แชร์

บทที่ 184

ผู้แต่ง: จูน
last update ปรับปรุงล่าสุด: 2024-10-29 19:42:56
ไม่ได้รอจนอวี่เหวินห่าวกลับมา แต่ก็รอจนถังหยางกลับมาแล้ว

เสื้อผ้าของถังหยางเสียหายยับเยินไปทั่วตัว ถังหยางเข้ามาด้วยสภาพที่น่าอับอาย “พระชายา ผู้มีพระคุณของท่านอยู่ที่สวนด้านนอกแล้ว แต่ว่ามีผู้มีพระคุณตัวนึง ให้ตายยังไงก็จะมากับกระหม่อม กระหม่อมเองก็จำใจ ได้แต่พามันกลับมาด้วย”

หยวนชิงหลิงมองออกไปดูด้วยความแปลกใจ ใครกันนะที่ยังไงก็จะมาให้ได้?

เห็นสวี่อีจูงสุนัขสีดำหูตั้งเข้ามาด้วย มันเป็นสุนัขที่ให้หยวนชิงหลิงหนีไป ตอนนี้มันนั่งยอง ๆ อยู่กับพื้นหูตั้งขึ้น มันอ้าปากแลบลิ้นที่มีจุดด่าง ๆ มองเธอ

ทั้งตัวของมันสกปรกมากและบาดเจ็บ บนขนของมันเปื้อนเลือด มีรอยแส้ฟาดพาดผ่านไปทั่วทั้งตัว แส้ฟาดจนเนื้อเปิดเหวอะหวะ มีขนร่วงเป็นหย่อม ๆ เผยให้เห็นเลือดเนื้อที่เป็นแผลสด มองดูแล้วน่ากลัวมาก

แต่ตอนนี้มันนั่งอยู่บนพื้น ความโหดเหี้ยมดุร้ายของมันก่อนหน้านี้ได้หายไปหมดแล้ว สองตากลมโต จ้องมองหยวนชิงหลิงอย่างแน่วแน่

หยวนชิงหลิงรีบก้าวไปข้างหน้าอย่างรวดเร็ว ทั่วทั้งตัวของมัน มีแค่หัวเท่านั้นที่ไม่มีแผล เธอยื่นมือออกไปลูบหัวมัน “เด็กดี”

“โฮ่ง โฮ่ง โฮ่ง!” หมาสีดำตัวนั้นพุ่งไปข้างหน้าเห่าเรียกเธอ หางกระดิก
บทที่ถูกล็อก
อ่านต่อเรื่องนี้บน Application
ความคิดเห็น (2)
goodnovel comment avatar
พรรณนิภา ครูนนทกฤษ
สนุกมากค่ะ ช่วยอัพไวๆๆด้วยค่ะ
goodnovel comment avatar
Nutsaran Timsures
อยากทราบว่าหนังสทอมีทั้งหมดประมาณกี่ตอน
ดูความคิดเห็นทั้งหมด

บทที่เกี่ยวข้อง

  • ใต้หล้าสยบรัก   บทที่ 185

    “เวียนหัว เวียนหัวมาก!” หยวนชิงหลิงรีบออดอ้อนอวี่เหวินห่าว “เมื่อครู่ไม่ทันรู้สึก พอได้หยุดอยู่นิ่ง ๆ แล้วก็รู้สึกเวียนหัวมากเลย”“เด็ก ๆ ช่วยพาพระชายากลับห้อง ” อวี่เหวินห่าวออกคำสั่ง ลวี่หยารีบไปข้างหน้าช่วยหยวนชิงหลิง หยวนชิงหลิงซบพิงศีรษะที่เตี้ยกว่าครึ่งหนึ่งของลวี่หยาแล้วค่อย ๆ เดินกลับไปขันทีมู่หรูส่ายหน้าด้วยความรู้สึกสงสาร “ช่างน่าสงสาร แค่ไม่กี่วันที่ไม่ได้พบ พระชายา ผอมลงไปมาก”ในใจของอวี่เหวินห่าวยิ้มเย็น สงสาร? ไม่ได้รู้สึกแบบนั้นจริง ๆ หรอก รู้สึกน่าเกลียดน่าชังซะมากกว่าหลังจากส่งขันทีมู่หรูกลับแล้ว อวี่เหวินห่าวก็ตรงไปที่ตำหนักเฝิงอี้ทันทีที่ก้าวเข้าไปที่ประตู ก็พบสุนัขสีดำตัวให้วิ่งออกมาขวางทางและเห่าใส่อย่างดุร้าย เขากลัวเงาของหมาตัวนั้นกระโจนใส่เสียจนขาอ่อนไปหมดหยวนชิงหลิงพิงประตูแล้วเรียกเจ้าหมา “ตัวเป่า อย่าดุสิ รู้จักไว้ นี่พ่อของเจ้า”“เจ้าสิพ่อมัน” อวี่เหวินห่าวขมวดคิ้วพูดต่อไป “ใครพามันมา? รีบพามันกลับไปซะ”หยวนชิงหลิงพูดไปว่า “ตัวเป่า ออกไปเล่นเถอะ”ตัวเป่ากระดิกหางอย่างเชื่อฟังและออกไปแล้ว“ตัวเป่า? มีชื่อให้มันด้วย?” อวี่เหวินห่าวพูดอย่างโกรธเ

  • ใต้หล้าสยบรัก   บทที่ 186

    ในวังหลวงจักรพรรดิหมิงหยวนเต็มไปด้วยความโกรธเกรี้ยวทั้งวัน โกรธจนเจ็บในอกไปหมดความยโสโอหังของงตระกูลฉู่นั้นมันเกิดกว่าที่เขาจินตนาการไปมากอิทธิพลของตระกูลฉู่ วันนี้ก็กดดันอำนาจจักรพรรดิของเขา ฉู่โซ่วฝูในอดีตยังมีความเคารพยำเกรงเขา แต่วันนี้พูดไปแล้วหนึ่งคำ ทำให้เขาเข้าใจได้ว่าตระกูลฉู่ได้กลายเป็นภัยคุกคามร้ายแรงของชาติบ้านเมืองของตระกูลอวี่เหวินแล้วฉู่โซ่วฝูตำหนิฮุ่ยติ่งโฮ่วด้วยความเคียดแค้นชิงชังเป็นอย่างยิ่ง บอกว่าเขาอยู่ในสถานะสูงส่งทรงอำนาจเป็นที่โปรดปรานของฮ่องเต้ แต่กลับถูกคนที่อยู่ต่ำกว่าชักชวนให้ทำเรื่องชั่วช้าสะเทือนฟ้าสะเทือนดินเช่นนี้ออกมา ทำลายชื่อเสียงเกียรติยศของตระกูลฉู่ชื่อเสียงเกียรติยศของตระกูลฉู่? แล้วชื่อเสียงเกียรติยศของราชวงศ์ล่ะ?เขาได้ยินตาแก่นั้นแค่โพล่งพูดเรื่องออกมาเช่นนี้ มันไม่ง่ายเลยที่จะไม่ให้เขาคิดลึกซึ้งเกี่ยวกับเรื่องนี้ เห็นได้ชัดว่าจากที่เขาพูด ชื่อเสียงเกียรติยศของตระกูลฉู่มีค่าสำคัญกว่าชื่อเสียงเกียรติยศของราชวงศ์สมาชิกวัยกลางคนของตระกูลฉู่เองล้วนดำรงตำแหน่งสำคัญในราชสำนัก ส่วนคนรุ่นเยาว์ก็ล้วนเริ่มสั่งสมประสบการณ์ในกองทัพ ไต่เต้าตำแห

  • ใต้หล้าสยบรัก   บทที่ 187

    จักรพรรดิหมิงหยวนลุกขึ้นยืน “เสด็จพ่อ งั้นเรื่องนี้ก็...”ไท่ซ่างหวงหันกายออกไป “ใครจะไปรู้? แต่ข้าได้ยินมาว่าเดิมทีจิ้งโฮ่วจะเอาลูกสาวไปแต่งเป็นภรรยาฮุ่ยติ่งโฮ่ว จิ้งโฮ่วคนนี้ก็เป็นคนที่น่าสนใจเสียจริง ถ้าให้พูด มีเวลาเจ้ามองสถานการณ์ในราชสำนักไม่ชัดเจน ก็จะเห็นเพียงคนประเภทจิ้งโฮ่ว พวกเขาก็จะกระดิกหางไปมา คน ๆ นี้ใครก็ต้องเป็นคนที่แย่มากๆ ”จักรพรรดิหมิงหยวนรู้สึกถ่มถุยจิ้งโฮ่วจากของก้นบึ้งหัวใจ เป็นญาติกับคนแบบนี้ ช่างน่าขายหน้าเสียจริงจักรพรรดิหมิงหยวนโค้งคำนับแล้วทูลลามารอบนี้ ในใจก็เข้าใจกระจ่างชัดดูเหมือนว่า เขาประเมินเจ้าห้าต่ำเกินไปจิ้งโฮ่วอยากจะเอาลูกสาวไปแต่งกับฮุ่ยติ่งโฮ่ว พระชายากับน้องสาวผูกพันลึกซึ้ง เพื่อนางจึงไม่ลังเลเลยสักนิด เจ้าห้าสบโอกาสนี้ใช้หักแขนข้างหนึ่งของตระกูลฉู่ เมื่อคิดเช่นนี้ ไฟโกรธเกรี้ยวก็มอดลงไปกว่าครึ่ง แล้วเมื่อคิดดูก็เป็นเรื่องที่ดีที่สุดที่เพิ่งเกิดขึ้นทำให้คนรู้สึกยินดีจริง ๆในใจของจักรพรรดิหมิงหยวนรู้สึกมีความสุข รับสั่งให้พระราชทานอาหารอันโอชะและเครื่องประดับจำพวกไข่มุกพลอยมากมายให้แก่พระชายาฉู่ โดยใช้พระเมตตาขององค์จักรพรรดิ เพื่อ

  • ใต้หล้าสยบรัก   บทที่ 188

    หยวนชิงหลิงมองดูการลดความอ้วนของอ๋องซุนที่สลายหายไป ของว่างสองจาน ซี่โครงแกะทอดจานนึง ยังต้องการเมนูผัดอีกสองอย่าง ข้าวขาวอีกหนึ่งถ้วย กินเสียจนน้ำก็ไม่มีเหลือ “พี่รองถ้าไม่พอ เรียกให้คนทำมาเพิ่ม” หยวนชิงหลิงรู้สึกว่าเขายังมองจานเปล่าพวกนั้นอย่างโหยหา การกินไม่อิ่มแบบนี้มันน่าสงสารอ๋องซุนมองหยวนชิงหลิงอย่างจริงจัง “ไม่ต้องแล้ว ข้าต้องลดน้ำหนัก เจ้าต้องไม่ทำร้ายข้าแบบนี้”หยวนชิงหลิงรู้สึกทำอะไรไม่ถูก มีคนบอกว่าจะลดน้ำหนักมาหาเธอที่นี่แล้วก็กินข้าวไปชุดใหญ่ หลังจากนั้นก็บอกว่าเธอทำร้ายเขา“ถ้าอย่างนั้นพี่รองก็อย่ากินอีกเลย” หยวนชิงหลิงทำได้แค่พูดแบบนี้อ๋องซุนค่อย ๆ เงยหน้าขึ้นด้วยใบหน้าที่โศกเศร้าเสียใจ “ไม่ให้กินของว่างสองชิ้นของเจ้าแล้วหรือ? ทำไมถึงขี้งกแบบนี้?”“ไม่ใช่เพคะ...” หยวนชิงหลิงมองใบหน้าอ้วนกลมที่มองหน้าเธออย่างขุ่นเคืองใจ เธอปล่อยไหล่ลงแล้วพูดอย่างช่วยไม่ได้ว่า “ข้าจะบอกว่า วันนี้พี่รองเองก็กินไปพอควรแล้ว พรุ่งนี้ค่อยมากินอีก”“พรุ่งนี้ทำของว่างอะไร?” อ๋องซุนหยิบผ้าเช็ดหน้าออกมาเช็ดคราบเปื้อนมันที่มุมปาก ถึงจะถามแบบเฉย ๆ ดูไม่มีอะไร แต่ในแววตาของเขาคาดหวังอย่างชั

  • ใต้หล้าสยบรัก   บทที่ 189

    ฉู่หมิงชุ่ยได้ยินคำพูดของพระชายาจี่ ในใจรู้สึกไม่ยินดีอยู่บ้าง แม้ว่าเป็นความหายนะที่ฮุ่ยติ่งโฮ่วเป็นคนก่อขึ้น แต่นี้เป็นเจตนาจงใจพูดต่อหน้านางนางไม่พูดไม่จา มองแค่เพียงหยวนชิงหลิงอย่างเงียบ ๆทั้งคู่เคยมีเรื่องขัดแย้งบาดหมางกันมาก่อน ตอนนี้ไม่จำเป็นต้องมาเสแสร้งต่อกัน แต่อ๋องฉีกำลังจะมา นางจ้องเขม่งเล็กน้อยอยู่ตรงนั้น ด้วยความสับสนพระชายาจี่ดูเปี่ยมไปด้วยความกระตือรือร้นมีชีวิตชีวา “ได้ยินว่าเสด็จพ่อทรงพระราชทานพ่อครัวหลวงสองคนมาที่จวนนี้ วันนี้พวกเรามากินข้าวด้วยกันดีไหม? นี่ก็นานมากแล้ว ที่พวกเราเหล่าสะใภ้ไม่ได้นั่งพูดคุยด้วยกัน” หยวนชิงหลิงพยักหน้า “ได้สิ!”เดิมทีทั้งสามคนก็ไม่ได้พูดคุยสนุกสนาน แต่พระชายาจี่หาเรื่องพูดได้เก่งจริง ๆ แต่ก็ไม่ได้ทำให้บรรยากาศดูเย็นลงเลย นางดึงหยวนชิงหลิงเข้ามาในบทสนทนา ถามโน้นถามนี้ตลอด ทั้งเรื่องในจวนหรือนอกจวน รวมไปถึงการพูดถึงการรับใช้ไท่ซ่างหวง “ไท่ซ่างหวงทรงโปรดอะไรบ้าง? เจ้าตอนอยู่ที่พระตำหนักเฉียนคุนรับใช้ไท่ซ่างหวงยากไหม?”หยวนชิงหลิงรู้สึกระแวดระวังขึ้นมาเล็กน้อยและกล่าวอย่างยิ้ม ๆ ว่า “ข้าเพียงแค่อยู่ในพระตำหนักรับใช้ไท่ซ่างหวงใน

  • ใต้หล้าสยบรัก   บทที่ 190

    หลังจากที่ผู้หญิงสองนั้นเดินออกไปแล้ว หยวนชิงหลิงพ่นหายใจยาว ๆ และกล่าวกับนางข้าหลวงสี่ด้วยความซาบซึ้งว่า “เจ้าได้ช่วยชีวิตข้าไว้”นางข้าหลวงสี่พูดอย่างเรียบเฉยว่า “พระชายาจี่เป็นคนลึกซึ้ง พระชายาก็พูดตอบโต้กับนางให้น้อย ๆ ไว้นะเพคะ”หยวนชิงหลิงพูดอย่างยิ้ม ๆ “นางลึกซึ้ง? ไม่รู้สึกเลย ออกจะดูเหลาะแหละไม่ค่อยได้เรื่องได้ราวสักเท่าไหร่”นางข้าหลวงสี่ยิ้มเย้ยหยัน “เหลาะแหละ? นั้นมันแค่การเสแสร้งแกล้งทำออกมา”หยวนชิงหลิงตกตะลึง “แสร้งทำออกมา? ทำไมต้องเสแสร้งด้วย?”“คนเราล้วนมีด้านพรางตัวเพื่อปกป้องตัวเอง” นางเทน้ำชาให้หยวนชิงหลิงหนึ่งแก้วแล้วนั่งลงเล่าต่อ “พระชายาฉีเองก็คิดไปเอง ด้วยความเฉลียวฉลาดเล็กน้อยนั้น นางคิดว่าตัวเองสามารถควบคุมทุกอย่างได้ นางไม่เพียงก่อให้เกิดปัญหา แต่หากนางจะยืนกรานอย่างดื้อรั้น ก็คงเป็นเพราะนางคือคนตระกูลฉู่ แต่พระชายาจี่นั้นไม่เหมือนกัน พระชายาจี่เชี่ยวชาญเรื่องการเขียนมาตั้งแต่เด็ก ทรงรอบรู้ นางคือที่ปรึกษาเบื้องหลังของอ๋องจี่ พระชายารู้ไหมเพคะ ว่าสิ่งที่น่ากลัวที่สุดของพระชายาจี่คืออะไร?”หยวนชิงหลิงถาม “อะไรเหรอ?”“ถึงแม้ว่านางจะเก่งกาจ แต่นางก็เต็มใจ

  • ใต้หล้าสยบรัก   บทที่ 191

    “เจ้าขอโทษนางได้หรือเปล่า?” อ๋องฉีถาม ฉู่หมิงชุ่ยมองมาที่เขา ในใจก่นด่าเขาว่าโง่เขลาตลอด แต่กลับทำได้เพียงพูดแล้วถอนหายใจ “แค่พูดคำขอโทษแล้วเรื่องมันจะจบเหรอ?” “คำขอโทษก็แค่คำที่พูดในเหตุการณ์นั้น ๆ พูดกันตามตรงคือเรื่องนี้ไม่เกี่ยวข้องกับเจ้า” อ๋องฉีคิดว่านางจะโกรธและรู้สึกผิดจริง ๆ กับสิ่งที่หุ้ยติ่งโฮ่วทำ พร้อมกล่าวด้วยความสบายใจฉู่หมิงชุ่ยตอบกลับอย่างไม่ใส่ใจ และเมื่อเห็นอวี่เหวินห่าวเดินเข้ามาอีกครั้ง นางก็ลุกขึ้นยืนและโค้งคำนับต่ออวี่เหวินห่าว “ท่านพี่ห่าว ข้าขอโทษแทนท่านลุงของข้าด้วย ข้าไม่คิดว่าเขาจะกล้าทำเรื่องแบบนั้นได้ โชคดีที่พระชายาไม่ได้เป็นอะไรมาก มิฉะนั้น ข้าคงรู้สึกผิดไปจนตาย”เสียงร้องไห้ของนางมีทั้งอารมณ์ตกใจและโกรธอวี่เหวินห่าวมองไปที่นางและพูดว่า “นางได้รับบาดเจ็บสาหัส แต่ไม่ใช่ปัญหาร้ายแรง เจ้าไม่จำเป็นต้องรู้สึกผิด เรื่องนี้ไม่เกี่ยวกับเจ้า”เมื่อฉู่หมิงชุ่ยได้ยินแบบนี้ ในใจก็รู้สึกสับสนมาก แม้ว่าเขาจะหมดห่วงเรื่องของนาง แต่ก็ยังกังวลเกี่ยวกับอาการบาดเจ็บของหยวนชิงหลิง ด้วยรอยยิ้มที่ขมขื่น เขานั่งลงอย่างเหม่อลอย ดวงตาของเขาเต็มไปด้วยความเศร้าโศก ต

  • ใต้หล้าสยบรัก   บทที่ 192

    หยวนชิงหลิงไม่อยากออกมาร่วมมื้ออาหารนี้จริง ๆ เธอเองก็มีเหตุผล อาจพูดได้ว่าแผลของเธอนั้นเจ็บปวด หรือเป็นเพราะร่างกายเลยต้องการกินอาหารคนป่วย แต่เมื่อเธอนึกถึงสิ่งที่นางข้าหลวงสี่พูด เธอก็อยากจะสังเกตพระชายาจี้อีกครั้ง ดูว่านางเป็นคนที่ตีสองหน้าหรือเป็นเพียงคนที่มีหลายแง่มุมเมื่อเห็นนางมา อวี่เหวินห่าวดูแย่กว่าเมื่อวาน ท่าทางขมวดคิ้วอยู่ตลอดเวลา “กินยาหรือยัง?” “กินแล้ว” หยวนชิงหลิงตอบรับ เธอกินยาของตัวเอง ยาที่หมอหลวงสั่งเหล่านั้น กินเข้าไปคำเดียว ก็หาเหตุผลต่าง ๆ นานาที่จะเททิ้ง “กินจริง ๆ ถึงจะดี พอข้าหันหลังกลับพบว่าเจ้าแอบเททิ้ง ถ้าเจ้ากล้าทำอีกก็ลองดู” อวี่เหวินห่าวขู่ด้วยเสียงต่ำ หยวนชิงหลิงหดคอ “ไม่กล้า” เขากำลังขู่จริง ๆ ซึ่งหยวนชิงหลิงก็รู้สึกผิดเช่นกัน แต่เมื่อฉู่หมิชุ่ยได้ยินสิ่งนี้ ดูเหมือนเป็นพูดสัพยอกหยอกเอิน หลังจากนั่งแล้ว อวี่เหวินห่าวอยู่ทางซ้ายของเธอ ฉู่หมิงชุ่ยอยู่ถัดจากอ๋องฉีทางด้านขวาของนาง ตามด้วยพระชายาจี้, อ๋องจี้, และอ๋องซุนคนใช้เข้ามารับใช้ระหว่างรับประทาน แต่อ๋องซุนโบกมือ “วันนี้เหล่าพี่น้องได้มาร่วมมื้ออาหารกันคงไม่จำเป็นต้องรับใช้แล้ว พวกเจ

บทล่าสุด

  • ใต้หล้าสยบรัก   บทที่ 1015

    ซูยี่อยู่ในห้องของสุนัขป่าเช่นกัน เมื่อเห็นอวี่เหวินห่าวและหยวนชิงหลิงเข้ามา เขาพูดอย่างกังวล "องค์รัชทายาท พระชายา นายน้อยสุนัขป่าไม่กินอะไรเลย หาหมอหลวงดีไหมพ่ะย่ะค่ะ?"อวี่เหวินห่าวหัวเราะ "เขารักษาอาการป่วยของสุนัขป่าไม่ได้ จะพาเขาไปทำไม?"เขาดูสุนัขป่าน้อยสามตัวนอนอยู่บนเตียงเล็ก ร่างเล็ก ๆ ของพวกมันเบียดเสียดกัน ดูเซื่องซึม บางทีอาจเป็นเพราะพวกมันไม่ได้กินอะไรจึงดูอ่อนแอและซูบผอมเป็นพิเศษ อวี่เหวินห่าวพูดด้วยความประหลาดใจว่า "ผอมลงมากขนาดนี้เลยรึ? สุนัขป่าคงหิวมากแน่ ๆ""สุนัขป่าที่โตเต็มวัย เวลาหิวนั้นกินอาหารหนึ่งมื้อสามารถอยู่ได้นานถึงครึ่งเดือน ตอนนี้พวกมันยังเด็กและต้องกินเนื้อ" ซูยี่เลี้ยงสุนัขป่า และได้ศึกษาการเลี้ยงมามากมายอวี่เหวินห่าวหยิบหนึ่งในนั้นขึ้นมา เห็นสุนัขป่าหิมะตัวน้อยนอนนิ่งอยู่ในมือของเขาเหมือนก้อนสำลีเบาหวิวไม่มีน้ำหนัก "ตัวนี้ของใครกัน?""ของเสี่ยวลั่วหมี่" หยวนชิงหลิงกล่าว "ตัวเล็กที่สุดคือของเสี่ยวลั่วหมี่ ท่านดูสิแยกออกได้เลยเห็นไหม ของ เปาจื่อปากจะแหลมมาก ของทังหยวนก็หน้ากลมกว่า มันแปลกที่จะบอกว่าสุนัขป่าพวกนี้ ทั้งลักษณะนิสัยหรือรูปร่างหน้าตา พว

  • ใต้หล้าสยบรัก   บทที่ 1014

    อวี่เหวินห่าวไม่ได้อธิบายอะไรแทนจิ้งถิง เขาแค่พูดว่า "เขาจะอยู่ในจวนสักพัก ดังนั้นเจ้าควรเปิดตาของเจ้าดูสิว่าเขาจริงใจหรือเสเเสร้ง เจ้าฉลาดมากขนาดนี้ ย่อมต้องดูออกอยู่แล้ว”หยวนชิงหลิงได้ยินถึงความไม่พอใจในน้ำเสียงของเขา ดูเหมือนว่าเขาใส่ใจมิตรภาพนี้จริง ๆหยวนชิงหลิงลองคิดดูแล้ว หลังจากใช้เวลาร่วมกับจวิ้นจู่มาสองสามวัน จวิ้นจู่ก็เป็นคนตรงไปตรงมาและเปิดเผย ดังนั้นนางคงไม่หาสามีที่มีจิตใจล้ำลึกซับซ้อนหรอกนางจึงขอโทษเขา "ข้าคิดมากไป ในอนาคตข้าจะไม่พูดอะไรแบบนี้อีก"อวี่เหวินห่าวเอื้อมมือไปเชยคางนาง และมองหน้านาง "เหล่าหยวน ข้าเองก็เห็นว่านิสัยของเจ้าช่างเถรตรงจริง ๆ แม้ว่าบางครั้งเจ้าจะดุร้าย เผด็จการ และไม่มีเหตุผล แต่ถ้าเจ้าทำอะไรผิด เจ้าจะต้องขอโทษอย่างแน่นอน เกรงว่าแม้จะเป็นคนรับใช้ก็ยังกล่าวคำขอโทษได้ เจ้านี่นิสัยดี ใช้ได้จริง ๆ"“ข้าเป็นคนไร้เหตุผลตั้งแต่เมื่อไหร่กัน?” หยวนชิงหลิงหัวเราะ “ท่านจะชมข้าก็ชมสิ ทำไมต้องดุกันก่อน”อวี่เหวินห่าวหัวเราะ "รางวัลและบทลงโทษต้องแยกให้ออกจากกันอย่างชัดเจน หากเจ้าทำสิ่งที่ถูกต้อง เจ้าควรได้รับคำชมเชย หากเจ้าทำอะไรผิด ก็ต้องบอกกล่าวตักเตือ

  • ใต้หล้าสยบรัก   บทที่ 1013

    เขากลับมาที่จวนอย่างไม่สบอารมณ์ หยวนชิงหลิงเห็นว่าเขาขมวดคิ้ว นางรู้ว่าเป็นเพราะเรื่องลงนามพันธมิตรอีกเป็นแน่ ดังนั้นนางจึงปลอบเขาอวี่เหวินห่าวพูดด้วยความโกรธ "เสด็จพ่อจงใจทำให้ข้าลำบาก จูกั๋วกงเห็นด้วยหรือไม่นั้นเป็นเรื่องสำคัญขนาดนั้นเลยรึอย่างไร?"หยวนชิงหลิงหัวเราะ "ท่านอยู่ในเกมและกังวลเกี่ยวกับเรื่องนี้มากเกินไป จึงไม่เข้าใจความหมายของเสด็จพ่อ เสด็จพ่อต้องการให้ท่านเอาแรงสนับสนุนจากจูกั๋วกงมาให้ได้ ไม่ใช่แค่แรงสนับสนุนเรื่องนี้เท่านั้น แต่มันจะเป็นแรงสนับสนุนงานในอนาคตทั้งหมดของท่าน เพราะตอนนี้เขาเป็นคนที่สามารถปราบปรามตี้เว่ยหมิงอย่างออกหน้าได้ นั้นก็คือตัวเขาที่เป็นพ่อตา”อวี่เหวินห่าวตกตะลึงไปครู่หนึ่ง "เจ้าหมายความว่า เสด็จพ่อก็มองตี้เว่ยหมิงออกด้วยหรือ?"หยวนชิงหลิงยืนพิงเขา "เสด็จพ่อย่อมต้องรู้มากกว่าท่านอยู่แล้ว เหมือนที่ท่านเคยพูดไว้ก่อนหน้านี้ว่าพระองค์ลำเอียงเข้าข้างพี่ใหญ่เสมอ จริง ๆ แล้วพระองค์ทรงรู้อยู่แก่ใจ พระองค์แค่ให้โอกาสพี่ใหญ่เสมอ แต่เมื่อเจอโอกาสที่เหมาะสม ก็ควรจัดการไม่ใช่หรอกหรือ? ความคิดของพระองค์ชัดเจนอยู่แล้ว ดังนั้นจงทำตามที่พระองค์ต้องการเถอะ จัดก

  • ใต้หล้าสยบรัก   บทที่ 1012

    พระชายาจี้พูดจบก็กลับไปนั่งลงบนเก้าอี้เก้าอี้ที่นางนั่งนั้นใหญ่มาก แต่นางผอมมากเนื่องจากป่วยมาเป็นเวลานาน เก้าอี้นั้นยังมีพื้นที่เหลืออีกมาก ผู้หญิงตัวเล็ก ๆ คนนั้นนั่งบนเก้าอี้กว้างตัวใหญ่ประจัญหน้ากับพวกขุนนางกว่าสิบคนที่อยู่ตรงนั้นแม่ทัพซุยไม่กล้าพูดอะไรอีกต่อไป ความโกรธบนใบหน้าของเขาก็ค่อย ๆ แปรเปลี่ยนเป็นความหวาดกลัวคนที่เหลือก็เงียบและก้มหน้าเช่นกันพระชายาจี้รออยู่สักพัก ก่อนที่จะกล่าวอย่างใจเย็นว่า "องค์รัชทายาทคือผู้กำหนดชะตา ถ้าเจ้าปฏิบัติตามให้ดี เจ้าจะมีชีวิตอยู่อย่างมั่งคั่งและมั่งคั่งในภายภาคหน้า วันนี้ข้าพูดได้เพียงเท่านี้ ทุกคนไปเถอะ รักษาตัวด้วย"หลังจากพูดจบ นางก็ยืนขึ้น และเดินออกไปโดยเอามือไพล่หลัง แผ่นหลังบาง ๆ ของนางตั้งตรงดูยิ่งใหญ่ราวกับว่าสามารถแบกท้องฟ้าได้ครึ่งหนึ่งแรงสนับสนุนของอวี่เหวินห่าวสูงขึ้นเรื่อย ๆอย่างไรก็ตาม มีคน ๆ ​​หนึ่งที่มีความคิดเห็นเป็นปฏิปักษ์อยู่เสมอ ถึงกับตำหนิเขาตรง ๆ ต่อหน้าท้องพระโรงทำให้บรรยากาศของวันนั้นแย่เป็นอย่างยิ่ง แม้แต่จักรพรรดิหมิงหยวนก็ยังกริ้วจนหน้าดำจูกั๋วกงคนนี้คือ จูหรูเพ่ย เป็นพ่อตาของตี้เว่ยหมิงเมื่อก่อน

  • ใต้หล้าสยบรัก   บทที่ 1011

    มีแม่ทัพแซ่ซุยอยู่ที่นี่ ซึ่งเคยอยู่กับตี้เว่ยหมิงมาก่อน และตี้เว่ยหมิงได้ติดต่อเขาแล้ว เมื่อได้ยินสิ่งที่พระชายาจี้พูด เขาพูดอย่างเฉยเมยว่า "ข้อเสนอขององค์รัชทายาทที่จะจัดตั้งพันธมิตรกับต้าโจว ไม่ต่างอะไรไปกว่าการกระทำของคนขี้ขลาด คิดว่าด้วยการสนับสนุนของต้าโจว เป่ยถังของเราจะสามารถดำรงอยู่ได้อย่างสงบสุขรึ และเช่นกันด้วยวิธีนี้ เป่ยถังของเราจะต้องมองสีหน้าท่าทีของต้าโจวในทุก ๆ เรื่องงั้นหรือ? นี่คิดว่ามันคงไม่เหมาะกระมั่ง”พระชายาจี้มองเขา น้ำเสียงของนางเย็นชาเล็กน้อย “แม่ทัพซุย แม้ว่าข้าจะเป็นผู้หญิง แต่ข้าก็รู้ด้วยว่าสิ่งที่องค์รัชทายาทเสนอเป็นพันธมิตร มิใช่การยอมจำนน ทำไมเจ้าต้องสังเกตสีหน้าท่าทางต้าโจวทุกอย่างด้วย?”แม่ทัพซุยพูดอย่างแข็งกร้าว "พระชายาคงไม่เข้าใจสินะ? เมื่อพันธมิตรถูกจัดตั้งขึ้น ก็จะมีข้อจำกัดซึ่งกันและกัน ข้อจำกัดทางทหารไม่ใช่เรื่องที่ดี"พระชายาจี้ถึงกับขำ แววตาของนางดูเย็นชาขึ้นมา "จริงหรือ? แล้วทำไมข้าถึงได้ยินว่าสนธิสัญญานี้หมายถึงการไม่รุกรานกัน? หรือว่าแม่ทัพซุยมีความคิดที่จะรุกรานแคว้นอื่น"แม่ทัพซุยตกตะลึง "นี่...ข้าย่อมไม่มีอยู่แล้ว"“ในเมื่อไม่มี เจ

  • ใต้หล้าสยบรัก   บทที่ 1010

    หยวนชิงหลิงไม่สบายใจ อย่างไรก็ตาม เสี่ยวลั่วหมี่ยังมีไข้อยู่นางยิ้มและพูดว่า "เสด็จย่า พวกเขาอาจจะงอแง เกรงว่าจะทำให้พระองค์ทรงเหนื่อยได้เพคะ"ไทเฮาทรงมีสีพระพักตร์นิ่งเฉย และตรัสอย่างไม่พอใจว่า “เกรงว่าคนแก่อย่างข้าจะอ่อนล้า หรือไม่วางใจให้ข้าดูแลพวกเขากัน? กลัวว่าพวกเขาอยู่กับข้าแล้วจะดูแลไม่ดี ไม่มีนมให้กินอย่างนั้นรึ” หยวนชิงหลิงยิ้มและพูดว่า "ดูพระองค์พูดสิเพคะ พระองค์จะปฏิบัติต่อพวกเขาอย่างเลวร้ายได้อย่างไร? พระองค์ออกจะรักเหมือนเป็นหัวแก้วหัวแหวน... "“บุ้ย ๆ ๆ หัวแก้วหัวแหวนอะไรกัน ไม่ใช่ลูกสาวสักหน่อย แต่เป็นทองคำต่างหาก ทองคำของข้า” ไทเฮาทรงตรัสแปลก ๆ ขณะอุ้มเสี่ยวลั่วหมี่ไว้นางเงยหน้าขึ้นและมองไปที่หยวนชิงหลิงและพูดอย่างเย็นชาว่า "อย่าพูดไร้สาระ แค่อยู่ในวังสักสองสามวัน ไว้หายดีแล้วค่อยให้เจ้ามารับไป หากยังกังวลใจ ให้ไปหาไท่ซ่างหวงให้รับรองให้เจ้าเถอะ”หยวนชิงหลิงได้ยินว่านางถึงกับยกไท่ซ่างหวงออกมาแบบนี้ นางจะกล้าปฏิเสธได้อย่างไร นางจึงจำใจต้องส่งลูกที่เพิ่งครบเดือนให้ห่างอกนางเท่านั้นอย่างไรก็ตาม เมื่อนึกถึงเรื่องการจัดตั้งโรงเรียนแพทย์ ทุกวันนี้นางก็แทบไม่มีเวลา

  • ใต้หล้าสยบรัก   บทที่ 1009

    ในเมื่อเสด็จพ่อเห็นด้วย จะให้เขามาหารือกับเหล่าขุนนางเพื่อเรียกแรงสนับสนุน แล้วทำไมเขาต้องไปหาเสียงเห็นชอบด้วยจักรพรรดิหมิงหยวนมองเขาอย่างแฝงความนัย เขายังเด็กเกินไปจริง ๆ "ไปซะ"อวี่เหวินห่าวออกไปคิดเกี่ยวกับเรื่องนี้ และทันใดนั้นก็ตระหนักได้ว่า มันยังเป็นความเคลื่อนไหวอันเฉียบแหลมของเสด็จพ่อ ที่ไม่ได้แสดงจุดยืนของพระองค์ออกมา และเฝ้าดูความเคลื่อนไหวของเหล่าขุนนางอย่างเงียบ ๆ หากพระองค์แสดงจุดยืนออกมา หลายคนจะเอียนเอียงคล้อยตามพระองค์ทันที ถ้าพระองค์ไม่พูดอะไร พระองค์ก็จะรู้ความคิดทุกคนจริง ๆ ว่าใครอยู่ข้างตี้เว่ยหมิงอย่างไรก็ตาม หลังจากที่เขาจากไป จักรพรรดิหมิงหยวนก็คิดว่าเรื่องนี้มีข้อดีมากมาย แต่ก็มีข้อเสียเล็ก ๆ น้อย ๆ ด้วยเช่นกัน เพื่อหลีกเลี่ยงไม่ให้นักประวัติศาสตร์ในอนาคตเขียนส่งเดชให้เขาเป็นแพะรับบาป การแสร้งทำเป็นบีบบังคับให้ทำในสิ่งที่ไม่น่าทำได้น่าจะเป็นการดีกว่าเขากำลังกินหมานโถ่วและกังวลใจเกี่ยวกับเสี่ยวลั่วหมี่วันนี้เสี่ยวลั่วหมี่มีไข้ อันที่จริงไม่ใช่แค่เสี่ยวลั่วหมี่ แต่เด็กทั้งสามคนมีอาการไอเล็กน้อยเพียงแต่ร่างกายของเสี่ยวลั่วหมี่นั้นไม่ค่อยแข็งแรง เขาจึงมี

  • ใต้หล้าสยบรัก   บทที่ 1008

    หลังจากเลิกว่าราชกิจแล้ว อวี่เหวินห่าวก็ไม่ย่อมไม่พอใจ ดังนั้นเขาจึงไปหอตำราหลวงหาจักรพรรดิหมิงหยวนจักรพรรดิหมิงหยวนมักจะกินอาหารเช้าหลังจากเลิกว่าราชกิจในยามเช้า มีโจ๊กและหมานโถ่วอยู่ในห้องทำงานของจักรพรรดิ หลังจากกินโจ๊กชามหนึ่ง ก็พูดอย่างเรียบเฉยว่า"เป็นเพราะความสัมพันธ์ระหว่าเจ้ากับแม่ทัพเฉินแห่งต้าโจว? ถึงเป็นเหตุผลให้เจ้าวิ่งเต้นขนาดนี้?”อวี่เหวินห่าวไม่ได้กินอาหารเช้าเช่นกัน และตอนนี้เขาหิวมาก เมื่อเห็นว่าเขาหยุดกินโจ๊กแล้ว เขาคิดว่าเขาไม่เอาหมานโถ่วแล้ว จึงเอื้อมมือไปหยิบหมานโถ่ว “ไม่ใช่พ่ะย่ะค่ะ กระหม่อม..."จักรพรรดิหมิงหยวนหยิบตะเกียบขึ้นมาและชี้ไปที่เขา "วางลงซะ!"อวี่เหวินห่าวถึงกับอ้าปากค้าง เมื่อเห็นสายตาพ่อตัวเองเป็นประกายเช่นนั้น เขาแอบบ่นว่าขี้งกและวางหมานโถ่วกลับที่เดิมจักรพรรดิหมิงหยวนหยิบหมานโถ่วขึ้นมาเช็ด จากนั้นค่อย ๆ ปอกลอกเปลือกนอกออกและกินมัน โดยทิ้งอวี่เหวินห่าวที่อยู่ข้าง ๆอวี่เหวินห่าวพูดอย่างเศร้าใจ "กระหม่อมก็หิวเหมือนกัน เมื่อเช้านี้ตื่นมา แม่นมบอกว่าเสี่ยวลั่วหมี่ตัวร้อนเล็กน้อย กระหม่อมจึงรีบไปดูก่อน ไม่ได้สนใจที่จะกินอาหารเช้า"เมื่อได้ยินว

  • ใต้หล้าสยบรัก   บทที่ 1007

    เขาพูดเสียงดังในท้องพระโรง "เป่ยโม่และเสียนเป่ยเป็นดั่งหมาป่าทะเยอทะยาน พวกเขาจับตามองเป่ยถังมานานแล้ว แต่เป็นเพราะทหารม้าที่แข็งแกร่งของเป่ยถั งและเหล่ายอดนักรบจึงขับไล่พวกเขากลับไปได้เป็นการชั่วคราว แต่ไม่มีอะไรมารับประกันได้ว่าพวกเขาจะไม่กลับมารุกรานอีกตอนนี้ต้าโจวได้พัฒนาอาวุธและรถออกศึกได้ หากทั้งสองแคว้นเป็นพันธมิตรกัน ต้าโจวสามารถช่วยเป่ยถังปรับปรุงอาวุธและยุทโทปกรณ์ ซึ่งสามารถเสริมสร้างการป้องกันทางทหารของเป่ยถังได้ และร่วมกับการพัฒนาเศรษฐกิจ นี่เป็นประโยชน์ระยะยาวสำหรับเป่ยถัง รัชทายาททรงมีพระวินิจฉัยที่ลึกซึ้ง นั่นเป็นผลดีต่อราษฏร และเขายังคิดถึงระยะยาวสำหรับเป่ยถัง ส่วนแม่ทัพตี้เว่ยหมิงที่เจตนาพูดจาให้คนอื่นตกใจนั้นก็มีส่วนต้องรับผิดชอบด้วย ว่าไปแล้วเป่ยถังไม่ได้ไปรุกรานโม่เป่ยกับเสียนเป่ย หากพวกเขาไปรุกรานต้าโจว มีหรือจะปล่อยเป่ยถังไว้? หรือถึงตอนนั้นต้องยกแคว้นให้เพื่อสงบศึกกัน? "ในตอนนั้นเป่ยถังพ่ายแพ้ให้กับเป่ยโม่ ถูกทหารสามหมื่นนายล้อมไว้ ในท้ายที่สุด แม่ทัพตี้เว่ยหมิงถูกส่งไปเจรจาสงบศึก ยกเมืองที่เป่ยโม่ต้องการถึงจะยอมถอยทัพนี่เป็นความอัปยศอดสูของเป่ยถังเสมอ และม

DMCA.com Protection Status