“คลีโอ...ลูกแต่งตัวเสร็จหรือยังคะ?”
เสียงเรียกที่ดังขึ้นขณะบานประตูในห้องนอนถูกเปิดออกทำให้เด็กหญิงวัยสี่ขวบเศษในชุดกระโปรงบานฟูฟ่องและผมสีน้ำตาลทองถูกถักเป็นเปียเล็ก ๆ สองข้างดูราวกับเจ้าหญิงตัวน้อยหันขวับไปมอง รอยยิ้มอันแสนน่ารักน่าชังระบายเต็มใบหน้าที่แก้มยุ้ยออกมาจนน่าหยิก
“เสร็จแล้วค่ะคุณแม่”
หนูน้อยตอบด้วยเสียงเล็ก ๆ ขณะผละจากหญิงวัยกลางคนที่นั่งคุกเข่าอยู่บนพื้นห้องและมองเด็กหญิงตัวน้อยวิ่งเข้าไปกอดหญิงสาวร่างบอบบางในชุดฟอร์มเตรียมพร้อมออกไปทำงาน
“คุณแนนจะไปทำงานแล้วหรือคะ...วันนี้แต่งตัวเสร็จเร็วจังเลยนะคะ”
วิไลกล่าวกับณชนกที่กำลังกอดจูบลูกสาวตัวน้อยของเธออย่างรักใคร่ หญิงสาวหันมายิ้มก่อนกล่าว
“ค่ะป้าไล...วันนี้แนนต้องไปที่ทำงานเร็วหน่อยเพราะมีงานใหญ่ที่โรงแรม เลยว่าจะพาคลีโอไปส่งที่เนอร์สเซอรี่ให้เร็วหน่อยน่ะค่ะ”
“ช่วงนี้คุณแนนทำงานหนักนะคะ ป้าเห็นคุณแนนกลับดึก ๆ...พักผ่อนบ้างก็ได้ค่ะ”
วิไลกล่าวอย่างเป็นห่วง ณชนกถอนหายใจขณะมองไปรอบ ๆ ห้องเช่าขนาดเล็กที่เธอเช่าอาศัยอยู่กับลูกสาวคนเดียวนั่นคือ คลีโอ และป้าวิไลที่ตามติดเธอมาและเป็นแม่นมคอยดูแลหนูน้อยแทบไม่ให้คลาดสายตาราวกับว่าเป็นแม่คนหนึ่งเลยทีเดียว
“ช่วงนี้แนนต้องพยายามทำงานเก็บเงินให้มากค่ะ เพราะไหนจะค่าเช่าห้อง ค่าใช้จ่าย และคนที่สำคัญที่สุดสำหรับแนนคือ...คลีโอ”
“คุณแนนคะ” วิไลลุกขึ้นและเดินมาหยุดที่หญิงสาว นางก้มลงมองหนูน้อยซึ่งกำลังดึงชายกระโปรงแม่เล่น “แต่คุณแนนก็ไม่เห็นต้องหักโหมงานมากขนาดนี้ คิดดูอีกทีวิไลก็เหมือนตัวถ่วงของคุณแนน ที่ติดตามมาอยู่ด้วยแต่กลับไม่ได้ช่วยอะไรคุณแนนเลย”
“อย่าพูดอย่างนั้นซีคะป้า ถ้าไม่มีป้าไลก็คงไม่มีใครคอยดูแลคลีโอให้แนน ป้าทำทุกอย่างเพื่อแนน เลี้ยงดูคลีโอโดยที่ไม่หวังอะไรตอบแทน แค่นี้แนนก็ซาบซึ้งใจอย่างที่สุดแล้วค่ะ ที่สำคัญ ตอนนี้แนนก็ไม่มีใครอีกแล้ว มีแต่ป้าไล...และสุดที่รักของแนน...หนูคลีโอ”
“คุณแม่ขา...คุณแม่ขา...คลีโออยากไปเนอร์สเซอรี่แล้วค่ะ”
หนูคลีโอดึงชายกระโปรงมารดา ภาพนั้นทำเอาป้าวิไลน้ำตาซึม “โถ...แม่คุณของป้า...ไปส่งหนูคลีโอเถอะนะคะ เดี๋ยวจะไปทำงานสาย”
ณชนกพาคลีโอไปส่งที่เนอร์สเซอรรี่ซึ่งอยู่ไม่ไกลจากห้องพักในอพาร์ตเมนท์ที่พักของเธอ และก็เหมือนอย่างทุกวันที่หนูน้อยจะรั้งมารดาไว้ด้วยการกอดและหอมแก้ม ออดอ้อนก่อนเข้าห้องซึ่งมีพี่เลี้ยงคอยรับอยู่ด้านหน้าประตูทางเข้า
“คุณแม่ขา...คุณแม่ขา...วันหยุดนี้พาคลีโอไปเที่ยวทะเลนะคะคุณแม่”
เด็กหญิงพูดด้วยน้ำเสียงที่ยังไม่ชัดถ้อย หญิงสาวมองลูกน้อยแล้วกอดร่างเล็กไว้ในอ้อมแขนอีกครั้ง
“วันหยุดนี้คุณแม่จะพาคลีโอไปเที่ยวทะเลนะคะ พาป้าวิไลไปด้วย นั่งรถสองแถวไปเที่ยวกัน ดีไหมคะ คลีโออยากไปเที่ยวไหน คิดไว้นะคะ”
“คลีโออยากไป...อยากไป...อยากไป...”
หนูน้อยทำท่าคิดอย่างน่ารักน่าชังโดยไม่มีคำตอบก่อนจูบบนแก้มนวลของมารดาแล้วหันไปสวัสดีพี่เลี้ยงที่เข้ามารับกระเป๋าจากณชนกก่อนพาแม่หนูเข้าไปในบ้านหลังใหญ่ซึ่งเป็นสถานเลี้ยงเด็กที่ได้ยินเสียงเจื้อยแจ้วของเด็กตัวเล็ก ๆ วิ่งเล่นกันอยู่ในนั้น หญิงสาวมองตามหลังจนหนูคลีโอเดินหายเข้าไป เธอแทบกลั้นน้ำตาไว้ไม่ได้ซึ่งเหตุการณ์นี้มักเกิดขึ้นซ้ำ ๆ ทุกวัน
เธอต้องพาลูกสาวหน้าตาน่ารักน่าชังตัวเล็กที่ไม่เหมือนเด็ก ๆ ชาวไทยทั่วไปมาฝากเลี้ยงที่เนอร์สเซอรี่ คลีโอเหมือนลูกครึ่งทั่ว ๆ ไป ด้วยเรือนผมสีน้ำตาลประกายทอง ดวงตาสีฟ้าอมเขียวและผิวขาวอมชมพู เด็กน้อยมีเลือดครึ่งหนึ่งของอีกเชื้อชาติ แต่คลีโอไม่เคยรู้จักเจ้าของสายเลือดอีกครึ่งหนึ่งที่มีในตัวหนูน้อย ลูกสาวของณชนกไม่เคยเห็นหน้าผู้ให้กำเนิด มีแต่เธอเท่านั้นที่ไม่เคยลืมเลือนภาพแห่งความทรงจำของ ใครคนนั้น เมื่อครั้งอดีตได้
เวลาผ่านไปนานเกือบห้าปี แต่สำหรับหญิงสาวที่ต้องอยู่ท่ามกลางความโดดเดี่ยวและความหวังที่เธอรู้ดีว่าไม่มีวันมาถึงนั้นช่างยาวนานเหมือนไม่มีที่สิ้นสุด ทุกวันที่ผ่านเลยเธอยังคงคิดถึง เขา เรื่อยมา เจ้าของนัยน์ตาสีฟ้าอมเขียวและใบหน้าคมเข้มอย่างหนุ่มอเมริกัน ทุกครั้งที่หลับตาณชนกยังคงรู้สึกถึงอ้อมกอดอันอบอุ่นของลำแขนใหญ่หนาหนักซึ่งเมื่อลืมตาตื่นเธอกลับพบแขนเล็ก ๆ ที่ก่ายกอดเธอไว้ แม้เป็นแขนขาของร่างเล็ก ๆ แต่ก็ทำให้หัวใจของเธออบอุ่นได้เสมอ
ณชนกก้าวเดินไปเรื่อย ๆ บนทางฟุตบาทที่ทอดตัวไปยังจุดรอรถรับส่งของโรงแรมซึ่งเธอต้องขึ้นรถไปทำงานในตำแหน่งพนักงานเสิร์ฟที่ได้เงินเดือนและเซอร์วิสพอได้เงินประทังค่าเลี้ยงชีพสำหรับตัวเธอเอง ลูกสาวตัวน้อยและป้าวิไลที่ติดตามมาอยู่กับเธอในห้องเช่าเล็ก ๆ ของอพาร์ทเม้นท์ในตัวเมืองภูเก็ตเมื่อห้าปีที่แล้ว หลังจากบิดามารดาซึ่งเป็นเจ้าของโรงแรมใหญ่ในจังหวัดเชียงใหม่ประสบอุบัติเหตุเครื่องบินตกเสียชีวิตและเธอพึ่งรู้ภายหลังว่ากิจการของบิดามารดากำลังจะพังพาบเพราะหนี้ก้อนใหญ่ที่ทำยังไงเธอก็ไม่อาจยื้อกิจการใหญ่โตนั่นไว้ได้นอกจากปล่อยให้ตกเป็นของเจ้าหนี้อย่างไม่อาจหลีกเลี่ยง
จากหญิงสาวที่มีทุกอย่างเพียบพร้อม ทั้งหน้าตาอันสะสวยอ่อนหวานเหมือนนางในวรรณคดี ทรัพย์สินเงินทองและชีวิตที่เคยสบายมาก่อนเก่า ณชนกกลับกลายเป็นคนที่แทบไม่เหลืออะไรเลย เพราะหนี้สินก้อนโตที่บิดามารดาทิ้งไว้ให้ทำให้หญิงสาวต้องขายทุกอย่างที่เคยเป็นสมบัติของตระกูล ทั้งที่ดิน บ้าน และทรัพย์สินที่มีจนเกือบหมดเพื่อนำไปหักลบกลบหนี้กับธนาคารและเจ้าหนี้ที่เข้ามากลืนกิจการโรงแรมของครอบครัวจนสิ้น ตอนนี้เธอไม่มีหนี้ใด ๆ อีกต่อไป หากแต่หญิงสาวกลับไม่รู้สึกเสียดายต่อการสูญเสียทรัพย์สินและหน้าตาในวงสังคมแม้จะถูกนินทาจากคนรอบข้างถึงความตกต่ำอย่างที่สุดในชีวิต แต่เธอก็ยังคงหลงเหลือสมบัติอีกอย่างหนึ่ง เป็นสิ่งที่มีค่ายิ่งกว่าทรัพย์สินเงินทองใด ๆ นั่นคือหัวใจดวงน้อยที่เธอเฝ้าถนอมฟูมฟักมาโดยที่แม้แต่บิดามารดาก็ไม่ระแคะระคายถึงเรื่องนี้ก่อนจะเสียชีวิต เธอตั้งครรภ์หนูน้อยคลีโอได้สามเดือนก่อนบุพการีทั้งสองจะประสบอุบัติเหตุ และเมื่อสะสางหนี้จนหมดหญิงสาวจึงตัดสินใจเดินทางลงใต้เพื่อมาพำนักที่จังหวัดภูเก็ต ไข่มุกแห่งอันดามันที่เธอเคยใฝ่ฝันอยากมาอยู่ที่นี่ ณชนกใช้เงินเหลือเก็บที่มี
ณชนกเคยรู้ว่า บีช เบย์ คลับ มีเจ้าของเป็นชาวต่างชาติสายเลือดอเมริกัน ยูเครน นั่นคือ แพทริก แม็คเคนน่า ซึ่งอายุอานามใกล้เลขหก เขาอาจต้องการเกษียณตัวเองเพื่อส่งต่อกิจการโรงแรมและรีสอร์ทในเครือที่มีอยู่ทั่วโลกให้คนหนุ่มบริหารต่อไปจวบจนกระทั่งถึงเวลาเกือบสองทุ่มหลังจากที่ณชนกทำงานของเธอเสร็จเรียบร้อยแล้วและต้องอยู่คอยช่วยพรเทพในการจัดเตรียมต้อนรับคณะผู้บริหารที่กำลังเดินทางจากสนามบินด้วยเครื่องบินส่วนตัวที่บินตรงจากสหรัฐมาที่นี่ หญิงสาวแทบไม่ได้สนใจหันไปมองเมื่อได้ยินเสียงเหล่าพนักงานต่างเซ็งแซ่ถึงการมาของคณะผู้บริหารซึ่งหนึ่งในนั้นคือลูกชายบุญธรรมของเจ้าของโรงแรมคนเก่าที่ทำให้ทั้งพรเทพและใครหลาย ๆ คนต่างตื่นเต้นไปตาม ๆ กัน เธอแค่รอเวลาที่พรเทพจะเข้ามาสั่งงานแล้วก็ได้ยินเสียงของเขาในที่สุด“แนนนี่...ผู้บริหารคนใหม่มาถึงแล้วนะจ๊ะ ตอนนี้เขาอยู่ที่ล็อบบี้ของโรงแรม เดี๋ยวเธอเข้าไปคอยต้อนรับในห้องอาหารพิเศษของโรงแรมก็แล้วกัน”“ค่ะ..พอลลี่”ณชนกรับปากพรเทพ แต่ในใจของเธอไม่ได้ตื่นเต้นกับการเตรียมการต้อนรับผู้บริหารโรงแรมคนใหม่แม้แต่น้อย ตอนนี้เธอกำลังพะวงถึงแม่หนูน้อยคลีโอ ลูกสาวตัวน้อยจะงอแง
ณชนกละล่ำละลักด้วยความตระหนกและทำถาดเล็กในมือตกลงพื้นไปเสียด้วย ทุกคนในที่นั้นมองมาที่หญิงสาว ทุกอย่างเงียบกริบจนพรเทพที่ยืนมองอยู่รีบเข้ามาดู“ตายละ...ขอโทษด้วยครับคุณเฮ็คเตอร์...ต้องขอโทษด้วยที่พนักงานเสิร์ฟ...”“ไม่เป็นไร”เฮ็คเตอร์ตอบกลับไปสั้น ๆ ขณะนัยน์ตาคู่นั้นจ้องมองร่างของพนักงานเสิร์ฟสาวที่ยืนกุมมืออันสั่นเทาทั้งสองไว้ด้านหน้า ใบหน้าสวยใต้กรอบเรือนผมเป็นลอนอ่อนสีน้ำตาลประกายซึ่งถูกรวบไว้ด้านหลังซีดขาวลงถนัดตา ชายหนุ่มปัดรอยน้ำที่หกเลอะบนเสื้อสูทราคาแพงระยับเบา ๆ แม้ใบหน้าของเขาจะไม่สำแดงความโกรธเกรี้ยวทว่าณชนกก็เห็นประกายบางอย่างวาบขึ้นมาในดวงตาสีฟ้าอมเขียวคู่นั้น “ดิฉันขอโทษด้วยค่ะ...ท่านประธาน...ดิฉันขอโทษ”ณชนกรีบยกมือไหว้ด้วยดวงตาแดงก่ำ พรเทพรีบพูดขึ้นว่า“เดี๋ยวจะให้พนักงานมาเสิร์ฟน้ำแก้วใหม่ ให้นะครับคุณเฮ็คเตอร์”“คงไม่ต้อง” เฮ็คเตอร์กล่าวกับพรเทพแต่ดวงตาคู่นั้นยังไม่ละไปจากพนักงานสาวเสิร์ฟที่ซุ่มซ่ามทำน้ำหกใส่เสื้อสูทราคาแพงของเขา“ผมขอเป็นไวน์แดงแทนก็แล้วกัน แต่อยากจะบอกคุณว่า ช่วยอบรมเรื่องมารยาทการทำงานแบบเข้มให้กับพนักงานที่นี่หน่อย ผมไม่รู้ว่าพ่อของผมท่านบริหาร
“หรือว่าไม่จริง!...คุณมีพร้อมทุกสิ่ง ผมเห็น...เห็นว่าคุณเป็นผู้หญิงที่สวยมาก เพียบพร้อมทั้งรูปลักษณ์และทรัพย์สมบัติ แต่สิ่งที่ผมมองไม่เห็น คือสันดานโสเภณีของคุณ...ลีแอน!”เสียงคำรามเสียดแทงเข้าไปในหัวใจปวดร้าวของณชนก ดวงตาคู่งามเบิกกว้างด้วยไม่คิดว่าจะได้ยินคำบริภาษร้ายแรงจาก เฮ็คเตอร์ ...ผู้ชายที่เธอเคยรักมากที่สุดและเขาคือบุรุษผู้ยังอยู่ในความทรงจำของเธอเสมอมาโดยที่ไม่มีใครสามารถเข้ามาแทนที่ได้ หญิงสาวพยายามบิดข้อมือจากมือหนาใหญ่ที่กุมมือเรียวบางเอาไว้ขณะนัยนย์ตาสีฟ้าอมมรกตคมปลาบสาดประกายความเกลียดชังเสมือนเหล็กแหลมนับพันเล่มทิ่มทะลุเข้าไปในร่างกายของเธอ“เฮ็คเตอร์...ปล่อยค่ะ...ฉันจะกลับ”“ผมยังไม่อนุญาตให้คุณกลับ! ไม่รู้รึยังไงว่าตอนนี้ใครมีอำนาจสั่งการได้ที่นี่”“ถ้าอย่างนั้นกรุณาไล่ฉันออก!”ณชนกพยายามสะบัดข้อมือข้างที่ถูกกุมไว้แน่นแต่ไม่เป็นผลซ้ำข้อมืออีกข้างยังถูกฉวยเอาไว้ได้ เฮ็คเตอร์ดึงร่างเล็กเข้าไปชิดตัวเขาแล้วโน้มใบหน้าคมคายที่ในดวงตาทั้งคู่มีแต่ประกายความเคียดแค้นลงมาหาหญิงสาว“ผมจะไม่ไล่คุณออกหรอกนะลีแอน...มองหน้าผมสิ! เราไม่ได้เจอกันตั้งหลายปีแล้วนี่ คุณไม่คิดถึงผมเลยอย่
“ทำไมคุณอยากจะให้ทุกอย่างระหว่างเราจบลงง่าย ๆ ล่ะ ในเมื่อนี่มันแค่เริ่มต้น!”“คุณพูดเรื่องอะไร...เฮ็คเตอร์...ปล่อยนะคะ” เรียวปากอิ่มที่ยังเป็นรอยบวมเจ่อสั่นระริก ความกลัวอย่างที่ไม่เคยมีมาก่อนแทรกซึมขึ้นมาและแผ่ไปทั่วร่างจนทำให้ณชนกเหมือนถูกยาชาจากมือแกร่งที่กำลังบีบแขนเธอไว้แน่น ลมหายใจร้อนผ่าวของเขาราดรดลงบนแก้มซีดขาว“ผมกำลังพูดเรื่องระหว่างเรา...ฟังไว้นะลีแอน เรื่องระหว่างผมกับคุณมันจะไม่มีวันจบลงง่าย ๆ ผมมันเจ็บจำแล้วฝังใจ แต่ก็รอได้เสมอสำหรับการเอาคืน!”“เฮ็คเตอร์...ฉันเจ็บนะคะ...”“พรุ่งนี้คุณต้องกลับมา!” เขาผลักเธอออกห่างอีกครั้ง ดวงตาคู่นั้นจ้องมองหญิงสาวที่ยืนตัวสั่นขณะเอามือลูบที่แขนและนิ่วหน้าด้วยความเจ็บ รอยปากหยักบนใบหน้าคร้ามเข้มเหยียดออก แววตาคู่นั้นหยามเยาะอย่างไม่คิดสงสารคนตรงหน้าเลยแม้แต่น้อย“ห้ามลาออกจากบีช เบย์ คลับ...ถ้าคุณคิดจะทำ บอกได้เลยว่าคุณลำบากแน่!”“เฮ็คเตอร์...ฉันไม่เข้าใจคุณเลย...มีอะไรตั้งหลายอย่างที่ฉันอยากจะถามคุณ คุณหายไปไหนเมื่อห้าปีก่อน...คุณหายไปไหน”“ถ้าอยากรู้...พรุ่งนี้...คุณต้องกลับมา” ชายหนุ่มเอามือทั้งสองล้วงกระเป๋า แต่ท่าทีของเขาไม่ได้ลด
“พรุ่งนี้แนนจะไปหาเขาน่ะค่ะป้า...แนนรู้ตัวดีว่าตอนนี้ตัวเองอยู่ในฐานะที่ต่ำต้อย เทียบกันไม่ได้เลยกับเขา แต่แนนก็แค่อยากรู้ว่า...เมื่อห้าปีที่แล้วเขาไปไหน”ณชนกแทบไม่ได้สังเกตเลยว่ามือของวิไลที่จับมือของเธอไว้แน่นคลายลงในทันทีที่ได้ยินเช่นนั้น ใบหน้าของแม่บ้านวัยกลางคนก็เปลี่ยนไป เหมือนมีอะไรบางอย่างอยู่ในใจที่นางไม่สามารถพูดออกมาได้วิไลแค่นยิ้มกลบความรู้สึกบางอย่างที่กำลังแล่นปรี่ขึ้นมา“คุณแนนไปพักผ่อนเถอะนะคะ ดึกแล้ว...พรุ่งนี้คุณแนนต้องไปทำงานแต่เช้านี่ไม่ใช่เหรอคะ”“ค่ะ...ป้าคะ...แนนอยากรู้เหลือเกินว่าเกิดอะไรขึ้นกันแน่ เกิดอะไรขึ้นกับเฮ็คเตอร์ เขาคงจะไม่โกหกแนนหรอกนะคะ ว่าเขาไปไหนมา”วิไลยิ้มกับร่างบางที่ลุกขึ้นและเดินกลับเข้าห้อง นางมองเห็นความสับสนและหวั่นกลัวฉายออกมาจากแววตาคู่นั้นซึ่งมันทำให้ตัวนางเองก็รู้สึกสะท้อนสะเทือนใจเช่นเดียวกัน วิไลเผลอหลั่งน้ำตาและรำพึงกับตัวเองเบา ๆ“คุณแนน...ป้าขอโทษนะคะ...ป้าขอโทษ”เช้าวันใหม่ณชนกพาหนูน้อยคลีโอไปฝากไว้ที่เนอร์สเซอรรี่เป็นปกติ แต่วันนี้หญิงสาวสังเกตเห็นแม่หนูน้อยมีสีหน้าเหมือนกำลังครุ่นคิดอะไรบางอย่าง ก่อนถึงสถานเลี้ยงเด็กเธอจึงหยุ
“เชิญคุณลีแอนครับ” คนของเฮ็คเตอร์เปิดประตูให้หญิงสาวก้าวลงไป ณชนกย่างก้าวด้วยความหวาดหวั่น หญิงสาวซึ่งตอนนี้ยังอยู่ในชุดพนักงานเสิร์ฟของโรงแรมเงยหน้าขึ้นมองบ้านหลังใหญ่ท่ามกลางหมู่ไม้ซึ่งห่างไกลออกมาจากย่านชุมชน มันเป็นสถานที่ที่สงบเงียบอย่างมาก ไม่ได้ยินเสียงรถแล่นผ่าน นั่นยิ่งทำให้หญิงสาววังเวงหัวใจ เธอเดินเข้าไปในบ้านหลังนั้น และเมื่อบานประตูถูกเปิดออกเธอก็เห็นร่างสูงใหญ่นั่งไขว่ห้างจิบไวน์อยู่ที่เก้าอี้รับแขก หญิงสาวยังยืนชิดบานประตูที่ปิดลงเหมือนเธอไม่กล้าแม้แต่จะก้าวขาในตอนนี้“นั่งสิ” เฮ็คเตอร์กล่าวขึ้นในความเงียบสงบ แม้จะเป็นเวลากลางวันที่แสงแดดส่องเข้ามาถึงแต่หญิงสาวกลับรู้สึกหนาวเยือกเหมือนอยู่กลางห้วงทะเลลึก“ไม่เป็นไรหรอกค่ะ...คุณมีธุระอะไรก็พูดกับฉันเลยก็ได้ เพราะเดี๋ยวฉันต้องรีบกลับไปทำงานที่โรงแรม”“ถึงไม่ไปวันนี้ก็ไม่มีใครว่าอะไรคุณได้หรอกลีแอน” หญิงสาวเม้มปากสนิท ดูเหมือนผู้บริหารสูงสุดของบีช เบย์ คลับในเวลานี้จะเยือกเย็นเหมือนน้ำนิ่งสนิท เฮ็คเตอร์อยู่ในเชิ้ตขาวกางเกงแสล็คสีเทาดำ ใบหน้าคมคายหล่อเหลาที่เธอจดจำได้นั้นยังคงเหมือนเดิม แต่นัยน์ตาสีฟ้าประกายมรกตคู่นั้นลุ่มล
“คุณนั่นแหละที่ต้องฟังผม!” เฮ็คเตอร์ส่งเสียงคำรามลั่นเหมือนจอมซาตานที่ไม่ยอมแม้แต่จะให้โอกาสวิญญาณของเธอหลุดรอดไปได้อีกครั้ง“ตอนนั้นผมมันเป็นแค่ไอ้งี่เง่าที่คิดว่ารักแท้มีจริง ก็คิดดูว่าผู้หญิงฐานะสูงส่งคนนั้นเคยลดตัวมาเกลือกกลั้วอยู่ด้วยกันตั้งหลายเดือน แล้วสุดท้ายเธอก็คงได้คำตอบว่ารักแท้มันไม่มีความหมาย มันเทียบไม่ได้กับคนที่มีฐานะทัดเทียมกัน...คุณไม่ต้องพูดอะไรหรอกลีแอน!”มือหนาหนักข้างหนึ่งจับคางเรียวของหญิงสาวที่กำลังจะอ้าปากพูดแล้วบีบกรามเล็กไว้แน่น เรียวปากของณชนกสั่นระริกขณะน้ำตาหยดไหลเป็นทาง ทำยังไงเธอถึงจะได้มีโอกาสอธิบายให้เขาเข้าใจสักครั้ง เธอยังจำเหตุการณ์คืนนั้นได้แต่...มันเกิดอะไรขึ้นกันแน่ หญิงสาวนึกไม่ถึงด้วยซ้ำว่ามันจะเป็นชนวนเหตุให้ต้องสูญเสียผู้ชายที่เธอรักมากที่สุด เฮ็คเตอร์ก้มหน้าลงไปจนเกือบชิดใบหน้าหวาน เสียงขบกรามดังชัดเจนในหูของหญิงสาวก่อนที่เขาจะเปล่งเสียงลอดไรฟันออกมา“ผมจะไม่ฟังคำแก้ตัวของผู้หญิงใจโลเลอย่างคุณ ถึงแม้ว่าผมจะเคยเป็นผู้ชายคนแรกของคุณก็ตามทีเถอะ... ผมแค่อยากให้บทเรียนผู้หญิงร่านรักอย่างคุณ ให้รู้ว่าการที่ต้องอยู่กับการลวงหลอกและเจ็บปวดมันเป็นย