อวี่เหวินห่าวถอนหายใจออกมา “เรื่องประจบประแจงนางทำได้ดีที่สุดแล้ว”หยวนชิงหลิงตามสืบอยู่สองสามวัน พบว่าฮุ่ยติ่งโฮ่วชอบไปที่หอเริงรมณ์ชิงเฉินเพื่อฟังเพลงแต่เขาไม่มีเวลาไปที่ตายตัว เพียงถ้ามีเวลาว่างก็ไปและไม่ได้ไปทุกวัน มักจะกลับมาจากกรมทหารและเข้าไปที่หอเริงรมณ์ชิงเฉินเพื่อฟังเพลงสักสองสามเพลงหยวนชิงหลิงแรกเริ่มไม่สามารถเข้าไปได้ เพราะจะเข้าไปฟังเพลงต้องมีค่าน้ำชาและของตบรางวัล เธอไม่ได้พกเงินออกมา ดังนั้นจึงทำได้แค่รอข้างนอกฮุ่ยติ่งโฮ่วขี่ม้ากลับเข้ามาในเมือง มีพาคนมาด้วยสองคน สองคนนั้นเหน็บดาบไว้ที่เอว ท่าทางดูขึงขังจริงจัง อีกคนเข้าไปฟังเพลงด้วย อีกคนรออยู่ด้านนอกวันนี้หยวนชิงหลิงพกเงินมาด้วย เข้าไปฟังเพลงเธอสวมชุดผู้ชายสีกรมท่าที่เอวคาดเข็มขัด ผมเรียงเส้นนุ่มสลวยเงางามดั่งแพรพรรณ เธอไม่ทาแป้ง ริมฝีปากแดงระเรื่อ ฟันเรียงตัวขาวสะอาด คิ้วละเอียดอ่อนงดงาม ทุกอิริยาบทล้วนดูอ่อนช้อยดั่งหญิงสาวแต่เธอจงใจเติมคิ้วให้หนา เขียนมุมคิ้วให้ชี้เหินขึ้นด้านบน ในความงามนุ่มนวลนี้มีความห้าวหาญเพิ่มขึ้นมาได้สักสองจุดเธออยู่ในจวนเรียนรู้จากการเห็นสวี่อีเดินไป เธอพยายามฝึกฝนเลียนแบบท่าทา
หยวนชิงหลิงรู้ว่าตัวเองเข้าตาเขาแล้วอย่างแน่นอนแผนการของเธอคือทำให้เขาสนใจตัวเธอ แต่ต้องเป็นที่ ๆ คนพลุ่กพล่านจนไม่สามารถลงมือได้ เธอจะจัดการให้เขาเริ่มมีโอกาสลงมือ ถึงตอนนั้น กังวลแค่ว่าจะสามารถจับเขาได้แบบคาหนังคาเขารึเปล่า?ดังนั้นเธอควรจะจบมันสักที เธอลุกขึ้นและเดินออกไปสวี่อีทำตามคำสั่งของถังหยาง โดยติดตามหยวนชิงหลิงแบบลับ ๆ มาตลอดสองวัน ตอนที่หยวนชิงหลิงเข้าไปในหอเริงรมณ์ชิงเฉิน เขาเองก็เข้าไปด้วย แต่ไม่ได้นั่งชม เขาเพียงยืนพิงที่ประดูแล้วมองดูด้วยเท่านั้นเขาเองก็เห็นฮุ่ยติ่งโฮ่ว แต่พระชายาก็ไม่ได้มีอะไรเกี่ยวข้องฮุ่ยติ่งโฮ่ว เมื่อเห็นว่าพระชายาไปแล้ว เขาก็ค่อย ๆ ออกจากทางประตูหลังไป เดินตามอยู่อย่างห่าง ๆหยวนชิงหลิงเดินออกไป ช่วงหลายวันมานี้ เธอเริ่มคุ้นเคยกับถนนเส้นนี้และโดยรอบ แต่ก็ไม่เหมือนวันนี้ที่ได้ตั้งใจดูบรรยากาศของถนนการค้าของยุคโบราณให้ดี ๆเมืองหลวงของเป่ยถังนี้ช่างเจริญรุ่งเรืองจริง ๆ มีร้านค้ามากมากละลานตระการตา ทั้งหมดล้วนคึกคักเฟื่องฟูเป็นอย่างมาก ทั้งร้านขายผ้าไหมแพรพรรณ ร้ายขายเครื่องประดับอัญมณีล้ำค่า ร้านค้าข้าวและธัญพืชอีกทั้งร้ายขายแป้งผัดหน้า ท
“ท่านต้องการทำอะไร ปล่อยข้าลงไป!” หยวนชิงหลิงพยุงตัวเองและพูดอย่างโกรธเคือง ฮุ่ยติ่งโฮ่วมองเธอด้วยสายตารุกราน ราวกับว่าเธอเป็นอาหารของอสูร ความปรารถนาในดวงตามองแล้วไม่มีการปกปิดแต่อย่างใด มือใหญ่ ๆ บีบคางของเธออย่างแรง หยวนชิงหลิงเจ็บจนน้ำตาแทบไหล เมื่อนึกถึงความรุนแรงของบุคคลนี้ ในใจก็กังวลอย่างมาก มือของเขาคลายออกทันที สัมผัสตามใบหน้าของเธอขึ้นไป และทันใดนั้นมือข้างหนึ่งก็ดึงผ้าผูกหัวของเธอออก และผมของเธอก็สยายลงมา “ที่แท้เป็นผู้หญิงตัวเล็ก ๆ นี่เอง” รอยยิ้มของเขาลึกขึ้น ริมฝีปากขยับเข้ามาใกล้ และน้ำเสียงของเขาพ่นไปบนใบหน้าของหยวนชิงหลิง ทำให้หยวนชิงหลิงแทบจะอาเจียน สมองของเธอพลิกผันอย่างรวดเร็ว คนมีความรุนแรง หากเผชิญกับการต่อต้าน มันจะปลุกเร้าปัจจัยรุนแรงในหัวใจของเขาให้มากขึ้น และเธอไม่อาจต้านทานได้ แต่จะทำอย่างไร? เธอไม่คิดว่าเขาจะกล้าทำกลางถนน เขาไร้ยางอายแค่ไหน?คิดแค่อยากจะบินไปบนฟ้า แต่กลัวไม่มีใครหาเจอ ถึงแม้จะเจอ ก็นึกว่ามีคนที่อยู่ข้างหน้า ใครจะไปคิดว่าคนที่อยู่ข้างในรถม้าจะเป็นการลักพาตัวผู้หญิง? เธอปรับการหายใจ และค่อย ๆ ใจเย็นลง ก้าวถอยหลังเล็กน้อย วางม
ซูยี่ก้มหน้าเข้ามา ไม่กล้าสบตากับความโกรธในดวงตาของอวี่เหวินห่าว “ข้าน้อยติดตามพระชายามาสองวันแล้ว วันนี้นางแต่งตัวเป็นชายไปฟังบทเพลงที่หอเริงรมณ์ชิงเฉิน พบกับฮุ่ยติ่งโฮ่ว ขณะที่กำลังกลับ รถม้าของฮุ่ยติ่งโฮ่วจอดขวางนางไว้ และพูดอะไรบางอย่างแต่ข้าน้อยไม่ได้ยิน แต่พระชายาตอบสองสามคำแล้วก็จากไป ข้าน้อยเดินตามไปจนสุดทาง แต่คาดไม่ถึงรถม้าของฮุ่ยติ่งโฮ่วผ่านไปอย่างรวดเร็ว หลังจากนั้นไม่นาน พระชายาก็หายไปแล้ว ข้าน้อยสงสัยว่านางถูกฮุ่ยติ่งโฮ่วลักพาตัวไป” “แต่งตัวเป็นชาย? นางจะบินขึ้นไปบนฟ้าเหรอ?” อวี่เหวินห่าวโกรธจัด ตัวนางเองไม่รู้หรือว่าตัวเองถูกโจมตีจากทุกด้าน? ยังกล้าที่จะแต่งตัวเป็นชายออกไปข้างนอก คนประเภทนี้ เป็นอมตะแต่ก็ไร้ประโยชน์จริง ๆ “อย่าไปสนใจนางเลย ปล่อยให้นางตายไปซะ” อวี่เหวินห่าวพูดอย่างเย็นชา ถังหยางเตือนว่า “ท่านอ๋อง ตอนนี้ไม่ใช่เวลามาโกรธ พระองค์ก็รู้ว่าฮุ่ยติ่งโฮ่วเป็นคนแบบไหน และเขาก็ไม่รู้ตัวตนของพระชายา ตอนนี้พระชายาอยู่ในกำมือของเขาแล้ว ตายก็คงยังไม่พอ”“นั่นเป็นเพราะนางรนหาที่ตายเอง ใครทำให้นางว่างจนต้องเที่ยวไปทั่ว” อวี่เหวินห่าวก็หรี่ตาลง “ไม่ใช่สิ ไม่ใช่ตัว
ระหว่างทาง เธอค่อย ๆ สงบลง เริ่มคุยกับฮุ่ยติ่งโฮ่ว “เจ้าพาข้าขึ้นรถมาแบบนี้ ไม่อยากรู้ว่าข้าเป็นใครหรอกหรือ?” ฮุ่ยติ่งโฮ่วมองดูเธออย่างชั่วร้าย “ในเมื่อมีใจ จำเป็นต้องถามที่มาด้วยเหรอ?” หยวนชิงหลิงกล่าวว่า “ท่านคือฮุ่ยติ่งโฮ่ว ใช่ไหม?” ฮุ่ยติ่งโฮ่วไม่แปลกใจเลยที่นางจะรู้ แค่โน้มตัวเข้าไปใกล้นาง “กลัวเหรอ?” หน้าของเขาถูกบังคับอยู่ที่หน้า ในตาเต็มไปด้วยเปลวไฟที่ลุกโชกโชน เขาคิดว่าเป็นเปลวไฟที่สนุกเป็นพิเศษ และมุมปากของเขายกขึ้นเล็กน้อย ดูไม่เหมือนหัวเราะเลย แต่กลับกลายเป็นเยาะเย้ย ดุร้ายและรุนแรง บุคคลนี้เต็มไปด้วยความรุนแรงทั่วร่างกายของเขาหยวนชิงหลิงไม่กลัวไม่เป็นความจริง แต่ริมฝีปากของเธอสั่นเล็กน้อย “กลัวสิ ท่านเข้าใกล้ขนาดนี้ ข้าก็ต้องกลัวอยู่แล้ว” เธอล้วงแขนเสื้อขึ้นโดยหวังว่าจะเปิดกล่องยาได้ แม้ว่าจะหยิบอะไรบางอย่างออกมาป้องกันตัวเองก็ตาม อย่างไรก็ตาม ฮุ่ยติ่งโฮ่วสังเกตเห็นแล้วว่ามือของเธอเกร็ง ๆ อย่างเย็นชา ยิ้มเยาะเย้ย คว้าข้อมือของเธอแล้วกระตุก หยวนชิงหลิงยกผ้าเช็ดหน้าขึ้นอย่างรวดเร็ว และส่ายหน้าให้เขาด้วยรอยยิ้ม ฮุ่ยติ่งโฮ่วบีบคางของเธอและบังคับให้เธอเงยหน้าข
หยวนชิงหลิงถูกพาเข้าประตูหลังของจวนฮุ่ยติ่งโฮ่ว ผู้หญิงที่สวมเสื้อผ้าของผู้ชายแต่ผมสยายลงมา ผู้คนในจวนฮุ่ยติ่งโฮ่วไม่ได้รู้สึกแปลกเลยแม้แต่น้อย คิดว่าคงจะเคยชินกันแล้ว ใครจะไม่รู้ว่านี้เป็นงานอดิเรกนี้ของท่านโฮ่วกัน? “ข้าจะไปทำอะไรสักอย่าง พวกเจ้าคอยจับตาดูนางไว้!” ฮุ่ยติ่งโฮ่วลากเธอเข้าไปในห้อง และสั่งสาวใช้ที่อยู่รอบข้าง “เพคะ!” สาวใช้ทั้งสองโค้งคำนับ หยวนชิงหลิงเห็นว่าผู้หญิงสองคนนี้สูงใหญ่และแข็งแรง และดูเหมือนว่าเป็นผู้ที่ฝึกศิลปะการต่อสู้ เธอต้องการหนีจากมือของคนสองคนนี้ แต่ถึงจะใช้กำลังก็คงจะไม่ได้ผลแน่นอน แต่... หยวนชิงรวบ ๆ กล่องยาที่แขนเสื้อของเธอ และมีแสงเย็นวาบอยู่สะท้อนเข้าตา “ท่านหญิง ข้าอยากถ่ายหนัก ขอถามหน่อยว่ากระท่อมอยู่ที่ไหน” หยวนชิงหลิงถาม สาวใช้ทั้งสองเมื่อเห็นเธอไม่ได้มีสีหน้าความตื่นตระหนกเลย แต่งตัวเป็นชายแต่รูปลักษณ์เป็นหญิง มองดูลีลาที่มีเสน่ห์ของเธอ คิด ๆ ดูเป็นป้าของฉินโหลวหรือในเรือดอกไม้ มาโดยสมัครใจ แต่ ท่านโฮ่วบอกว่ามองห้ามคาดสายตา กล่าวว่า “เจ้าไปที่หลังม่าน จะมีถังถ่ายอยู่” “ไม่มีกระท่อมหรือ?” หยวนชิงหลิงขมวดคิ้ว “มันไกลเกินไป ท่าน
ฮุ่ยติ่งโฮ่วยิ้มอย่างเคร่งขรึม “เมื่อกลายเป็นคนของข้า ข้าก็จะบดกระดูกของนางให้เป็นเถ้าธุลี และจะไม่ทิ้งร่องรอยให้คนหาเจอแม้แต่นิดเดียว” คนสนิทเข้าใจ “ขอรับ งั้นรอท่านโฮ่วส่งพระชายาฉู่เข้าไปในอุโมงค์ลับก่อน แล้วค่อยปล่อยให้อ๋องฉู่เข้ามา”ฮุ่ยติ่งโฮ่วหยิบมีดพกขึ้นมาจากโต๊ะ เล่นกับมันสักหน่อย แล้วปักมีดพกลงบนโต๊ะทันที มีดพกไม่ได้แทงทะลุจนถึงด้ามมีด เขาพูดอย่างเย็นชาและลับ ๆ ว่า “เจ้าเด็กอวี่เหวินห่าวนั่น ข้าไม่ถูกชะตากับมันมานานแล้ว ไม่รู้ว่าฝ่าบาทคิดยังไง ถึงปล่อยให้มันรับตำแหน่งกษัตริย์แห่งจวนจิงจ้าว แต่ไม่เป็นไร ไม่ต้องกังวล มันมีปัญญาขึ้นไปได้ แต่ไม่มีปัญญาในการรักษาตำแหน่งไว้ได้ คราวนี้ส่งผู้หญิงโง่เขลาคนนี้มาถึงที่หน้าประตูเอง ข้าจะใช้นางทำให้อวี่เหวินห่าวตกไปในขุมนรก หวนกลับไม่ได้ตลอดกาล” คนสนิทยิ้มเยาะเย้ย “ขอรับ ท่านโฮ่วก็จะสามารถลบล้างความอัปยศได้แล้ว” ฮุ่ยติ่งโฮ่วคิดถึงความอัปยศของวันนั้น และยังคงเกลียดอย่างเต็มอก “ในวันนั้นเขาเป็นเพียงผู้นำกองทัพที่อยู่ภายใต้บังคับบัญชาของข้า สถานะองค์ชายค้ำคอ ยังกล้าที่จะทุบตีข้าต่อหน้าบรรดาเหล่าทหาร ทำให้ข้าอับอายขายหน้าไปทั่วหล้า กระ
“กลัว?” ฮุ่ยติ่งโฮ่วยิ้มอย่างเจ้าเล่ห์ “ข้ากลับนับถือเจ้านะ เพื่อช่วยอวี่เหวินห่าวล้มข้า เจ้าไม่ได้สนใจชีวิตของเจ้าเลยจริง ๆ” เพราะความโกรธ หยวนชิงหลิงจึงสงบลง เธอมองไปที่ฮุ่ยติ่งโฮ่ว และเดินไปช้า ๆ “ท่านโฮ่วพูดผิดแล้ว ข้าไม่ได้ทำเพื่อเขา” “งั้นเหรอ? แล้วเจ้าทำเพื่อใคร” ฮุ่ยติ่งโฮ่วยิ้มแบบเย็นชา แต่ดวงตาของเขาจ้องไปที่หยวนชิงหลิงอย่างชั่วร้าย ดวงตากระหายเลือดและป่าเถื่อน หยวนชิงหลิงยิ้มเล็กน้อย ซ่อนมือสองข้างไว้ในแขนเสื้อ และจับหลอดยาสลบไว้ “ผู้หญิงทุกคนต่างก็ชอบนายทหารผู้ยิ่งใหญ่” หยวนชิงหลิงจ้องมองเขาอย่างไม่ละสายตา และเดินเข้ามาใกล้อีก ดวงตาของเธอเต็มไปด้วยความเศร้าโศก “น่าเสียดายที่ข้ามองอวี่เหวินห่าวผิดไป เขาไม่ชอบข้าก็ช่าง แต่ถึงยังไงเขาก็ยังเป็นคนกระดูกอ่อน” “จริงเหรอ?” ฮุ่ยติ่งโฮ่วขว้างเทียนไขทิ้ง เอาแขนโอบเอวของเธอ แล้วกดเธอลงต่อหน้าเขา แล้วเอนหัวลงมาพูดด้วยรอยยิ้มที่ยิ้มแย้ม “หากรู้เสียใจตอนนี้ ก็อาจจะยังไม่สายเกินไป อวี่เหวินห่าวเป็นคนกระดูกอ่อน จะทำอะไรได้?” มือของหยวนชิงหลิงพาดขึ้นไปบนหลังของเขา ยังคงจ้องมองมาที่เขา “ใช่สิ ข้าเกลียดเขาจริง ๆ…”เล็บของเธอติดอ