Share

บทที่ 209

Author: จูน
last update Last Updated: 2024-10-29 19:42:56
จักรพรรดิหมิงหยวนมองขันทีมู่หรูอย่างแฝงความนัยและส่ายหน้า “ชั่วชีวิตนี้ของเจ้าคงไม่มีทางเข้าใจหรอก”

“กระหม่อมโง่เขลา ฝ่าบาทพูดถึงกระหม่อมจึงเข้าใจ” ขันทีมู่หรูพูดอย่างอ่อนน้อมถ่อมตน

จักรพรรดิหมิงหยวนทรงเมินเฉย

พูดเรื่องสตรีกับขันทีเฒ่า เสียเวลาอธิบาย

จวนอ๋องฉู่ อวี่เหวินห่าวรออย่างกระวนกระวายใจ หลังจากกลับจวนมา คนในจวนรายงานว่ากู้ซือพาหยวนชิงหลิงเข้าวัง บอกว่าเรื่องอาการป่วยของอ๋องหวย เขากำลังลังเลอยู่ว่าจะเข้าวังดีไหม ได้ยินคนบอกว่าพระชายากลับมาแล้ว

หยวนชิงหลิงเห็นเขาคำแรกที่พูดคือ “เสด็จพ่อให้ข้าไปรักษาอาการป่วยของอ๋องหวย”

อวี่เหวินห่าวประหลาดใจเหนือความคาดหมาย “เจ้ามีความมั่นใจไหม?”

หยวนชิงหลิงส่ายหน้า “ไม่มี”

“ถ้าไม่มี ก็ไม่ต้องไป” อวี่เหวินห่าวกล่าว

หยวนชิงหลิงนั่งลงดื่มน้ำแก้วหนึ่งแล้วพูดว่า “ไม่ไปไม่ได้ เสด็จพ่อท่านอารมณ์แปรปรวนท่านก็ไม่อาจหยั่งรู้ได้ ถ้าข้ากล้าขัดรับสั่ง พระองค์ต้องตัดหัวข้าแน่”

“ไม่หรอก!” อวี่เหวินห่าวกล่าว

“ไม่ขนาดนั้นหรอก” หยวนชิงหลิงมองใบหน้าของเขาที่เต็มไปด้วยความกังวล ในใจก็รู้สึกอบอุ่นเข้าใจคนอื่นขนาดนี้ “ท่านก็อย่ากังวลมากไป ถ้าข้ารักษาไม่ไ
Locked Chapter
Continue to read this book on the APP

Related chapters

  • ใต้หล้าสยบรัก   บทที่ 210

    ไม้เถียฮว๋านี่น่าจะเป็นไม้ที่แข็งที่สุดในโลกแล้ว? แข็งกว่าเหล็กธรรมดา ๆ ตั้งสองเท่าในยุคปัจจุบัน ไม้เถียฮว๋าเป็นพืชป่าใกล้สูญพันธุ์ คนสมัยก่อนใช้ไม้เถียฮว๋าแทนโลหะ ส่วนประกอบในคอมอย่างวิดเจ็ตก็มีใช้ไม้เถียฮว๋า แต่ราคาเองก็ล้วนค่อนข้างแพงแต่วันนี้เธอเห็นอยู่ชัด ๆ ว่าไท่ซ่างหวงใช้เลื่อย เลื่อยมันให้สั้นลง อีกทั้งไม้ที่แข็งขนาดนี้ การแกะสลักต้องเป็นเรื่องที่ยากลำบากมากแน่? ไม่ได้ใช้มีดแกะสลักเพชรมาแกะเหรอ?“ไท่ซ่างหวงทรงแกะสลักด้วยพระองค์เองแบบนี้ ไม่น่าใช่ไม้เถียฮว๋า!” หยวนชิงหลิงพูดอย่างไม่เชื่อนางข้าหลวงสี่กล่าวอย่างยิ้มแย้ม “นี่เป็นสิ่งที่ไท่ซ่างหวงเท่านั้นที่ทรงแกะสลักได้ ทหารองค์รักษ์ธรรมดา ๆ ล้วนไม่อาจทำได้ ”“อาการประชวรของไท่ซ่างหวง เดินยังไม่ค่อยมีแรงเลย ทำไมถึงสามารถแกะสลักไม้ที่แข็งขนาดนี้ได้ล่ะ? ” หยวนชิงหลิงถามด้วยความสงสัย ได้ยินแบบนี้ดูเหมือนไท่ซ่างว่าจะทรงแข็งแกร่งเก่งกาจมาก“การที่เดินไม่ค่อยมีแรงเป็นเพราะอาการประชวร ตอนสมัยไท่ซ่างหวงหนุ่ม ๆ ถือได้ว่าเป็นนักรบผู้กล้ามีวรยุทธ์ที่แข็งแกร่งที่สุดของเป่ยถัง พระองค์ทรงฝึกฝนทั้งกำลังภายนอกและภายใน ตอนนี้พระองค์อายุมาก

  • ใต้หล้าสยบรัก   บทที่ 211

    “ข้าฝึกดื่มเหล้ามาแล้ว มิฉะนั้นวันหลังจะลำบากมาก พรุ่งนี้ถึงแม้จะต้องไปจวนอ๋องหวย ท่านก็ดื่มกับข้าสักหน่อยแล้วกัน” หยวนชิงหลิงเชื้อเชิญด้วยความจริงใจทันใดนั้นอวี่เหวินห่าวพึ่งค้นพบว่าตัวเองไม่อาจต้านทานความจริงใจของนางได้เขายักไหล่อย่างช่วยไม่ได้ “ตามใจ ข้าเองก็อยากดื่มสักแก้ว” จะต้องหาข้ออ้างไม่ใช่หรือ? ทั้งนี้ทั้งนั้นเพื่อให้นางคิดว่าพูดอะไรเขาก็ฟังทุกอย่างหยวนชิงหลิงรู้สึกว่าตัวเองคงต้องดื่มอีกหลายพันแก้วเพื่อไม่ให้เมา หลังจากจุดอ่อนถูกค้นพบอย่างน้อยหนึ่งจุด จุดอ่อนนี้นั้น อาจกลายเป็นภัยคุมคามใหญ่ได้ฝีมือของแม่นมฉี สามารถทำอาหารรสเลิศได้หลายประเภทวัตถุดิบที่ธรรมดาที่สุด เมื่ออยู่ในมือนาง ล้วนกลายเป็นของเลิศรสได้อย่างน่าอัศจรรย์ หยวนชิงหลิงกินแล้วก็ยิ้มไม่หยุดและพูดว่า “พี่รองพูดตลอดว่าพ่อครัวหลวงทำอาหารอร่อย เขายังไม่เคยกินกับข้าวที่แม่นมฉีทำเลย ถ้าได้กินแล้วละก็ เกรงว่าจะเก็บกระเป๋ารีบย้ายมาอยู่ยาวแน่”อวี่เหวินห่าวมองนาง “เจ้ากับพี่รองดูสนิทกันนะ”หยวนชิงหลิงรินเหล้าให้เขาและรินให้ตัวเองเต็มแก้ว แก้วเล็ก ๆ นี้ใส่เหล้าได้ประมาณคำนึง เหล้าสีใส กลิ่นหอมเตะจมูกหยวนชิงหลิ

  • ใต้หล้าสยบรัก   บทที่ 212

    ครึ่งชั่วยามต่อมา อวี่เหวินห่าวมองผู้หญิงไร้ยางอายที่นั่งอยู่บนโต๊ะด้วยความรังเกียจเสื้อแขนกว้างตัวนั้นดึงออกไปแล้วครึ่งหนึ่ง สองมือที่วางบนช่วงคอ, ช่วงบ่าและไหปลาร้า..ออกแรงเกาบนใบหน้า, บนไหปลาร้า, บนคอล้วนเป็นรอยผื่นแดงและขึ้นตุ่มแดง ๆ เป็นเม็ด ๆ เต็มไปหมดบนพื้นเต็มไปด้วยตะเกียบข้าวปลาอาหารที่เลอะเทอะกระจัดกระจายไปหมด แม่นมฉีกับลวี่หยารีบพากันออกไป นางข้าหลวงสี่เองก็ฉลาด หลบออกไปเตรียมน้ำแกงสร่างเมาตัวเป่าเองก็รีบออกไปก่อนที่พายุฝนจะมาถึง ก่อนที่ชามใบแรกจะเขวี้ยงลงกับพื้น มันก็หนีเอาชีวิตรอดออกไปแล้วสุราหอมหมื่นหลี้ เขาสาบาน แก้วเดียวจริง ๆเขาค่อย ๆ ลุกขึ้นแล้วถอยหลังออกไปหยวนชิงหลิงหยิบไม้เท้าทรงอำนาจนั้นขึ้นแล้วเคาะลงกับโต๊ะอย่างแรง พร้อมตะโกนอย่างสุดเสียง “เจ้าลองดูสิ?”อวี่เหวินห่าวรู้สึกอยากฆ่านางขึ้นมาชีวิตนี้ของเขาเกลียดที่สุดคือการถูกข่มขู่หยวนชิงหลิงคันไปหมดทั้งตัว ดื่มครั้งแรกไม่เห็นมีอาการแพ้เลยสักนิด แล้วทำไมครั้งนี้ถึงเกิดอาการแพ้ขึ้นมาได้?เธอยังมีสติรับรู้ แต่ก็ทนไม่ได้กับความคันไปถึงกระดูกนี่ราวกับอาการคันนี่มันมาจากเลือด เธอรื้อหายาในกล่องยา แต่ก็

  • ใต้หล้าสยบรัก   บทที่ 213

    เธอรู้สึกไม่สบายใจอีกครั้ง กล่องยาก็พัฒนาขึ้นอีกแล้ว เป็นที่แน่ชัดว่าการพัฒนาของกล่องยาอาจมีส่วนเกี่ยวข้องกันกับการพัฒนาของสมองเธอนี่เป็นการค้นพบครั้งใหญ่ อย่างน้อยก็ทำให้เธอมีความหวังขึ้นมาพร้อมด้วยการพัฒนาของกล่องยาและการพัฒนาของสมอง เธออาจควบคุมกล่องยานี่ได้อย่างสมบูรณ์อย่าเพิ่งไปสนเรื่องนั้น ตอนนี้มีสเตรปโตมัยซินแล้ว สามารถให้ฉีดสเตรปโตมัยซินได้ติดต่อกันสิบห้าวัน เพื่อให้อาการคงที่เธอจัดเก็บของในกล่องยาวางให้เรียบร้อย ครีมทาริดสีดวงทวารและกลีเซอรีน อินีม่าล้วนมีอยู่ในนี้ แต่ของพวกนี้ไม่ค่อยได้ใช้บ่อย เลยวางพวกมันได้ที่ด้านล่างสุดของกล่องกลับไปที่ข้างเตียง เห็นอวี่เหวินห่าวนอนหลับเหมือนหมูตายยังไงอย่างงั้น เขาไม่ได้ดื่มเยอะ? ทำไมเมาได้ขนาดนี้?มองใบหน้าของเขาที่มีรอยเล็บสามเส้นบนแก้มทั้งซ้ายทั้งขวา หยวนชิงหลิงรู้สึกผิดขึ้นมา ไม่น่าเลย พรุ่งนี้เขาจะไปกลับที่สำนักงานผู้ตรวจการยังไง?เธอหาวออกมารู้สึกง่วงนอนแล้ว เลยปีนคลานขึ้นไปทางฝั่งด้านของเขาแล้วเข้าไปนอนตอนปีนขึ้นไป ก็ทำให้อีกคนสะดุ้งตื่นเสียแล้วอวี่เหวินห่าวที่นอนหลับสนิทไปแล้ว ก็ตื่นขึ้นมา สมองแจ่มใสขึ้นมาทันทีที่

  • ใต้หล้าสยบรัก   บทที่ 214

    อวี่เหวินห่าวหันหลังให้นางแล้วเก็บซ่อนความโกรธนั้นแล้วพูดกับนางว่า “สักสามหรือห้าคนได้”หยวนชิงหลิงตกใจมาก เดิมทีคิดว่าคนสองคนก็เยอะแล้ว แต่คิดไม่ถึงเลยว่ามีตั้งสามหรือห้าคนแบบนี้ ในฐานะคนยุคปัจจุบัน จึงไม่สามารถเข้าใจได้จริง ๆ เหตุผลที่ผู้ชายหานางบำเรอได้และก็ไม่สามารถเข้าใจเหตุผลเพื่อสืบทายาทได้เธอเองก็หันหลังให้เขา ในใจรู้สึกโกรธมาก โกรธแทนหญิงสาวเหล่านั้นดูอย่างลวี่หยาเป็นตัวอย่าง ผู้หญิงไม่ได้เต็มใจทำงานบ้าน ใครเต็มใจยอมเป็นเครื่องผลิตทายาทให้ผู้ชายบ้าง? แต่ภายใต้อำนาจพวกนางทำได้แค่ยอมจำนน เพราะสถานะต้อยต่ำของตัวเองเหล่าผู้หญิงผู้น่าสงสารพวกนั้น ปล่อยให้คนร้ายอย่างอวี่เหวินห่าวกระทำการชั่วร้ายย่ำยีงั้นหรือ?แต่ถ้าตอนนี้ไล่พวกนางออกจากจวน ในสังคมชนชั้นศักดินาแบบนี้ พวกนางยังสามารถหาคนดี ๆ แต่งงานด้วยได้ไหม?หยวนชิงหลิงโกรธมาก อวี่เหวินห่าวก็โกรธมากคำพูดของนางหมายความว่าไง? เห็นเขาเป็นคนยังไง? เรื่องนางบำเรออีก สนมนางบำเรอเขาก็ไม่มี มีนางเป็นพระชายาคนเดียว ยังน่ารังเกียจชนิดที่ไม่อยากแตะต้องทั้งคู่โกรธหายใจฟึดฟัด สุดท้ายไม่มีใครหลับได้เลยสักคนหลับตา ด่าสาปอยู่ในใจ ฟ

  • ใต้หล้าสยบรัก   บทที่ 215

    ระหว่างทาครีมทางแป้ง กับไปแบบหน้าเหมือนแมว อวี่เหวินห่าวเลือกอย่างแรกแต่เขาคิดผิดที่ไว้ใจหยวนชิงหลิงแป้งของนางไม่ดี ทาลงบนหน้าแล้วก็หลุดออกมาเป็นแผ่น ๆ เหมือนคนเป็นโรคเรื้อนอย่างไรอย่างนั้นสุดท้าย หมอหลวงมอบยาน้ำชนิดหนึ่งมาทา ไม่เห็นรอยแดงแล้ว แต่ใบหน้าดูซีดเซียวเหมือนคนป่วยหนักอย่างไรก็ตามนี่เป็นผลลัพธ์ที่ดีที่สุดแล้วกินมื้อเช้าอย่างง่าย ๆ และขึ้นรถม้าออกไปใช้เวลาประมาณสองก้านธูปก็ถึงจวนอ๋องหวยแล้วต้องจอดรถม้าบนตรอกที่ไกลออกไป เพราะประตูหน้าประตูหลังมีรถม้าจอดอยู่เต็มไปหมดมีราชรถจอดอยู่สองคัน สนมหลู่เฟยเสด็จมาถึงเมื่อคืนวานนี้จ่างกงจู่อวี่เหวินจิ้งเพิ่งมาถึงเมื่อไม่กี่วันมานี้ และยังมีหยวนชิงหลิงที่กำลังทักทายอวี่เหวินหลิงชิงอ๋องหลายพระองค์ก็อยู่ที่จวนอ๋องผลัดเปลี่ยนเฝ้าเวรยามดึก กลัวว่าจะเกิดเหตุที่ไม่คาดคิดกับอ๋องหวย ข้างกายก็มีคนอยู่ ในหมู่พวกเขาก็มีคู่สามีภรรยาอ๋องจี้ที่ขยันขันแข็งที่สุด ก่อนหน้านั้นที่พระสนมหลู่เฟยมาถึง เรื่องเล็ก ๆ น้อย ๆ ทั้งหมดล้วนเป็นสองสามีภรรยานี้จัดการ นางในข้ารับใช้อีกทั้งพ่อบ้านก็อยู่ที่จวนอ๋องหวยนี้ด้วย เพราะเนื่องจากราชโองการฝ่าบาทเ

  • ใต้หล้าสยบรัก   บทที่ 216

    หยวนชิงหลิงกล่าวว่า “อาการประชวรของอ๋องหวยเป็นโรคติดต่อ คนที่เข้าออกต้องสวมหน้ากาก ข้าจะพูดกับอ๋องหวยให้เข้าใจเองเพคะ จะไม่ทำให้เขารู้สึกผิดหรือรับผิดชอบอะไร” “เจ้าหุบปาก!” สนมหลู่เฟยโกรธซะจนใครพูดอะไรก็ไม่ฟังแล้ว เดิมทีนางออกจากวังหลวงมาเพื่อจับตาดูหยวนชิงหลิง วันนี้ยังไม่ทันได้ตรวจรักษา ก็ให้นางสั่งอะไรแผลง ๆ แบบนี้แล้วพระชายาจี้กล่าวอย่างยิ้ม ๆ “ไม่เป็นไร เป็นแค่การดูแลรักษาเท่านั้น ข้าเข้าออกมาสองสามวัน ไม่ได้สวมอะไร...หน้ากากปิดปากใช่ไหม? น้องหกป่วยก็คิดไม่ตกแล้ว พวกเราไม่อาจทำให้เขารู้สึกหนักใจได้” นางดันมือคืนหน้ากากผ้าให้หยวนชิงหลิงและหันเข้าไปเพื่อแสดงให้เห็นว่านางไม่ได้มีความรังเกียจเลยสักนิดหยวนชิงหลิงพูดอย่างเคร่งขรึม “หยุดอยู่ตรงนั้นนะ!”พระชายาจี้พูดอย่างเย็นชา “เจ้าจะทำอะไร?”หยวนชิงหลิงมองไปรอบ ๆ แล้วพูดว่า “เสด็จพ่อทรงพระบัญชารับสั่งให้หม่อนฉันมารักษาอาการประชวรของอ๋องหวย เกี่ยวกับอาการป่วยทั้งหมดล้วนต้องฟังหม่อมฉัน โรควัณโรคเป็นโรคติดต่อร้ายแรง ละอองน้ำลายก็สามารถทำให้แพร่เชื้อได้แล้ว การสวมหน้ากากเป็นแค่การป้องกันเบื้องต้นเท่านั้น ถ้าใครไม่สวมหน้ากาก ก็ไ

  • ใต้หล้าสยบรัก   บทที่ 217

    หยวนชิงหลิงไปดูบันทึกการรักษาของหมอหลวงอาการเริ่มหนักขึ้นเรื่อย ๆ ไอเป็นเลือดมาตลอดหนึ่งเดือน รับยามาสองสามวัน หลังจากนั้นอาการก็เลวร้ายขึ้น และยังคงมีอาการไออยูแบบนี้หยวนชิงหลิงทำการตรวจเบื้องต้น โดยจับชีพจรและนำกล่องยาออกมาและฉีดสเตรปโตมัยซินให้เขาสนมหลู่เฟยและพระชายาจี้ที่สวมหน้ากากแล้วเข้ามาในนี้ เห็นหยวนชิงหลิงหยิบเข็มแทงอ๋องหวยนางรีบพรวดพราดเข้าไป “เจ้าทำอะไร? เจ้าแทงอะไรให้เขา?”อวี่เหวินห่าวห้ามปรามนาง “เสด็จแม่หลู่เฟย โปรดอย่าวู่ว่ามสงบพระทัยก่อนพ่ะย่ะค่ะ”สนมหลู่เฟยมองอวี่เหวินห่าวอย่างตกตะลึง “นี่มันการรักษาอะไรกัน? เสด็จพ่อเจ้าทรงทราบหรือไม่?”“ทรงทราบพ่ะย่ะค่ะ!” อวี่เหวินห่าวกล่าวหยวนชิงหลิงหยิบยาออกมาหนึ่งกำมือ สั่งให้เด็กรับใช้นำน้ำมา และพูดกับอ๋องหวยว่า “กินยาพวกนี้ลงไป”อ๋องหวยให้ความร่วมมือดีมาก ป่วยสามปีมานี้ ให้ใช้ความร่วมมือในการบำบัดรักษาอย่างดี แม้ว่าจะเป็นหมอเทวดาสมุนไพรพื้นบ้านที่เสด็จแม่เชิญมา แม้กระทั่งการระบำถวายทวยเทพของแม่มดที่ปลุกเสกน้ำมนต์ให้ เขาดื่มลงไปโดยไม่ถามสักคำดังนั้น เขาถึงไม่ถามหยวนชิงหลิงว่าเป็นยาอะไรและกินมันลงไป เขาขมวดคิ้วเล็

Latest chapter

  • ใต้หล้าสยบรัก   บทที่ 1015

    ซูยี่อยู่ในห้องของสุนัขป่าเช่นกัน เมื่อเห็นอวี่เหวินห่าวและหยวนชิงหลิงเข้ามา เขาพูดอย่างกังวล "องค์รัชทายาท พระชายา นายน้อยสุนัขป่าไม่กินอะไรเลย หาหมอหลวงดีไหมพ่ะย่ะค่ะ?"อวี่เหวินห่าวหัวเราะ "เขารักษาอาการป่วยของสุนัขป่าไม่ได้ จะพาเขาไปทำไม?"เขาดูสุนัขป่าน้อยสามตัวนอนอยู่บนเตียงเล็ก ร่างเล็ก ๆ ของพวกมันเบียดเสียดกัน ดูเซื่องซึม บางทีอาจเป็นเพราะพวกมันไม่ได้กินอะไรจึงดูอ่อนแอและซูบผอมเป็นพิเศษ อวี่เหวินห่าวพูดด้วยความประหลาดใจว่า "ผอมลงมากขนาดนี้เลยรึ? สุนัขป่าคงหิวมากแน่ ๆ""สุนัขป่าที่โตเต็มวัย เวลาหิวนั้นกินอาหารหนึ่งมื้อสามารถอยู่ได้นานถึงครึ่งเดือน ตอนนี้พวกมันยังเด็กและต้องกินเนื้อ" ซูยี่เลี้ยงสุนัขป่า และได้ศึกษาการเลี้ยงมามากมายอวี่เหวินห่าวหยิบหนึ่งในนั้นขึ้นมา เห็นสุนัขป่าหิมะตัวน้อยนอนนิ่งอยู่ในมือของเขาเหมือนก้อนสำลีเบาหวิวไม่มีน้ำหนัก "ตัวนี้ของใครกัน?""ของเสี่ยวลั่วหมี่" หยวนชิงหลิงกล่าว "ตัวเล็กที่สุดคือของเสี่ยวลั่วหมี่ ท่านดูสิแยกออกได้เลยเห็นไหม ของ เปาจื่อปากจะแหลมมาก ของทังหยวนก็หน้ากลมกว่า มันแปลกที่จะบอกว่าสุนัขป่าพวกนี้ ทั้งลักษณะนิสัยหรือรูปร่างหน้าตา พว

  • ใต้หล้าสยบรัก   บทที่ 1014

    อวี่เหวินห่าวไม่ได้อธิบายอะไรแทนจิ้งถิง เขาแค่พูดว่า "เขาจะอยู่ในจวนสักพัก ดังนั้นเจ้าควรเปิดตาของเจ้าดูสิว่าเขาจริงใจหรือเสเเสร้ง เจ้าฉลาดมากขนาดนี้ ย่อมต้องดูออกอยู่แล้ว”หยวนชิงหลิงได้ยินถึงความไม่พอใจในน้ำเสียงของเขา ดูเหมือนว่าเขาใส่ใจมิตรภาพนี้จริง ๆหยวนชิงหลิงลองคิดดูแล้ว หลังจากใช้เวลาร่วมกับจวิ้นจู่มาสองสามวัน จวิ้นจู่ก็เป็นคนตรงไปตรงมาและเปิดเผย ดังนั้นนางคงไม่หาสามีที่มีจิตใจล้ำลึกซับซ้อนหรอกนางจึงขอโทษเขา "ข้าคิดมากไป ในอนาคตข้าจะไม่พูดอะไรแบบนี้อีก"อวี่เหวินห่าวเอื้อมมือไปเชยคางนาง และมองหน้านาง "เหล่าหยวน ข้าเองก็เห็นว่านิสัยของเจ้าช่างเถรตรงจริง ๆ แม้ว่าบางครั้งเจ้าจะดุร้าย เผด็จการ และไม่มีเหตุผล แต่ถ้าเจ้าทำอะไรผิด เจ้าจะต้องขอโทษอย่างแน่นอน เกรงว่าแม้จะเป็นคนรับใช้ก็ยังกล่าวคำขอโทษได้ เจ้านี่นิสัยดี ใช้ได้จริง ๆ"“ข้าเป็นคนไร้เหตุผลตั้งแต่เมื่อไหร่กัน?” หยวนชิงหลิงหัวเราะ “ท่านจะชมข้าก็ชมสิ ทำไมต้องดุกันก่อน”อวี่เหวินห่าวหัวเราะ "รางวัลและบทลงโทษต้องแยกให้ออกจากกันอย่างชัดเจน หากเจ้าทำสิ่งที่ถูกต้อง เจ้าควรได้รับคำชมเชย หากเจ้าทำอะไรผิด ก็ต้องบอกกล่าวตักเตือ

  • ใต้หล้าสยบรัก   บทที่ 1013

    เขากลับมาที่จวนอย่างไม่สบอารมณ์ หยวนชิงหลิงเห็นว่าเขาขมวดคิ้ว นางรู้ว่าเป็นเพราะเรื่องลงนามพันธมิตรอีกเป็นแน่ ดังนั้นนางจึงปลอบเขาอวี่เหวินห่าวพูดด้วยความโกรธ "เสด็จพ่อจงใจทำให้ข้าลำบาก จูกั๋วกงเห็นด้วยหรือไม่นั้นเป็นเรื่องสำคัญขนาดนั้นเลยรึอย่างไร?"หยวนชิงหลิงหัวเราะ "ท่านอยู่ในเกมและกังวลเกี่ยวกับเรื่องนี้มากเกินไป จึงไม่เข้าใจความหมายของเสด็จพ่อ เสด็จพ่อต้องการให้ท่านเอาแรงสนับสนุนจากจูกั๋วกงมาให้ได้ ไม่ใช่แค่แรงสนับสนุนเรื่องนี้เท่านั้น แต่มันจะเป็นแรงสนับสนุนงานในอนาคตทั้งหมดของท่าน เพราะตอนนี้เขาเป็นคนที่สามารถปราบปรามตี้เว่ยหมิงอย่างออกหน้าได้ นั้นก็คือตัวเขาที่เป็นพ่อตา”อวี่เหวินห่าวตกตะลึงไปครู่หนึ่ง "เจ้าหมายความว่า เสด็จพ่อก็มองตี้เว่ยหมิงออกด้วยหรือ?"หยวนชิงหลิงยืนพิงเขา "เสด็จพ่อย่อมต้องรู้มากกว่าท่านอยู่แล้ว เหมือนที่ท่านเคยพูดไว้ก่อนหน้านี้ว่าพระองค์ลำเอียงเข้าข้างพี่ใหญ่เสมอ จริง ๆ แล้วพระองค์ทรงรู้อยู่แก่ใจ พระองค์แค่ให้โอกาสพี่ใหญ่เสมอ แต่เมื่อเจอโอกาสที่เหมาะสม ก็ควรจัดการไม่ใช่หรอกหรือ? ความคิดของพระองค์ชัดเจนอยู่แล้ว ดังนั้นจงทำตามที่พระองค์ต้องการเถอะ จัดก

  • ใต้หล้าสยบรัก   บทที่ 1012

    พระชายาจี้พูดจบก็กลับไปนั่งลงบนเก้าอี้เก้าอี้ที่นางนั่งนั้นใหญ่มาก แต่นางผอมมากเนื่องจากป่วยมาเป็นเวลานาน เก้าอี้นั้นยังมีพื้นที่เหลืออีกมาก ผู้หญิงตัวเล็ก ๆ คนนั้นนั่งบนเก้าอี้กว้างตัวใหญ่ประจัญหน้ากับพวกขุนนางกว่าสิบคนที่อยู่ตรงนั้นแม่ทัพซุยไม่กล้าพูดอะไรอีกต่อไป ความโกรธบนใบหน้าของเขาก็ค่อย ๆ แปรเปลี่ยนเป็นความหวาดกลัวคนที่เหลือก็เงียบและก้มหน้าเช่นกันพระชายาจี้รออยู่สักพัก ก่อนที่จะกล่าวอย่างใจเย็นว่า "องค์รัชทายาทคือผู้กำหนดชะตา ถ้าเจ้าปฏิบัติตามให้ดี เจ้าจะมีชีวิตอยู่อย่างมั่งคั่งและมั่งคั่งในภายภาคหน้า วันนี้ข้าพูดได้เพียงเท่านี้ ทุกคนไปเถอะ รักษาตัวด้วย"หลังจากพูดจบ นางก็ยืนขึ้น และเดินออกไปโดยเอามือไพล่หลัง แผ่นหลังบาง ๆ ของนางตั้งตรงดูยิ่งใหญ่ราวกับว่าสามารถแบกท้องฟ้าได้ครึ่งหนึ่งแรงสนับสนุนของอวี่เหวินห่าวสูงขึ้นเรื่อย ๆอย่างไรก็ตาม มีคน ๆ ​​หนึ่งที่มีความคิดเห็นเป็นปฏิปักษ์อยู่เสมอ ถึงกับตำหนิเขาตรง ๆ ต่อหน้าท้องพระโรงทำให้บรรยากาศของวันนั้นแย่เป็นอย่างยิ่ง แม้แต่จักรพรรดิหมิงหยวนก็ยังกริ้วจนหน้าดำจูกั๋วกงคนนี้คือ จูหรูเพ่ย เป็นพ่อตาของตี้เว่ยหมิงเมื่อก่อน

  • ใต้หล้าสยบรัก   บทที่ 1011

    มีแม่ทัพแซ่ซุยอยู่ที่นี่ ซึ่งเคยอยู่กับตี้เว่ยหมิงมาก่อน และตี้เว่ยหมิงได้ติดต่อเขาแล้ว เมื่อได้ยินสิ่งที่พระชายาจี้พูด เขาพูดอย่างเฉยเมยว่า "ข้อเสนอขององค์รัชทายาทที่จะจัดตั้งพันธมิตรกับต้าโจว ไม่ต่างอะไรไปกว่าการกระทำของคนขี้ขลาด คิดว่าด้วยการสนับสนุนของต้าโจว เป่ยถังของเราจะสามารถดำรงอยู่ได้อย่างสงบสุขรึ และเช่นกันด้วยวิธีนี้ เป่ยถังของเราจะต้องมองสีหน้าท่าทีของต้าโจวในทุก ๆ เรื่องงั้นหรือ? นี่คิดว่ามันคงไม่เหมาะกระมั่ง”พระชายาจี้มองเขา น้ำเสียงของนางเย็นชาเล็กน้อย “แม่ทัพซุย แม้ว่าข้าจะเป็นผู้หญิง แต่ข้าก็รู้ด้วยว่าสิ่งที่องค์รัชทายาทเสนอเป็นพันธมิตร มิใช่การยอมจำนน ทำไมเจ้าต้องสังเกตสีหน้าท่าทางต้าโจวทุกอย่างด้วย?”แม่ทัพซุยพูดอย่างแข็งกร้าว "พระชายาคงไม่เข้าใจสินะ? เมื่อพันธมิตรถูกจัดตั้งขึ้น ก็จะมีข้อจำกัดซึ่งกันและกัน ข้อจำกัดทางทหารไม่ใช่เรื่องที่ดี"พระชายาจี้ถึงกับขำ แววตาของนางดูเย็นชาขึ้นมา "จริงหรือ? แล้วทำไมข้าถึงได้ยินว่าสนธิสัญญานี้หมายถึงการไม่รุกรานกัน? หรือว่าแม่ทัพซุยมีความคิดที่จะรุกรานแคว้นอื่น"แม่ทัพซุยตกตะลึง "นี่...ข้าย่อมไม่มีอยู่แล้ว"“ในเมื่อไม่มี เจ

  • ใต้หล้าสยบรัก   บทที่ 1010

    หยวนชิงหลิงไม่สบายใจ อย่างไรก็ตาม เสี่ยวลั่วหมี่ยังมีไข้อยู่นางยิ้มและพูดว่า "เสด็จย่า พวกเขาอาจจะงอแง เกรงว่าจะทำให้พระองค์ทรงเหนื่อยได้เพคะ"ไทเฮาทรงมีสีพระพักตร์นิ่งเฉย และตรัสอย่างไม่พอใจว่า “เกรงว่าคนแก่อย่างข้าจะอ่อนล้า หรือไม่วางใจให้ข้าดูแลพวกเขากัน? กลัวว่าพวกเขาอยู่กับข้าแล้วจะดูแลไม่ดี ไม่มีนมให้กินอย่างนั้นรึ” หยวนชิงหลิงยิ้มและพูดว่า "ดูพระองค์พูดสิเพคะ พระองค์จะปฏิบัติต่อพวกเขาอย่างเลวร้ายได้อย่างไร? พระองค์ออกจะรักเหมือนเป็นหัวแก้วหัวแหวน... "“บุ้ย ๆ ๆ หัวแก้วหัวแหวนอะไรกัน ไม่ใช่ลูกสาวสักหน่อย แต่เป็นทองคำต่างหาก ทองคำของข้า” ไทเฮาทรงตรัสแปลก ๆ ขณะอุ้มเสี่ยวลั่วหมี่ไว้นางเงยหน้าขึ้นและมองไปที่หยวนชิงหลิงและพูดอย่างเย็นชาว่า "อย่าพูดไร้สาระ แค่อยู่ในวังสักสองสามวัน ไว้หายดีแล้วค่อยให้เจ้ามารับไป หากยังกังวลใจ ให้ไปหาไท่ซ่างหวงให้รับรองให้เจ้าเถอะ”หยวนชิงหลิงได้ยินว่านางถึงกับยกไท่ซ่างหวงออกมาแบบนี้ นางจะกล้าปฏิเสธได้อย่างไร นางจึงจำใจต้องส่งลูกที่เพิ่งครบเดือนให้ห่างอกนางเท่านั้นอย่างไรก็ตาม เมื่อนึกถึงเรื่องการจัดตั้งโรงเรียนแพทย์ ทุกวันนี้นางก็แทบไม่มีเวลา

  • ใต้หล้าสยบรัก   บทที่ 1009

    ในเมื่อเสด็จพ่อเห็นด้วย จะให้เขามาหารือกับเหล่าขุนนางเพื่อเรียกแรงสนับสนุน แล้วทำไมเขาต้องไปหาเสียงเห็นชอบด้วยจักรพรรดิหมิงหยวนมองเขาอย่างแฝงความนัย เขายังเด็กเกินไปจริง ๆ "ไปซะ"อวี่เหวินห่าวออกไปคิดเกี่ยวกับเรื่องนี้ และทันใดนั้นก็ตระหนักได้ว่า มันยังเป็นความเคลื่อนไหวอันเฉียบแหลมของเสด็จพ่อ ที่ไม่ได้แสดงจุดยืนของพระองค์ออกมา และเฝ้าดูความเคลื่อนไหวของเหล่าขุนนางอย่างเงียบ ๆ หากพระองค์แสดงจุดยืนออกมา หลายคนจะเอียนเอียงคล้อยตามพระองค์ทันที ถ้าพระองค์ไม่พูดอะไร พระองค์ก็จะรู้ความคิดทุกคนจริง ๆ ว่าใครอยู่ข้างตี้เว่ยหมิงอย่างไรก็ตาม หลังจากที่เขาจากไป จักรพรรดิหมิงหยวนก็คิดว่าเรื่องนี้มีข้อดีมากมาย แต่ก็มีข้อเสียเล็ก ๆ น้อย ๆ ด้วยเช่นกัน เพื่อหลีกเลี่ยงไม่ให้นักประวัติศาสตร์ในอนาคตเขียนส่งเดชให้เขาเป็นแพะรับบาป การแสร้งทำเป็นบีบบังคับให้ทำในสิ่งที่ไม่น่าทำได้น่าจะเป็นการดีกว่าเขากำลังกินหมานโถ่วและกังวลใจเกี่ยวกับเสี่ยวลั่วหมี่วันนี้เสี่ยวลั่วหมี่มีไข้ อันที่จริงไม่ใช่แค่เสี่ยวลั่วหมี่ แต่เด็กทั้งสามคนมีอาการไอเล็กน้อยเพียงแต่ร่างกายของเสี่ยวลั่วหมี่นั้นไม่ค่อยแข็งแรง เขาจึงมี

  • ใต้หล้าสยบรัก   บทที่ 1008

    หลังจากเลิกว่าราชกิจแล้ว อวี่เหวินห่าวก็ไม่ย่อมไม่พอใจ ดังนั้นเขาจึงไปหอตำราหลวงหาจักรพรรดิหมิงหยวนจักรพรรดิหมิงหยวนมักจะกินอาหารเช้าหลังจากเลิกว่าราชกิจในยามเช้า มีโจ๊กและหมานโถ่วอยู่ในห้องทำงานของจักรพรรดิ หลังจากกินโจ๊กชามหนึ่ง ก็พูดอย่างเรียบเฉยว่า"เป็นเพราะความสัมพันธ์ระหว่าเจ้ากับแม่ทัพเฉินแห่งต้าโจว? ถึงเป็นเหตุผลให้เจ้าวิ่งเต้นขนาดนี้?”อวี่เหวินห่าวไม่ได้กินอาหารเช้าเช่นกัน และตอนนี้เขาหิวมาก เมื่อเห็นว่าเขาหยุดกินโจ๊กแล้ว เขาคิดว่าเขาไม่เอาหมานโถ่วแล้ว จึงเอื้อมมือไปหยิบหมานโถ่ว “ไม่ใช่พ่ะย่ะค่ะ กระหม่อม..."จักรพรรดิหมิงหยวนหยิบตะเกียบขึ้นมาและชี้ไปที่เขา "วางลงซะ!"อวี่เหวินห่าวถึงกับอ้าปากค้าง เมื่อเห็นสายตาพ่อตัวเองเป็นประกายเช่นนั้น เขาแอบบ่นว่าขี้งกและวางหมานโถ่วกลับที่เดิมจักรพรรดิหมิงหยวนหยิบหมานโถ่วขึ้นมาเช็ด จากนั้นค่อย ๆ ปอกลอกเปลือกนอกออกและกินมัน โดยทิ้งอวี่เหวินห่าวที่อยู่ข้าง ๆอวี่เหวินห่าวพูดอย่างเศร้าใจ "กระหม่อมก็หิวเหมือนกัน เมื่อเช้านี้ตื่นมา แม่นมบอกว่าเสี่ยวลั่วหมี่ตัวร้อนเล็กน้อย กระหม่อมจึงรีบไปดูก่อน ไม่ได้สนใจที่จะกินอาหารเช้า"เมื่อได้ยินว

  • ใต้หล้าสยบรัก   บทที่ 1007

    เขาพูดเสียงดังในท้องพระโรง "เป่ยโม่และเสียนเป่ยเป็นดั่งหมาป่าทะเยอทะยาน พวกเขาจับตามองเป่ยถังมานานแล้ว แต่เป็นเพราะทหารม้าที่แข็งแกร่งของเป่ยถั งและเหล่ายอดนักรบจึงขับไล่พวกเขากลับไปได้เป็นการชั่วคราว แต่ไม่มีอะไรมารับประกันได้ว่าพวกเขาจะไม่กลับมารุกรานอีกตอนนี้ต้าโจวได้พัฒนาอาวุธและรถออกศึกได้ หากทั้งสองแคว้นเป็นพันธมิตรกัน ต้าโจวสามารถช่วยเป่ยถังปรับปรุงอาวุธและยุทโทปกรณ์ ซึ่งสามารถเสริมสร้างการป้องกันทางทหารของเป่ยถังได้ และร่วมกับการพัฒนาเศรษฐกิจ นี่เป็นประโยชน์ระยะยาวสำหรับเป่ยถัง รัชทายาททรงมีพระวินิจฉัยที่ลึกซึ้ง นั่นเป็นผลดีต่อราษฏร และเขายังคิดถึงระยะยาวสำหรับเป่ยถัง ส่วนแม่ทัพตี้เว่ยหมิงที่เจตนาพูดจาให้คนอื่นตกใจนั้นก็มีส่วนต้องรับผิดชอบด้วย ว่าไปแล้วเป่ยถังไม่ได้ไปรุกรานโม่เป่ยกับเสียนเป่ย หากพวกเขาไปรุกรานต้าโจว มีหรือจะปล่อยเป่ยถังไว้? หรือถึงตอนนั้นต้องยกแคว้นให้เพื่อสงบศึกกัน? "ในตอนนั้นเป่ยถังพ่ายแพ้ให้กับเป่ยโม่ ถูกทหารสามหมื่นนายล้อมไว้ ในท้ายที่สุด แม่ทัพตี้เว่ยหมิงถูกส่งไปเจรจาสงบศึก ยกเมืองที่เป่ยโม่ต้องการถึงจะยอมถอยทัพนี่เป็นความอัปยศอดสูของเป่ยถังเสมอ และม

DMCA.com Protection Status