Share

บทที่ 155

Author: จูน
last update Last Updated: 2024-10-29 19:42:56
หยวนชิงหลิงยิ้มออกมา “ขอบคุณมาก ถ้าไม่เป็นเพราะคำเตือนของท่าน ข้าก็นึกไม่ถึงว่าไปหาท่านย่าก็ได้เหมือนกัน”

ว่าแต่เกิดอะไรขึ้นทำไมคุณนายรองไม่ชอบให้มีคนรบกวนหาท่านย่ากัน? เธอเป็นหลานสาว ไปเยี่ยมไข้ท่านย่า ไม่ใช่วิถีปกติที่เขาทำกันหรืออย่างไร?

หวางซรื่อโกรธจนปวดหัว “น่าโมโห แต่ละคนล้วนไม่เอาไหน ไม่รู้อะไรบ้างเลย”

หยวนชิงหลิงไม่สนใจและเดินออกไป

เธอออกไปที่ประตูใหญ่ เกือนชนเข้ากับใครบางคน

เธอรีบถอยหลังไปหนึ่งก้าว ยืนนิ่งพบชายหนุ่มอ่อนเยาว์รูปงามในชุดสีกรมท่า เธอโพล่งเรียกออกมา “พี่ใหญ่!”

คนนี้เป็นพี่ชายคนโตของหยวนชิงหลิง หยวนหลุนเหวิน เขาเป็นบัณฑิตฝึกหัดปฏิบัติราชการประจำสำนักราชบัณฑิตหลวง

เขาเคยเป็นความภาคภูมิใจของวงศ์ตระกูล แต่เพราะพูดจาก้าวร้าวไปทำให้ตระกูลฉู่ขุ่นเคืองใจ ตอนนี้เขาเป็นแค่คนว่างงานไม่ได้ทำการทำงานอะไรในสำนักราชบัณฑิตหลวง

“ทะเล่อทะล่าทำอะไรน่ะ?” หยวนหลุนเหวินถามอย่างเคร่งขรึม

“ข้ามีเรื่อง ขอตัวก่อน” หยวนชิงหลิงไม่ได้มีความรู้สึกดีอะไรกับคนในครอบครัวหยวน และก็ไม่อยากคิดถึงเรื่องของหยวนหลุนเหวินด้วย

เสียงดุไล่หลังมา หยวนหลุนเหวินคว้าข้อมือของหยวนชิงหลิงแล้วดุเธอ “
Locked Chapter
Continue to read this book on the APP
Comments (10)
goodnovel comment avatar
ampai keatasit
หลังตากตอน155 ทำไมโหลดไม่ได้ งงอ่ะ
goodnovel comment avatar
orasa jenklang
ใช่แล้วอ่าน. งง ตั้งนาน. แย่จัง
goodnovel comment avatar
Pim Peim
เมื่อวานคุณไม่ได้อัพนะคะ พอคุณมาอัพของวันนี้เนื้อหามันเลยไม่ต่อกันค่ะ
VIEW ALL COMMENTS

Related chapters

  • ใต้หล้าสยบรัก   บทที่ 156

    ความสมัครสมานสามัคคีของจวนจิ้งโฮ่ว ได้ไปปลุกความความดื้อด้านในใจของหยวนชิงหลิงขึ้นมา ข้าจะนับถึงสาม ถอยไปซะ!” หยวนชิงหลิงพูดแล้วจ้องมองไปที่หลวนอย่างเย็นชาหลวนหัวเราะเบา ๆ “ถอยไปไม่ได้จริง ๆ เกรงว่าพระชายาจะเข้าไปรบกวนรบกวน การรักษาตัวของฮูหยินเฒ่า”ยังจะนับถึงสาม ช่างไร้เดียงสาเสียจริงหยวนชิงหลิงจ้องมองไปที่นาง “หนึ่ง...”หยวนชิงหลิงผลักนางจนเซ หลวนล้มลงกับพื้น “ล่วงเกินท่านแล้ว!” หยวนชิงหลิงรีบเดินออกไป“โอ๊ย พระชายาตีข้า พระชายาตีข้า” หลวนที่ล้มลงกับพื้นร้องเสียงดังด้วยความเจ็บปวด เรียกให้บ่าวรับใช้ในเรือนมามุงดูหยวนชิงหลิงหยุดเดินแล้วนิ่งไป หันหลังกลับมาดูหลวนร้องไห้ “ไร้เหตุผลสิ้นดี ข้าเป็นป้าสะใภ้เจ้า เจ้ากลับลงมือตีข้า เจ้าคิดว่าเจ้าเป็นพระชายาจึงไม่เกรงใจ กลับมาบ้านแม่เพื่อรังแกคนเฒ่าคนแก่สินะ” หยวนชิงหลิงก้มตัวลงและยิ้มเย็นออกมา “ป้าสะใภ้ ข้าขอแนะนำให้ท่านหุบปากเสีย วันนี้คุณนายรองต่างไม่กล้าห้ามข้า แต่ถ้าท่านรีบข้าจะจัดการท่านเป็นคนแรก“เจ้า...เจ้าคิดจะพูดอะไรกันแน่?” หลวนหยุดร้องไห้ น้ำตาสักหยดก็บีบไม่ออก“เมื่อก่อนข้ากลับจวน ข้าต้องขออนุญาตท่านอ๋องซ้ำแล้

  • ใต้หล้าสยบรัก   บทที่ 157

    ดูท่าข่าวดีที่เธอรอคงไม่มีเสียแล้ว หยวนชิงหลิงกลับจวนอ๋องไปได้ไม่นาน ได้ยินว่าหยวนหลุนเหวินมาถึงแล้วหยวนชิงหลิงมองหน้าเขา บนใบหน้าขาวละเอียดของเขามีรอยฝ่ามืออยู่ ใบหน้าครึ่งหนึ่งของเขาบวมแดง จิ้งโฮ่วเป็นชายชาติทหาร ตบทีหนึ่งก็ไปครึ่งหน้าแล้วหยวนหลุนเหวินโกรธและอับจนหนทางอย่างมาก เขาพูดกับหยวนชิงหลิง “เรื่องนี้ท่านพ่อไม่มีเหตุผลเลย เขาจะแต่งน้องรองเพื่อไปประจบประแจงตระกูลฉู่แบบนี้”หยวนชิงหลิงถอนหายใจเบา ๆ และออกคำสั่งกับลวี่หยา “ไปที่ห้องเก็บน้ำแข็งนำน้ำแข็งมาสักก้อนหนึ่ง ห่อผ้าขนหนูไว้แล้วนำมาให้ข้า”ลวี่หยารับคำสั่งแล้วเดินออกไปน้ำน้ำแข็งมาให้ หยวนชิงหลิงนำน้ำแข็งที่ห่อผ้าขนหนูนั้นประคบลงบนหน้าของหยวนหลุนเหวินหยวนหลุนเหวินมองหยวนชิงหลิง “น้องใหญ่ ยังพอมีทางอื่นอีกไหม? ขอร้องท่านอ๋องดูไหม?”“เคยขอร้องแล้ว คนตายซากนั้นไม่เต็มใจ”หยวนชิงหลิงบอกพี่ชายหยวนหลุนเหวินถอนหายใจ “น้องใหญู่พูดถึงท่านอ๋องแบบนั้นไม่ได้ ท่านอ๋องเป็นคนดี”“พี่ใหญ่ใช้ตาไหนมองว่าเขาเป็นคนดี?” หยวนชิงหลิงไม่ค่อยพอใจ เป็นไปได้ไหมว่าเขาก็อยากกอดขาอ๋องฉู่?“ท่านอ๋องสู้เพื่อบ้านเมือง ไม่สู้ก็ไม่ชนะ ไม่ดีตรงไห

  • ใต้หล้าสยบรัก   บทที่ 158

    ความคิดที่วนซ้ำ ๆ อย่างบ้าคลั่ง จนกระทั่งหยวนหลุนเหวินออกไปแล้ว มันยังคงเติบโตอยู่ในหัวเธออยู่ในห้องตรวจสอบกล่องยาด้วยตัวเอง ในนั้มียาชา, ผ้าพันแผล, ยาห้ามเลือดรวมถึงกลุ่มยาช่วยชีวิตอย่างโดพามีน, แอสไพรินก็มี และยังมีพวกยาเบ็ดเตล็ดบางประเภทอีกด้วย มีดสั้น ไม่มี ไม่เป็นไร ไปถามสวี่อีเอาก็ได้ทุกอย่างเตรียมการพร้อม เหลือแค่ตรวจสอบเธอต้องตรวจสอบว่าฮุ่ยติ่งโฮ่วชอบไปไหน ตรวจสอบว่าเขาเดินทางผ่านถนนเส้นไหน รอบตัวเขามีองครักษ์ข้างกายกี่คน และอาวุธที่เขาชอบพกติดตัวสวี่อีรู้สึกว่าช่วงนี้พระชายาแปลกมาก ๆ เดี๋ยวก็มาขอยืมมีดสั้น เดี๋ยวก็มาถามว่ามีอาวุธลับไหม แล้วมาถามเขาอีกว่าผู้ชายมีอะไรโดดเด่นที่สุดช่างสองอย่างแรกไปเถอะ แต่อย่างหลังเขาตอบไม่ถูกจริง ๆพระชายาเรียบง่ายเกินไปจนกระทั่งวันหนึ่ง เขาเห็นว่าพระชายาแต่งตัวเป็นชุดผู้ชายออกไป เพียงแต่ออกจากทางประตูหลัง ไม่พาลวี่หยาและไม่พานางกำนัลทั้งสองไปด้วยเขารู้สึกว่ามันแปลกมาก แต่ก็ไม่กล้าเสียมารยาทถาม พระชายาคงเสพติด เขาจึงไม่กล้าเสียมารยาทถามจริง ๆวันที่สองพระชายาเอาหมั่นโถวออกไปสองลูก ออกไปทั้งวัน ฟ้ามืดถึงจะกลับมาวันที่สาม ก็เหม

  • ใต้หล้าสยบรัก   บทที่ 159

    อวี่เหวินห่าวถอนหายใจออกมา “เรื่องประจบประแจงนางทำได้ดีที่สุดแล้ว”หยวนชิงหลิงตามสืบอยู่สองสามวัน พบว่าฮุ่ยติ่งโฮ่วชอบไปที่หอเริงรมณ์ชิงเฉินเพื่อฟังเพลงแต่เขาไม่มีเวลาไปที่ตายตัว เพียงถ้ามีเวลาว่างก็ไปและไม่ได้ไปทุกวัน มักจะกลับมาจากกรมทหารและเข้าไปที่หอเริงรมณ์ชิงเฉินเพื่อฟังเพลงสักสองสามเพลงหยวนชิงหลิงแรกเริ่มไม่สามารถเข้าไปได้ เพราะจะเข้าไปฟังเพลงต้องมีค่าน้ำชาและของตบรางวัล เธอไม่ได้พกเงินออกมา ดังนั้นจึงทำได้แค่รอข้างนอกฮุ่ยติ่งโฮ่วขี่ม้ากลับเข้ามาในเมือง มีพาคนมาด้วยสองคน สองคนนั้นเหน็บดาบไว้ที่เอว ท่าทางดูขึงขังจริงจัง อีกคนเข้าไปฟังเพลงด้วย อีกคนรออยู่ด้านนอกวันนี้หยวนชิงหลิงพกเงินมาด้วย เข้าไปฟังเพลงเธอสวมชุดผู้ชายสีกรมท่าที่เอวคาดเข็มขัด ผมเรียงเส้นนุ่มสลวยเงางามดั่งแพรพรรณ เธอไม่ทาแป้ง ริมฝีปากแดงระเรื่อ ฟันเรียงตัวขาวสะอาด คิ้วละเอียดอ่อนงดงาม ทุกอิริยาบทล้วนดูอ่อนช้อยดั่งหญิงสาวแต่เธอจงใจเติมคิ้วให้หนา เขียนมุมคิ้วให้ชี้เหินขึ้นด้านบน ในความงามนุ่มนวลนี้มีความห้าวหาญเพิ่มขึ้นมาได้สักสองจุดเธออยู่ในจวนเรียนรู้จากการเห็นสวี่อีเดินไป เธอพยายามฝึกฝนเลียนแบบท่าทา

  • ใต้หล้าสยบรัก   บทที่ 160

    หยวนชิงหลิงรู้ว่าตัวเองเข้าตาเขาแล้วอย่างแน่นอนแผนการของเธอคือทำให้เขาสนใจตัวเธอ แต่ต้องเป็นที่ ๆ คนพลุ่กพล่านจนไม่สามารถลงมือได้ เธอจะจัดการให้เขาเริ่มมีโอกาสลงมือ ถึงตอนนั้น กังวลแค่ว่าจะสามารถจับเขาได้แบบคาหนังคาเขารึเปล่า?ดังนั้นเธอควรจะจบมันสักที เธอลุกขึ้นและเดินออกไปสวี่อีทำตามคำสั่งของถังหยาง โดยติดตามหยวนชิงหลิงแบบลับ ๆ มาตลอดสองวัน ตอนที่หยวนชิงหลิงเข้าไปในหอเริงรมณ์ชิงเฉิน เขาเองก็เข้าไปด้วย แต่ไม่ได้นั่งชม เขาเพียงยืนพิงที่ประดูแล้วมองดูด้วยเท่านั้นเขาเองก็เห็นฮุ่ยติ่งโฮ่ว แต่พระชายาก็ไม่ได้มีอะไรเกี่ยวข้องฮุ่ยติ่งโฮ่ว เมื่อเห็นว่าพระชายาไปแล้ว เขาก็ค่อย ๆ ออกจากทางประตูหลังไป เดินตามอยู่อย่างห่าง ๆหยวนชิงหลิงเดินออกไป ช่วงหลายวันมานี้ เธอเริ่มคุ้นเคยกับถนนเส้นนี้และโดยรอบ แต่ก็ไม่เหมือนวันนี้ที่ได้ตั้งใจดูบรรยากาศของถนนการค้าของยุคโบราณให้ดี ๆเมืองหลวงของเป่ยถังนี้ช่างเจริญรุ่งเรืองจริง ๆ มีร้านค้ามากมากละลานตระการตา ทั้งหมดล้วนคึกคักเฟื่องฟูเป็นอย่างมาก ทั้งร้านขายผ้าไหมแพรพรรณ ร้ายขายเครื่องประดับอัญมณีล้ำค่า ร้านค้าข้าวและธัญพืชอีกทั้งร้ายขายแป้งผัดหน้า ท

  • ใต้หล้าสยบรัก   บทที่ 161

    “ท่านต้องการทำอะไร ปล่อยข้าลงไป!” หยวนชิงหลิงพยุงตัวเองและพูดอย่างโกรธเคือง ฮุ่ยติ่งโฮ่วมองเธอด้วยสายตารุกราน ราวกับว่าเธอเป็นอาหารของอสูร ความปรารถนาในดวงตามองแล้วไม่มีการปกปิดแต่อย่างใด มือใหญ่ ๆ บีบคางของเธออย่างแรง หยวนชิงหลิงเจ็บจนน้ำตาแทบไหล เมื่อนึกถึงความรุนแรงของบุคคลนี้ ในใจก็กังวลอย่างมาก มือของเขาคลายออกทันที สัมผัสตามใบหน้าของเธอขึ้นไป และทันใดนั้นมือข้างหนึ่งก็ดึงผ้าผูกหัวของเธอออก และผมของเธอก็สยายลงมา “ที่แท้เป็นผู้หญิงตัวเล็ก ๆ นี่เอง” รอยยิ้มของเขาลึกขึ้น ริมฝีปากขยับเข้ามาใกล้ และน้ำเสียงของเขาพ่นไปบนใบหน้าของหยวนชิงหลิง ทำให้หยวนชิงหลิงแทบจะอาเจียน สมองของเธอพลิกผันอย่างรวดเร็ว คนมีความรุนแรง หากเผชิญกับการต่อต้าน มันจะปลุกเร้าปัจจัยรุนแรงในหัวใจของเขาให้มากขึ้น และเธอไม่อาจต้านทานได้ แต่จะทำอย่างไร? เธอไม่คิดว่าเขาจะกล้าทำกลางถนน เขาไร้ยางอายแค่ไหน?คิดแค่อยากจะบินไปบนฟ้า แต่กลัวไม่มีใครหาเจอ ถึงแม้จะเจอ ก็นึกว่ามีคนที่อยู่ข้างหน้า ใครจะไปคิดว่าคนที่อยู่ข้างในรถม้าจะเป็นการลักพาตัวผู้หญิง? เธอปรับการหายใจ และค่อย ๆ ใจเย็นลง ก้าวถอยหลังเล็กน้อย วางม

  • ใต้หล้าสยบรัก   บทที่ 162

    ซูยี่ก้มหน้าเข้ามา ไม่กล้าสบตากับความโกรธในดวงตาของอวี่เหวินห่าว “ข้าน้อยติดตามพระชายามาสองวันแล้ว วันนี้นางแต่งตัวเป็นชายไปฟังบทเพลงที่หอเริงรมณ์ชิงเฉิน พบกับฮุ่ยติ่งโฮ่ว ขณะที่กำลังกลับ รถม้าของฮุ่ยติ่งโฮ่วจอดขวางนางไว้ และพูดอะไรบางอย่างแต่ข้าน้อยไม่ได้ยิน แต่พระชายาตอบสองสามคำแล้วก็จากไป ข้าน้อยเดินตามไปจนสุดทาง แต่คาดไม่ถึงรถม้าของฮุ่ยติ่งโฮ่วผ่านไปอย่างรวดเร็ว หลังจากนั้นไม่นาน พระชายาก็หายไปแล้ว ข้าน้อยสงสัยว่านางถูกฮุ่ยติ่งโฮ่วลักพาตัวไป” “แต่งตัวเป็นชาย? นางจะบินขึ้นไปบนฟ้าเหรอ?” อวี่เหวินห่าวโกรธจัด ตัวนางเองไม่รู้หรือว่าตัวเองถูกโจมตีจากทุกด้าน? ยังกล้าที่จะแต่งตัวเป็นชายออกไปข้างนอก คนประเภทนี้ เป็นอมตะแต่ก็ไร้ประโยชน์จริง ๆ “อย่าไปสนใจนางเลย ปล่อยให้นางตายไปซะ” อวี่เหวินห่าวพูดอย่างเย็นชา ถังหยางเตือนว่า “ท่านอ๋อง ตอนนี้ไม่ใช่เวลามาโกรธ พระองค์ก็รู้ว่าฮุ่ยติ่งโฮ่วเป็นคนแบบไหน และเขาก็ไม่รู้ตัวตนของพระชายา ตอนนี้พระชายาอยู่ในกำมือของเขาแล้ว ตายก็คงยังไม่พอ”“นั่นเป็นเพราะนางรนหาที่ตายเอง ใครทำให้นางว่างจนต้องเที่ยวไปทั่ว” อวี่เหวินห่าวก็หรี่ตาลง “ไม่ใช่สิ ไม่ใช่ตัว

  • ใต้หล้าสยบรัก   บทที่ 163

    ระหว่างทาง เธอค่อย ๆ สงบลง เริ่มคุยกับฮุ่ยติ่งโฮ่ว “เจ้าพาข้าขึ้นรถมาแบบนี้ ไม่อยากรู้ว่าข้าเป็นใครหรอกหรือ?” ฮุ่ยติ่งโฮ่วมองดูเธออย่างชั่วร้าย “ในเมื่อมีใจ จำเป็นต้องถามที่มาด้วยเหรอ?” หยวนชิงหลิงกล่าวว่า “ท่านคือฮุ่ยติ่งโฮ่ว ใช่ไหม?” ฮุ่ยติ่งโฮ่วไม่แปลกใจเลยที่นางจะรู้ แค่โน้มตัวเข้าไปใกล้นาง “กลัวเหรอ?” หน้าของเขาถูกบังคับอยู่ที่หน้า ในตาเต็มไปด้วยเปลวไฟที่ลุกโชกโชน เขาคิดว่าเป็นเปลวไฟที่สนุกเป็นพิเศษ และมุมปากของเขายกขึ้นเล็กน้อย ดูไม่เหมือนหัวเราะเลย แต่กลับกลายเป็นเยาะเย้ย ดุร้ายและรุนแรง บุคคลนี้เต็มไปด้วยความรุนแรงทั่วร่างกายของเขาหยวนชิงหลิงไม่กลัวไม่เป็นความจริง แต่ริมฝีปากของเธอสั่นเล็กน้อย “กลัวสิ ท่านเข้าใกล้ขนาดนี้ ข้าก็ต้องกลัวอยู่แล้ว” เธอล้วงแขนเสื้อขึ้นโดยหวังว่าจะเปิดกล่องยาได้ แม้ว่าจะหยิบอะไรบางอย่างออกมาป้องกันตัวเองก็ตาม อย่างไรก็ตาม ฮุ่ยติ่งโฮ่วสังเกตเห็นแล้วว่ามือของเธอเกร็ง ๆ อย่างเย็นชา ยิ้มเยาะเย้ย คว้าข้อมือของเธอแล้วกระตุก หยวนชิงหลิงยกผ้าเช็ดหน้าขึ้นอย่างรวดเร็ว และส่ายหน้าให้เขาด้วยรอยยิ้ม ฮุ่ยติ่งโฮ่วบีบคางของเธอและบังคับให้เธอเงยหน้าข

Latest chapter

  • ใต้หล้าสยบรัก   บทที่ 1015

    ซูยี่อยู่ในห้องของสุนัขป่าเช่นกัน เมื่อเห็นอวี่เหวินห่าวและหยวนชิงหลิงเข้ามา เขาพูดอย่างกังวล "องค์รัชทายาท พระชายา นายน้อยสุนัขป่าไม่กินอะไรเลย หาหมอหลวงดีไหมพ่ะย่ะค่ะ?"อวี่เหวินห่าวหัวเราะ "เขารักษาอาการป่วยของสุนัขป่าไม่ได้ จะพาเขาไปทำไม?"เขาดูสุนัขป่าน้อยสามตัวนอนอยู่บนเตียงเล็ก ร่างเล็ก ๆ ของพวกมันเบียดเสียดกัน ดูเซื่องซึม บางทีอาจเป็นเพราะพวกมันไม่ได้กินอะไรจึงดูอ่อนแอและซูบผอมเป็นพิเศษ อวี่เหวินห่าวพูดด้วยความประหลาดใจว่า "ผอมลงมากขนาดนี้เลยรึ? สุนัขป่าคงหิวมากแน่ ๆ""สุนัขป่าที่โตเต็มวัย เวลาหิวนั้นกินอาหารหนึ่งมื้อสามารถอยู่ได้นานถึงครึ่งเดือน ตอนนี้พวกมันยังเด็กและต้องกินเนื้อ" ซูยี่เลี้ยงสุนัขป่า และได้ศึกษาการเลี้ยงมามากมายอวี่เหวินห่าวหยิบหนึ่งในนั้นขึ้นมา เห็นสุนัขป่าหิมะตัวน้อยนอนนิ่งอยู่ในมือของเขาเหมือนก้อนสำลีเบาหวิวไม่มีน้ำหนัก "ตัวนี้ของใครกัน?""ของเสี่ยวลั่วหมี่" หยวนชิงหลิงกล่าว "ตัวเล็กที่สุดคือของเสี่ยวลั่วหมี่ ท่านดูสิแยกออกได้เลยเห็นไหม ของ เปาจื่อปากจะแหลมมาก ของทังหยวนก็หน้ากลมกว่า มันแปลกที่จะบอกว่าสุนัขป่าพวกนี้ ทั้งลักษณะนิสัยหรือรูปร่างหน้าตา พว

  • ใต้หล้าสยบรัก   บทที่ 1014

    อวี่เหวินห่าวไม่ได้อธิบายอะไรแทนจิ้งถิง เขาแค่พูดว่า "เขาจะอยู่ในจวนสักพัก ดังนั้นเจ้าควรเปิดตาของเจ้าดูสิว่าเขาจริงใจหรือเสเเสร้ง เจ้าฉลาดมากขนาดนี้ ย่อมต้องดูออกอยู่แล้ว”หยวนชิงหลิงได้ยินถึงความไม่พอใจในน้ำเสียงของเขา ดูเหมือนว่าเขาใส่ใจมิตรภาพนี้จริง ๆหยวนชิงหลิงลองคิดดูแล้ว หลังจากใช้เวลาร่วมกับจวิ้นจู่มาสองสามวัน จวิ้นจู่ก็เป็นคนตรงไปตรงมาและเปิดเผย ดังนั้นนางคงไม่หาสามีที่มีจิตใจล้ำลึกซับซ้อนหรอกนางจึงขอโทษเขา "ข้าคิดมากไป ในอนาคตข้าจะไม่พูดอะไรแบบนี้อีก"อวี่เหวินห่าวเอื้อมมือไปเชยคางนาง และมองหน้านาง "เหล่าหยวน ข้าเองก็เห็นว่านิสัยของเจ้าช่างเถรตรงจริง ๆ แม้ว่าบางครั้งเจ้าจะดุร้าย เผด็จการ และไม่มีเหตุผล แต่ถ้าเจ้าทำอะไรผิด เจ้าจะต้องขอโทษอย่างแน่นอน เกรงว่าแม้จะเป็นคนรับใช้ก็ยังกล่าวคำขอโทษได้ เจ้านี่นิสัยดี ใช้ได้จริง ๆ"“ข้าเป็นคนไร้เหตุผลตั้งแต่เมื่อไหร่กัน?” หยวนชิงหลิงหัวเราะ “ท่านจะชมข้าก็ชมสิ ทำไมต้องดุกันก่อน”อวี่เหวินห่าวหัวเราะ "รางวัลและบทลงโทษต้องแยกให้ออกจากกันอย่างชัดเจน หากเจ้าทำสิ่งที่ถูกต้อง เจ้าควรได้รับคำชมเชย หากเจ้าทำอะไรผิด ก็ต้องบอกกล่าวตักเตือ

  • ใต้หล้าสยบรัก   บทที่ 1013

    เขากลับมาที่จวนอย่างไม่สบอารมณ์ หยวนชิงหลิงเห็นว่าเขาขมวดคิ้ว นางรู้ว่าเป็นเพราะเรื่องลงนามพันธมิตรอีกเป็นแน่ ดังนั้นนางจึงปลอบเขาอวี่เหวินห่าวพูดด้วยความโกรธ "เสด็จพ่อจงใจทำให้ข้าลำบาก จูกั๋วกงเห็นด้วยหรือไม่นั้นเป็นเรื่องสำคัญขนาดนั้นเลยรึอย่างไร?"หยวนชิงหลิงหัวเราะ "ท่านอยู่ในเกมและกังวลเกี่ยวกับเรื่องนี้มากเกินไป จึงไม่เข้าใจความหมายของเสด็จพ่อ เสด็จพ่อต้องการให้ท่านเอาแรงสนับสนุนจากจูกั๋วกงมาให้ได้ ไม่ใช่แค่แรงสนับสนุนเรื่องนี้เท่านั้น แต่มันจะเป็นแรงสนับสนุนงานในอนาคตทั้งหมดของท่าน เพราะตอนนี้เขาเป็นคนที่สามารถปราบปรามตี้เว่ยหมิงอย่างออกหน้าได้ นั้นก็คือตัวเขาที่เป็นพ่อตา”อวี่เหวินห่าวตกตะลึงไปครู่หนึ่ง "เจ้าหมายความว่า เสด็จพ่อก็มองตี้เว่ยหมิงออกด้วยหรือ?"หยวนชิงหลิงยืนพิงเขา "เสด็จพ่อย่อมต้องรู้มากกว่าท่านอยู่แล้ว เหมือนที่ท่านเคยพูดไว้ก่อนหน้านี้ว่าพระองค์ลำเอียงเข้าข้างพี่ใหญ่เสมอ จริง ๆ แล้วพระองค์ทรงรู้อยู่แก่ใจ พระองค์แค่ให้โอกาสพี่ใหญ่เสมอ แต่เมื่อเจอโอกาสที่เหมาะสม ก็ควรจัดการไม่ใช่หรอกหรือ? ความคิดของพระองค์ชัดเจนอยู่แล้ว ดังนั้นจงทำตามที่พระองค์ต้องการเถอะ จัดก

  • ใต้หล้าสยบรัก   บทที่ 1012

    พระชายาจี้พูดจบก็กลับไปนั่งลงบนเก้าอี้เก้าอี้ที่นางนั่งนั้นใหญ่มาก แต่นางผอมมากเนื่องจากป่วยมาเป็นเวลานาน เก้าอี้นั้นยังมีพื้นที่เหลืออีกมาก ผู้หญิงตัวเล็ก ๆ คนนั้นนั่งบนเก้าอี้กว้างตัวใหญ่ประจัญหน้ากับพวกขุนนางกว่าสิบคนที่อยู่ตรงนั้นแม่ทัพซุยไม่กล้าพูดอะไรอีกต่อไป ความโกรธบนใบหน้าของเขาก็ค่อย ๆ แปรเปลี่ยนเป็นความหวาดกลัวคนที่เหลือก็เงียบและก้มหน้าเช่นกันพระชายาจี้รออยู่สักพัก ก่อนที่จะกล่าวอย่างใจเย็นว่า "องค์รัชทายาทคือผู้กำหนดชะตา ถ้าเจ้าปฏิบัติตามให้ดี เจ้าจะมีชีวิตอยู่อย่างมั่งคั่งและมั่งคั่งในภายภาคหน้า วันนี้ข้าพูดได้เพียงเท่านี้ ทุกคนไปเถอะ รักษาตัวด้วย"หลังจากพูดจบ นางก็ยืนขึ้น และเดินออกไปโดยเอามือไพล่หลัง แผ่นหลังบาง ๆ ของนางตั้งตรงดูยิ่งใหญ่ราวกับว่าสามารถแบกท้องฟ้าได้ครึ่งหนึ่งแรงสนับสนุนของอวี่เหวินห่าวสูงขึ้นเรื่อย ๆอย่างไรก็ตาม มีคน ๆ ​​หนึ่งที่มีความคิดเห็นเป็นปฏิปักษ์อยู่เสมอ ถึงกับตำหนิเขาตรง ๆ ต่อหน้าท้องพระโรงทำให้บรรยากาศของวันนั้นแย่เป็นอย่างยิ่ง แม้แต่จักรพรรดิหมิงหยวนก็ยังกริ้วจนหน้าดำจูกั๋วกงคนนี้คือ จูหรูเพ่ย เป็นพ่อตาของตี้เว่ยหมิงเมื่อก่อน

  • ใต้หล้าสยบรัก   บทที่ 1011

    มีแม่ทัพแซ่ซุยอยู่ที่นี่ ซึ่งเคยอยู่กับตี้เว่ยหมิงมาก่อน และตี้เว่ยหมิงได้ติดต่อเขาแล้ว เมื่อได้ยินสิ่งที่พระชายาจี้พูด เขาพูดอย่างเฉยเมยว่า "ข้อเสนอขององค์รัชทายาทที่จะจัดตั้งพันธมิตรกับต้าโจว ไม่ต่างอะไรไปกว่าการกระทำของคนขี้ขลาด คิดว่าด้วยการสนับสนุนของต้าโจว เป่ยถังของเราจะสามารถดำรงอยู่ได้อย่างสงบสุขรึ และเช่นกันด้วยวิธีนี้ เป่ยถังของเราจะต้องมองสีหน้าท่าทีของต้าโจวในทุก ๆ เรื่องงั้นหรือ? นี่คิดว่ามันคงไม่เหมาะกระมั่ง”พระชายาจี้มองเขา น้ำเสียงของนางเย็นชาเล็กน้อย “แม่ทัพซุย แม้ว่าข้าจะเป็นผู้หญิง แต่ข้าก็รู้ด้วยว่าสิ่งที่องค์รัชทายาทเสนอเป็นพันธมิตร มิใช่การยอมจำนน ทำไมเจ้าต้องสังเกตสีหน้าท่าทางต้าโจวทุกอย่างด้วย?”แม่ทัพซุยพูดอย่างแข็งกร้าว "พระชายาคงไม่เข้าใจสินะ? เมื่อพันธมิตรถูกจัดตั้งขึ้น ก็จะมีข้อจำกัดซึ่งกันและกัน ข้อจำกัดทางทหารไม่ใช่เรื่องที่ดี"พระชายาจี้ถึงกับขำ แววตาของนางดูเย็นชาขึ้นมา "จริงหรือ? แล้วทำไมข้าถึงได้ยินว่าสนธิสัญญานี้หมายถึงการไม่รุกรานกัน? หรือว่าแม่ทัพซุยมีความคิดที่จะรุกรานแคว้นอื่น"แม่ทัพซุยตกตะลึง "นี่...ข้าย่อมไม่มีอยู่แล้ว"“ในเมื่อไม่มี เจ

  • ใต้หล้าสยบรัก   บทที่ 1010

    หยวนชิงหลิงไม่สบายใจ อย่างไรก็ตาม เสี่ยวลั่วหมี่ยังมีไข้อยู่นางยิ้มและพูดว่า "เสด็จย่า พวกเขาอาจจะงอแง เกรงว่าจะทำให้พระองค์ทรงเหนื่อยได้เพคะ"ไทเฮาทรงมีสีพระพักตร์นิ่งเฉย และตรัสอย่างไม่พอใจว่า “เกรงว่าคนแก่อย่างข้าจะอ่อนล้า หรือไม่วางใจให้ข้าดูแลพวกเขากัน? กลัวว่าพวกเขาอยู่กับข้าแล้วจะดูแลไม่ดี ไม่มีนมให้กินอย่างนั้นรึ” หยวนชิงหลิงยิ้มและพูดว่า "ดูพระองค์พูดสิเพคะ พระองค์จะปฏิบัติต่อพวกเขาอย่างเลวร้ายได้อย่างไร? พระองค์ออกจะรักเหมือนเป็นหัวแก้วหัวแหวน... "“บุ้ย ๆ ๆ หัวแก้วหัวแหวนอะไรกัน ไม่ใช่ลูกสาวสักหน่อย แต่เป็นทองคำต่างหาก ทองคำของข้า” ไทเฮาทรงตรัสแปลก ๆ ขณะอุ้มเสี่ยวลั่วหมี่ไว้นางเงยหน้าขึ้นและมองไปที่หยวนชิงหลิงและพูดอย่างเย็นชาว่า "อย่าพูดไร้สาระ แค่อยู่ในวังสักสองสามวัน ไว้หายดีแล้วค่อยให้เจ้ามารับไป หากยังกังวลใจ ให้ไปหาไท่ซ่างหวงให้รับรองให้เจ้าเถอะ”หยวนชิงหลิงได้ยินว่านางถึงกับยกไท่ซ่างหวงออกมาแบบนี้ นางจะกล้าปฏิเสธได้อย่างไร นางจึงจำใจต้องส่งลูกที่เพิ่งครบเดือนให้ห่างอกนางเท่านั้นอย่างไรก็ตาม เมื่อนึกถึงเรื่องการจัดตั้งโรงเรียนแพทย์ ทุกวันนี้นางก็แทบไม่มีเวลา

  • ใต้หล้าสยบรัก   บทที่ 1009

    ในเมื่อเสด็จพ่อเห็นด้วย จะให้เขามาหารือกับเหล่าขุนนางเพื่อเรียกแรงสนับสนุน แล้วทำไมเขาต้องไปหาเสียงเห็นชอบด้วยจักรพรรดิหมิงหยวนมองเขาอย่างแฝงความนัย เขายังเด็กเกินไปจริง ๆ "ไปซะ"อวี่เหวินห่าวออกไปคิดเกี่ยวกับเรื่องนี้ และทันใดนั้นก็ตระหนักได้ว่า มันยังเป็นความเคลื่อนไหวอันเฉียบแหลมของเสด็จพ่อ ที่ไม่ได้แสดงจุดยืนของพระองค์ออกมา และเฝ้าดูความเคลื่อนไหวของเหล่าขุนนางอย่างเงียบ ๆ หากพระองค์แสดงจุดยืนออกมา หลายคนจะเอียนเอียงคล้อยตามพระองค์ทันที ถ้าพระองค์ไม่พูดอะไร พระองค์ก็จะรู้ความคิดทุกคนจริง ๆ ว่าใครอยู่ข้างตี้เว่ยหมิงอย่างไรก็ตาม หลังจากที่เขาจากไป จักรพรรดิหมิงหยวนก็คิดว่าเรื่องนี้มีข้อดีมากมาย แต่ก็มีข้อเสียเล็ก ๆ น้อย ๆ ด้วยเช่นกัน เพื่อหลีกเลี่ยงไม่ให้นักประวัติศาสตร์ในอนาคตเขียนส่งเดชให้เขาเป็นแพะรับบาป การแสร้งทำเป็นบีบบังคับให้ทำในสิ่งที่ไม่น่าทำได้น่าจะเป็นการดีกว่าเขากำลังกินหมานโถ่วและกังวลใจเกี่ยวกับเสี่ยวลั่วหมี่วันนี้เสี่ยวลั่วหมี่มีไข้ อันที่จริงไม่ใช่แค่เสี่ยวลั่วหมี่ แต่เด็กทั้งสามคนมีอาการไอเล็กน้อยเพียงแต่ร่างกายของเสี่ยวลั่วหมี่นั้นไม่ค่อยแข็งแรง เขาจึงมี

  • ใต้หล้าสยบรัก   บทที่ 1008

    หลังจากเลิกว่าราชกิจแล้ว อวี่เหวินห่าวก็ไม่ย่อมไม่พอใจ ดังนั้นเขาจึงไปหอตำราหลวงหาจักรพรรดิหมิงหยวนจักรพรรดิหมิงหยวนมักจะกินอาหารเช้าหลังจากเลิกว่าราชกิจในยามเช้า มีโจ๊กและหมานโถ่วอยู่ในห้องทำงานของจักรพรรดิ หลังจากกินโจ๊กชามหนึ่ง ก็พูดอย่างเรียบเฉยว่า"เป็นเพราะความสัมพันธ์ระหว่าเจ้ากับแม่ทัพเฉินแห่งต้าโจว? ถึงเป็นเหตุผลให้เจ้าวิ่งเต้นขนาดนี้?”อวี่เหวินห่าวไม่ได้กินอาหารเช้าเช่นกัน และตอนนี้เขาหิวมาก เมื่อเห็นว่าเขาหยุดกินโจ๊กแล้ว เขาคิดว่าเขาไม่เอาหมานโถ่วแล้ว จึงเอื้อมมือไปหยิบหมานโถ่ว “ไม่ใช่พ่ะย่ะค่ะ กระหม่อม..."จักรพรรดิหมิงหยวนหยิบตะเกียบขึ้นมาและชี้ไปที่เขา "วางลงซะ!"อวี่เหวินห่าวถึงกับอ้าปากค้าง เมื่อเห็นสายตาพ่อตัวเองเป็นประกายเช่นนั้น เขาแอบบ่นว่าขี้งกและวางหมานโถ่วกลับที่เดิมจักรพรรดิหมิงหยวนหยิบหมานโถ่วขึ้นมาเช็ด จากนั้นค่อย ๆ ปอกลอกเปลือกนอกออกและกินมัน โดยทิ้งอวี่เหวินห่าวที่อยู่ข้าง ๆอวี่เหวินห่าวพูดอย่างเศร้าใจ "กระหม่อมก็หิวเหมือนกัน เมื่อเช้านี้ตื่นมา แม่นมบอกว่าเสี่ยวลั่วหมี่ตัวร้อนเล็กน้อย กระหม่อมจึงรีบไปดูก่อน ไม่ได้สนใจที่จะกินอาหารเช้า"เมื่อได้ยินว

  • ใต้หล้าสยบรัก   บทที่ 1007

    เขาพูดเสียงดังในท้องพระโรง "เป่ยโม่และเสียนเป่ยเป็นดั่งหมาป่าทะเยอทะยาน พวกเขาจับตามองเป่ยถังมานานแล้ว แต่เป็นเพราะทหารม้าที่แข็งแกร่งของเป่ยถั งและเหล่ายอดนักรบจึงขับไล่พวกเขากลับไปได้เป็นการชั่วคราว แต่ไม่มีอะไรมารับประกันได้ว่าพวกเขาจะไม่กลับมารุกรานอีกตอนนี้ต้าโจวได้พัฒนาอาวุธและรถออกศึกได้ หากทั้งสองแคว้นเป็นพันธมิตรกัน ต้าโจวสามารถช่วยเป่ยถังปรับปรุงอาวุธและยุทโทปกรณ์ ซึ่งสามารถเสริมสร้างการป้องกันทางทหารของเป่ยถังได้ และร่วมกับการพัฒนาเศรษฐกิจ นี่เป็นประโยชน์ระยะยาวสำหรับเป่ยถัง รัชทายาททรงมีพระวินิจฉัยที่ลึกซึ้ง นั่นเป็นผลดีต่อราษฏร และเขายังคิดถึงระยะยาวสำหรับเป่ยถัง ส่วนแม่ทัพตี้เว่ยหมิงที่เจตนาพูดจาให้คนอื่นตกใจนั้นก็มีส่วนต้องรับผิดชอบด้วย ว่าไปแล้วเป่ยถังไม่ได้ไปรุกรานโม่เป่ยกับเสียนเป่ย หากพวกเขาไปรุกรานต้าโจว มีหรือจะปล่อยเป่ยถังไว้? หรือถึงตอนนั้นต้องยกแคว้นให้เพื่อสงบศึกกัน? "ในตอนนั้นเป่ยถังพ่ายแพ้ให้กับเป่ยโม่ ถูกทหารสามหมื่นนายล้อมไว้ ในท้ายที่สุด แม่ทัพตี้เว่ยหมิงถูกส่งไปเจรจาสงบศึก ยกเมืองที่เป่ยโม่ต้องการถึงจะยอมถอยทัพนี่เป็นความอัปยศอดสูของเป่ยถังเสมอ และม

DMCA.com Protection Status