มีของสองสิ่งอยู่ในกระเป๋าแขนเสื้อกล่องไม้ใบเล็กใบหนึ่งที่ทำขึ้นอย่างประณีต เขาเคยเห็นมันมาก่อนแล้ว แต่ตอนที่เขาเห็นกล่องไม่ได้ใบเล็กขนาดนี้นอกจากนี้ยังมีกระดาษอีกหนึ่งใบ กระดาษแผ่นนั้นพับมีลายพิมพ์ตรานกกระเรียน เขาเลยเปิดดู พบว่าเป็นตั๋วเงินที่เสด็จพ่อพระราชทานให้นางจำนวนสองพันตำลึงทอง พร้อมตราประทับขนาดใหญ่ด้านล่างในใจของเขารู้สึกยุ่งยาก ผู้หญิงคนนั้นที่ใคร ๆ ต่างก็เมิน ทำให้ใคร ๆ ก็เกลียดเช่นนั้น ทำไมทำให้เสด็จพ่อและเสด็จปู่รักใคร่เอ็นดูถึงเพียงนี้?เขาค่อย ๆ เปิดกล่องอย่างระมัดระวัง มีปุ่มเล็ก ๆ ซ่อนอยู่ เขากดมันลงไป ได้ยินเสียงปลดสลักเสียงเบาดังกริ้ก ด้านในว่างเปล่า ไม่มีอะไรแปลกประหลาด น่าจะมีอะไรอยู่ในกล่องใบนี้ นางบอกว่าคือยาและนางหยิบเข็มฉีดยาจากในกล่องนี้ด้วย หรือว่าใช้หมดแล้ว?ใช้หมดแล้วก็ดี ทีหลังจะได้มาจับเขาฉีดไม่ได้อีกแต่ทว่านางซ่อนมันทำราวกับกล่องใบนี้เป็นสมบัติล้ำค่า ต้องซ่อนเอาไว้ หากนางเมาอาละวาดอีกคงเอามีดไล่ฟันคนอีกครั้งแน่ เขาจึงหยิบกล่องนั้นขึ้นมา รีบยัดมันไว้ข้างล่างเตียงหลังจากนั้นเขาก็ตกใจเป็นอย่างมากทันทีที่เจ้ากล่องนี้แตะพื้นมันก็ใหญ่ขึ้นแม้
อวี่ เหวินห่าวพูดตอบอย่างเฉยชาว่า “ถ้าเจ้าไม่เชื่อ เจ้าก็ลองเอากล่องนี้เข้าวัง ข้าจะดูว่าหัวของเจ้าจะวางบนคอเจ้าได้อย่างปลอดภัยไหม?”ที่จริงแล้ว หยวน ชิงหลิงไม่เคยคิดเลยว่าการเป็นพระชายาในยุคสมัยโบราณ จะเป็นงานที่อันตรายเช่นนี้ ในประวัติศาสตร์ พวกพระชายาทั้งหลายไม่ใช่ว่าใช้ชีวิตอยู่อย่างสงบสุขร่ำรวยหรือ? ทำไมเธอช่างน่าอเนจอนาถถึงเพียงนี้?ย้อนอดีตมาไม่ถึงครึ่งเดือน เธอรู้สึกเหมือนตัวเองกำลังจะเป็นบ้าให้มันรู้แล้วรู้รอดอย่างไรเสีย เมื่อนึกถึงความตาย ชั่วขณะเดียวนั้นในใจเธอก็รู้สึกท้อแท้ขึ้นมา เธอยกกล่องยาขึ้น กล่องยาหดจนเหลือขนาดเล็กเธอเก็บกล่องนั้นใส่แขนเสื้อ แล้วเงยหน้ามอง “ข้ายอมหักไม่ยอมงอ ภายหลังถ้าท่านรังแกข้า ข้าจะบีบท่านให้ตายเลย”กล่องยาที่เล็กลงนั้นทำให้ อวี่ เหวินห่าวตกใจอีกครั้ง เขาสัมผัสคำพูดของนางดูเย่อหยิ่ง รู้สึกไม่ค่อยน่าโกรธ “เจ้าเอามีดหั่นผักมาไล่ฟันคนอื่น ฟันคนอื่นก็ไม่ได้ ยังกล้ามาขู่ข้า? เจ้านี่หน้าไม่อายเลยหรือ?”“ไม่อาย ข้ามีอะไรต้องอายอีก หน้าไม่อาย ไร้อารยะ ไร้ศีลธรรม สรุปคือถ้าข้าตายหัวหลุดจากบ่า ท่านเองต้องเป็นคนแรกที่จะซวยก่อนใคร” อวี่ เหวินห่าวรู้ส
แน่นอนว่า หยวน ชิงหลิงไม่รู้ว่าในใจเขาคิดอะไรอยู่ แต่ก็คิดว่าเขาเองก็ไม่ได้ไร้จริยธรรมไปซะทีเดียว มองดูจากรูปการณ์แล้ว เขาแต่งกับฉู่หมิงหยางก็ไม่ได้ทำให้เขาเสียหาย แต่เขาเอง ก็ไม่ได้อยากทำลายทั้งชั่วชีวิตของฉู่หมิงหยางไป ดังนั้นถือว่าเหมือนสละอำนาจวาสนาที่ยิ่งใหญ่ทิ้งในตอนนี้ก็ไม่ถือว่าเป็นผู้ชายเลวร้าย แต่ก็เป็นผู้ชายที่ชอบใช้ความรุนแรงในบ้าน “หายกัน ตกลงไหม?” อวี่ เหวินห่าวมอง หยวน ชิงหลิงแล้วถามนางน้ำเสียงของเขาให้ความรู้สึกดีมาก ไม่มีการแสดงอำนาจยกตนข่มกัน หยวน ชิงหลิงมองไปที่ อวี่ เหวินห่าวด้วยความจริงใจเธอในตอนนี้เต็มไปด้วยศัตรูรอบด้าน ตอนนี้เธอไม่จำเป็นต้องสู้รบกับ อวี่ เหวินห่าวอีก เธอจับหน้าตัวเองตั้งสติปรับสายตามอง อวี่ เหวินห่าวชัดแล้วพูดกับเขาอย่างจริงจังว่า “คืนดีก็ได้ แต่ข้ามีเงื่อนไข”“ว่ามา!” อวี่ เหวินห่าวพูดออกมาอย่างง่าย ๆ สบาย ๆ“ข้อแรก อย่าลงไม้ลงมือทำร้ายข้า”“ตกลง!”“ข้อสอง อย่าเอาข้าไปเป็นโล่รับหน้าเรื่องการแต่งสนมอีก ถ้าเรื่องนี้ทางนั้นยังคงต้องการ”อวี่ เหวินห่าวคิดอยู่ครู่หนึ่ง “ตกลง!”“ข้อสาม อย่ามาก้าวก่ายในอิสระของข้า”“นั่นมันก็ได้” เขาเองก
ที่จริงสองสามวันมานี้ หยวน ชิงหลิงเองก็คิดถึงเรื่องของกล่องยานี้ กล่องยาจะใหญ่จะเล็กขึ้นอยู่กับความคิดของเธอ คงพูดได้ว่าเป็นการสั่งการทางจิต เธอในยุคปัจจุบันได้ตายไปแล้ว เพราะเธอฉีดยากระตุ้นพัฒนาสมองให้ตัวเองตอนทดลองยาตัวนี้ ทดลองฉีดกับลิงแล้วพบว่าลิงสามารถฟังภาษามนุษย์เข้าใจได้ ในระหว่างการค้นคว้าเพิ่มเติม เพราะลิงตัวนี้ไปขโมยกินไวน์นำเข้าที่ส่งมาให้ผู้อำนวยการ เมาแล้ววิ่งออกไปถูกรถชนตาย เธอกล้าสรุปได้เลยว่า สมองของเธอเองอาจพัฒนาจนไปถึงขั้นเป็นจิตวิญญาณ ที่หลุดมาในอยู่ในยุคนี้ เรื่องนี้ยังคงต้องศึกษาสังเกตุการณ์ต่อไปแน่นอนอย่างไรก็ตามก็ไม่มีกรณีศึกษาให้ได้ศึกษา และไม่มีแผนสังเกตการณ์ อีกทั้งยุคนี้การใช้ชีวิตมันยุ่งยากซับซ้อน ความเป็นตายเท่ากันเจ้ากล่องยาที่น่าประหาดใจนี่ ทำให้ทั้งคู่เลิกโต้เถียงกันไม่ว่าอย่างไรก็ตาม บรรยากาศจวนอ๋องฉู่กลับรู้สึกกลมกลืนอย่างที่ไม่เคยเป็นมาก่อน สามีภรรยาคู่นี้ได้ร่วมโต๊ะทานอาหารด้วยกันเป็นครั้งแรกบรรยากาศกลมกลืนรื่นรมย์เช่นนี้ แต่บรรยากาศที่จวนฉู่กลับดุเดือดเสียเหลือเกินวันนี้ พระชายาฉีกลับบ้านแม่ อ๋องฉีออกไปธุระโดยไม่มีผู้ติดตาม ฉู่โซ่วฝ
ใบหน้าโกรธเกรี้ยวของฉู่โซ่วฝูค่อย ๆ จางหายไป เขานั่งอยู่บนเก้าอี้ตัวประธานของห้องนี้ สีหน้าดูมืดมน “นี่จะเป็นโอกาสสุดท้ายของเจ้า ถ้าเจ้าไม่พูด เจ้าก็เตรียมตัวกระเด็นออกจากตำแหน่งพระชายาฉีของเจ้าไปได้เลย ในตระกูลฉู่ยังมีคุณหนูที่เชื่อฟังข้าอีก”“ท่านปู่ฟังหลานก่อน หลานไม่ได้ตั้งใจ” นางร้องไห้สะอึกสะอื้น น้ำตาที่ไหลออกจากหางตา ดูแล้วน่าสงสารอย่างบอกไม่ถูก ใครเห็นก็คงไม่อาจทำใจแข็งอยู่ได้ช่างน่าเสียดาย ฉู่โซ่วฝูไม่รู้สึกเช่นนั้นเลย เขาไม่เคยเชื่อน้ำตานางอยู่แล้ว “เก็บน้ำตาเจ้าไว้ แล้วไสหัวออกไปซะ!” ฉู่โซ่วฝูพูดไล่อย่างเย็นชาฉู่ หมิงชุ่ยแสดงสีหน้าหวาดกลัวและเสียใจออกมา และรีบพูดกับท่านปู่ “ท่านปู่ ข้าผิดไปแล้ว ข้าผิดเอง ข้าไม่ควรใช้ประโยชน์จากมิตรภาพของท่านกับนางข้าหลวงสี่ เรื่องนี้หลานเป็นคนสั่งให้นางวางยาไท่ซ่างหวงเอง หลานแค่กลัวว่าไท่ซ่างหวงดีขึ้น อ๋องฉู่ได้ขึ้นมามีอำนาจอีกครั้ง หลานก็แค่คิดถึงสถานการณ์โดยรวมเท่านั้น”“เจ้ารู้ความสัมพันธ์ของนางข้าหลวงสี่กับข้าได้อย่างไร?” ฉู่โซ่วฝูพูดด้วยน้ำเสียงดำมืดและเย็นชา ทุกคนในนี้ตกลงในบรรยากาศดำมืดเย็นยะเยือกฉู่ หมิงชุ่ยไม่เคยเจอสีหน้า
คน ๆ นั้นเป็นชายชรารูปร่างสูงโปร่ง ใบหน้าผอมเรียว เมื่อได้ยินเช่นนั้น เขาก็หลุบตาลง “เช่นนั้นพระชายาล่ะขอรับ?”“นางเป็นคนฉลาด นางจะหุบปากแน่น เมื่อได้เห็นจุดจบของย่านาง” ฉู่โซ่วฝูหลับตาข่มความโกรธและรังสีอมหิตในแววตาตัวเอง ฉู่ หมิงชุ่ยออกจากห้องหนังสือ ก็ไม่ได้ออกไปทันที แต่นางไปหาน้องสาวฉู่หมิงหยางที่เรือนของนางเมื่อต้นปีที่ผ่านมาฉู่หมิงหยางอายุครบสิบห้าปีพึ่งผ่านพิธีปักปิ่นไป มีส่วนละม้ายคล้ายฉู่หมิงชุ่ยมากนัก แต่ฉู่หมิงหยางมีความเหย่อหยิ่งมากกว่า ต่างจากฉู่หมิงชุ่ยที่นิ่งสงบและอดทนมากกว่ามากตอนที่ฉู่หมิงหยางเกิด ท่านปู่ที่เพิ่งหายป่วย รีบลุกขึ้นมาดูหลาน ดังนั้น ตั้งแต่เด็กฉู่หมิงหยางเป็นที่รักใคร่โปรดปรานไม่น้อยไปกว่าลูกชาย ที่เกิดจากภรรยาเอกในจวนเลยฉู่ หมิงชุ่ยนึกสงสัย จริง ๆ แล้วท่านปู่ตั้งแต่เริ่มก็ไม่คิดให้น้องสาวไปแต่งเป็นพระชายารอง ถ้าน้องสาวแต่งเข้าจวนอ๋องฉู่ ไม่ช้าหรือเร็ว น้องสาวนางต้องได้ตำแหน่งพระชายารองมาอยู่ในมือแน่ดังนั้น นางไม่สามารถให้ฉู่หมิงหยางแต่งมาเป็นพระชายารองอ๋องฉีได้ นั้นคือภัยคุกคามต่อตำแหน่งพระชายาของนาง ท่านปู่ใช้งานนางเพราะนางสงบเสงี่ยม ถ้าตอนน
ฉู่หมิงหยางรู้สึกโศกเศร้า “วันก่อนท่านแม่พูดให้ข้าแต่งกับอ๋องฉู่ แต่ข้าไม่อยากแต่งกับอ๋องฉู่ และไม่อยากแต่งเป็นพระชายารอง ข้าไม่อยากแต่ง”ฉู่ หมิงชุ่ยกระพริบตาแล้วพูดต่อไปว่า “อ๋องฉู่ไม่เป็นไรหรอก ไทเฮาเองก็ไม่กล่าวอะไรสร้างความยากลำบากให้พระชายาฉู่ พระมารดาของอ๋องฉู่ พระสนมเสียนเฟยเองก็เป็นหลานของไทเฮา ในความสัมพันธ์นี้ ไทเฮาใจกว้างต่อคนในจวนอ๋องฉู่มากนัก เจ้าดูพระชายาฉู่สิ หลังจากแต่งงานแล้ว เข้าไปถวายพระพรในวังน้อยมาก ไทเฮาเองไม่ได้พูดอะไร”“อ๋องฉู่...” ภาพชายหนุ่มรูปงามที่ปรากฏในความทรงจำของฉู่หมิงหยาง ครั้งสุดท้ายที่เห็นเขา ที่ประตูเมือง ตอนนั้นเขากลับมาอย่างผู้มีชัย ขี่ม้าศึกตัวสูงใหญ่ สวมชุดเกราะทองคำ ช่างสง่างามยิ่งนักที่จริงนางก็รู้จักอ๋องฉู่มาตั้งแต่เด็ก เขามาที่จวนนี้บ่อย ๆ แต่ใคร ๆ ก็รู้ว่าเขามาพบพี่สาวนางพูดตอบอย่างเรียบไปว่า “ข้าไม่ตกลงแต่งกับอ๋องฉู่”ฉู่ หมิงชุ่ยตกใจ “ทำไมหรือ?” ที่จริงนางรู้ความในใจของน้องสาวนาง ย้อนไปตอนที่อ๋องฉู่มาหา น้องก็จะแอบมองจากหลังประตูเสมอ“เขาแต่งกับลูกสาวตระกูลหยวน เขาแต่งกับ หยวน ชิงหลิงผู้หญิงพรรค์นั้น ข้ารับไม่ได้” ฉู่หมิงหยางพูดต
พูดไม่ได้? ฉู่หมิงชุ่ยมีอาการราวกับปีศาจ ร้องไห้อยู่แล้วจู่ ๆ ก็หัวเราะขึ้นมา “โหดร้ายเกินไป โหดร้ายเกินไป” อ๋องฉีมองเธอด้วยความสงสัย “เกิดอะไรขึ้น? ใครโหดร้าย?”ฉู่หมิงชุ่ยคิดถึงดวงตาที่เย็นชาของท่านปู่ และก็คิดถึงความชั่วร้ายของเขา เป็นภรรยามาหลายปี แค่พูดจาไม่ดีเกี่ยวกับนางข้าหลวงสี่ ในที่สุดก็ต้องทนพิษจากการเป็นใบ้ทันใดนั้นนางก็รู้สึกกลัวมาก ขดตัวอยู่ในอ้อมแขนของอ๋องฉี นางก็ร้องไห้ “ท่านย่าแก่มากแล้ว เจอเรื่องไม่คาดคิดอย่างนี้ ใจจืดใจดำจริง ๆ” อ๋องฉีลูบผมของนางเพื่อปลอบนาง “ข้าถามมาแล้ว เป็นเด็กรับใช้ในจวนจงใจใช้ยาชูกำลังทำเป็นซุป และนำไปให้ท่านย่าเจ้า ไม่มีการตอบสนองร่างกายของท่านย่าเจ้า ทำให้สูญเสียเสียง วันหลังข้าจะเชิญหมอหลวงมาทำการตรวจรักษา ไม่ต้องห่วง” ในใจฉู่หมิงชุ่ยดุด่าอ๋องฉีสำหรับความโง่เขลา คำแก้ตัวที่ไร้สาระอย่างนี้เขาก็เชื่อหมด คนที่ไร้เดียงสาและโง่เขลาเช่นนี้ ในอนาคตจะให้นางพึ่งพาได้อย่างไร? อีกทั้งยังจะยึดอำนาจตำแหน่งองค์รัชทายาทได้หรือไม่? เป็นครั้งแรกที่ฉู่หมิงชุ่ยรู้สึกว่านางอาจจะเลือกคนผิดแล้ว ถ้าเป็นพี่ห่าว เกรงว่าเขาจะรู้แจ้งด้วยสัญชาตญาณความไม