสบ กลับไปที่เตียงแล้วนอนหลับไปหลายวันมานี้ที่กินยาแก้อักเสบอยู่ตลอด มันทำให้นางรู้สึกง่วงซึม อยากนอนอยู่ตลอดเวลา เปลือกตาก็ลืมแทบไม่ขึ้นแล้วถึงกระนั้นก็อดคิดไม่ได้ว่า ฮ่องเต้ทำไมมาแล้ว แล้วก็กลับไปซะอย่างนั้นดึกดื่นค่ำคืน นางข้าหลวงสี่เข้ามาปลุกนางหยวนชิงหลิงขยี้ตา เห็นนางข้าหลวงสี่ถ
นอกประตูจวนอ๋องฉู่มีโคมไฟดวงใหญ่สองดวงแขวนอยู่ ไอหมอกปกคลุม แสงระยับรำไร หยวนชิงหลิงรู้สึกใจคอไม่ค่อยดี เดินก้าวผิดจังหวะจนลื่นล้ม องครักษ์จึงเข้ามาช่วยและพูดเสียงเบา “พระชายาระวังด้วย”“ขอบใจ” หยวนชิงหลิงเงยหน้าขึ้นสบเข้ากับสายตาเย็นชาขององครักษ์กู้ซือ“เดินได้ไหม พ่ะย่ะค่ะ?” องครักษ์กู้ซือปล่อยนางและถามหยวนชิงหลิงลื่นล้มขาแพลงเจ็บมาก แต่ว่านางก็ไม่ได้ให้องครักษ์กู้ซือช่วยประคอง นางค่อย ๆ เดินกะเผลก ๆ เข้าไปเองเข้ามาถึงกลางจวนเป็นทางเดินตรงยาว ถังหยางกล่าวขึ้นว่า “เมื่อคืนก่อน ท่านอ๋องตอนออกจากวังถูกลอบทำร้าย อาการบาดเจ็บสาหัส”“อาการหนักขนาดไหน?” มิน่า ไม่แปลกใจเลยที่เมื่อวานเขาไม่เข้าวัง ที่แท้ถูกทำร้ายนี่เอง“ท่านอ๋องหยุดหายใจไปชั่วครู่ หลังจากนั้นอ๋องฉีมอบยาเม็ดจื่อจินมาให้ให้ถึงยื้อกลับมาได้ แต่ท่านอ๋องก็ยังไม่ฟื้น ตั้งแต่ช่วงหัวค่ำของเมื่อวานท่านอ๋องก็ไข้ขึ้นสูงตลอด อีกทั้งอาเจียนเป็นเลือด” ถังหยางพูดเสียงต่ำ“แล้วทำไมถึงเพิ่งจะมาเรียกหาข้าตอนนี้?” หยวนชิงหลิงถามถังหยางเดินอย่างเร่งรีบและกล่าวว่า “ท่านอ๋องไม่อนุญาตให้รายงานเข้าไปในวังหลวง สถานการณ์เมื่อคืนวานอันตรา
เธอตบหน้าเขาเบา ๆ “อวี่เหวินห่าว นี่อวี่เหวินห่าว”“เจ้าอย่าตบเขา เขาหมดสติไปนานแล้ว” อ๋องฉีพูดอย่างโกรธเคือง หยวนชิงหลิงยังตบต่อ “นี่อวี่เหวินห่าว ตื่นแล้วลองลืมตาดูสิ” เธอจับมือเขาแล้วยืดคลายมือเขาออก เธอจับมือเขาแน่น “ลืมตาสิ”“เจ้านี่มัน! ไม่รู้เลยจริง ๆ เสด็จพ่อให้เรียกตัวเจ้ามาทำอะไร” อ๋องฉีเดินเข้ามาคิดจะลากนางออกไป แต่พบว่าอวี่เหวินห่าวค่อย ๆ ลืมตาขึ้นอย่างช้า ๆ หยวนชิงหลิงผลักอ๋องฉีออก “ท่านถอยไปตรงนั้นโน้น อย่ามาเกะกะข้า”อ๋องฉีมองนางด้วยความประหลาดใจ ผู้หญิงคนนี้ทำไมดุร้ายขนาดนี้?หยวนชิงหลิงวางมือทั้งคู่ไว้ที่ศีรษะและเอ่ยปากถาม “อวี่เหวินห่าวมองข้า จำได้หรือไม่ว่าข้าคือใคร?”อวี่เหวินห่าวมองภาพตรงหน้าเป็นภาพมัว แต่ยังได้ยินเสียง ได้ยินไม่กี่คำก็พูดออกมาคำนึงว่า“หญิงอัปลักษณ์”หยวนชิงหลิงเบ้ปากลง “ท่านคือใคร เกิดอะไรขึ้น ท่านรู้เรื่องไหม?”“ข้าถูกลอบทำร้าย”ยังมีสติรับรู้ชัดเจน“ดี ตอนนี้ข้าจะตรวจอาการท่าน ถ้ารู้สึกเจ็บให้บอกข้า ข้าต้องตรวจก่อนว่ามีท่านมีอาการเลือดออกในสมองหรืออาการฟกช้ำภายในหรือไม่” หยวนชิงหลิงใช้มือทั้งคู่ค่อย ๆ กดลงเบา ๆ ที่บริเวณกระโหลกศรีษ
“ก็คือการเอาเลือดของพวกเจ้าให้ท่านอ๋องใช้”เมื่อองครักษ์ซูยี่ ยกข้อมือขึ้นแล้วกรีดข้อมือ เลือดไหลลงมาแล้ว เลื่อนข้อมือไปให้เลือดหยดลงในปากของอวี่เหวินห่าว แล้วพูดว่า “แม้จะใช้เลือดข้าน้อยจนหมดตัวก็ไม่เป็นไร”หยวนชิงหลิงเหลือบมองเขา “น่ายกย่องที่เจ้าจงรักภักดี แต่แบบนี้เจ้าไม่สามารถช่วยเขาได้ แม้ว่าเลือดจะถูกกลืนเข้าไป ก็ลงไปถึงแค่กระเพาะเท่านั้นแหละ ส่งไปไม่ถึงหลอดเลือด และไม่มีทางไหลเวียนไปยังหัวใจ รีบห้ามเลือดก่อนเถอะ อย่าเสียเวลาเลย” ซูยี่ตกตะลึง มองไปที่อวี่เหวินห่าวที่มีเลือดอยู่เต็มปาก และเอ่ยอย่างเขิน ๆ ว่า “ไม่ใช่แบบนี้เหรอ?”หยวนชิงหลิงยื่นกระดาษทดสอบไปแตะเลือดของซูยี่ คนอื่น ๆ ก็ทำตามที่หยวนชิงหลิงพูด โดยหยดเลือดลงบนกระดาษทดสอบจากนั้นหยวนชิงหลิงก็เจาะปลายนิ้วอวี่เหวินห่าวเพื่อตรวจเลือดหลังจากรอสักครู่ นางมองไปที่กระดาษทดสอบ พูดว่า “กู้ซือ, ถังหยาง เลือดของพวกเจ้าใช้ได้”ทั้งคู่เป็นเลือดกรุ๊ป โอ แต่เลือดของอวี่เหวินห่าวนั้นเป็นเลือดกรุ๊ป เอกู้ซือและถังหยางยืนตัวตรงทันที รอคำกำชับของหยวนชิงหลิง“นั่งลง!” หยวนชิงหลิงหยิบถุงเข็มเจาะเลือดออกมา การถ่ายเลือดเร่งด่วนในสถ
หยวนชิงหลิงยืนขึ้น ขยับ ๆ มือที่ปวดเมื่อย ไหล่และกระดูกสันหลังส่วนคอของนางปวดจนเกือบจะทนไม่ไหวแล้ว นางมองไปแวบหนึ่ง ทุกคนในห้องนั้นไม่มีคุณสมบัติเป็นหมอฝึกหัดหรือแม้แต่พยาบาล และไม่มีทางที่จะยืมมือใครมาช่วยได้เลย “พระชายา ถ้าลำบากจริง ๆ ก็ให้ไปเชิญแม่นมฉีมาช่วยเถอะ นางมีทักษะด้านเข็มและด้ายเป็นอย่างดี” ซูยี่แนะนำ เมื่อครู่รู้สึกขายหน้า ในตอนนี้เพียงหวังว่าจะได้กู้คืนศักดิ์ศรีกลับมาอีกครั้ง “ถ้าหากท่านอ๋องเป็นเสื้อผ้าชิ้นหนึ่ง ก็สามารถขอให้แม่นมฉีมาช่วยได้อยู่หรอก” หยวนชิงหลิงพูดอย่างเบา ๆอ๋องฉีทนไม่ได้อีกต่อไปแล้ว “นี่เจ้าทำอะไร? แผลสมานเองตามธรรมชาติ ทำไมต้องเย็บด้วย” ดูท่าทีผู้หญิงคนนี้จะรู้จักทักษะทางการแพทย์ แต่เป็นทักษะการแพทย์ไม่ถูกกฎหมาย เป็นสังกัดหมอผี กล่องนั้นก็คือ กล่องของหมอผี ถ้าไม่ใช่เพราะคำสั่งของไท่ซ่างหวง เขาจะไม่ยอมให้นางทำตามใจอย่างนี้แน่นอน ที่ตลกที่สุดคือ นางบอกว่าเลือดของเขาไม่เหมาะกับพี่ห้า เขากับพี่ห้ามาจากพ่อคนเดียวกัน มีความสัมพันธ์ทางสายเลือด จะใช้ไม่ได้ ได้อย่างไร?หยวนชิงหลิงลึก ๆ แล้วไม่อยากสนใจเขาเลย นางหันกลับไป ค่อย ๆ ขยับคอ เพื่อผ่อนคลาย
ฉางกงกงยิ้ม และมองไปที่อ๋องฉีผู้ที่รู้ก่อนใคร "ไม่เช่นนั้น ไท่ซ่างหวงจะรีบให้นางกลับไปที่ตำหนักตอนกลางดึก เพื่อรักษาท่านอ๋องได้อย่างไร?" อ๋องฉีมองไปที่หยวนชิงหลิง ครั้งนี้มองวิเคราะห์ราวกับว่าเขาไม่รู้จักนางมาก่อนเลย ฉางกงกงถามหยวนชิงหลิงอีกครั้ง “ไท่ซ่างหวงยังขอให้ข้าน้อยถามพระชายาว่า อาการบาดเจ็บของพระชายาดีขึ้นหรือไม่?” หยวนชิงหลิงถอนหายใจ ที่สุดก็มีแต่ตาลุงนี่แหละที่รู้จักเป็นห่วงเป็นใยคนอื่น “ขอบพระทัยไท่ซ่างหวงที่เป็นห่วงข้า ข้าดีขึ้นมากแล้ว” ฉางกงกงยิ้ม “งั้นก็ดีแล้ว ไท่ซ่างหวงตรัสว่าให้พระชายารักษาบาดแผลและพักผ่อนให้ดี หากว่าโดนโบยอีก จะต้องมีร่างกายที่แข็งแรงทนทานเท่านั้นที่จะทนต่อความรุนแรงได้” หยวนชิงหลิงมองบน อยากจะถอนคำพูดที่เพิ่งพูดซึ้งใจเมื่อกี้นี้ ตาลุงนี่ร้ายลึกนะ อ๋องฉีเบิกตากว้างอีกครั้ง มองหยวนชิงหลิงด้วยความอิจฉาริษยา เขารู้ว่าไท่ซ่างหวงพูดแบบนี้มาแต่ไหนแต่ไร ยิ่งรักทะนุถนอมใครบางคนมากเท่าไหร่ ก็ยิ่งพูดแบบนี้มากขึ้นเท่านั้น ผู้หญิงคนนี้นางอาศัยอะไร? ก็แค่คนที่ดูแลคนป่วยในวัง แต่กลับได้รับความใส่ใจจากท่านปู่ถึงเพียงนี้ หลังจากฉางกงกงกลับไป อ๋องฉีก็
หยวนชิงหลิงมองไปที่นาง “เจ้าหมายถึงไม่สบายอย่างไร?” ร่างกายของนางตอนนี้ไม่ค่อยดีต่าง ๆ เพียงแต่ภายใต้แรงกดประสาทของยา ทำให้นางไม่มีต่อมการรับรู้ความรู้สึกใด ๆ แต่เมื่อนางนั่งลงหรือฟุบลง นางยังคงรู้สึกว่าตับไตไส้พุงม้วนเข้าหากัน ซึ่งทุกข์ทรมานกว่าบาดแผลที่ได้รับ แม่นมฉีส่ายหัว “จริง ๆ แล้วหม่อมฉันไม่รู้รายละเอียดเกี่ยวกับยามากนัก บางทีอาจจะมีผู้ที่รู้ดีกว่านางอย่างเช่น ถังหยางหรือองครักษ์ซู หม่อมฉันรู้เพียงว่าหลังจากกินยาต้มจื่อจิน มันจะทำลายอวัยวะภายใน เริ่มอาเจียนเป็นเลือด, ไอ, สับสนกระวนกระวาย เป็นต้น ก่อนหน้านี้มีเด็กหนุ่มคนหนึ่งแอบขโมยของเก่าในวังไปขาย ถึงตายก็ไม่ยอมรับ และพยายามจะฆ่าตัวตายด้วยการเอาหัวโขลกกับกำแพง ถังหยางให้เขาดื่มยาต้มจื่อจิน สุดท้ายเขาก็รับสารภาพ หลังจากนั้นประมาณครึ่งเดือนเขาก็ตาย”หยวนชิงหลิงกลัวจนใจเต้นรัวเมื่อได้ยิน “ตายภายในครึ่งเดือน เพราะดื่มยาต้มจื่อจินหรือ?” “ถังหยางบอกว่า หลังจากดื่มน้ำต้มจื่อจินแล้ว ต้องอาศัยการปรับสมดุลร่างกาย ซึ่งใช้เวลาหนึ่งปีหรือครึ่งปีในการรักษาด้วยยาจึงจะกลับมาเป็นปกติ แต่เด็กหนุ่มคนนั้นน่ารังเกียจจริง ๆ ถังหยางจึงไม่รักษ
อ๋องฉีขยับเข้ามาใกล้ พูดด้วยความยินดี “พี่ห้า ท่านตื่นแล้ว?” อวี่เหวินห่าวพยักหน้าเล็กน้อย มองไปที่อ๋องฉี "ขอบคุณยาจื่อจินของเจ้า" อ๋องฉีโบกมืออย่างใจกว้าง “ยาจื่อจินเรื่องเล็กน้อยน่า ข้าไม่ได้อยู่ในสนามรบ ข้าไม่จำเป็นต้องใช้ยาจื่อจินหรอก” อวี่ เหวินห่าวยิ้มเล็กน้อย แววตาขรึมลง ครู่หนึ่ง เขาก็พูดขึ้นว่า “น้องเจ็ด, ถังหยาง พวกเจ้าออกไปพักผ่อนก่อน" อ๋องฉีกล่าว “ข้าไม่เหนื่อย ข้าพักผ่อนมาแล้ว” อวี่เหวินห่าวถอนหายใจเล็กน้อย มองไปที่ถังหยาง ถังหยางดึงมือของอ๋องฉี “จริงสิ ท่านอ๋อง ข้าน้อยมีเรื่องจะปรึกษาท่านสักหน่อย ท่านโปรดตามข้าน้อยมาสักครู่” “มีอะไรก็พูดที่นี่แหละ” อ๋องฉีกล่าวด้วยความงุนงง แต่กลับถูกถังหยางลากตัวออกไป หยวนชิงหลิงตอนแรกในใจค่อนข้างสับสน แต่เมื่อเห็นฉากนี้ เธอก็อดที่จะหัวเราะออกมาไม่ได้ อวี่เหวินห่าวทำท่า “เจ้ามานี่หน่อย” เสียงของเขาอ่อนดูเพลียมาก ไม่มีชีวิตชีวา เขายังไม่พ้นขีดอันตราย แต่ถึงกระนั้น การแสดงออกของเขาก็ยังค่อนข้างเย็นชา หยวนชิงหลิงเข้ามาใกล้เล็กน้อย พยายามทำให้เขาไม่ต้องลำบากมากนักในการพูด “ท่านพูดเถอะ” “ท่านปู่เป็นอย่างไรบ้าง?” อวี่เ