แชร์

บทที่ 191

ผู้แต่ง: จูน
last update ปรับปรุงล่าสุด: 2024-10-29 19:42:56
“เจ้าขอโทษนางได้หรือเปล่า?” อ๋องฉีถาม

ฉู่หมิงชุ่ยมองมาที่เขา ในใจก่นด่าเขาว่าโง่เขลาตลอด แต่กลับทำได้เพียงพูดแล้วถอนหายใจ “แค่พูดคำขอโทษแล้วเรื่องมันจะจบเหรอ?”

“คำขอโทษก็แค่คำที่พูดในเหตุการณ์นั้น ๆ พูดกันตามตรงคือเรื่องนี้ไม่เกี่ยวข้องกับเจ้า” อ๋องฉีคิดว่านางจะโกรธและรู้สึกผิดจริง ๆ กับสิ่งที่หุ้ยติ่งโฮ่วทำ พร้อมกล่าวด้วยความสบายใจ

ฉู่หมิงชุ่ยตอบกลับอย่างไม่ใส่ใจ และเมื่อเห็นอวี่เหวินห่าวเดินเข้ามาอีกครั้ง นางก็ลุกขึ้นยืนและโค้งคำนับต่ออวี่เหวินห่าว “ท่านพี่ห่าว ข้าขอโทษแทนท่านลุงของข้าด้วย ข้าไม่คิดว่าเขาจะกล้าทำเรื่องแบบนั้นได้ โชคดีที่พระชายาไม่ได้เป็นอะไรมาก มิฉะนั้น ข้าคงรู้สึกผิดไปจนตาย”

เสียงร้องไห้ของนางมีทั้งอารมณ์ตกใจและโกรธ

อวี่เหวินห่าวมองไปที่นางและพูดว่า “นางได้รับบาดเจ็บสาหัส แต่ไม่ใช่ปัญหาร้ายแรง เจ้าไม่จำเป็นต้องรู้สึกผิด เรื่องนี้ไม่เกี่ยวกับเจ้า”

เมื่อฉู่หมิงชุ่ยได้ยินแบบนี้ ในใจก็รู้สึกสับสนมาก

แม้ว่าเขาจะหมดห่วงเรื่องของนาง แต่ก็ยังกังวลเกี่ยวกับอาการบาดเจ็บของหยวนชิงหลิง

ด้วยรอยยิ้มที่ขมขื่น เขานั่งลงอย่างเหม่อลอย ดวงตาของเขาเต็มไปด้วยความเศร้าโศก

บทที่ถูกล็อก
อ่านต่อเรื่องนี้บน Application

บทที่เกี่ยวข้อง

  • ใต้หล้าสยบรัก   บทที่ 192

    หยวนชิงหลิงไม่อยากออกมาร่วมมื้ออาหารนี้จริง ๆ เธอเองก็มีเหตุผล อาจพูดได้ว่าแผลของเธอนั้นเจ็บปวด หรือเป็นเพราะร่างกายเลยต้องการกินอาหารคนป่วย แต่เมื่อเธอนึกถึงสิ่งที่นางข้าหลวงสี่พูด เธอก็อยากจะสังเกตพระชายาจี้อีกครั้ง ดูว่านางเป็นคนที่ตีสองหน้าหรือเป็นเพียงคนที่มีหลายแง่มุมเมื่อเห็นนางมา อวี่เหวินห่าวดูแย่กว่าเมื่อวาน ท่าทางขมวดคิ้วอยู่ตลอดเวลา “กินยาหรือยัง?” “กินแล้ว” หยวนชิงหลิงตอบรับ เธอกินยาของตัวเอง ยาที่หมอหลวงสั่งเหล่านั้น กินเข้าไปคำเดียว ก็หาเหตุผลต่าง ๆ นานาที่จะเททิ้ง “กินจริง ๆ ถึงจะดี พอข้าหันหลังกลับพบว่าเจ้าแอบเททิ้ง ถ้าเจ้ากล้าทำอีกก็ลองดู” อวี่เหวินห่าวขู่ด้วยเสียงต่ำ หยวนชิงหลิงหดคอ “ไม่กล้า” เขากำลังขู่จริง ๆ ซึ่งหยวนชิงหลิงก็รู้สึกผิดเช่นกัน แต่เมื่อฉู่หมิชุ่ยได้ยินสิ่งนี้ ดูเหมือนเป็นพูดสัพยอกหยอกเอิน หลังจากนั่งแล้ว อวี่เหวินห่าวอยู่ทางซ้ายของเธอ ฉู่หมิงชุ่ยอยู่ถัดจากอ๋องฉีทางด้านขวาของนาง ตามด้วยพระชายาจี้, อ๋องจี้, และอ๋องซุนคนใช้เข้ามารับใช้ระหว่างรับประทาน แต่อ๋องซุนโบกมือ “วันนี้เหล่าพี่น้องได้มาร่วมมื้ออาหารกันคงไม่จำเป็นต้องรับใช้แล้ว พวกเจ

  • ใต้หล้าสยบรัก   บทที่ 193

    อ๋องฉีเปล่งเสียงด้วยความตกตะลึง “ร่างกายไม่ตอบสนองกับยาเป็นไปได้เหรอ?” เขามองไปที่หยวนชิงหลิง “ถ้าอย่างนั้น พี่สะใภ้ห้าเข้ามาช่วยเถอะ” อวี่เหวินห่าวคว้าแขนหยวนชิงหลิงและกล่าวว่า “นำไปส่งที่ห้องเซียงก่อน ในจวนมีหมอหลวง แล้วสั่งให้หมอหลวงไปที่นั่น” “ได้!” อ๋องฉีกอดฉู่หมิงชุ่ยและเดินออกไป แม่นมฉีนำทางไป ทุกคนนั่งลงอีกครั้ง แต่ไม่มีอารมณ์จะกินแล้ว นอกจากอ๋องซุน พระชายาจี้ยิ้มและกล่าวว่า “ไม่คิดว่าพวกเขาจะแต่งงานกันไม่ถึงปี พวกเขาจะกระวนกระวายอะไรขนาดนี้” อ๋องซุนพูดไปด้วยกินไปด้วย “จะไม่ให้กระวนกระวายได้อย่างไร? พี่ชายของเรายังไม่มีลูกชายเลย” พระชายาจี้ยิ้ม ๆ “เช่นนั้น น้องรองคงต้องทำงานหนักขึ้นแล้วล่ะ” “ข้าทำได้แน่ พี่ใหญ่ก็คงทำงานหนักกว่านี้” อ๋องซุนใช้เวลาในการดูอ๋องจี้ “พี่ใหญ่คงเป็นกังวล?” ทันทีที่อ๋องจี้หยิบตะเกียบขึ้นมา เมื่อได้ยินแบบนี้ก็ค่อย ๆ วางลง และพูดอย่างเคร่งขรึม “ถ้าเจ้ามีความคิดเห็นใด ที่เกี่ยวกับข้าก็พูดมาตรง ๆ ไม่จำเป็นต้องเหน็บแหนม ข้าจำได้ว่าไม่เคยผิดใจอะไรกับเจ้ามาก่อน” “ไม่มี” อ๋องซุนเงยหน้าขึ้นด้วยความประหลาดใจ “ข้าก็พูดแบบนี้มาตลอด เหน็บแหนมอะไร

  • ใต้หล้าสยบรัก   บทที่ 194

    อ๋องซุนมองดูจานเปล่าที่วางเต็มโต๊ะอย่างโกรธจัด ไม่ทันระวังจนกินหมด รู้สึกผิดอยู่ลึก ๆ ในใจ ว่าหยวนชิงหลิง “ข้าบอกให้เจ้าเตรียมอาหารแค่สามอย่าง ทำไมต้องเตรียมเยอะขนาดนี้? เจ้านี่ช่างเป็นคนฟุ่มเฟือย ขูดเลือดขูดเนื้อผู้คน เจ้านี่เป็นหนอนดูดเลือด" ว่าเสร็จ ก็เดินพุงกางกลับไป หยวนชิงหลิงถูกว่าโดยไม่มีเหตุผล ตกตะลึงและพูดว่า “ใครบอกให้เจ้ากินเยอะขนาดนี้ล่ะ?” เธอไม่ได้เป็นคนที่กินเยอะที่สุด ทำไมเธอถึงเป็นหนอนดูดเลือด? ต้องเป็นเขาไม่ใช่เหรอ? เธอมองไปที่อวี่เหวินห่าว “น้องรองของท่านมีปัญหาทางสมองหรือเปล่า?” อวี่เหวินห่าวดูสงบและผ่อนคลาย “ใช่” หากเป็นอย่างนั้นก็ไม่เป็นไร เธอจะไม่ถือสาโกรธคนที่มีปัญหาทางสมองหรอก แม่นมฉีออกมารายงาน “อ๋องฉีและพระชายาฉีกลับไปแล้ว จึงสั่งให้หม่อมฉันมากราบทูล” หยวนชิงหลิงถามเป็นมารยาท “พระชายาฉีไม่มีอะไรร้ายแรงแล้วใช่ไหม?” แม่นมฉีกล่าวว่า “หมอหลวงกล่าวว่าพระชายาฉีแค่หงุดหงิดและรู้สึกไม่สบายใจเพียงชั่วครู่ กลับไปพักฟื้นสักหน่อยก็ไม่เป็นไรแล้ว” หยวนชิงหลิงมองไปที่อวี่เหวินห่าว อวี่เหวินห่าวลุกขึ้นเดินออกไปโดยไม่แสดงสีหน้าอะไรเลย หยวนชิงหลิงยักไหล่

  • ใต้หล้าสยบรัก   บทที่ 195

    หยวนชิงหลิงนั่งอยู่บนขั้นบันไดหิน ตัวเป่ากำลังนอนอยู่ที่เท้าของเธอ ทั้งคนทั้งสุนัขนั่งอาบแดดอย่างอบอุ่น เมื่ออ๋องซุนเข้ามา เขาก็นั่งบนขั้นบันไดหินอีกด้านหนึ่ง นั่งเท้าคาง ครุ่นคิด จะทักทายสักนิดก็ไม่มี “เป็นอะไรเหรอ?” หยวนชิงหลิงถาม “ลดน้ำหนักอีกแล้ว?”“ไม่ใช่!” “หิวเหรอ? เยี่ยงนั้นข้าให้คนทำอะไรให้พี่รองสักหน่อย”“กินไม่ลง!”หยวนชิงหลิงประหลาดใจ ชอบกินแต่กินไม่ลง? คงมีเรื่องที่ค่อนข้างหนักใจ “เป็นอะไร?” หยวนชิงหลิงตบ ๆ ที่หัวของตัวเป่า ให้มันไปอยู่อีกฝั่งหนึ่ง ตัวเป่าลากร่างที่เกียจคร้าน เดินช้า ๆ ออกไปอ๋องซุนหันไปมองนาง “เจ้าห้าไม่ได้พูดเหรอ? เจ้าหกอาจะไม่ไหวแล้ว”เจ้าหก? หยวนชิงหลิงเพิ่งนึกออกอ๋องหวยที่น่าสงสาร อวี่เหวินหวย เขากับอวี่เหวินห่าวเกิดในปีเดียวกัน อวี่เหวินห่าวแก่กว่าเขาหนึ่งเดือน หลู่เฟยเป็นผู้ให้กำเนิด และได้ล้มป่วยเมื่อสองปีก่อน หลังจากมอบจวนแล้ว เขาไม่เคยออกจากประตูจวนแม้แต่ก้าวเดียว “เขา...เป็นโรคอะไร” หยวนชิงหลิงถาม “โรคฝีในท้อง!” “โรคฝีในท้อง? วัณโรคเหรอ?”“อืม!”หยวนชิงหลิงยิ้มออกมา “โรคฝีในท้องนี้สามารถรักษาให้หายขาดได้ มันไม่ถึงตาย แล้วท

  • ใต้หล้าสยบรัก   บทที่ 196

    อ๋องซุนเดินเข้ามาในห้องอย่างช้า ๆ และพูดพึมพำ “เจ้าห้าก็น่าจะลำบากเหมือนกัน ในบรรดากษัตริย์มากมาย เขากับอ๋องหวยมีจิตใจดีที่สุด” เมื่อตอนเย็นอวี่เหวินห่าวไปที่จวนอ๋องหวย หลังจากกลับมาเขาก็อยู่แต่ในห้องหนังสือไม่ออกมาขนาดข้าวเย็นก็ยังไม่กินเลยด้วยซ้ำ หยวนชิงหลิงก็ไม่ได้กินเช่นกัน เมื่อตอนบ่ายได้ทานอาหารเป็นเพื่อนอ๋องซุน ถึงตอนนี้ยังคงอิ่มอยู่ ช่วงนี้ต่อมความอยากอาหารของเธอแย่มาก อาหารโบราณก็เลี่ยนเสียง่าย ๆ อวี่เหวินห่าวหลบอยู่ในห้องหนังสือ เธอก็หลบอยู่ในห้องเหมือนกัน เปิดกล่องยา จัดเรียงยาในนั้นการดื้อต่อยาสเตรปโตมัยซิน, ไรแฟมพิซิน, อีแทมบูทอล, ไพราซินาไมด์ ซึ่งยาสี่ตัวนี้เป็นยาตัวใหม่ ในใจเธอลังเลไม่แน่นอน ในระยะเริ่มต้นของวัณโรค ระยะเวลาการรักษาคือ 3 เดือนถึง 6 เดือน แต่อ๋องหวยไม่รู้ว่าเขาป่วยมานานแค่ไหนแล้ว และยิ่งไม่รู้ว่าเขาได้ไปแพร่เชื้อที่อื่นด้วยหรือไม่ ยาในกล่องยามีเพียงพอแค่ 10 วัน แต่หากได้ใช้ยาปฏิชีวนะรักษาแล้ว จะไม่สามารถหยุดกลางคันได้ เพราะหลังจากหยุดยาแล้ว จะเกิดการดื้อยา แม้ว่าเขาจะได้รับการรักษาอีกครั้ง ความเป็นไปได้ที่จะรักษาให้หายขาดก็น้อยลงเช่นกัน เธ

  • ใต้หล้าสยบรัก   บทที่ 197

    “ถ้าอย่างนั้นความรู้สึกระหว่างพวกเจ้าฉันท์สามีภรรยาก็ไม่ดีสินะ” อ๋องซุนเลิกคิ้วหยวนชิงหลิงพูดสรุป “ไม่ทะเลาะกันก็คือสามีภรรยาที่ดี” อ๋องซุนมองที่เธอ “เจ้าสองคนทะเลาะกันบ่อยเหรอ?” “จะเป็นแบบนั้นได้อย่างไง? ข้ากับท่านอ๋องเป็นคู่สามีภรรยากัน เขากล้าตบตีข้าที่ไหน?” หยวนชิงหลิงเดินเข้าไป “พี่รองรอข้าสักครู่ ข้าเปลี่ยนเสื้อผ้าก่อนแล้วจะรีบตามท่านไป”อาการของอ๋องหวยแย่ลง และต่อให้พี่น้องจะไม่มีความรู้สึกที่ลึกซึ้งต่อกันมากนัก พวกเขาทั้งหมดก็ยังเข้ามาดูอาการตอนที่หยวนชิงหลิงไปที่นั่น มีคนมากมาย รวมทั้งญาติพี่น้องกษัตริย์ก็มาหมด หลายคนที่เธอไม่รู้จัก ในนั้นก็มีองค์หญิงสองสามคน อ๋องซุนเข้าไปแล้ว หยวนชิงหลิงไม่สามารถเบียนเข้าไปได้ ทำได้แค่เดินเล่นไปรอบ ๆ อยู่ข้างนอกสองรอบ แต่ก็ไม่เห็นอวี่เหวินห่าว ตอนเธอเดินเล่นอยู่ข้างนอก ก็เห็นฉู่หมิงชุ่ยออกมาจากข้างใน ขอบตาแดงก่ำ ฉู่หมิงชุ่ยเหลือบมองที่เธอแล้วหันหลังเดินออกไป องค์หญิงหลัวผิงกับองค์หญิงฉินผิงก็ออกมากพร้อมกับมเหสีของพวกนาง องค์หญิงทั้งสองเดินนำอยู่ข้างหน้า ขอบตาแดงเล็กน้อบ แต่ท่าทางของพวกนางยังคงมั่นใจและสง่างาม รักษาภาพลักษณ์

  • ใต้หล้าสยบรัก   บทที่ 198

    อวี่เหวินห่าวถาม “เกิดอะไรขึ้น?” หยวนชิงหลิงกลืนคำพูดที่กำลังจะรีบออกจากริมฝีปากและกล่าวว่า “ข้ามาที่นี่กับพี่รอง ข้าไม่มีรถที่จะกลับไป” อวี่เหวินห่าวกล่าวว่า “เจ้าไปนั่งรอข้าที่ห้องโถงด้านข้างสักครู่ อีกสักพักข้าก็จะกลับ ไปส่งเจ้ากลับจวนก่อน” “ถ้าอย่างนั้นข้าจะไปเดินเล่นในสวนก่อน” พอดีเลยไปรับลมเย็น ๆ ความคิดจะได้ชัดเจนขึ้น “ในสวนลมแรง ไปนั่งที่ห้องโถงด้านข้างนั่นแหละ!” อวี่เหวินห่าวทำหน้าเคร่งขรึม “รู้แล้ว” หยวนชิงหลิงเดินนำลวี่หยาไปเธอไม่ไปที่ห้องโถงข้าง ๆ แต่กลับไปที่สวนอย่างต่อต้านนั่งบนพื้นหญ้าริมทะเลสาบ ลมแรงมาก พัดจนปอยผมยุ่งเหยิงไปหมด ลวี่หยาอยู่ข้างหลังเป็นเพื่อน มองดูเจ้านายนั่งเท้าคางเศร้า ๆ ไม่รู้ว่าทำไมนางถึงดูไม่มีความสุข เมื่อครู่ท่านอ๋องพูดแบบนั้นก็เพื่อสุขภาพของนาง “พระชายาหิวหรือยังเพคะ? อาจจะมีของกิน ให้หม่อมฉันไปถามให้ไหมเพคะ?” ลวี่หยากล่าว “อืม!” หยวนชิงหลิงต้องการอยู่คนเดียวสักพัก จึงปล่อยนางไปตามสบายลวี่หยาถอนสายบัวแล้วก็เดินไป หยวนชิงหลิงมองไปที่ทะเลสาบที่ส่องแสงระยิบระยับ ดวงอาทิตย์กำลังแผ่ซ่านไปทั่ว ราวกับทองคำนับพันที่ลอยอยู่ ก้านหลิวพ

  • ใต้หล้าสยบรัก   บทที่ 199

    ความโกรธและความเกลียดแบบไหนที่บังคับให้ฉู่หมิงชุ่ยพูดคำหยาบคายเช่นนี้?หยวนชิงหลิงสะบัดมือออกจากนางและยิ้ม รอยยิ้มที่ดูถูกในตอนท้ายกระตุ้นฉู่หมิงชุ่ยในที่สุด นางผลักหยวนชิงหลิงลงไปในทะเลสาบอย่างแรงอาการบาดเจ็บของหยวนชิงหลิงยังไม่หายสนิท เธออ่อนแอไปทั้งร่างกาย และเธอก็ไม่คิดว่าฉู่หมิงชุ่ยที่ดูเหมือนผู้หญิงที่อ่อนแอ กลับมีแรงที่แข็งแกร่งมาก กดจนเธอไม่มีแรงต้านทานเธอว่ายน้ำไม่เป็น หลังจากตกลงไปในน้ำ ผุบ ๆ โผล่ ๆ สองสามครั้ง พยายามจะจับอะไรบางอย่าง แต่ทันทีที่เธอจับได้ ก็ถูกฉู่หมิงชุ่ยผลักอีกครั้ง แล้วกดหัวของเธอจมลงไปในน้ำน้ำที่เย็นเฉียบในทะเลสาบโอบล้อมเข้ามา เธอรู้สึกว่าศีรษะของตัวเองเหมือนฟองน้ำ น้ำเข้าปาก, จมูกและหู เธอกำลังจะขาดอากาศหายใจ ในหน้าอกทรมานจนแทบจะระเบิดเธอพยายามผลักฉู่หมิงชุ่ยออกไป แต่ฉู่หมิงชุ่ยดูเหมือนจะมีแรงมหาศาล กดหัวและคอของเธอ ถึงตายก็จะไม่ยอมให้หัวของเธอลอยขึ้นมาได้ หยวนชิงหลิงเลิกดิ้นรน ดึงปิ่นที่หัวออกมาแล้วสุ่มแทงเข้าไป น้ำเริ่มมีกลิ่นเลือด เธอแทงถูกฉู่หมิงชุ่ย แรงกดที่ศีรษะและคอหายไป เธอรีบตะเกียกตะกายขึ้นจากน้ำ ยกศีรษะขึ้นสู่ผิวน้ำ สูดอากาศอ

บทล่าสุด

  • ใต้หล้าสยบรัก   บทที่ 1015

    ซูยี่อยู่ในห้องของสุนัขป่าเช่นกัน เมื่อเห็นอวี่เหวินห่าวและหยวนชิงหลิงเข้ามา เขาพูดอย่างกังวล "องค์รัชทายาท พระชายา นายน้อยสุนัขป่าไม่กินอะไรเลย หาหมอหลวงดีไหมพ่ะย่ะค่ะ?"อวี่เหวินห่าวหัวเราะ "เขารักษาอาการป่วยของสุนัขป่าไม่ได้ จะพาเขาไปทำไม?"เขาดูสุนัขป่าน้อยสามตัวนอนอยู่บนเตียงเล็ก ร่างเล็ก ๆ ของพวกมันเบียดเสียดกัน ดูเซื่องซึม บางทีอาจเป็นเพราะพวกมันไม่ได้กินอะไรจึงดูอ่อนแอและซูบผอมเป็นพิเศษ อวี่เหวินห่าวพูดด้วยความประหลาดใจว่า "ผอมลงมากขนาดนี้เลยรึ? สุนัขป่าคงหิวมากแน่ ๆ""สุนัขป่าที่โตเต็มวัย เวลาหิวนั้นกินอาหารหนึ่งมื้อสามารถอยู่ได้นานถึงครึ่งเดือน ตอนนี้พวกมันยังเด็กและต้องกินเนื้อ" ซูยี่เลี้ยงสุนัขป่า และได้ศึกษาการเลี้ยงมามากมายอวี่เหวินห่าวหยิบหนึ่งในนั้นขึ้นมา เห็นสุนัขป่าหิมะตัวน้อยนอนนิ่งอยู่ในมือของเขาเหมือนก้อนสำลีเบาหวิวไม่มีน้ำหนัก "ตัวนี้ของใครกัน?""ของเสี่ยวลั่วหมี่" หยวนชิงหลิงกล่าว "ตัวเล็กที่สุดคือของเสี่ยวลั่วหมี่ ท่านดูสิแยกออกได้เลยเห็นไหม ของ เปาจื่อปากจะแหลมมาก ของทังหยวนก็หน้ากลมกว่า มันแปลกที่จะบอกว่าสุนัขป่าพวกนี้ ทั้งลักษณะนิสัยหรือรูปร่างหน้าตา พว

  • ใต้หล้าสยบรัก   บทที่ 1014

    อวี่เหวินห่าวไม่ได้อธิบายอะไรแทนจิ้งถิง เขาแค่พูดว่า "เขาจะอยู่ในจวนสักพัก ดังนั้นเจ้าควรเปิดตาของเจ้าดูสิว่าเขาจริงใจหรือเสเเสร้ง เจ้าฉลาดมากขนาดนี้ ย่อมต้องดูออกอยู่แล้ว”หยวนชิงหลิงได้ยินถึงความไม่พอใจในน้ำเสียงของเขา ดูเหมือนว่าเขาใส่ใจมิตรภาพนี้จริง ๆหยวนชิงหลิงลองคิดดูแล้ว หลังจากใช้เวลาร่วมกับจวิ้นจู่มาสองสามวัน จวิ้นจู่ก็เป็นคนตรงไปตรงมาและเปิดเผย ดังนั้นนางคงไม่หาสามีที่มีจิตใจล้ำลึกซับซ้อนหรอกนางจึงขอโทษเขา "ข้าคิดมากไป ในอนาคตข้าจะไม่พูดอะไรแบบนี้อีก"อวี่เหวินห่าวเอื้อมมือไปเชยคางนาง และมองหน้านาง "เหล่าหยวน ข้าเองก็เห็นว่านิสัยของเจ้าช่างเถรตรงจริง ๆ แม้ว่าบางครั้งเจ้าจะดุร้าย เผด็จการ และไม่มีเหตุผล แต่ถ้าเจ้าทำอะไรผิด เจ้าจะต้องขอโทษอย่างแน่นอน เกรงว่าแม้จะเป็นคนรับใช้ก็ยังกล่าวคำขอโทษได้ เจ้านี่นิสัยดี ใช้ได้จริง ๆ"“ข้าเป็นคนไร้เหตุผลตั้งแต่เมื่อไหร่กัน?” หยวนชิงหลิงหัวเราะ “ท่านจะชมข้าก็ชมสิ ทำไมต้องดุกันก่อน”อวี่เหวินห่าวหัวเราะ "รางวัลและบทลงโทษต้องแยกให้ออกจากกันอย่างชัดเจน หากเจ้าทำสิ่งที่ถูกต้อง เจ้าควรได้รับคำชมเชย หากเจ้าทำอะไรผิด ก็ต้องบอกกล่าวตักเตือ

  • ใต้หล้าสยบรัก   บทที่ 1013

    เขากลับมาที่จวนอย่างไม่สบอารมณ์ หยวนชิงหลิงเห็นว่าเขาขมวดคิ้ว นางรู้ว่าเป็นเพราะเรื่องลงนามพันธมิตรอีกเป็นแน่ ดังนั้นนางจึงปลอบเขาอวี่เหวินห่าวพูดด้วยความโกรธ "เสด็จพ่อจงใจทำให้ข้าลำบาก จูกั๋วกงเห็นด้วยหรือไม่นั้นเป็นเรื่องสำคัญขนาดนั้นเลยรึอย่างไร?"หยวนชิงหลิงหัวเราะ "ท่านอยู่ในเกมและกังวลเกี่ยวกับเรื่องนี้มากเกินไป จึงไม่เข้าใจความหมายของเสด็จพ่อ เสด็จพ่อต้องการให้ท่านเอาแรงสนับสนุนจากจูกั๋วกงมาให้ได้ ไม่ใช่แค่แรงสนับสนุนเรื่องนี้เท่านั้น แต่มันจะเป็นแรงสนับสนุนงานในอนาคตทั้งหมดของท่าน เพราะตอนนี้เขาเป็นคนที่สามารถปราบปรามตี้เว่ยหมิงอย่างออกหน้าได้ นั้นก็คือตัวเขาที่เป็นพ่อตา”อวี่เหวินห่าวตกตะลึงไปครู่หนึ่ง "เจ้าหมายความว่า เสด็จพ่อก็มองตี้เว่ยหมิงออกด้วยหรือ?"หยวนชิงหลิงยืนพิงเขา "เสด็จพ่อย่อมต้องรู้มากกว่าท่านอยู่แล้ว เหมือนที่ท่านเคยพูดไว้ก่อนหน้านี้ว่าพระองค์ลำเอียงเข้าข้างพี่ใหญ่เสมอ จริง ๆ แล้วพระองค์ทรงรู้อยู่แก่ใจ พระองค์แค่ให้โอกาสพี่ใหญ่เสมอ แต่เมื่อเจอโอกาสที่เหมาะสม ก็ควรจัดการไม่ใช่หรอกหรือ? ความคิดของพระองค์ชัดเจนอยู่แล้ว ดังนั้นจงทำตามที่พระองค์ต้องการเถอะ จัดก

  • ใต้หล้าสยบรัก   บทที่ 1012

    พระชายาจี้พูดจบก็กลับไปนั่งลงบนเก้าอี้เก้าอี้ที่นางนั่งนั้นใหญ่มาก แต่นางผอมมากเนื่องจากป่วยมาเป็นเวลานาน เก้าอี้นั้นยังมีพื้นที่เหลืออีกมาก ผู้หญิงตัวเล็ก ๆ คนนั้นนั่งบนเก้าอี้กว้างตัวใหญ่ประจัญหน้ากับพวกขุนนางกว่าสิบคนที่อยู่ตรงนั้นแม่ทัพซุยไม่กล้าพูดอะไรอีกต่อไป ความโกรธบนใบหน้าของเขาก็ค่อย ๆ แปรเปลี่ยนเป็นความหวาดกลัวคนที่เหลือก็เงียบและก้มหน้าเช่นกันพระชายาจี้รออยู่สักพัก ก่อนที่จะกล่าวอย่างใจเย็นว่า "องค์รัชทายาทคือผู้กำหนดชะตา ถ้าเจ้าปฏิบัติตามให้ดี เจ้าจะมีชีวิตอยู่อย่างมั่งคั่งและมั่งคั่งในภายภาคหน้า วันนี้ข้าพูดได้เพียงเท่านี้ ทุกคนไปเถอะ รักษาตัวด้วย"หลังจากพูดจบ นางก็ยืนขึ้น และเดินออกไปโดยเอามือไพล่หลัง แผ่นหลังบาง ๆ ของนางตั้งตรงดูยิ่งใหญ่ราวกับว่าสามารถแบกท้องฟ้าได้ครึ่งหนึ่งแรงสนับสนุนของอวี่เหวินห่าวสูงขึ้นเรื่อย ๆอย่างไรก็ตาม มีคน ๆ ​​หนึ่งที่มีความคิดเห็นเป็นปฏิปักษ์อยู่เสมอ ถึงกับตำหนิเขาตรง ๆ ต่อหน้าท้องพระโรงทำให้บรรยากาศของวันนั้นแย่เป็นอย่างยิ่ง แม้แต่จักรพรรดิหมิงหยวนก็ยังกริ้วจนหน้าดำจูกั๋วกงคนนี้คือ จูหรูเพ่ย เป็นพ่อตาของตี้เว่ยหมิงเมื่อก่อน

  • ใต้หล้าสยบรัก   บทที่ 1011

    มีแม่ทัพแซ่ซุยอยู่ที่นี่ ซึ่งเคยอยู่กับตี้เว่ยหมิงมาก่อน และตี้เว่ยหมิงได้ติดต่อเขาแล้ว เมื่อได้ยินสิ่งที่พระชายาจี้พูด เขาพูดอย่างเฉยเมยว่า "ข้อเสนอขององค์รัชทายาทที่จะจัดตั้งพันธมิตรกับต้าโจว ไม่ต่างอะไรไปกว่าการกระทำของคนขี้ขลาด คิดว่าด้วยการสนับสนุนของต้าโจว เป่ยถังของเราจะสามารถดำรงอยู่ได้อย่างสงบสุขรึ และเช่นกันด้วยวิธีนี้ เป่ยถังของเราจะต้องมองสีหน้าท่าทีของต้าโจวในทุก ๆ เรื่องงั้นหรือ? นี่คิดว่ามันคงไม่เหมาะกระมั่ง”พระชายาจี้มองเขา น้ำเสียงของนางเย็นชาเล็กน้อย “แม่ทัพซุย แม้ว่าข้าจะเป็นผู้หญิง แต่ข้าก็รู้ด้วยว่าสิ่งที่องค์รัชทายาทเสนอเป็นพันธมิตร มิใช่การยอมจำนน ทำไมเจ้าต้องสังเกตสีหน้าท่าทางต้าโจวทุกอย่างด้วย?”แม่ทัพซุยพูดอย่างแข็งกร้าว "พระชายาคงไม่เข้าใจสินะ? เมื่อพันธมิตรถูกจัดตั้งขึ้น ก็จะมีข้อจำกัดซึ่งกันและกัน ข้อจำกัดทางทหารไม่ใช่เรื่องที่ดี"พระชายาจี้ถึงกับขำ แววตาของนางดูเย็นชาขึ้นมา "จริงหรือ? แล้วทำไมข้าถึงได้ยินว่าสนธิสัญญานี้หมายถึงการไม่รุกรานกัน? หรือว่าแม่ทัพซุยมีความคิดที่จะรุกรานแคว้นอื่น"แม่ทัพซุยตกตะลึง "นี่...ข้าย่อมไม่มีอยู่แล้ว"“ในเมื่อไม่มี เจ

  • ใต้หล้าสยบรัก   บทที่ 1010

    หยวนชิงหลิงไม่สบายใจ อย่างไรก็ตาม เสี่ยวลั่วหมี่ยังมีไข้อยู่นางยิ้มและพูดว่า "เสด็จย่า พวกเขาอาจจะงอแง เกรงว่าจะทำให้พระองค์ทรงเหนื่อยได้เพคะ"ไทเฮาทรงมีสีพระพักตร์นิ่งเฉย และตรัสอย่างไม่พอใจว่า “เกรงว่าคนแก่อย่างข้าจะอ่อนล้า หรือไม่วางใจให้ข้าดูแลพวกเขากัน? กลัวว่าพวกเขาอยู่กับข้าแล้วจะดูแลไม่ดี ไม่มีนมให้กินอย่างนั้นรึ” หยวนชิงหลิงยิ้มและพูดว่า "ดูพระองค์พูดสิเพคะ พระองค์จะปฏิบัติต่อพวกเขาอย่างเลวร้ายได้อย่างไร? พระองค์ออกจะรักเหมือนเป็นหัวแก้วหัวแหวน... "“บุ้ย ๆ ๆ หัวแก้วหัวแหวนอะไรกัน ไม่ใช่ลูกสาวสักหน่อย แต่เป็นทองคำต่างหาก ทองคำของข้า” ไทเฮาทรงตรัสแปลก ๆ ขณะอุ้มเสี่ยวลั่วหมี่ไว้นางเงยหน้าขึ้นและมองไปที่หยวนชิงหลิงและพูดอย่างเย็นชาว่า "อย่าพูดไร้สาระ แค่อยู่ในวังสักสองสามวัน ไว้หายดีแล้วค่อยให้เจ้ามารับไป หากยังกังวลใจ ให้ไปหาไท่ซ่างหวงให้รับรองให้เจ้าเถอะ”หยวนชิงหลิงได้ยินว่านางถึงกับยกไท่ซ่างหวงออกมาแบบนี้ นางจะกล้าปฏิเสธได้อย่างไร นางจึงจำใจต้องส่งลูกที่เพิ่งครบเดือนให้ห่างอกนางเท่านั้นอย่างไรก็ตาม เมื่อนึกถึงเรื่องการจัดตั้งโรงเรียนแพทย์ ทุกวันนี้นางก็แทบไม่มีเวลา

  • ใต้หล้าสยบรัก   บทที่ 1009

    ในเมื่อเสด็จพ่อเห็นด้วย จะให้เขามาหารือกับเหล่าขุนนางเพื่อเรียกแรงสนับสนุน แล้วทำไมเขาต้องไปหาเสียงเห็นชอบด้วยจักรพรรดิหมิงหยวนมองเขาอย่างแฝงความนัย เขายังเด็กเกินไปจริง ๆ "ไปซะ"อวี่เหวินห่าวออกไปคิดเกี่ยวกับเรื่องนี้ และทันใดนั้นก็ตระหนักได้ว่า มันยังเป็นความเคลื่อนไหวอันเฉียบแหลมของเสด็จพ่อ ที่ไม่ได้แสดงจุดยืนของพระองค์ออกมา และเฝ้าดูความเคลื่อนไหวของเหล่าขุนนางอย่างเงียบ ๆ หากพระองค์แสดงจุดยืนออกมา หลายคนจะเอียนเอียงคล้อยตามพระองค์ทันที ถ้าพระองค์ไม่พูดอะไร พระองค์ก็จะรู้ความคิดทุกคนจริง ๆ ว่าใครอยู่ข้างตี้เว่ยหมิงอย่างไรก็ตาม หลังจากที่เขาจากไป จักรพรรดิหมิงหยวนก็คิดว่าเรื่องนี้มีข้อดีมากมาย แต่ก็มีข้อเสียเล็ก ๆ น้อย ๆ ด้วยเช่นกัน เพื่อหลีกเลี่ยงไม่ให้นักประวัติศาสตร์ในอนาคตเขียนส่งเดชให้เขาเป็นแพะรับบาป การแสร้งทำเป็นบีบบังคับให้ทำในสิ่งที่ไม่น่าทำได้น่าจะเป็นการดีกว่าเขากำลังกินหมานโถ่วและกังวลใจเกี่ยวกับเสี่ยวลั่วหมี่วันนี้เสี่ยวลั่วหมี่มีไข้ อันที่จริงไม่ใช่แค่เสี่ยวลั่วหมี่ แต่เด็กทั้งสามคนมีอาการไอเล็กน้อยเพียงแต่ร่างกายของเสี่ยวลั่วหมี่นั้นไม่ค่อยแข็งแรง เขาจึงมี

  • ใต้หล้าสยบรัก   บทที่ 1008

    หลังจากเลิกว่าราชกิจแล้ว อวี่เหวินห่าวก็ไม่ย่อมไม่พอใจ ดังนั้นเขาจึงไปหอตำราหลวงหาจักรพรรดิหมิงหยวนจักรพรรดิหมิงหยวนมักจะกินอาหารเช้าหลังจากเลิกว่าราชกิจในยามเช้า มีโจ๊กและหมานโถ่วอยู่ในห้องทำงานของจักรพรรดิ หลังจากกินโจ๊กชามหนึ่ง ก็พูดอย่างเรียบเฉยว่า"เป็นเพราะความสัมพันธ์ระหว่าเจ้ากับแม่ทัพเฉินแห่งต้าโจว? ถึงเป็นเหตุผลให้เจ้าวิ่งเต้นขนาดนี้?”อวี่เหวินห่าวไม่ได้กินอาหารเช้าเช่นกัน และตอนนี้เขาหิวมาก เมื่อเห็นว่าเขาหยุดกินโจ๊กแล้ว เขาคิดว่าเขาไม่เอาหมานโถ่วแล้ว จึงเอื้อมมือไปหยิบหมานโถ่ว “ไม่ใช่พ่ะย่ะค่ะ กระหม่อม..."จักรพรรดิหมิงหยวนหยิบตะเกียบขึ้นมาและชี้ไปที่เขา "วางลงซะ!"อวี่เหวินห่าวถึงกับอ้าปากค้าง เมื่อเห็นสายตาพ่อตัวเองเป็นประกายเช่นนั้น เขาแอบบ่นว่าขี้งกและวางหมานโถ่วกลับที่เดิมจักรพรรดิหมิงหยวนหยิบหมานโถ่วขึ้นมาเช็ด จากนั้นค่อย ๆ ปอกลอกเปลือกนอกออกและกินมัน โดยทิ้งอวี่เหวินห่าวที่อยู่ข้าง ๆอวี่เหวินห่าวพูดอย่างเศร้าใจ "กระหม่อมก็หิวเหมือนกัน เมื่อเช้านี้ตื่นมา แม่นมบอกว่าเสี่ยวลั่วหมี่ตัวร้อนเล็กน้อย กระหม่อมจึงรีบไปดูก่อน ไม่ได้สนใจที่จะกินอาหารเช้า"เมื่อได้ยินว

  • ใต้หล้าสยบรัก   บทที่ 1007

    เขาพูดเสียงดังในท้องพระโรง "เป่ยโม่และเสียนเป่ยเป็นดั่งหมาป่าทะเยอทะยาน พวกเขาจับตามองเป่ยถังมานานแล้ว แต่เป็นเพราะทหารม้าที่แข็งแกร่งของเป่ยถั งและเหล่ายอดนักรบจึงขับไล่พวกเขากลับไปได้เป็นการชั่วคราว แต่ไม่มีอะไรมารับประกันได้ว่าพวกเขาจะไม่กลับมารุกรานอีกตอนนี้ต้าโจวได้พัฒนาอาวุธและรถออกศึกได้ หากทั้งสองแคว้นเป็นพันธมิตรกัน ต้าโจวสามารถช่วยเป่ยถังปรับปรุงอาวุธและยุทโทปกรณ์ ซึ่งสามารถเสริมสร้างการป้องกันทางทหารของเป่ยถังได้ และร่วมกับการพัฒนาเศรษฐกิจ นี่เป็นประโยชน์ระยะยาวสำหรับเป่ยถัง รัชทายาททรงมีพระวินิจฉัยที่ลึกซึ้ง นั่นเป็นผลดีต่อราษฏร และเขายังคิดถึงระยะยาวสำหรับเป่ยถัง ส่วนแม่ทัพตี้เว่ยหมิงที่เจตนาพูดจาให้คนอื่นตกใจนั้นก็มีส่วนต้องรับผิดชอบด้วย ว่าไปแล้วเป่ยถังไม่ได้ไปรุกรานโม่เป่ยกับเสียนเป่ย หากพวกเขาไปรุกรานต้าโจว มีหรือจะปล่อยเป่ยถังไว้? หรือถึงตอนนั้นต้องยกแคว้นให้เพื่อสงบศึกกัน? "ในตอนนั้นเป่ยถังพ่ายแพ้ให้กับเป่ยโม่ ถูกทหารสามหมื่นนายล้อมไว้ ในท้ายที่สุด แม่ทัพตี้เว่ยหมิงถูกส่งไปเจรจาสงบศึก ยกเมืองที่เป่ยโม่ต้องการถึงจะยอมถอยทัพนี่เป็นความอัปยศอดสูของเป่ยถังเสมอ และม

DMCA.com Protection Status