เมื่อได้ยินดังนั้น หยวนชิงหลิงจึงไม่เกรงใจนั่งลงถามเขาไปตรง ๆ “ข้าอยากจะพูดกับท่านอ๋องตามลำพัง”หยวนชิงหลิงคิดว่าการขอร้องให้คนช่วย ต้องเล่าทุกอย่างตั้งแต่ต้นทั้งหมด อีกทั้งเธอยังลำบากใจที่จะขอให้คนอื่นช่วย“ใคร?” อวี่เหวินห่าวถามโดยไม่ได้แสดงอาการรังเกียจอะไร “เสี่ยวเหยากง”อวี่เหวินห่าวสีหน้าเปลี่ยนไปเล็กน้อย “เจ้าถามถึงเขาทำไม?”“เคยได้ยินไท่ซ่างหวงพูดถึงเขาขึ้นมา ข้าแค่สงสัย?”“เรื่องของเขา ข้าไม่รู้หรอก ไม่ต้องถาม” อวี่เหวินห่าวทำหน้าเหม็นพูดกับเธอหยวนชิงหลิงรู้สึกงุนงง เสี่ยวเหยากงผู้นี้เมื่อก่อนเป็นอัครมหาไม่ใช่รึไง? ทำไมเขาถึงไม่รู้จัก?”เธอเหลือบมองอวี่เหวินห่าวจากหางตาของเธอ รู้สึกว่าเสี่ยวเหยากงผู้นี้คงมีเรื่องบาดหมางกับอวี่เหวินห่าว “งั้น ช่างเถอะ ถามต่ออีกข้อ ฮุ่ยติ่งโฮ่ว ฉู่ต้าโย่ว”อวี่เหวินห่าวขมวดคิ้วอย่างจริงจัง จนรอยบวมนั้นแดงแววขึ้นมา “เขาหรือ?”“คน ๆ นี้เป็นคนยังไง?” หยวนชิงหลิงมองสีหน้าเขาแล้ว ดูท่าไม่น่าจะใช่คำตอบที่ดีแน่“สรุปได้คำเดียว ชั่วช้า!” อวี่เหวินห่าวตอบอย่างเย็นช้า หยวนชิงหลิงอดไม่ได้ที่จะคิดแก้คำว่าชั่วช้าสองคำนี้ในหัว ในใจของเธอรู้สึกส
“ข้าก็เคยขัดแย้งกับเขาไม่น้อย ภายหลังมีการยื่นถวายฏีกาต่อหน้าฝ่าบาท ฝ่าบาททรงสอบสวนแต่ไม่มีเรื่องอะไร ท่านอ๋องถูกฝ่าบาทต่อว่าไปชุดนึง ว่ากล่าวหาแม่ทัพอย่างผิด ๆ” ถังหยางกล่าวหยวนชิงหลิงอึ้งไปเลย “เรื่องนี้ เขาฆ่าผู้หญิงไปมากมายขนาดนี้ เขาจัดการได้เรียบร้อยหมดเลยเหรอ?”“ยกเว้นอยู่คนนึง คือฮูหยินคนที่สาม เป็นลูกของเจ้าเมืองลู่โจว ตอนที่นางเสียพอดีตอนนั้นเจ้าเมืองลู่โจวได้เห็นลูกสาวในโลงศพ ทั่วทั้งร่างเต็มไปด้วยบาดแผล สภาพน่าเวทนามากจนไม่อาจทนดูได้ นอกจากนี้ยังมีเด็กในท้องที่แท้ง เจ้าเมืองลู่โจวไม่ยอมและต้องการสืบสวนต่อ...”“สุดท้าย?” หยวนชิงหลิงที่เห็นว่าเขาหยุดพูด จึงรีบถามต่อถังหยางถอนหายใจ “สืบสวนไม่สำเร็จ เจ้าเมืองลู่โจวเป็นบ้าไปแล้ว”หยวนชิงหลิงสั่นเทิ้มไปทั้งร่าง เธอโกรธจนผมทั้งหมดเหมือนจะชี้ตั้งขึ้นมาให้ได้ “ไม่มีคนทำอะไรเขาได้เลยเหรอ?”อวี่เหวินห่าวพูดว่า “มีคนเคยตีเขาอย่างหนักไปยกนึง”“ใครตี? ตีได้เยี่ยมไปเลย” หยวนชิงหลิงกัดฟันพูด “แล้วทำไมไม่ตีเขาให้ตายไปเลยล่ะ?”“เสี่ยวเหยากง!” อวี่เหวินห่าวพูดโดยมองหน้านาง“เสี่ยวเหยากง?” หยวนชิงหลิงตกใจ เสี่ยวเหยากงอายุมากแล้ว ยั
เธอเค้นสมองคิด อวี่เหวินห่าวมีจุดอ่อนอะไรบ้าง?มี ฉู่หมิงชุ่ย แต่ก็เหมือนการแตะย้อนเกล็ดมังกรของเขา แตะนิดเดียวผลลัพธ์ที่ได้ร้ายแรง จนไม่อยากจะคิดถึงผลลัทธ์นั้นเลย“ช่างเถอะ ข้าจะคิดหาทางอื่น ถ้าไม่ได้จริง ๆ ข้าก็จะไปขอฮุ่ยติ่งโฮ่วด้วยตัวเอง” หยวนชิงหลิงลุกออกไปด้วยความโกรธอวี่เหวินห่าวแค่นหายใจอย่างเย้ยหยัน นางจะไปขอฮุ่ยติ่งโฮ่วด้วยตัวเอง นางช่างกล้า เขาจะยกเท้าถีบให้น่ะสิไม่ว่าไม่ใช่ว่าเขาดูถูกคนอื่น แต่จิ้งโฮ่วไม่กล้าท้าทายคนตระกูลฉู่หยวนชิงหลิงนั่งลงให้เด็กรับใช้รับคำสั่ง วันรุ่งขึ้น ก็ให้ลวี่หยาไปขอพบฮุ่ยติ่งโฮ่ว แต่ทว่าฮุ่ยติ่งโฮ่วกลับไม่สนใจตอบกลับพระชายาจากบ้านฮุ่ยติ่งโฮ่ว และตอบปฏิเสธไปว่าวันสองวันนี้ฮุ่ยติ่งโฮ่วไม่อยู่ที่จวนลวี่หยาโกรธมากหลังจากกลับจากจวนฮุ่ยติ่งโฮ่ว และพูดต่อหน้าหยวนชิงหลิงว่า “ฮุ่ยติ่งโฮ่วไม่เคารพท่านเลย เห็นอยู่ชัด ๆ ว่าเขาอยู่ในจวน หม่อมฉันพบว่าตอนนั้นคนรับใช้กลับไปรายงานก็เห็นเขาอยู่ในโถงพอดี”“ลวี่หยา อย่าพูดมาก!” แม่นมฉีดุลวี่หยาไปทีหยวนชิงหลิงพูดอย่างเฉยชา “เขาเองก็เป็นคนมีชื่อเสียง เป็นขุนนางคนโปรดของราชสำนัก ไม่ใช่เรื่องแปลกที่เขาจะไม่เ
หยวนชิงหลิงยิ้มออกมา “ขอบคุณมาก ถ้าไม่เป็นเพราะคำเตือนของท่าน ข้าก็นึกไม่ถึงว่าไปหาท่านย่าก็ได้เหมือนกัน”ว่าแต่เกิดอะไรขึ้นทำไมคุณนายรองไม่ชอบให้มีคนรบกวนหาท่านย่ากัน? เธอเป็นหลานสาว ไปเยี่ยมไข้ท่านย่า ไม่ใช่วิถีปกติที่เขาทำกันหรืออย่างไร?หวางซรื่อโกรธจนปวดหัว “น่าโมโห แต่ละคนล้วนไม่เอาไหน ไม่รู้อะไรบ้างเลย”หยวนชิงหลิงไม่สนใจและเดินออกไปเธอออกไปที่ประตูใหญ่ เกือนชนเข้ากับใครบางคน เธอรีบถอยหลังไปหนึ่งก้าว ยืนนิ่งพบชายหนุ่มอ่อนเยาว์รูปงามในชุดสีกรมท่า เธอโพล่งเรียกออกมา “พี่ใหญ่!”คนนี้เป็นพี่ชายคนโตของหยวนชิงหลิง หยวนหลุนเหวิน เขาเป็นบัณฑิตฝึกหัดปฏิบัติราชการประจำสำนักราชบัณฑิตหลวงเขาเคยเป็นความภาคภูมิใจของวงศ์ตระกูล แต่เพราะพูดจาก้าวร้าวไปทำให้ตระกูลฉู่ขุ่นเคืองใจ ตอนนี้เขาเป็นแค่คนว่างงานไม่ได้ทำการทำงานอะไรในสำนักราชบัณฑิตหลวง“ทะเล่อทะล่าทำอะไรน่ะ?” หยวนหลุนเหวินถามอย่างเคร่งขรึม“ข้ามีเรื่อง ขอตัวก่อน” หยวนชิงหลิงไม่ได้มีความรู้สึกดีอะไรกับคนในครอบครัวหยวน และก็ไม่อยากคิดถึงเรื่องของหยวนหลุนเหวินด้วย เสียงดุไล่หลังมา หยวนหลุนเหวินคว้าข้อมือของหยวนชิงหลิงแล้วดุเธอ “
ความสมัครสมานสามัคคีของจวนจิ้งโฮ่ว ได้ไปปลุกความความดื้อด้านในใจของหยวนชิงหลิงขึ้นมา ข้าจะนับถึงสาม ถอยไปซะ!” หยวนชิงหลิงพูดแล้วจ้องมองไปที่หลวนอย่างเย็นชาหลวนหัวเราะเบา ๆ “ถอยไปไม่ได้จริง ๆ เกรงว่าพระชายาจะเข้าไปรบกวนรบกวน การรักษาตัวของฮูหยินเฒ่า”ยังจะนับถึงสาม ช่างไร้เดียงสาเสียจริงหยวนชิงหลิงจ้องมองไปที่นาง “หนึ่ง...”หยวนชิงหลิงผลักนางจนเซ หลวนล้มลงกับพื้น “ล่วงเกินท่านแล้ว!” หยวนชิงหลิงรีบเดินออกไป“โอ๊ย พระชายาตีข้า พระชายาตีข้า” หลวนที่ล้มลงกับพื้นร้องเสียงดังด้วยความเจ็บปวด เรียกให้บ่าวรับใช้ในเรือนมามุงดูหยวนชิงหลิงหยุดเดินแล้วนิ่งไป หันหลังกลับมาดูหลวนร้องไห้ “ไร้เหตุผลสิ้นดี ข้าเป็นป้าสะใภ้เจ้า เจ้ากลับลงมือตีข้า เจ้าคิดว่าเจ้าเป็นพระชายาจึงไม่เกรงใจ กลับมาบ้านแม่เพื่อรังแกคนเฒ่าคนแก่สินะ” หยวนชิงหลิงก้มตัวลงและยิ้มเย็นออกมา “ป้าสะใภ้ ข้าขอแนะนำให้ท่านหุบปากเสีย วันนี้คุณนายรองต่างไม่กล้าห้ามข้า แต่ถ้าท่านรีบข้าจะจัดการท่านเป็นคนแรก“เจ้า...เจ้าคิดจะพูดอะไรกันแน่?” หลวนหยุดร้องไห้ น้ำตาสักหยดก็บีบไม่ออก“เมื่อก่อนข้ากลับจวน ข้าต้องขออนุญาตท่านอ๋องซ้ำแล้
ดูท่าข่าวดีที่เธอรอคงไม่มีเสียแล้ว หยวนชิงหลิงกลับจวนอ๋องไปได้ไม่นาน ได้ยินว่าหยวนหลุนเหวินมาถึงแล้วหยวนชิงหลิงมองหน้าเขา บนใบหน้าขาวละเอียดของเขามีรอยฝ่ามืออยู่ ใบหน้าครึ่งหนึ่งของเขาบวมแดง จิ้งโฮ่วเป็นชายชาติทหาร ตบทีหนึ่งก็ไปครึ่งหน้าแล้วหยวนหลุนเหวินโกรธและอับจนหนทางอย่างมาก เขาพูดกับหยวนชิงหลิง “เรื่องนี้ท่านพ่อไม่มีเหตุผลเลย เขาจะแต่งน้องรองเพื่อไปประจบประแจงตระกูลฉู่แบบนี้”หยวนชิงหลิงถอนหายใจเบา ๆ และออกคำสั่งกับลวี่หยา “ไปที่ห้องเก็บน้ำแข็งนำน้ำแข็งมาสักก้อนหนึ่ง ห่อผ้าขนหนูไว้แล้วนำมาให้ข้า”ลวี่หยารับคำสั่งแล้วเดินออกไปน้ำน้ำแข็งมาให้ หยวนชิงหลิงนำน้ำแข็งที่ห่อผ้าขนหนูนั้นประคบลงบนหน้าของหยวนหลุนเหวินหยวนหลุนเหวินมองหยวนชิงหลิง “น้องใหญ่ ยังพอมีทางอื่นอีกไหม? ขอร้องท่านอ๋องดูไหม?”“เคยขอร้องแล้ว คนตายซากนั้นไม่เต็มใจ”หยวนชิงหลิงบอกพี่ชายหยวนหลุนเหวินถอนหายใจ “น้องใหญู่พูดถึงท่านอ๋องแบบนั้นไม่ได้ ท่านอ๋องเป็นคนดี”“พี่ใหญ่ใช้ตาไหนมองว่าเขาเป็นคนดี?” หยวนชิงหลิงไม่ค่อยพอใจ เป็นไปได้ไหมว่าเขาก็อยากกอดขาอ๋องฉู่?“ท่านอ๋องสู้เพื่อบ้านเมือง ไม่สู้ก็ไม่ชนะ ไม่ดีตรงไห
ความคิดที่วนซ้ำ ๆ อย่างบ้าคลั่ง จนกระทั่งหยวนหลุนเหวินออกไปแล้ว มันยังคงเติบโตอยู่ในหัวเธออยู่ในห้องตรวจสอบกล่องยาด้วยตัวเอง ในนั้มียาชา, ผ้าพันแผล, ยาห้ามเลือดรวมถึงกลุ่มยาช่วยชีวิตอย่างโดพามีน, แอสไพรินก็มี และยังมีพวกยาเบ็ดเตล็ดบางประเภทอีกด้วย มีดสั้น ไม่มี ไม่เป็นไร ไปถามสวี่อีเอาก็ได้ทุกอย่างเตรียมการพร้อม เหลือแค่ตรวจสอบเธอต้องตรวจสอบว่าฮุ่ยติ่งโฮ่วชอบไปไหน ตรวจสอบว่าเขาเดินทางผ่านถนนเส้นไหน รอบตัวเขามีองครักษ์ข้างกายกี่คน และอาวุธที่เขาชอบพกติดตัวสวี่อีรู้สึกว่าช่วงนี้พระชายาแปลกมาก ๆ เดี๋ยวก็มาขอยืมมีดสั้น เดี๋ยวก็มาถามว่ามีอาวุธลับไหม แล้วมาถามเขาอีกว่าผู้ชายมีอะไรโดดเด่นที่สุดช่างสองอย่างแรกไปเถอะ แต่อย่างหลังเขาตอบไม่ถูกจริง ๆพระชายาเรียบง่ายเกินไปจนกระทั่งวันหนึ่ง เขาเห็นว่าพระชายาแต่งตัวเป็นชุดผู้ชายออกไป เพียงแต่ออกจากทางประตูหลัง ไม่พาลวี่หยาและไม่พานางกำนัลทั้งสองไปด้วยเขารู้สึกว่ามันแปลกมาก แต่ก็ไม่กล้าเสียมารยาทถาม พระชายาคงเสพติด เขาจึงไม่กล้าเสียมารยาทถามจริง ๆวันที่สองพระชายาเอาหมั่นโถวออกไปสองลูก ออกไปทั้งวัน ฟ้ามืดถึงจะกลับมาวันที่สาม ก็เหม
อวี่เหวินห่าวถอนหายใจออกมา “เรื่องประจบประแจงนางทำได้ดีที่สุดแล้ว”หยวนชิงหลิงตามสืบอยู่สองสามวัน พบว่าฮุ่ยติ่งโฮ่วชอบไปที่หอเริงรมณ์ชิงเฉินเพื่อฟังเพลงแต่เขาไม่มีเวลาไปที่ตายตัว เพียงถ้ามีเวลาว่างก็ไปและไม่ได้ไปทุกวัน มักจะกลับมาจากกรมทหารและเข้าไปที่หอเริงรมณ์ชิงเฉินเพื่อฟังเพลงสักสองสามเพลงหยวนชิงหลิงแรกเริ่มไม่สามารถเข้าไปได้ เพราะจะเข้าไปฟังเพลงต้องมีค่าน้ำชาและของตบรางวัล เธอไม่ได้พกเงินออกมา ดังนั้นจึงทำได้แค่รอข้างนอกฮุ่ยติ่งโฮ่วขี่ม้ากลับเข้ามาในเมือง มีพาคนมาด้วยสองคน สองคนนั้นเหน็บดาบไว้ที่เอว ท่าทางดูขึงขังจริงจัง อีกคนเข้าไปฟังเพลงด้วย อีกคนรออยู่ด้านนอกวันนี้หยวนชิงหลิงพกเงินมาด้วย เข้าไปฟังเพลงเธอสวมชุดผู้ชายสีกรมท่าที่เอวคาดเข็มขัด ผมเรียงเส้นนุ่มสลวยเงางามดั่งแพรพรรณ เธอไม่ทาแป้ง ริมฝีปากแดงระเรื่อ ฟันเรียงตัวขาวสะอาด คิ้วละเอียดอ่อนงดงาม ทุกอิริยาบทล้วนดูอ่อนช้อยดั่งหญิงสาวแต่เธอจงใจเติมคิ้วให้หนา เขียนมุมคิ้วให้ชี้เหินขึ้นด้านบน ในความงามนุ่มนวลนี้มีความห้าวหาญเพิ่มขึ้นมาได้สักสองจุดเธออยู่ในจวนเรียนรู้จากการเห็นสวี่อีเดินไป เธอพยายามฝึกฝนเลียนแบบท่าทา