ภายในวังเฉียนคุนไท่ซ่างหวงสนทนากับจักรพรรดิหมิงหยวนและท่านอ๋องลุ่ยอยู่ครู่หนึ่ง ก็อ่อนเพลียแล้ว จึงให้พวกเขาออกไป แม้แต่แพทย์ประจำพระองค์ก็ต้องออกไปเช่นกัน เหลือเพียง หยวน ชิงหลิงอยู่ในวังเฉียนคุนเพียงลำพัง ก่อนที่จักรพรรดิหมิงหยวนจะออกไป ก็มอง หยวน ชิงหลิงด้วยสายตาที่มีความนัย แต่ก็ไม่ได้พูดอะไรภายในวังเงียบสงัด ผ้าม่านมืดมิด แม้แต่ลมก็เล็ดลอดเข้ามาไม่ได้ หยวน ชิงหลิงยืนอยู่ข้างเตียง เพียงครู่หนึ่ง ก็ไม่รู้ว่าจะทำอะไรดีไท่ซ่างหวงเดิมทีที่กำลังพักสายตาอยู่ก็ลืมตาขึ้นมา กวาดสายตาอย่างเยือกเย็น พูดด้วยน้ำเสียงที่ดุดัน “คุกเข่า!”หยวน ชิงหลิงค่อย ๆ ย่อลงไปคุกเข่า ท่านั่งคุกเข่าของเธอ สำหรับเธอแล้ว ยังสบายกว่านั่งปกติ สรุปก็คือ ตอนนี้ยาต้มจื่อจินหมดฤทธิ์แล้ว รูขุมขนบนร่างกายกำลังทะลุคำว่าเจ็บออกมา“เจ้ามีความผิด?” ไท่ซ่างหวงถามด้วยน้ำเสียงเย็นชาหยวน ชิงหลิงรู้ว่าไท่ซ่างหวงไม่ลงโทษเธอจริง ๆ หรอก อย่างน้อยช่วงวิกฤตอย่างตอนนี้คงไม่ ขอเพียงแต่พระองค์ยังมีความโหยหาต่อโลกใบนี้ ตนก็จะเป็นกำลังเดียวของพระองค์ด้วยเหตุนี้ เธอจึงเงยหน้าขึ้น ตอบกลับไปอย่างจริงใจ “มีเพคะ”“ผิดมากจากไหน
ตกเย็น จักรพรรดิหมิงหยวนมาเข้าเฝ้า พบว่าอาการของไท่ซ่างหวงดีขึ้น พระองค์พูดคุยกับไท่ซ่างหวงอยู่ครู่หนึ่งก็ไปหยวนชิงหลิงได้แต่ก้มหน้า การมีอยู่ของเธอจึงไม่ได้เป็นที่สนใจ จักรพรรดิหมิงหยวนเลยไม่ทันสังเกต ทุกอย่างเป็นไปอย่างปกติหลังจากที่จักรพรรดิหมิงหยวนกลับไป ฉางกงกงก็ทำเหมือนอย่างเคย คือเช็ดตัวให้ไท่ซ่างหวง หยวนชิงหลิงจึงเลี่ยงออกไปนอกวังถือโอกาสตอนที่ยังมีเวลา ฉีดยาให้ตัวเธอเอง น่าเสียดายที่ไม่ได้เปลี่ยนผ้าพันแผลใหม่ ตอนนี้รู้สึกได้ว่าแผลเปียกชื้น เหมือนว่าจะมีเลือดซึมออกมาหลังจากที่ฉีดยาแล้ว เธอก็ฟุบลงพักผ่อนอยู่สักพัก ก็ได้ยินเสียงฝีเท้าอยู่ข้างใน จึงรู้ว่าฉางกงกงเสร็จเรื่องแล้ว เธอเหยียดตัวขึ้นตรง การขยับตัวทันที ทำให้เลือดลมของหัวใจเธอรวนขึ้นมาชั่วขณะ และรู้สึกถึงกลิ่นคาวในช่องคอ ภายในปากปนไปด้วยเลือดเล็กน้อยเธอเดินสั่น ๆ ออกไปด้านนอก บ้วนเลือดลงบนรากไม้พิงต้นไม้เอาไว้ สักพักเธอก็ดีขึ้นจนเลือดลมคงที่“พระชายาเป็นอะไรหรือเปล่าพ่ะย่ะค่ะ”ข้างหลัง ตามมาด้วยเสียงของฉางกงกงหยวนชิงหลิงหมุนตัวกลับไปโบกมือ “ไม่เป็นอะไร กินเยอะไปหน่อยน่ะ”“อ้อ!” สีหน้าของฉางกงกงฉายแววประหล
ผลที่ตามาคือฉู่หมิงชุ่ยเห็นว่าใบหน้าของไท่ซ่างหวงเริ่มหนักอึ้งฉู่หมิงชุ่ยวางใจแล้ว แม้ว่าไท่ซ่างหวงจะตามใจอ๋องฉู่ แต่ก็เพราะตามใจเช่นนี้จึงให้หยวนชิงหลิงอยู่ดูแลในวัง แต่น่าเสียดาย หยวนชิงหลิงเป็นคนโง่ที่คิดว่าตัวนางถูกเสมอ ช่างราคาคุยเสียจริงหมอหลวงเห็นว่าสีหน้าของไท่ซ่างหวงเริ่มไม่ดี จึงรีบนำยาออกไปแต่ไท่ซ่างหวงกลับพูดด้วยความโกรธว่า “ยังไม่รีบเอายามาอีก? ไม่ได้ยินที่พระชายาฉู่พูดว่าต้องกินยาหรือไง?”ทุกคนต่างตกใจ ค่อย ๆ มองมาที่หยวนชิงหลิงทีละคนสองคน โดยเฉพาะฉู่หมิงชุ่ยสีหน้าเปลี่ยนทันที แทบไม่อยากจะเชื่อหูของตนเอง หยวนชิงหลิงก้มหน้า เธอไม่ได้อยากจะเปิดปากพูดประโยคนั้นออกไปจริง ๆ แต่ว่า หากไท่ซ่างหวงไม่กินยา แต่กลับดีขึ้นนี่จะทำให้คนสงสัยจักรพรรดิหมิงหยวนมีสีหน้าดีใจ “ยังไม่รีบยกกลับมาอีก?”ตั้งแต่เมื่อคืนจนถึงตอนนี้ จนในที่สุดจักรพรรดิหมิงหยวนก็มองตรงมาที่หยวนชิงหลิง อีกทั้งยังตามมาด้วยสายตาที่ชื่นชมไท่ซ่างหวงกินยาจนหมดในทีเดียว แต่ดูพระองค์คงจะกลัวรสขมจริง ๆ หลังจากกินยาจนหมด ใบหน้าก็มากองอยู่รวมกัน ไทเฮารีบนำบ๊วยหวานส่งให้ สีหน้าจึงกลับมาดีขึ้นอวี่เหวินห่าวมองห
ก้นบึ้งหัวใจอวี่เหวินห่าวนั้นสั่นวะท้านไปทั้งใจ เมื่อนางบอกว่า ถึงตายนางก็จะไม่ยอมเป็นพระชายาของอ๋องฉู่?น่าขันยิ่งนัก ตำแหน่งพระชายาอ๋องฉู่นี่ ไม่ใช่นางเองหรอกหรือที่แสวงหาทุกวิถีทางเพื่อที่จะได้มา?“เจ้าตื่นเดี๋ยวนี้ พูดให้รู้เรื่อง!” ความโกรธที่ไม่อาจอธิบายได้ปะทุขึ้นมาอวี่ เหวินห่าวจับใบหน้าของนาง แล้วตบนางแม่นมสี่โกรธจัด ลุกขึ้นและขวางอยู่ตรงหน้า หยวน ชิงหลิง "จิตใจพระองค์ทรงทำด้วยอะไรเพคะ? เหตุใดท่าจึงโหดเหี้ยมได้เช่นนี้ หากไม่ถือเป็นความรักแบบฉันท์สามีภรรยา อย่างน้อย ๆ ต่อให้ถือเป็นคนแปลกหน้าก็ไม่น่าจะทำกันถึงเพียงนี้ ท่านทำลงไปได้เยี่ยงไร?”อวี่เหวินห่าวเหลือบมองหยวนชิงหลิงที่มีสีหน้าซีดเผือดจนน่ากลัว ในดวงตาของนางเต็มเปี่ยมไปด้วยน้ำตา ทว่ากลับฝืนทนให้ไหว จึงดูดื้อรั้นและแข็งทะนงเขาไม่สามารถมองไปยังความดื้อรั้นนั้นได้ เขาจึงหันหลังและเดินออกไปยืนอยู่นอกตำหนักด้านข้าง มองดูใบไม้สีเหลืองที่พัดผ่านตรงหน้า ในใจนั้นราวกับถูกพายุพัดกระหน่ำอยู่ภายในใจ ช่างเป็นความรู้สึกที่ยากเกินจะบรรยาย“อ๋องฉู่ เพคะ!” ด้านหลังเขา มีเสียงของพระชายาฉี ฉู่หมิงชุ่ยดังขึ้นอวี่ เหวินห่าวเก็บอ
เท้าเรียวของ อวี่ เหวินห่าวกดลงที่ขอบเตียง แล้วเขาก็เอนหลังเล็กน้อย ความเย็นบนใบหน้าของเขายังไม่หาย ทั้งร่างกายและจิตใจของเขาปฏิเสธ หยวน ชิงหลิง แต่คำพูดของ หยวน ชิงหลิงได้ลดความเกลียดชังของเขาลงอย่างไม่ต้องสงสัย“เจ้าให้ยาอะไรแก่ท่านปู่?”"ยาปฐมพยาบาล สามารถใช้สำหรับกล้ามเนื้อหัวใจตาย หัวใจล้มเหลว และหายใจลำบาก" หยวน ชิงหลิงกล่าว“ใครให้ยาเจ้ามา?”“ไม่มีใครให้มันเป็นของข้าเอง”ดวงตาของ อวี่ เหวินห่าวเย็นชา "เห็นได้ชัดว่าเจ้าไม่ยอมบอกความจริง"“ท่านไม่เชื่อข้าต่างหาก ถึงทำให้ท่านคิดว่าข้าไม่ได้พูดความจริง”อวี่ เหวินห่าวไม่เชื่อ นางจะมียาเหล่านี้ได้อย่างไร? แต่ทว่าเขาก็เข้าใจว่าหากผู้เชี่ยวชาญมอบยาอายุวัฒนะเหล่านี้ให้กับนาง ก็เป็นเรื่องปกติที่นางจะเก็บความลับไว้เขาถามอีกครั้ง: "เจ้าใช้ยาพิษชนิดใดกับข้า ทำไมเจ้าทำให้ข้าหมดสติได้ ร่างกายขยับไม่ได้?"“ไม่ใช่ยาพิษ หากแต่เป็นเป็นยาชาและใช้สำหรับการผ่าตัด มันมีผลเช่นเดียวกับยาจื่อจิน”อวี่ เหวินห่าว กล่าวอย่างเย็นชา: "ยาจื่อจินเป็นยาพิษ"หยวน ชิงหลิงมองที่เขา "ฉะนั้น สิ่งที่ท่านให้ข้าดื่มคือยาพิษ?" อวี่ เหวินห่าว ไม่ได้กล่าวอ
หลังจากกินยาจื่อจินแล้ว หยวน ชิงหลิงก็นอนหลับไปกว่าหนึ่งชั่วโมง หลังจากตื่นนอน เธอรู้สึกว่าความเจ็บปวดของแผลลดลงมาก และเธอก็รู้สึกว่าบาดแผลไม่มีเลือดซึมออกมาแล้ว เธอลงไปเดินไม่กี่ก้าว และรู้สึกว่าความเจ็บปวดนั้นทุเลาลง อย่างน้อยการเดินด้วยวิธีนี้ก็ไม่ได้ทำให้เจ็บปวดอย่างรุนแรงแม่นมสี่เปิดประตูเข้ามา เมื่อเห็นว่าเธอลุกขึ้น จึงเอ่ยขึ้น: “พระชายา ตื่นก็ดีแล้ว ควรจะออกไปเดินเล่นเพคะ หลังจากกินยาจื่อจิน ควรออกกำลังกาย เพื่อให้เลือดหมุนเวียน”หยวน ชิงหลิงตอบ: “ก็ดี ข้าอยากไปเดินเล่นพอดี”“หม่อมฉันจะไปเป็นเพื่อนเพคะ”ทั้งสองเพิ่งออกจากลานหน้าตำหนัก ก็เห็นขันทีหนุ่มวิ่งวิ่งเข้ามา ใบหน้าซีดและตกใจ “พระชายา อ๋องฉู่ให้มาเชิญพระชายาโปรดรีบไปที่วังเฉียนคุน”แม่นมสี่จับมือนาง “เกิดอะไรขึ้น ทำไมดูรีบร้อน”ขันทีแทบร้องไห้ “ฟูเป่าตกลงมาจากหอคอยเหวินชาง ใกล้จะหมดลมหายใจแล้ว ไท่ซ่างหวงทรงทราบแล้วและกำลังเสด็จไป บัดนี้ในวังกำลังโกลาหล และได้รับคำสั่งให้เชิญฮ่องเต้แล้ว”แม่นมสี่ตื่นตกใจทันที ไท่ซ่างหวงให้ความสำคัญกับฟูเป่าเช่นเดียวกับหลานชาย ฟูเป่าโดนลอบทำร้าย ไท่ซ่างหวงเสียใจและขุ่นเคืองอย่างแน่
"ฟูเป่า..."“ยังมีทางรอด!” หยวน ชิงหลิงพูดอย่างรวดเร็ว โยนผ้าให้เขา เป็นผ้าที่ใช้เช็ดบาดแผล “หม่อมฉันจะผ่าตัดม้ามที่เสียหาย ท่านช่วยข้าซับเลือดที ไท่ซ่างหวงห่วงใยฟูเป่า ฟูเป่าเปรียบเสมือนดวงใจของพระองค์ ถ้าฟูเป่าจากไปจริง ๆ มันจะกระทบต่อจิตใจ และส่งผลโดยตรงต่ออาการป่วยของพระองค์” อวี่เหวินห่าวหยิบผ้า และจ้องมองนางซึ่งสวมหน้ากากด้วยอาการงุนงง ท่าทางของนางดูน่าเกลียด แต่ก็ดูสวยอย่างบอกไม่ถูก วางยาสลบ, โกนขน, ลงมือผ่า หยวน ชิงหลิงฝีมือดีมาก จึงเจอม้ามอย่างรวดเร็ว “ซับเลือดสิเพคะ!” เมื่อเห็น อวี่ เหวินห่าวยืนนิ่งมองมาที่เธอ เธอจึงตะโกนขึ้น อวี่ เหวินห่าวได้สติกลับมา หยิบผ้าและซับเลือด แล้วนางก็ล้วงมือทั้งสองลงไป ฉากนี้น่ากลัวมาก ทำไมนางถึงไม่มีความกลัวเลย? เลือดกระเด็นออกมา เปื้อนบนใบหน้าของเธอ หน้าผากและคิ้วของเธอเต็มไปด้วยเลือด “เส้นเลือดแตก!” ใบหน้าของ หยวน ชิงหลิงเปลี่ยนไป “ต้องเย็บหลอดเลือดก่อน” เขายื่นผ้าไปเช็ดหน้าผากและคิ้วของเธอโดยไม่รู้ตัว เลือดที่เปื้อนระหว่างคิ้ว ดูเหมือนไฝขนาดใหญ่ ดูแปลกพิกล “ขอบคุณ!” หยวน ชิงหลิงกล่าวก่อนจะก้มศีรษะลง หนีบหลอดเลือดด้วยคีม จากน
หยวน ชิงหลิงมองเห็นได้จากการแสดงออกของเขา “จุดประสงค์ของอีกฝ่ายคือท่าน? ท่านเคยไปที่หอคอยเหวินชางหรือไม่?” อวี่ เหวินห่าวไม่ตอบ พลางนั่งลงอย่างช้า ๆ มองดูท่าทางที่น่าสงสารของฟูเป่า ความโกรธของเขาประทุออกมาจากก้นบึ้งของหัวใจ “อีกฝ่ายต้องการยิงปืนนัดเดียวได้นกสองตัว ต้องการปลงพระชมน์ท่านปู่ของข้าแล้ว คิดจะดึงข้าเข้าไปเอี่ยวด้วย” อวี่ เหวินห่าวยิ้มเยาะ หยวน ชิงหลิงเงียบไปครู่หนึ่งมองไปที่เขา และกล่าวว่า “แม้จะทำร้ายไท่ซ่างหวงไม่ได้ แต่ยังไงก็จะให้ท่านอ๋องมีส่วนร่วมกับเหตุการณ์นี้ เรื่องนี้มันดูผิดปกติ ไท่ซ่างหวงจะต้องให้มีการตรวจสอบอย่างแน่นอน เมื่อถึงเวลานั้น เกรงว่าท่านอ๋องจะแก้ตัวไม่ได้ง่าย ๆ ไม่ว่าจะยังไง ไท่ซ่างหวงจะไม่มีวันกล่าวโทษท่านอ๋อง” แต่ไท่ซ่างหวงก็ผิดหวังในตัวท่านอ๋องเช่นกัน หยวน ชิงหลิงไม่ได้พูดประโยคสุดท้ายออกไป นั่นคือเขาจะไม่มีโอกาสได้ตำแหน่งองค์รัชทายาท อวี่ เหวินห่าวนิ่งเงียบไปสักพัก ขมวดคิ้วและทำตาแข็ง สีหน้าของเขาดูน่ากลัวมาก หยวน ชิงหลิงไม่กล้าที่จะปลุกปั่นเขาการสมรู้ร่วมคิดและกลอุบายในการใส่ร้ายแบบนี้ เธอเองก็ไม่อยากจะรับรู้เช่นกัน อย่างไรก็ตาม เรื่