เธอขี้เกียจขยับ ทำเขาตื่นขึ้นมาต้องถามเธอไม่น้อยแน่ เธอไม่อยากอธิบายแล้วเธอหลับตาลง พยายามย้อนกลับไปในความฝัน ในความฝันแม้แต่ตุ๊กตาตัวเล็ก ๆ ก็ยังทำให้เธอโหยหาอาลัยอาวรณ์ได้ขนาดนี้เลยตื่นขึ้นมาทำไม?ข้อมูลของลิงตัวนั้น เมื่อก่อนก็เห็นมาไม่ใช่น้อย ยาออกฤทธิ์ก็จริง แต่ถ้าไม่ได้ดูกราฟคลื่นสมองนั้นและดูพฤติกรรมประจำวันของมันพบได้เลยว่ามันฉลาดมาก ๆ ไม่อย่างนั้นมันคงแอบหนีออกไม่ได้และถูกรถชนตายหรอกเธอนึกสงสัยขึ้นมา หลังจากลิงตัวนั้นตายแล้ว จะมีการทะลุมิติโอนร่างวิญญาณมาที่นี่หรือไม่?เฮ้ย ช่างน่าขบคิดเสียจริง หัวของคนนั้นหนักจริง ๆเธอหันหน้าไปมองเขาอย่างระมัดระวัง ทำได้เพียงมองเขาได้อย่างละเอียดตอนเขาหลับ เธอไม่ได้คิดอะไรแอบแฝง หรือว่าเขาหลงตัวเองที่สุดมองเขานาน ๆ ก็รู้สึกเหมือนจะตกหลุมรักได้เลยพูดกันตรง ๆ เขาดูดีมากอวัยวะทั้งห้าบนใบหน้าใกล้เคียงกับคำว่าสมบูรณ์แบบ ถ้าให้พูดจริง ๆ รูปหน้านั้นทั้งแข็งทื่อทั้งเย็นชา คนแบบนี้ยิ้มแย้มขึ้นมาก็ทำให้คนอื่นหนาวสั่นได้โดยเฉพาะตอนที่ลืมตาขึ้นมาแบบทันทีทันใด แสงเย็นวาบในแววตาไม่ต้องสร้างปรากฏขึ้นมาเหมือนสายฟ้าฟาด เหมือนในตอนนี้...เธอ
“ทำไม? เจ้าเองก็สงสัยในคำสั่งของข้าหรือ?” อวี่เหวินห่าวกวาดสายตามองราวกับแสงฟ้าแล่บแม่นมฉีรีบก้มหัว “มิบังอาจเพคะ”หยวนชิงหลิงโกรธจนปากสั่น “อวี่เหวินห่าว ท่านกลัวตระกูลฉู่หรือไง? หรือว่าท่านยังเห็นแก่ฉู่หมิงชุ่ย เลยปล่อยคนตระกูลฉู่ไปแบบนี้?”สีหน้าของอวี่เหวินห่าวดำมืด “เจ้าอย่าพูดถึงคนที่ไม่เกี่ยวข้อง”หยวนชิงหลิงมองเขาด้วยความรู้สึกผิดหวัง “ข้าคงจะเดาถูก ท่านยังเห็นแก่ฉู่หมิงชุ่ย เลยไม่คิดผูกพยาบาททำร้ายตระกูลฉู่ ข้ามองท่านผิดไปจริง ๆ คิดว่าท่านเป็นคนฉลาด รู้จักหลบหลีกแสวงหาโชคลาภ วันนี้ท่านปล่อยฮุ่ยติ่งโฮ่ว แล้ววันที่ท่านร้องไห้ต้องมาถึง”อวี่เหวินห่าวสะบัดแขนเสื้ออย่างโกรธ ๆ “ช่างไม่เข้าใจอะไรเลย!” พูดจบก็เดินจากไปอย่างเย็นชาหยวนชิงหลิงมองแผ่นหลังของเขา ในใจเต็มไปด้วยความโกรธ อีกนิดเดียวเธอก็เกือบต้องเอาชีวิตกับความบริสุทธิ์ไปแลกกับโอกาสนี้มา เขากลับเห็นแก่ผู้หญิงอีกคนนึงและทิ้งมันไปอย่างง่ายดาย เธอต้องลำบากลำบนอย่างเปล่าประโยชน์หรือนี่?แม่นมฉีถอนหายใจเบา ๆ “พระชายาอย่าโกรธเลยนะเพคะ ท่านอ๋องทรงคิดเพื่อท่าน” “เพื่อข้า?” หยวนชิงหลิงยิ้มเย็นชา “ถ้าเพื่อข้า ก็ไปรายงานตามคว
ตอนที่หยวนชิงผิงกลับจวน ก่อนจากไปนางก็เข้าไปกอดหยวนชิงหลิงและพูดเสียงเบาว่า “ขอบคุณ พี่ใหญ่”คำว่าพี่ใหญ่ที่เรียกหยวนชิงหลิง ทำให้ใจของหยวนชิงหลิงนุ่มฟูไปหมดเธอพิจารณาอยู่นาน รู้สึกว่าตัวเองยอมรับเรื่องที่อวี่เหวินห่าวบอกว่าจะทำไม่ได้“ท่านอ๋องอยู่ที่จวนไหม?” เธอถามแม่นมฉี“อยู่เพคะ ท่านอ๋องอยู่ในห้องตำรา”“ข้าจะไปหาเขา” หยวนชิงหลิงจัดเสื้อผ้าของเธอและเดินออกไปยามพลบค่ำ บรรยากาศในสวนที่ย้อมไปด้วยสีสันยามสนธยา ให้ความรู้สึกสงบสุขและนุ่มนวล ควันสีขาวจากห้องครัวลอยละล่องอ้อยอิ่งในอากาศ ลมหายใจของคนที่หายใจออกมาเป็นควันสีขาวอย่างช้า ๆ เต็มไปทั่ว ให้ความรู้สึกทั้งจริงทั้งเลือนลางราวกับภาพลวงตาเรื่องราวที่ผ่านมาทั้งหมดในวันนี้ ทำให้หยวนชิงหลิงรู้สึกถึงการมีชีวิตอยู่ในยุคนี้อย่างแท้จริง ไม่ใช่การใช้ชีวิตอย่างธรรมดาเรียบง่ายมาถึงห้องตำรา มีหญิงรับใช้ยกสำรับอาหารและน้ำชาอยู่ที่หน้าประตูพอดี หยวนชิงหลิงพูดเสียงเบากับนาง “มาข้าเอง!”หญิงรับใช้ย่อตัวรับคำ “เพคะ!”หยวนชิงหลิงยกสำรับอาหารเข้าไป ในห้องจุดเทียนสองเล่ม แสงสว่างนั้นพริ้วไหวและหรี่ลงเขาอยู่ที่โต๊ะคัดลายมือ บนพื้นเต็มไปด้ว
หยวนชิงหลิงพูดกับอวี่เหวินห่าวว่า “ท่านต้องรับปากข้าก่อน”“อย่าพูดอะไรเหลวไหลไร้สาระ กินข้าว!” เขาจับข้อมือเธอแล้วดึงเข้ามา “กินข้าวเป็นเพื่อนข้าหน่อย”“ข้ากินแล้ว ดื่มน้ำแกงแล้วด้วย”“เช่นนั้นก็มารับใช้ข้าตอนกินข้าว”“รับคำสั่งเพคะ!” หยวนชิงหลิงกรอกตาดูเหมือนว่าเขาจะหิวมาก ข้าวมื้อนั้นถูกเขากวาดเรียบ แม้แต่ข้าวสักเม็ดก็ไม่มีเหลือ“หิวขนาดนั้นเลยเหรอ? ให้ข้าเรียกคนให้ทำเพิ่มไหม?” เธอจำได้ว่าเขาเข้มงวดควบคุมการกินของตัวเอง เขากินอย่างบ้าคลั่งเช่นนี้ เห็นได้ชัดเลยว่าต้องหิวสุด ๆ“ไม่ต้อง ช่วยข้าเปลี่ยนชุด ข้าจะเข้าวังไปกราบทูล”หยวนชิงหลิงกระโดดขึ้นมาและพูดอย่างชอบอกชอบใจ “เพคะ!”ทั้งสองกลับไปที่ตำหนักเสี่ยวเย่ว หยวนชิงหลิงเปิดหีบเสื้อผ้า เห็นเสื้อผ้าถูกพับวางไว้เรียบร้อยเลยหันไปถามเขา “ใส่ชุดไหนดี?”“ชุดทางการ!” เขาตอบกลับด้วยอรมณ์ไม่ค่อยดี“อื้อ!” เธอปิดหีบเสื้อผ้า เดินไปที่ราวแขวนเสื้อ ถอดเสื้อทางการที่เขาเพิ่งถอดแขวนไว้ เธอยื่นมือไปแตะลูบลายปักอันวิจิตรงดงาม ที่เป็นสัญลักษณ์แสดงถึงอำนาจ เสื้อคลุมสีม่วงคาดด้วยเข็ดขัดหยกทองแบ่งสัดส่วนบนล่างอย่างเหมาะสม ช่างสมบูรณ์แบบหม
ไม่ได้รอจนอวี่เหวินห่าวกลับมา แต่ก็รอจนถังหยางกลับมาแล้วเสื้อผ้าของถังหยางเสียหายยับเยินไปทั่วตัว ถังหยางเข้ามาด้วยสภาพที่น่าอับอาย “พระชายา ผู้มีพระคุณของท่านอยู่ที่สวนด้านนอกแล้ว แต่ว่ามีผู้มีพระคุณตัวนึง ให้ตายยังไงก็จะมากับกระหม่อม กระหม่อมเองก็จำใจ ได้แต่พามันกลับมาด้วย”หยวนชิงหลิงมองออกไปดูด้วยความแปลกใจ ใครกันนะที่ยังไงก็จะมาให้ได้?เห็นสวี่อีจูงสุนัขสีดำหูตั้งเข้ามาด้วย มันเป็นสุนัขที่ให้หยวนชิงหลิงหนีไป ตอนนี้มันนั่งยอง ๆ อยู่กับพื้นหูตั้งขึ้น มันอ้าปากแลบลิ้นที่มีจุดด่าง ๆ มองเธอ ทั้งตัวของมันสกปรกมากและบาดเจ็บ บนขนของมันเปื้อนเลือด มีรอยแส้ฟาดพาดผ่านไปทั่วทั้งตัว แส้ฟาดจนเนื้อเปิดเหวอะหวะ มีขนร่วงเป็นหย่อม ๆ เผยให้เห็นเลือดเนื้อที่เป็นแผลสด มองดูแล้วน่ากลัวมากแต่ตอนนี้มันนั่งอยู่บนพื้น ความโหดเหี้ยมดุร้ายของมันก่อนหน้านี้ได้หายไปหมดแล้ว สองตากลมโต จ้องมองหยวนชิงหลิงอย่างแน่วแน่หยวนชิงหลิงรีบก้าวไปข้างหน้าอย่างรวดเร็ว ทั่วทั้งตัวของมัน มีแค่หัวเท่านั้นที่ไม่มีแผล เธอยื่นมือออกไปลูบหัวมัน “เด็กดี”“โฮ่ง โฮ่ง โฮ่ง!” หมาสีดำตัวนั้นพุ่งไปข้างหน้าเห่าเรียกเธอ หางกระดิก
“เวียนหัว เวียนหัวมาก!” หยวนชิงหลิงรีบออดอ้อนอวี่เหวินห่าว “เมื่อครู่ไม่ทันรู้สึก พอได้หยุดอยู่นิ่ง ๆ แล้วก็รู้สึกเวียนหัวมากเลย”“เด็ก ๆ ช่วยพาพระชายากลับห้อง ” อวี่เหวินห่าวออกคำสั่ง ลวี่หยารีบไปข้างหน้าช่วยหยวนชิงหลิง หยวนชิงหลิงซบพิงศีรษะที่เตี้ยกว่าครึ่งหนึ่งของลวี่หยาแล้วค่อย ๆ เดินกลับไปขันทีมู่หรูส่ายหน้าด้วยความรู้สึกสงสาร “ช่างน่าสงสาร แค่ไม่กี่วันที่ไม่ได้พบ พระชายา ผอมลงไปมาก”ในใจของอวี่เหวินห่าวยิ้มเย็น สงสาร? ไม่ได้รู้สึกแบบนั้นจริง ๆ หรอก รู้สึกน่าเกลียดน่าชังซะมากกว่าหลังจากส่งขันทีมู่หรูกลับแล้ว อวี่เหวินห่าวก็ตรงไปที่ตำหนักเฝิงอี้ทันทีที่ก้าวเข้าไปที่ประตู ก็พบสุนัขสีดำตัวให้วิ่งออกมาขวางทางและเห่าใส่อย่างดุร้าย เขากลัวเงาของหมาตัวนั้นกระโจนใส่เสียจนขาอ่อนไปหมดหยวนชิงหลิงพิงประตูแล้วเรียกเจ้าหมา “ตัวเป่า อย่าดุสิ รู้จักไว้ นี่พ่อของเจ้า”“เจ้าสิพ่อมัน” อวี่เหวินห่าวขมวดคิ้วพูดต่อไป “ใครพามันมา? รีบพามันกลับไปซะ”หยวนชิงหลิงพูดไปว่า “ตัวเป่า ออกไปเล่นเถอะ”ตัวเป่ากระดิกหางอย่างเชื่อฟังและออกไปแล้ว“ตัวเป่า? มีชื่อให้มันด้วย?” อวี่เหวินห่าวพูดอย่างโกรธเ
ในวังหลวงจักรพรรดิหมิงหยวนเต็มไปด้วยความโกรธเกรี้ยวทั้งวัน โกรธจนเจ็บในอกไปหมดความยโสโอหังของงตระกูลฉู่นั้นมันเกิดกว่าที่เขาจินตนาการไปมากอิทธิพลของตระกูลฉู่ วันนี้ก็กดดันอำนาจจักรพรรดิของเขา ฉู่โซ่วฝูในอดีตยังมีความเคารพยำเกรงเขา แต่วันนี้พูดไปแล้วหนึ่งคำ ทำให้เขาเข้าใจได้ว่าตระกูลฉู่ได้กลายเป็นภัยคุกคามร้ายแรงของชาติบ้านเมืองของตระกูลอวี่เหวินแล้วฉู่โซ่วฝูตำหนิฮุ่ยติ่งโฮ่วด้วยความเคียดแค้นชิงชังเป็นอย่างยิ่ง บอกว่าเขาอยู่ในสถานะสูงส่งทรงอำนาจเป็นที่โปรดปรานของฮ่องเต้ แต่กลับถูกคนที่อยู่ต่ำกว่าชักชวนให้ทำเรื่องชั่วช้าสะเทือนฟ้าสะเทือนดินเช่นนี้ออกมา ทำลายชื่อเสียงเกียรติยศของตระกูลฉู่ชื่อเสียงเกียรติยศของตระกูลฉู่? แล้วชื่อเสียงเกียรติยศของราชวงศ์ล่ะ?เขาได้ยินตาแก่นั้นแค่โพล่งพูดเรื่องออกมาเช่นนี้ มันไม่ง่ายเลยที่จะไม่ให้เขาคิดลึกซึ้งเกี่ยวกับเรื่องนี้ เห็นได้ชัดว่าจากที่เขาพูด ชื่อเสียงเกียรติยศของตระกูลฉู่มีค่าสำคัญกว่าชื่อเสียงเกียรติยศของราชวงศ์สมาชิกวัยกลางคนของตระกูลฉู่เองล้วนดำรงตำแหน่งสำคัญในราชสำนัก ส่วนคนรุ่นเยาว์ก็ล้วนเริ่มสั่งสมประสบการณ์ในกองทัพ ไต่เต้าตำแห
จักรพรรดิหมิงหยวนลุกขึ้นยืน “เสด็จพ่อ งั้นเรื่องนี้ก็...”ไท่ซ่างหวงหันกายออกไป “ใครจะไปรู้? แต่ข้าได้ยินมาว่าเดิมทีจิ้งโฮ่วจะเอาลูกสาวไปแต่งเป็นภรรยาฮุ่ยติ่งโฮ่ว จิ้งโฮ่วคนนี้ก็เป็นคนที่น่าสนใจเสียจริง ถ้าให้พูด มีเวลาเจ้ามองสถานการณ์ในราชสำนักไม่ชัดเจน ก็จะเห็นเพียงคนประเภทจิ้งโฮ่ว พวกเขาก็จะกระดิกหางไปมา คน ๆ นี้ใครก็ต้องเป็นคนที่แย่มากๆ ”จักรพรรดิหมิงหยวนรู้สึกถ่มถุยจิ้งโฮ่วจากของก้นบึ้งหัวใจ เป็นญาติกับคนแบบนี้ ช่างน่าขายหน้าเสียจริงจักรพรรดิหมิงหยวนโค้งคำนับแล้วทูลลามารอบนี้ ในใจก็เข้าใจกระจ่างชัดดูเหมือนว่า เขาประเมินเจ้าห้าต่ำเกินไปจิ้งโฮ่วอยากจะเอาลูกสาวไปแต่งกับฮุ่ยติ่งโฮ่ว พระชายากับน้องสาวผูกพันลึกซึ้ง เพื่อนางจึงไม่ลังเลเลยสักนิด เจ้าห้าสบโอกาสนี้ใช้หักแขนข้างหนึ่งของตระกูลฉู่ เมื่อคิดเช่นนี้ ไฟโกรธเกรี้ยวก็มอดลงไปกว่าครึ่ง แล้วเมื่อคิดดูก็เป็นเรื่องที่ดีที่สุดที่เพิ่งเกิดขึ้นทำให้คนรู้สึกยินดีจริง ๆในใจของจักรพรรดิหมิงหยวนรู้สึกมีความสุข รับสั่งให้พระราชทานอาหารอันโอชะและเครื่องประดับจำพวกไข่มุกพลอยมากมายให้แก่พระชายาฉู่ โดยใช้พระเมตตาขององค์จักรพรรดิ เพื่อ