Share

บทที่ 221

Author: จูน
last update Last Updated: 2024-10-29 19:42:56
“ผู้หญิงคนนี้มีจิตใจที่ชั่วร้าย แต่น่าเสียดายที่พี่ห้าและเสด็จแม่ถูกนางหลอกกันหมด”

หยวนชิงหลิงอยากทราบเป็นเหลือเกินว่า อวี่เหวินหลิงมองจากตรงไหนว่าการเสแสร้งของฉู่หมิงชุ่ยมีปัญหา

อย่างไรก็ตาม อวี่เหวินหลิงกลับเอ่ยว่า “พี่สะใภ้ห้ายังคงยุ่ง ๆ กับอาการป่วยของพี่หกใช่หรือไม่? ถ้าอย่างนั้นข้าจะไม่ทำให้เจ้าเสียเวลาแล้ว”

หยวนชิงหลิงคว้าแขนของนาง “ไม่ยุ่ง มาพูดถึงการเสแสร้งของฉู่หมิงชุ่ยกันดีกว่า"

สะใภ้ทั้งสองหาสถานที่ที่เงียบสงบ หยวนชิงหลิงได้รู้ความเป็นมาทั้งหมดของอวี่เหวินหลิง และความแค้นของฉู่หมิงชุ่ย

เรื่องนี้เกิดขึ้นเมื่อสองปีที่แล้ว

ตอนนั้นทุกคนคิดว่าอวี่เหวินห่าวจะแต่งงานกับฉู่หมิงชุ่ย และอวี่เหวินหลิงก็ชอบว่าที่พี่สะใภ้เช่นกัน ทุกครั้งที่ฉู่หมิงชุ่ยเข้าวังไปเยี่ยมท่านป้าฮองเฮา มักจะเข้าเฝ้าที่ตำหนักพระสนมเสียนเฟย เขาจะถืออะไรติดไม้ติดมือมาให้อวี่เหวินหลิงด้วย มองดูความอารมณ์ดีของอวี่เหวินหลิง นางมักจะชื่นชมความงานของฉู่หมิงชุ่ยต่อหน้าพระสนมเสียนเฟยและอวี่เหวินห่าวเสมอ

มีครั้งหนึ่ง ฉู่หมิงชุ่ยนำปิ่นปักผมผีเสื้อหยกขาวเข้ามาในวัง อวี่เหวินหลิงเห็นแล้วก็ชื่นชอบมันยิ่งนัก จึงล
Locked Chapter
Continue to read this book on the APP

Related chapters

  • ใต้หล้าสยบรัก   บทที่ 222

    หยวนชิงหลิงวางกรงเล็บลง พูดอย่างไม่เต็มใจเล็กน้อย “แล้วเจ้าจะเชื่อถ่อยคำไหน? ข้าผิดไปแล้ว ยังไม่พอเหรอ?” “เจ้าผิดแล้วทำไมยังจะพูดหาเหตุผลอะไรนักหนา? ยังจองหองได้อีกเหรอ? เจ้าผิดแต่ก็ไม่เห็นท่าทีจะรู้สึกผิดแม้แต่น้อย? เจ้าขออภัยหรือยัง? ชดใช้ความผิดนี้หรือยัง? ถามรัวมาเป็นชุด กับน้ำเสียงอย่างนี้ก็ถือว่าอดทนได้ยาวนานแล้วจริง ๆ หยวนชิงหลิงก็โกรธเช่นกัน “ท่านพูดอะไรออกมา? เซ้าซี้ไม่หยุดยิ่งกว่าสตรีไม่มีเหตุผล? โดยส่วนตัวท่านแล้วก็ไม่เห็นจะว่าข้าดีเลย ต่อให้ดีหรือไม่ดีข้าก็เป็นคนที่ช่วยชีวิตท่าน...” หน้านางแดง เผยอปากเล็กน้อย นัยน์ตาคล้ำ ผมยุ่งเหยิง เอียงตัวเล็กน้อย รู้สึกสำนึกผิดปนไม่สบายใจเล็กน้อย ไม่พูดถึงผู้มีพระคุณแม้แต่ประโยคเดียว ดวงตาเริ่มหลบ อวี่เหวินห่าวรู้สึกได้ถึงความโกรธที่พุ่งเข้าใส่ศีรษะ บังอาจล้ำเลิกบุญคุณ? บ้านป่าเมืองเถื่อน? นางก้มศีรษะลงไป กัดริมฝีปากสีแดงที่เผยอเล็กน้อยของนางโดยไม่ทันได้คิด เพราะเขาไม่สามารถตบตีนางได้ แม้ความตั้งใจเดิมของเขาคือการลงโทษ แต่ทันทีที่ริมฝีปากสีแดงถูกการสัมผัส ที่นุ่มนวลตรงมาที่จุดสูงสุดของหัวใจ ตัวของเขานิ่งงันไปทั้งตัว ในหัวขอ

  • ใต้หล้าสยบรัก   บทที่ 223

    เมื่อลืมตาขึ้น นางเห็นผู้หญิงคนหนึ่งยืนอยู่ในพุ่มไม้เล็ก ๆ ฝั่งตรงข้าม สีหน้าของนางซีด ไม่อยากจะเชื่อเลย ทั้งน้ำตาคลอ กำมือแน่น และท่ายืนที่ดูแข็งทื่อมาก นางคือฉู่หมิงชุ่ย พวกนางจ้องตากันกลางอากาศ มีความเกลียดชังและความหึงหวงรวมอยู่ในสายตาที่ดูบ้าคลั่ง ฉู่หมิงชุ่ยรู้สึกเกลียดชัง หยวนชิงหลิงรู้สึกอับอาย เรื่องนี้ไม่ควรให้ใครเห็น ถึงคนนี้จะเป็นฉู่หมิงชุ่ยก็เถอะ ฉู่หมิงชุ่ยก็เดินเข้ามาอย่างช้า ๆ น้ำตาของนาง ถูกกลืนกลับไปหมด และความหึงหวงบนใบหน้าก็หายไป นางยืนอยู่ข้างหน้าหยวนชิงหลิงและยิ้มอย่างจริงใจ “ข้าไม่ทันระวังเลยเห็นเข้าโดยไม่ได้ตั้งใจ เจ้าอย่าได้ใส่ใจไปเลย” ศัตรูที่พองขนเหมือนเม่น แม้ว่ามันจะเป็นมีดเหล็กแหลมแต่หยวนชิงหลิงก็รู้สึกปกติ อย่างไรก็ตาม เสียงหัวเราะตอนนี้ช่างเยือกเย็นจริง ๆ นางพูดว่า “ข้าไม่ได้สนใจ เจ้าสนเหรอ?” ฉู่หมิงชุ่ยยิ้มอย่างมีเสน่ห์มากขึ้น “ทำไมข้าต้องสนใจด้วย? ข้าดีใจมาก ในที่สุดพี่ห่าวก็พบความสุขของเขาแล้ว” เสแสร้งมาได้ถึงขนาดนี้ หยวนชิงหลิงไม่หลงเชื่อแม้แต่น้อย ทว่านางพูดอย่างสุภาพว่า “ขอบคุณ!” จะทะเลาะเบาะแว้งกับนางไม่ได้ หลีกเลี่

  • ใต้หล้าสยบรัก   บทที่ 224

    หยวนชิงหลิงไม่สามารถที่จะหลีกเลี่ยงได้ จึงต้องฝืนเผชิญหน้ากับองค์หญิงหลัวผิง องค์หญิงหลัวผิงชำเลืองมองดูนางอย่างเย็นชาและตรัสว่า “ข้าได้ยินมาว่าเจ้ามาที่นี่ ก็เพื่อรักษาอาการป่วยของเจ้าหก คนอื่นคงจะไม่รู้ว่าเจ้าเก่งกาจแค่ไหน แต่ข้ารู้ดียิ่งกว่าใคร กล้าที่จะทำเรื่องแบบนั้นในจวนของข้า ข้าไม่ได้คิดเล็กคิดน้อยกับเจ้าหรอกนะ แต่เจ้ากลับกล้ามาเสแสร้งแกล้งทำถึงที่จวนอ๋องหวย” หยวนชิงหลิงเข้าใจความโกรธขององค์หญิงหลัวผิงเป็นอย่างดี สำหรับงานเลี้ยงวันคล้ายวันประสูติของนางเอง ที่ได้เชิญญาติและสหายมาเฉลิมฉลอง เป็นเรื่องที่ดีมาก ทั้งรับประทานอาหารมื้อเย็นและชมคณะละคร อย่างไรก็ตาม องค์หญิงหลัวผิงเกรงว่า แม้จะใช้อวัยวะทุกส่วนของร่ายกายคิดยังไงก็คิดไม่ถึง ตัวเองที่เชิญคณะละครมา ยังไม่ดีเท่ากับการได้ดูพ่อลูกจากจวนจิ้งโฮ่วคู่นี้แสดงเลย ทำให้นางอับอายและเสียศักดิ์ศรีของราชวงศ์ยิ่งนัก สิ่งที่ร้ายแรงที่สุดคือนางถูกคนหลอกอื่นใช้ให้ทำ ในสิ่งที่สร้างความเสียหายอย่างใหญ่หลวงต่อชื่อเสียงของนาง ในฐานะที่เป็นหนึ่งในผู้กระทำผิดหลัก หยวนชิงหลิงไม่สามารถทำแข็งกระด้างเช่นเดียวกับตอนที่นางเผชิญหน้ากับพระชายาฉี

  • ใต้หล้าสยบรัก   บทที่ 225

    โดยเฉพาะพระสนมหลู่เฟยรู้สึกประทับใจมาก เพราะอย่างนี้ เดิมทีหยวนชิงหลิงต้องถูกทำให้อับอาย แต่ในที่สุดก็ได้รับการให้อภัยจากทุกคนอย่างอธิบายไม่ได้ การให้อภัยนั้นสามารถทำให้เป็นคนใหม่ได้ ฉู่หมิงชุ่ยยืนอยู่ไม่ไกล ฟังคำเหล่านี้อย่างเงียบ ๆ บนใบหน้าของนางไม่แสดงอารมณ์อะไร แต่มีคลื่นขนาดใหญ่ในหัวใจของนาง หยวนชิงหลิงไม่ธรรมดาจริง ๆจากนี้ไปนางอยู่ในจวนอ๋องหวย เกรงว่าคงจะไม่มีใครไม่เหลียวแลนางอีก อวี่เหวินห่าวกลับไปที่ยาเมน หลังจากจูบกันครั้งนั้น ตลอดทางบนรถม้า เขานึกถึงการจูบ และทันทีที่เขานึกถึง ตัวก็จะอ่อนขึ้น แม้แต่กระดูกของเขาก็อ่อนเขารู้สึกว่าวันนี้เป็นวันที่อิ่มเอม และน่าพอใจเพียงแค่ได้ลิ้มรส อย่างไรก็ตาม วันนี้ที่ยาเมนยุ่งมาก หลังจากจัดการกับเรื่องต่าง ๆ มากมาย ยังต้องดูคดีอีกเป็นเวลานาน ตาก็เริ่มพร่ามัว หนังศรีษะชา เขาหลับตาลงและบีบขมับเพื่อพักสักหน่อย และจากนั้นภาพวันนี้ในจวนอ๋องหวยก็ปรากฏขึ้นอีกครั้ง จิตใจล่องลอย จิตใจไหวหวั่น ใจไม่อยู่กับเนื้อกับตัว “ท่านอ๋อง ท่านอ๋อง...” ทันใดนั้นเขาก็ลืมตาขึ้น ตบโต๊ะอย่างโกรธจัด และตะโกนใส่คนที่กำลังมาว่า “ท่านอะไร? ให้ข้

  • ใต้หล้าสยบรัก   บทที่ 226

    หลังจากที่อวี่เหวินห่าวถามถึงรายละเอียดของคดีแล้ว เขาก็รอปู่โถวกับหยายี่กลับมารายงาน ผลการชันสูตรพลิกศพยังไม่ออก แค่เสียเวลาตรงนี้ ฟ้าก็มืดแล้ว เมื่อเขาออกจากจวนจิงจ้าว เวลาพลบค่ำก็ผ่านไปแล้ว เขารีบไปที่จวนอ๋องหวยโดยไม่หยุดพัก หลังจากเข้าไปแล้ว เขาเห็นหยวนชิงหลิงคุยอยู่กับองค์หญิงหลัวผิง และทั้งสองดูเหมือนกำลังคุยกันอย่างมีความสุข เขาอดประหลาดใจไม่ได้ เพราะหลังจากเกิดเรื่องที่จวนองค์หญิง พี่สามก็เกลียดชัง หยวนชิงหลิงเข้ากระดูกดำ เขาเดินเข้าไปด้วยอารมณ์สงสัย องค์หญิงหลัวผิงยิ้มเมื่อเห็นเขา “เมื่อกี้ยังพูดถึงอยู่เลย เจ้าก็มา นี่ เจ้าห้า ทำไมสีหน้าเจ้าไม่ดี? ป่วยเหรอ?” อวี่เหวินห่าวเหลือบมองที่หยวนชิงหลิง หยวนชิงหลิงยกถ้วยน้ำชาดื่มน้ำในลักษณะแปลก ๆ และขยิบตาให้เขาอย่างลับ ๆ เขาอดหัวเราะไม่ได้และพูดว่า “พี่สาม มีเรื่องมากมายที่ยาเมน ข้าเหนื่อนล้านิดหน่อย” “เหนื่อยล้างั้นหรือ? เยี่ยงนั้นเจ้าก็รีบไปรับชิงหลิงแล้วกลับจวนเถอะ” องค์หญิงหลัวผิงกล่าว “ข้าจะไปดูอาการน้องหกก่อน” องค์หญิงหลัวผิงโบกมือ “ตอนนี้เจ้าอย่าเพิ่งไปเลย เขาเพิ่งจะหลับไป” นางถอนหายใจด้วยความโล่งอกและมองไปที

  • ใต้หล้าสยบรัก   บทที่ 227

    หรือพูดอีกอย่างคือเป็นอารมณ์ทางเพศของผู้ชาย และนางเป็นสตรีที่บังเอิญอยู่ตรงนั้นด้วย? หรือ... หรือว่าเขาเริ่มรู้สึกดีกับนางขึ้นมาบ้างแล้ว? การเดาครั้งสุดท้ายนี้ ทำให้ใบหน้าของนางแดงขึ้นทันที จากหางตาของอวี่เหวินห่าว สามารถเห็นการเปลี่ยนแปลงในการแสดงออกทางสีหน้าของนาง และเห็นนางหน้าแดงในทันที หัวใจของเขาดูเหมือนจะโดนอะไรบางอย่างพุ่งเข้าชน เหมือนจะนุ่มนวลแต่ก็รู้สึกถึงความรุนแรง มือกำแน่นโดยไม่รู้ตัว ใช้พลังแข็งแกร่งเกินไป หยวนชิงหลิงทนไม่ได้ร้องออกมา เขารีบปล่อย “ขอโทษ ทำเจ้าเจ็บหรือเปล่า?” หยวนชิงหลิงเอามือวางไว้ที่หน้าตักเหมือนเดิม เผยอริมฝีปากขึ้นเล็กน้อยด้วยความเขินอาย แล้วพูดว่า “มีนิดหน่อย” “ยังเจ็บอยู่หรือเปล่า?” ดวงตาของเขาร้อนผ่าว หยวนชิงหลิงส่ายหัว “ไม่เจ็บแล้ว” “อ้อ!” เขาเหลือบมองมือของนางที่วางไว้บนหน้าตัก ก็รู้สึกลังเลที่จะจับมันอีกครั้ง เขาขยับมือหลายครั้ง จนในที่สุด เขาก็วางมันไว้ข้าง ๆ อย่างสงบ เขาขาดความกล้าหาญ และไม่กล้าที่จะจับมือนาง ทำไมวันนี้ซูยี่บังคับรถได้นุ่มอะไรอย่างนี้? ก่อนหน้านี้มันเคยเป็นหลุมเป็นบ่อ จนโยกไปโยกมา ไม่ได้ดั่งใจเอาเสียเลย

  • ใต้หล้าสยบรัก   บทที่ 228

    ซูยี่เข้าไปในจวนด้วยใบหน้าที่หมองเศร้า และไปที่ห้องบัญชีเพื่อรับพู่กัน, หมึก, กระดาษ และจานฝนหมึกผู้ดูแลห้องบัญชีเป็นลูกพี่ลูกน้องของเขา ได้ยินว่าขอกระดาษซวนจื่อหนึ่งพันแผ่นถึงกับไปต่อไม่ถูก “เยอะไปไหม? เจ้าต้องไปหยิบที่ห้องเก็บของแล้ว ลองไปถามใต้เท้าถังเพื่อเอากุญแจห้องเก็บของ แล้วเจ้าก็ไปหยิบเอาได้เลย” ซูยี่ต้องไปหาถังหยาง ถังหยางเพิ่งทำบัญชีเสร็จ ได้ยินว่าเขาต้องการกระดาษซวนจื่อพันแผ่น จึงถามว่า “เจ้าต้องการกระดาษมากมายไปทำอะไร?” ซูยี่ร้องไห้และพูดว่า “ใต้เท้าถัง ครั้งนี้เจ้าต้องช่วยข้า” “เกิดอะไรขึ้น?” ถังหยางถามแปลก ๆ ไม่เคยเห็นซูยี่อยากจะร้องไห้มาก่อนเลย “ท่านอ๋องลงโทษข้าให้คัดคำสี่คำ คือ หลี่ อี้ เหลียน ฉื่อ พันครั้ง ข้าเขียนหลี่อี้เป็นแล้ว เหลียนฉื่อต้องเขียนอย่างไร?”ถังหยางขมวดคิ้วขึ้น “แปลก เจ้าเขียนเหลียนฉื่อไม่ได้ก็แน่นอนอยู่แล้ว ในเมื่อเจ้าไม่มีความละอาย ทำไมเจ้าถึงเขียนหลี่อี้ได้ล่ะ? เจ้ามีมารยาทด้วยเหรอ?” ซูยี่กระทืบเท้า “เจ้ายังจะซ้ำเติมข้าอีกเหรอ? แค่นี้ข้าก็อนาถมากพอแล้ว ถ้าเจ้าไม่ช่วยข้า ต่อไปก็อย่าหวังว่าข้าจะช่วยเจ้า” ถังหยางยิ้ม “เจ้าเคยช่วยอะไรข

  • ใต้หล้าสยบรัก   บทที่ 229

    เมื่อมาถึงตำหนักเสี่ยวเยว่ มีสาวใช้มากถึงสามหรือสี่คนอยู่ในตำหนักเสี่ยวเยว่ ทุกคนแต่งกายด้วยชุดสีฟ้า อายุน่าจะอยู่ระหว่างสิบห้าสิบหกถึงสิบแปดสิบเก้าปี รูปร่างหน้าตาน่ารัก กิริยาท่าทางนิ่งและสงบ มีคุณสมบัติเหมือนสาวใช้ของครอบครัวที่มีตระกูลใหญ่ พวกนางบางคนเคารพหยวนชิงหลิงเป็นอย่างมาก และก็พิถีพิถันมากในการรับใช้ตอนรับประทานอาหารหยวนชิงหลิงสังเกตท่าทางของพวกนางที่มีต่ออวี่เหวินห่าว โดยเฉพาะความสนิทสนมหรือการให้ความอบอุ่นบ้างไหม มีเพียงความเกรงกลัวต่อเจ้านายเท่านั้น นางแอบถอนหายใจด้วยความโล่งอก ไม่ว่าจะเป็นนางบำเรอหรือนางสนม นางไม่สามารถแบ่งปันผู้ชายให้กับสตรีนางอื่นได้จริง ๆ ยังไงก็ไม่สามารถทำได้ อวี่เหวินห่าวเห็นนางเดินเข้าประตูมา ก็จ้องไปที่สตรีภายในห้อง สายตาแปลก ๆ และในที่สุดก็ได้ยินนางผ่อนลมหายใจเบา ๆ อวี่เหวินห่าวอดยิ้มไม่ได้ หยวนชิงหลิงหันกลับมามองเขาอย่างตะลึง “หัวเราะอะไร?” อวี่เหวินห่าวมองไปที่ใบหน้าที่ขาวสะอาดงดงามของนาง บนหน้าผากยังมีรอยแผลเล็ก ๆ สีชมพูอยู่ ดวงตามีสีใส ขนตางอนขึ้นเล็กน้อย ริมฝีปากสีแดง รอยยิ้มเหมือนดอกกุหลาบที่กำลังบานสะพรั่ง หัวใจเขาสั่นระร

Latest chapter

  • ใต้หล้าสยบรัก   บทที่ 1015

    ซูยี่อยู่ในห้องของสุนัขป่าเช่นกัน เมื่อเห็นอวี่เหวินห่าวและหยวนชิงหลิงเข้ามา เขาพูดอย่างกังวล "องค์รัชทายาท พระชายา นายน้อยสุนัขป่าไม่กินอะไรเลย หาหมอหลวงดีไหมพ่ะย่ะค่ะ?"อวี่เหวินห่าวหัวเราะ "เขารักษาอาการป่วยของสุนัขป่าไม่ได้ จะพาเขาไปทำไม?"เขาดูสุนัขป่าน้อยสามตัวนอนอยู่บนเตียงเล็ก ร่างเล็ก ๆ ของพวกมันเบียดเสียดกัน ดูเซื่องซึม บางทีอาจเป็นเพราะพวกมันไม่ได้กินอะไรจึงดูอ่อนแอและซูบผอมเป็นพิเศษ อวี่เหวินห่าวพูดด้วยความประหลาดใจว่า "ผอมลงมากขนาดนี้เลยรึ? สุนัขป่าคงหิวมากแน่ ๆ""สุนัขป่าที่โตเต็มวัย เวลาหิวนั้นกินอาหารหนึ่งมื้อสามารถอยู่ได้นานถึงครึ่งเดือน ตอนนี้พวกมันยังเด็กและต้องกินเนื้อ" ซูยี่เลี้ยงสุนัขป่า และได้ศึกษาการเลี้ยงมามากมายอวี่เหวินห่าวหยิบหนึ่งในนั้นขึ้นมา เห็นสุนัขป่าหิมะตัวน้อยนอนนิ่งอยู่ในมือของเขาเหมือนก้อนสำลีเบาหวิวไม่มีน้ำหนัก "ตัวนี้ของใครกัน?""ของเสี่ยวลั่วหมี่" หยวนชิงหลิงกล่าว "ตัวเล็กที่สุดคือของเสี่ยวลั่วหมี่ ท่านดูสิแยกออกได้เลยเห็นไหม ของ เปาจื่อปากจะแหลมมาก ของทังหยวนก็หน้ากลมกว่า มันแปลกที่จะบอกว่าสุนัขป่าพวกนี้ ทั้งลักษณะนิสัยหรือรูปร่างหน้าตา พว

  • ใต้หล้าสยบรัก   บทที่ 1014

    อวี่เหวินห่าวไม่ได้อธิบายอะไรแทนจิ้งถิง เขาแค่พูดว่า "เขาจะอยู่ในจวนสักพัก ดังนั้นเจ้าควรเปิดตาของเจ้าดูสิว่าเขาจริงใจหรือเสเเสร้ง เจ้าฉลาดมากขนาดนี้ ย่อมต้องดูออกอยู่แล้ว”หยวนชิงหลิงได้ยินถึงความไม่พอใจในน้ำเสียงของเขา ดูเหมือนว่าเขาใส่ใจมิตรภาพนี้จริง ๆหยวนชิงหลิงลองคิดดูแล้ว หลังจากใช้เวลาร่วมกับจวิ้นจู่มาสองสามวัน จวิ้นจู่ก็เป็นคนตรงไปตรงมาและเปิดเผย ดังนั้นนางคงไม่หาสามีที่มีจิตใจล้ำลึกซับซ้อนหรอกนางจึงขอโทษเขา "ข้าคิดมากไป ในอนาคตข้าจะไม่พูดอะไรแบบนี้อีก"อวี่เหวินห่าวเอื้อมมือไปเชยคางนาง และมองหน้านาง "เหล่าหยวน ข้าเองก็เห็นว่านิสัยของเจ้าช่างเถรตรงจริง ๆ แม้ว่าบางครั้งเจ้าจะดุร้าย เผด็จการ และไม่มีเหตุผล แต่ถ้าเจ้าทำอะไรผิด เจ้าจะต้องขอโทษอย่างแน่นอน เกรงว่าแม้จะเป็นคนรับใช้ก็ยังกล่าวคำขอโทษได้ เจ้านี่นิสัยดี ใช้ได้จริง ๆ"“ข้าเป็นคนไร้เหตุผลตั้งแต่เมื่อไหร่กัน?” หยวนชิงหลิงหัวเราะ “ท่านจะชมข้าก็ชมสิ ทำไมต้องดุกันก่อน”อวี่เหวินห่าวหัวเราะ "รางวัลและบทลงโทษต้องแยกให้ออกจากกันอย่างชัดเจน หากเจ้าทำสิ่งที่ถูกต้อง เจ้าควรได้รับคำชมเชย หากเจ้าทำอะไรผิด ก็ต้องบอกกล่าวตักเตือ

  • ใต้หล้าสยบรัก   บทที่ 1013

    เขากลับมาที่จวนอย่างไม่สบอารมณ์ หยวนชิงหลิงเห็นว่าเขาขมวดคิ้ว นางรู้ว่าเป็นเพราะเรื่องลงนามพันธมิตรอีกเป็นแน่ ดังนั้นนางจึงปลอบเขาอวี่เหวินห่าวพูดด้วยความโกรธ "เสด็จพ่อจงใจทำให้ข้าลำบาก จูกั๋วกงเห็นด้วยหรือไม่นั้นเป็นเรื่องสำคัญขนาดนั้นเลยรึอย่างไร?"หยวนชิงหลิงหัวเราะ "ท่านอยู่ในเกมและกังวลเกี่ยวกับเรื่องนี้มากเกินไป จึงไม่เข้าใจความหมายของเสด็จพ่อ เสด็จพ่อต้องการให้ท่านเอาแรงสนับสนุนจากจูกั๋วกงมาให้ได้ ไม่ใช่แค่แรงสนับสนุนเรื่องนี้เท่านั้น แต่มันจะเป็นแรงสนับสนุนงานในอนาคตทั้งหมดของท่าน เพราะตอนนี้เขาเป็นคนที่สามารถปราบปรามตี้เว่ยหมิงอย่างออกหน้าได้ นั้นก็คือตัวเขาที่เป็นพ่อตา”อวี่เหวินห่าวตกตะลึงไปครู่หนึ่ง "เจ้าหมายความว่า เสด็จพ่อก็มองตี้เว่ยหมิงออกด้วยหรือ?"หยวนชิงหลิงยืนพิงเขา "เสด็จพ่อย่อมต้องรู้มากกว่าท่านอยู่แล้ว เหมือนที่ท่านเคยพูดไว้ก่อนหน้านี้ว่าพระองค์ลำเอียงเข้าข้างพี่ใหญ่เสมอ จริง ๆ แล้วพระองค์ทรงรู้อยู่แก่ใจ พระองค์แค่ให้โอกาสพี่ใหญ่เสมอ แต่เมื่อเจอโอกาสที่เหมาะสม ก็ควรจัดการไม่ใช่หรอกหรือ? ความคิดของพระองค์ชัดเจนอยู่แล้ว ดังนั้นจงทำตามที่พระองค์ต้องการเถอะ จัดก

  • ใต้หล้าสยบรัก   บทที่ 1012

    พระชายาจี้พูดจบก็กลับไปนั่งลงบนเก้าอี้เก้าอี้ที่นางนั่งนั้นใหญ่มาก แต่นางผอมมากเนื่องจากป่วยมาเป็นเวลานาน เก้าอี้นั้นยังมีพื้นที่เหลืออีกมาก ผู้หญิงตัวเล็ก ๆ คนนั้นนั่งบนเก้าอี้กว้างตัวใหญ่ประจัญหน้ากับพวกขุนนางกว่าสิบคนที่อยู่ตรงนั้นแม่ทัพซุยไม่กล้าพูดอะไรอีกต่อไป ความโกรธบนใบหน้าของเขาก็ค่อย ๆ แปรเปลี่ยนเป็นความหวาดกลัวคนที่เหลือก็เงียบและก้มหน้าเช่นกันพระชายาจี้รออยู่สักพัก ก่อนที่จะกล่าวอย่างใจเย็นว่า "องค์รัชทายาทคือผู้กำหนดชะตา ถ้าเจ้าปฏิบัติตามให้ดี เจ้าจะมีชีวิตอยู่อย่างมั่งคั่งและมั่งคั่งในภายภาคหน้า วันนี้ข้าพูดได้เพียงเท่านี้ ทุกคนไปเถอะ รักษาตัวด้วย"หลังจากพูดจบ นางก็ยืนขึ้น และเดินออกไปโดยเอามือไพล่หลัง แผ่นหลังบาง ๆ ของนางตั้งตรงดูยิ่งใหญ่ราวกับว่าสามารถแบกท้องฟ้าได้ครึ่งหนึ่งแรงสนับสนุนของอวี่เหวินห่าวสูงขึ้นเรื่อย ๆอย่างไรก็ตาม มีคน ๆ ​​หนึ่งที่มีความคิดเห็นเป็นปฏิปักษ์อยู่เสมอ ถึงกับตำหนิเขาตรง ๆ ต่อหน้าท้องพระโรงทำให้บรรยากาศของวันนั้นแย่เป็นอย่างยิ่ง แม้แต่จักรพรรดิหมิงหยวนก็ยังกริ้วจนหน้าดำจูกั๋วกงคนนี้คือ จูหรูเพ่ย เป็นพ่อตาของตี้เว่ยหมิงเมื่อก่อน

  • ใต้หล้าสยบรัก   บทที่ 1011

    มีแม่ทัพแซ่ซุยอยู่ที่นี่ ซึ่งเคยอยู่กับตี้เว่ยหมิงมาก่อน และตี้เว่ยหมิงได้ติดต่อเขาแล้ว เมื่อได้ยินสิ่งที่พระชายาจี้พูด เขาพูดอย่างเฉยเมยว่า "ข้อเสนอขององค์รัชทายาทที่จะจัดตั้งพันธมิตรกับต้าโจว ไม่ต่างอะไรไปกว่าการกระทำของคนขี้ขลาด คิดว่าด้วยการสนับสนุนของต้าโจว เป่ยถังของเราจะสามารถดำรงอยู่ได้อย่างสงบสุขรึ และเช่นกันด้วยวิธีนี้ เป่ยถังของเราจะต้องมองสีหน้าท่าทีของต้าโจวในทุก ๆ เรื่องงั้นหรือ? นี่คิดว่ามันคงไม่เหมาะกระมั่ง”พระชายาจี้มองเขา น้ำเสียงของนางเย็นชาเล็กน้อย “แม่ทัพซุย แม้ว่าข้าจะเป็นผู้หญิง แต่ข้าก็รู้ด้วยว่าสิ่งที่องค์รัชทายาทเสนอเป็นพันธมิตร มิใช่การยอมจำนน ทำไมเจ้าต้องสังเกตสีหน้าท่าทางต้าโจวทุกอย่างด้วย?”แม่ทัพซุยพูดอย่างแข็งกร้าว "พระชายาคงไม่เข้าใจสินะ? เมื่อพันธมิตรถูกจัดตั้งขึ้น ก็จะมีข้อจำกัดซึ่งกันและกัน ข้อจำกัดทางทหารไม่ใช่เรื่องที่ดี"พระชายาจี้ถึงกับขำ แววตาของนางดูเย็นชาขึ้นมา "จริงหรือ? แล้วทำไมข้าถึงได้ยินว่าสนธิสัญญานี้หมายถึงการไม่รุกรานกัน? หรือว่าแม่ทัพซุยมีความคิดที่จะรุกรานแคว้นอื่น"แม่ทัพซุยตกตะลึง "นี่...ข้าย่อมไม่มีอยู่แล้ว"“ในเมื่อไม่มี เจ

  • ใต้หล้าสยบรัก   บทที่ 1010

    หยวนชิงหลิงไม่สบายใจ อย่างไรก็ตาม เสี่ยวลั่วหมี่ยังมีไข้อยู่นางยิ้มและพูดว่า "เสด็จย่า พวกเขาอาจจะงอแง เกรงว่าจะทำให้พระองค์ทรงเหนื่อยได้เพคะ"ไทเฮาทรงมีสีพระพักตร์นิ่งเฉย และตรัสอย่างไม่พอใจว่า “เกรงว่าคนแก่อย่างข้าจะอ่อนล้า หรือไม่วางใจให้ข้าดูแลพวกเขากัน? กลัวว่าพวกเขาอยู่กับข้าแล้วจะดูแลไม่ดี ไม่มีนมให้กินอย่างนั้นรึ” หยวนชิงหลิงยิ้มและพูดว่า "ดูพระองค์พูดสิเพคะ พระองค์จะปฏิบัติต่อพวกเขาอย่างเลวร้ายได้อย่างไร? พระองค์ออกจะรักเหมือนเป็นหัวแก้วหัวแหวน... "“บุ้ย ๆ ๆ หัวแก้วหัวแหวนอะไรกัน ไม่ใช่ลูกสาวสักหน่อย แต่เป็นทองคำต่างหาก ทองคำของข้า” ไทเฮาทรงตรัสแปลก ๆ ขณะอุ้มเสี่ยวลั่วหมี่ไว้นางเงยหน้าขึ้นและมองไปที่หยวนชิงหลิงและพูดอย่างเย็นชาว่า "อย่าพูดไร้สาระ แค่อยู่ในวังสักสองสามวัน ไว้หายดีแล้วค่อยให้เจ้ามารับไป หากยังกังวลใจ ให้ไปหาไท่ซ่างหวงให้รับรองให้เจ้าเถอะ”หยวนชิงหลิงได้ยินว่านางถึงกับยกไท่ซ่างหวงออกมาแบบนี้ นางจะกล้าปฏิเสธได้อย่างไร นางจึงจำใจต้องส่งลูกที่เพิ่งครบเดือนให้ห่างอกนางเท่านั้นอย่างไรก็ตาม เมื่อนึกถึงเรื่องการจัดตั้งโรงเรียนแพทย์ ทุกวันนี้นางก็แทบไม่มีเวลา

  • ใต้หล้าสยบรัก   บทที่ 1009

    ในเมื่อเสด็จพ่อเห็นด้วย จะให้เขามาหารือกับเหล่าขุนนางเพื่อเรียกแรงสนับสนุน แล้วทำไมเขาต้องไปหาเสียงเห็นชอบด้วยจักรพรรดิหมิงหยวนมองเขาอย่างแฝงความนัย เขายังเด็กเกินไปจริง ๆ "ไปซะ"อวี่เหวินห่าวออกไปคิดเกี่ยวกับเรื่องนี้ และทันใดนั้นก็ตระหนักได้ว่า มันยังเป็นความเคลื่อนไหวอันเฉียบแหลมของเสด็จพ่อ ที่ไม่ได้แสดงจุดยืนของพระองค์ออกมา และเฝ้าดูความเคลื่อนไหวของเหล่าขุนนางอย่างเงียบ ๆ หากพระองค์แสดงจุดยืนออกมา หลายคนจะเอียนเอียงคล้อยตามพระองค์ทันที ถ้าพระองค์ไม่พูดอะไร พระองค์ก็จะรู้ความคิดทุกคนจริง ๆ ว่าใครอยู่ข้างตี้เว่ยหมิงอย่างไรก็ตาม หลังจากที่เขาจากไป จักรพรรดิหมิงหยวนก็คิดว่าเรื่องนี้มีข้อดีมากมาย แต่ก็มีข้อเสียเล็ก ๆ น้อย ๆ ด้วยเช่นกัน เพื่อหลีกเลี่ยงไม่ให้นักประวัติศาสตร์ในอนาคตเขียนส่งเดชให้เขาเป็นแพะรับบาป การแสร้งทำเป็นบีบบังคับให้ทำในสิ่งที่ไม่น่าทำได้น่าจะเป็นการดีกว่าเขากำลังกินหมานโถ่วและกังวลใจเกี่ยวกับเสี่ยวลั่วหมี่วันนี้เสี่ยวลั่วหมี่มีไข้ อันที่จริงไม่ใช่แค่เสี่ยวลั่วหมี่ แต่เด็กทั้งสามคนมีอาการไอเล็กน้อยเพียงแต่ร่างกายของเสี่ยวลั่วหมี่นั้นไม่ค่อยแข็งแรง เขาจึงมี

  • ใต้หล้าสยบรัก   บทที่ 1008

    หลังจากเลิกว่าราชกิจแล้ว อวี่เหวินห่าวก็ไม่ย่อมไม่พอใจ ดังนั้นเขาจึงไปหอตำราหลวงหาจักรพรรดิหมิงหยวนจักรพรรดิหมิงหยวนมักจะกินอาหารเช้าหลังจากเลิกว่าราชกิจในยามเช้า มีโจ๊กและหมานโถ่วอยู่ในห้องทำงานของจักรพรรดิ หลังจากกินโจ๊กชามหนึ่ง ก็พูดอย่างเรียบเฉยว่า"เป็นเพราะความสัมพันธ์ระหว่าเจ้ากับแม่ทัพเฉินแห่งต้าโจว? ถึงเป็นเหตุผลให้เจ้าวิ่งเต้นขนาดนี้?”อวี่เหวินห่าวไม่ได้กินอาหารเช้าเช่นกัน และตอนนี้เขาหิวมาก เมื่อเห็นว่าเขาหยุดกินโจ๊กแล้ว เขาคิดว่าเขาไม่เอาหมานโถ่วแล้ว จึงเอื้อมมือไปหยิบหมานโถ่ว “ไม่ใช่พ่ะย่ะค่ะ กระหม่อม..."จักรพรรดิหมิงหยวนหยิบตะเกียบขึ้นมาและชี้ไปที่เขา "วางลงซะ!"อวี่เหวินห่าวถึงกับอ้าปากค้าง เมื่อเห็นสายตาพ่อตัวเองเป็นประกายเช่นนั้น เขาแอบบ่นว่าขี้งกและวางหมานโถ่วกลับที่เดิมจักรพรรดิหมิงหยวนหยิบหมานโถ่วขึ้นมาเช็ด จากนั้นค่อย ๆ ปอกลอกเปลือกนอกออกและกินมัน โดยทิ้งอวี่เหวินห่าวที่อยู่ข้าง ๆอวี่เหวินห่าวพูดอย่างเศร้าใจ "กระหม่อมก็หิวเหมือนกัน เมื่อเช้านี้ตื่นมา แม่นมบอกว่าเสี่ยวลั่วหมี่ตัวร้อนเล็กน้อย กระหม่อมจึงรีบไปดูก่อน ไม่ได้สนใจที่จะกินอาหารเช้า"เมื่อได้ยินว

  • ใต้หล้าสยบรัก   บทที่ 1007

    เขาพูดเสียงดังในท้องพระโรง "เป่ยโม่และเสียนเป่ยเป็นดั่งหมาป่าทะเยอทะยาน พวกเขาจับตามองเป่ยถังมานานแล้ว แต่เป็นเพราะทหารม้าที่แข็งแกร่งของเป่ยถั งและเหล่ายอดนักรบจึงขับไล่พวกเขากลับไปได้เป็นการชั่วคราว แต่ไม่มีอะไรมารับประกันได้ว่าพวกเขาจะไม่กลับมารุกรานอีกตอนนี้ต้าโจวได้พัฒนาอาวุธและรถออกศึกได้ หากทั้งสองแคว้นเป็นพันธมิตรกัน ต้าโจวสามารถช่วยเป่ยถังปรับปรุงอาวุธและยุทโทปกรณ์ ซึ่งสามารถเสริมสร้างการป้องกันทางทหารของเป่ยถังได้ และร่วมกับการพัฒนาเศรษฐกิจ นี่เป็นประโยชน์ระยะยาวสำหรับเป่ยถัง รัชทายาททรงมีพระวินิจฉัยที่ลึกซึ้ง นั่นเป็นผลดีต่อราษฏร และเขายังคิดถึงระยะยาวสำหรับเป่ยถัง ส่วนแม่ทัพตี้เว่ยหมิงที่เจตนาพูดจาให้คนอื่นตกใจนั้นก็มีส่วนต้องรับผิดชอบด้วย ว่าไปแล้วเป่ยถังไม่ได้ไปรุกรานโม่เป่ยกับเสียนเป่ย หากพวกเขาไปรุกรานต้าโจว มีหรือจะปล่อยเป่ยถังไว้? หรือถึงตอนนั้นต้องยกแคว้นให้เพื่อสงบศึกกัน? "ในตอนนั้นเป่ยถังพ่ายแพ้ให้กับเป่ยโม่ ถูกทหารสามหมื่นนายล้อมไว้ ในท้ายที่สุด แม่ทัพตี้เว่ยหมิงถูกส่งไปเจรจาสงบศึก ยกเมืองที่เป่ยโม่ต้องการถึงจะยอมถอยทัพนี่เป็นความอัปยศอดสูของเป่ยถังเสมอ และม

DMCA.com Protection Status