แชร์

บทที่ 4

ผู้เขียน: ฮุยสี่เชว่
last update ปรับปรุงล่าสุด: 2025-01-07 13:23:20
ใบหน้าไม่แต่งแต้มแป้งชาด แต่เมื่อเข้าไปใกล้กลับได้กลิ่นหอมกรุ่นอ่อนจางจากบนร่างนาง

ดวงตาเขาทอแววลุ่มลึก ยกมือเชื้อเชิญอวี๋เหลียงเยว่ “มานี่”

อวี๋เหลียงเยว่หวาดกลัวสามส่วน เขินอายสามส่วน ก้าวมาข้างหน้าช้าๆ ชายกระโปรงเลิกขึ้นรำไรระหว่างเยื้องย่าง เผยให้เห็นความขาวผ่องบอบบางตรงข้อเท้า

คล้ายกับรังเกียจว่านางเดินช้าเกินไป ฉินซือเหิงจึงลุกขึ้นมา เมื่อยืนขึ้น เงาร่างสูงใหญ่นั้นก็บดบังสตรีร่างบอบบางตรงหน้าได้อย่างมิดชิด แขนทรงพลังราวกำแพงเล็กนั้นอุ้มร่างนางขึ้นมาก้าวเดินตรงไปที่เตียง

อวี๋เหลียงเยว่หลับตาปี๋ แขนที่โอบรอบลำคอเขาสั่นเทิ้มน้อยๆ ฉินซือเหิงนึกว่านางสะเทิ้นอาย มุมปากจึงคลี่ยิ้มบางออกมา

แต่มีเพียงนางเองจึงทราบว่า นางหวาดกลัวแล้ว

กลัวว่าฉินซือเหิงจะมองเห็นความทะเยอทะยานและความปรารถนาในแววตานาง

เครื่องนอนบนเตียงปูไว้เรียบร้อยมาแต่แรก อวี๋เหลียงเยว่ถูกเขาวางลงบนเตียงอย่างหยาบกระด้าง ต่อจากนั้นก็สัมผัสได้ว่าเขาเริ่มปลดเปลื้องอาภรณ์นาง

เหมือนชาติที่แล้วไม่มีผิด ฉินซือเหิงช่างไม่รู้จักรักหยกถนอมบุปผาเอาเสียจริงๆ

ถูกกักไว้ในอ้อมแขน นางหลบก็ไม่มีที่ให้หลบ ทั้งยังไม่มีเหตุผลให้หลบ

ในไม่ช้า จุมพิตที่ค่อนข้างเย็นก็ประทับลงบนไหล่นาง แล้วไล่ลงไปข้างล่าง...

ทันใดนั้น ฉินซือเหิงก็หยุดชะงัก อวี๋เหลียงเยว่สติแจ่มใส อดครุ่นคิดอย่างเร็วจี๋มิได้ มีที่ใดทำไม่เหมาะสมอย่างนั้นหรือ

“ต่อไปกินเยอะหน่อย ผอมเกินไปแล้ว”

บุรุษบนร่างทับบนตัวนางอย่างแนบแน่น ลมหายใจอุ่นร้อนราดรดบริเวณสะบักของนาง อาจเป็นเพราะเห็นว่าร่างกายนางบอบบางจนน่าสงสาร ฉินซือเหิงจึงอดพูดขึ้นมาประโยคหนึ่งมิได้ ต่อจากนั้นคือความหยาบกระด้างเร่าร้อนยิ่งกว่าเดิม

ตลอดค่ำคืนนั้น นางราวกับเรือน้อยที่ล่องไปท่ามกลางพายุคลั่ง ทำได้เพียงสะอื้นเอ่ยคำสองคำซ้ำไปซ้ำมาอย่างช่วยเหลือตัวเองไม่ได้

“เบาหน่อย... เบาหน่อย...”

ดวงตาปริ่มน้ำ คล้ายร้องไห้ทั้งคล้ายหอบหายใจ พาให้บุรุษที่อยู่บนร่างกุมข้อมือนางแน่นอย่างมิอาจหักห้ามใจตัวเองได้

แต่หากอาศัยแสงเทียนพิศมองอย่างละเอียด แววตาอวี๋เหลียงเยว่กระจ่างใส มุมปากมีรอยยิ้มบาง ปราศจากความอ่อนแอเจือปนอยู่ในนั้นแม้เศษเสี้ยว

นางรู้ทุกอย่างเกี่ยวกับฉินซือเหิง ยิ่งรู้ว่าสตรีที่เขาชอบนั้นเป็นเช่นไร

ตำหนักบูรพาไม่มี? นางก็จะสร้างกรงขังอันอ่อนโยนที่ใช้กักขังฉินซือเหิงโดยเฉพาะขึ้นมาด้วยมือตัวเอง

ขณะที่ในยามนั้น ผู้ที่ทับอยู่บนร่างนางไม่ใช่องค์ชายผู้หนึ่ง แต่เป็นเมืองต้องห้ามที่หนักอึ้งแห่งหนึ่ง

สองร่างกอดกระหวัดพัวพัน พวกเขาสนิทสนมกันเหมือนยวนยางในทะเลสาบไม่ผิดเพี้ยน อาศัยจังหวะนั้นเอง อวี๋เหลียงเยว่จึงเผยรอยยิ้มทะเยอทะยานออกมาโดยไม่ปิดบัง

นี่เพิ่งจะเริ่มต้นเท่านั้น

เสียงสวบสาบระลอกหนึ่งดังขึ้นในยามเหม่า

อวี๋เหลียงเยว่พยายามปรือตาขึ้นมา มองดูชายหนุ่มที่กำลังแต่งกายอย่างเกียจคร้าน

ต่อจากนั้นก็ลงจากเตียงมาอย่างแผ่วเบา คุกเข่าลงตรงหน้าเขา ปัดมือสาวใช้ออกเบาๆ กระชับเข็มขัดด้วยตนเอง เอ่ยเสียงอ่อนหวาน “หม่อมฉันมาปรนนิบัติเพคะ”

“ไม่ต้อง เจ้าไปพักผ่อนเถอะ” ดวงตาหงส์ของฉินซือเหิงยังคงไม่ชอบยิ้มเหมือนเดิม แลดูเย็นชาดุจน้ำแข็ง

กล่าวจบ อวี๋เหลียงเยว่ยังคงยืนกรานปรนนิบัติเขา สวมเข็มขัดเสร็จก็ห้อยสิ่งของจำพวกหยกพก จี้ประดับและถุงปัก ฉินซือเหิงตัวสูงมาก ส่วนสูงของอวี๋เหลียงเยว่ไม่ถือว่าเตี้ยในหมู่สตรี เรียกได้ว่ามีความสูงมาตรฐาน แต่ร่างกายฉินซือเหิงก็ยังสามารถบดบังนางได้อย่างมิดชิด เห็นได้ชัดว่าตัวสูงแค่ไหน

นางปรนนิบัติไปพลางใช้สายตาเอียงอายชำเลืองมองบุรุษตรงหน้าเป็นระยะ อย่างอื่นไม่พูดถึง รูปลักษณ์ภายนอกของฉินซือเหิงไร้ที่ติมากจริงๆ หรือจะเป็นเพราะสายเลือดตระกูลฉินดีเป็นพิเศษกันนะ?

ฉินมู่ก็มีรูปลักษณ์ภายนอกโดดเด่นมากเช่นกัน แต่เมื่อเทียบกับฉินซือเหิงแล้ว เขามีความดื้อรั้นมากกว่าหลายส่วน แต่ดูห่างเหินน้อยกว่าหลายส่วน

อาจเป็นเพราะสัมผัสได้ถึงสายตาของนาง มุมปากฉินซือเหิงจึงคลี่ออกเล็กน้อย

อวี๋เหลียงเยว่ปรนนิบัติเสร็จก็มองส่งเขาจากไป

เดินออกไปถึงข้างนอกแล้ว ฝีเท้าของเขาก็ชะงักไปเล็กน้อย “วันนี้ไม่ต้องไปคารวะเช้าแล้ว พักผ่อนอยู่ในห้องเถอะ”

ขณะที่พูดเท้าก็ไม่ได้หยุดอีก หากก้าวเดินตรงไปข้างหน้า

นางยอบกายเอ่ยเสียงนุ่มนวล “น้อมส่งรัชทายาทเพคะ”

เมื่อหยัดร่างขึ้นมาอีกครั้ง ดวงตาไหนเลยยังจะมีความรู้สึกอ่อนโยนแบบเมื่อครู่คลออยู่อีก สั่งความชิงหลิ่วว่า “รีบแต่งตัวให้ข้า อย่าไปคารวะเช้าพระชายาสาย”

“แต่รัชทายาทบอกว่าวันนี้ให้คุณหนูพักผ่อนไม่ใช่หรือเจ้าคะ”

อวี๋เหลียงเยว่ไม่หวั่นไหวแม้แต่น้อย ชิงหลิ่วเห็นอย่างนั้นก็ไม่พูดอันใดอีก แต่งตัวให้นางอย่างคล่องแคล่ว

คำพูดของบุรุษเชื่อถือไม่ได้เป็นที่สุดแล้ว ถ้าเจ้าเชื่อจริงๆ? เช่นนั้นก็รอรับความลำบากได้เลย

ชิงหลิ่วปรนนิบัติแต่งตัวให้อวี๋เหลียงเยว่แล้วเหลือบเห็นร่องรอยบนร่างนางโดยไม่ตั้งใจก็อดหน้าแดงด้วยความเขินอายไม่ได้ เบือนหน้าหนีไปทางอื่น

วันนี้นางไปพบพวกพระชายารัชทายาทเป็นครั้งแรก ไม่เหมาะจะสวมชุดสะดุดตาเกินไป นางจึงสวมอาภรณ์สีน้ำเงินอ่อน ข้างนอกสวมเสื้อคลุมสีขาวออกเหลืองตัวหนึ่ง อาภรณ์ชุดนี้บางเบา สีสันถือว่าสุภาพเรียบร้อย ไม่ปล่อยให้ใครจับผิดเอาได้

เปลี่ยนทำทรงผมเรียบง่าย ทั้งไม่สวมเครื่องประดับศีรษะ จากนั้นก็ได้ยินคนข้างนอกมาถ่ายทอดข้อความ

อวี๋เหลียงเยว่ถูกแต่งตั้งเป็นเกิงอี ต่อไปก็คืออวี๋เกิงอี

เมื่อมีตำแหน่งก็นับว่ามีที่ทางในตำหนักบูรพาแห่งนี้แล้ว

จากนั้นก็คือรางวัลจำพวกผ้าพับและเครื่องประดับที่เดินเข้ามาเป็นแถว นางกวาดสายตาผ่าน สิ่งของไม่ถือว่าหรูหรา แต่เป็นสิ่งที่ตำแหน่งในตอนนี้ของนางสามารถสวมใส่ได้

เมื่อสวมเครื่องประดับศีรษะ ภายใต้มืออันคล่องแคล่วของชิงหลิ่ว นางมองตนเองบนกระจก รูปโฉมไม่จำเป็นต้องพูดถึง ดวงตาเหมือนกวางน้อยเป็นอย่างยิ่ง ใบหน้าครึ่งซีกมีเสน่ห์ชวนหลงใหล ความบริสุทธิ์และความเย้ายวนหลอมรวมกันเป็นเสน่ห์ที่ยากจะบรรยาย

นางยิ้มบาง คนบนกระจกก็ยิ้มบาง

นางเยาะหยันตัวเอง คนบนกระจกก็เยาะหยันตัวเองเช่นกัน

ชาติก่อนชาตินี้ นางเริ่มสับสนเสียแล้ว แต่นางยินดีเชื่อว่าชาติที่แล้วเป็นความฝันตื่นหนึ่ง หยุดยั้งความผิดพลาดเหล่านั้นเสียตั้งแต่ตอนที่มันยังไม่เกิดขึ้น

เมื่อมองรูปโฉมของตนเองอีกครั้ง พูดกันว่ารูปงามจะนำภัย ยามนี้นางก็คงเป็นภัยที่ใครต่อใครว่ากันกระมัง เป็นอนุภรรยาที่ใช้ความงามสร้างความสำราญให้ผู้อื่น

ผู้เป็นอนุภรรยาก็เป็นแค่ของเล่นเท่านั้นมิใช่หรือ?

ชาติก่อนนางปรารถนาเพียงออกเรือนให้องค์ชายห้าฉินมู่ ไม่หวังตำแหน่ง ต่อให้ได้อยู่ข้างกายเขาในฐานะอนุภรรยาคนหนึ่งก็ยินดี หากสุดท้าย พลีสิ้นทุกสิ่ง เข้าไปทำงานให้เขาในตำหนักบูรพา ได้รับการเคี่ยวกรำทรมานสารพัด ไม่ง่ายเลยกว่าจะได้รับความไว้วางใจเล็กน้อยจากฉินซือเหิง ใช้โอกาสนั้นมอบสุราพิษจอกหนึ่งให้เขา

ครั้นฉินซือเหิงตายไป ฉินมู่ที่เตรียมการทุกอย่างไว้แต่แรกก็ใช้โอกาสนั้นขึ้นครองบัลลังก์ ส่วนนางเล่า?

ยังนึกว่าในที่สุดนางก็จะได้อาศัยเรื่องนี้ร้องขอความจริงใจจากฉินมู่ นับแต่นั้นเคียงคู่กันตราบนานเท่านาน

ผลสุดท้าย?

เขาขุ่นเคืองที่ตนเองรู้เรื่องมากเกินไป เรียกร้องมากเกินไป จึงใช้สุราพิษส่งนางจากไปดุจเดียวกัน

ความจริงใจ? เหลวไหลทั้งเพ

บุรุษพวกนี้ ยามชอบเจ้าก็นอนกับเจ้าสักหลายวัน ไม่ชอบก็โยนทิ้งไปข้างๆ สุดท้ายผลลัพธ์ล้วนเหมือนกัน ความจริงใจของนางเหมือนเรื่องชวนขันอย่างไรอย่างนั้น หลังดื่มสุราพิษจอกนั้นตายไปในวังหลัง นางก็ได้สติชัดเจนแจ่มแจ้ง

ปรารถนาความรักหากไม่ได้มา นับแต่นี้นางก็จะไขว่คว้าเพียงอำนาจและตำแหน่ง รวมถึงแก้วแหวนเงินทองที่เปล่งประกายเจิดจ้าเหล่านั้น

มีเพียงของเหล่านี้จึงสามารถปกป้องนางได้

ในเมื่อเป็นเช่นนี้ ไยต้องสละน้ำบ่อนี้ไปพึ่งน้ำบ่อหน้า? เป็นคนโง่ที่ทำทุกอย่างเพื่อผู้อื่นด้วยความกระตือรือร้น จากนั้นก็สังเวยชีวิตไปอย่างนั้นหรือ?

ถ้าฉินซือเหิงไม่ตกหลุมพรางของนาง ฉินมู่อยากนั่งตำแหน่งนั้นเกรงว่าความหวังคงแสนจะริบหรี่

สิ่งที่นางอยากเห็นที่สุดในตอนนี้ก็คือฉินมู่พลาดตำแหน่งที่อยากได้นักหนา มีเพียงเช่นนี้จึงจะสามารถชดเชยความเจ็บปวดในชาติที่แล้วของนางได้บ้าง

บทที่เกี่ยวข้อง

  • โฉมสะคราญไร้ใจ   บทที่ 5

    นอกจากนี้ ฉินซือเหิงเทียบกับฉินมู่แล้ว แม้จะเย็นชาไปสักหน่อย แต่เป็นคนใจกว้าง รักษาคำพูด ถือว่าเป็นที่พึ่งที่ดีคนหนึ่งหลังแต่งตัวเรียบร้อย ใบหน้าประดับไว้ด้วยรอยยิ้มพอเหมาะพอเจาะ อวี๋เหลียงเยว่พาชิงหลิ่วไปยังเรือนที่คุ้นเคยหลังนั้นด้วยฝีเท้าเชื่องช้าตลอดทางที่เดินมา ทิวทัศน์ของที่นี่จดจำได้ขึ้นใจมาแต่แรก ชาติที่แล้วนางเคยมานับพันนับหมื่นครั้ง ทว่าสภาพจิตใจไม่เหมือนกัน นางในยามนี้ฝีเท้าเบาสบายขึ้นมากต่างจากการรอโอกาสอย่างเบื่อหน่ายในเรือนหลังของฉินซือเหิงในชาติก่อน ตอนนี้นางมีความหวังต่อชีวิตในอนาคตเป็นอย่างมากตลอดทางมานี้ สาวใช้และหญิงรับใช้เบื้องล่างทราบข่าวมาแต่แรก ต่างแสดงคารวะต่อนางด้วยท่าทางสุภาพการแสดงออกของอวี๋เหลียงเยว่ทั้งไม่เย่อหยิ่งและไม่ประหม่า ทำให้คนจำนวนไม่น้อยบังเกิดความรู้สึกที่ต่างออกไปต่ออนุภรรยาเพียงหนึ่งเดียวที่ไม่ได้มาจากตระกูลสูงศักดิ์อย่างนางจากหอชมจันทร์มาถึงที่พักของพระชายารัชทายาทต้องใช้เวลาราวครึ่งชั่วยาม ตอนนางมาถึง ทั้งเรือนยังคงเงียบสงัดสาวใช้ที่แต่งตัวค่อนข้างดีคนหนึ่งออกมายิ้มเอ่ยว่า “พระชายากำลังแต่งตัวอยู่เพคะ อวี๋เกิงอีเชิญตามสบายนะเพคะ

    ปรับปรุงล่าสุด : 2025-01-07
  • โฉมสะคราญไร้ใจ   บทที่ 6

    “พระชายาอย่าโทษที่บ่าวพูดมากเลยนะเพคะ แต่รูปโฉมของอวี๋ซื่อออกจะ...”หมิ่นซื่อเลิกคิ้วแย้มยิ้ม วางจอกชาในมือลง แววตาเต็มไปด้วยความไม่แยแส “ข้ารู้ว่าหมัวมัวต้องการจะพูดอะไร นางรูปโฉมงดงามก็สามารถใช้ความงามสร้างความสำราญให้ผู้อื่นได้พอดีเลยมิใช่หรือ นอกจากนี้ นางยังไม่ได้มาจากตระกูลใหญ่ สามารถเข้าตำหนักบูรพาที่ใหญ่โตนี้มาได้ก็ได้แต่อาศัยใบหน้านั้น อย่าว่ากระนั้นเลย สายตาของรัชทายาทช่างดีโดยแท้ เป็นคนงามที่เลอโฉมยิ่งนัก”สวี่หมัวมัวได้ยินแล้ว หัวคิ้วก็คลายออกจากกันไม่น้อย พยักหน้ายิ้มๆ “พระชายาพูดถูกเพคะ นับแต่โบราณมาแล้ว แต่งภรรยาเอกดูที่คุณธรรม รับอนุภรรยาดูที่ความงาม ไป๋ซื่อผู้นี้ยามปกติมักทำตัวโอหัง บัดนี้มีอวี๋ซื่อมาอีกคน สามารถข่มนางให้พระชายาได้พอดี หากสามารถแย่งชิงความโปรดปรานจากนางมาได้บ้าง วันหน้าดูซิว่านางยังจะทำอันใดได้”หมิ่นซื่อได้ยินแล้วก็มิได้ตอบรับหรือปฏิเสธ ทว่าในแววตาแฝงความเยาะหยันไว้รางๆ “ไป๋ซื่อโง่เขลาเบาปัญญา ยังนึกว่ารัชทายาทรักนางด้วยความจริงใจ ก็แค่เพราะรัชทายาทต้องแยกจากแม่แท้ๆ สมัยยังเด็ก เด็กที่ไม่มีแม่ พบเรื่องน้อยเนื้อต่ำใจอย่างไรก็ต้องกล้ำกลืนลงไป ดังนั้น

    ปรับปรุงล่าสุด : 2025-01-07
  • โฉมสะคราญไร้ใจ   บทที่ 7

    ชิวเฉิงฮุยเพิ่งเข้าไปภายในตำหนักจื่อเวย เท้าเหยียบลงบนพรมเปอร์เซียล้ำค่าผืนนั้น ครั้นเงยหน้าขึ้นก็แลเห็นภาพหญิงงามเช่นนี้เองไป๋เหลียงตี้นอนเอนร่างอยู่บนตั่งกุ้ยเฟย ชายอาภรณ์วาดเค้าโครงเรือนร่างอวบอิ่มอรชร ใต้อาภรณ์เผยให้เห็นประกายเรื่อเรืองที่ผิวขาวผ่องสะท้อนออกมารำไร ใบหน้าดวงน้อยขนาดเท่าฝ่ามือ ไม่ว่าดวงตาหงส์เรียวยาวมีเสน่ห์คู่นั้นจะแสดงออกเช่นไรล้วนประกอบด้วยความเย้ายวนอย่างหาที่เปรียบมิได้สาวใช้เยาว์วัยคนหนึ่งคุกเข่าอยู่ข้างๆ ตั่งกุ้ยเฟย กำลังพันแขนเสื้อขึ้นนวดขาให้นาง คล้ายกับได้ยินว่ามีคนมา ไป๋เหลียงตี้จึงปรือตาขึ้นอย่างเชื่องช้า ต่อจากนั้นก็เตะสาวใช้เยาว์วัยผู้นั้นเบาๆ “พอแล้ว”สาวใช้ตัวน้อยขานรับอย่างว่าง่ายแล้วเดินไปอยู่ข้างๆ“หม่อมฉันมาตอนนี้ รบกวนการพักผ่อนของเหลียงตี้หรือไม่เพคะ”“มีเรื่องอันใดก็ว่ามา อย่ามาอ้อมค้อมกับข้า” นางพูดพลางหยัดร่างขึ้นนั่งแล้วบิดเอวอย่างเกียจคร้าน ความขาวผ่องอวบอิ่มบริเวณทรวงอกยิ่งนูนเด่นกว่าเดิม พาให้ชิวเฉิงฮุยอิจฉายิ่งนักนางเก็บงำสายตาอย่างรวดเร็ว ระหว่างที่ดวงตาทอประกายวูบวาบก็ก้มหน้าเอ่ยว่า “เหลียงตี้วันนี้ท่านไม่ได้ไปจึงไม่ได้เห็นคนใ

    ปรับปรุงล่าสุด : 2025-01-07
  • โฉมสะคราญไร้ใจ   บทที่ 8

    ฉินซือเหิงกำลังครุ่นคิด อวี๋เหลียงเยว่คารวะเสร็จไม่ได้ยินเสียงบอกให้ลุกขึ้นก็รักษาท่วงท่าคารวะเอาไว้อย่างดื้อดึง โงนเงนอยู่หลายครั้ง ราวกับว่าอึดใจถัดไปก็จะล้มลงไปบนพื้นจ้าวเฉียนมองดูจากเบื้องหลังเช่นนี้ อยากส่งเสียงเตือนอยู่หลายครั้ง แต่ทันใดนั้น ฉินซือเหิงก็ตอบสนองแล้วเขายกมือขึ้นมาประคองแขนอวี๋เหลียงเยว่ทำให้นางไม่ถึงกับล้มลง แล้วถอนหายใจ “ข้าไม่บอกให้ลุกขึ้น เจ้าก็คิดจะยืนต่อไปใช่หรือไม่”อวี๋เหลียงเยว่ก้มหน้า เผยเพียงศีรษะให้เขาดูคนทั้งสองยืนอยู่หน้าประตู ลมราตรีพัดมา กลิ่นหอมกรุ่นก็โชยมา ฉินซือเหิงกวาดสายตามองไปรอบๆ โดยสัญชาตญาณแล้วก็เห็นดอกไม้บริเวณหน้าประตูเขามุ่นคิ้ว “ดอกไม้นี้คุ้นตาทีเดียว”จ้าวเฉียนก้าวสั้นๆ มาข้างหน้า อธิบายว่า “รัชทายาท ดอกไม้นี้เรียกว่าอวี๋เหม่ยเหรินพ่ะย่ะค่ะ”“อ้อ? มีความหมายแฝงอันใดหรือไม่”จ้าวเฉียนถูกถามจนอึ้งไป ทันใดนั้นก็ไม่รู้ว่าควรออกปากอย่างไรดี“รัชทายาท ดอกไม้นี้ไป๋เหลียงตี้ส่งมาแสดงความยินดีที่หม่อมฉันได้รับตำแหน่งเพคะ หม่อมฉันชอบยิ่งนัก” อวี๋เหลียงเยว่รีบเอ่ยปาก กล่าวพลางคล้องแขนฉินซือเหิงเบาๆ ครู่ต่อมา เหมือนจะรู้ว่าไม่เหมาะสมจึ

    ปรับปรุงล่าสุด : 2025-01-07
  • โฉมสะคราญไร้ใจ   บทที่ 9

    วันรุ่งขึ้น ภายในตำหนักบูรพามีคนวิพากษ์วิจารณ์ไม่ขาดสายพอตื่นขึ้นมาครานี้ ตำหนักบูรพาเกิดความเปลี่ยนแปลงขึ้นเสียแล้วรัชทายาทเลื่อนตำแหน่งให้อวี๋หรูเหรินเป็นอวี๋เจาซวิ่น ยังไม่พูดถึงว่านางเพิ่งได้รับตำแหน่งไม่นาน ควรทราบว่าระหว่างหรูเหรินและเจาซวิ่นยังมีเฟิ่งอี๋ รัชทายาทกลับข้ามขั้นผ่านไปอย่างง่ายดายทั้งอย่างนี้เห็นได้ชัดว่า อวี๋ซื่อผู้นี้มิอาจดูเบาข้ารับใช้ที่ปรนนิบัติเก็บความดูแคลนและความดูดายกลับไป ยามเช้าชิงหลิ่วไปรับอาหารเช้า บรรดาสาวใช้และขันทีที่พบนางล้วนแต่ต้อนรับด้วยสีหน้ายิ้มแย้ม นางเปิดฝาออกดูสีสันอาหารในนั้น มุมปากก็วาดขึ้นเป็นวงโค้งแห่งความยินดีต่อจากนั้น รางวัลก็หลั่งไหลเข้ามาในหอชมจันทร์ดุจสายน้ำรัชทายาทแสดงออกชัดว่าจะโปรดปรานอวี๋เจาซวิ่นชิวเฉิงฮุยกำลังรับประทานมื้อเช้า ได้ยินข่าวแล้วก็กินอะไรไม่ลง เบิกตาโตจ้องมองสาวใช้ของตนเอง “รัชทายาทได้พูดถึงเรื่องดอกไม้พวกนั้นหรือไม่?”สาวใช้ส่ายหน้าเบาๆ “ไม่เพคะ”ชิวเฉิงฮุยพลันวางใจ จากนั้นก็เริ่มโมโหขึ้นมา ฝีมือเล็กน้อยของตนเองไม่เพียงไม่สร้างความเจ็บปวดให้คนชั้นต่ำนั่นแม้แต่น้อย รัชทายาทยังโปรดปรานนางถึงเพียงนี้ห

    ปรับปรุงล่าสุด : 2025-01-07
  • โฉมสะคราญไร้ใจ   บทที่ 10

    คิดได้เช่นนั้น ไป๋ซื่อก็แย้มยิ้มหยิบผ้าเช็ดหน้าขึ้นมาปิดปากหัวเราะเบาๆ แต่ในไม่ช้าก็หัวเราะไม่ออกแล้วพระชายารัชทายาทอมยิ้มตั้งแต่ต้นจนจบ กระทั่งถามเรื่องสัพเพเหระกับฝ่ายตรงข้ามอย่างสนิทสนมอวี๋เหลียงเยว่มีท่าทางเคารพระคนตื่นเต้นยินดี ตอบคำถามพระชายารัชทายาทอย่างระมัดระวัง คนทั้งสองโต้ตอบกันไปมา ถึงขั้นมีทีท่าว่าจะคุยกันถูกคออีกด้วยรอยยิ้มของไป๋ซื่อสลายไปโดยสิ้นเชิง เห็นสีหน้ายิ้มแย้มของคนทั้งสองแล้วในใจก็บังเกิดความอึดอัดคับข้องขึ้นมาน่าเบื่อจริงๆ พระชายารัชทายาทนางเฒ่าผู้นี้ คิดว่าคงต้องการดึงอวี๋ซื่อไปเป็นพวก แต่น่าเสียดายสตรีที่ฐานะต่ำต้อยคนหนึ่ง ดึงมาเป็นพวกแล้วมีประโยชน์อันใดเล่าคุยกับอวี๋เหลียงเยว่เสร็จ พระชายารัชทายาทก็หันมาถามไป๋ซื่อ “สุขภาพเจ้าดีขึ้นหรือยัง ก่อนหน้านี้ได้ยินคนพูดว่าสุขภาพเจ้าไม่ดีมาตลอดจึงไม่อาจมาคารวะเช้า ยามนี้หงอวิ๋นอายุเพียงหนึ่งขวบ เป็นวัยกำลังซนพอดี ถ้าเจ้าลำบากเกินไปก็มมิสู้ดูแลสุขภาพตัวเองให้ดี ข้าสามารถดูแลหงอวิ๋นแทนเจ้าได้สักหลายวัน...”“ไม่ต้อง!” นางพูดจบค่อยตระหนักว่าน้ำเสียงตนเองแหลมสูงจึงปรับน้ำเสียงให้อ่อนโยนลงหลายส่วน “ขอบพระทัยพระช

    ปรับปรุงล่าสุด : 2025-01-07
  • โฉมสะคราญไร้ใจ   บทที่ 11

    เหมือนกับชาติก่อน เพื่อให้มั่นใจว่าฉินมู่จะสามารถจับตาดูทุกการกระทำของนางในตำหนักบูรพาได้ รับประกันว่านางจะฟังคำสั่งและปฏิบัติตาม บางครั้งยังมาทรมานนาง เพราะอวี๋เหลียงเยว่ไม่สามารถทำให้ฉินซือเหิงพึงพอใจได้กลางดึกลอบเข้าห้องชั้นในเพื่อกล่าวเตือนล้วนเป็นเพียงอาหารเรียกน้ำย่อย บางครั้งโหดเหี้ยมถึงขั้นใช้เข็มแทงเข้าที่ปลายนิ้วของนาง ตำแหน่งนั้นถูกคนพบเห็นได้ยาก อีกทั้งยังสามารถทำให้ผู้ถูกกระทำเจ็บปวดเกินทนเถิงว่านเกลียดนางอย่างแท้จริง อีกทั้งยังรักฉินมู่มาก วันเวลาเหล่านั้นยามอยู่ในจวนฉินมู่ ยามนางและฉินมู่ลอบพบกันเป็นการส่วนตัว ได้เห็นสายตาเปี่ยมรักของเถิงว่านยามสบมองฉินมู่มิใช่เพียงแค่ครั้งเดียว กลับเผยด้านอำมหิตต่อหน้านาง น่าเสียดาย ฉินมู่ไม่เคยมอบความรักให้ผู้ใด เว้นเสียแต่ใช้ประโยชน์เท่านั้นผ่านไปอีกครู่หนึ่ง ภายในห้องเงียบงันลงเงาดำคลายมือออก เงาร่างสายหนึ่งที่ถูกรัดไว้นั้นสูญเสียการทรงตัวในที่สุด หันหน้าเข้าหาพื้นล้มลงอย่างกะทันหัน ปังเสียงกระแทกพื้นดังขึ้น หมดลมหายใจไปตั้งนานแล้วนางไม่รีบร้อนไม่ร่ำไรก้าวเท้าเข้ามาหยุดข้างกายเถิงว่าน หยิบเข็มเงินบนพื้นมาดูแวบหนึ่ง ถอนหายใจ

    ปรับปรุงล่าสุด : 2025-01-07
  • โฉมสะคราญไร้ใจ   บทที่ 12

    ใคร่ครวญภายในใจว่าตกลงเกิดเรื่องใดขึ้นกันแน่ ตำหนักบูรพานี้ต่อสู้กันไม่หยุด วันนี้ไม่ใช่นางทำให้นางลำบาก ก็คือถูกคนใช้ประโยชน์“พระชายารัชทายาทเพคะ ภายในบ่อน้ำลานส่วนหลังพบคนตาย...ยิ่งไปกว่านั้น ไป๋เหลียงตี้ตกใจจนหมดสติไป หมอหลวงเดินทางมาแล้ว...พูดว่านางตั้งครรภ์ได้หนึ่งเดือน เดิมทีครรภ์ยังไม่แข็งแรง ตกใจหนักถึงเพียงนี้เกือบรักษาเด็กไว้ไม่ได้ บัดนี้ทางฝั่งนั้นกำลังตกอยู่ในความชุลมุนวุ่นวายเพคะ...”สาวใช้คาดเดาแล้วพูดออกมาคนตาย นั่นคือเรื่องใหญ่ต่อสู้กันก็ช่างเถอะ หากเกี่ยวข้องกับการฆาตรกรรม นี่ก็จัดการยากแล้ว...“คนตายเป็นใคร”“นางกำนัลคนหนึ่งชื่อว่าเถิงว่านเพคะ”ภายในหอหยกหิมะ ประตูมีคนผ่านไปมาไม่ขาดสายไป๋เหลียงตี้นอนบนตั่งเตียงสีหน้าเผือดซีด จับผ้าห่มนุ่มบนตั่งเตียงเอาไว้แน่น ภายในสมองเต็มไปด้วยภาพศพหญิงบวมอืดในบ่อน้ำใบหน้าสีม่วงคล้ำเผือดซีดบวมเปล่งจนมองเห็นหน้าได้ไม่ชัด ผมดำสยายอยู่ภายในบ่อน้ำ ไฉนเลยนางจะเคยเห็นภาพน่ากลัวเช่นนี้“แหวะ...”“เหลียงตี้ เหลียงตี้ ท่านอย่าทำให้บ่าวตกใจเลยเพคะ” ซู่จิ่นตบหลังของนาง ภายในสายตาสะท้อนความร้อนใจอย่างสุดระงับไป๋ซื่อเงยหน้าขึ้นอ

    ปรับปรุงล่าสุด : 2025-01-07

บทล่าสุด

  • โฉมสะคราญไร้ใจ   บทที่ 40

    “หม่อมฉันทราบแล้วเพคะ” ชิงหลิ่วตอบกลับ จากนั้นสิ่งที่ตอบรับนางก็คือเสียงลมหายใจของอวี๋เหลียงเยว่ที่หลับไหลไปแล้ว......สถานที่ที่มีสตรีมากมาย เรื่องราวก็ยิ่งมาก ฉากหน้าเป็นพี่น้องที่แสนดี ทุกคนล้วนให้ความเกรงใจกัน สนิมสนมกลมเกลียวกันมากแต่เบื้องหลังกลับแทบอยากจะฉีกหน้าอีกฝ่ายจนเละ ดึงทึ้งเครื่องประดับบนศีรษะของอีกฝ่ายให้แตกเป็นเสี่ยง ๆ เรื่องราวต่อหน้าและลับหลังเกิดขึ้นในมุมมากมาย......“ได้ข่าวแล้วหรือยัง เหตุใดถึงเกิดเรื่องเช่นนี้ขึ้นได้!” ฉินมู่นั่งอยู่ข้างโต๊ะ จมอยู่ท่ามกลางเงาดำมืด แค่เสียงก็ทำให้คนรู้สึกกลัวจนตัวสั่นสะท้านที่ปรึกษาที่กำลังคุกเข่าอยู่ตัวสั่นระริก หยาดเหงื่อเม็ดใหญ่หยดลงพื้น “กระหม่อมสืบมาแล้ว ถึงได้ข่าวว่าคนผู้นั้น...มีความสัมพันธ์ย่ำแย่กับภรรยาที่บ้านมานานแล้ว ถึงขนาดที่พูดได้ว่า...จงเกลียดจงชัง ดังนั้นเมื่อเราเอาภรรยาของเขามาบีบบังคับ เขาจึงแกล้งรับปาก แต่ความจริงแล้วกลับสืบหาจุดมุ่งหมายและดูลาดเลาของพวกเรา สุดท้ายก็ตลบหลัง ไม่ทำตามที่เราสั่งพ่ะย่ะค่ะ...”นับตั้งแต่ที่ฉินมู่ได้รับข่าวจากทางอวี๋เหลียวเยว่เมื่อครั้งก่อน เขาก็ดำเนินการอย่างรวดเร็วเข

  • โฉมสะคราญไร้ใจ   บทที่ 39

    “อวี๋เจาซวิ่น” “น้อมคารวะฉือเฉิงฮุยเพคะ” อวี๋เหลียงเยว่ยิ้มพลางคารวะฉือชิวเยียนรีบส่งสัญญาณให้สาวใช้ไปประคองด้วยความเกรงใจมาก ก่อนจะรีบกล่าวว่า “ข้าไม่ถือเรื่องพวกนี้ ข้าเพิ่งเข้าตำหนักบูรพา ยังมีเรื่องมากมายที่ไม่เข้าใจ วันหน้ายังต้องรบกวนให้อวี๋เจาซวิ่นช่วยดูแลอีกมาก” อวี๋เหลียงเยว่ไม่เปลี่ยนสีหน้า “ฉือเฉิงฮุยกล่าวอันใดกันเพคะ ตำแหน่งของท่านสูงกว่าหม่อมฉัน ชาติตระกูลก็ดี วันหน้าจะต้องก้าวขึ้นตำแหน่งสูงอย่างรวดเร็วแน่นอนเพคะ”นี่เป็นการปฏิเสธคำขอของนางอย่างสุภาพฉือชิวเยียนหน้าทะมึนลง แต่ไม่นานก็กลับมาเป็นปกติอีกครั้ง “เจ้าไม่จำเป็นต้องถ่อมตัวไป พอข้ามาถึงก็ได้ยินว่าเจ้าเข้ามาที่ตำหนักบูรพาก็ได้รับความโปรดปรานจากองค์รัชทายาทมาก ไฉนจะเหมือนกับพวกเราที่ได้ร่วมราตรีเพียงครั้งเดียวก็ไม่มีโอกาสได้พบองค์รัชทายาทอีก” ฉือซื่อพูดพลางทำหน้าหม่นหมองเล็กน้อย“องค์รัชทายาทจะพบใครหรือไม่พบใคร หม่อมฉันก็ไม่สามารถช่วยเรื่องนี้ได้เช่นกัน พี่ฉือเพคะ ตอนนี้หม่อมฉันรู้สึกง่วงเล็กน้อย ขอกลับเรือนก่อนนะเพคะ” อวี๋เหลียงเยว่กล่าวจบก็เดินจากไป ไม่ให้โอกาสฉือชิวเยียนได้พูดคุยต่อเลยคนหน้าเนื้อใจเส

  • โฉมสะคราญไร้ใจ   บทที่ 38

    เมื่อสูญเสียบุตรไปแล้ว ฉินซือเหิงได้รับข่าวก็รีบไปที่หอหยกหิมะ เมื่อเผชิญหน้ากับเขา ไป๋ซื่อก็ร้องห่มร้องไห้ด้วยความเสียใจอีกครั้งราวกับดอกสาลี่ต้องหยาดฝน ช่างน่าสะเทือนใจ ถึงอย่างไรก็เป็นสตรีที่ตอนเคยโปรดปรานมาก่อน เมื่อเห็นนางเสียใจถึงเพียงนี้ เขาเองก็เศร้าใจกับกาสูญเสียบุตรไปเช่นกัน จึงปลอบใจดี ๆ อยู่นาน อีกทั้งยังพำนักอยู่ในเรือนของนางหลายวันต่อมา ไป๋ซื่อรั้งองค์รัชทายาทให้พำนักอยู่ในเรือนของนางทุกคืน หอหยกหิมะที่ก่อนหน้านี้ยังไร้ชีวิตชีวา ไม่นานก็คึกคักขึ้นมาอีกครั้งภายในหอดุจจันทร์ พระชายารัชทายาทลูบสร้อยประคำในมือโดยที่ไม่ได้รู้สึกแย่อะไร วันนี้ตำแหน่งด้านขวาล่างว่างเปล่าอีกครั้งคนอื่น ๆ มากันครบแล้วใบหน้าของนางดูไม่ออกถึงความรู้สึกใด ๆ อวี๋เหลียงเยว่เริ่มสังเกตสองคนที่มาใหม่อย่างละเอียดอีกครั้ง คนหนึ่งแซ่อวี้ มีนามว่าอวี้หานเซียง ชื่อช่างเหมาะสมกับตัวคน เล่ากันว่าเมื่อเกิดมาก็มีกลิ่นหอมอ่อน ๆ ติดกาย รูปโฉมงดงามแต่ไม่ได้เย้ายวน ตรงกันข้ามใบหน้ากลับให้ความรู้สึกเย็นชานับตั้งแต่ที่เข้ามาในหอดุจจันทร์ อวี๋เหลียงเยวก็สังเกตเห็นว่านางนั่งอยู่ตรงนั้นด้วยท่าทางเชิดคางมองตร

  • โฉมสะคราญไร้ใจ   บทที่ 37

    ฮวาต้วนก็มองอย่างตะลึงงัน แต่บทเรียนจากหลายครั้งที่ผ่านมาทำให้นางใจเย็นลงอย่างรวดเร็ว รีบตัดสินใจส่งน้ำแก้วหนึ่งไปที่ริมฝีปากของไป๋ซื่อ “เหลียงตี้เพคะ ท่านรีบดื่มน้ำเถิดเพคะ! อาจจะดีขึ้นบ้าง! ยังต้องใช้เวลาสักพักกว่าหมอหลวงจะมาถึง ท่านไม่ได้เสวยอะไรมาทั้งวัน เวลานี้ก็ไม่มีแรงแล้วด้วย”ไป๋ซื่อกำลังคิดจะบันดาลโทสะ เมื่อได้ยินคำพูดของนางก็รู้สึกว่ามีเหตุผลมาก จึงรับไปดื่มรวดเดียวจนหมดหลังจากดื่มหมดก็เป็นการรอคอนที่แสนยาวนานเวลานี้นางรู้สึกนึกเสียใจอย่างสุดซึ้ง หมอหลวงกำชับอย่างเด็ดขาดแล้วว่าให้นางพักผ่อนให้ดี อย่าได้มีอารมณ์รุนแรงแต่ว่าตอนนี้นึกเสียใจก็ไม่มีประโยชน์แล้ว เนื่องจากไม่นานก็มีดอกไม้โลหิตสีสันสดใสเบ่งบานเป็นดวงใหญ่ที่ใต้ชายกระโปรง ย้อมจนเป็นสีแดงผืนใหญ่ เมื่อฮวาต้วนเห็นสีแดงนั้นในดวงตาก็เหมือนกับเห็นกระบี่ที่แย่งชิงชีวิตก็ไม่ปาน ทำให้นางกรีดร้องด้วยความตกใจ!“ใครก็ได้ แย่แล้ว! ใครก็ได้รีบมาที เหลียงตี้แย่แล้ว!” นางเหมือนกับเป็นบ้าไม่สนใจภาพลักษณ์ ปิ่นมุกบนศีรษะก็หลุดรุ่ย ก่อนจะกรีดร้องตะโกนเสียงดังตรงหน้าประตูไม่นานข้ารับใช้ด้านล่างก็รีบกรูกันเข้ามา บ้างก็ไปตามหมอห

  • โฉมสะคราญไร้ใจ   บทที่ 36

    “พ่ะย่ะค่ะองค์รัชทายาท กระหม่อมทราบแล้ว” จ้าวเฉียนเดินตามหลัง ข่มกลั้นความตกตะลึงในใจ บังคับตัวเองไม่ให้หันห้าไปมองอวี๋ซื่อ องค์รัชทายาทไม่เคยลุ่มหลงในความงดงามของอิสตรี ยิ่งไม่ต้องพูดถึงการเอาใจใส่สตรีนางหนึ่ง อวี๋เจาซวิ่นเพิ่งร่วมราตรีได้ไม่นาน ก็ได้รับความโปรดปรานจากองค์รัชทายาทถึงเพียงนี้ ทำให้เขาตกใจจริง ๆ...แต่ก็เห็นได้ถึง ความเฉียบแหลมของอวี๋เจาซวิ่น“หยกสมปรารถนาชิ้นนั้นเป็นของที่อดีตฮ่องเต้ทรงทิ้งไว้ พระราชทานให้กับฮ่องเต้องค์ปัจจุบัน และฝ่าบาทได้พระราชทานให้องค์รัชทายาท บัดนี้องค์รัชทยาททรงมอบให้อวี๋เจาซวิ่น ช่างเป็นการเอาใจใส่เกินไปหน่อยจริงๆ” พระชายารัชทายาทหยุดพลิกดูสมุดบัญชีในมือ แล้วทำสีหน้าใคร่ครวญออกมาพระชายารัชทายาทชอบดูชอบฟังเกี่ยวกับเรื่องนี้ ความอวดดีไร้เหตุผลของไป๋ซื่อ ประการแรกเป็นเพราะกำลังสนับสนุนจากตระกูลมารดาของนาง ประการที่สองเป็นเพราะความโปรดปรานจากองค์รัชทายาท อีกทั้งยังให้กำเนิดพระนัดดารัชทายาทเพียงหนึ่งเดียวแต่อวี๋ซื่อผู้นี้ ไม่ว่าจะเป็นตระกูลหรือว่าสิ่งอื่นใดล้วนห่างชั้นจากไป๋ซื่อมากนัก แต่เมื่อเห็นเหตุการณ์ที่ผ่านมานี้ รู้สึกได้ราง ๆ ว่านางยัง

  • โฉมสะคราญไร้ใจ   บทที่ 35

    เขายื่นมือไปโอบเอวบางของอวี๋เหลียงเยว่ ให้นางนั่งตักของเขาแล้วหัวเราะเบา ๆ ว่า “เจ้ามาอยู่ตำหนักบูรพาได้นานพอสมควรแล้ว ได้ยินว่าเจ้าให้ความเคารพต่อพระชายารัชทายาทมาก” ได้รับความโปรดปรานแต่ไม่เย่อหยิ่ง ถือเป็นข้อดีอย่างหนึ่งยามค่ำคืนอวี๋เหลียงเยว่ก็ถอดปิ่นมุกมากมายบนศีรษะออกเช่นกัน เส้มผมสีดำสยายอยู่ด้านหลังศีรษะ มีหลายเส้นตกลงมาบนไหปลาร้าของนางอย่างซุกซน ทำให้ฉินซือเหิงอดมองนานขึ้นไม่ได้ “พระชายาทรงมีเมตตาต่อหม่อมฉันมากมาตลอด หม่อมฉันย่อมเคารพนางเป็นธรรมดาเพคะ”นางกล่าวด้วยใบหน้าไร้เดียงสา จากนั้นก็ยื่นแขนขาวนวลไปโอบคอของรัชทายาทอย่างกล้าหาญมากอีกครั้ง ท่าทางดูพึ่งพิงมาก ทำให้ฉินซือเหิงรู้สึกสบายใจมากเขายกมือขึ้นมาลูบดวงหน้าเล็กนุ่มละมุนของนาง “เจ้ารู้ความ เราย่อมโปรดปรานเจ้ามากยิ่งขึ้น” อวี๋เหลียงเยว่ฟังแล้วก็ปล่อยผ่านไป ไม่ได้เก็บมาใส่ใจแม้แต่น้อย หากชอบเจ้า เจ้าก็จะเป็นของล้ำค่าในดวงใจ ไม่ว่าทำสิ่งใดล้วนดีไปหมด หากชิงชังเจ้า เกรงว่าเจ้าไม่อาจเทียบได้แม้กระทั่งฝุ่นบนพื้น ฝุ่นยังมีคนปัดกวาด ชาติที่แล้วนางไม่ได้รับความโปรดปราน ทำได้เพียงปล่อยให้คนเหยียบย่ำ อวี๋เหลียงเย

  • โฉมสะคราญไร้ใจ   บทที่ 34

    หลังจากนี้ต่อให้จับได้ พอถึงตอนนั้นก็สายไปแล้วลองถามดูเถิด ใครเล่าจะเชื่อคำพูดของนักโทษคนหนึ่ง? คำพูดเพ้อเจ้อของนักโทษ หากเชื่อขึ้นมา ตนเองก็คงเป็นคนบ้าเหมือนกันไม่ใช่หรือ? นางหัวเราะเบา ๆ แล้วไม่อธิบายอะไรอีก ก่อนจะแกว่งเท้าเล็ก ๆ ดื่มเครื่องดื่มเย็น ๆ ในชามจนหมดในอึกเดียว จากนั้นก็เงยหน้าเผยให้เห็นความจริงใจเล็กน้อย “ชิงหลิ่วคนดี อีกประเดี๋ยวเจ้านี่ก็หมดแล้ว ไม่สู้...เจ้าช่วยไปที่ห้องเครื่องเอามาให้ข้าอีกสักชามเถิด” นางกล่าวพลางทำทางไร้เดียงสา ชิงหลิ่ว “นายหญิงเพคะ ส่วนของท่านมีแค่ชามเดียว หมดแล้วเพคะ”อวี๋เหลียงเยว่ไม่หลงกล ขณะที่กำลังเตรียมตัวอ้อนวอนต่อ สายตามองไปเห็นเงาดำด้านนอกประตู จึงเปลี่ยนน้ำเสียงในพริบตาว่า “บัดนี้องค์รัชทายาททรงโปรดปรานข้า ข้าขอเครื่องดื่มเย็น ๆ เพิ่มอีกชามคงไม่เป็นไรหรอก! องค์รัชทายาททรงมีความสามารถถึงเพียงนี้ ยังจะถูกข้ากินจนหมดตัวได้อีกหรือ!” “พูดได้ดี เราต้องพยายามเสียแล้ว เพื่อไม่ให้เราโดนเจ้ากินจนหมดตัว”ฉินซือเหิงสาวเท้าเดินเข้ามาอย่างฉับไว ใบหน้ามีรอยยิ้มบาง ๆ แค่เห็นก็รู้ว่าอารมณ์ดีมากปลาติดเบ็ดแล้ว ได้มาอย่างไม่เปลืองแรงเลยแต่สิ่ง

  • โฉมสะคราญไร้ใจ   บทที่ 33

    ข่าวที่ชิงหลิ่วส่งออกไปถูกส่งต่อไปถึงมือของฉินมู่ เขามองชื่อที่เขียนบนกระดาษจดหมายแล้วขมวดคิ้วกล่าวว่า “สืบประวัติคนผู้นี้แล้วหรือยัง”ที่ปรึกษาใต้บังคับบัญชาพยักหน้า เอ่ยเสียงเบาว่า “กระหม่อมไปสืบแล้วพ่ะย่ะค่ะ เรื่องนี้อยู่ในความรับผิดชอบขององค์รัชทายาทมาโดยตลอดจริง ๆ หากเขาอยู่ในกองขนส่งเสบียง กระหม่อมคิดว่าข่าวนี้เป็นความจริงพ่ะย่ะค่ะ” ฉินมู่ผงกศีรษะ แนวกรามที่เรียบคมเผยให้เห็นความเย็นชาอำมหิต เขานั่งอยู่บนเก้าอี้อย่างเกียจคร้าน แสงไฟภายในห้องสลัว ครู่ต่อมาเขาจึงถามอีกว่า “แม่นางอวี๋ในตำหนักบูรพาสบายดีหรือไม่” ที่ปรึกษามองเขาอย่างยากจะสังเกตเห็นแวบหนึ่ง ก่อนจะก้มหน้ากล่าวออกมาว่า “สบายดีไปหมดทุกอย่างพ่ะย่ะค่ะ” เมื่อได้ยินคำนี้ แววตาของเขาก็ทะมึนลง จากนั้นก็คลี่ยิ้มหยันออกมา “ดี” ไม่มีใครเห็นว่าบนโต๊ะของเขามีภาพวาดภาพหนึ่ง สตรีบนภาพเลอโฉมเฉิดฉัน ดวงหน้างดงามดุจดังเทพเยนในภาพวาด นัยน์ตาดูเฉลียวฉลาด หางตาและคิ้วมีเสน่ห์เย้ายวนใจราวกับพรายน้ำเขายกมือขึ้นมา นิ้วที่มีข้อต่อชัดเจนลูบไล้แก้มของสตรีในภาพวาด ผ่านไปสักพักก็มีเสียงแผ่วเบาดังมาจากในห้องที่มืดสลัวว่า “เจ้าเป็นของข้า...

  • โฉมสะคราญไร้ใจ   บทที่ 32

    ชิงหลิ่วไม่รู้ว่าเหตุใดจึงถามเช่นนี้ จึงทำได้เพียงพยายามเอ่ยอย่างคลุมเครือให้มากที่สุด ยิ่งเอ่ยมากก็ยิ่งผิดมากฉินซือเหิงเข้าใจกระจ่างแจ้งแล้ว หนึ่งเดือนมานี้มีคนใหม่เข้ามาในตำหนักบูรพา อวี๋เหลียงเยว่จึงอยากพึ่งพิงเขามากขึ้นเล็กน้อย...คิดว่าคงไม่สบายใจ ทว่าเมื่อเกิดการคาดเดาเช่นนี้ขึ้นมา ในใจของเขาก็เกิดความรู้สึกที่ยากจะอธิบายให้ชัดเจนขึ้นมาเล็กน้อยความรู้สึกนี้ดำเนินต่อไปจนกระทั่งเขาเข้าเฝ้าที่ท้องพระโรงถึงค่อย ๆ จางหายไป...... หลังจากเข้าเฝ้าเสร็จสิ้นแล้วกลับมาที่ตำหนักบูรพา จ้าวเฉียนก็มาช่วยเขาเปลี่ยนเป็นสวมชุดฉางฝู ยังไม่ทันนั่งลง สาวใช้ด้านนอกก็มาแจ้งว่าไป๋เหลียงตี้อาเจียนไม่หยุด ขอให้องค์รัชทายาทไปดูความหมายในคำพูดนี้มีไม่น้อยเลยจริง ๆ อาเจียนสินะ เมื่อคำนวณดูแล้วไป๋เหลียงตี้เพิ่งจะตั้งครรภ์นี้ได้แค่หนึ่งเดือน น่าจะยังไม่ถึงช่วงเวลานี้ อีกอย่างการที่สตรีมีครรภ์อาเจียน ปกติแล้วเป็นเพราะว่าได้กลิ่นอะไรบางอย่าง หรือว่ากินอะไรบางอย่าง ไม่ว่าเป็นเพราะอะไร คิดว่าไป๋เหลียงตี้คงจะสร้างเรื่องอีกแล้ว จ้าวเฉียนคิดเช่นนี้ ฉินซือเหิงลูบสร้อยประคำมันเงาบนมือแล้วสั่งการว่า “ไปเช

DMCA.com Protection Status