อวี่เหวินห่าวหันหลังให้นางแล้วเก็บซ่อนความโกรธนั้นแล้วพูดกับนางว่า “สักสามหรือห้าคนได้”หยวนชิงหลิงตกใจมาก เดิมทีคิดว่าคนสองคนก็เยอะแล้ว แต่คิดไม่ถึงเลยว่ามีตั้งสามหรือห้าคนแบบนี้ ในฐานะคนยุคปัจจุบัน จึงไม่สามารถเข้าใจได้จริง ๆ เหตุผลที่ผู้ชายหานางบำเรอได้และก็ไม่สามารถเข้าใจเหตุผลเพื่อสืบทายาทได้เธอเองก็หันหลังให้เขา ในใจรู้สึกโกรธมาก โกรธแทนหญิงสาวเหล่านั้นดูอย่างลวี่หยาเป็นตัวอย่าง ผู้หญิงไม่ได้เต็มใจทำงานบ้าน ใครเต็มใจยอมเป็นเครื่องผลิตทายาทให้ผู้ชายบ้าง? แต่ภายใต้อำนาจพวกนางทำได้แค่ยอมจำนน เพราะสถานะต้อยต่ำของตัวเองเหล่าผู้หญิงผู้น่าสงสารพวกนั้น ปล่อยให้คนร้ายอย่างอวี่เหวินห่าวกระทำการชั่วร้ายย่ำยีงั้นหรือ?แต่ถ้าตอนนี้ไล่พวกนางออกจากจวน ในสังคมชนชั้นศักดินาแบบนี้ พวกนางยังสามารถหาคนดี ๆ แต่งงานด้วยได้ไหม?หยวนชิงหลิงโกรธมาก อวี่เหวินห่าวก็โกรธมากคำพูดของนางหมายความว่าไง? เห็นเขาเป็นคนยังไง? เรื่องนางบำเรออีก สนมนางบำเรอเขาก็ไม่มี มีนางเป็นพระชายาคนเดียว ยังน่ารังเกียจชนิดที่ไม่อยากแตะต้องทั้งคู่โกรธหายใจฟึดฟัด สุดท้ายไม่มีใครหลับได้เลยสักคนหลับตา ด่าสาปอยู่ในใจ ฟ
ระหว่างทาครีมทางแป้ง กับไปแบบหน้าเหมือนแมว อวี่เหวินห่าวเลือกอย่างแรกแต่เขาคิดผิดที่ไว้ใจหยวนชิงหลิงแป้งของนางไม่ดี ทาลงบนหน้าแล้วก็หลุดออกมาเป็นแผ่น ๆ เหมือนคนเป็นโรคเรื้อนอย่างไรอย่างนั้นสุดท้าย หมอหลวงมอบยาน้ำชนิดหนึ่งมาทา ไม่เห็นรอยแดงแล้ว แต่ใบหน้าดูซีดเซียวเหมือนคนป่วยหนักอย่างไรก็ตามนี่เป็นผลลัพธ์ที่ดีที่สุดแล้วกินมื้อเช้าอย่างง่าย ๆ และขึ้นรถม้าออกไปใช้เวลาประมาณสองก้านธูปก็ถึงจวนอ๋องหวยแล้วต้องจอดรถม้าบนตรอกที่ไกลออกไป เพราะประตูหน้าประตูหลังมีรถม้าจอดอยู่เต็มไปหมดมีราชรถจอดอยู่สองคัน สนมหลู่เฟยเสด็จมาถึงเมื่อคืนวานนี้จ่างกงจู่อวี่เหวินจิ้งเพิ่งมาถึงเมื่อไม่กี่วันมานี้ และยังมีหยวนชิงหลิงที่กำลังทักทายอวี่เหวินหลิงชิงอ๋องหลายพระองค์ก็อยู่ที่จวนอ๋องผลัดเปลี่ยนเฝ้าเวรยามดึก กลัวว่าจะเกิดเหตุที่ไม่คาดคิดกับอ๋องหวย ข้างกายก็มีคนอยู่ ในหมู่พวกเขาก็มีคู่สามีภรรยาอ๋องจี้ที่ขยันขันแข็งที่สุด ก่อนหน้านั้นที่พระสนมหลู่เฟยมาถึง เรื่องเล็ก ๆ น้อย ๆ ทั้งหมดล้วนเป็นสองสามีภรรยานี้จัดการ นางในข้ารับใช้อีกทั้งพ่อบ้านก็อยู่ที่จวนอ๋องหวยนี้ด้วย เพราะเนื่องจากราชโองการฝ่าบาทเ
หยวนชิงหลิงกล่าวว่า “อาการประชวรของอ๋องหวยเป็นโรคติดต่อ คนที่เข้าออกต้องสวมหน้ากาก ข้าจะพูดกับอ๋องหวยให้เข้าใจเองเพคะ จะไม่ทำให้เขารู้สึกผิดหรือรับผิดชอบอะไร” “เจ้าหุบปาก!” สนมหลู่เฟยโกรธซะจนใครพูดอะไรก็ไม่ฟังแล้ว เดิมทีนางออกจากวังหลวงมาเพื่อจับตาดูหยวนชิงหลิง วันนี้ยังไม่ทันได้ตรวจรักษา ก็ให้นางสั่งอะไรแผลง ๆ แบบนี้แล้วพระชายาจี้กล่าวอย่างยิ้ม ๆ “ไม่เป็นไร เป็นแค่การดูแลรักษาเท่านั้น ข้าเข้าออกมาสองสามวัน ไม่ได้สวมอะไร...หน้ากากปิดปากใช่ไหม? น้องหกป่วยก็คิดไม่ตกแล้ว พวกเราไม่อาจทำให้เขารู้สึกหนักใจได้” นางดันมือคืนหน้ากากผ้าให้หยวนชิงหลิงและหันเข้าไปเพื่อแสดงให้เห็นว่านางไม่ได้มีความรังเกียจเลยสักนิดหยวนชิงหลิงพูดอย่างเคร่งขรึม “หยุดอยู่ตรงนั้นนะ!”พระชายาจี้พูดอย่างเย็นชา “เจ้าจะทำอะไร?”หยวนชิงหลิงมองไปรอบ ๆ แล้วพูดว่า “เสด็จพ่อทรงพระบัญชารับสั่งให้หม่อนฉันมารักษาอาการประชวรของอ๋องหวย เกี่ยวกับอาการป่วยทั้งหมดล้วนต้องฟังหม่อมฉัน โรควัณโรคเป็นโรคติดต่อร้ายแรง ละอองน้ำลายก็สามารถทำให้แพร่เชื้อได้แล้ว การสวมหน้ากากเป็นแค่การป้องกันเบื้องต้นเท่านั้น ถ้าใครไม่สวมหน้ากาก ก็ไ
หยวนชิงหลิงไปดูบันทึกการรักษาของหมอหลวงอาการเริ่มหนักขึ้นเรื่อย ๆ ไอเป็นเลือดมาตลอดหนึ่งเดือน รับยามาสองสามวัน หลังจากนั้นอาการก็เลวร้ายขึ้น และยังคงมีอาการไออยูแบบนี้หยวนชิงหลิงทำการตรวจเบื้องต้น โดยจับชีพจรและนำกล่องยาออกมาและฉีดสเตรปโตมัยซินให้เขาสนมหลู่เฟยและพระชายาจี้ที่สวมหน้ากากแล้วเข้ามาในนี้ เห็นหยวนชิงหลิงหยิบเข็มแทงอ๋องหวยนางรีบพรวดพราดเข้าไป “เจ้าทำอะไร? เจ้าแทงอะไรให้เขา?”อวี่เหวินห่าวห้ามปรามนาง “เสด็จแม่หลู่เฟย โปรดอย่าวู่ว่ามสงบพระทัยก่อนพ่ะย่ะค่ะ”สนมหลู่เฟยมองอวี่เหวินห่าวอย่างตกตะลึง “นี่มันการรักษาอะไรกัน? เสด็จพ่อเจ้าทรงทราบหรือไม่?”“ทรงทราบพ่ะย่ะค่ะ!” อวี่เหวินห่าวกล่าวหยวนชิงหลิงหยิบยาออกมาหนึ่งกำมือ สั่งให้เด็กรับใช้นำน้ำมา และพูดกับอ๋องหวยว่า “กินยาพวกนี้ลงไป”อ๋องหวยให้ความร่วมมือดีมาก ป่วยสามปีมานี้ ให้ใช้ความร่วมมือในการบำบัดรักษาอย่างดี แม้ว่าจะเป็นหมอเทวดาสมุนไพรพื้นบ้านที่เสด็จแม่เชิญมา แม้กระทั่งการระบำถวายทวยเทพของแม่มดที่ปลุกเสกน้ำมนต์ให้ เขาดื่มลงไปโดยไม่ถามสักคำดังนั้น เขาถึงไม่ถามหยวนชิงหลิงว่าเป็นยาอะไรและกินมันลงไป เขาขมวดคิ้วเล็
อวี่เหวินห่าวก้าวไปข้างหน้าช่วยพยุงอ๋องหวยขึ้น พระชายาจี้รีบพูดขึ้นมา “น้องห้า ถ้าเจ้ากลัวติดเชื้อให้เด็กรับใช้มาพยุงเถอะ”คำพูดแบบนี้มันเกินไปแล้วหยวนชิงหลิงไม่ทน แขวนหูฟังไว้ที่หูข้างหนึ่งแล้วหันกลับมาพูดกับพระชายาจี้อย่างเย็นชา “พระชายาจี้ ท่านอยู่ที่นี่ช่วยอะไรไม่ได้ นอกจากยั่วยุก่อความวุ่นวาย ท่านออกไปข้างนอกดื่มชาพูดคุยอย่างที่ท่านถนัดดีไหม?”พระชายาจี้เองก็คิดไม่ถึงว่าหยวนชิงหลิงจะพูดแบบนี้ได้ รู้สึกตกใจกลัวและหันหน้าไปมองสนมหลู่เฟยด้วยความละอายใจ “เสด็จแม่หลู่เฟย หม่อมฉันขอประทานอภัย หม่อมฉันอยู่ตรงนี้ช่วยอะไรไม่ได้จริง ๆ”สนมหลู่เฟยไม่ชอบที่หยวนชิงหลิงพูดจารุนแรงเช่นนี้ จึงกล่าวอย่างเย็นชาว่า “เจ้ามีสิทธิ์อะไรไล่ให้นางออกไป? สองสามวันมานี้ถ้าไม่ใช่พระชายาจี้เป็นกำลังใจให้ทุกคนในจวนมั่นคงไม่หวั่นไหว ไม่งั้นจวนอ๋องก็คงวุ่นวายไปแล้ว เจ้าเองก็ไม่รู้มีความสามารถแค่ไหน ถึงได้กล้าโอหังถึงเพียงนี้ ”หยวนชิงหลิงโกรธมาก ๆ “พระนางสนมหลู่เฟย ที่นอนอยู่บนเตียงคือลูกชายของท่านที่ป่วยอยู่เป็นตายเท่ากัน ข้าได้รับพระบัญชาลงมา ให้ช่วยเข้า ไม่ใช่ทำร้ายเขา เรื่องการสวมหน้ากาก ก็ได้อธิบายกั
“หมอหลวงบอกว่า ข้าอาจอยู่ไม่ถึงสิบวัน ตอนนี้นับ ๆ ดูแล้วก็เหลืออีกแค่สามวัน” อ๋องหวยกล่าวอย่างสงบหยวนชิงหลิงส่ายหน้าปฏิเสธคำพูดฟันธงของหมอหลวง “การทำงานของปอดและหัวใจของท่านไม่ได้เสียหายทั้งหมด อาการไอเป็นเลือดนั้น ในหนึ่งสัปดาห์...ประมาณเจ็ดวันจะสามารถควบคุมได้ แม้กระทั่งอาการไอตอนกลางคืนของท่าน คืนนี้ก็สามารถแก้ไข้ให้ดีขึ้นได้ นี่เป็นเส้นทางการรักษาที่แสนยาวนาน ขอเพียงแค่ท่านอ๋องไม่ยอมแพ้ ข้าก็จะไม่ยอมแพ้”อวี่เหวินห่าวที่อยู่ด้านข้างได้ยินประโยคนี้ รู้สึกอบอุ่นใจ เขามองหยวนชิงหลิงอย่างนิ่ง ๆ ช่วงนี้สตรีนางนี้มีรัศมีเปล่งประกาย อ๋องหวยพูดเสียงเบา “ขอบคุณพี่สะใภ้ห้า”“ตอนนี้นอนเถอะ” หยวนชิงหลิงหันไปมองสนมหลู่เฟย “พระนางสนมหลู่เฟยออกไปเถอะ ให้ท่านอ๋องพักผ่อน”สนมหลู่เฟยพยักหน้า เหลือบมองไปทางลูกชายของนาง และออกไปอย่างไม่เต็มใจในใจของนางค่อย ๆ มีความหวังขึ้นมา แต่ตวามหวังนี้ไม่ใช่หมอหลวงเป็นคนให้ แต่เป็นหยวนชิงหลิงที่เป็นคนมอบให้ นางก็รู้สึกไม่สบายใจเลยหยวนชิงหลิงก็ออกไป อวี่เหวินห่าวคิดจะอยู่ในห้องนี้เป็นเพื่อนพูดคุยกับน้องชาย ก็ถูกหยวนชิงหลิงลากออกไป “คนในครอบครัวก็ต้องออกไ
คิดถึงตรงนี้แล้ว อ๋องฉีก็เปลี่ยนเข้ามาปลอบใจ “พี่ห้า งั้นช่างเถอะ ข้าเองก็ไม่อยากสนใจนาง ผู้หญิงไม่มีเหตุผล ไม่ใช่ผู้หญิงทุกคนจะมีเหตุผลเหมือนชุ่ยเอ๋อร์”อวี่เหวินห่าวเอ่ย “ใช่ ชุ่ยเอ๋อร์เป็นคนมีเหตุผล เจ้าพูดกับนาง เรื่องมันเป็นแบบนี้แล้ว หากทำให้หยวนชิงหลิงโกรธอีก นางอาจเอาไม้เท้ามาตี เพิ่งโชคร้ายตกน้ำมายังจะมาโดนตีอีก? ไม่คุ้มเลยที่จะโกรธเคืองกับผู้หญิงแบบนี้!”เขาพูด หางตาของเขาเหลือบมองออกไปอย่างไม่รู้ตัวอ๋องฉีกตกใจไปครู่ “พี่ห้า ทำไมข้าถึงเห็นว่าท่านดูเหมือนจะเพลิดเพลินเยี่ยงนี้?”อวี่เหวินห่าวเปลี่ยนสีหน้าแววตาของเขาก็ดูว่างเปล่า “ร้องไห้ได้หรือไง? ผู้คนมากมายอยู่ที่นี่ ไม่สามารถให้ใครรู้ได้ว่าข้าถูกภรรยาตี”มีเหตุผล!“เช่นนั้นเรื่องนี้ จะทำยังไง?”“เห็นแก่ไม้เท้าทรงอำนาจ อดทนไว้!” อวี่เหวินห่าวพูดจบก็กลับไปหาหยวนชิงหลิงช่วงนี้ไม่สามารถปล่อยให้สตรีนางนี้ห่างจากสายตาตัวเองได้เลย นางอยู่กับคนอื่นเขามักจะรู้สึกโกรธหงุดหงิดขึ้นมาง่าย ๆมันมากขึ้นเรื่อย ๆ อย่างไม่ทันรู้ตัวหยวนชิงหลิงล่ะ?อวี่เหวินห่าวมองไปรอบ ๆ ไม่พบนาง เขาออกไปแค่เดียว นางหายไปไหนแล้ว?หยวนชิงหลิงถูกอ
“ผู้หญิงคนนี้มีจิตใจที่ชั่วร้าย แต่น่าเสียดายที่พี่ห้าและเสด็จแม่ถูกนางหลอกกันหมด”หยวนชิงหลิงอยากทราบเป็นเหลือเกินว่า อวี่เหวินหลิงมองจากตรงไหนว่าการเสแสร้งของฉู่หมิงชุ่ยมีปัญหา อย่างไรก็ตาม อวี่เหวินหลิงกลับเอ่ยว่า “พี่สะใภ้ห้ายังคงยุ่ง ๆ กับอาการป่วยของพี่หกใช่หรือไม่? ถ้าอย่างนั้นข้าจะไม่ทำให้เจ้าเสียเวลาแล้ว” หยวนชิงหลิงคว้าแขนของนาง “ไม่ยุ่ง มาพูดถึงการเสแสร้งของฉู่หมิงชุ่ยกันดีกว่า" สะใภ้ทั้งสองหาสถานที่ที่เงียบสงบ หยวนชิงหลิงได้รู้ความเป็นมาทั้งหมดของอวี่เหวินหลิง และความแค้นของฉู่หมิงชุ่ย เรื่องนี้เกิดขึ้นเมื่อสองปีที่แล้ว ตอนนั้นทุกคนคิดว่าอวี่เหวินห่าวจะแต่งงานกับฉู่หมิงชุ่ย และอวี่เหวินหลิงก็ชอบว่าที่พี่สะใภ้เช่นกัน ทุกครั้งที่ฉู่หมิงชุ่ยเข้าวังไปเยี่ยมท่านป้าฮองเฮา มักจะเข้าเฝ้าที่ตำหนักพระสนมเสียนเฟย เขาจะถืออะไรติดไม้ติดมือมาให้อวี่เหวินหลิงด้วย มองดูความอารมณ์ดีของอวี่เหวินหลิง นางมักจะชื่นชมความงานของฉู่หมิงชุ่ยต่อหน้าพระสนมเสียนเฟยและอวี่เหวินห่าวเสมอ มีครั้งหนึ่ง ฉู่หมิงชุ่ยนำปิ่นปักผมผีเสื้อหยกขาวเข้ามาในวัง อวี่เหวินหลิงเห็นแล้วก็ชื่นชอบมันยิ่งนัก จึงล