ความโกรธและความเกลียดแบบไหนที่บังคับให้ฉู่หมิงชุ่ยพูดคำหยาบคายเช่นนี้?หยวนชิงหลิงสะบัดมือออกจากนางและยิ้ม รอยยิ้มที่ดูถูกในตอนท้ายกระตุ้นฉู่หมิงชุ่ยในที่สุด นางผลักหยวนชิงหลิงลงไปในทะเลสาบอย่างแรงอาการบาดเจ็บของหยวนชิงหลิงยังไม่หายสนิท เธออ่อนแอไปทั้งร่างกาย และเธอก็ไม่คิดว่าฉู่หมิงชุ่ยที่ดูเหมือนผู้หญิงที่อ่อนแอ กลับมีแรงที่แข็งแกร่งมาก กดจนเธอไม่มีแรงต้านทานเธอว่ายน้ำไม่เป็น หลังจากตกลงไปในน้ำ ผุบ ๆ โผล่ ๆ สองสามครั้ง พยายามจะจับอะไรบางอย่าง แต่ทันทีที่เธอจับได้ ก็ถูกฉู่หมิงชุ่ยผลักอีกครั้ง แล้วกดหัวของเธอจมลงไปในน้ำน้ำที่เย็นเฉียบในทะเลสาบโอบล้อมเข้ามา เธอรู้สึกว่าศีรษะของตัวเองเหมือนฟองน้ำ น้ำเข้าปาก, จมูกและหู เธอกำลังจะขาดอากาศหายใจ ในหน้าอกทรมานจนแทบจะระเบิดเธอพยายามผลักฉู่หมิงชุ่ยออกไป แต่ฉู่หมิงชุ่ยดูเหมือนจะมีแรงมหาศาล กดหัวและคอของเธอ ถึงตายก็จะไม่ยอมให้หัวของเธอลอยขึ้นมาได้ หยวนชิงหลิงเลิกดิ้นรน ดึงปิ่นที่หัวออกมาแล้วสุ่มแทงเข้าไป น้ำเริ่มมีกลิ่นเลือด เธอแทงถูกฉู่หมิงชุ่ย แรงกดที่ศีรษะและคอหายไป เธอรีบตะเกียกตะกายขึ้นจากน้ำ ยกศีรษะขึ้นสู่ผิวน้ำ สูดอากาศอ
หยวนชิงหลิงขดตัวและพูดด้วยน้ำเสียงหนักแน่นว่า “ถ้าท่านจะด่าก็ด่า แต่ห้ามตีข้า ถ้าท่านกล้าตีข้า ข้าจะสู้สุดชีวิต ข้าชอพูดไว้ก่อน นางเกิดบ้าขึ้นมาลากข้าลงไป กดหัวข้าอย่างแรงไม่ให้ลอยขึ้น ข้าเลยต้องเอาปิ่นทำร้ายนาง!” เธอสูดจมูก ช่างไม่ยุติธรรมเสียจริง ไปเจอผู้หญิงเพี้ยนได้ยังไง? “ข้ารู้ว่าท่านไม่เชื่อข้า ท่านเกลียดข้า แค่ข้าหายใจก็ยังผิดเลย ท่านชอบนาง เท้าของนางเหม็น ท่านยังรู้สึกว่าหอมเลย...” อวี่เหวินห่าวดึงเสื้อผ้าของนางออกจากกันด้วยมือข้างหนึ่ง สองมือถอดออกหมด “หุบปาก!” ดวงตาของหยวนชิงหลิงเป็นสีแดง พูดอย่างดุเดือด “จะตีข้าอีกเหรอ? ท่านอยากจะตีข้าอีกแล้วใช่ไหม? ข้าจะตายไปพร้อม ๆ กับท่าน!” พูดจบ ก็กระโจนเข้าที่คอของเขาและกัดลงไป“เจ้ามันบ้า!” อวี่เหวินห่าวโกรธจัด เอื้อมมือไปลูบ ๆ หยดเลือดไหลออกมาจากคอของเขา เขาถอดเสื้อคลุมชั้นนอกออกแล้วโยนให้นาง “ตอนไหนที่ข้าจะตีเจ้า? เจ้าเปียกไปทั้งตัว ถอดออก แล้วใส่เสื้อคลุมชั้นนอกของข้า” “ท่านไม่มีทางจะใจดีแบบนี้!” หยวนชิงหลิงมองดูเสื้อคลุมชั้นนอกที่เขาถอดออก และพูดในลักษณะที่เด็ดขาด“ใช่ ข้ายังจะทำให้เจ้าตาย” อวี่เหวินห่าวโกรธมาก ใบหน้
“ข้าบอกว่าอ๋องหวยโชคไม่ดี” หยวนชิงหลิงแสดงความเสียใจตามสมควร แต่บรรยากาศที่น่าเศร้าก็ถูกทำลายโดยการจาม “ทำไมเจ้าไม่ถอดเสื้อผ้าชั้นในที่เปียกออก?” อวี่เหวินห่าวพูดพร้อมกับขมวดคิ้ว เธอขยี้ ๆ จมูก “ช่างเถอะ อยู่ในรถม้าไม่สะดวก ใกล้ถึงจวนแล้ว”“ทำเป็นรักนวลสงวนตัวอะไร? ทำอย่างกับว่าข้าไม่เคยเห็น” “ข้าก็ไม่ได้กลัวท่านดูหรอก” ยังไงก็ไม่ใช่ตัวของเธอเอง อวี่เหวินห่าวทำเสียงเหอะ และหลับตาต่อไป “ข้ารู้สึกอยากจะอ้วกนิดหน่อย” จู่ ๆ หยวนชิงหลิงก็รู้สึกคลื่นไส้ “น้ำในทะเลสาบเมื่อครู่กลิ่นแรงเหลือเกิน”ตอนที่ตะเกียกตะกาย ทำให้โคลนที่อยู่ใต้น้ำผสมกับน้ำในทะเลสาบ เธอกินไปสองอึก ฉู่หมิงชุ่ยก็กินเข้าไปเหมือนกัน ตอนนี้คิด ๆ ดู เพื่อที่จะใส่ร้ายเธอ ฉู่หมิงชุ่ยเสียสละอย่างมาก อวี่เหวินห่าวตบ ๆ ไปที่ไหล่ของตัวเอง “อิงเข้ามา หลับตาพักผ่อนสักครู่” จู่ ๆ ก็อบอุ่นอย่างนี้ หยวนชิงหลิงรู้สึกไม่ชินนิดหน่อยอย่างไรก็ตาม โยกไปโยกมาอยู่ในรถม้า มีคนให้พิงสักหน่อยก็ไม่เลว เธอยิ้ม ๆ และพูดอย่างซาบซึ้ง “ขอบคุณ” เอนศีรษะเข้ามาพิงอย่างช้า ๆ กำลังจะหนุนบนไหล่ของเขา แต่จู่ ๆ เขาก็ขยับตัวออกไปอีกฝั่ง หยว
เขานั่งตัวตรง มีความจริงจัง ค่อย ๆ ขยับมืออย่างไม่เต็มใจ ปลายนิ้วแตะมือเธอบนเบาะนุ่ม ๆ ซึ่งเย็นยะเยือก เป็นแบบนี้ไม่ขยับ ไม่ก้าวและก็ไม่ถอย หยวนชิงหลิงก็นั่งตัวตรง ดวงตาของเธอลอยไปลอยมา กล้ามเนื้อทั้งตัวของเธอเกร็งไปหมด รู้สึกว่าสัมผัสได้ถึงปลายนิ้วของเขา บางทีเธอควรจะขยับออกไป ใช่มันสมควร เอาล่ะ อย่างนั้นก็ขยับออกไป แต่ทว่ามันจะดูจงใจมากไปไหม? ปลายนิ้วสัมผัสถือเป็นอะไรได้? ทั้งคู่เคยจูบกันแบบแนบชิดมาแล้ว แต่กำลังจงใจเคลื่อนตัวออกห่าง ซึ่งเป็นสิ่งที่ไม่ปกติเป็นอย่างมาก นอกจากนี้ ทั้งสองเข้ากันได้ดี ถือเป็นเพื่อนกันแล้วก็ได้? สัมผัสมือระหว่างเพื่อนก็ไม่ควรจะทำกระต่ายตื่นตูมถ้าหัวใจเต้นไม่เร็ว ทุกอย่างก็จะไม่มีปัญหา รถม้าหยุดกะทันหัน ซูยี่เปิดม่าน อวี่เหวินห่าวกระตุกมือกลับมาวางบนเข่าอย่างรวดเร็ว “ท่านอ๋อง พระชายา ถึงแล้ว!” ซูยี่กล่าวเขาที่บ้าบิ่น โดยธรรมชาติแล้วไม่ได้สังเกตเห็นบรรยากาศที่น่าอึดอัดในรถม้า อวี่เหวินห่าวลงจากรถม้าก่อน หยวนชิงหลิงกอดเสื้อคลุมชั้นนอกที่หลวม ๆ ของเขาอย่างแน่น ชะโงกออกมาอย่างระมัดระวัง อวี่เหวินห่าวอุ้มเธอลงมา ช่วงเวลาที่แนบชิดตัวเขา มือและเท
หยวนชิงหลิงจู่ ๆ ก็ตระหนักถึงปัญหานี้และถามว่า “ท่านอ๋องมีนางบำเรอกี่คน?” ดูเหมือนว่าเขาจะมีสาวใช้สองสามคนที่ตำหนักเสี่ยวเยว่ ทุกคนต่างก็ดูดีจะเป็นนางบำเราของเขาได้ไหม?ลวี่หยากล่าวว่า “เรื่องนี้ หม่อมฉันไม่รู้ เรื่องที่ตำหนักเสี่ยวเยว่ พวกเราตำหนักเฝิงอี๋ไม่บังอาจ แต่คิดว่าไม่มีเพคะ? พูดถึงเรื่องนางบำเรอ อาจจะพูดได้ว่า นอกจากท่านอ๋องไม่อยากให้ใครรู้” หยวนชิงหลิงรู้สึกว่าบางทีเขาไม่ต้องการให้ใครรู้ผู้ชายที่เป็นผู้ใหญ่มีสรีระปกติคนหนึ่ง มีความต้องการทางด้านนี้ จะมีนางบำเรอสักคนสองคนก็ถือว่าสมเหตุสมผลหยวนชิงหลิงรู้สึกจี๊ดในใจ ดูเหมือนว่าผลที่ตามมาของการดื่มน้ำในทะเลสาบจะยังไม่หายไป “ลวี่หยา ข้าจะช่วยเจ้าหาเอง ไม่ต้องคุกเข่าแล้วลุกขึ้นมา” หยวนชิงหลิงยื่นมือออกและดึงนางขึ้นมา ลวี่หยายังคงสะอึกสะอื้นและปาดน้ำตา หยวนชิงหลิงค่อย ๆ ดื่มซุปขิง ในใจไม่หยิ่งเหมือนตอนเมื่อกี้ เมื่อลวี่หยาออกไป หยวนชิงหลิงก็เริ่มขอพรในกล่องยา เธอเริ่มขอพรง่าย ๆ นั่นก็คือต้องการปากกาหนึ่งด้าม ถ้าได้ตามความปรารถนา หลังจากนั้นจึงจะลองขอยา ปิดและเปิด คว้านหา ไม่มีปากกา แต่มีดินสออยู่สองสามแท่งก
สีหน้าของอ๋องฉีเปลี่ยนไปเล็กน้อย เขาไม่เคยเห็นฉู่หมิงชุ่ยเป็นแบบนี้มาก่อน นางมักพูดอย่างนุ่มนวลมาตลอด การกระทำแน่วแน่ และใจดีต่อผู้อื่น แม้แต่คนรับใช้ในจวน นางก็ไม่เคยทำโอ้อวดว่าเป็นพระชายา แม่นมในวังก็เมตตายิ่งนักนางไม่เคยแสดงความรุนแรงมาก่อน เพราะตกใจกลัวแน่นอน อ๋องฉีคิดถึงเรื่องนี้แล้วเอื้อมมือออกไปกอดนางไว้ในอ้อมแขน “ไม่เป็นไรแล้ว ไม่ต้องตกใจ” ฉู่หมิงชุ่ยพิงบนไหล่ของเขาเหมือนไม่มีชีวิต ทำเสียงหึ นางรู้ตัวว่านางแปลกไป แต่นางก็ไม่สนใจ อ๋องฉีเป็นคนธรรมดาและซื่อสัตย์ ดื้อดึงต่อนาง ไม่ว่านางจะขมขื่นเพียงใด ต่อให้โหดร้ายเพียงใด เขาจะไม่มีวันปล่อยนางไป บางที ควรจะลืมพี่ห่าวเสียแล้ว อ๋องฉีช่างดีเหลือเกิน และตอนนี้เขาก็ยังได้เปรียบมากที่สุดสามารถให้ทุกสิ่งที่นางต้องการได้เมื่อนึกถึงคำที่ประณามหยวนชิงหลิง นางก็รู้สึกละอายและโกรธตลอดเวลา ทำไมนางถึงพูดคำหยาบคายเช่นนี้? นั่นควรเป็นสิ่งที่หยวนชิงหลิงกล่าว“ทำไมหยวนชิงหลิงถึงผลักเจ้าลงไปที่ทะเลสาบ? นางบ้าหรือเปล่า?” อ๋องฉีถามเมื่อเห็นนางสงบลงเล็กน้อย ฉู่หมิงชุ่ยค่อย ๆ สงบลง เมื่อเห็นหยวนชิงหลิงยืนอยู่ริมทะเลสาบที่จวนอ๋องหวย นางก็ม
ส่วนตำแหน่งองค์รัชทายาท เขาบอกว่าไม่เคยคิดว่านั่นคือของปลอม แต่เขารู้ภาระของตัวเอง หนึ่งประเทศให้เขาแบกรับไว้บนบ่า เขาจะรับไหวไหม? แต่ถ้าอ๋องจี้ได้รับอำนาจ ตัวเองจะสามารถสละตำแหน่งนี้ และเป็นท่านอ๋องทำตัวสบาย ๆ ได้อย่างสบายใจหรือไม่? ฉู่หมิงชุ่ยกล่าวต่อ “เพื่อตำแหน่งองค์รัชทายาท ทุกคนต่างมีเล่ห์เหลี่ยม แม้แต่หยวนชิงหลิงก็รู้ดีว่าเป็นความสัมพันธ์ที่จริงจัง นี่ไม่ใช่การต่อสู้เพื่อชิงอำนาจ แต่นี่เป็นการต่อสู้ระหว่างความเป็นและความตาย ไม่ว่าเจ้าจะจบหรือไม่จบก็หนีไม่พ้น เพราะเจ้าคือลูกของพระสนม ต่อไปอ๋องจี้จะเอาชนะทุกคนได้ แต่เขาจะเอาชนะเจ้าหรือฮองไทเฮาไม่ได้” อ๋องฉีจับมือนาง “ข้าจะคิด ๆ ดู เจ้าอย่ากังวลเกินไป” อ๋องฉีอาจไม่ได้คิดเกี่ยวกับสิ่งเหล่านี้ในใจ แต่เขาคิดเสมอว่ายังไม่ถึงจุด ๆ นั้น แต่วันนี้ เมื่อรู้ว่าอ๋องจี้สั่งให้ใครลอบสังหารพี่ห้า เขาก็ตระหนักได้ว่าไม่ใช่ว่ายังไม่ถึงจุด ๆ นั้น แต่เป็นเพราะเขากลัวและไม่กล้าไปแตะต้อง เหตุการณ์ของพระชายาทั้งสองตกลงไปในน้ำที่จวนอ๋องหวยในไม่ช้าก็แพร่กระจายออกไป คนที่โกรธที่สุดคือพระสนมหลู่เฟย อ๋องหวยป่วยหนัก ถึงขั้นสุดท้ายแล้ว แต่ก็ยั
เหลิงจิ้งเหยียนถอนหายใจออกมา บัณฑิตเจอทหาร มีเหตุผผลก็ใช้ไม่ได้“ฝ่าบาทในเมื่อทรงรับสั่งให้พระชายาฉู่เข้าวังหลวง ไม่ได้รับสั่งให้พระชายาฉีมาด้วยเช่นนี้ เห็นได้ชัดว่าในพระทัยของฝ่าบาทไม่ได้สนพระทัยว่าพระชายาทั้งสองใครถูกใครผิด เรื่องวุ่นวายเช่นนี้ ฝ่าบาททรงต้องไม่สนพระทัยเป็นแน่”“มีเหตุผลอยู่บ้าง พูดต่อไป ข้าเรียกพระชายาฉู่มามีเหตุผลอะไร?” จักรพรรดิหมิงหยวนดื่มชาด้วยท่าทางสบาย ๆ“ไม่มีเหตุผลพ่ะย่ะค่ะ การที่พระชายาฉู่เข้าวังมา ต่อหน้าพระพักตร์ฝ่าบาท นางได้กระทำผิดมหันต์ ที่มาของความผิดนั้น หากไม่สามารถโต้แย้งได้ ฝ่าบาทก็จะต้องลงโทษนาง”“นั้นเป็นความคิดของเจ้าหรือ?”“นั้นคือการคาดเดาของกระหม่อม”“งั้นคือความคิดของเจ้า!”“...งั้นคือความคิดของกระหม่อม”ทำไมความคิดเลวทรามนี่ต้องเป็นเขาที่เป็นคนคิดออกมาด้วย? เห็นอยู่ชัด ๆ ว่าฝ่าบาททรงคิดเองจักรพรรดิหมิงหยวนเอ่ยปากชมอย่างไม่ขาดปาก “ขุนนางที่รักของข้าความคิดดีจริงๆ ถามถึงความผิดนางก่อนแล้ว ต้องทำความดีความชอบชดใช้ความผิด ก็แค่ไปให้การรักษาอาการป่วยของอ๋องหวย รักษาหายแล้วจะอภัยโทษให้ รักษาไม่หาย ข้าก็จะเมตตาเป็นพิเศษ จะงดการอภัยโทษไว้