ณชนกเคยรู้ว่า บีช เบย์ คลับ มีเจ้าของเป็นชาวต่างชาติสายเลือดอเมริกัน ยูเครน นั่นคือ แพทริก แม็คเคนน่า ซึ่งอายุอานามใกล้เลขหก เขาอาจต้องการเกษียณตัวเองเพื่อส่งต่อกิจการโรงแรมและรีสอร์ทในเครือที่มีอยู่ทั่วโลกให้คนหนุ่มบริหารต่อไป
จวบจนกระทั่งถึงเวลาเกือบสองทุ่มหลังจากที่ณชนกทำงานของเธอเสร็จเรียบร้อยแล้วและต้องอยู่คอยช่วยพรเทพในการจัดเตรียมต้อนรับคณะผู้บริหารที่กำลังเดินทางจากสนามบินด้วยเครื่องบินส่วนตัวที่บินตรงจากสหรัฐมาที่นี่ หญิงสาวแทบไม่ได้สนใจหันไปมองเมื่อได้ยินเสียงเหล่าพนักงานต่างเซ็งแซ่ถึงการมาของคณะผู้บริหารซึ่งหนึ่งในนั้นคือลูกชายบุญธรรมของเจ้าของโรงแรมคนเก่าที่ทำให้ทั้งพรเทพและใครหลาย ๆ คนต่างตื่นเต้นไปตาม ๆ กัน เธอแค่รอเวลาที่พรเทพจะเข้ามาสั่งงานแล้วก็ได้ยินเสียงของเขาในที่สุด
“แนนนี่...ผู้บริหารคนใหม่มาถึงแล้วนะจ๊ะ ตอนนี้เขาอยู่ที่ล็อบบี้ของโรงแรม เดี๋ยวเธอเข้าไปคอยต้อนรับในห้องอาหารพิเศษของโรงแรมก็แล้วกัน”
“ค่ะ..พอลลี่”
ณชนกรับปากพรเทพ แต่ในใจของเธอไม่ได้ตื่นเต้นกับการเตรียมการต้อนรับผู้บริหารโรงแรมคนใหม่แม้แต่น้อย ตอนนี้เธอกำลังพะวงถึงแม่หนูน้อยคลีโอ ลูกสาวตัวน้อยจะงอแงหรือเปล่าเพราะโดยปกติเธอจะกลับบ้านเป็นเวลา ร่างบางเดินตรงไปยังห้องอาหารที่ถูกจัดไว้พิเศษเฉพาะแขกคนสำคัญของโรงแรมซึ่งภายในห้องนั้นสามารถมองเห็นทัศนียภาพของท้องทะเลภายนอกในยามค่ำคืนได้
ในห้องนั้นไม่มีพนักงานคนอื่นนอกจากเธอ ณชนกตั้งใจจะเดินออกไปถามพรเทพอีกครั้งว่าจะมีพนักงานคนอื่นอีกไหม แต่เมื่อหันกลับไปก็ต้องชะงักเมื่อประตูถูกเปิดออกและมีพนักงานต้อนรับเดินนำเข้ามาก่อนที่กลุ่มชายชาวต่างชาติในชุดสูทจะเดินตามเข้ามาในห้องหลายคน ร่างเล็กหยุดนิ่งและรีบก้มศีรษะลงพร้อมวางมือไว้ที่ด้านหน้าอยู่ในท่าที่สำรวม ทว่าเมื่อเธอเงยหน้าขึ้นกลับต้องชะงักอีกครั้งเมื่อหนึ่งในชายชาวต่างชาติที่ก้าวเข้ามาเป็นบุคคลที่เธอคุ้นหน้า...ไม่สิ...เธอรู้จักเขาต่างหาก
“เฮ็คเตอร์...”
เสียงนั้นไม่ได้หลุดออกจากริมฝีปากของหญิงสาวที่เผยอออกจากกันด้วยยังอยู่ในอาหารตะลึงงันและแสงพร่าพรายจากม่านน้ำรื้นบนดวงตาแสนงาม แต่แล้วเหมือนทุกอย่างถูกกระชากกลับออกไปจากหัวใจดวงนั้นเมื่อร่างสูงใหญ่ของบุรุษใบหน้าคร้ามเข้มในชุดสูทผ้าไหมสีดำนั่งลงที่โต๊ะรับรอง และ...เขาหันมายังร่างบอบบางในชุดพนักงานเสิร์ฟที่จ้องมองเขาราวเป็นสิ่งอัศจรรย์
“ยินดีต้อนรับทุกท่านสู่ บีช เบย์ คลับ...โรงแรมที่มีมูลค่าการก่อสร้างสูงสุดและสวยงามที่สุดบนเกาะภูเก็ตครับ”
ชายชาวต่างชาติผู้หนึ่งซึ่งเป็นตัวแทนของคณะบริหารโรงแรมลุกขึ้นกล่าวท่ามกลางเสียงปรบมือต้อนรับของทุกคนในที่นั้น บรรยากาศภายในห้องอาหารกลับเข้าสู่ความเงียบอีกครั้งเมื่อชายคนเดิมกล่าวขึ้นว่า
“และสำหรับวันนี้ ผม...ลอเรนโซ่ ราฟเนอร์ ผู้ช่วยผู้บริหารบีช เบย์ คลับ คือคุณแพทริก แม็คเคนน่า ซึ่งในวันนี้ท่านติดธุระด่วนไม่ได้มาร่วมรับประทานอาหารด้วย ขอแนะนำทุกท่านให้รู้จักกับผู้บริหารคนใหม่ของโรงแรมบีช เบย์ คลับ และโรงแรมในเครือทั่วโลก คุณเฮ็คเตอร์ แม็คเคนนา”
ทันทีที่ลอเรนโซ่กล่าวจบ ชายหนุ่มเจ้าของร่างสูงใหญ่ซึ่งได้รับการแนะนำในฐานะของผู้บริหารสูงสุดของโรงแรมจึงลุกขึ้นยืนพร้อมทั้งก้มศีรษะเพื่อน้อมรับเสียงปรบมือของคณะกรรมการผู้บริหารระดับสูงของโรงแรม
และในช่วงจังหวะที่เขาลุกขึ้นยืน นัยน์ตาประกายสีฟ้าอมเขียวบนใบหน้าคร้ามคมก็เหลือบมองไปยังพนักงานสาวในชุดเสิร์ฟที่ก็ยืนมองเขาอยู่ที่มุมหนึ่งของห้องอาหารก่อนที่สายตาคู่นั้นจะเลื่อนกลับมายังกลุ่มคนท่านั่งร่วมโต๊ะอาหารในค่ำคืนอันชื่นมื่นสำหรับทุกคนในที่นั้น ยกเว้นเพียงคนเดียวคือณชนกที่เฝ้ามองบุรุษผู้ซึ่งได้ชื่อว่าเป็นผู้มีอำนาจสูงสุดของสถานที่แห่งนี้ด้วยความรู้สึกที่แตกต่างออกไป
เธอได้ยินเสียงเฮ็คเตอร์กล่าวแนะนำตัวเองเป็นสั้น ๆ ท่าทีของเขาสุขุมและเยือกเย็น สมกับเป็นผู้บริหารสูงสุดขององค์กร ณชนกมองทุกท่วงทีของเขาด้วยหัวใจที่เป็นสุขอย่างประหลาด กระทั่งเสียงของพรเทพดังขึ้นข้าง ๆ
“แนนนี่...ช่วยเสิร์ฟน้ำให้ท่านประธาน...คุณเฮ็คหน่อยสิจ๊ะ”
“เอ้อ...ค่ะ”
ณชนกรีบรับคำแต่ในเวลานั้นหญิงสาวรู้สึกถึงความเย็นเยียบบนฝ่ามือทั้งสองข้าง หัวใจของเธอเริ่มเต้นรัวเร็วแม้พยายามควบคุมความตื่นเต้นที่จู่ ๆ มันก็พุ่งปรี่ขึ้นมาอย่างไม่มีเหตุผล เธอรู้สึกว่ามือสั่นเล็กน้อยตอนที่รับถาดเล็ก ๆ ที่มีแก้วน้ำแล้วนำมันไปยัง ท่านประธาน ซึ่งเขานั่งอยู่ที่หัวโต๊ะ ในหูของหญิงสาวอื้ออึงตอนที่เดินเข้าไปใกล้ร่างสูงใหญ่ ราวกับไม่ได้ยินเสียงใด ๆ ในโลกทั้งนั้น แล้วเธอก็ไม่สามารถบังคับร่างกายตัวเองได้ในที่สุด
“โอ๊ะ!”
ณชนกอุทานออกมาท่ามกลางสายตาของคณะผู้บริหารที่มองมาเป็นตาเดียวเมื่อทุกอย่างไม่เป็นไปตามที่เธอตั้งใจ มือของเธอสั่นตอนหยิบแก้วน้ำแล้วตั้งใจจะวางมันลงบนโต๊ะ ข้างหน้าท่านประธาน แต่กลับทำมันหกใส่เสื้อสูทของเขาจนหมดซ้ำแก้วยังตกลงพื้นแตกกระจาย
“ขะ...ขอโทษค่ะ...ขอโทษค่ะ”
ณชนกละล่ำละลักด้วยความตระหนกและทำถาดเล็กในมือตกลงพื้นไปเสียด้วย ทุกคนในที่นั้นมองมาที่หญิงสาว ทุกอย่างเงียบกริบจนพรเทพที่ยืนมองอยู่รีบเข้ามาดู“ตายละ...ขอโทษด้วยครับคุณเฮ็คเตอร์...ต้องขอโทษด้วยที่พนักงานเสิร์ฟ...”“ไม่เป็นไร”เฮ็คเตอร์ตอบกลับไปสั้น ๆ ขณะนัยน์ตาคู่นั้นจ้องมองร่างของพนักงานเสิร์ฟสาวที่ยืนกุมมืออันสั่นเทาทั้งสองไว้ด้านหน้า ใบหน้าสวยใต้กรอบเรือนผมเป็นลอนอ่อนสีน้ำตาลประกายซึ่งถูกรวบไว้ด้านหลังซีดขาวลงถนัดตา ชายหนุ่มปัดรอยน้ำที่หกเลอะบนเสื้อสูทราคาแพงระยับเบา ๆ แม้ใบหน้าของเขาจะไม่สำแดงความโกรธเกรี้ยวทว่าณชนกก็เห็นประกายบางอย่างวาบขึ้นมาในดวงตาสีฟ้าอมเขียวคู่นั้น “ดิฉันขอโทษด้วยค่ะ...ท่านประธาน...ดิฉันขอโทษ”ณชนกรีบยกมือไหว้ด้วยดวงตาแดงก่ำ พรเทพรีบพูดขึ้นว่า“เดี๋ยวจะให้พนักงานมาเสิร์ฟน้ำแก้วใหม่ ให้นะครับคุณเฮ็คเตอร์”“คงไม่ต้อง” เฮ็คเตอร์กล่าวกับพรเทพแต่ดวงตาคู่นั้นยังไม่ละไปจากพนักงานสาวเสิร์ฟที่ซุ่มซ่ามทำน้ำหกใส่เสื้อสูทราคาแพงของเขา“ผมขอเป็นไวน์แดงแทนก็แล้วกัน แต่อยากจะบอกคุณว่า ช่วยอบรมเรื่องมารยาทการทำงานแบบเข้มให้กับพนักงานที่นี่หน่อย ผมไม่รู้ว่าพ่อของผมท่านบริหาร
“หรือว่าไม่จริง!...คุณมีพร้อมทุกสิ่ง ผมเห็น...เห็นว่าคุณเป็นผู้หญิงที่สวยมาก เพียบพร้อมทั้งรูปลักษณ์และทรัพย์สมบัติ แต่สิ่งที่ผมมองไม่เห็น คือสันดานโสเภณีของคุณ...ลีแอน!”เสียงคำรามเสียดแทงเข้าไปในหัวใจปวดร้าวของณชนก ดวงตาคู่งามเบิกกว้างด้วยไม่คิดว่าจะได้ยินคำบริภาษร้ายแรงจาก เฮ็คเตอร์ ...ผู้ชายที่เธอเคยรักมากที่สุดและเขาคือบุรุษผู้ยังอยู่ในความทรงจำของเธอเสมอมาโดยที่ไม่มีใครสามารถเข้ามาแทนที่ได้ หญิงสาวพยายามบิดข้อมือจากมือหนาใหญ่ที่กุมมือเรียวบางเอาไว้ขณะนัยนย์ตาสีฟ้าอมมรกตคมปลาบสาดประกายความเกลียดชังเสมือนเหล็กแหลมนับพันเล่มทิ่มทะลุเข้าไปในร่างกายของเธอ“เฮ็คเตอร์...ปล่อยค่ะ...ฉันจะกลับ”“ผมยังไม่อนุญาตให้คุณกลับ! ไม่รู้รึยังไงว่าตอนนี้ใครมีอำนาจสั่งการได้ที่นี่”“ถ้าอย่างนั้นกรุณาไล่ฉันออก!”ณชนกพยายามสะบัดข้อมือข้างที่ถูกกุมไว้แน่นแต่ไม่เป็นผลซ้ำข้อมืออีกข้างยังถูกฉวยเอาไว้ได้ เฮ็คเตอร์ดึงร่างเล็กเข้าไปชิดตัวเขาแล้วโน้มใบหน้าคมคายที่ในดวงตาทั้งคู่มีแต่ประกายความเคียดแค้นลงมาหาหญิงสาว“ผมจะไม่ไล่คุณออกหรอกนะลีแอน...มองหน้าผมสิ! เราไม่ได้เจอกันตั้งหลายปีแล้วนี่ คุณไม่คิดถึงผมเลยอย่
“ทำไมคุณอยากจะให้ทุกอย่างระหว่างเราจบลงง่าย ๆ ล่ะ ในเมื่อนี่มันแค่เริ่มต้น!”“คุณพูดเรื่องอะไร...เฮ็คเตอร์...ปล่อยนะคะ” เรียวปากอิ่มที่ยังเป็นรอยบวมเจ่อสั่นระริก ความกลัวอย่างที่ไม่เคยมีมาก่อนแทรกซึมขึ้นมาและแผ่ไปทั่วร่างจนทำให้ณชนกเหมือนถูกยาชาจากมือแกร่งที่กำลังบีบแขนเธอไว้แน่น ลมหายใจร้อนผ่าวของเขาราดรดลงบนแก้มซีดขาว“ผมกำลังพูดเรื่องระหว่างเรา...ฟังไว้นะลีแอน เรื่องระหว่างผมกับคุณมันจะไม่มีวันจบลงง่าย ๆ ผมมันเจ็บจำแล้วฝังใจ แต่ก็รอได้เสมอสำหรับการเอาคืน!”“เฮ็คเตอร์...ฉันเจ็บนะคะ...”“พรุ่งนี้คุณต้องกลับมา!” เขาผลักเธอออกห่างอีกครั้ง ดวงตาคู่นั้นจ้องมองหญิงสาวที่ยืนตัวสั่นขณะเอามือลูบที่แขนและนิ่วหน้าด้วยความเจ็บ รอยปากหยักบนใบหน้าคร้ามเข้มเหยียดออก แววตาคู่นั้นหยามเยาะอย่างไม่คิดสงสารคนตรงหน้าเลยแม้แต่น้อย“ห้ามลาออกจากบีช เบย์ คลับ...ถ้าคุณคิดจะทำ บอกได้เลยว่าคุณลำบากแน่!”“เฮ็คเตอร์...ฉันไม่เข้าใจคุณเลย...มีอะไรตั้งหลายอย่างที่ฉันอยากจะถามคุณ คุณหายไปไหนเมื่อห้าปีก่อน...คุณหายไปไหน”“ถ้าอยากรู้...พรุ่งนี้...คุณต้องกลับมา” ชายหนุ่มเอามือทั้งสองล้วงกระเป๋า แต่ท่าทีของเขาไม่ได้ลด
“พรุ่งนี้แนนจะไปหาเขาน่ะค่ะป้า...แนนรู้ตัวดีว่าตอนนี้ตัวเองอยู่ในฐานะที่ต่ำต้อย เทียบกันไม่ได้เลยกับเขา แต่แนนก็แค่อยากรู้ว่า...เมื่อห้าปีที่แล้วเขาไปไหน”ณชนกแทบไม่ได้สังเกตเลยว่ามือของวิไลที่จับมือของเธอไว้แน่นคลายลงในทันทีที่ได้ยินเช่นนั้น ใบหน้าของแม่บ้านวัยกลางคนก็เปลี่ยนไป เหมือนมีอะไรบางอย่างอยู่ในใจที่นางไม่สามารถพูดออกมาได้วิไลแค่นยิ้มกลบความรู้สึกบางอย่างที่กำลังแล่นปรี่ขึ้นมา“คุณแนนไปพักผ่อนเถอะนะคะ ดึกแล้ว...พรุ่งนี้คุณแนนต้องไปทำงานแต่เช้านี่ไม่ใช่เหรอคะ”“ค่ะ...ป้าคะ...แนนอยากรู้เหลือเกินว่าเกิดอะไรขึ้นกันแน่ เกิดอะไรขึ้นกับเฮ็คเตอร์ เขาคงจะไม่โกหกแนนหรอกนะคะ ว่าเขาไปไหนมา”วิไลยิ้มกับร่างบางที่ลุกขึ้นและเดินกลับเข้าห้อง นางมองเห็นความสับสนและหวั่นกลัวฉายออกมาจากแววตาคู่นั้นซึ่งมันทำให้ตัวนางเองก็รู้สึกสะท้อนสะเทือนใจเช่นเดียวกัน วิไลเผลอหลั่งน้ำตาและรำพึงกับตัวเองเบา ๆ“คุณแนน...ป้าขอโทษนะคะ...ป้าขอโทษ”เช้าวันใหม่ณชนกพาหนูน้อยคลีโอไปฝากไว้ที่เนอร์สเซอรรี่เป็นปกติ แต่วันนี้หญิงสาวสังเกตเห็นแม่หนูน้อยมีสีหน้าเหมือนกำลังครุ่นคิดอะไรบางอย่าง ก่อนถึงสถานเลี้ยงเด็กเธอจึงหยุ
“เชิญคุณลีแอนครับ” คนของเฮ็คเตอร์เปิดประตูให้หญิงสาวก้าวลงไป ณชนกย่างก้าวด้วยความหวาดหวั่น หญิงสาวซึ่งตอนนี้ยังอยู่ในชุดพนักงานเสิร์ฟของโรงแรมเงยหน้าขึ้นมองบ้านหลังใหญ่ท่ามกลางหมู่ไม้ซึ่งห่างไกลออกมาจากย่านชุมชน มันเป็นสถานที่ที่สงบเงียบอย่างมาก ไม่ได้ยินเสียงรถแล่นผ่าน นั่นยิ่งทำให้หญิงสาววังเวงหัวใจ เธอเดินเข้าไปในบ้านหลังนั้น และเมื่อบานประตูถูกเปิดออกเธอก็เห็นร่างสูงใหญ่นั่งไขว่ห้างจิบไวน์อยู่ที่เก้าอี้รับแขก หญิงสาวยังยืนชิดบานประตูที่ปิดลงเหมือนเธอไม่กล้าแม้แต่จะก้าวขาในตอนนี้“นั่งสิ” เฮ็คเตอร์กล่าวขึ้นในความเงียบสงบ แม้จะเป็นเวลากลางวันที่แสงแดดส่องเข้ามาถึงแต่หญิงสาวกลับรู้สึกหนาวเยือกเหมือนอยู่กลางห้วงทะเลลึก“ไม่เป็นไรหรอกค่ะ...คุณมีธุระอะไรก็พูดกับฉันเลยก็ได้ เพราะเดี๋ยวฉันต้องรีบกลับไปทำงานที่โรงแรม”“ถึงไม่ไปวันนี้ก็ไม่มีใครว่าอะไรคุณได้หรอกลีแอน” หญิงสาวเม้มปากสนิท ดูเหมือนผู้บริหารสูงสุดของบีช เบย์ คลับในเวลานี้จะเยือกเย็นเหมือนน้ำนิ่งสนิท เฮ็คเตอร์อยู่ในเชิ้ตขาวกางเกงแสล็คสีเทาดำ ใบหน้าคมคายหล่อเหลาที่เธอจดจำได้นั้นยังคงเหมือนเดิม แต่นัยน์ตาสีฟ้าประกายมรกตคู่นั้นลุ่มล
“คุณนั่นแหละที่ต้องฟังผม!” เฮ็คเตอร์ส่งเสียงคำรามลั่นเหมือนจอมซาตานที่ไม่ยอมแม้แต่จะให้โอกาสวิญญาณของเธอหลุดรอดไปได้อีกครั้ง“ตอนนั้นผมมันเป็นแค่ไอ้งี่เง่าที่คิดว่ารักแท้มีจริง ก็คิดดูว่าผู้หญิงฐานะสูงส่งคนนั้นเคยลดตัวมาเกลือกกลั้วอยู่ด้วยกันตั้งหลายเดือน แล้วสุดท้ายเธอก็คงได้คำตอบว่ารักแท้มันไม่มีความหมาย มันเทียบไม่ได้กับคนที่มีฐานะทัดเทียมกัน...คุณไม่ต้องพูดอะไรหรอกลีแอน!”มือหนาหนักข้างหนึ่งจับคางเรียวของหญิงสาวที่กำลังจะอ้าปากพูดแล้วบีบกรามเล็กไว้แน่น เรียวปากของณชนกสั่นระริกขณะน้ำตาหยดไหลเป็นทาง ทำยังไงเธอถึงจะได้มีโอกาสอธิบายให้เขาเข้าใจสักครั้ง เธอยังจำเหตุการณ์คืนนั้นได้แต่...มันเกิดอะไรขึ้นกันแน่ หญิงสาวนึกไม่ถึงด้วยซ้ำว่ามันจะเป็นชนวนเหตุให้ต้องสูญเสียผู้ชายที่เธอรักมากที่สุด เฮ็คเตอร์ก้มหน้าลงไปจนเกือบชิดใบหน้าหวาน เสียงขบกรามดังชัดเจนในหูของหญิงสาวก่อนที่เขาจะเปล่งเสียงลอดไรฟันออกมา“ผมจะไม่ฟังคำแก้ตัวของผู้หญิงใจโลเลอย่างคุณ ถึงแม้ว่าผมจะเคยเป็นผู้ชายคนแรกของคุณก็ตามทีเถอะ... ผมแค่อยากให้บทเรียนผู้หญิงร่านรักอย่างคุณ ให้รู้ว่าการที่ต้องอยู่กับการลวงหลอกและเจ็บปวดมันเป็นย
“ได้ความสะใจ!” คำตอบนั้นทำให้ดวงตาคู่งามเบิกกว้าง หญิงสาวแทบไม่อยากเชื่อหูตัวเองว่าเฮ็คเตอร์จะตอบเธอได้อย่างไม่ยี่หระแม้แต่น้อย หญิงสาวเผลอสะอื้นไห้ออกมพร้อมด้วยน้ำตาที่จริง ๆ แล้วเธอไม่อยากให้เขาเห็นด้วยซ้ำ“เฮ็คเตอร์...คุณไม่เหมือนเดิมเลย...ทำไม”“ผมบอกคุณไปแล้วไง เราแลกกัน ความเจ็บปวดของผมกับผู้หญิงต่ำช้าคนหนึ่งที่หลอกให้ผมทั้งรักทั้งคลั่ง...แค่ครั้งละสองแสน หรือว่าจะเป็นร้อยล้านพันล้าน ผมไม่แคร์ถ้าจะใช้มันเพื่อความพอใจของตัวเอง ในเมื่อตัวคุณมันมีค่าแค่เศษเงินของผมเท่านั้น!”“เศษเงิน...” คำพูดเบาหวิวลอดออกมาจากริมฝีปากแห้งผากพร้อมเสียงสะอื้นไห้ ณชนกเหมือนถูกฉุดขึ้นมาจากความตายตอนที่ได้เห็นหน้าเขาครั้งแรก แต่แล้วเธอกลับถูกเขาเหวี่ยงลงไปในเหวลึก ให้เธอตายทั้งเป็นอยู่ในนั้น มันทรมานราวกับได้ขึ้นสวรรค์ก่อนพลัดหล่นลงไปในนรกขุมสุดท้าย“เฮ็คเตอร์...คุณจะไม่ฟังฉัน...สักนิดเลยหรือคะ” เขาส่ายหน้า แววตาคู่นั้นอาบความชิงชังอย่างเหลือแสน เขาก้มลงมาใกล้อีก ริมฝีปากของเขาอยู่เกือบชิดกลีบปากแห้งผากของหญิงสาว ณชนกไม่ได้แตกต่างไปจากเมื่อก่อน เธองดงามอย่างที่ผู้ชายคนไหนก็ไม่อาจห้ามใจ ใบหน้าแสนหวานของ
เฮ็คเตอร์ยักไหล่ “ผมไม่ทำอะไร...ถ้าคุณไม่บิดพลิ้วสัญญาที่ให้ไว้กับผม”“แต่คุณเป็นคนบังคับฉัน” เขาเอียงหน้า เสียงหัวเราะของชายหนุ่มดังลึกอยู่ในลำคอก่อนจะพูดออกมาราวกับไม่สนใจทุกอย่างในโลก“พรุ่งนี้ผมจะให้คนไปรับคุณที่เนอร์สเซอรี่...ส่งลูกสาวแล้วคุณต้องมาหาผม ถ้าผิดสัญญาอย่าหาว่าผมไม่เตือน!” ณชนกไม่ยอมโต้ตอบกลับไปอีก เธอหันหลังให้แล้วรีบก้าวออกไปหยุดยืนที่ระเบียงบ้าน หญิงสาวแทบไม่อยากหันกลับไปมองข้างหลังราวกับอยากลืมเลือนทุกอย่างที่เกิดขึ้นวันนี้ หากก็ทำใจได้ยากเหลือเกิน ทั้งที่เธอรักและคิดถึงเขานับจากวันที่เขาหายไปจากชีวิตของเธอเป็นเวลากว่าห้าปี เธอไม่เคยยุ่งเกี่ยวกับใครเลย วาดหวังไว้ว่าสักวันเธอจะได้เจอเฮ็คเตอร์อีกครั้ง แต่ตอนนี้ทุกอย่างกลับสลายกลายเป็นอากาศธาตุ เธอรู้สึกเคว้งคว้างราวกับถูกเหวี่ยงออกไปนอกอวกาศอย่างไรอย่างนั้น“คลีโอ...ยังไม่นอนอีกเหรอคะลูก?” ณชนกต้องประหลาดใจเมื่อกลับถึงบ้านตอนดึกแล้วแต่ยังเห็นแม่หนูน้อยในชุดนอนลายการ์ตูนนั่งอยู่บนพื้นภายในห้องนอนที่เปิดไฟสว่างจ้า เธอรีบวางกระเป๋าสะพายบนโต๊ะเครื่องแป้งแล้วปรี่เข้าไปกอดลูกน้อย“คุณแม่...ทำไมคุณแม่...กลับดึกคะ”“ช่วงนี