Share

บทที่ 202

Author: จูน
last update Last Updated: 2024-10-29 19:42:56
เขานั่งตัวตรง มีความจริงจัง ค่อย ๆ ขยับมืออย่างไม่เต็มใจ ปลายนิ้วแตะมือเธอบนเบาะนุ่ม ๆ ซึ่งเย็นยะเยือก

เป็นแบบนี้ไม่ขยับ ไม่ก้าวและก็ไม่ถอย

หยวนชิงหลิงก็นั่งตัวตรง ดวงตาของเธอลอยไปลอยมา กล้ามเนื้อทั้งตัวของเธอเกร็งไปหมด รู้สึกว่าสัมผัสได้ถึงปลายนิ้วของเขา บางทีเธอควรจะขยับออกไป ใช่มันสมควร เอาล่ะ อย่างนั้นก็ขยับออกไป

แต่ทว่ามันจะดูจงใจมากไปไหม? ปลายนิ้วสัมผัสถือเป็นอะไรได้? ทั้งคู่เคยจูบกันแบบแนบชิดมาแล้ว แต่กำลังจงใจเคลื่อนตัวออกห่าง ซึ่งเป็นสิ่งที่ไม่ปกติเป็นอย่างมาก

นอกจากนี้ ทั้งสองเข้ากันได้ดี ถือเป็นเพื่อนกันแล้วก็ได้? สัมผัสมือระหว่างเพื่อนก็ไม่ควรจะทำกระต่ายตื่นตูม

ถ้าหัวใจเต้นไม่เร็ว ทุกอย่างก็จะไม่มีปัญหา

รถม้าหยุดกะทันหัน ซูยี่เปิดม่าน อวี่เหวินห่าวกระตุกมือกลับมาวางบนเข่าอย่างรวดเร็ว

“ท่านอ๋อง พระชายา ถึงแล้ว!” ซูยี่กล่าว

เขาที่บ้าบิ่น โดยธรรมชาติแล้วไม่ได้สังเกตเห็นบรรยากาศที่น่าอึดอัดในรถม้า

อวี่เหวินห่าวลงจากรถม้าก่อน หยวนชิงหลิงกอดเสื้อคลุมชั้นนอกที่หลวม ๆ ของเขาอย่างแน่น ชะโงกออกมาอย่างระมัดระวัง อวี่เหวินห่าวอุ้มเธอลงมา ช่วงเวลาที่แนบชิดตัวเขา มือและเท
Locked Chapter
Continue to read this book on the APP
Comments (1)
goodnovel comment avatar
Pim Peim
อัพเยอะๆหน่อยค่ะ ลุ้นมากกกกก กำลังฟินน
VIEW ALL COMMENTS

Related chapters

  • ใต้หล้าสยบรัก   บทที่ 203

    หยวนชิงหลิงจู่ ๆ ก็ตระหนักถึงปัญหานี้และถามว่า “ท่านอ๋องมีนางบำเรอกี่คน?” ดูเหมือนว่าเขาจะมีสาวใช้สองสามคนที่ตำหนักเสี่ยวเยว่ ทุกคนต่างก็ดูดีจะเป็นนางบำเราของเขาได้ไหม?ลวี่หยากล่าวว่า “เรื่องนี้ หม่อมฉันไม่รู้ เรื่องที่ตำหนักเสี่ยวเยว่ พวกเราตำหนักเฝิงอี๋ไม่บังอาจ แต่คิดว่าไม่มีเพคะ? พูดถึงเรื่องนางบำเรอ อาจจะพูดได้ว่า นอกจากท่านอ๋องไม่อยากให้ใครรู้” หยวนชิงหลิงรู้สึกว่าบางทีเขาไม่ต้องการให้ใครรู้ผู้ชายที่เป็นผู้ใหญ่มีสรีระปกติคนหนึ่ง มีความต้องการทางด้านนี้ จะมีนางบำเรอสักคนสองคนก็ถือว่าสมเหตุสมผลหยวนชิงหลิงรู้สึกจี๊ดในใจ ดูเหมือนว่าผลที่ตามมาของการดื่มน้ำในทะเลสาบจะยังไม่หายไป “ลวี่หยา ข้าจะช่วยเจ้าหาเอง ไม่ต้องคุกเข่าแล้วลุกขึ้นมา” หยวนชิงหลิงยื่นมือออกและดึงนางขึ้นมา ลวี่หยายังคงสะอึกสะอื้นและปาดน้ำตา หยวนชิงหลิงค่อย ๆ ดื่มซุปขิง ในใจไม่หยิ่งเหมือนตอนเมื่อกี้ เมื่อลวี่หยาออกไป หยวนชิงหลิงก็เริ่มขอพรในกล่องยา เธอเริ่มขอพรง่าย ๆ นั่นก็คือต้องการปากกาหนึ่งด้าม ถ้าได้ตามความปรารถนา หลังจากนั้นจึงจะลองขอยา ปิดและเปิด คว้านหา ไม่มีปากกา แต่มีดินสออยู่สองสามแท่งก

  • ใต้หล้าสยบรัก   บทที่ 204

    สีหน้าของอ๋องฉีเปลี่ยนไปเล็กน้อย เขาไม่เคยเห็นฉู่หมิงชุ่ยเป็นแบบนี้มาก่อน นางมักพูดอย่างนุ่มนวลมาตลอด การกระทำแน่วแน่ และใจดีต่อผู้อื่น แม้แต่คนรับใช้ในจวน นางก็ไม่เคยทำโอ้อวดว่าเป็นพระชายา แม่นมในวังก็เมตตายิ่งนักนางไม่เคยแสดงความรุนแรงมาก่อน เพราะตกใจกลัวแน่นอน อ๋องฉีคิดถึงเรื่องนี้แล้วเอื้อมมือออกไปกอดนางไว้ในอ้อมแขน “ไม่เป็นไรแล้ว ไม่ต้องตกใจ” ฉู่หมิงชุ่ยพิงบนไหล่ของเขาเหมือนไม่มีชีวิต ทำเสียงหึ นางรู้ตัวว่านางแปลกไป แต่นางก็ไม่สนใจ อ๋องฉีเป็นคนธรรมดาและซื่อสัตย์ ดื้อดึงต่อนาง ไม่ว่านางจะขมขื่นเพียงใด ต่อให้โหดร้ายเพียงใด เขาจะไม่มีวันปล่อยนางไป บางที ควรจะลืมพี่ห่าวเสียแล้ว อ๋องฉีช่างดีเหลือเกิน และตอนนี้เขาก็ยังได้เปรียบมากที่สุดสามารถให้ทุกสิ่งที่นางต้องการได้เมื่อนึกถึงคำที่ประณามหยวนชิงหลิง นางก็รู้สึกละอายและโกรธตลอดเวลา ทำไมนางถึงพูดคำหยาบคายเช่นนี้? นั่นควรเป็นสิ่งที่หยวนชิงหลิงกล่าว“ทำไมหยวนชิงหลิงถึงผลักเจ้าลงไปที่ทะเลสาบ? นางบ้าหรือเปล่า?” อ๋องฉีถามเมื่อเห็นนางสงบลงเล็กน้อย ฉู่หมิงชุ่ยค่อย ๆ สงบลง เมื่อเห็นหยวนชิงหลิงยืนอยู่ริมทะเลสาบที่จวนอ๋องหวย นางก็ม

  • ใต้หล้าสยบรัก   บทที่ 205

    ส่วนตำแหน่งองค์รัชทายาท เขาบอกว่าไม่เคยคิดว่านั่นคือของปลอม แต่เขารู้ภาระของตัวเอง หนึ่งประเทศให้เขาแบกรับไว้บนบ่า เขาจะรับไหวไหม? แต่ถ้าอ๋องจี้ได้รับอำนาจ ตัวเองจะสามารถสละตำแหน่งนี้ และเป็นท่านอ๋องทำตัวสบาย ๆ ได้อย่างสบายใจหรือไม่? ฉู่หมิงชุ่ยกล่าวต่อ “เพื่อตำแหน่งองค์รัชทายาท ทุกคนต่างมีเล่ห์เหลี่ยม แม้แต่หยวนชิงหลิงก็รู้ดีว่าเป็นความสัมพันธ์ที่จริงจัง นี่ไม่ใช่การต่อสู้เพื่อชิงอำนาจ แต่นี่เป็นการต่อสู้ระหว่างความเป็นและความตาย ไม่ว่าเจ้าจะจบหรือไม่จบก็หนีไม่พ้น เพราะเจ้าคือลูกของพระสนม ต่อไปอ๋องจี้จะเอาชนะทุกคนได้ แต่เขาจะเอาชนะเจ้าหรือฮองไทเฮาไม่ได้” อ๋องฉีจับมือนาง “ข้าจะคิด ๆ ดู เจ้าอย่ากังวลเกินไป” อ๋องฉีอาจไม่ได้คิดเกี่ยวกับสิ่งเหล่านี้ในใจ แต่เขาคิดเสมอว่ายังไม่ถึงจุด ๆ นั้น แต่วันนี้ เมื่อรู้ว่าอ๋องจี้สั่งให้ใครลอบสังหารพี่ห้า เขาก็ตระหนักได้ว่าไม่ใช่ว่ายังไม่ถึงจุด ๆ นั้น แต่เป็นเพราะเขากลัวและไม่กล้าไปแตะต้อง เหตุการณ์ของพระชายาทั้งสองตกลงไปในน้ำที่จวนอ๋องหวยในไม่ช้าก็แพร่กระจายออกไป คนที่โกรธที่สุดคือพระสนมหลู่เฟย อ๋องหวยป่วยหนัก ถึงขั้นสุดท้ายแล้ว แต่ก็ยั

  • ใต้หล้าสยบรัก   บทที่ 206

    เหลิงจิ้งเหยียนถอนหายใจออกมา บัณฑิตเจอทหาร มีเหตุผผลก็ใช้ไม่ได้“ฝ่าบาทในเมื่อทรงรับสั่งให้พระชายาฉู่เข้าวังหลวง ไม่ได้รับสั่งให้พระชายาฉีมาด้วยเช่นนี้ เห็นได้ชัดว่าในพระทัยของฝ่าบาทไม่ได้สนพระทัยว่าพระชายาทั้งสองใครถูกใครผิด เรื่องวุ่นวายเช่นนี้ ฝ่าบาททรงต้องไม่สนพระทัยเป็นแน่”“มีเหตุผลอยู่บ้าง พูดต่อไป ข้าเรียกพระชายาฉู่มามีเหตุผลอะไร?” จักรพรรดิหมิงหยวนดื่มชาด้วยท่าทางสบาย ๆ“ไม่มีเหตุผลพ่ะย่ะค่ะ การที่พระชายาฉู่เข้าวังมา ต่อหน้าพระพักตร์ฝ่าบาท นางได้กระทำผิดมหันต์ ที่มาของความผิดนั้น หากไม่สามารถโต้แย้งได้ ฝ่าบาทก็จะต้องลงโทษนาง”“นั้นเป็นความคิดของเจ้าหรือ?”“นั้นคือการคาดเดาของกระหม่อม”“งั้นคือความคิดของเจ้า!”“...งั้นคือความคิดของกระหม่อม”ทำไมความคิดเลวทรามนี่ต้องเป็นเขาที่เป็นคนคิดออกมาด้วย? เห็นอยู่ชัด ๆ ว่าฝ่าบาททรงคิดเองจักรพรรดิหมิงหยวนเอ่ยปากชมอย่างไม่ขาดปาก “ขุนนางที่รักของข้าความคิดดีจริงๆ ถามถึงความผิดนางก่อนแล้ว ต้องทำความดีความชอบชดใช้ความผิด ก็แค่ไปให้การรักษาอาการป่วยของอ๋องหวย รักษาหายแล้วจะอภัยโทษให้ รักษาไม่หาย ข้าก็จะเมตตาเป็นพิเศษ จะงดการอภัยโทษไว้

  • ใต้หล้าสยบรัก   บทที่ 207

    หยวนชิงหลิงค่อย ๆ ลุกขึ้นมาอย่างช้า ๆ โลกนี้ไม่มีความยุติธรรม!ออกจากวังมาแล้ว หยวนชิงหลิงถอนหายใจอย่างโล่งอกปัญหาเรื่องการรักษาของอ๋องหวยหรือไม่นั้น เธอเองยังคงลังเลอยู่แม้สุดท้ายจะไม่ลองเสี่ยงดูแน่ ๆ แต่ในใจรู้สึกไม่สงบ เมื่อคิดถึงเรื่องนี้ รู้สึกทรมานใจเหลือเกินวันนี้ไม่มีทางให้ถอย แต่ก็เป็นเรื่องดีเธอเชื่อว่าถ้าเธอไม่สามารถรักษาให้หายได้ ฝ่าบาทก็คงไม่ทำอะไรเธอจริง เพียงแต่เกรงว่าจะต้องรับความโกรธเกรี้ยวของสนมหลู่เฟยแล้วสนมหลู่เฟย... หยวนชิงหลิงรู้สึกปวดที่หัวขึ้นมากะทันหัน หลู่เฟยรับมือยากซะด้วยหยวนชิงหลิงไปที่พระตำหนักเฉียนคุนวันนี้ชายชราดูกระตือรือร้นมาก อยู่ในตำหนักทำงานไม้ตอนหยวนชิงหลิงเข้าไป ในมือฉางกงกงถือเลื่อยอันนึง ไท่ซ่างหวงกำลังถือไม้บรรทัดวัดแท่งไม้ขนาดเท่าหัวแม่มือ “ไท่ซ่างหวง พระองค์ทำอะไรอยู่เพคะ?” หยวนชิงหลิงเข้าไปถามด้วยความสงสัยไท่ซ่างหวงเงยหน้าขึ้น บนหน้ากมีเหงื่อใบหน้าแดงก่ำ และพูดออกมาอย่างค่อนข้างภูมิใจว่า “เจ้าเดาดูสิ!”“นี่ คือราวตากผ้าใช่ไหมเพคะ?” นี่มันก็ไม้ยาว ๆ ดูกลมมน ทำราวตาผ้าก็ไม่เลวเลยทีเดียว“ราวตากผ้ามันคืออะไร?” ไท่ซ่างหวงพ

  • ใต้หล้าสยบรัก   บทที่ 208

    “เช็ดเหงื่อ!” ไท่ซ่างหวงตะโกนเรียกหยวนชิงหลิงรีบนำผ้าขนหนูไปซับเหงื่อเขา “พักสักครู่เถอะเพคะ ดื่มน้ำก่อนค่อยทำต่อ”“ใกล้เสร็จแล้ว เหลือแค่แกะลายมังกรซ่อนปุ่มก็เรียบร้อย” ไท่ซ่างหวงหันมามองเธอ “เรื่องของฮู่ยติ่งโฮ่ว ในเมื่อเจ้าไม่สนใจชื่อเสียงตัวเอง นำตัวเองไปเสี่ยง ก็ไม่ควรแต่งตัวปลอมตัวเป็นชาย แต่ไปปรากฏตัวด้วยฐานะพระชายาต่อหน้า และดึงดูดความสนใจของเขา”หยวนชิงหลิงเอ่ยถาม “แล้วมันมีอะไรแตกต่างกัน? เขาก็รู้ว่าหม่อมฉันคือพระชายาฉู่”ไท่ซ่างหวงกล่าวต่อ “เขาแค่แสร้งเป็นไม่รู้ มองย้อนกลับไปเรื่องนี้ ชีวิตคนหนึ่งชีวิต ใครจะไปรู้ว่าถ้าเจ้าตกอยู่นกำมือเขา? เจ้าก็ตายเปล่าแล้วหรือ? แต่ถ้าเจ้ากับฐานะพระชายาและเขาเทียวไปเทียวมาเช่นนี้ ก็จะมีพยานเพิ่มมากขึ้น ถ้าเจ้าตาย ถึงหาหลักฐานไม่ได้ว่าเขาเป็นคนทำ แต่ก็ยังสามารถยัดข้อหาให้เขาได้ แบบนี้สิเจ้าตายก็มีคุณค่า”หยวนชิงหลิงได้ยินคำพูดไท่ซ่างหวงแบบนี้ ก็อดชื่นชมไม่ได้ สมเป็นจิ้งจอกเฒ่าจริง ๆ“ก่อนจะลงมือทำอะไร ทางที่ดีเจ้าต้องคิดคาดการณ์ล่วงหน้าไว้ แม้ตัวเองจะตายไปแล้ว ก็ไม่ให้อีกฝ่ายผ่านไปได้ด้วยดีกับเรื่องที่ทำ แบบนี้ที่ลงมือทำไปถึงจะเห็นผลไ

  • ใต้หล้าสยบรัก   บทที่ 209

    จักรพรรดิหมิงหยวนมองขันทีมู่หรูอย่างแฝงความนัยและส่ายหน้า “ชั่วชีวิตนี้ของเจ้าคงไม่มีทางเข้าใจหรอก”“กระหม่อมโง่เขลา ฝ่าบาทพูดถึงกระหม่อมจึงเข้าใจ” ขันทีมู่หรูพูดอย่างอ่อนน้อมถ่อมตนจักรพรรดิหมิงหยวนทรงเมินเฉยพูดเรื่องสตรีกับขันทีเฒ่า เสียเวลาอธิบายจวนอ๋องฉู่ อวี่เหวินห่าวรออย่างกระวนกระวายใจ หลังจากกลับจวนมา คนในจวนรายงานว่ากู้ซือพาหยวนชิงหลิงเข้าวัง บอกว่าเรื่องอาการป่วยของอ๋องหวย เขากำลังลังเลอยู่ว่าจะเข้าวังดีไหม ได้ยินคนบอกว่าพระชายากลับมาแล้วหยวนชิงหลิงเห็นเขาคำแรกที่พูดคือ “เสด็จพ่อให้ข้าไปรักษาอาการป่วยของอ๋องหวย” อวี่เหวินห่าวประหลาดใจเหนือความคาดหมาย “เจ้ามีความมั่นใจไหม?”หยวนชิงหลิงส่ายหน้า “ไม่มี”“ถ้าไม่มี ก็ไม่ต้องไป” อวี่เหวินห่าวกล่าวหยวนชิงหลิงนั่งลงดื่มน้ำแก้วหนึ่งแล้วพูดว่า “ไม่ไปไม่ได้ เสด็จพ่อท่านอารมณ์แปรปรวนท่านก็ไม่อาจหยั่งรู้ได้ ถ้าข้ากล้าขัดรับสั่ง พระองค์ต้องตัดหัวข้าแน่” “ไม่หรอก!” อวี่เหวินห่าวกล่าว“ไม่ขนาดนั้นหรอก” หยวนชิงหลิงมองใบหน้าของเขาที่เต็มไปด้วยความกังวล ในใจก็รู้สึกอบอุ่นเข้าใจคนอื่นขนาดนี้ “ท่านก็อย่ากังวลมากไป ถ้าข้ารักษาไม่ไ

  • ใต้หล้าสยบรัก   บทที่ 210

    ไม้เถียฮว๋านี่น่าจะเป็นไม้ที่แข็งที่สุดในโลกแล้ว? แข็งกว่าเหล็กธรรมดา ๆ ตั้งสองเท่าในยุคปัจจุบัน ไม้เถียฮว๋าเป็นพืชป่าใกล้สูญพันธุ์ คนสมัยก่อนใช้ไม้เถียฮว๋าแทนโลหะ ส่วนประกอบในคอมอย่างวิดเจ็ตก็มีใช้ไม้เถียฮว๋า แต่ราคาเองก็ล้วนค่อนข้างแพงแต่วันนี้เธอเห็นอยู่ชัด ๆ ว่าไท่ซ่างหวงใช้เลื่อย เลื่อยมันให้สั้นลง อีกทั้งไม้ที่แข็งขนาดนี้ การแกะสลักต้องเป็นเรื่องที่ยากลำบากมากแน่? ไม่ได้ใช้มีดแกะสลักเพชรมาแกะเหรอ?“ไท่ซ่างหวงทรงแกะสลักด้วยพระองค์เองแบบนี้ ไม่น่าใช่ไม้เถียฮว๋า!” หยวนชิงหลิงพูดอย่างไม่เชื่อนางข้าหลวงสี่กล่าวอย่างยิ้มแย้ม “นี่เป็นสิ่งที่ไท่ซ่างหวงเท่านั้นที่ทรงแกะสลักได้ ทหารองค์รักษ์ธรรมดา ๆ ล้วนไม่อาจทำได้ ”“อาการประชวรของไท่ซ่างหวง เดินยังไม่ค่อยมีแรงเลย ทำไมถึงสามารถแกะสลักไม้ที่แข็งขนาดนี้ได้ล่ะ? ” หยวนชิงหลิงถามด้วยความสงสัย ได้ยินแบบนี้ดูเหมือนไท่ซ่างว่าจะทรงแข็งแกร่งเก่งกาจมาก“การที่เดินไม่ค่อยมีแรงเป็นเพราะอาการประชวร ตอนสมัยไท่ซ่างหวงหนุ่ม ๆ ถือได้ว่าเป็นนักรบผู้กล้ามีวรยุทธ์ที่แข็งแกร่งที่สุดของเป่ยถัง พระองค์ทรงฝึกฝนทั้งกำลังภายนอกและภายใน ตอนนี้พระองค์อายุมาก

Latest chapter

  • ใต้หล้าสยบรัก   บทที่ 1015

    ซูยี่อยู่ในห้องของสุนัขป่าเช่นกัน เมื่อเห็นอวี่เหวินห่าวและหยวนชิงหลิงเข้ามา เขาพูดอย่างกังวล "องค์รัชทายาท พระชายา นายน้อยสุนัขป่าไม่กินอะไรเลย หาหมอหลวงดีไหมพ่ะย่ะค่ะ?"อวี่เหวินห่าวหัวเราะ "เขารักษาอาการป่วยของสุนัขป่าไม่ได้ จะพาเขาไปทำไม?"เขาดูสุนัขป่าน้อยสามตัวนอนอยู่บนเตียงเล็ก ร่างเล็ก ๆ ของพวกมันเบียดเสียดกัน ดูเซื่องซึม บางทีอาจเป็นเพราะพวกมันไม่ได้กินอะไรจึงดูอ่อนแอและซูบผอมเป็นพิเศษ อวี่เหวินห่าวพูดด้วยความประหลาดใจว่า "ผอมลงมากขนาดนี้เลยรึ? สุนัขป่าคงหิวมากแน่ ๆ""สุนัขป่าที่โตเต็มวัย เวลาหิวนั้นกินอาหารหนึ่งมื้อสามารถอยู่ได้นานถึงครึ่งเดือน ตอนนี้พวกมันยังเด็กและต้องกินเนื้อ" ซูยี่เลี้ยงสุนัขป่า และได้ศึกษาการเลี้ยงมามากมายอวี่เหวินห่าวหยิบหนึ่งในนั้นขึ้นมา เห็นสุนัขป่าหิมะตัวน้อยนอนนิ่งอยู่ในมือของเขาเหมือนก้อนสำลีเบาหวิวไม่มีน้ำหนัก "ตัวนี้ของใครกัน?""ของเสี่ยวลั่วหมี่" หยวนชิงหลิงกล่าว "ตัวเล็กที่สุดคือของเสี่ยวลั่วหมี่ ท่านดูสิแยกออกได้เลยเห็นไหม ของ เปาจื่อปากจะแหลมมาก ของทังหยวนก็หน้ากลมกว่า มันแปลกที่จะบอกว่าสุนัขป่าพวกนี้ ทั้งลักษณะนิสัยหรือรูปร่างหน้าตา พว

  • ใต้หล้าสยบรัก   บทที่ 1014

    อวี่เหวินห่าวไม่ได้อธิบายอะไรแทนจิ้งถิง เขาแค่พูดว่า "เขาจะอยู่ในจวนสักพัก ดังนั้นเจ้าควรเปิดตาของเจ้าดูสิว่าเขาจริงใจหรือเสเเสร้ง เจ้าฉลาดมากขนาดนี้ ย่อมต้องดูออกอยู่แล้ว”หยวนชิงหลิงได้ยินถึงความไม่พอใจในน้ำเสียงของเขา ดูเหมือนว่าเขาใส่ใจมิตรภาพนี้จริง ๆหยวนชิงหลิงลองคิดดูแล้ว หลังจากใช้เวลาร่วมกับจวิ้นจู่มาสองสามวัน จวิ้นจู่ก็เป็นคนตรงไปตรงมาและเปิดเผย ดังนั้นนางคงไม่หาสามีที่มีจิตใจล้ำลึกซับซ้อนหรอกนางจึงขอโทษเขา "ข้าคิดมากไป ในอนาคตข้าจะไม่พูดอะไรแบบนี้อีก"อวี่เหวินห่าวเอื้อมมือไปเชยคางนาง และมองหน้านาง "เหล่าหยวน ข้าเองก็เห็นว่านิสัยของเจ้าช่างเถรตรงจริง ๆ แม้ว่าบางครั้งเจ้าจะดุร้าย เผด็จการ และไม่มีเหตุผล แต่ถ้าเจ้าทำอะไรผิด เจ้าจะต้องขอโทษอย่างแน่นอน เกรงว่าแม้จะเป็นคนรับใช้ก็ยังกล่าวคำขอโทษได้ เจ้านี่นิสัยดี ใช้ได้จริง ๆ"“ข้าเป็นคนไร้เหตุผลตั้งแต่เมื่อไหร่กัน?” หยวนชิงหลิงหัวเราะ “ท่านจะชมข้าก็ชมสิ ทำไมต้องดุกันก่อน”อวี่เหวินห่าวหัวเราะ "รางวัลและบทลงโทษต้องแยกให้ออกจากกันอย่างชัดเจน หากเจ้าทำสิ่งที่ถูกต้อง เจ้าควรได้รับคำชมเชย หากเจ้าทำอะไรผิด ก็ต้องบอกกล่าวตักเตือ

  • ใต้หล้าสยบรัก   บทที่ 1013

    เขากลับมาที่จวนอย่างไม่สบอารมณ์ หยวนชิงหลิงเห็นว่าเขาขมวดคิ้ว นางรู้ว่าเป็นเพราะเรื่องลงนามพันธมิตรอีกเป็นแน่ ดังนั้นนางจึงปลอบเขาอวี่เหวินห่าวพูดด้วยความโกรธ "เสด็จพ่อจงใจทำให้ข้าลำบาก จูกั๋วกงเห็นด้วยหรือไม่นั้นเป็นเรื่องสำคัญขนาดนั้นเลยรึอย่างไร?"หยวนชิงหลิงหัวเราะ "ท่านอยู่ในเกมและกังวลเกี่ยวกับเรื่องนี้มากเกินไป จึงไม่เข้าใจความหมายของเสด็จพ่อ เสด็จพ่อต้องการให้ท่านเอาแรงสนับสนุนจากจูกั๋วกงมาให้ได้ ไม่ใช่แค่แรงสนับสนุนเรื่องนี้เท่านั้น แต่มันจะเป็นแรงสนับสนุนงานในอนาคตทั้งหมดของท่าน เพราะตอนนี้เขาเป็นคนที่สามารถปราบปรามตี้เว่ยหมิงอย่างออกหน้าได้ นั้นก็คือตัวเขาที่เป็นพ่อตา”อวี่เหวินห่าวตกตะลึงไปครู่หนึ่ง "เจ้าหมายความว่า เสด็จพ่อก็มองตี้เว่ยหมิงออกด้วยหรือ?"หยวนชิงหลิงยืนพิงเขา "เสด็จพ่อย่อมต้องรู้มากกว่าท่านอยู่แล้ว เหมือนที่ท่านเคยพูดไว้ก่อนหน้านี้ว่าพระองค์ลำเอียงเข้าข้างพี่ใหญ่เสมอ จริง ๆ แล้วพระองค์ทรงรู้อยู่แก่ใจ พระองค์แค่ให้โอกาสพี่ใหญ่เสมอ แต่เมื่อเจอโอกาสที่เหมาะสม ก็ควรจัดการไม่ใช่หรอกหรือ? ความคิดของพระองค์ชัดเจนอยู่แล้ว ดังนั้นจงทำตามที่พระองค์ต้องการเถอะ จัดก

  • ใต้หล้าสยบรัก   บทที่ 1012

    พระชายาจี้พูดจบก็กลับไปนั่งลงบนเก้าอี้เก้าอี้ที่นางนั่งนั้นใหญ่มาก แต่นางผอมมากเนื่องจากป่วยมาเป็นเวลานาน เก้าอี้นั้นยังมีพื้นที่เหลืออีกมาก ผู้หญิงตัวเล็ก ๆ คนนั้นนั่งบนเก้าอี้กว้างตัวใหญ่ประจัญหน้ากับพวกขุนนางกว่าสิบคนที่อยู่ตรงนั้นแม่ทัพซุยไม่กล้าพูดอะไรอีกต่อไป ความโกรธบนใบหน้าของเขาก็ค่อย ๆ แปรเปลี่ยนเป็นความหวาดกลัวคนที่เหลือก็เงียบและก้มหน้าเช่นกันพระชายาจี้รออยู่สักพัก ก่อนที่จะกล่าวอย่างใจเย็นว่า "องค์รัชทายาทคือผู้กำหนดชะตา ถ้าเจ้าปฏิบัติตามให้ดี เจ้าจะมีชีวิตอยู่อย่างมั่งคั่งและมั่งคั่งในภายภาคหน้า วันนี้ข้าพูดได้เพียงเท่านี้ ทุกคนไปเถอะ รักษาตัวด้วย"หลังจากพูดจบ นางก็ยืนขึ้น และเดินออกไปโดยเอามือไพล่หลัง แผ่นหลังบาง ๆ ของนางตั้งตรงดูยิ่งใหญ่ราวกับว่าสามารถแบกท้องฟ้าได้ครึ่งหนึ่งแรงสนับสนุนของอวี่เหวินห่าวสูงขึ้นเรื่อย ๆอย่างไรก็ตาม มีคน ๆ ​​หนึ่งที่มีความคิดเห็นเป็นปฏิปักษ์อยู่เสมอ ถึงกับตำหนิเขาตรง ๆ ต่อหน้าท้องพระโรงทำให้บรรยากาศของวันนั้นแย่เป็นอย่างยิ่ง แม้แต่จักรพรรดิหมิงหยวนก็ยังกริ้วจนหน้าดำจูกั๋วกงคนนี้คือ จูหรูเพ่ย เป็นพ่อตาของตี้เว่ยหมิงเมื่อก่อน

  • ใต้หล้าสยบรัก   บทที่ 1011

    มีแม่ทัพแซ่ซุยอยู่ที่นี่ ซึ่งเคยอยู่กับตี้เว่ยหมิงมาก่อน และตี้เว่ยหมิงได้ติดต่อเขาแล้ว เมื่อได้ยินสิ่งที่พระชายาจี้พูด เขาพูดอย่างเฉยเมยว่า "ข้อเสนอขององค์รัชทายาทที่จะจัดตั้งพันธมิตรกับต้าโจว ไม่ต่างอะไรไปกว่าการกระทำของคนขี้ขลาด คิดว่าด้วยการสนับสนุนของต้าโจว เป่ยถังของเราจะสามารถดำรงอยู่ได้อย่างสงบสุขรึ และเช่นกันด้วยวิธีนี้ เป่ยถังของเราจะต้องมองสีหน้าท่าทีของต้าโจวในทุก ๆ เรื่องงั้นหรือ? นี่คิดว่ามันคงไม่เหมาะกระมั่ง”พระชายาจี้มองเขา น้ำเสียงของนางเย็นชาเล็กน้อย “แม่ทัพซุย แม้ว่าข้าจะเป็นผู้หญิง แต่ข้าก็รู้ด้วยว่าสิ่งที่องค์รัชทายาทเสนอเป็นพันธมิตร มิใช่การยอมจำนน ทำไมเจ้าต้องสังเกตสีหน้าท่าทางต้าโจวทุกอย่างด้วย?”แม่ทัพซุยพูดอย่างแข็งกร้าว "พระชายาคงไม่เข้าใจสินะ? เมื่อพันธมิตรถูกจัดตั้งขึ้น ก็จะมีข้อจำกัดซึ่งกันและกัน ข้อจำกัดทางทหารไม่ใช่เรื่องที่ดี"พระชายาจี้ถึงกับขำ แววตาของนางดูเย็นชาขึ้นมา "จริงหรือ? แล้วทำไมข้าถึงได้ยินว่าสนธิสัญญานี้หมายถึงการไม่รุกรานกัน? หรือว่าแม่ทัพซุยมีความคิดที่จะรุกรานแคว้นอื่น"แม่ทัพซุยตกตะลึง "นี่...ข้าย่อมไม่มีอยู่แล้ว"“ในเมื่อไม่มี เจ

  • ใต้หล้าสยบรัก   บทที่ 1010

    หยวนชิงหลิงไม่สบายใจ อย่างไรก็ตาม เสี่ยวลั่วหมี่ยังมีไข้อยู่นางยิ้มและพูดว่า "เสด็จย่า พวกเขาอาจจะงอแง เกรงว่าจะทำให้พระองค์ทรงเหนื่อยได้เพคะ"ไทเฮาทรงมีสีพระพักตร์นิ่งเฉย และตรัสอย่างไม่พอใจว่า “เกรงว่าคนแก่อย่างข้าจะอ่อนล้า หรือไม่วางใจให้ข้าดูแลพวกเขากัน? กลัวว่าพวกเขาอยู่กับข้าแล้วจะดูแลไม่ดี ไม่มีนมให้กินอย่างนั้นรึ” หยวนชิงหลิงยิ้มและพูดว่า "ดูพระองค์พูดสิเพคะ พระองค์จะปฏิบัติต่อพวกเขาอย่างเลวร้ายได้อย่างไร? พระองค์ออกจะรักเหมือนเป็นหัวแก้วหัวแหวน... "“บุ้ย ๆ ๆ หัวแก้วหัวแหวนอะไรกัน ไม่ใช่ลูกสาวสักหน่อย แต่เป็นทองคำต่างหาก ทองคำของข้า” ไทเฮาทรงตรัสแปลก ๆ ขณะอุ้มเสี่ยวลั่วหมี่ไว้นางเงยหน้าขึ้นและมองไปที่หยวนชิงหลิงและพูดอย่างเย็นชาว่า "อย่าพูดไร้สาระ แค่อยู่ในวังสักสองสามวัน ไว้หายดีแล้วค่อยให้เจ้ามารับไป หากยังกังวลใจ ให้ไปหาไท่ซ่างหวงให้รับรองให้เจ้าเถอะ”หยวนชิงหลิงได้ยินว่านางถึงกับยกไท่ซ่างหวงออกมาแบบนี้ นางจะกล้าปฏิเสธได้อย่างไร นางจึงจำใจต้องส่งลูกที่เพิ่งครบเดือนให้ห่างอกนางเท่านั้นอย่างไรก็ตาม เมื่อนึกถึงเรื่องการจัดตั้งโรงเรียนแพทย์ ทุกวันนี้นางก็แทบไม่มีเวลา

  • ใต้หล้าสยบรัก   บทที่ 1009

    ในเมื่อเสด็จพ่อเห็นด้วย จะให้เขามาหารือกับเหล่าขุนนางเพื่อเรียกแรงสนับสนุน แล้วทำไมเขาต้องไปหาเสียงเห็นชอบด้วยจักรพรรดิหมิงหยวนมองเขาอย่างแฝงความนัย เขายังเด็กเกินไปจริง ๆ "ไปซะ"อวี่เหวินห่าวออกไปคิดเกี่ยวกับเรื่องนี้ และทันใดนั้นก็ตระหนักได้ว่า มันยังเป็นความเคลื่อนไหวอันเฉียบแหลมของเสด็จพ่อ ที่ไม่ได้แสดงจุดยืนของพระองค์ออกมา และเฝ้าดูความเคลื่อนไหวของเหล่าขุนนางอย่างเงียบ ๆ หากพระองค์แสดงจุดยืนออกมา หลายคนจะเอียนเอียงคล้อยตามพระองค์ทันที ถ้าพระองค์ไม่พูดอะไร พระองค์ก็จะรู้ความคิดทุกคนจริง ๆ ว่าใครอยู่ข้างตี้เว่ยหมิงอย่างไรก็ตาม หลังจากที่เขาจากไป จักรพรรดิหมิงหยวนก็คิดว่าเรื่องนี้มีข้อดีมากมาย แต่ก็มีข้อเสียเล็ก ๆ น้อย ๆ ด้วยเช่นกัน เพื่อหลีกเลี่ยงไม่ให้นักประวัติศาสตร์ในอนาคตเขียนส่งเดชให้เขาเป็นแพะรับบาป การแสร้งทำเป็นบีบบังคับให้ทำในสิ่งที่ไม่น่าทำได้น่าจะเป็นการดีกว่าเขากำลังกินหมานโถ่วและกังวลใจเกี่ยวกับเสี่ยวลั่วหมี่วันนี้เสี่ยวลั่วหมี่มีไข้ อันที่จริงไม่ใช่แค่เสี่ยวลั่วหมี่ แต่เด็กทั้งสามคนมีอาการไอเล็กน้อยเพียงแต่ร่างกายของเสี่ยวลั่วหมี่นั้นไม่ค่อยแข็งแรง เขาจึงมี

  • ใต้หล้าสยบรัก   บทที่ 1008

    หลังจากเลิกว่าราชกิจแล้ว อวี่เหวินห่าวก็ไม่ย่อมไม่พอใจ ดังนั้นเขาจึงไปหอตำราหลวงหาจักรพรรดิหมิงหยวนจักรพรรดิหมิงหยวนมักจะกินอาหารเช้าหลังจากเลิกว่าราชกิจในยามเช้า มีโจ๊กและหมานโถ่วอยู่ในห้องทำงานของจักรพรรดิ หลังจากกินโจ๊กชามหนึ่ง ก็พูดอย่างเรียบเฉยว่า"เป็นเพราะความสัมพันธ์ระหว่าเจ้ากับแม่ทัพเฉินแห่งต้าโจว? ถึงเป็นเหตุผลให้เจ้าวิ่งเต้นขนาดนี้?”อวี่เหวินห่าวไม่ได้กินอาหารเช้าเช่นกัน และตอนนี้เขาหิวมาก เมื่อเห็นว่าเขาหยุดกินโจ๊กแล้ว เขาคิดว่าเขาไม่เอาหมานโถ่วแล้ว จึงเอื้อมมือไปหยิบหมานโถ่ว “ไม่ใช่พ่ะย่ะค่ะ กระหม่อม..."จักรพรรดิหมิงหยวนหยิบตะเกียบขึ้นมาและชี้ไปที่เขา "วางลงซะ!"อวี่เหวินห่าวถึงกับอ้าปากค้าง เมื่อเห็นสายตาพ่อตัวเองเป็นประกายเช่นนั้น เขาแอบบ่นว่าขี้งกและวางหมานโถ่วกลับที่เดิมจักรพรรดิหมิงหยวนหยิบหมานโถ่วขึ้นมาเช็ด จากนั้นค่อย ๆ ปอกลอกเปลือกนอกออกและกินมัน โดยทิ้งอวี่เหวินห่าวที่อยู่ข้าง ๆอวี่เหวินห่าวพูดอย่างเศร้าใจ "กระหม่อมก็หิวเหมือนกัน เมื่อเช้านี้ตื่นมา แม่นมบอกว่าเสี่ยวลั่วหมี่ตัวร้อนเล็กน้อย กระหม่อมจึงรีบไปดูก่อน ไม่ได้สนใจที่จะกินอาหารเช้า"เมื่อได้ยินว

  • ใต้หล้าสยบรัก   บทที่ 1007

    เขาพูดเสียงดังในท้องพระโรง "เป่ยโม่และเสียนเป่ยเป็นดั่งหมาป่าทะเยอทะยาน พวกเขาจับตามองเป่ยถังมานานแล้ว แต่เป็นเพราะทหารม้าที่แข็งแกร่งของเป่ยถั งและเหล่ายอดนักรบจึงขับไล่พวกเขากลับไปได้เป็นการชั่วคราว แต่ไม่มีอะไรมารับประกันได้ว่าพวกเขาจะไม่กลับมารุกรานอีกตอนนี้ต้าโจวได้พัฒนาอาวุธและรถออกศึกได้ หากทั้งสองแคว้นเป็นพันธมิตรกัน ต้าโจวสามารถช่วยเป่ยถังปรับปรุงอาวุธและยุทโทปกรณ์ ซึ่งสามารถเสริมสร้างการป้องกันทางทหารของเป่ยถังได้ และร่วมกับการพัฒนาเศรษฐกิจ นี่เป็นประโยชน์ระยะยาวสำหรับเป่ยถัง รัชทายาททรงมีพระวินิจฉัยที่ลึกซึ้ง นั่นเป็นผลดีต่อราษฏร และเขายังคิดถึงระยะยาวสำหรับเป่ยถัง ส่วนแม่ทัพตี้เว่ยหมิงที่เจตนาพูดจาให้คนอื่นตกใจนั้นก็มีส่วนต้องรับผิดชอบด้วย ว่าไปแล้วเป่ยถังไม่ได้ไปรุกรานโม่เป่ยกับเสียนเป่ย หากพวกเขาไปรุกรานต้าโจว มีหรือจะปล่อยเป่ยถังไว้? หรือถึงตอนนั้นต้องยกแคว้นให้เพื่อสงบศึกกัน? "ในตอนนั้นเป่ยถังพ่ายแพ้ให้กับเป่ยโม่ ถูกทหารสามหมื่นนายล้อมไว้ ในท้ายที่สุด แม่ทัพตี้เว่ยหมิงถูกส่งไปเจรจาสงบศึก ยกเมืองที่เป่ยโม่ต้องการถึงจะยอมถอยทัพนี่เป็นความอัปยศอดสูของเป่ยถังเสมอ และม

DMCA.com Protection Status