Share

บทที่ 214

Penulis: จูน
อวี่เหวินห่าวหันหลังให้นางแล้วเก็บซ่อนความโกรธนั้นแล้วพูดกับนางว่า “สักสามหรือห้าคนได้”

หยวนชิงหลิงตกใจมาก เดิมทีคิดว่าคนสองคนก็เยอะแล้ว แต่คิดไม่ถึงเลยว่ามีตั้งสามหรือห้าคนแบบนี้

ในฐานะคนยุคปัจจุบัน จึงไม่สามารถเข้าใจได้จริง ๆ เหตุผลที่ผู้ชายหานางบำเรอได้และก็ไม่สามารถเข้าใจเหตุผลเพื่อสืบทายาทได้

เธอเองก็หันหลังให้เขา ในใจรู้สึกโกรธมาก โกรธแทนหญิงสาวเหล่านั้น

ดูอย่างลวี่หยาเป็นตัวอย่าง ผู้หญิงไม่ได้เต็มใจทำงานบ้าน ใครเต็มใจยอมเป็นเครื่องผลิตทายาทให้ผู้ชายบ้าง? แต่ภายใต้อำนาจพวกนางทำได้แค่ยอมจำนน เพราะสถานะต้อยต่ำของตัวเอง

เหล่าผู้หญิงผู้น่าสงสารพวกนั้น ปล่อยให้คนร้ายอย่างอวี่เหวินห่าวกระทำการชั่วร้ายย่ำยีงั้นหรือ?

แต่ถ้าตอนนี้ไล่พวกนางออกจากจวน ในสังคมชนชั้นศักดินาแบบนี้ พวกนางยังสามารถหาคนดี ๆ แต่งงานด้วยได้ไหม?

หยวนชิงหลิงโกรธมาก อวี่เหวินห่าวก็โกรธมาก

คำพูดของนางหมายความว่าไง? เห็นเขาเป็นคนยังไง? เรื่องนางบำเรออีก สนมนางบำเรอเขาก็ไม่มี มีนางเป็นพระชายาคนเดียว ยังน่ารังเกียจชนิดที่ไม่อยากแตะต้อง

ทั้งคู่โกรธหายใจฟึดฟัด สุดท้ายไม่มีใครหลับได้เลยสักคน

หลับตา ด่าสาปอยู่ในใจ ฟ
Lanjutkan membaca buku ini secara gratis
Pindai kode untuk mengunduh Aplikasi
Bab Terkunci
Komen (2)
goodnovel comment avatar
พรรณนิภา ครูนนทกฤษ
ขอเพิ่มอีกได้มั้ยค่ะกำลังสนุกเลย
goodnovel comment avatar
Nu Pad Pattamawan
อยากอ่านอีกกกก
LIHAT SEMUA KOMENTAR

Bab terkait

  • ใต้หล้าสยบรัก   บทที่ 215

    ระหว่างทาครีมทางแป้ง กับไปแบบหน้าเหมือนแมว อวี่เหวินห่าวเลือกอย่างแรกแต่เขาคิดผิดที่ไว้ใจหยวนชิงหลิงแป้งของนางไม่ดี ทาลงบนหน้าแล้วก็หลุดออกมาเป็นแผ่น ๆ เหมือนคนเป็นโรคเรื้อนอย่างไรอย่างนั้นสุดท้าย หมอหลวงมอบยาน้ำชนิดหนึ่งมาทา ไม่เห็นรอยแดงแล้ว แต่ใบหน้าดูซีดเซียวเหมือนคนป่วยหนักอย่างไรก็ตามนี่เป็นผลลัพธ์ที่ดีที่สุดแล้วกินมื้อเช้าอย่างง่าย ๆ และขึ้นรถม้าออกไปใช้เวลาประมาณสองก้านธูปก็ถึงจวนอ๋องหวยแล้วต้องจอดรถม้าบนตรอกที่ไกลออกไป เพราะประตูหน้าประตูหลังมีรถม้าจอดอยู่เต็มไปหมดมีราชรถจอดอยู่สองคัน สนมหลู่เฟยเสด็จมาถึงเมื่อคืนวานนี้จ่างกงจู่อวี่เหวินจิ้งเพิ่งมาถึงเมื่อไม่กี่วันมานี้ และยังมีหยวนชิงหลิงที่กำลังทักทายอวี่เหวินหลิงชิงอ๋องหลายพระองค์ก็อยู่ที่จวนอ๋องผลัดเปลี่ยนเฝ้าเวรยามดึก กลัวว่าจะเกิดเหตุที่ไม่คาดคิดกับอ๋องหวย ข้างกายก็มีคนอยู่ ในหมู่พวกเขาก็มีคู่สามีภรรยาอ๋องจี้ที่ขยันขันแข็งที่สุด ก่อนหน้านั้นที่พระสนมหลู่เฟยมาถึง เรื่องเล็ก ๆ น้อย ๆ ทั้งหมดล้วนเป็นสองสามีภรรยานี้จัดการ นางในข้ารับใช้อีกทั้งพ่อบ้านก็อยู่ที่จวนอ๋องหวยนี้ด้วย เพราะเนื่องจากราชโองการฝ่าบาทเ

  • ใต้หล้าสยบรัก   บทที่ 216

    หยวนชิงหลิงกล่าวว่า “อาการประชวรของอ๋องหวยเป็นโรคติดต่อ คนที่เข้าออกต้องสวมหน้ากาก ข้าจะพูดกับอ๋องหวยให้เข้าใจเองเพคะ จะไม่ทำให้เขารู้สึกผิดหรือรับผิดชอบอะไร” “เจ้าหุบปาก!” สนมหลู่เฟยโกรธซะจนใครพูดอะไรก็ไม่ฟังแล้ว เดิมทีนางออกจากวังหลวงมาเพื่อจับตาดูหยวนชิงหลิง วันนี้ยังไม่ทันได้ตรวจรักษา ก็ให้นางสั่งอะไรแผลง ๆ แบบนี้แล้วพระชายาจี้กล่าวอย่างยิ้ม ๆ “ไม่เป็นไร เป็นแค่การดูแลรักษาเท่านั้น ข้าเข้าออกมาสองสามวัน ไม่ได้สวมอะไร...หน้ากากปิดปากใช่ไหม? น้องหกป่วยก็คิดไม่ตกแล้ว พวกเราไม่อาจทำให้เขารู้สึกหนักใจได้” นางดันมือคืนหน้ากากผ้าให้หยวนชิงหลิงและหันเข้าไปเพื่อแสดงให้เห็นว่านางไม่ได้มีความรังเกียจเลยสักนิดหยวนชิงหลิงพูดอย่างเคร่งขรึม “หยุดอยู่ตรงนั้นนะ!”พระชายาจี้พูดอย่างเย็นชา “เจ้าจะทำอะไร?”หยวนชิงหลิงมองไปรอบ ๆ แล้วพูดว่า “เสด็จพ่อทรงพระบัญชารับสั่งให้หม่อนฉันมารักษาอาการประชวรของอ๋องหวย เกี่ยวกับอาการป่วยทั้งหมดล้วนต้องฟังหม่อมฉัน โรควัณโรคเป็นโรคติดต่อร้ายแรง ละอองน้ำลายก็สามารถทำให้แพร่เชื้อได้แล้ว การสวมหน้ากากเป็นแค่การป้องกันเบื้องต้นเท่านั้น ถ้าใครไม่สวมหน้ากาก ก็ไ

  • ใต้หล้าสยบรัก   บทที่ 217

    หยวนชิงหลิงไปดูบันทึกการรักษาของหมอหลวงอาการเริ่มหนักขึ้นเรื่อย ๆ ไอเป็นเลือดมาตลอดหนึ่งเดือน รับยามาสองสามวัน หลังจากนั้นอาการก็เลวร้ายขึ้น และยังคงมีอาการไออยูแบบนี้หยวนชิงหลิงทำการตรวจเบื้องต้น โดยจับชีพจรและนำกล่องยาออกมาและฉีดสเตรปโตมัยซินให้เขาสนมหลู่เฟยและพระชายาจี้ที่สวมหน้ากากแล้วเข้ามาในนี้ เห็นหยวนชิงหลิงหยิบเข็มแทงอ๋องหวยนางรีบพรวดพราดเข้าไป “เจ้าทำอะไร? เจ้าแทงอะไรให้เขา?”อวี่เหวินห่าวห้ามปรามนาง “เสด็จแม่หลู่เฟย โปรดอย่าวู่ว่ามสงบพระทัยก่อนพ่ะย่ะค่ะ”สนมหลู่เฟยมองอวี่เหวินห่าวอย่างตกตะลึง “นี่มันการรักษาอะไรกัน? เสด็จพ่อเจ้าทรงทราบหรือไม่?”“ทรงทราบพ่ะย่ะค่ะ!” อวี่เหวินห่าวกล่าวหยวนชิงหลิงหยิบยาออกมาหนึ่งกำมือ สั่งให้เด็กรับใช้นำน้ำมา และพูดกับอ๋องหวยว่า “กินยาพวกนี้ลงไป”อ๋องหวยให้ความร่วมมือดีมาก ป่วยสามปีมานี้ ให้ใช้ความร่วมมือในการบำบัดรักษาอย่างดี แม้ว่าจะเป็นหมอเทวดาสมุนไพรพื้นบ้านที่เสด็จแม่เชิญมา แม้กระทั่งการระบำถวายทวยเทพของแม่มดที่ปลุกเสกน้ำมนต์ให้ เขาดื่มลงไปโดยไม่ถามสักคำดังนั้น เขาถึงไม่ถามหยวนชิงหลิงว่าเป็นยาอะไรและกินมันลงไป เขาขมวดคิ้วเล็

  • ใต้หล้าสยบรัก   บทที่ 218

    อวี่เหวินห่าวก้าวไปข้างหน้าช่วยพยุงอ๋องหวยขึ้น พระชายาจี้รีบพูดขึ้นมา “น้องห้า ถ้าเจ้ากลัวติดเชื้อให้เด็กรับใช้มาพยุงเถอะ”คำพูดแบบนี้มันเกินไปแล้วหยวนชิงหลิงไม่ทน แขวนหูฟังไว้ที่หูข้างหนึ่งแล้วหันกลับมาพูดกับพระชายาจี้อย่างเย็นชา “พระชายาจี้ ท่านอยู่ที่นี่ช่วยอะไรไม่ได้ นอกจากยั่วยุก่อความวุ่นวาย ท่านออกไปข้างนอกดื่มชาพูดคุยอย่างที่ท่านถนัดดีไหม?”พระชายาจี้เองก็คิดไม่ถึงว่าหยวนชิงหลิงจะพูดแบบนี้ได้ รู้สึกตกใจกลัวและหันหน้าไปมองสนมหลู่เฟยด้วยความละอายใจ “เสด็จแม่หลู่เฟย หม่อมฉันขอประทานอภัย หม่อมฉันอยู่ตรงนี้ช่วยอะไรไม่ได้จริง ๆ”สนมหลู่เฟยไม่ชอบที่หยวนชิงหลิงพูดจารุนแรงเช่นนี้ จึงกล่าวอย่างเย็นชาว่า “เจ้ามีสิทธิ์อะไรไล่ให้นางออกไป? สองสามวันมานี้ถ้าไม่ใช่พระชายาจี้เป็นกำลังใจให้ทุกคนในจวนมั่นคงไม่หวั่นไหว ไม่งั้นจวนอ๋องก็คงวุ่นวายไปแล้ว เจ้าเองก็ไม่รู้มีความสามารถแค่ไหน ถึงได้กล้าโอหังถึงเพียงนี้ ”หยวนชิงหลิงโกรธมาก ๆ “พระนางสนมหลู่เฟย ที่นอนอยู่บนเตียงคือลูกชายของท่านที่ป่วยอยู่เป็นตายเท่ากัน ข้าได้รับพระบัญชาลงมา ให้ช่วยเข้า ไม่ใช่ทำร้ายเขา เรื่องการสวมหน้ากาก ก็ได้อธิบายกั

  • ใต้หล้าสยบรัก   บทที่ 219

    “หมอหลวงบอกว่า ข้าอาจอยู่ไม่ถึงสิบวัน ตอนนี้นับ ๆ ดูแล้วก็เหลืออีกแค่สามวัน” อ๋องหวยกล่าวอย่างสงบหยวนชิงหลิงส่ายหน้าปฏิเสธคำพูดฟันธงของหมอหลวง “การทำงานของปอดและหัวใจของท่านไม่ได้เสียหายทั้งหมด อาการไอเป็นเลือดนั้น ในหนึ่งสัปดาห์...ประมาณเจ็ดวันจะสามารถควบคุมได้ แม้กระทั่งอาการไอตอนกลางคืนของท่าน คืนนี้ก็สามารถแก้ไข้ให้ดีขึ้นได้ นี่เป็นเส้นทางการรักษาที่แสนยาวนาน ขอเพียงแค่ท่านอ๋องไม่ยอมแพ้ ข้าก็จะไม่ยอมแพ้”อวี่เหวินห่าวที่อยู่ด้านข้างได้ยินประโยคนี้ รู้สึกอบอุ่นใจ เขามองหยวนชิงหลิงอย่างนิ่ง ๆ ช่วงนี้สตรีนางนี้มีรัศมีเปล่งประกาย อ๋องหวยพูดเสียงเบา “ขอบคุณพี่สะใภ้ห้า”“ตอนนี้นอนเถอะ” หยวนชิงหลิงหันไปมองสนมหลู่เฟย “พระนางสนมหลู่เฟยออกไปเถอะ ให้ท่านอ๋องพักผ่อน”สนมหลู่เฟยพยักหน้า เหลือบมองไปทางลูกชายของนาง และออกไปอย่างไม่เต็มใจในใจของนางค่อย ๆ มีความหวังขึ้นมา แต่ตวามหวังนี้ไม่ใช่หมอหลวงเป็นคนให้ แต่เป็นหยวนชิงหลิงที่เป็นคนมอบให้ นางก็รู้สึกไม่สบายใจเลยหยวนชิงหลิงก็ออกไป อวี่เหวินห่าวคิดจะอยู่ในห้องนี้เป็นเพื่อนพูดคุยกับน้องชาย ก็ถูกหยวนชิงหลิงลากออกไป “คนในครอบครัวก็ต้องออกไ

  • ใต้หล้าสยบรัก   บทที่ 220

    คิดถึงตรงนี้แล้ว อ๋องฉีก็เปลี่ยนเข้ามาปลอบใจ “พี่ห้า งั้นช่างเถอะ ข้าเองก็ไม่อยากสนใจนาง ผู้หญิงไม่มีเหตุผล ไม่ใช่ผู้หญิงทุกคนจะมีเหตุผลเหมือนชุ่ยเอ๋อร์”อวี่เหวินห่าวเอ่ย “ใช่ ชุ่ยเอ๋อร์เป็นคนมีเหตุผล เจ้าพูดกับนาง เรื่องมันเป็นแบบนี้แล้ว หากทำให้หยวนชิงหลิงโกรธอีก นางอาจเอาไม้เท้ามาตี เพิ่งโชคร้ายตกน้ำมายังจะมาโดนตีอีก? ไม่คุ้มเลยที่จะโกรธเคืองกับผู้หญิงแบบนี้!”เขาพูด หางตาของเขาเหลือบมองออกไปอย่างไม่รู้ตัวอ๋องฉีกตกใจไปครู่ “พี่ห้า ทำไมข้าถึงเห็นว่าท่านดูเหมือนจะเพลิดเพลินเยี่ยงนี้?”อวี่เหวินห่าวเปลี่ยนสีหน้าแววตาของเขาก็ดูว่างเปล่า “ร้องไห้ได้หรือไง? ผู้คนมากมายอยู่ที่นี่ ไม่สามารถให้ใครรู้ได้ว่าข้าถูกภรรยาตี”มีเหตุผล!“เช่นนั้นเรื่องนี้ จะทำยังไง?”“เห็นแก่ไม้เท้าทรงอำนาจ อดทนไว้!” อวี่เหวินห่าวพูดจบก็กลับไปหาหยวนชิงหลิงช่วงนี้ไม่สามารถปล่อยให้สตรีนางนี้ห่างจากสายตาตัวเองได้เลย นางอยู่กับคนอื่นเขามักจะรู้สึกโกรธหงุดหงิดขึ้นมาง่าย ๆมันมากขึ้นเรื่อย ๆ อย่างไม่ทันรู้ตัวหยวนชิงหลิงล่ะ?อวี่เหวินห่าวมองไปรอบ ๆ ไม่พบนาง เขาออกไปแค่เดียว นางหายไปไหนแล้ว?หยวนชิงหลิงถูกอ

  • ใต้หล้าสยบรัก   บทที่ 221

    “ผู้หญิงคนนี้มีจิตใจที่ชั่วร้าย แต่น่าเสียดายที่พี่ห้าและเสด็จแม่ถูกนางหลอกกันหมด”หยวนชิงหลิงอยากทราบเป็นเหลือเกินว่า อวี่เหวินหลิงมองจากตรงไหนว่าการเสแสร้งของฉู่หมิงชุ่ยมีปัญหา อย่างไรก็ตาม อวี่เหวินหลิงกลับเอ่ยว่า “พี่สะใภ้ห้ายังคงยุ่ง ๆ กับอาการป่วยของพี่หกใช่หรือไม่? ถ้าอย่างนั้นข้าจะไม่ทำให้เจ้าเสียเวลาแล้ว” หยวนชิงหลิงคว้าแขนของนาง “ไม่ยุ่ง มาพูดถึงการเสแสร้งของฉู่หมิงชุ่ยกันดีกว่า" สะใภ้ทั้งสองหาสถานที่ที่เงียบสงบ หยวนชิงหลิงได้รู้ความเป็นมาทั้งหมดของอวี่เหวินหลิง และความแค้นของฉู่หมิงชุ่ย เรื่องนี้เกิดขึ้นเมื่อสองปีที่แล้ว ตอนนั้นทุกคนคิดว่าอวี่เหวินห่าวจะแต่งงานกับฉู่หมิงชุ่ย และอวี่เหวินหลิงก็ชอบว่าที่พี่สะใภ้เช่นกัน ทุกครั้งที่ฉู่หมิงชุ่ยเข้าวังไปเยี่ยมท่านป้าฮองเฮา มักจะเข้าเฝ้าที่ตำหนักพระสนมเสียนเฟย เขาจะถืออะไรติดไม้ติดมือมาให้อวี่เหวินหลิงด้วย มองดูความอารมณ์ดีของอวี่เหวินหลิง นางมักจะชื่นชมความงานของฉู่หมิงชุ่ยต่อหน้าพระสนมเสียนเฟยและอวี่เหวินห่าวเสมอ มีครั้งหนึ่ง ฉู่หมิงชุ่ยนำปิ่นปักผมผีเสื้อหยกขาวเข้ามาในวัง อวี่เหวินหลิงเห็นแล้วก็ชื่นชอบมันยิ่งนัก จึงล

  • ใต้หล้าสยบรัก   บทที่ 222

    หยวนชิงหลิงวางกรงเล็บลง พูดอย่างไม่เต็มใจเล็กน้อย “แล้วเจ้าจะเชื่อถ่อยคำไหน? ข้าผิดไปแล้ว ยังไม่พอเหรอ?” “เจ้าผิดแล้วทำไมยังจะพูดหาเหตุผลอะไรนักหนา? ยังจองหองได้อีกเหรอ? เจ้าผิดแต่ก็ไม่เห็นท่าทีจะรู้สึกผิดแม้แต่น้อย? เจ้าขออภัยหรือยัง? ชดใช้ความผิดนี้หรือยัง? ถามรัวมาเป็นชุด กับน้ำเสียงอย่างนี้ก็ถือว่าอดทนได้ยาวนานแล้วจริง ๆ หยวนชิงหลิงก็โกรธเช่นกัน “ท่านพูดอะไรออกมา? เซ้าซี้ไม่หยุดยิ่งกว่าสตรีไม่มีเหตุผล? โดยส่วนตัวท่านแล้วก็ไม่เห็นจะว่าข้าดีเลย ต่อให้ดีหรือไม่ดีข้าก็เป็นคนที่ช่วยชีวิตท่าน...” หน้านางแดง เผยอปากเล็กน้อย นัยน์ตาคล้ำ ผมยุ่งเหยิง เอียงตัวเล็กน้อย รู้สึกสำนึกผิดปนไม่สบายใจเล็กน้อย ไม่พูดถึงผู้มีพระคุณแม้แต่ประโยคเดียว ดวงตาเริ่มหลบ อวี่เหวินห่าวรู้สึกได้ถึงความโกรธที่พุ่งเข้าใส่ศีรษะ บังอาจล้ำเลิกบุญคุณ? บ้านป่าเมืองเถื่อน? นางก้มศีรษะลงไป กัดริมฝีปากสีแดงที่เผยอเล็กน้อยของนางโดยไม่ทันได้คิด เพราะเขาไม่สามารถตบตีนางได้ แม้ความตั้งใจเดิมของเขาคือการลงโทษ แต่ทันทีที่ริมฝีปากสีแดงถูกการสัมผัส ที่นุ่มนวลตรงมาที่จุดสูงสุดของหัวใจ ตัวของเขานิ่งงันไปทั้งตัว ในหัวขอ

Bab terbaru

  • ใต้หล้าสยบรัก   บทที่ 1015

    ซูยี่อยู่ในห้องของสุนัขป่าเช่นกัน เมื่อเห็นอวี่เหวินห่าวและหยวนชิงหลิงเข้ามา เขาพูดอย่างกังวล "องค์รัชทายาท พระชายา นายน้อยสุนัขป่าไม่กินอะไรเลย หาหมอหลวงดีไหมพ่ะย่ะค่ะ?"อวี่เหวินห่าวหัวเราะ "เขารักษาอาการป่วยของสุนัขป่าไม่ได้ จะพาเขาไปทำไม?"เขาดูสุนัขป่าน้อยสามตัวนอนอยู่บนเตียงเล็ก ร่างเล็ก ๆ ของพวกมันเบียดเสียดกัน ดูเซื่องซึม บางทีอาจเป็นเพราะพวกมันไม่ได้กินอะไรจึงดูอ่อนแอและซูบผอมเป็นพิเศษ อวี่เหวินห่าวพูดด้วยความประหลาดใจว่า "ผอมลงมากขนาดนี้เลยรึ? สุนัขป่าคงหิวมากแน่ ๆ""สุนัขป่าที่โตเต็มวัย เวลาหิวนั้นกินอาหารหนึ่งมื้อสามารถอยู่ได้นานถึงครึ่งเดือน ตอนนี้พวกมันยังเด็กและต้องกินเนื้อ" ซูยี่เลี้ยงสุนัขป่า และได้ศึกษาการเลี้ยงมามากมายอวี่เหวินห่าวหยิบหนึ่งในนั้นขึ้นมา เห็นสุนัขป่าหิมะตัวน้อยนอนนิ่งอยู่ในมือของเขาเหมือนก้อนสำลีเบาหวิวไม่มีน้ำหนัก "ตัวนี้ของใครกัน?""ของเสี่ยวลั่วหมี่" หยวนชิงหลิงกล่าว "ตัวเล็กที่สุดคือของเสี่ยวลั่วหมี่ ท่านดูสิแยกออกได้เลยเห็นไหม ของ เปาจื่อปากจะแหลมมาก ของทังหยวนก็หน้ากลมกว่า มันแปลกที่จะบอกว่าสุนัขป่าพวกนี้ ทั้งลักษณะนิสัยหรือรูปร่างหน้าตา พว

  • ใต้หล้าสยบรัก   บทที่ 1014

    อวี่เหวินห่าวไม่ได้อธิบายอะไรแทนจิ้งถิง เขาแค่พูดว่า "เขาจะอยู่ในจวนสักพัก ดังนั้นเจ้าควรเปิดตาของเจ้าดูสิว่าเขาจริงใจหรือเสเเสร้ง เจ้าฉลาดมากขนาดนี้ ย่อมต้องดูออกอยู่แล้ว”หยวนชิงหลิงได้ยินถึงความไม่พอใจในน้ำเสียงของเขา ดูเหมือนว่าเขาใส่ใจมิตรภาพนี้จริง ๆหยวนชิงหลิงลองคิดดูแล้ว หลังจากใช้เวลาร่วมกับจวิ้นจู่มาสองสามวัน จวิ้นจู่ก็เป็นคนตรงไปตรงมาและเปิดเผย ดังนั้นนางคงไม่หาสามีที่มีจิตใจล้ำลึกซับซ้อนหรอกนางจึงขอโทษเขา "ข้าคิดมากไป ในอนาคตข้าจะไม่พูดอะไรแบบนี้อีก"อวี่เหวินห่าวเอื้อมมือไปเชยคางนาง และมองหน้านาง "เหล่าหยวน ข้าเองก็เห็นว่านิสัยของเจ้าช่างเถรตรงจริง ๆ แม้ว่าบางครั้งเจ้าจะดุร้าย เผด็จการ และไม่มีเหตุผล แต่ถ้าเจ้าทำอะไรผิด เจ้าจะต้องขอโทษอย่างแน่นอน เกรงว่าแม้จะเป็นคนรับใช้ก็ยังกล่าวคำขอโทษได้ เจ้านี่นิสัยดี ใช้ได้จริง ๆ"“ข้าเป็นคนไร้เหตุผลตั้งแต่เมื่อไหร่กัน?” หยวนชิงหลิงหัวเราะ “ท่านจะชมข้าก็ชมสิ ทำไมต้องดุกันก่อน”อวี่เหวินห่าวหัวเราะ "รางวัลและบทลงโทษต้องแยกให้ออกจากกันอย่างชัดเจน หากเจ้าทำสิ่งที่ถูกต้อง เจ้าควรได้รับคำชมเชย หากเจ้าทำอะไรผิด ก็ต้องบอกกล่าวตักเตือ

  • ใต้หล้าสยบรัก   บทที่ 1013

    เขากลับมาที่จวนอย่างไม่สบอารมณ์ หยวนชิงหลิงเห็นว่าเขาขมวดคิ้ว นางรู้ว่าเป็นเพราะเรื่องลงนามพันธมิตรอีกเป็นแน่ ดังนั้นนางจึงปลอบเขาอวี่เหวินห่าวพูดด้วยความโกรธ "เสด็จพ่อจงใจทำให้ข้าลำบาก จูกั๋วกงเห็นด้วยหรือไม่นั้นเป็นเรื่องสำคัญขนาดนั้นเลยรึอย่างไร?"หยวนชิงหลิงหัวเราะ "ท่านอยู่ในเกมและกังวลเกี่ยวกับเรื่องนี้มากเกินไป จึงไม่เข้าใจความหมายของเสด็จพ่อ เสด็จพ่อต้องการให้ท่านเอาแรงสนับสนุนจากจูกั๋วกงมาให้ได้ ไม่ใช่แค่แรงสนับสนุนเรื่องนี้เท่านั้น แต่มันจะเป็นแรงสนับสนุนงานในอนาคตทั้งหมดของท่าน เพราะตอนนี้เขาเป็นคนที่สามารถปราบปรามตี้เว่ยหมิงอย่างออกหน้าได้ นั้นก็คือตัวเขาที่เป็นพ่อตา”อวี่เหวินห่าวตกตะลึงไปครู่หนึ่ง "เจ้าหมายความว่า เสด็จพ่อก็มองตี้เว่ยหมิงออกด้วยหรือ?"หยวนชิงหลิงยืนพิงเขา "เสด็จพ่อย่อมต้องรู้มากกว่าท่านอยู่แล้ว เหมือนที่ท่านเคยพูดไว้ก่อนหน้านี้ว่าพระองค์ลำเอียงเข้าข้างพี่ใหญ่เสมอ จริง ๆ แล้วพระองค์ทรงรู้อยู่แก่ใจ พระองค์แค่ให้โอกาสพี่ใหญ่เสมอ แต่เมื่อเจอโอกาสที่เหมาะสม ก็ควรจัดการไม่ใช่หรอกหรือ? ความคิดของพระองค์ชัดเจนอยู่แล้ว ดังนั้นจงทำตามที่พระองค์ต้องการเถอะ จัดก

  • ใต้หล้าสยบรัก   บทที่ 1012

    พระชายาจี้พูดจบก็กลับไปนั่งลงบนเก้าอี้เก้าอี้ที่นางนั่งนั้นใหญ่มาก แต่นางผอมมากเนื่องจากป่วยมาเป็นเวลานาน เก้าอี้นั้นยังมีพื้นที่เหลืออีกมาก ผู้หญิงตัวเล็ก ๆ คนนั้นนั่งบนเก้าอี้กว้างตัวใหญ่ประจัญหน้ากับพวกขุนนางกว่าสิบคนที่อยู่ตรงนั้นแม่ทัพซุยไม่กล้าพูดอะไรอีกต่อไป ความโกรธบนใบหน้าของเขาก็ค่อย ๆ แปรเปลี่ยนเป็นความหวาดกลัวคนที่เหลือก็เงียบและก้มหน้าเช่นกันพระชายาจี้รออยู่สักพัก ก่อนที่จะกล่าวอย่างใจเย็นว่า "องค์รัชทายาทคือผู้กำหนดชะตา ถ้าเจ้าปฏิบัติตามให้ดี เจ้าจะมีชีวิตอยู่อย่างมั่งคั่งและมั่งคั่งในภายภาคหน้า วันนี้ข้าพูดได้เพียงเท่านี้ ทุกคนไปเถอะ รักษาตัวด้วย"หลังจากพูดจบ นางก็ยืนขึ้น และเดินออกไปโดยเอามือไพล่หลัง แผ่นหลังบาง ๆ ของนางตั้งตรงดูยิ่งใหญ่ราวกับว่าสามารถแบกท้องฟ้าได้ครึ่งหนึ่งแรงสนับสนุนของอวี่เหวินห่าวสูงขึ้นเรื่อย ๆอย่างไรก็ตาม มีคน ๆ ​​หนึ่งที่มีความคิดเห็นเป็นปฏิปักษ์อยู่เสมอ ถึงกับตำหนิเขาตรง ๆ ต่อหน้าท้องพระโรงทำให้บรรยากาศของวันนั้นแย่เป็นอย่างยิ่ง แม้แต่จักรพรรดิหมิงหยวนก็ยังกริ้วจนหน้าดำจูกั๋วกงคนนี้คือ จูหรูเพ่ย เป็นพ่อตาของตี้เว่ยหมิงเมื่อก่อน

  • ใต้หล้าสยบรัก   บทที่ 1011

    มีแม่ทัพแซ่ซุยอยู่ที่นี่ ซึ่งเคยอยู่กับตี้เว่ยหมิงมาก่อน และตี้เว่ยหมิงได้ติดต่อเขาแล้ว เมื่อได้ยินสิ่งที่พระชายาจี้พูด เขาพูดอย่างเฉยเมยว่า "ข้อเสนอขององค์รัชทายาทที่จะจัดตั้งพันธมิตรกับต้าโจว ไม่ต่างอะไรไปกว่าการกระทำของคนขี้ขลาด คิดว่าด้วยการสนับสนุนของต้าโจว เป่ยถังของเราจะสามารถดำรงอยู่ได้อย่างสงบสุขรึ และเช่นกันด้วยวิธีนี้ เป่ยถังของเราจะต้องมองสีหน้าท่าทีของต้าโจวในทุก ๆ เรื่องงั้นหรือ? นี่คิดว่ามันคงไม่เหมาะกระมั่ง”พระชายาจี้มองเขา น้ำเสียงของนางเย็นชาเล็กน้อย “แม่ทัพซุย แม้ว่าข้าจะเป็นผู้หญิง แต่ข้าก็รู้ด้วยว่าสิ่งที่องค์รัชทายาทเสนอเป็นพันธมิตร มิใช่การยอมจำนน ทำไมเจ้าต้องสังเกตสีหน้าท่าทางต้าโจวทุกอย่างด้วย?”แม่ทัพซุยพูดอย่างแข็งกร้าว "พระชายาคงไม่เข้าใจสินะ? เมื่อพันธมิตรถูกจัดตั้งขึ้น ก็จะมีข้อจำกัดซึ่งกันและกัน ข้อจำกัดทางทหารไม่ใช่เรื่องที่ดี"พระชายาจี้ถึงกับขำ แววตาของนางดูเย็นชาขึ้นมา "จริงหรือ? แล้วทำไมข้าถึงได้ยินว่าสนธิสัญญานี้หมายถึงการไม่รุกรานกัน? หรือว่าแม่ทัพซุยมีความคิดที่จะรุกรานแคว้นอื่น"แม่ทัพซุยตกตะลึง "นี่...ข้าย่อมไม่มีอยู่แล้ว"“ในเมื่อไม่มี เจ

  • ใต้หล้าสยบรัก   บทที่ 1010

    หยวนชิงหลิงไม่สบายใจ อย่างไรก็ตาม เสี่ยวลั่วหมี่ยังมีไข้อยู่นางยิ้มและพูดว่า "เสด็จย่า พวกเขาอาจจะงอแง เกรงว่าจะทำให้พระองค์ทรงเหนื่อยได้เพคะ"ไทเฮาทรงมีสีพระพักตร์นิ่งเฉย และตรัสอย่างไม่พอใจว่า “เกรงว่าคนแก่อย่างข้าจะอ่อนล้า หรือไม่วางใจให้ข้าดูแลพวกเขากัน? กลัวว่าพวกเขาอยู่กับข้าแล้วจะดูแลไม่ดี ไม่มีนมให้กินอย่างนั้นรึ” หยวนชิงหลิงยิ้มและพูดว่า "ดูพระองค์พูดสิเพคะ พระองค์จะปฏิบัติต่อพวกเขาอย่างเลวร้ายได้อย่างไร? พระองค์ออกจะรักเหมือนเป็นหัวแก้วหัวแหวน... "“บุ้ย ๆ ๆ หัวแก้วหัวแหวนอะไรกัน ไม่ใช่ลูกสาวสักหน่อย แต่เป็นทองคำต่างหาก ทองคำของข้า” ไทเฮาทรงตรัสแปลก ๆ ขณะอุ้มเสี่ยวลั่วหมี่ไว้นางเงยหน้าขึ้นและมองไปที่หยวนชิงหลิงและพูดอย่างเย็นชาว่า "อย่าพูดไร้สาระ แค่อยู่ในวังสักสองสามวัน ไว้หายดีแล้วค่อยให้เจ้ามารับไป หากยังกังวลใจ ให้ไปหาไท่ซ่างหวงให้รับรองให้เจ้าเถอะ”หยวนชิงหลิงได้ยินว่านางถึงกับยกไท่ซ่างหวงออกมาแบบนี้ นางจะกล้าปฏิเสธได้อย่างไร นางจึงจำใจต้องส่งลูกที่เพิ่งครบเดือนให้ห่างอกนางเท่านั้นอย่างไรก็ตาม เมื่อนึกถึงเรื่องการจัดตั้งโรงเรียนแพทย์ ทุกวันนี้นางก็แทบไม่มีเวลา

  • ใต้หล้าสยบรัก   บทที่ 1009

    ในเมื่อเสด็จพ่อเห็นด้วย จะให้เขามาหารือกับเหล่าขุนนางเพื่อเรียกแรงสนับสนุน แล้วทำไมเขาต้องไปหาเสียงเห็นชอบด้วยจักรพรรดิหมิงหยวนมองเขาอย่างแฝงความนัย เขายังเด็กเกินไปจริง ๆ "ไปซะ"อวี่เหวินห่าวออกไปคิดเกี่ยวกับเรื่องนี้ และทันใดนั้นก็ตระหนักได้ว่า มันยังเป็นความเคลื่อนไหวอันเฉียบแหลมของเสด็จพ่อ ที่ไม่ได้แสดงจุดยืนของพระองค์ออกมา และเฝ้าดูความเคลื่อนไหวของเหล่าขุนนางอย่างเงียบ ๆ หากพระองค์แสดงจุดยืนออกมา หลายคนจะเอียนเอียงคล้อยตามพระองค์ทันที ถ้าพระองค์ไม่พูดอะไร พระองค์ก็จะรู้ความคิดทุกคนจริง ๆ ว่าใครอยู่ข้างตี้เว่ยหมิงอย่างไรก็ตาม หลังจากที่เขาจากไป จักรพรรดิหมิงหยวนก็คิดว่าเรื่องนี้มีข้อดีมากมาย แต่ก็มีข้อเสียเล็ก ๆ น้อย ๆ ด้วยเช่นกัน เพื่อหลีกเลี่ยงไม่ให้นักประวัติศาสตร์ในอนาคตเขียนส่งเดชให้เขาเป็นแพะรับบาป การแสร้งทำเป็นบีบบังคับให้ทำในสิ่งที่ไม่น่าทำได้น่าจะเป็นการดีกว่าเขากำลังกินหมานโถ่วและกังวลใจเกี่ยวกับเสี่ยวลั่วหมี่วันนี้เสี่ยวลั่วหมี่มีไข้ อันที่จริงไม่ใช่แค่เสี่ยวลั่วหมี่ แต่เด็กทั้งสามคนมีอาการไอเล็กน้อยเพียงแต่ร่างกายของเสี่ยวลั่วหมี่นั้นไม่ค่อยแข็งแรง เขาจึงมี

  • ใต้หล้าสยบรัก   บทที่ 1008

    หลังจากเลิกว่าราชกิจแล้ว อวี่เหวินห่าวก็ไม่ย่อมไม่พอใจ ดังนั้นเขาจึงไปหอตำราหลวงหาจักรพรรดิหมิงหยวนจักรพรรดิหมิงหยวนมักจะกินอาหารเช้าหลังจากเลิกว่าราชกิจในยามเช้า มีโจ๊กและหมานโถ่วอยู่ในห้องทำงานของจักรพรรดิ หลังจากกินโจ๊กชามหนึ่ง ก็พูดอย่างเรียบเฉยว่า"เป็นเพราะความสัมพันธ์ระหว่าเจ้ากับแม่ทัพเฉินแห่งต้าโจว? ถึงเป็นเหตุผลให้เจ้าวิ่งเต้นขนาดนี้?”อวี่เหวินห่าวไม่ได้กินอาหารเช้าเช่นกัน และตอนนี้เขาหิวมาก เมื่อเห็นว่าเขาหยุดกินโจ๊กแล้ว เขาคิดว่าเขาไม่เอาหมานโถ่วแล้ว จึงเอื้อมมือไปหยิบหมานโถ่ว “ไม่ใช่พ่ะย่ะค่ะ กระหม่อม..."จักรพรรดิหมิงหยวนหยิบตะเกียบขึ้นมาและชี้ไปที่เขา "วางลงซะ!"อวี่เหวินห่าวถึงกับอ้าปากค้าง เมื่อเห็นสายตาพ่อตัวเองเป็นประกายเช่นนั้น เขาแอบบ่นว่าขี้งกและวางหมานโถ่วกลับที่เดิมจักรพรรดิหมิงหยวนหยิบหมานโถ่วขึ้นมาเช็ด จากนั้นค่อย ๆ ปอกลอกเปลือกนอกออกและกินมัน โดยทิ้งอวี่เหวินห่าวที่อยู่ข้าง ๆอวี่เหวินห่าวพูดอย่างเศร้าใจ "กระหม่อมก็หิวเหมือนกัน เมื่อเช้านี้ตื่นมา แม่นมบอกว่าเสี่ยวลั่วหมี่ตัวร้อนเล็กน้อย กระหม่อมจึงรีบไปดูก่อน ไม่ได้สนใจที่จะกินอาหารเช้า"เมื่อได้ยินว

  • ใต้หล้าสยบรัก   บทที่ 1007

    เขาพูดเสียงดังในท้องพระโรง "เป่ยโม่และเสียนเป่ยเป็นดั่งหมาป่าทะเยอทะยาน พวกเขาจับตามองเป่ยถังมานานแล้ว แต่เป็นเพราะทหารม้าที่แข็งแกร่งของเป่ยถั งและเหล่ายอดนักรบจึงขับไล่พวกเขากลับไปได้เป็นการชั่วคราว แต่ไม่มีอะไรมารับประกันได้ว่าพวกเขาจะไม่กลับมารุกรานอีกตอนนี้ต้าโจวได้พัฒนาอาวุธและรถออกศึกได้ หากทั้งสองแคว้นเป็นพันธมิตรกัน ต้าโจวสามารถช่วยเป่ยถังปรับปรุงอาวุธและยุทโทปกรณ์ ซึ่งสามารถเสริมสร้างการป้องกันทางทหารของเป่ยถังได้ และร่วมกับการพัฒนาเศรษฐกิจ นี่เป็นประโยชน์ระยะยาวสำหรับเป่ยถัง รัชทายาททรงมีพระวินิจฉัยที่ลึกซึ้ง นั่นเป็นผลดีต่อราษฏร และเขายังคิดถึงระยะยาวสำหรับเป่ยถัง ส่วนแม่ทัพตี้เว่ยหมิงที่เจตนาพูดจาให้คนอื่นตกใจนั้นก็มีส่วนต้องรับผิดชอบด้วย ว่าไปแล้วเป่ยถังไม่ได้ไปรุกรานโม่เป่ยกับเสียนเป่ย หากพวกเขาไปรุกรานต้าโจว มีหรือจะปล่อยเป่ยถังไว้? หรือถึงตอนนั้นต้องยกแคว้นให้เพื่อสงบศึกกัน? "ในตอนนั้นเป่ยถังพ่ายแพ้ให้กับเป่ยโม่ ถูกทหารสามหมื่นนายล้อมไว้ ในท้ายที่สุด แม่ทัพตี้เว่ยหมิงถูกส่งไปเจรจาสงบศึก ยกเมืองที่เป่ยโม่ต้องการถึงจะยอมถอยทัพนี่เป็นความอัปยศอดสูของเป่ยถังเสมอ และม

Jelajahi dan baca novel bagus secara gratis
Akses gratis ke berbagai novel bagus di aplikasi GoodNovel. Unduh buku yang kamu suka dan baca di mana saja & kapan saja.
Baca buku gratis di Aplikasi
Pindai kode untuk membaca di Aplikasi
DMCA.com Protection Status