Share

บทที่ 22

Author: จูน
last update Last Updated: 2024-10-29 19:42:56
ระหว่างที่อวี่เหวินห่าวกลับจวน ยิ่งคิดก็ยิ่งผิดปกติ

เขาเห็นนางใช้เข็มฉีดยาฉีดเสด็จปู่ ไม่รู้ว่ากรอกอะไรเข้าไปข้างใน เป็นพิษหรือเป็นอย่างอื่น ไม่อาจรู้ได้

แม้ว่าอาการของเสด็จปู่จะค่อย ๆ ดีขึ้น แต่ว่าพิษนั่นสามารถทำให้พระองค์นั้นทรงเสียสติ และอาจมีผลข้างเคียงต่าง ๆ ตามมา ก่อให้เกิดผลกระทบต่อส่วนอื่น ยกตัวอย่างเช่นการสูญเสียการควบคุม

เดิมทีหยวนชิงหลิงก็ไม่เข้าใจเรื่องพวกนี้ เว้นแต่ว่ามีใครคอยสอนนางอยู่เบื้องหลัง

หรืออาจจะเป็นบิดาของนาง หยวนปาหลง?

เขาไม่มีความกล้ามากพอ หยวนปาหลงก็เป็นคนมักใหญ่ใฝ่สูงคนหนึ่ง

อวี่เหวินห่าวตระหนักได้ถึงผลลัพธ์ที่ร้ายแรง หยวนชิงหลิงเป็นชายาของเขา สิ่งที่นางทำให้ไท่ซ่างหวงทั้งหมด หากถูกเปิดเผย เขาต้องกลายเป็นคนยุยงที่อยู่เบื้องหลัง จะไม่มีใครเชื่อว่าเขาไม่เกี่ยวกับเรื่องนี้

ยิ่งเขาคิดก็ยิ่งไม่สบายใจ จึงมีรับสั่งให้ถังหยางเรียกตัว ลวี่หยาและแม่นมฉีมา

นางสองคนเป็นคนดูแลใกล้ชิดหยวนชิงหลิง หากนางมีท่าทีไม่ชอบมาพากล คงจะปิดไม่พ้นแม่นมฉี

ลวี่หยาเป็นคนที่เข้าวังมากับนาง แต่เมื่อออกจากวัง หยวนชิงหลิงกลับบอกว่าจะอยู่ที่

วังเฉียนคุนคอยรักษาอาการป่วย เมื่อกลับมาแจ้งให้แม่นมฉีทราบ แม่นมฉีก็ตกใจใหญ่โต

ได้ยินว่าท่านอ๋องเรียกพบ ทั้งสองจึงรีบไปอย่างรวดเร็ว

“ท่านอ๋อง!” เข้ามาภายในห้องหนังสือ ทั้งสองโค้งตัวคำนับ

อวี่เหวินห่าวมองแม่นมฉีครู่หนึ่ง คิดเรื่องหลานของนางขึ้นมาได้ จึงเอ่ยถาม “ฮั่วเกอเอ๋อร์เป็นอย่างไรบ้าง?”

“ขอบพระทัยท่านอ๋องที่เป็นห่วงเพคะ ไม่มีอะไรน่าเป็นห่วงแล้วเพคะ”

อวี่เหวินห่าวคาดไม่ถึง “ดู ๆ แล้ว ฝีมือทางการแพทย์ของหมอลี่ใช้ได้ทีเดียว”

“เพ…เพคะ!” แม่นมฉีลังเลเล็กน้อย แล้วตอบไป

อวี่เหวินห่าวค้นลึกลงไปในจิตใจ มองนางนิ่ง ๆ “แม่นมฉีมีเรื่องอะไรปิดบังข้าหรือไม่”

แม่นมฉีตกใจ ตอบกลับไปทันควัน “มิบังอาจเพคะ!”

“เจ้าคอยอยู่ดูแลข้าตั้งแต่เด็ก ๆ ซื่อสัตย์และจงรักภักดีต่อข้า แน่นอนว่า เจ้าจะไม่ปิดบังข้าไม่ว่าเรื่องอะไร” อวี่เหวินห่าวน้ำเสียงเยือกเย็น ใบหน้าเย็นชาราวน้ำแข็ง

แม่นมฉีภายในใจสั่นสะท้าน ลงไปคุกเข่าทันที “หม่อมฉันมีความผิด หม่อมฉันไม่ได้จงใจจะปิดบังเพคะ”

อวี่เหวินห่าวตวัดหางตาขึ้นเล็กน้อย นัยน์ตาเป็นประกายเยือกเย็น “พูด!”

แม่นมฉีได้แต่ตอบไปว่า “หมอลี่ไม่ใช่คนที่รักษาฮั่วเกอเอ๋อร์ให้หายดี เป็นพระชายาเองที่รักษา นางเอาแต่ย้ำแล้วย้ำอีกว่าไม่ให้บอกเรื่องนี้กับใคร”

ถังหยางที่อยู่ข้าง ๆ พูดด้วยความประหลาดใจ “พระชายา? พระชายาไปรู้เรื่องทางการแพทย์ตั้งแต่เมื่อไหร่? ตอนที่พระชายาได้ใช้มีดเป็นอุปกรณ์ในการรักษาให้กับฮั่วเกอเอ๋อร์ เลยถูกท่านอ๋องลงโทษ โบยสามสิบที”

แม่นมฉีเล่าเรื่องของฮั่วเกอเอ๋อร์ในคืนนั้น และสิ่งที่เกิดขึ้นหลังจากที่ฮั่วเกอเอ๋อร์อยู่ในอาการขั้นวิกฤต จากนั้นก็พูดไปอย่างละอายใจ “เป็นหม่อมฉันเองที่เข้าใจพระชายาผิดไป”

อวี่เหวินห่าวและถังหยางมองหน้ากันและกัน ภายในตาบ่งบอกถึงอาการตกใจ

“ข้าถามเจ้าหน่อย เจ้าเคยเห็นนางมีกล่องอยู่ใบหนึ่งหรือไม่? กล่องใบนั้น…”อยู่ ๆ อวี่เหวินห่าว ก็หยุดชะงัก ตอนที่เข้าไปในกระโจม นางไม่ได้พกกล่องเข้าไป แต่หลังจากที่เข้าไปไม่รู้ว่ากล่องใบนั้นมันมาจากไหน ภายหลังมาเจอนางข้างวัง กล่องใบนั้นก็ไม่ได้อยู่กับนางแล้ว

“มีกล่องอยู่หนึ่งใบ” ลวี่หยาตอบกลับทันที “ในกล่องใบนั้นใส่ยาเอาไว้ ยาพวกนั้น หม่อมฉันไม่เคยเห็นมันมาก่อน ส่วนกล่องใบนั้น ก่อนหน้านี้หม่อมฉันก็ไม่เคยเห็นมาก่อนเช่นกันเพคะ”

อวี่เหวินห่าวถามกลับไปอีกว่า “ช่วงนี้มีคนมาพบนาง? หรือนางออกไปพบใครหรือไม่?”

แม่นมฉีส่ายหน้า “ตั้งแต่ที่พระชายาอภิเษกสมรส แทบจะไม่มีคนมาเยี่ยม และช่วงไม่กี่เดือนมานี้ก็ไม่ได้กลับบ้านเลยเพคะ

ถังหยางก็ตอบกลับเช่นกัน “จริงพ่ะย่ะค่ะ พระชายาเข้าออก ที่ประตูห้องมีบันทึกตลอด พวกข้าทาสเห็นพระชายากลับบ้านก็เมื่อสามเดือนก่อน ไปแค่ครึ่งวันก็รีบกลับมาพ่ะย่ะค่ะ”

แม่นมฉีรู้สึกเหมือนว่าเมื่อสักครู่ได้ทรยศหยวนชิงหลิงในใจรู้สึกผิด พอคิดถึงเรื่องของนางขึ้นมาก็เป็นห่วงมาก จึงพูดไปว่า “ตั้งแต่ที่พระชายาถูกเฆี่ยน ก็ไม่ได้ออกจากห้องเลยเพคะ ท่านอ๋องมีรับสั่งไม่ให้พวกทาสเข้าไปยุ่งกับนาง เพราะอย่างนั้น แผลของนาง นางก็เป็นคนจัดการเองหมดเลยเพคะ ก่อนกินยาต้มจื่อจิน นางมีไข้สูง ตอนนี้ฤทธิ์ยาของยาต้มจื่อจินคงถดถอยแล้ว ไม่รู้ว่าตอนนางอยู่ในวัง จะประคับประคองอาการไปได้หรือไม่”

อวี่เหวินห่าวนึกถึงตอนที่นางป้อนข้าวต้มไท่ซ่างหวง ใช้เรี่ยวแรงทั้งหมดทนต่อความเจ็บปวด ทั้งตัวสั่นเทา ตอนนั้นฤทธิ์ยาของยาต้มจื่อจินคงหมดแล้ว

เขาเป็นห่วงหยวนชิงหลิงเกรงว่าจะไปทำตัวเสียมารยาทหน้าวัง ก่อให้เกิดความเสียหายที่จวนและต่อหน้าพระมารดา

ถังหยางนิ่งเงียบไปครู่หนึ่งก่อนจะพูดต่อว่า “ท่านอ๋อง ความจริงแล้วถูกโบยถึงสามสิบที ออกจะรุนแรงไปสักหน่อย”

ชายหนุ่มธรรมดาทั่วไป โดนโบยเข้าไปสามสิบที ยังต้องพักอีกหลายวันถึงจะลุกขึ้นได้

หากเป็นทาสหญิงที่อ่อนแอสักหน่อย เกรงว่าจะไม่รอด

ท่านอ๋องเกลียดตระกูลหยวนมากจริง ๆ

อวี่เหวินห่าวพูดด้วยน้ำเสียงเย็นชา “เรื่องที่นางก่อขึ้น หากข้าจะเอาชีวิตนางก็ย่อมได้”

หากไม่กลัวว่าจะเกี่ยวข้องกับพระมารดา หรือทำให้หน้าตาของวงศ์ตระกูลเสื่อมเสีย เขาคงส่งหยวนชิงหลิงออกจากวังไปนานแล้ว

แม่นมฉีรวบรวมความกล้าพูดออกไปว่า “ท่านอ๋อง หม่อมฉันรู้สึกว่า พระชายาราวกับว่าเปลี่ยนไปเป็นอีกคน”

อวี่เหวินห่าวมองแม่นมฉี ภายในใจเต้นตุบ ๆ “ว่ายังไงนะ?”

แม่นมฉีตอบกลับ “เมื่อก่อนพระชายาเป็นคนร้ายกาจ เอาแต่ใจ แต่ที่ช่วยฮั่วเกอเอ๋อร์ในวันนั้น ท่าทีของนาง คำพูดคำจา…คิดไม่ถึงว่านางจะพูดขอโทษหม่อมฉัน หม่อนฉันที่เมื่อก่อนแค่คิดก็ไม่กล้าคิดเลยเพคะ”

คำพูดของแม่นมฉีจริง ๆ แล้วได้ยืนยันสิ่งที่อวี่เหวินห่าวเดาไว้ในใจ

นึกถึงเรื่องก่อนเข้าวัง นางเอาหัวมาโขกเขา ประโยคนั้นกระเด็นออกมาตั้งแต่ในซอกฟัน “ไม่มีอะไรที่หนักหนาเกินไป ท่านก็อย่าได้อย่ารังแกผู้อื่นจนเหลือทน ”

จากที่นางไม่เคยพูดเช่นนี้ เพราะนางรู้ตนเองว่าผิด เพราะงั้นตอนอยู่ที่จวน จึงกล้าที่จะแสดงท่าทีผยองและเผด็จการกับผู้คน ต่อหน้าเขาจากที่ไม่เคยกล้าต่อล้อต่อเถียงมาก่อน

แต่ว่าวันนี้ตอนที่นางพูดประโยคนั้น ราวกับว่าตนเองต้องแบกรับความทุกข์ใจเอาไว้

และไหนจะเรื่องที่ก่อกบฏข้าง ๆ วังอีก

ในสมองปรากฏใบหน้าที่เด็ดเดี่ยวและเฉียบขาดของนาง คำพูดของนางที่ข้างวังยังคงดังกึกก้อง

เขาต้องทำให้มันชัดเจนว่าสรุปแล้วมันเกิดอะไรขึ้นกันแน่

ภายในวังหมิงเฝิงของฮองเฮา

หลังจากที่อ๋องฉีเข้ามาก็ทำความเคารพ จากนั้นไปเยี่ยมเยียนน้องชายคนที่แปดอวี่เหวินลู้

เหลือฉู่หมิงชุ่ยและฮองเฮาพูดคุยกันในวัง ฉู่หมิงชุ่ยเป็นหลานสาวของฮองเฮา พออ๋องฉีออกไป ฉู่หมิงชุ่ยก็ให้คนดูแลที่อยู่ในวังออกไปให้หมด

ฮองเฮาเห็นนางแบบนี้ รู้ว่าต้องมีเรื่องแน่ จึงนั่งเหยียดหลังตัวตรงพร้อมถามว่า “มีอะไร”

“ท่านป้า ไท่ซ่างหวงเรียกตัวหยวนชิงหลิงให้อยู่ดูแลที่วังเฉียนคุน เรื่องนี้ท่านรู้หรือไม่?”

ฝ่ายฮองเฮากลับมาก่อนเพราะฉะนั้นจึงไม่รู้เรื่องนี้ ฟังจากที่ฉู่หมิงชุ่ยพูดมาแล้ว นางประหลาดใจเล็กน้อย “พระชายาฉู่? คิดไม่ถึงจริง ๆ ว่าไท่ซ่างหวงจะให้นางดูแล?”

แต่ว่านางโบกมือทันที “ดูแลก็ดูแลไป สะดวกข้าไม่ต้องวิ่งวุ่น ช่วงนี้เหนื่อยจริง ๆ”

ฉู่หมิงชุ่ยอุทานออกมาคำหนึ่ง “ท่านป้า ใยไม่คิดให้ถี่ถ้วนสักหน่อย?”

ฮองเฮาหัวเราะ “ข้ารู้ว่าเจ้ากลัวอะไร หากแต่ไม่ต้องกังวลไป ไม่ว่าเจ้าห้าจะทำอะไรก็ไม่มีประโยชน์ ทุกวันนี้ไท่ซ่างหวงเกลียดมันจะตาย”

ฉู่หมิงชุ่ยพยักหน้าช้า ๆ “ท่านป้า ทุกวันนี้ที่ไท่ซ่างหวงฟื้นขึ้นมา ทุกอย่างก็ไม่เหมือนเดิม”

ฮองเฮาตกใจ สีหน้าเริ่มหนักอึ้งช้า ๆ

ความจริงแล้ว เรื่องขององค์รัชทายาทลี่ ฮ่องเต้ยังคงให้ความสำคัญกับความหมายของ

ไท่ซ่างหวง

แต่ไท่ซ่างหวงมักจะรักเจ้าห้า หากครั้งนี้หยวนชิงหลิงถือโอกาสตอนดูแล จะว่าไปเจ้าห้าคงยังมีโอกาส

หากแต่…

ฮองเฮาตวัดตาขึ้น “เจ้าห้า เกลียดชังหยวนชิงหลิงมิใช่หรือ?”

ฉู่หมิงชุ่ยค่อย ๆ หัวเราะขึ้น “ผู้ที่เราสามารถใช้ไปทำงานได้ ต่อให้จะเกลียดกันแล้วเกลียดกันอีก ก็ต้องทนให้ได้”

ฮองเฮาภายในใจหนักอึ้ง ตอบกลับทันควัน “ไทเฮาทุ่มเททั้งแรงกายแรงใจเพื่ออาการเจ็บป่วยของไท่ซ่างหวง วันนี้เป็นลมไปหลายต่อหลายหน พระชายาฉีควรจะดูแลพระองค์ต่อหน้าไทเฮา เพื่อแสดงความกตัญญู”

ฉู่หมิงชุ่ยยืนขึ้นเหยียดตัวตรง “เพคะ”

Related chapters

  • ใต้หล้าสยบรัก   บทที่ 23

    ภายในวังเฉียนคุนไท่ซ่างหวงสนทนากับจักรพรรดิหมิงหยวนและท่านอ๋องลุ่ยอยู่ครู่หนึ่ง ก็อ่อนเพลียแล้ว จึงให้พวกเขาออกไป แม้แต่แพทย์ประจำพระองค์ก็ต้องออกไปเช่นกัน เหลือเพียง หยวน ชิงหลิงอยู่ในวังเฉียนคุนเพียงลำพัง ก่อนที่จักรพรรดิหมิงหยวนจะออกไป ก็มอง หยวน ชิงหลิงด้วยสายตาที่มีความนัย แต่ก็ไม่ได้พูดอะไรภายในวังเงียบสงัด ผ้าม่านมืดมิด แม้แต่ลมก็เล็ดลอดเข้ามาไม่ได้ หยวน ชิงหลิงยืนอยู่ข้างเตียง เพียงครู่หนึ่ง ก็ไม่รู้ว่าจะทำอะไรดีไท่ซ่างหวงเดิมทีที่กำลังพักสายตาอยู่ก็ลืมตาขึ้นมา กวาดสายตาอย่างเยือกเย็น พูดด้วยน้ำเสียงที่ดุดัน “คุกเข่า!”หยวน ชิงหลิงค่อย ๆ ย่อลงไปคุกเข่า ท่านั่งคุกเข่าของเธอ สำหรับเธอแล้ว ยังสบายกว่านั่งปกติ สรุปก็คือ ตอนนี้ยาต้มจื่อจินหมดฤทธิ์แล้ว รูขุมขนบนร่างกายกำลังทะลุคำว่าเจ็บออกมา“เจ้ามีความผิด?” ไท่ซ่างหวงถามด้วยน้ำเสียงเย็นชาหยวน ชิงหลิงรู้ว่าไท่ซ่างหวงไม่ลงโทษเธอจริง ๆ หรอก อย่างน้อยช่วงวิกฤตอย่างตอนนี้คงไม่ ขอเพียงแต่พระองค์ยังมีความโหยหาต่อโลกใบนี้ ตนก็จะเป็นกำลังเดียวของพระองค์ด้วยเหตุนี้ เธอจึงเงยหน้าขึ้น ตอบกลับไปอย่างจริงใจ “มีเพคะ”“ผิดมากจากไหน

  • ใต้หล้าสยบรัก   บทที่ 24

    ตกเย็น จักรพรรดิหมิงหยวนมาเข้าเฝ้า พบว่าอาการของไท่ซ่างหวงดีขึ้น พระองค์พูดคุยกับไท่ซ่างหวงอยู่ครู่หนึ่งก็ไปหยวนชิงหลิงได้แต่ก้มหน้า การมีอยู่ของเธอจึงไม่ได้เป็นที่สนใจ จักรพรรดิหมิงหยวนเลยไม่ทันสังเกต ทุกอย่างเป็นไปอย่างปกติหลังจากที่จักรพรรดิหมิงหยวนกลับไป ฉางกงกงก็ทำเหมือนอย่างเคย คือเช็ดตัวให้ไท่ซ่างหวง หยวนชิงหลิงจึงเลี่ยงออกไปนอกวังถือโอกาสตอนที่ยังมีเวลา ฉีดยาให้ตัวเธอเอง น่าเสียดายที่ไม่ได้เปลี่ยนผ้าพันแผลใหม่ ตอนนี้รู้สึกได้ว่าแผลเปียกชื้น เหมือนว่าจะมีเลือดซึมออกมาหลังจากที่ฉีดยาแล้ว เธอก็ฟุบลงพักผ่อนอยู่สักพัก ก็ได้ยินเสียงฝีเท้าอยู่ข้างใน จึงรู้ว่าฉางกงกงเสร็จเรื่องแล้ว เธอเหยียดตัวขึ้นตรง การขยับตัวทันที ทำให้เลือดลมของหัวใจเธอรวนขึ้นมาชั่วขณะ และรู้สึกถึงกลิ่นคาวในช่องคอ ภายในปากปนไปด้วยเลือดเล็กน้อยเธอเดินสั่น ๆ ออกไปด้านนอก บ้วนเลือดลงบนรากไม้พิงต้นไม้เอาไว้ สักพักเธอก็ดีขึ้นจนเลือดลมคงที่“พระชายาเป็นอะไรหรือเปล่าพ่ะย่ะค่ะ”ข้างหลัง ตามมาด้วยเสียงของฉางกงกงหยวนชิงหลิงหมุนตัวกลับไปโบกมือ “ไม่เป็นอะไร กินเยอะไปหน่อยน่ะ”“อ้อ!” สีหน้าของฉางกงกงฉายแววประหล

  • ใต้หล้าสยบรัก   บทที่ 25

    ผลที่ตามาคือฉู่หมิงชุ่ยเห็นว่าใบหน้าของไท่ซ่างหวงเริ่มหนักอึ้งฉู่หมิงชุ่ยวางใจแล้ว แม้ว่าไท่ซ่างหวงจะตามใจอ๋องฉู่ แต่ก็เพราะตามใจเช่นนี้จึงให้หยวนชิงหลิงอยู่ดูแลในวัง แต่น่าเสียดาย หยวนชิงหลิงเป็นคนโง่ที่คิดว่าตัวนางถูกเสมอ ช่างราคาคุยเสียจริงหมอหลวงเห็นว่าสีหน้าของไท่ซ่างหวงเริ่มไม่ดี จึงรีบนำยาออกไปแต่ไท่ซ่างหวงกลับพูดด้วยความโกรธว่า “ยังไม่รีบเอายามาอีก? ไม่ได้ยินที่พระชายาฉู่พูดว่าต้องกินยาหรือไง?”ทุกคนต่างตกใจ ค่อย ๆ มองมาที่หยวนชิงหลิงทีละคนสองคน โดยเฉพาะฉู่หมิงชุ่ยสีหน้าเปลี่ยนทันที แทบไม่อยากจะเชื่อหูของตนเอง หยวนชิงหลิงก้มหน้า เธอไม่ได้อยากจะเปิดปากพูดประโยคนั้นออกไปจริง ๆ แต่ว่า หากไท่ซ่างหวงไม่กินยา แต่กลับดีขึ้นนี่จะทำให้คนสงสัยจักรพรรดิหมิงหยวนมีสีหน้าดีใจ “ยังไม่รีบยกกลับมาอีก?”ตั้งแต่เมื่อคืนจนถึงตอนนี้ จนในที่สุดจักรพรรดิหมิงหยวนก็มองตรงมาที่หยวนชิงหลิง อีกทั้งยังตามมาด้วยสายตาที่ชื่นชมไท่ซ่างหวงกินยาจนหมดในทีเดียว แต่ดูพระองค์คงจะกลัวรสขมจริง ๆ หลังจากกินยาจนหมด ใบหน้าก็มากองอยู่รวมกัน ไทเฮารีบนำบ๊วยหวานส่งให้ สีหน้าจึงกลับมาดีขึ้นอวี่เหวินห่าวมองห

  • ใต้หล้าสยบรัก   บทที่ 26

    ก้นบึ้งหัวใจอวี่เหวินห่าวนั้นสั่นวะท้านไปทั้งใจ เมื่อนางบอกว่า ถึงตายนางก็จะไม่ยอมเป็นพระชายาของอ๋องฉู่?น่าขันยิ่งนัก ตำแหน่งพระชายาอ๋องฉู่นี่ ไม่ใช่นางเองหรอกหรือที่แสวงหาทุกวิถีทางเพื่อที่จะได้มา?“เจ้าตื่นเดี๋ยวนี้ พูดให้รู้เรื่อง!” ความโกรธที่ไม่อาจอธิบายได้ปะทุขึ้นมาอวี่ เหวินห่าวจับใบหน้าของนาง แล้วตบนางแม่นมสี่โกรธจัด ลุกขึ้นและขวางอยู่ตรงหน้า หยวน ชิงหลิง "จิตใจพระองค์ทรงทำด้วยอะไรเพคะ? เหตุใดท่าจึงโหดเหี้ยมได้เช่นนี้ หากไม่ถือเป็นความรักแบบฉันท์สามีภรรยา อย่างน้อย ๆ ต่อให้ถือเป็นคนแปลกหน้าก็ไม่น่าจะทำกันถึงเพียงนี้ ท่านทำลงไปได้เยี่ยงไร?”อวี่เหวินห่าวเหลือบมองหยวนชิงหลิงที่มีสีหน้าซีดเผือดจนน่ากลัว ในดวงตาของนางเต็มเปี่ยมไปด้วยน้ำตา ทว่ากลับฝืนทนให้ไหว จึงดูดื้อรั้นและแข็งทะนงเขาไม่สามารถมองไปยังความดื้อรั้นนั้นได้ เขาจึงหันหลังและเดินออกไปยืนอยู่นอกตำหนักด้านข้าง มองดูใบไม้สีเหลืองที่พัดผ่านตรงหน้า ในใจนั้นราวกับถูกพายุพัดกระหน่ำอยู่ภายในใจ ช่างเป็นความรู้สึกที่ยากเกินจะบรรยาย“อ๋องฉู่ เพคะ!” ด้านหลังเขา มีเสียงของพระชายาฉี ฉู่หมิงชุ่ยดังขึ้นอวี่ เหวินห่าวเก็บอ

  • ใต้หล้าสยบรัก   บทที่ 27

    เท้าเรียวของ อวี่ เหวินห่าวกดลงที่ขอบเตียง แล้วเขาก็เอนหลังเล็กน้อย ความเย็นบนใบหน้าของเขายังไม่หาย ทั้งร่างกายและจิตใจของเขาปฏิเสธ หยวน ชิงหลิง แต่คำพูดของ หยวน ชิงหลิงได้ลดความเกลียดชังของเขาลงอย่างไม่ต้องสงสัย“เจ้าให้ยาอะไรแก่ท่านปู่?”"ยาปฐมพยาบาล สามารถใช้สำหรับกล้ามเนื้อหัวใจตาย หัวใจล้มเหลว และหายใจลำบาก" หยวน ชิงหลิงกล่าว“ใครให้ยาเจ้ามา?”“ไม่มีใครให้มันเป็นของข้าเอง”ดวงตาของ อวี่ เหวินห่าวเย็นชา "เห็นได้ชัดว่าเจ้าไม่ยอมบอกความจริง"“ท่านไม่เชื่อข้าต่างหาก ถึงทำให้ท่านคิดว่าข้าไม่ได้พูดความจริง”อวี่ เหวินห่าวไม่เชื่อ นางจะมียาเหล่านี้ได้อย่างไร? แต่ทว่าเขาก็เข้าใจว่าหากผู้เชี่ยวชาญมอบยาอายุวัฒนะเหล่านี้ให้กับนาง ก็เป็นเรื่องปกติที่นางจะเก็บความลับไว้เขาถามอีกครั้ง: "เจ้าใช้ยาพิษชนิดใดกับข้า ทำไมเจ้าทำให้ข้าหมดสติได้ ร่างกายขยับไม่ได้?"“ไม่ใช่ยาพิษ หากแต่เป็นเป็นยาชาและใช้สำหรับการผ่าตัด มันมีผลเช่นเดียวกับยาจื่อจิน”อวี่ เหวินห่าว กล่าวอย่างเย็นชา: "ยาจื่อจินเป็นยาพิษ"หยวน ชิงหลิงมองที่เขา "ฉะนั้น สิ่งที่ท่านให้ข้าดื่มคือยาพิษ?" อวี่ เหวินห่าว ไม่ได้กล่าวอ

  • ใต้หล้าสยบรัก   บทที่ 28

    หลังจากกินยาจื่อจินแล้ว หยวน ชิงหลิงก็นอนหลับไปกว่าหนึ่งชั่วโมง หลังจากตื่นนอน เธอรู้สึกว่าความเจ็บปวดของแผลลดลงมาก และเธอก็รู้สึกว่าบาดแผลไม่มีเลือดซึมออกมาแล้ว เธอลงไปเดินไม่กี่ก้าว และรู้สึกว่าความเจ็บปวดนั้นทุเลาลง อย่างน้อยการเดินด้วยวิธีนี้ก็ไม่ได้ทำให้เจ็บปวดอย่างรุนแรงแม่นมสี่เปิดประตูเข้ามา เมื่อเห็นว่าเธอลุกขึ้น จึงเอ่ยขึ้น: “พระชายา ตื่นก็ดีแล้ว ควรจะออกไปเดินเล่นเพคะ หลังจากกินยาจื่อจิน ควรออกกำลังกาย เพื่อให้เลือดหมุนเวียน”หยวน ชิงหลิงตอบ: “ก็ดี ข้าอยากไปเดินเล่นพอดี”“หม่อมฉันจะไปเป็นเพื่อนเพคะ”ทั้งสองเพิ่งออกจากลานหน้าตำหนัก ก็เห็นขันทีหนุ่มวิ่งวิ่งเข้ามา ใบหน้าซีดและตกใจ “พระชายา อ๋องฉู่ให้มาเชิญพระชายาโปรดรีบไปที่วังเฉียนคุน”แม่นมสี่จับมือนาง “เกิดอะไรขึ้น ทำไมดูรีบร้อน”ขันทีแทบร้องไห้ “ฟูเป่าตกลงมาจากหอคอยเหวินชาง ใกล้จะหมดลมหายใจแล้ว ไท่ซ่างหวงทรงทราบแล้วและกำลังเสด็จไป บัดนี้ในวังกำลังโกลาหล และได้รับคำสั่งให้เชิญฮ่องเต้แล้ว”แม่นมสี่ตื่นตกใจทันที ไท่ซ่างหวงให้ความสำคัญกับฟูเป่าเช่นเดียวกับหลานชาย ฟูเป่าโดนลอบทำร้าย ไท่ซ่างหวงเสียใจและขุ่นเคืองอย่างแน่

  • ใต้หล้าสยบรัก   บทที่ 29

    "ฟูเป่า..."“ยังมีทางรอด!” หยวน ชิงหลิงพูดอย่างรวดเร็ว โยนผ้าให้เขา เป็นผ้าที่ใช้เช็ดบาดแผล “หม่อมฉันจะผ่าตัดม้ามที่เสียหาย ท่านช่วยข้าซับเลือดที ไท่ซ่างหวงห่วงใยฟูเป่า ฟูเป่าเปรียบเสมือนดวงใจของพระองค์ ถ้าฟูเป่าจากไปจริง ๆ มันจะกระทบต่อจิตใจ และส่งผลโดยตรงต่ออาการป่วยของพระองค์” อวี่เหวินห่าวหยิบผ้า และจ้องมองนางซึ่งสวมหน้ากากด้วยอาการงุนงง ท่าทางของนางดูน่าเกลียด แต่ก็ดูสวยอย่างบอกไม่ถูก วางยาสลบ, โกนขน, ลงมือผ่า หยวน ชิงหลิงฝีมือดีมาก จึงเจอม้ามอย่างรวดเร็ว “ซับเลือดสิเพคะ!” เมื่อเห็น อวี่ เหวินห่าวยืนนิ่งมองมาที่เธอ เธอจึงตะโกนขึ้น อวี่ เหวินห่าวได้สติกลับมา หยิบผ้าและซับเลือด แล้วนางก็ล้วงมือทั้งสองลงไป ฉากนี้น่ากลัวมาก ทำไมนางถึงไม่มีความกลัวเลย? เลือดกระเด็นออกมา เปื้อนบนใบหน้าของเธอ หน้าผากและคิ้วของเธอเต็มไปด้วยเลือด “เส้นเลือดแตก!” ใบหน้าของ หยวน ชิงหลิงเปลี่ยนไป “ต้องเย็บหลอดเลือดก่อน” เขายื่นผ้าไปเช็ดหน้าผากและคิ้วของเธอโดยไม่รู้ตัว เลือดที่เปื้อนระหว่างคิ้ว ดูเหมือนไฝขนาดใหญ่ ดูแปลกพิกล “ขอบคุณ!” หยวน ชิงหลิงกล่าวก่อนจะก้มศีรษะลง หนีบหลอดเลือดด้วยคีม จากน

  • ใต้หล้าสยบรัก   บทที่ 30

    หยวน ชิงหลิงมองเห็นได้จากการแสดงออกของเขา “จุดประสงค์ของอีกฝ่ายคือท่าน? ท่านเคยไปที่หอคอยเหวินชางหรือไม่?” อวี่ เหวินห่าวไม่ตอบ พลางนั่งลงอย่างช้า ๆ มองดูท่าทางที่น่าสงสารของฟูเป่า ความโกรธของเขาประทุออกมาจากก้นบึ้งของหัวใจ “อีกฝ่ายต้องการยิงปืนนัดเดียวได้นกสองตัว ต้องการปลงพระชมน์ท่านปู่ของข้าแล้ว คิดจะดึงข้าเข้าไปเอี่ยวด้วย” อวี่ เหวินห่าวยิ้มเยาะ หยวน ชิงหลิงเงียบไปครู่หนึ่งมองไปที่เขา และกล่าวว่า “แม้จะทำร้ายไท่ซ่างหวงไม่ได้ แต่ยังไงก็จะให้ท่านอ๋องมีส่วนร่วมกับเหตุการณ์นี้ เรื่องนี้มันดูผิดปกติ ไท่ซ่างหวงจะต้องให้มีการตรวจสอบอย่างแน่นอน เมื่อถึงเวลานั้น เกรงว่าท่านอ๋องจะแก้ตัวไม่ได้ง่าย ๆ ไม่ว่าจะยังไง ไท่ซ่างหวงจะไม่มีวันกล่าวโทษท่านอ๋อง” แต่ไท่ซ่างหวงก็ผิดหวังในตัวท่านอ๋องเช่นกัน หยวน ชิงหลิงไม่ได้พูดประโยคสุดท้ายออกไป นั่นคือเขาจะไม่มีโอกาสได้ตำแหน่งองค์รัชทายาท อวี่ เหวินห่าวนิ่งเงียบไปสักพัก ขมวดคิ้วและทำตาแข็ง สีหน้าของเขาดูน่ากลัวมาก หยวน ชิงหลิงไม่กล้าที่จะปลุกปั่นเขาการสมรู้ร่วมคิดและกลอุบายในการใส่ร้ายแบบนี้ เธอเองก็ไม่อยากจะรับรู้เช่นกัน อย่างไรก็ตาม เรื่

Latest chapter

  • ใต้หล้าสยบรัก   บทที่ 1015

    ซูยี่อยู่ในห้องของสุนัขป่าเช่นกัน เมื่อเห็นอวี่เหวินห่าวและหยวนชิงหลิงเข้ามา เขาพูดอย่างกังวล "องค์รัชทายาท พระชายา นายน้อยสุนัขป่าไม่กินอะไรเลย หาหมอหลวงดีไหมพ่ะย่ะค่ะ?"อวี่เหวินห่าวหัวเราะ "เขารักษาอาการป่วยของสุนัขป่าไม่ได้ จะพาเขาไปทำไม?"เขาดูสุนัขป่าน้อยสามตัวนอนอยู่บนเตียงเล็ก ร่างเล็ก ๆ ของพวกมันเบียดเสียดกัน ดูเซื่องซึม บางทีอาจเป็นเพราะพวกมันไม่ได้กินอะไรจึงดูอ่อนแอและซูบผอมเป็นพิเศษ อวี่เหวินห่าวพูดด้วยความประหลาดใจว่า "ผอมลงมากขนาดนี้เลยรึ? สุนัขป่าคงหิวมากแน่ ๆ""สุนัขป่าที่โตเต็มวัย เวลาหิวนั้นกินอาหารหนึ่งมื้อสามารถอยู่ได้นานถึงครึ่งเดือน ตอนนี้พวกมันยังเด็กและต้องกินเนื้อ" ซูยี่เลี้ยงสุนัขป่า และได้ศึกษาการเลี้ยงมามากมายอวี่เหวินห่าวหยิบหนึ่งในนั้นขึ้นมา เห็นสุนัขป่าหิมะตัวน้อยนอนนิ่งอยู่ในมือของเขาเหมือนก้อนสำลีเบาหวิวไม่มีน้ำหนัก "ตัวนี้ของใครกัน?""ของเสี่ยวลั่วหมี่" หยวนชิงหลิงกล่าว "ตัวเล็กที่สุดคือของเสี่ยวลั่วหมี่ ท่านดูสิแยกออกได้เลยเห็นไหม ของ เปาจื่อปากจะแหลมมาก ของทังหยวนก็หน้ากลมกว่า มันแปลกที่จะบอกว่าสุนัขป่าพวกนี้ ทั้งลักษณะนิสัยหรือรูปร่างหน้าตา พว

  • ใต้หล้าสยบรัก   บทที่ 1014

    อวี่เหวินห่าวไม่ได้อธิบายอะไรแทนจิ้งถิง เขาแค่พูดว่า "เขาจะอยู่ในจวนสักพัก ดังนั้นเจ้าควรเปิดตาของเจ้าดูสิว่าเขาจริงใจหรือเสเเสร้ง เจ้าฉลาดมากขนาดนี้ ย่อมต้องดูออกอยู่แล้ว”หยวนชิงหลิงได้ยินถึงความไม่พอใจในน้ำเสียงของเขา ดูเหมือนว่าเขาใส่ใจมิตรภาพนี้จริง ๆหยวนชิงหลิงลองคิดดูแล้ว หลังจากใช้เวลาร่วมกับจวิ้นจู่มาสองสามวัน จวิ้นจู่ก็เป็นคนตรงไปตรงมาและเปิดเผย ดังนั้นนางคงไม่หาสามีที่มีจิตใจล้ำลึกซับซ้อนหรอกนางจึงขอโทษเขา "ข้าคิดมากไป ในอนาคตข้าจะไม่พูดอะไรแบบนี้อีก"อวี่เหวินห่าวเอื้อมมือไปเชยคางนาง และมองหน้านาง "เหล่าหยวน ข้าเองก็เห็นว่านิสัยของเจ้าช่างเถรตรงจริง ๆ แม้ว่าบางครั้งเจ้าจะดุร้าย เผด็จการ และไม่มีเหตุผล แต่ถ้าเจ้าทำอะไรผิด เจ้าจะต้องขอโทษอย่างแน่นอน เกรงว่าแม้จะเป็นคนรับใช้ก็ยังกล่าวคำขอโทษได้ เจ้านี่นิสัยดี ใช้ได้จริง ๆ"“ข้าเป็นคนไร้เหตุผลตั้งแต่เมื่อไหร่กัน?” หยวนชิงหลิงหัวเราะ “ท่านจะชมข้าก็ชมสิ ทำไมต้องดุกันก่อน”อวี่เหวินห่าวหัวเราะ "รางวัลและบทลงโทษต้องแยกให้ออกจากกันอย่างชัดเจน หากเจ้าทำสิ่งที่ถูกต้อง เจ้าควรได้รับคำชมเชย หากเจ้าทำอะไรผิด ก็ต้องบอกกล่าวตักเตือ

  • ใต้หล้าสยบรัก   บทที่ 1013

    เขากลับมาที่จวนอย่างไม่สบอารมณ์ หยวนชิงหลิงเห็นว่าเขาขมวดคิ้ว นางรู้ว่าเป็นเพราะเรื่องลงนามพันธมิตรอีกเป็นแน่ ดังนั้นนางจึงปลอบเขาอวี่เหวินห่าวพูดด้วยความโกรธ "เสด็จพ่อจงใจทำให้ข้าลำบาก จูกั๋วกงเห็นด้วยหรือไม่นั้นเป็นเรื่องสำคัญขนาดนั้นเลยรึอย่างไร?"หยวนชิงหลิงหัวเราะ "ท่านอยู่ในเกมและกังวลเกี่ยวกับเรื่องนี้มากเกินไป จึงไม่เข้าใจความหมายของเสด็จพ่อ เสด็จพ่อต้องการให้ท่านเอาแรงสนับสนุนจากจูกั๋วกงมาให้ได้ ไม่ใช่แค่แรงสนับสนุนเรื่องนี้เท่านั้น แต่มันจะเป็นแรงสนับสนุนงานในอนาคตทั้งหมดของท่าน เพราะตอนนี้เขาเป็นคนที่สามารถปราบปรามตี้เว่ยหมิงอย่างออกหน้าได้ นั้นก็คือตัวเขาที่เป็นพ่อตา”อวี่เหวินห่าวตกตะลึงไปครู่หนึ่ง "เจ้าหมายความว่า เสด็จพ่อก็มองตี้เว่ยหมิงออกด้วยหรือ?"หยวนชิงหลิงยืนพิงเขา "เสด็จพ่อย่อมต้องรู้มากกว่าท่านอยู่แล้ว เหมือนที่ท่านเคยพูดไว้ก่อนหน้านี้ว่าพระองค์ลำเอียงเข้าข้างพี่ใหญ่เสมอ จริง ๆ แล้วพระองค์ทรงรู้อยู่แก่ใจ พระองค์แค่ให้โอกาสพี่ใหญ่เสมอ แต่เมื่อเจอโอกาสที่เหมาะสม ก็ควรจัดการไม่ใช่หรอกหรือ? ความคิดของพระองค์ชัดเจนอยู่แล้ว ดังนั้นจงทำตามที่พระองค์ต้องการเถอะ จัดก

  • ใต้หล้าสยบรัก   บทที่ 1012

    พระชายาจี้พูดจบก็กลับไปนั่งลงบนเก้าอี้เก้าอี้ที่นางนั่งนั้นใหญ่มาก แต่นางผอมมากเนื่องจากป่วยมาเป็นเวลานาน เก้าอี้นั้นยังมีพื้นที่เหลืออีกมาก ผู้หญิงตัวเล็ก ๆ คนนั้นนั่งบนเก้าอี้กว้างตัวใหญ่ประจัญหน้ากับพวกขุนนางกว่าสิบคนที่อยู่ตรงนั้นแม่ทัพซุยไม่กล้าพูดอะไรอีกต่อไป ความโกรธบนใบหน้าของเขาก็ค่อย ๆ แปรเปลี่ยนเป็นความหวาดกลัวคนที่เหลือก็เงียบและก้มหน้าเช่นกันพระชายาจี้รออยู่สักพัก ก่อนที่จะกล่าวอย่างใจเย็นว่า "องค์รัชทายาทคือผู้กำหนดชะตา ถ้าเจ้าปฏิบัติตามให้ดี เจ้าจะมีชีวิตอยู่อย่างมั่งคั่งและมั่งคั่งในภายภาคหน้า วันนี้ข้าพูดได้เพียงเท่านี้ ทุกคนไปเถอะ รักษาตัวด้วย"หลังจากพูดจบ นางก็ยืนขึ้น และเดินออกไปโดยเอามือไพล่หลัง แผ่นหลังบาง ๆ ของนางตั้งตรงดูยิ่งใหญ่ราวกับว่าสามารถแบกท้องฟ้าได้ครึ่งหนึ่งแรงสนับสนุนของอวี่เหวินห่าวสูงขึ้นเรื่อย ๆอย่างไรก็ตาม มีคน ๆ ​​หนึ่งที่มีความคิดเห็นเป็นปฏิปักษ์อยู่เสมอ ถึงกับตำหนิเขาตรง ๆ ต่อหน้าท้องพระโรงทำให้บรรยากาศของวันนั้นแย่เป็นอย่างยิ่ง แม้แต่จักรพรรดิหมิงหยวนก็ยังกริ้วจนหน้าดำจูกั๋วกงคนนี้คือ จูหรูเพ่ย เป็นพ่อตาของตี้เว่ยหมิงเมื่อก่อน

  • ใต้หล้าสยบรัก   บทที่ 1011

    มีแม่ทัพแซ่ซุยอยู่ที่นี่ ซึ่งเคยอยู่กับตี้เว่ยหมิงมาก่อน และตี้เว่ยหมิงได้ติดต่อเขาแล้ว เมื่อได้ยินสิ่งที่พระชายาจี้พูด เขาพูดอย่างเฉยเมยว่า "ข้อเสนอขององค์รัชทายาทที่จะจัดตั้งพันธมิตรกับต้าโจว ไม่ต่างอะไรไปกว่าการกระทำของคนขี้ขลาด คิดว่าด้วยการสนับสนุนของต้าโจว เป่ยถังของเราจะสามารถดำรงอยู่ได้อย่างสงบสุขรึ และเช่นกันด้วยวิธีนี้ เป่ยถังของเราจะต้องมองสีหน้าท่าทีของต้าโจวในทุก ๆ เรื่องงั้นหรือ? นี่คิดว่ามันคงไม่เหมาะกระมั่ง”พระชายาจี้มองเขา น้ำเสียงของนางเย็นชาเล็กน้อย “แม่ทัพซุย แม้ว่าข้าจะเป็นผู้หญิง แต่ข้าก็รู้ด้วยว่าสิ่งที่องค์รัชทายาทเสนอเป็นพันธมิตร มิใช่การยอมจำนน ทำไมเจ้าต้องสังเกตสีหน้าท่าทางต้าโจวทุกอย่างด้วย?”แม่ทัพซุยพูดอย่างแข็งกร้าว "พระชายาคงไม่เข้าใจสินะ? เมื่อพันธมิตรถูกจัดตั้งขึ้น ก็จะมีข้อจำกัดซึ่งกันและกัน ข้อจำกัดทางทหารไม่ใช่เรื่องที่ดี"พระชายาจี้ถึงกับขำ แววตาของนางดูเย็นชาขึ้นมา "จริงหรือ? แล้วทำไมข้าถึงได้ยินว่าสนธิสัญญานี้หมายถึงการไม่รุกรานกัน? หรือว่าแม่ทัพซุยมีความคิดที่จะรุกรานแคว้นอื่น"แม่ทัพซุยตกตะลึง "นี่...ข้าย่อมไม่มีอยู่แล้ว"“ในเมื่อไม่มี เจ

  • ใต้หล้าสยบรัก   บทที่ 1010

    หยวนชิงหลิงไม่สบายใจ อย่างไรก็ตาม เสี่ยวลั่วหมี่ยังมีไข้อยู่นางยิ้มและพูดว่า "เสด็จย่า พวกเขาอาจจะงอแง เกรงว่าจะทำให้พระองค์ทรงเหนื่อยได้เพคะ"ไทเฮาทรงมีสีพระพักตร์นิ่งเฉย และตรัสอย่างไม่พอใจว่า “เกรงว่าคนแก่อย่างข้าจะอ่อนล้า หรือไม่วางใจให้ข้าดูแลพวกเขากัน? กลัวว่าพวกเขาอยู่กับข้าแล้วจะดูแลไม่ดี ไม่มีนมให้กินอย่างนั้นรึ” หยวนชิงหลิงยิ้มและพูดว่า "ดูพระองค์พูดสิเพคะ พระองค์จะปฏิบัติต่อพวกเขาอย่างเลวร้ายได้อย่างไร? พระองค์ออกจะรักเหมือนเป็นหัวแก้วหัวแหวน... "“บุ้ย ๆ ๆ หัวแก้วหัวแหวนอะไรกัน ไม่ใช่ลูกสาวสักหน่อย แต่เป็นทองคำต่างหาก ทองคำของข้า” ไทเฮาทรงตรัสแปลก ๆ ขณะอุ้มเสี่ยวลั่วหมี่ไว้นางเงยหน้าขึ้นและมองไปที่หยวนชิงหลิงและพูดอย่างเย็นชาว่า "อย่าพูดไร้สาระ แค่อยู่ในวังสักสองสามวัน ไว้หายดีแล้วค่อยให้เจ้ามารับไป หากยังกังวลใจ ให้ไปหาไท่ซ่างหวงให้รับรองให้เจ้าเถอะ”หยวนชิงหลิงได้ยินว่านางถึงกับยกไท่ซ่างหวงออกมาแบบนี้ นางจะกล้าปฏิเสธได้อย่างไร นางจึงจำใจต้องส่งลูกที่เพิ่งครบเดือนให้ห่างอกนางเท่านั้นอย่างไรก็ตาม เมื่อนึกถึงเรื่องการจัดตั้งโรงเรียนแพทย์ ทุกวันนี้นางก็แทบไม่มีเวลา

  • ใต้หล้าสยบรัก   บทที่ 1009

    ในเมื่อเสด็จพ่อเห็นด้วย จะให้เขามาหารือกับเหล่าขุนนางเพื่อเรียกแรงสนับสนุน แล้วทำไมเขาต้องไปหาเสียงเห็นชอบด้วยจักรพรรดิหมิงหยวนมองเขาอย่างแฝงความนัย เขายังเด็กเกินไปจริง ๆ "ไปซะ"อวี่เหวินห่าวออกไปคิดเกี่ยวกับเรื่องนี้ และทันใดนั้นก็ตระหนักได้ว่า มันยังเป็นความเคลื่อนไหวอันเฉียบแหลมของเสด็จพ่อ ที่ไม่ได้แสดงจุดยืนของพระองค์ออกมา และเฝ้าดูความเคลื่อนไหวของเหล่าขุนนางอย่างเงียบ ๆ หากพระองค์แสดงจุดยืนออกมา หลายคนจะเอียนเอียงคล้อยตามพระองค์ทันที ถ้าพระองค์ไม่พูดอะไร พระองค์ก็จะรู้ความคิดทุกคนจริง ๆ ว่าใครอยู่ข้างตี้เว่ยหมิงอย่างไรก็ตาม หลังจากที่เขาจากไป จักรพรรดิหมิงหยวนก็คิดว่าเรื่องนี้มีข้อดีมากมาย แต่ก็มีข้อเสียเล็ก ๆ น้อย ๆ ด้วยเช่นกัน เพื่อหลีกเลี่ยงไม่ให้นักประวัติศาสตร์ในอนาคตเขียนส่งเดชให้เขาเป็นแพะรับบาป การแสร้งทำเป็นบีบบังคับให้ทำในสิ่งที่ไม่น่าทำได้น่าจะเป็นการดีกว่าเขากำลังกินหมานโถ่วและกังวลใจเกี่ยวกับเสี่ยวลั่วหมี่วันนี้เสี่ยวลั่วหมี่มีไข้ อันที่จริงไม่ใช่แค่เสี่ยวลั่วหมี่ แต่เด็กทั้งสามคนมีอาการไอเล็กน้อยเพียงแต่ร่างกายของเสี่ยวลั่วหมี่นั้นไม่ค่อยแข็งแรง เขาจึงมี

  • ใต้หล้าสยบรัก   บทที่ 1008

    หลังจากเลิกว่าราชกิจแล้ว อวี่เหวินห่าวก็ไม่ย่อมไม่พอใจ ดังนั้นเขาจึงไปหอตำราหลวงหาจักรพรรดิหมิงหยวนจักรพรรดิหมิงหยวนมักจะกินอาหารเช้าหลังจากเลิกว่าราชกิจในยามเช้า มีโจ๊กและหมานโถ่วอยู่ในห้องทำงานของจักรพรรดิ หลังจากกินโจ๊กชามหนึ่ง ก็พูดอย่างเรียบเฉยว่า"เป็นเพราะความสัมพันธ์ระหว่าเจ้ากับแม่ทัพเฉินแห่งต้าโจว? ถึงเป็นเหตุผลให้เจ้าวิ่งเต้นขนาดนี้?”อวี่เหวินห่าวไม่ได้กินอาหารเช้าเช่นกัน และตอนนี้เขาหิวมาก เมื่อเห็นว่าเขาหยุดกินโจ๊กแล้ว เขาคิดว่าเขาไม่เอาหมานโถ่วแล้ว จึงเอื้อมมือไปหยิบหมานโถ่ว “ไม่ใช่พ่ะย่ะค่ะ กระหม่อม..."จักรพรรดิหมิงหยวนหยิบตะเกียบขึ้นมาและชี้ไปที่เขา "วางลงซะ!"อวี่เหวินห่าวถึงกับอ้าปากค้าง เมื่อเห็นสายตาพ่อตัวเองเป็นประกายเช่นนั้น เขาแอบบ่นว่าขี้งกและวางหมานโถ่วกลับที่เดิมจักรพรรดิหมิงหยวนหยิบหมานโถ่วขึ้นมาเช็ด จากนั้นค่อย ๆ ปอกลอกเปลือกนอกออกและกินมัน โดยทิ้งอวี่เหวินห่าวที่อยู่ข้าง ๆอวี่เหวินห่าวพูดอย่างเศร้าใจ "กระหม่อมก็หิวเหมือนกัน เมื่อเช้านี้ตื่นมา แม่นมบอกว่าเสี่ยวลั่วหมี่ตัวร้อนเล็กน้อย กระหม่อมจึงรีบไปดูก่อน ไม่ได้สนใจที่จะกินอาหารเช้า"เมื่อได้ยินว

  • ใต้หล้าสยบรัก   บทที่ 1007

    เขาพูดเสียงดังในท้องพระโรง "เป่ยโม่และเสียนเป่ยเป็นดั่งหมาป่าทะเยอทะยาน พวกเขาจับตามองเป่ยถังมานานแล้ว แต่เป็นเพราะทหารม้าที่แข็งแกร่งของเป่ยถั งและเหล่ายอดนักรบจึงขับไล่พวกเขากลับไปได้เป็นการชั่วคราว แต่ไม่มีอะไรมารับประกันได้ว่าพวกเขาจะไม่กลับมารุกรานอีกตอนนี้ต้าโจวได้พัฒนาอาวุธและรถออกศึกได้ หากทั้งสองแคว้นเป็นพันธมิตรกัน ต้าโจวสามารถช่วยเป่ยถังปรับปรุงอาวุธและยุทโทปกรณ์ ซึ่งสามารถเสริมสร้างการป้องกันทางทหารของเป่ยถังได้ และร่วมกับการพัฒนาเศรษฐกิจ นี่เป็นประโยชน์ระยะยาวสำหรับเป่ยถัง รัชทายาททรงมีพระวินิจฉัยที่ลึกซึ้ง นั่นเป็นผลดีต่อราษฏร และเขายังคิดถึงระยะยาวสำหรับเป่ยถัง ส่วนแม่ทัพตี้เว่ยหมิงที่เจตนาพูดจาให้คนอื่นตกใจนั้นก็มีส่วนต้องรับผิดชอบด้วย ว่าไปแล้วเป่ยถังไม่ได้ไปรุกรานโม่เป่ยกับเสียนเป่ย หากพวกเขาไปรุกรานต้าโจว มีหรือจะปล่อยเป่ยถังไว้? หรือถึงตอนนั้นต้องยกแคว้นให้เพื่อสงบศึกกัน? "ในตอนนั้นเป่ยถังพ่ายแพ้ให้กับเป่ยโม่ ถูกทหารสามหมื่นนายล้อมไว้ ในท้ายที่สุด แม่ทัพตี้เว่ยหมิงถูกส่งไปเจรจาสงบศึก ยกเมืองที่เป่ยโม่ต้องการถึงจะยอมถอยทัพนี่เป็นความอัปยศอดสูของเป่ยถังเสมอ และม

DMCA.com Protection Status