ที่จริงสองสามวันมานี้ หยวน ชิงหลิงเองก็คิดถึงเรื่องของกล่องยานี้ กล่องยาจะใหญ่จะเล็กขึ้นอยู่กับความคิดของเธอ คงพูดได้ว่าเป็นการสั่งการทางจิต เธอในยุคปัจจุบันได้ตายไปแล้ว เพราะเธอฉีดยากระตุ้นพัฒนาสมองให้ตัวเองตอนทดลองยาตัวนี้ ทดลองฉีดกับลิงแล้วพบว่าลิงสามารถฟังภาษามนุษย์เข้าใจได้ ในระหว่างการค้นคว้าเพิ่มเติม เพราะลิงตัวนี้ไปขโมยกินไวน์นำเข้าที่ส่งมาให้ผู้อำนวยการ เมาแล้ววิ่งออกไปถูกรถชนตาย เธอกล้าสรุปได้เลยว่า สมองของเธอเองอาจพัฒนาจนไปถึงขั้นเป็นจิตวิญญาณ ที่หลุดมาในอยู่ในยุคนี้ เรื่องนี้ยังคงต้องศึกษาสังเกตุการณ์ต่อไปแน่นอนอย่างไรก็ตามก็ไม่มีกรณีศึกษาให้ได้ศึกษา และไม่มีแผนสังเกตการณ์ อีกทั้งยุคนี้การใช้ชีวิตมันยุ่งยากซับซ้อน ความเป็นตายเท่ากันเจ้ากล่องยาที่น่าประหาดใจนี่ ทำให้ทั้งคู่เลิกโต้เถียงกันไม่ว่าอย่างไรก็ตาม บรรยากาศจวนอ๋องฉู่กลับรู้สึกกลมกลืนอย่างที่ไม่เคยเป็นมาก่อน สามีภรรยาคู่นี้ได้ร่วมโต๊ะทานอาหารด้วยกันเป็นครั้งแรกบรรยากาศกลมกลืนรื่นรมย์เช่นนี้ แต่บรรยากาศที่จวนฉู่กลับดุเดือดเสียเหลือเกินวันนี้ พระชายาฉีกลับบ้านแม่ อ๋องฉีออกไปธุระโดยไม่มีผู้ติดตาม ฉู่โซ่วฝ
ใบหน้าโกรธเกรี้ยวของฉู่โซ่วฝูค่อย ๆ จางหายไป เขานั่งอยู่บนเก้าอี้ตัวประธานของห้องนี้ สีหน้าดูมืดมน “นี่จะเป็นโอกาสสุดท้ายของเจ้า ถ้าเจ้าไม่พูด เจ้าก็เตรียมตัวกระเด็นออกจากตำแหน่งพระชายาฉีของเจ้าไปได้เลย ในตระกูลฉู่ยังมีคุณหนูที่เชื่อฟังข้าอีก”“ท่านปู่ฟังหลานก่อน หลานไม่ได้ตั้งใจ” นางร้องไห้สะอึกสะอื้น น้ำตาที่ไหลออกจากหางตา ดูแล้วน่าสงสารอย่างบอกไม่ถูก ใครเห็นก็คงไม่อาจทำใจแข็งอยู่ได้ช่างน่าเสียดาย ฉู่โซ่วฝูไม่รู้สึกเช่นนั้นเลย เขาไม่เคยเชื่อน้ำตานางอยู่แล้ว “เก็บน้ำตาเจ้าไว้ แล้วไสหัวออกไปซะ!” ฉู่โซ่วฝูพูดไล่อย่างเย็นชาฉู่ หมิงชุ่ยแสดงสีหน้าหวาดกลัวและเสียใจออกมา และรีบพูดกับท่านปู่ “ท่านปู่ ข้าผิดไปแล้ว ข้าผิดเอง ข้าไม่ควรใช้ประโยชน์จากมิตรภาพของท่านกับนางข้าหลวงสี่ เรื่องนี้หลานเป็นคนสั่งให้นางวางยาไท่ซ่างหวงเอง หลานแค่กลัวว่าไท่ซ่างหวงดีขึ้น อ๋องฉู่ได้ขึ้นมามีอำนาจอีกครั้ง หลานก็แค่คิดถึงสถานการณ์โดยรวมเท่านั้น”“เจ้ารู้ความสัมพันธ์ของนางข้าหลวงสี่กับข้าได้อย่างไร?” ฉู่โซ่วฝูพูดด้วยน้ำเสียงดำมืดและเย็นชา ทุกคนในนี้ตกลงในบรรยากาศดำมืดเย็นยะเยือกฉู่ หมิงชุ่ยไม่เคยเจอสีหน้า
คน ๆ นั้นเป็นชายชรารูปร่างสูงโปร่ง ใบหน้าผอมเรียว เมื่อได้ยินเช่นนั้น เขาก็หลุบตาลง “เช่นนั้นพระชายาล่ะขอรับ?”“นางเป็นคนฉลาด นางจะหุบปากแน่น เมื่อได้เห็นจุดจบของย่านาง” ฉู่โซ่วฝูหลับตาข่มความโกรธและรังสีอมหิตในแววตาตัวเอง ฉู่ หมิงชุ่ยออกจากห้องหนังสือ ก็ไม่ได้ออกไปทันที แต่นางไปหาน้องสาวฉู่หมิงหยางที่เรือนของนางเมื่อต้นปีที่ผ่านมาฉู่หมิงหยางอายุครบสิบห้าปีพึ่งผ่านพิธีปักปิ่นไป มีส่วนละม้ายคล้ายฉู่หมิงชุ่ยมากนัก แต่ฉู่หมิงหยางมีความเหย่อหยิ่งมากกว่า ต่างจากฉู่หมิงชุ่ยที่นิ่งสงบและอดทนมากกว่ามากตอนที่ฉู่หมิงหยางเกิด ท่านปู่ที่เพิ่งหายป่วย รีบลุกขึ้นมาดูหลาน ดังนั้น ตั้งแต่เด็กฉู่หมิงหยางเป็นที่รักใคร่โปรดปรานไม่น้อยไปกว่าลูกชาย ที่เกิดจากภรรยาเอกในจวนเลยฉู่ หมิงชุ่ยนึกสงสัย จริง ๆ แล้วท่านปู่ตั้งแต่เริ่มก็ไม่คิดให้น้องสาวไปแต่งเป็นพระชายารอง ถ้าน้องสาวแต่งเข้าจวนอ๋องฉู่ ไม่ช้าหรือเร็ว น้องสาวนางต้องได้ตำแหน่งพระชายารองมาอยู่ในมือแน่ดังนั้น นางไม่สามารถให้ฉู่หมิงหยางแต่งมาเป็นพระชายารองอ๋องฉีได้ นั้นคือภัยคุกคามต่อตำแหน่งพระชายาของนาง ท่านปู่ใช้งานนางเพราะนางสงบเสงี่ยม ถ้าตอนน
ฉู่หมิงหยางรู้สึกโศกเศร้า “วันก่อนท่านแม่พูดให้ข้าแต่งกับอ๋องฉู่ แต่ข้าไม่อยากแต่งกับอ๋องฉู่ และไม่อยากแต่งเป็นพระชายารอง ข้าไม่อยากแต่ง”ฉู่ หมิงชุ่ยกระพริบตาแล้วพูดต่อไปว่า “อ๋องฉู่ไม่เป็นไรหรอก ไทเฮาเองก็ไม่กล่าวอะไรสร้างความยากลำบากให้พระชายาฉู่ พระมารดาของอ๋องฉู่ พระสนมเสียนเฟยเองก็เป็นหลานของไทเฮา ในความสัมพันธ์นี้ ไทเฮาใจกว้างต่อคนในจวนอ๋องฉู่มากนัก เจ้าดูพระชายาฉู่สิ หลังจากแต่งงานแล้ว เข้าไปถวายพระพรในวังน้อยมาก ไทเฮาเองไม่ได้พูดอะไร”“อ๋องฉู่...” ภาพชายหนุ่มรูปงามที่ปรากฏในความทรงจำของฉู่หมิงหยาง ครั้งสุดท้ายที่เห็นเขา ที่ประตูเมือง ตอนนั้นเขากลับมาอย่างผู้มีชัย ขี่ม้าศึกตัวสูงใหญ่ สวมชุดเกราะทองคำ ช่างสง่างามยิ่งนักที่จริงนางก็รู้จักอ๋องฉู่มาตั้งแต่เด็ก เขามาที่จวนนี้บ่อย ๆ แต่ใคร ๆ ก็รู้ว่าเขามาพบพี่สาวนางพูดตอบอย่างเรียบไปว่า “ข้าไม่ตกลงแต่งกับอ๋องฉู่”ฉู่ หมิงชุ่ยตกใจ “ทำไมหรือ?” ที่จริงนางรู้ความในใจของน้องสาวนาง ย้อนไปตอนที่อ๋องฉู่มาหา น้องก็จะแอบมองจากหลังประตูเสมอ“เขาแต่งกับลูกสาวตระกูลหยวน เขาแต่งกับ หยวน ชิงหลิงผู้หญิงพรรค์นั้น ข้ารับไม่ได้” ฉู่หมิงหยางพูดต
พูดไม่ได้? ฉู่หมิงชุ่ยมีอาการราวกับปีศาจ ร้องไห้อยู่แล้วจู่ ๆ ก็หัวเราะขึ้นมา “โหดร้ายเกินไป โหดร้ายเกินไป” อ๋องฉีมองเธอด้วยความสงสัย “เกิดอะไรขึ้น? ใครโหดร้าย?”ฉู่หมิงชุ่ยคิดถึงดวงตาที่เย็นชาของท่านปู่ และก็คิดถึงความชั่วร้ายของเขา เป็นภรรยามาหลายปี แค่พูดจาไม่ดีเกี่ยวกับนางข้าหลวงสี่ ในที่สุดก็ต้องทนพิษจากการเป็นใบ้ทันใดนั้นนางก็รู้สึกกลัวมาก ขดตัวอยู่ในอ้อมแขนของอ๋องฉี นางก็ร้องไห้ “ท่านย่าแก่มากแล้ว เจอเรื่องไม่คาดคิดอย่างนี้ ใจจืดใจดำจริง ๆ” อ๋องฉีลูบผมของนางเพื่อปลอบนาง “ข้าถามมาแล้ว เป็นเด็กรับใช้ในจวนจงใจใช้ยาชูกำลังทำเป็นซุป และนำไปให้ท่านย่าเจ้า ไม่มีการตอบสนองร่างกายของท่านย่าเจ้า ทำให้สูญเสียเสียง วันหลังข้าจะเชิญหมอหลวงมาทำการตรวจรักษา ไม่ต้องห่วง” ในใจฉู่หมิงชุ่ยดุด่าอ๋องฉีสำหรับความโง่เขลา คำแก้ตัวที่ไร้สาระอย่างนี้เขาก็เชื่อหมด คนที่ไร้เดียงสาและโง่เขลาเช่นนี้ ในอนาคตจะให้นางพึ่งพาได้อย่างไร? อีกทั้งยังจะยึดอำนาจตำแหน่งองค์รัชทายาทได้หรือไม่? เป็นครั้งแรกที่ฉู่หมิงชุ่ยรู้สึกว่านางอาจจะเลือกคนผิดแล้ว ถ้าเป็นพี่ห่าว เกรงว่าเขาจะรู้แจ้งด้วยสัญชาตญาณความไม
วันนี้หมอหลวงเฉ่ายังคงมารักษาบาดแผลให้อวี่เหวินห่าวเหมือนเดิม ถามว่าจะจัดการกับไหมเส้นนี้อย่างไร ถังหยางสั่งให้คนไปเชิญหยวนชิงหลิงมาที่นี่ หยวนชิงหลิงพูดกับหมอหลวงเฉ่าว่า “นี่เป็นเส้นไหมไข่ขาวซึ่งร่างกายมนุษย์สามารถดูดซึมได้และไม่จำเป็นต้องตัดออก” “ไข่ขาวสามารถทำเป็นเส้นไหม น่าทึ่งมาก น่าทึ่งมาก!” หมอหลวงเฉ่าอุทานชื่นชม อวี่เหวินห่าวรู้สึกหดหู่ใจมาก “ถ้าอย่างนั้น ต่อไปข้าคงต้องอยู่ร่วมกันและตายร่วมกันกับเส้นไหมเหล่านี้หรือไม่?” “ใช่สิ เส้นไหมอยู่คนก็อยู่ เส้นไหมสลายคนก็สลาย” หยวนชิงหลิงยิ้มเยาะเย้ยในช่วงสองวันที่ผ่านมา เขาและเธอเข้ากันได้ค่อนข้างดี เพราอย่างนี้บางครั้งก็มีเสียดสีกันบ้าง ซูยี่นับถือทักษะทางการแพทย์ของหมอหลวงเป็นอย่างมาก และใช้ประโยชน์จากการรักษาบาดแผลของท่านอ๋อง รีบเข้าไปเพื่อขอคำแนะนำ “หมอหลวง ช่วงนี้ข้ารู้สึกไม่สบาย ท่านช่วยดูให้ข้าหน่อยได้ไหม? “องครักษ์ซูรู้สึกไม่สบายตรงไหน?” หมอหลวงเฉ่าเข้าถึงคนง่าย ไม่ได้ดูถูกซูยี่ในฐานะองครักษ์จวนอ๋อง “ช่วงนี้ข้าง่วงนอนตลอดเวลา, สมองค่อนข้างสับสน, ข้ามักจะผายลมที่มีกลิ่นเหม็นมาก, กลิ่นปากก็เหม็น, ผมมักจะมัน และมีตุ
มีความสุขอย่างแท้จริง ค่อย ๆ ละสายตาไป “ถ้าอย่างนั้นท่านก็รีบหย่ากับข้าเลย และแต่งงานกับผู้หญิงที่สวยกว่าข้าเป็นพระชายา” เขาโกรธมาก “ไม่ช้าก็เร็ว” พูดอย่างกับว่าเบื่อหน่ายกับการเป็นพระชายาเขา นั่นเพราะไม่ใช่นางเองเหรอที่รีบเสนอตัวมา? เขาเปลี่ยนเรื่องไป “ถังหยางเพิ่งบอกว่าคนจากจวนโฮ่วมาแล้ว” “อืม บอกว่าท่านย่าข้าไม่สบาย ให้ข้ากลับไปสักครั้ง” “แล้วเจ้ายังจะนั่งอยู่ที่นี่อีกเหรอ?” อวี่เหวินห่าวตกใจ หยวนชิงหลิงมองมาที่เขา “ข้าบอกว่าท่านอ๋องเจ็บหนักยังไม่หายดี ข้าต้องทำหน้าที่ในฐานะพระชายาให้ดีทีสุด อยู่ดูแลท่านที่นี่” “ใครอยากให้เจ้าดูแล...” เขาพูดแล้วก็เข้าใจและพูดอย่างเบา ๆ “ท่านพ่อของเจ้าคงจะรุกเป็นไฟแล้ว” “ขอบพระทัยท่านอ๋อง เกรงว่านี่จะเป็นเพียงจุดเริ่มต้น” หยวนชิงหลิงกล่าว อวี่เหวินห่าวพูดอย่างโกรธเคือง “ถือว่าเราเสมอกันแล้ว ไม่ว่าใครก็ไม่อนุญาตให้อ้างถึงกันอีก” “พูดถึงสักนิดก็ไม่ได้หรือ ท่านอ๋อง ท่านคงปวดร้าวมาก?” “หยวนชิงหลิง!” อวี่เหวินห่าวตะโกน เมื่อเห็นแววตาใสซื่อบริสุทธิ์ของนาง เขาถอนหายใจ “ข้าอยากจะเย็บปากเจ้าจริง ๆ” หยวนชิงหลิงเหลือบตาลง “เย็บเหรอ? ท่
รอจนหมอหลวงวินิจฉัยเสร็จออกไป จิ้งโฮ่วจึงลากหมอหลวงและซูยี่ไปดื่มชาที่ห้องโถงใหญ่ จิ้งโฮ่วลองถามซูยี่ “อาการบาดเจ็บของท่านอ๋องหายดีแล้วเหรอ?” “ท่านโฮ่วช่างใส่ใจเสีนจริง ท่านอ๋องดีขึ้นมากแล้ว” ซูยี่อยู่ข้างนอกยังคงทำตัวดี “แล้ว…” จิ้งโฮ่วยิ้ม ๆ “พระชายาดูแลท่านอ๋องด้วยตัวเองเลยหรือไม่? ลูกสาวของข้าคนนี้ นิสัยเสียมากเมื่ออยู่ในจวน ข้ากลัวว่านางจะทำให้ท่านอ๋องโกรธเอาได้?” “ท่านอ๋องไม่เคยโกรธพระชายา” ซูยี่ลืมตาและพูดเรื่องไร้สาระ ปกติถังหยางจะเป็นคนสารภาพโดยบอกว่าถ้าจิ้งโฮ่วรู้ว่าพระชายาและท่านอ๋องมีความสัมพันธ์ที่มั่นคง โดยสัญชาตญาณเขาจะ ไม่ทำให้พระชายาลำบาก “จริงเหรอ?” จิ้งโฮ่วไม่ค่อยเชื่อนัก แต่พวกบ่าวบอกว่าพระชายาประคองท่านอ๋องเข้าไปในบ้าน นี่คือสิ่งที่เขาเห็นด้วยตาตัวเอง เป็นไปได้ไหมว่าหยวนชิงหลิงชนะใจอ๋องฉู่แล้วจริง ๆ? หลังจากหมอหลวงช่วยแล้ว เขาก็ลูบ ๆ เคราแล้วถอนหายใจ “ความรู้สึกระหว่างท่านอ๋องกับพระชายาดีมากจริง ๆ สองสามวันมานี้ที่ข้าคอยรักษาท่านอ๋อง ก็มีพระชายคอยดูแลอยู่ข้าง ๆ ตลอด” เป็นธรรมดา ที่เขาจะไม่รู้ว่าหยวนชิงหลิงมาที่นี่ก็แค่เพื่อแอบเรียนรู้วิชา แพทย์แผนจีนเ