เธอเค้นสมองคิด อวี่เหวินห่าวมีจุดอ่อนอะไรบ้าง?มี ฉู่หมิงชุ่ย แต่ก็เหมือนการแตะย้อนเกล็ดมังกรของเขา แตะนิดเดียวผลลัพธ์ที่ได้ร้ายแรง จนไม่อยากจะคิดถึงผลลัทธ์นั้นเลย“ช่างเถอะ ข้าจะคิดหาทางอื่น ถ้าไม่ได้จริง ๆ ข้าก็จะไปขอฮุ่ยติ่งโฮ่วด้วยตัวเอง” หยวนชิงหลิงลุกออกไปด้วยความโกรธอวี่เหวินห่าวแค่นหายใจอย่างเย้ยหยัน นางจะไปขอฮุ่ยติ่งโฮ่วด้วยตัวเอง นางช่างกล้า เขาจะยกเท้าถีบให้น่ะสิไม่ว่าไม่ใช่ว่าเขาดูถูกคนอื่น แต่จิ้งโฮ่วไม่กล้าท้าทายคนตระกูลฉู่หยวนชิงหลิงนั่งลงให้เด็กรับใช้รับคำสั่ง วันรุ่งขึ้น ก็ให้ลวี่หยาไปขอพบฮุ่ยติ่งโฮ่ว แต่ทว่าฮุ่ยติ่งโฮ่วกลับไม่สนใจตอบกลับพระชายาจากบ้านฮุ่ยติ่งโฮ่ว และตอบปฏิเสธไปว่าวันสองวันนี้ฮุ่ยติ่งโฮ่วไม่อยู่ที่จวนลวี่หยาโกรธมากหลังจากกลับจากจวนฮุ่ยติ่งโฮ่ว และพูดต่อหน้าหยวนชิงหลิงว่า “ฮุ่ยติ่งโฮ่วไม่เคารพท่านเลย เห็นอยู่ชัด ๆ ว่าเขาอยู่ในจวน หม่อมฉันพบว่าตอนนั้นคนรับใช้กลับไปรายงานก็เห็นเขาอยู่ในโถงพอดี”“ลวี่หยา อย่าพูดมาก!” แม่นมฉีดุลวี่หยาไปทีหยวนชิงหลิงพูดอย่างเฉยชา “เขาเองก็เป็นคนมีชื่อเสียง เป็นขุนนางคนโปรดของราชสำนัก ไม่ใช่เรื่องแปลกที่เขาจะไม่เ
หยวนชิงหลิงยิ้มออกมา “ขอบคุณมาก ถ้าไม่เป็นเพราะคำเตือนของท่าน ข้าก็นึกไม่ถึงว่าไปหาท่านย่าก็ได้เหมือนกัน”ว่าแต่เกิดอะไรขึ้นทำไมคุณนายรองไม่ชอบให้มีคนรบกวนหาท่านย่ากัน? เธอเป็นหลานสาว ไปเยี่ยมไข้ท่านย่า ไม่ใช่วิถีปกติที่เขาทำกันหรืออย่างไร?หวางซรื่อโกรธจนปวดหัว “น่าโมโห แต่ละคนล้วนไม่เอาไหน ไม่รู้อะไรบ้างเลย”หยวนชิงหลิงไม่สนใจและเดินออกไปเธอออกไปที่ประตูใหญ่ เกือนชนเข้ากับใครบางคน เธอรีบถอยหลังไปหนึ่งก้าว ยืนนิ่งพบชายหนุ่มอ่อนเยาว์รูปงามในชุดสีกรมท่า เธอโพล่งเรียกออกมา “พี่ใหญ่!”คนนี้เป็นพี่ชายคนโตของหยวนชิงหลิง หยวนหลุนเหวิน เขาเป็นบัณฑิตฝึกหัดปฏิบัติราชการประจำสำนักราชบัณฑิตหลวงเขาเคยเป็นความภาคภูมิใจของวงศ์ตระกูล แต่เพราะพูดจาก้าวร้าวไปทำให้ตระกูลฉู่ขุ่นเคืองใจ ตอนนี้เขาเป็นแค่คนว่างงานไม่ได้ทำการทำงานอะไรในสำนักราชบัณฑิตหลวง“ทะเล่อทะล่าทำอะไรน่ะ?” หยวนหลุนเหวินถามอย่างเคร่งขรึม“ข้ามีเรื่อง ขอตัวก่อน” หยวนชิงหลิงไม่ได้มีความรู้สึกดีอะไรกับคนในครอบครัวหยวน และก็ไม่อยากคิดถึงเรื่องของหยวนหลุนเหวินด้วย เสียงดุไล่หลังมา หยวนหลุนเหวินคว้าข้อมือของหยวนชิงหลิงแล้วดุเธอ “
ความสมัครสมานสามัคคีของจวนจิ้งโฮ่ว ได้ไปปลุกความความดื้อด้านในใจของหยวนชิงหลิงขึ้นมา ข้าจะนับถึงสาม ถอยไปซะ!” หยวนชิงหลิงพูดแล้วจ้องมองไปที่หลวนอย่างเย็นชาหลวนหัวเราะเบา ๆ “ถอยไปไม่ได้จริง ๆ เกรงว่าพระชายาจะเข้าไปรบกวนรบกวน การรักษาตัวของฮูหยินเฒ่า”ยังจะนับถึงสาม ช่างไร้เดียงสาเสียจริงหยวนชิงหลิงจ้องมองไปที่นาง “หนึ่ง...”หยวนชิงหลิงผลักนางจนเซ หลวนล้มลงกับพื้น “ล่วงเกินท่านแล้ว!” หยวนชิงหลิงรีบเดินออกไป“โอ๊ย พระชายาตีข้า พระชายาตีข้า” หลวนที่ล้มลงกับพื้นร้องเสียงดังด้วยความเจ็บปวด เรียกให้บ่าวรับใช้ในเรือนมามุงดูหยวนชิงหลิงหยุดเดินแล้วนิ่งไป หันหลังกลับมาดูหลวนร้องไห้ “ไร้เหตุผลสิ้นดี ข้าเป็นป้าสะใภ้เจ้า เจ้ากลับลงมือตีข้า เจ้าคิดว่าเจ้าเป็นพระชายาจึงไม่เกรงใจ กลับมาบ้านแม่เพื่อรังแกคนเฒ่าคนแก่สินะ” หยวนชิงหลิงก้มตัวลงและยิ้มเย็นออกมา “ป้าสะใภ้ ข้าขอแนะนำให้ท่านหุบปากเสีย วันนี้คุณนายรองต่างไม่กล้าห้ามข้า แต่ถ้าท่านรีบข้าจะจัดการท่านเป็นคนแรก“เจ้า...เจ้าคิดจะพูดอะไรกันแน่?” หลวนหยุดร้องไห้ น้ำตาสักหยดก็บีบไม่ออก“เมื่อก่อนข้ากลับจวน ข้าต้องขออนุญาตท่านอ๋องซ้ำแล้
ดูท่าข่าวดีที่เธอรอคงไม่มีเสียแล้ว หยวนชิงหลิงกลับจวนอ๋องไปได้ไม่นาน ได้ยินว่าหยวนหลุนเหวินมาถึงแล้วหยวนชิงหลิงมองหน้าเขา บนใบหน้าขาวละเอียดของเขามีรอยฝ่ามืออยู่ ใบหน้าครึ่งหนึ่งของเขาบวมแดง จิ้งโฮ่วเป็นชายชาติทหาร ตบทีหนึ่งก็ไปครึ่งหน้าแล้วหยวนหลุนเหวินโกรธและอับจนหนทางอย่างมาก เขาพูดกับหยวนชิงหลิง “เรื่องนี้ท่านพ่อไม่มีเหตุผลเลย เขาจะแต่งน้องรองเพื่อไปประจบประแจงตระกูลฉู่แบบนี้”หยวนชิงหลิงถอนหายใจเบา ๆ และออกคำสั่งกับลวี่หยา “ไปที่ห้องเก็บน้ำแข็งนำน้ำแข็งมาสักก้อนหนึ่ง ห่อผ้าขนหนูไว้แล้วนำมาให้ข้า”ลวี่หยารับคำสั่งแล้วเดินออกไปน้ำน้ำแข็งมาให้ หยวนชิงหลิงนำน้ำแข็งที่ห่อผ้าขนหนูนั้นประคบลงบนหน้าของหยวนหลุนเหวินหยวนหลุนเหวินมองหยวนชิงหลิง “น้องใหญ่ ยังพอมีทางอื่นอีกไหม? ขอร้องท่านอ๋องดูไหม?”“เคยขอร้องแล้ว คนตายซากนั้นไม่เต็มใจ”หยวนชิงหลิงบอกพี่ชายหยวนหลุนเหวินถอนหายใจ “น้องใหญู่พูดถึงท่านอ๋องแบบนั้นไม่ได้ ท่านอ๋องเป็นคนดี”“พี่ใหญ่ใช้ตาไหนมองว่าเขาเป็นคนดี?” หยวนชิงหลิงไม่ค่อยพอใจ เป็นไปได้ไหมว่าเขาก็อยากกอดขาอ๋องฉู่?“ท่านอ๋องสู้เพื่อบ้านเมือง ไม่สู้ก็ไม่ชนะ ไม่ดีตรงไห
ความคิดที่วนซ้ำ ๆ อย่างบ้าคลั่ง จนกระทั่งหยวนหลุนเหวินออกไปแล้ว มันยังคงเติบโตอยู่ในหัวเธออยู่ในห้องตรวจสอบกล่องยาด้วยตัวเอง ในนั้มียาชา, ผ้าพันแผล, ยาห้ามเลือดรวมถึงกลุ่มยาช่วยชีวิตอย่างโดพามีน, แอสไพรินก็มี และยังมีพวกยาเบ็ดเตล็ดบางประเภทอีกด้วย มีดสั้น ไม่มี ไม่เป็นไร ไปถามสวี่อีเอาก็ได้ทุกอย่างเตรียมการพร้อม เหลือแค่ตรวจสอบเธอต้องตรวจสอบว่าฮุ่ยติ่งโฮ่วชอบไปไหน ตรวจสอบว่าเขาเดินทางผ่านถนนเส้นไหน รอบตัวเขามีองครักษ์ข้างกายกี่คน และอาวุธที่เขาชอบพกติดตัวสวี่อีรู้สึกว่าช่วงนี้พระชายาแปลกมาก ๆ เดี๋ยวก็มาขอยืมมีดสั้น เดี๋ยวก็มาถามว่ามีอาวุธลับไหม แล้วมาถามเขาอีกว่าผู้ชายมีอะไรโดดเด่นที่สุดช่างสองอย่างแรกไปเถอะ แต่อย่างหลังเขาตอบไม่ถูกจริง ๆพระชายาเรียบง่ายเกินไปจนกระทั่งวันหนึ่ง เขาเห็นว่าพระชายาแต่งตัวเป็นชุดผู้ชายออกไป เพียงแต่ออกจากทางประตูหลัง ไม่พาลวี่หยาและไม่พานางกำนัลทั้งสองไปด้วยเขารู้สึกว่ามันแปลกมาก แต่ก็ไม่กล้าเสียมารยาทถาม พระชายาคงเสพติด เขาจึงไม่กล้าเสียมารยาทถามจริง ๆวันที่สองพระชายาเอาหมั่นโถวออกไปสองลูก ออกไปทั้งวัน ฟ้ามืดถึงจะกลับมาวันที่สาม ก็เหม
อวี่เหวินห่าวถอนหายใจออกมา “เรื่องประจบประแจงนางทำได้ดีที่สุดแล้ว”หยวนชิงหลิงตามสืบอยู่สองสามวัน พบว่าฮุ่ยติ่งโฮ่วชอบไปที่หอเริงรมณ์ชิงเฉินเพื่อฟังเพลงแต่เขาไม่มีเวลาไปที่ตายตัว เพียงถ้ามีเวลาว่างก็ไปและไม่ได้ไปทุกวัน มักจะกลับมาจากกรมทหารและเข้าไปที่หอเริงรมณ์ชิงเฉินเพื่อฟังเพลงสักสองสามเพลงหยวนชิงหลิงแรกเริ่มไม่สามารถเข้าไปได้ เพราะจะเข้าไปฟังเพลงต้องมีค่าน้ำชาและของตบรางวัล เธอไม่ได้พกเงินออกมา ดังนั้นจึงทำได้แค่รอข้างนอกฮุ่ยติ่งโฮ่วขี่ม้ากลับเข้ามาในเมือง มีพาคนมาด้วยสองคน สองคนนั้นเหน็บดาบไว้ที่เอว ท่าทางดูขึงขังจริงจัง อีกคนเข้าไปฟังเพลงด้วย อีกคนรออยู่ด้านนอกวันนี้หยวนชิงหลิงพกเงินมาด้วย เข้าไปฟังเพลงเธอสวมชุดผู้ชายสีกรมท่าที่เอวคาดเข็มขัด ผมเรียงเส้นนุ่มสลวยเงางามดั่งแพรพรรณ เธอไม่ทาแป้ง ริมฝีปากแดงระเรื่อ ฟันเรียงตัวขาวสะอาด คิ้วละเอียดอ่อนงดงาม ทุกอิริยาบทล้วนดูอ่อนช้อยดั่งหญิงสาวแต่เธอจงใจเติมคิ้วให้หนา เขียนมุมคิ้วให้ชี้เหินขึ้นด้านบน ในความงามนุ่มนวลนี้มีความห้าวหาญเพิ่มขึ้นมาได้สักสองจุดเธออยู่ในจวนเรียนรู้จากการเห็นสวี่อีเดินไป เธอพยายามฝึกฝนเลียนแบบท่าทา
หยวนชิงหลิงรู้ว่าตัวเองเข้าตาเขาแล้วอย่างแน่นอนแผนการของเธอคือทำให้เขาสนใจตัวเธอ แต่ต้องเป็นที่ ๆ คนพลุ่กพล่านจนไม่สามารถลงมือได้ เธอจะจัดการให้เขาเริ่มมีโอกาสลงมือ ถึงตอนนั้น กังวลแค่ว่าจะสามารถจับเขาได้แบบคาหนังคาเขารึเปล่า?ดังนั้นเธอควรจะจบมันสักที เธอลุกขึ้นและเดินออกไปสวี่อีทำตามคำสั่งของถังหยาง โดยติดตามหยวนชิงหลิงแบบลับ ๆ มาตลอดสองวัน ตอนที่หยวนชิงหลิงเข้าไปในหอเริงรมณ์ชิงเฉิน เขาเองก็เข้าไปด้วย แต่ไม่ได้นั่งชม เขาเพียงยืนพิงที่ประดูแล้วมองดูด้วยเท่านั้นเขาเองก็เห็นฮุ่ยติ่งโฮ่ว แต่พระชายาก็ไม่ได้มีอะไรเกี่ยวข้องฮุ่ยติ่งโฮ่ว เมื่อเห็นว่าพระชายาไปแล้ว เขาก็ค่อย ๆ ออกจากทางประตูหลังไป เดินตามอยู่อย่างห่าง ๆหยวนชิงหลิงเดินออกไป ช่วงหลายวันมานี้ เธอเริ่มคุ้นเคยกับถนนเส้นนี้และโดยรอบ แต่ก็ไม่เหมือนวันนี้ที่ได้ตั้งใจดูบรรยากาศของถนนการค้าของยุคโบราณให้ดี ๆเมืองหลวงของเป่ยถังนี้ช่างเจริญรุ่งเรืองจริง ๆ มีร้านค้ามากมากละลานตระการตา ทั้งหมดล้วนคึกคักเฟื่องฟูเป็นอย่างมาก ทั้งร้านขายผ้าไหมแพรพรรณ ร้ายขายเครื่องประดับอัญมณีล้ำค่า ร้านค้าข้าวและธัญพืชอีกทั้งร้ายขายแป้งผัดหน้า ท
“ท่านต้องการทำอะไร ปล่อยข้าลงไป!” หยวนชิงหลิงพยุงตัวเองและพูดอย่างโกรธเคือง ฮุ่ยติ่งโฮ่วมองเธอด้วยสายตารุกราน ราวกับว่าเธอเป็นอาหารของอสูร ความปรารถนาในดวงตามองแล้วไม่มีการปกปิดแต่อย่างใด มือใหญ่ ๆ บีบคางของเธออย่างแรง หยวนชิงหลิงเจ็บจนน้ำตาแทบไหล เมื่อนึกถึงความรุนแรงของบุคคลนี้ ในใจก็กังวลอย่างมาก มือของเขาคลายออกทันที สัมผัสตามใบหน้าของเธอขึ้นไป และทันใดนั้นมือข้างหนึ่งก็ดึงผ้าผูกหัวของเธอออก และผมของเธอก็สยายลงมา “ที่แท้เป็นผู้หญิงตัวเล็ก ๆ นี่เอง” รอยยิ้มของเขาลึกขึ้น ริมฝีปากขยับเข้ามาใกล้ และน้ำเสียงของเขาพ่นไปบนใบหน้าของหยวนชิงหลิง ทำให้หยวนชิงหลิงแทบจะอาเจียน สมองของเธอพลิกผันอย่างรวดเร็ว คนมีความรุนแรง หากเผชิญกับการต่อต้าน มันจะปลุกเร้าปัจจัยรุนแรงในหัวใจของเขาให้มากขึ้น และเธอไม่อาจต้านทานได้ แต่จะทำอย่างไร? เธอไม่คิดว่าเขาจะกล้าทำกลางถนน เขาไร้ยางอายแค่ไหน?คิดแค่อยากจะบินไปบนฟ้า แต่กลัวไม่มีใครหาเจอ ถึงแม้จะเจอ ก็นึกว่ามีคนที่อยู่ข้างหน้า ใครจะไปคิดว่าคนที่อยู่ข้างในรถม้าจะเป็นการลักพาตัวผู้หญิง? เธอปรับการหายใจ และค่อย ๆ ใจเย็นลง ก้าวถอยหลังเล็กน้อย วางม