Share

บทที่ 3

Author: ฮุยสี่เชว่
last update Last Updated: 2025-01-07 13:23:20
ชิงหลิ่วที่อยู่ข้างๆ กระตุกแขนเสื้ออวี๋เหลียงเยว่เบาๆ พลางมองความเงียบสงัดรอบด้านแล้วหดตัวเล็กน้อย “คุณหนู จู่ๆ มาสถานที่เปลี่ยวๆ แบบนี้กลางดึกกลางดื่นทำไมเจ้าคะ พวกเรารีบกลับกันเถอะเจ้าค่ะ”

อวี๋เหลียงเยว่ปรายตามองนางพลางยิ้มบาง “ไม่ต้องร้อนใจ อีกไม่นานก็กลับแล้ว ถ้าเรื่องนี้สำเร็จ วันเวลาดีๆ ของคุณหนูของเจ้ากำลังจะมาถึงแล้วละ...”

นางเอ่ยประโยคสุดท้ายด้วยน้ำเสียงเบายิ่ง ชิงหลิ่วได้ยินไม่ชัดนัก แต่นางก็ไม่ได้ถามต่อ

แอ๊ด

หลังจากนั้นมีเสียงเปิดประตูทึบๆ ดังขึ้น ห้องที่ห่างไกลห้องหนึ่งถูกเปิดออก ฝุ่นที่ปะทะเข้ามาหาทำให้สองนายบ่าวไอโขลกไม่หยุด

“ปัดกวาดสักหน่อยเถอะ ข้าจะไหว้แม่ข้าที่นี่”

ชิงหลิ่วเผยอปากอย่างประหลาดใจ “คุณหนู กราบไหว้ตามอำเภอใจในวัง ถ้าถูกจับได้จะต้องถูกลงโทษนะเจ้าคะ...”

“เจ้าวางใจเถอะ”

สีหน้าสงบหนักแน่นของอวี๋เหลียงเยว่ทำให้ชิงหลิ่วใจกล้าขึ้นมาบ้าง นางก้าวเข้าไปปัดฝุ่นบนเบาะกลมอย่างรวดเร็ว แล้วปัดกวาดพื้นที่สะอาดมุมหนึ่งให้อวี๋เหลียงเยว่ใช้งาน จากนั้นจึงหลบไปยืนข้างๆ ด้วยใบหน้าผมเผ้าเปื้อนฝุ่น

รอยยิ้มบางประดับอยู่บนใบหน้าอวี๋เหลียงเยว่ตั้งแต่ต้นจนจบ มองดูดวงจันทร์ข้างนอก แสงจันทร์ซีดจาง ผ่านไปครู่หนึ่ง เมฆครึ้มเข้าปกคลุม แสงจันทร์ถูกบดบังไปครึ่งหนึ่ง นางพึมพำเสียงเบา “ถึงเวลาแล้ว”

ถัดจากนั้นก็คุกเข่าลงบนเบาะ น้ำเสียงใสกังวานเริ่มจากท่องบทสวดสักพัก ตามด้วยรำพึงรำพันถึงมารดาอย่างไม่รู้จบ

“ท่านแม่ วันนี้เป็นวันที่ท่านล่วงลับ บัดนี้ท่านจากลูกไปได้สิบปีแล้ว...สิบปีนี้เกิดเรื่องราวขึ้นมากมาย ลูกไม่สามารถทำตามความปรารถนาของท่านแม่ แต่งงานเป็นภรรยาเอกของสามีสักคน จับพลัดจับผลูเข้าตำหนักบูรพา...แต่ดีที่รัชทายาทเป็นคนปราดเปรื่องบริสุทธิ์ดีงามและกตัญญูรู้คุณ แม้ลูกจะไม่ได้รับความโปรดปราน แต่ขอให้ท่านแม่คุ้มครองให้รัชทายาทราบรื่นทุกประการ สมบูรณ์พร้อมยิ่งขึ้นทุกวันเหมือนจันทร์ข้างขึ้น รุ่งโรจน์ชัชวาลเหมือนอาทิตย์อุทัย อายุยืนยาวเช่นภูเขาทักษิณ สถิตสถาพรยั่งยืนนาน”

กล่าวจบ หน้าผากขาวผ่องก็กระทบกับพื้นหินบังเกิดเสียงดัง ‘ปัง’

ชิงหลิ่วรีบเข้าไปประคองคนร่างบางบนพื้นลุกขึ้นมา ปัดฝุ่นตามกระโปรงให้นาง รีดรอยยับให้เรียบ

ทำทั้งหมดนั้นเสร็จค่อยประคองอวี๋เหลียงเยว่จากไปอย่างช้าๆ

แสงจันทร์เงียบสงัด ไม่มีใครสังเกตว่าตรงหัวมุมทางเดินมีเงาร่างสูงโปร่งร่างหนึ่งมองดูเงาร่างอรชรนั้นค่อยๆ หายลับไปต่อหน้าต่อตา เอ่ยเสียงทุ้มต่ำ “คนเมื่อครู่คือผู้ใด”

จ้าวเฉียนกลอกตาแล้วยิ้มแย้มค้อมเอวก้าวออกมา “นายท่าน ท่านเมื่อครู่นี้คือแม่นางอวี๋ที่เพิ่งเข้าตำหนักบูรพามาเมื่อหลายวันก่อนขอรับ ช่างบังเอิญจริงๆ แม่ของแม่นางอวี๋กับเสด็จแม่ของนายท่านล่วงลับวันเดียวหรือนี่”

แสงจันทร์เคลื่อนคล้อย แสงจันทร์หนาวเย็นสาดกระทบใบหน้าเขา ค่อยๆ เผยให้เห็นรูปโฉมของเขา

คิ้วคมดุจกระบี่ ดวงตาหงส์เรียวยาว หางตาเฉียงขึ้นกอปรด้วยลักษณะเย่อหยิ่งดูแคลนใต้หล้าโดยไร้สาเหตุ

ลักษณะที่เป็นไปโดยธรรมชาตินั้น ราวกับว่าเขาเกิดมาก็เป็นเช่นนี้

มุมปากของชายหนุ่มยกขึ้นด้วยความสนใจ “อ้อ นางเองหรือ” จากนั้นก็หันศีรษะกลับมาเดินเข้าไปข้างในต่อไป “ของไหว้เสด็จแม่ข้าเตรียมไว้เรียบร้อยหรือยัง”

จ้าวเฉียน “เตรียมไว้ตามที่นายท่านสั่งการแล้วพ่ะย่ะค่ะ”

“ดี” ฝีเท้าชะงักไปเล็กน้อย เขาออกคำสั่งเสียงเย็นชา “ไปตรวจสอบอวี๋ซื่อผู้นั้นสักหน่อยว่าช่วงหลายวันนี้ไปที่ใดมาบ้าง ตรวจสอบเรียบร้อยแล้วค่อยมารายงานข้า”

จ้าวเฉียน “พ่ะย่ะค่ะ”

........

กลับมาที่หอชมจันทร์ อวี๋เหลียงเยว่กุมเข่าที่ค่อนข้างม่วงช้ำด้วยความอ่อนใจ ชาติก่อนร่างกายนางก็เป็นเช่นนี้ แค่คุกเข่าหรือกระทบนั่นกระทบนี่เพียงเล็กน้อยก็จะเขียวช้ำเป็นปื้น เห็นแล้วน่ากลัวยิ่งนัก

ต่อจากนั้นใบหน้านางก็ระบายยิ้มบาง ทุกอย่างนี้ล้วนคุ้มค่า

อดทนรออีกไม่กี่วัน ในไม่ช้านางก็จะได้เจอฉินซือเหิงแล้ว

สิ่งที่ต่างออกไปก็คือ ชาติก่อนนางถูกบังคับให้ไปเจอฉินซือเหิง ไปปรนนิบัติเขา แต่ชาตินี้นางต้องการให้ฉินซือเหิงมาหาด้วยตนเอง

เปลี่ยนจากฝ่ายตั้งรับเป็นฝ่ายรุก

ชีวิตในตำหนักบูรพาเงียบสงบและมีเวลาว่างมาก อวี๋เหลียงเยว่หลบอยู่ในห้องทั้งวัน หากไม่มีธุระก็จะไม่ออกไปข้างนอก

มีประสบการณ์จากชาติที่แล้ว นางย่อมทราบหลักการที่ว่าไม่อาจรีบร้อนออกไปเผยโฉม ยามนี้นางมีฐานะต่ำต้อย ไร้ที่พึ่งพิง หากตกไปอยู่ท่ามกลางการต่อสู้ของสตรีเหล่านั้นไม่มีผลดีเลยสักนิด ควรทราบว่านกที่โผล่หัวมักถูกยิง ยิ่งร้อนรนก็ยิ่งผิดพลาดได้ง่าย และก็จะยิ่งตายเร็ว

ตอนนี้นางไม่อาจเดินพลาดแม้แต่ก้าวเดียว ไม่อาจทำผิดซ้ำรอยชาติที่แล้วเป็นอันขาด

ภายในตำหนักบูรพา ฝ่ายพระชายารัชทายาทและฝ่ายไป๋ซื่อต่อสู้ฟาดฟันกันอย่างรุนแรง นางจะใช้เวลานี้กุมหัวใจฉินซือเหิงเอาไว้ให้ได้

สำหรับบุรุษ การโจมตีจิตใจย่อมให้ผลลัพธ์ที่ดีกว่า!

มือเรียวของนางหยิบหมากสีดำขึ้นมาวางลงบนกระดานหมากโดยไม่หยุดคิด

ดูเหมือนไม่ได้คิดอะไรมาก แนวทางเดินหมากก็เรียบง่ายชัดเจน แต่หากเพ่งพิศดูก็จะรู้ว่าแนวทางเดินทางหมากของอวี๋เหลียงเยว่พิสดารยากจะคาดเดา ทุกหนแห่งเต็มไปด้วยหลุมพราง ยิ่งพิจารณาโดยละเอียดก็ยิ่งทำให้คนอุทานออกมาด้วยความอัศจรรย์ใจ แต่ละก้าวดูเหมือนเรียบง่าย แท้จริงแล้วคือชัยชนะที่ได้มาด้วยการวางแผนอย่างละเอียดรอบคอบ

เดินหมากเสร็จ นางก็โยนเม็ดหมากลงในโถ เสียงเม็ดหมากกระทบกันดังกังวาน

จากนั้นเสียงฝีเท้าก็ดังขึ้นจากหน้าประตู

ที่แท้ก็เป็นสาวใช้ข้างกายพระชายารัชทายาทมาถ่ายทอดข้อความ บอกว่าเย็นวันนี้ให้นางเตรียมตัวให้เรียบร้อย รัชทายาทจะเสด็จมา

อีกฝ่ายยิ้มกล่าว “บ่าวขอแสดงความยินดีกับแม่นางล่วงหน้านะเจ้าคะ”

นางกล่าวพลางย่อกายคารวะอวี๋เหลียงเยว่

อวี๋เหลียงเยว่ส่งสาวใช้กลับไปแล้ว หัวใจทั้งดวงค่อยสงบเยือกเย็นลงได้ในที่สุด นี่เร็วกว่าโอกาสที่นางเค้นสมองสร้างขึ้นมาในชาติก่อนมากนัก

ชิงหลิ่วก็ดีใจเช่นกัน “คุณหนู บ่าวจะไปเลือกชุดที่งามที่สุดมาให้นะเจ้าคะ!”

อวี๋เหลียงเยว่มองดูท่าทางกระวีกระวาดของสาวใช้ตัวน้อย นางก็ดีใจเช่นกัน

ราตรีลึกล้ำ สีท้องฟ้าข้างนอกมืดสนิทลงแล้ว ในที่สุดข้างนอกก็มีเสียงขานว่ารัชทายาทดังขึ้น มืออวี๋เหลียงเยว่กำแน่น สูดหายใจเข้าลึกแล้วเดินไปต้อนรับที่หน้าประตูอย่างเชื่องช้า

“อวี๋เหลียงเยว่คารวะรัชทายาทเพคะ”

“ลุกขึ้นเถอะ” ฉินซือเหิงเดินตรงผ่านข้างกายนางไป แต่ก็ไม่ได้ยื่นมือมาช่วยประคอง เข้ามาแล้วก็เห็นอาหารตั้งเต็มโต๊ะ แค่ดูก็รู้แล้วว่าอาหารเหล่านั้นยังไม่มีใครแตะต้อง เย็นชืดมานานแล้ว

“เจ้ายังไม่กินมื้อเย็น?”

น้ำเสียงอวี๋เหลียงเยว่ใสกังวานปานกระดิ่ง “เดิมบ่าวอยากรอรับประทานอาหารกับรัชทายาทเพคะ...”

ตอนนี้นางยังไม่ได้ปรนนิบัติรัชทายาทจึงได้แต่แทนตัวเองด้วยคำว่าบ่าว

ถึงตอนนี้ฉินซือเหิงค่อยพิศมองนางอย่างจริงจัง เป็นสตรีวัยสิบห้าที่งดงามมีน้ำมีนวลคนหนึ่ง

บนศีรษะประดับเพียงปิ่นหลิวหลีเล่มเดียว สีอาภรณ์กลับเป็นสีชมพู หากสวมไม่ขึ้นก็จะกลายเป็นฉูดฉาดดาษดื่น สีหน้าฉินซือเหิงชะงักไปเล็กน้อย แต่รูปโฉมของอวี๋เหลียงเยว่โดดเด่น ผิวพรรณขาวยิ่งกว่าหิมะจึงข่มความดาษดื่นเล็กน้อยนั้นลงไปได้

แต่กลับยิ่งดูสดใสอ่อนโยนกว่าเดิม

ดวงตากลมโตฉ่ำน้ำคู่นั้นเป็นประกายระยิบระยับเหมือนน้ำทะเลสาบใสกระจ่างก็มิปาน แววตาใสสะอาดบริสุทธิ์ชวนให้คนเอ็นดูยิ่งนัก

ขณะนั้นนางกำมือทั้งสองแน่นด้วยความประหม่า ทอดสายตาลงล่าง แววตาเต็มไปด้วยความประหวั่นลนลานราวกับกวางน้อยที่บังเอิญพบกลางพงไพรระหว่างล่าสัตว์

ลักษณะ ท่าทาง สีหน้า ล้วนแต่ชวนให้คนรักใคร่เอ็นดู

ฉินซือเหิงพลันรู้สึกสนอกสนใจขึ้นมา

ในตำหนักบูรพาเต็มไปด้วยสตรีชาติตระกูลสูงศักดิ์ สตรีเช่นนี้ เขาเพิ่งเคยพบเป็นครั้งแรก

เหมือน...จิ้งจอกที่น่าสงสารตัวหนึ่ง

Related chapters

  • โฉมสะคราญไร้ใจ   บทที่ 4

    ใบหน้าไม่แต่งแต้มแป้งชาด แต่เมื่อเข้าไปใกล้กลับได้กลิ่นหอมกรุ่นอ่อนจางจากบนร่างนางดวงตาเขาทอแววลุ่มลึก ยกมือเชื้อเชิญอวี๋เหลียงเยว่ “มานี่”อวี๋เหลียงเยว่หวาดกลัวสามส่วน เขินอายสามส่วน ก้าวมาข้างหน้าช้าๆ ชายกระโปรงเลิกขึ้นรำไรระหว่างเยื้องย่าง เผยให้เห็นความขาวผ่องบอบบางตรงข้อเท้าคล้ายกับรังเกียจว่านางเดินช้าเกินไป ฉินซือเหิงจึงลุกขึ้นมา เมื่อยืนขึ้น เงาร่างสูงใหญ่นั้นก็บดบังสตรีร่างบอบบางตรงหน้าได้อย่างมิดชิด แขนทรงพลังราวกำแพงเล็กนั้นอุ้มร่างนางขึ้นมาก้าวเดินตรงไปที่เตียงอวี๋เหลียงเยว่หลับตาปี๋ แขนที่โอบรอบลำคอเขาสั่นเทิ้มน้อยๆ ฉินซือเหิงนึกว่านางสะเทิ้นอาย มุมปากจึงคลี่ยิ้มบางออกมาแต่มีเพียงนางเองจึงทราบว่า นางหวาดกลัวแล้วกลัวว่าฉินซือเหิงจะมองเห็นความทะเยอทะยานและความปรารถนาในแววตานางเครื่องนอนบนเตียงปูไว้เรียบร้อยมาแต่แรก อวี๋เหลียงเยว่ถูกเขาวางลงบนเตียงอย่างหยาบกระด้าง ต่อจากนั้นก็สัมผัสได้ว่าเขาเริ่มปลดเปลื้องอาภรณ์นางเหมือนชาติที่แล้วไม่มีผิด ฉินซือเหิงช่างไม่รู้จักรักหยกถนอมบุปผาเอาเสียจริงๆถูกกักไว้ในอ้อมแขน นางหลบก็ไม่มีที่ให้หลบ ทั้งยังไม่มีเหตุผลให้หลบใน

    Last Updated : 2025-01-07
  • โฉมสะคราญไร้ใจ   บทที่ 5

    นอกจากนี้ ฉินซือเหิงเทียบกับฉินมู่แล้ว แม้จะเย็นชาไปสักหน่อย แต่เป็นคนใจกว้าง รักษาคำพูด ถือว่าเป็นที่พึ่งที่ดีคนหนึ่งหลังแต่งตัวเรียบร้อย ใบหน้าประดับไว้ด้วยรอยยิ้มพอเหมาะพอเจาะ อวี๋เหลียงเยว่พาชิงหลิ่วไปยังเรือนที่คุ้นเคยหลังนั้นด้วยฝีเท้าเชื่องช้าตลอดทางที่เดินมา ทิวทัศน์ของที่นี่จดจำได้ขึ้นใจมาแต่แรก ชาติที่แล้วนางเคยมานับพันนับหมื่นครั้ง ทว่าสภาพจิตใจไม่เหมือนกัน นางในยามนี้ฝีเท้าเบาสบายขึ้นมากต่างจากการรอโอกาสอย่างเบื่อหน่ายในเรือนหลังของฉินซือเหิงในชาติก่อน ตอนนี้นางมีความหวังต่อชีวิตในอนาคตเป็นอย่างมากตลอดทางมานี้ สาวใช้และหญิงรับใช้เบื้องล่างทราบข่าวมาแต่แรก ต่างแสดงคารวะต่อนางด้วยท่าทางสุภาพการแสดงออกของอวี๋เหลียงเยว่ทั้งไม่เย่อหยิ่งและไม่ประหม่า ทำให้คนจำนวนไม่น้อยบังเกิดความรู้สึกที่ต่างออกไปต่ออนุภรรยาเพียงหนึ่งเดียวที่ไม่ได้มาจากตระกูลสูงศักดิ์อย่างนางจากหอชมจันทร์มาถึงที่พักของพระชายารัชทายาทต้องใช้เวลาราวครึ่งชั่วยาม ตอนนางมาถึง ทั้งเรือนยังคงเงียบสงัดสาวใช้ที่แต่งตัวค่อนข้างดีคนหนึ่งออกมายิ้มเอ่ยว่า “พระชายากำลังแต่งตัวอยู่เพคะ อวี๋เกิงอีเชิญตามสบายนะเพคะ

    Last Updated : 2025-01-07
  • โฉมสะคราญไร้ใจ   บทที่ 6

    “พระชายาอย่าโทษที่บ่าวพูดมากเลยนะเพคะ แต่รูปโฉมของอวี๋ซื่อออกจะ...”หมิ่นซื่อเลิกคิ้วแย้มยิ้ม วางจอกชาในมือลง แววตาเต็มไปด้วยความไม่แยแส “ข้ารู้ว่าหมัวมัวต้องการจะพูดอะไร นางรูปโฉมงดงามก็สามารถใช้ความงามสร้างความสำราญให้ผู้อื่นได้พอดีเลยมิใช่หรือ นอกจากนี้ นางยังไม่ได้มาจากตระกูลใหญ่ สามารถเข้าตำหนักบูรพาที่ใหญ่โตนี้มาได้ก็ได้แต่อาศัยใบหน้านั้น อย่าว่ากระนั้นเลย สายตาของรัชทายาทช่างดีโดยแท้ เป็นคนงามที่เลอโฉมยิ่งนัก”สวี่หมัวมัวได้ยินแล้ว หัวคิ้วก็คลายออกจากกันไม่น้อย พยักหน้ายิ้มๆ “พระชายาพูดถูกเพคะ นับแต่โบราณมาแล้ว แต่งภรรยาเอกดูที่คุณธรรม รับอนุภรรยาดูที่ความงาม ไป๋ซื่อผู้นี้ยามปกติมักทำตัวโอหัง บัดนี้มีอวี๋ซื่อมาอีกคน สามารถข่มนางให้พระชายาได้พอดี หากสามารถแย่งชิงความโปรดปรานจากนางมาได้บ้าง วันหน้าดูซิว่านางยังจะทำอันใดได้”หมิ่นซื่อได้ยินแล้วก็มิได้ตอบรับหรือปฏิเสธ ทว่าในแววตาแฝงความเยาะหยันไว้รางๆ “ไป๋ซื่อโง่เขลาเบาปัญญา ยังนึกว่ารัชทายาทรักนางด้วยความจริงใจ ก็แค่เพราะรัชทายาทต้องแยกจากแม่แท้ๆ สมัยยังเด็ก เด็กที่ไม่มีแม่ พบเรื่องน้อยเนื้อต่ำใจอย่างไรก็ต้องกล้ำกลืนลงไป ดังนั้น

    Last Updated : 2025-01-07
  • โฉมสะคราญไร้ใจ   บทที่ 7

    ชิวเฉิงฮุยเพิ่งเข้าไปภายในตำหนักจื่อเวย เท้าเหยียบลงบนพรมเปอร์เซียล้ำค่าผืนนั้น ครั้นเงยหน้าขึ้นก็แลเห็นภาพหญิงงามเช่นนี้เองไป๋เหลียงตี้นอนเอนร่างอยู่บนตั่งกุ้ยเฟย ชายอาภรณ์วาดเค้าโครงเรือนร่างอวบอิ่มอรชร ใต้อาภรณ์เผยให้เห็นประกายเรื่อเรืองที่ผิวขาวผ่องสะท้อนออกมารำไร ใบหน้าดวงน้อยขนาดเท่าฝ่ามือ ไม่ว่าดวงตาหงส์เรียวยาวมีเสน่ห์คู่นั้นจะแสดงออกเช่นไรล้วนประกอบด้วยความเย้ายวนอย่างหาที่เปรียบมิได้สาวใช้เยาว์วัยคนหนึ่งคุกเข่าอยู่ข้างๆ ตั่งกุ้ยเฟย กำลังพันแขนเสื้อขึ้นนวดขาให้นาง คล้ายกับได้ยินว่ามีคนมา ไป๋เหลียงตี้จึงปรือตาขึ้นอย่างเชื่องช้า ต่อจากนั้นก็เตะสาวใช้เยาว์วัยผู้นั้นเบาๆ “พอแล้ว”สาวใช้ตัวน้อยขานรับอย่างว่าง่ายแล้วเดินไปอยู่ข้างๆ“หม่อมฉันมาตอนนี้ รบกวนการพักผ่อนของเหลียงตี้หรือไม่เพคะ”“มีเรื่องอันใดก็ว่ามา อย่ามาอ้อมค้อมกับข้า” นางพูดพลางหยัดร่างขึ้นนั่งแล้วบิดเอวอย่างเกียจคร้าน ความขาวผ่องอวบอิ่มบริเวณทรวงอกยิ่งนูนเด่นกว่าเดิม พาให้ชิวเฉิงฮุยอิจฉายิ่งนักนางเก็บงำสายตาอย่างรวดเร็ว ระหว่างที่ดวงตาทอประกายวูบวาบก็ก้มหน้าเอ่ยว่า “เหลียงตี้วันนี้ท่านไม่ได้ไปจึงไม่ได้เห็นคนใ

    Last Updated : 2025-01-07
  • โฉมสะคราญไร้ใจ   บทที่ 8

    ฉินซือเหิงกำลังครุ่นคิด อวี๋เหลียงเยว่คารวะเสร็จไม่ได้ยินเสียงบอกให้ลุกขึ้นก็รักษาท่วงท่าคารวะเอาไว้อย่างดื้อดึง โงนเงนอยู่หลายครั้ง ราวกับว่าอึดใจถัดไปก็จะล้มลงไปบนพื้นจ้าวเฉียนมองดูจากเบื้องหลังเช่นนี้ อยากส่งเสียงเตือนอยู่หลายครั้ง แต่ทันใดนั้น ฉินซือเหิงก็ตอบสนองแล้วเขายกมือขึ้นมาประคองแขนอวี๋เหลียงเยว่ทำให้นางไม่ถึงกับล้มลง แล้วถอนหายใจ “ข้าไม่บอกให้ลุกขึ้น เจ้าก็คิดจะยืนต่อไปใช่หรือไม่”อวี๋เหลียงเยว่ก้มหน้า เผยเพียงศีรษะให้เขาดูคนทั้งสองยืนอยู่หน้าประตู ลมราตรีพัดมา กลิ่นหอมกรุ่นก็โชยมา ฉินซือเหิงกวาดสายตามองไปรอบๆ โดยสัญชาตญาณแล้วก็เห็นดอกไม้บริเวณหน้าประตูเขามุ่นคิ้ว “ดอกไม้นี้คุ้นตาทีเดียว”จ้าวเฉียนก้าวสั้นๆ มาข้างหน้า อธิบายว่า “รัชทายาท ดอกไม้นี้เรียกว่าอวี๋เหม่ยเหรินพ่ะย่ะค่ะ”“อ้อ? มีความหมายแฝงอันใดหรือไม่”จ้าวเฉียนถูกถามจนอึ้งไป ทันใดนั้นก็ไม่รู้ว่าควรออกปากอย่างไรดี“รัชทายาท ดอกไม้นี้ไป๋เหลียงตี้ส่งมาแสดงความยินดีที่หม่อมฉันได้รับตำแหน่งเพคะ หม่อมฉันชอบยิ่งนัก” อวี๋เหลียงเยว่รีบเอ่ยปาก กล่าวพลางคล้องแขนฉินซือเหิงเบาๆ ครู่ต่อมา เหมือนจะรู้ว่าไม่เหมาะสมจึ

    Last Updated : 2025-01-07
  • โฉมสะคราญไร้ใจ   บทที่ 9

    วันรุ่งขึ้น ภายในตำหนักบูรพามีคนวิพากษ์วิจารณ์ไม่ขาดสายพอตื่นขึ้นมาครานี้ ตำหนักบูรพาเกิดความเปลี่ยนแปลงขึ้นเสียแล้วรัชทายาทเลื่อนตำแหน่งให้อวี๋หรูเหรินเป็นอวี๋เจาซวิ่น ยังไม่พูดถึงว่านางเพิ่งได้รับตำแหน่งไม่นาน ควรทราบว่าระหว่างหรูเหรินและเจาซวิ่นยังมีเฟิ่งอี๋ รัชทายาทกลับข้ามขั้นผ่านไปอย่างง่ายดายทั้งอย่างนี้เห็นได้ชัดว่า อวี๋ซื่อผู้นี้มิอาจดูเบาข้ารับใช้ที่ปรนนิบัติเก็บความดูแคลนและความดูดายกลับไป ยามเช้าชิงหลิ่วไปรับอาหารเช้า บรรดาสาวใช้และขันทีที่พบนางล้วนแต่ต้อนรับด้วยสีหน้ายิ้มแย้ม นางเปิดฝาออกดูสีสันอาหารในนั้น มุมปากก็วาดขึ้นเป็นวงโค้งแห่งความยินดีต่อจากนั้น รางวัลก็หลั่งไหลเข้ามาในหอชมจันทร์ดุจสายน้ำรัชทายาทแสดงออกชัดว่าจะโปรดปรานอวี๋เจาซวิ่นชิวเฉิงฮุยกำลังรับประทานมื้อเช้า ได้ยินข่าวแล้วก็กินอะไรไม่ลง เบิกตาโตจ้องมองสาวใช้ของตนเอง “รัชทายาทได้พูดถึงเรื่องดอกไม้พวกนั้นหรือไม่?”สาวใช้ส่ายหน้าเบาๆ “ไม่เพคะ”ชิวเฉิงฮุยพลันวางใจ จากนั้นก็เริ่มโมโหขึ้นมา ฝีมือเล็กน้อยของตนเองไม่เพียงไม่สร้างความเจ็บปวดให้คนชั้นต่ำนั่นแม้แต่น้อย รัชทายาทยังโปรดปรานนางถึงเพียงนี้ห

    Last Updated : 2025-01-07
  • โฉมสะคราญไร้ใจ   บทที่ 10

    คิดได้เช่นนั้น ไป๋ซื่อก็แย้มยิ้มหยิบผ้าเช็ดหน้าขึ้นมาปิดปากหัวเราะเบาๆ แต่ในไม่ช้าก็หัวเราะไม่ออกแล้วพระชายารัชทายาทอมยิ้มตั้งแต่ต้นจนจบ กระทั่งถามเรื่องสัพเพเหระกับฝ่ายตรงข้ามอย่างสนิทสนมอวี๋เหลียงเยว่มีท่าทางเคารพระคนตื่นเต้นยินดี ตอบคำถามพระชายารัชทายาทอย่างระมัดระวัง คนทั้งสองโต้ตอบกันไปมา ถึงขั้นมีทีท่าว่าจะคุยกันถูกคออีกด้วยรอยยิ้มของไป๋ซื่อสลายไปโดยสิ้นเชิง เห็นสีหน้ายิ้มแย้มของคนทั้งสองแล้วในใจก็บังเกิดความอึดอัดคับข้องขึ้นมาน่าเบื่อจริงๆ พระชายารัชทายาทนางเฒ่าผู้นี้ คิดว่าคงต้องการดึงอวี๋ซื่อไปเป็นพวก แต่น่าเสียดายสตรีที่ฐานะต่ำต้อยคนหนึ่ง ดึงมาเป็นพวกแล้วมีประโยชน์อันใดเล่าคุยกับอวี๋เหลียงเยว่เสร็จ พระชายารัชทายาทก็หันมาถามไป๋ซื่อ “สุขภาพเจ้าดีขึ้นหรือยัง ก่อนหน้านี้ได้ยินคนพูดว่าสุขภาพเจ้าไม่ดีมาตลอดจึงไม่อาจมาคารวะเช้า ยามนี้หงอวิ๋นอายุเพียงหนึ่งขวบ เป็นวัยกำลังซนพอดี ถ้าเจ้าลำบากเกินไปก็มมิสู้ดูแลสุขภาพตัวเองให้ดี ข้าสามารถดูแลหงอวิ๋นแทนเจ้าได้สักหลายวัน...”“ไม่ต้อง!” นางพูดจบค่อยตระหนักว่าน้ำเสียงตนเองแหลมสูงจึงปรับน้ำเสียงให้อ่อนโยนลงหลายส่วน “ขอบพระทัยพระช

    Last Updated : 2025-01-07
  • โฉมสะคราญไร้ใจ   บทที่ 11

    เหมือนกับชาติก่อน เพื่อให้มั่นใจว่าฉินมู่จะสามารถจับตาดูทุกการกระทำของนางในตำหนักบูรพาได้ รับประกันว่านางจะฟังคำสั่งและปฏิบัติตาม บางครั้งยังมาทรมานนาง เพราะอวี๋เหลียงเยว่ไม่สามารถทำให้ฉินซือเหิงพึงพอใจได้กลางดึกลอบเข้าห้องชั้นในเพื่อกล่าวเตือนล้วนเป็นเพียงอาหารเรียกน้ำย่อย บางครั้งโหดเหี้ยมถึงขั้นใช้เข็มแทงเข้าที่ปลายนิ้วของนาง ตำแหน่งนั้นถูกคนพบเห็นได้ยาก อีกทั้งยังสามารถทำให้ผู้ถูกกระทำเจ็บปวดเกินทนเถิงว่านเกลียดนางอย่างแท้จริง อีกทั้งยังรักฉินมู่มาก วันเวลาเหล่านั้นยามอยู่ในจวนฉินมู่ ยามนางและฉินมู่ลอบพบกันเป็นการส่วนตัว ได้เห็นสายตาเปี่ยมรักของเถิงว่านยามสบมองฉินมู่มิใช่เพียงแค่ครั้งเดียว กลับเผยด้านอำมหิตต่อหน้านาง น่าเสียดาย ฉินมู่ไม่เคยมอบความรักให้ผู้ใด เว้นเสียแต่ใช้ประโยชน์เท่านั้นผ่านไปอีกครู่หนึ่ง ภายในห้องเงียบงันลงเงาดำคลายมือออก เงาร่างสายหนึ่งที่ถูกรัดไว้นั้นสูญเสียการทรงตัวในที่สุด หันหน้าเข้าหาพื้นล้มลงอย่างกะทันหัน ปังเสียงกระแทกพื้นดังขึ้น หมดลมหายใจไปตั้งนานแล้วนางไม่รีบร้อนไม่ร่ำไรก้าวเท้าเข้ามาหยุดข้างกายเถิงว่าน หยิบเข็มเงินบนพื้นมาดูแวบหนึ่ง ถอนหายใจ

    Last Updated : 2025-01-07

Latest chapter

  • โฉมสะคราญไร้ใจ   บทที่ 40

    “หม่อมฉันทราบแล้วเพคะ” ชิงหลิ่วตอบกลับ จากนั้นสิ่งที่ตอบรับนางก็คือเสียงลมหายใจของอวี๋เหลียงเยว่ที่หลับไหลไปแล้ว......สถานที่ที่มีสตรีมากมาย เรื่องราวก็ยิ่งมาก ฉากหน้าเป็นพี่น้องที่แสนดี ทุกคนล้วนให้ความเกรงใจกัน สนิมสนมกลมเกลียวกันมากแต่เบื้องหลังกลับแทบอยากจะฉีกหน้าอีกฝ่ายจนเละ ดึงทึ้งเครื่องประดับบนศีรษะของอีกฝ่ายให้แตกเป็นเสี่ยง ๆ เรื่องราวต่อหน้าและลับหลังเกิดขึ้นในมุมมากมาย......“ได้ข่าวแล้วหรือยัง เหตุใดถึงเกิดเรื่องเช่นนี้ขึ้นได้!” ฉินมู่นั่งอยู่ข้างโต๊ะ จมอยู่ท่ามกลางเงาดำมืด แค่เสียงก็ทำให้คนรู้สึกกลัวจนตัวสั่นสะท้านที่ปรึกษาที่กำลังคุกเข่าอยู่ตัวสั่นระริก หยาดเหงื่อเม็ดใหญ่หยดลงพื้น “กระหม่อมสืบมาแล้ว ถึงได้ข่าวว่าคนผู้นั้น...มีความสัมพันธ์ย่ำแย่กับภรรยาที่บ้านมานานแล้ว ถึงขนาดที่พูดได้ว่า...จงเกลียดจงชัง ดังนั้นเมื่อเราเอาภรรยาของเขามาบีบบังคับ เขาจึงแกล้งรับปาก แต่ความจริงแล้วกลับสืบหาจุดมุ่งหมายและดูลาดเลาของพวกเรา สุดท้ายก็ตลบหลัง ไม่ทำตามที่เราสั่งพ่ะย่ะค่ะ...”นับตั้งแต่ที่ฉินมู่ได้รับข่าวจากทางอวี๋เหลียวเยว่เมื่อครั้งก่อน เขาก็ดำเนินการอย่างรวดเร็วเข

  • โฉมสะคราญไร้ใจ   บทที่ 39

    “อวี๋เจาซวิ่น” “น้อมคารวะฉือเฉิงฮุยเพคะ” อวี๋เหลียงเยว่ยิ้มพลางคารวะฉือชิวเยียนรีบส่งสัญญาณให้สาวใช้ไปประคองด้วยความเกรงใจมาก ก่อนจะรีบกล่าวว่า “ข้าไม่ถือเรื่องพวกนี้ ข้าเพิ่งเข้าตำหนักบูรพา ยังมีเรื่องมากมายที่ไม่เข้าใจ วันหน้ายังต้องรบกวนให้อวี๋เจาซวิ่นช่วยดูแลอีกมาก” อวี๋เหลียงเยว่ไม่เปลี่ยนสีหน้า “ฉือเฉิงฮุยกล่าวอันใดกันเพคะ ตำแหน่งของท่านสูงกว่าหม่อมฉัน ชาติตระกูลก็ดี วันหน้าจะต้องก้าวขึ้นตำแหน่งสูงอย่างรวดเร็วแน่นอนเพคะ”นี่เป็นการปฏิเสธคำขอของนางอย่างสุภาพฉือชิวเยียนหน้าทะมึนลง แต่ไม่นานก็กลับมาเป็นปกติอีกครั้ง “เจ้าไม่จำเป็นต้องถ่อมตัวไป พอข้ามาถึงก็ได้ยินว่าเจ้าเข้ามาที่ตำหนักบูรพาก็ได้รับความโปรดปรานจากองค์รัชทายาทมาก ไฉนจะเหมือนกับพวกเราที่ได้ร่วมราตรีเพียงครั้งเดียวก็ไม่มีโอกาสได้พบองค์รัชทายาทอีก” ฉือซื่อพูดพลางทำหน้าหม่นหมองเล็กน้อย“องค์รัชทายาทจะพบใครหรือไม่พบใคร หม่อมฉันก็ไม่สามารถช่วยเรื่องนี้ได้เช่นกัน พี่ฉือเพคะ ตอนนี้หม่อมฉันรู้สึกง่วงเล็กน้อย ขอกลับเรือนก่อนนะเพคะ” อวี๋เหลียงเยว่กล่าวจบก็เดินจากไป ไม่ให้โอกาสฉือชิวเยียนได้พูดคุยต่อเลยคนหน้าเนื้อใจเส

  • โฉมสะคราญไร้ใจ   บทที่ 38

    เมื่อสูญเสียบุตรไปแล้ว ฉินซือเหิงได้รับข่าวก็รีบไปที่หอหยกหิมะ เมื่อเผชิญหน้ากับเขา ไป๋ซื่อก็ร้องห่มร้องไห้ด้วยความเสียใจอีกครั้งราวกับดอกสาลี่ต้องหยาดฝน ช่างน่าสะเทือนใจ ถึงอย่างไรก็เป็นสตรีที่ตอนเคยโปรดปรานมาก่อน เมื่อเห็นนางเสียใจถึงเพียงนี้ เขาเองก็เศร้าใจกับกาสูญเสียบุตรไปเช่นกัน จึงปลอบใจดี ๆ อยู่นาน อีกทั้งยังพำนักอยู่ในเรือนของนางหลายวันต่อมา ไป๋ซื่อรั้งองค์รัชทายาทให้พำนักอยู่ในเรือนของนางทุกคืน หอหยกหิมะที่ก่อนหน้านี้ยังไร้ชีวิตชีวา ไม่นานก็คึกคักขึ้นมาอีกครั้งภายในหอดุจจันทร์ พระชายารัชทายาทลูบสร้อยประคำในมือโดยที่ไม่ได้รู้สึกแย่อะไร วันนี้ตำแหน่งด้านขวาล่างว่างเปล่าอีกครั้งคนอื่น ๆ มากันครบแล้วใบหน้าของนางดูไม่ออกถึงความรู้สึกใด ๆ อวี๋เหลียงเยว่เริ่มสังเกตสองคนที่มาใหม่อย่างละเอียดอีกครั้ง คนหนึ่งแซ่อวี้ มีนามว่าอวี้หานเซียง ชื่อช่างเหมาะสมกับตัวคน เล่ากันว่าเมื่อเกิดมาก็มีกลิ่นหอมอ่อน ๆ ติดกาย รูปโฉมงดงามแต่ไม่ได้เย้ายวน ตรงกันข้ามใบหน้ากลับให้ความรู้สึกเย็นชานับตั้งแต่ที่เข้ามาในหอดุจจันทร์ อวี๋เหลียงเยวก็สังเกตเห็นว่านางนั่งอยู่ตรงนั้นด้วยท่าทางเชิดคางมองตร

  • โฉมสะคราญไร้ใจ   บทที่ 37

    ฮวาต้วนก็มองอย่างตะลึงงัน แต่บทเรียนจากหลายครั้งที่ผ่านมาทำให้นางใจเย็นลงอย่างรวดเร็ว รีบตัดสินใจส่งน้ำแก้วหนึ่งไปที่ริมฝีปากของไป๋ซื่อ “เหลียงตี้เพคะ ท่านรีบดื่มน้ำเถิดเพคะ! อาจจะดีขึ้นบ้าง! ยังต้องใช้เวลาสักพักกว่าหมอหลวงจะมาถึง ท่านไม่ได้เสวยอะไรมาทั้งวัน เวลานี้ก็ไม่มีแรงแล้วด้วย”ไป๋ซื่อกำลังคิดจะบันดาลโทสะ เมื่อได้ยินคำพูดของนางก็รู้สึกว่ามีเหตุผลมาก จึงรับไปดื่มรวดเดียวจนหมดหลังจากดื่มหมดก็เป็นการรอคอนที่แสนยาวนานเวลานี้นางรู้สึกนึกเสียใจอย่างสุดซึ้ง หมอหลวงกำชับอย่างเด็ดขาดแล้วว่าให้นางพักผ่อนให้ดี อย่าได้มีอารมณ์รุนแรงแต่ว่าตอนนี้นึกเสียใจก็ไม่มีประโยชน์แล้ว เนื่องจากไม่นานก็มีดอกไม้โลหิตสีสันสดใสเบ่งบานเป็นดวงใหญ่ที่ใต้ชายกระโปรง ย้อมจนเป็นสีแดงผืนใหญ่ เมื่อฮวาต้วนเห็นสีแดงนั้นในดวงตาก็เหมือนกับเห็นกระบี่ที่แย่งชิงชีวิตก็ไม่ปาน ทำให้นางกรีดร้องด้วยความตกใจ!“ใครก็ได้ แย่แล้ว! ใครก็ได้รีบมาที เหลียงตี้แย่แล้ว!” นางเหมือนกับเป็นบ้าไม่สนใจภาพลักษณ์ ปิ่นมุกบนศีรษะก็หลุดรุ่ย ก่อนจะกรีดร้องตะโกนเสียงดังตรงหน้าประตูไม่นานข้ารับใช้ด้านล่างก็รีบกรูกันเข้ามา บ้างก็ไปตามหมอห

  • โฉมสะคราญไร้ใจ   บทที่ 36

    “พ่ะย่ะค่ะองค์รัชทายาท กระหม่อมทราบแล้ว” จ้าวเฉียนเดินตามหลัง ข่มกลั้นความตกตะลึงในใจ บังคับตัวเองไม่ให้หันห้าไปมองอวี๋ซื่อ องค์รัชทายาทไม่เคยลุ่มหลงในความงดงามของอิสตรี ยิ่งไม่ต้องพูดถึงการเอาใจใส่สตรีนางหนึ่ง อวี๋เจาซวิ่นเพิ่งร่วมราตรีได้ไม่นาน ก็ได้รับความโปรดปรานจากองค์รัชทายาทถึงเพียงนี้ ทำให้เขาตกใจจริง ๆ...แต่ก็เห็นได้ถึง ความเฉียบแหลมของอวี๋เจาซวิ่น“หยกสมปรารถนาชิ้นนั้นเป็นของที่อดีตฮ่องเต้ทรงทิ้งไว้ พระราชทานให้กับฮ่องเต้องค์ปัจจุบัน และฝ่าบาทได้พระราชทานให้องค์รัชทายาท บัดนี้องค์รัชทยาททรงมอบให้อวี๋เจาซวิ่น ช่างเป็นการเอาใจใส่เกินไปหน่อยจริงๆ” พระชายารัชทายาทหยุดพลิกดูสมุดบัญชีในมือ แล้วทำสีหน้าใคร่ครวญออกมาพระชายารัชทายาทชอบดูชอบฟังเกี่ยวกับเรื่องนี้ ความอวดดีไร้เหตุผลของไป๋ซื่อ ประการแรกเป็นเพราะกำลังสนับสนุนจากตระกูลมารดาของนาง ประการที่สองเป็นเพราะความโปรดปรานจากองค์รัชทายาท อีกทั้งยังให้กำเนิดพระนัดดารัชทายาทเพียงหนึ่งเดียวแต่อวี๋ซื่อผู้นี้ ไม่ว่าจะเป็นตระกูลหรือว่าสิ่งอื่นใดล้วนห่างชั้นจากไป๋ซื่อมากนัก แต่เมื่อเห็นเหตุการณ์ที่ผ่านมานี้ รู้สึกได้ราง ๆ ว่านางยัง

  • โฉมสะคราญไร้ใจ   บทที่ 35

    เขายื่นมือไปโอบเอวบางของอวี๋เหลียงเยว่ ให้นางนั่งตักของเขาแล้วหัวเราะเบา ๆ ว่า “เจ้ามาอยู่ตำหนักบูรพาได้นานพอสมควรแล้ว ได้ยินว่าเจ้าให้ความเคารพต่อพระชายารัชทายาทมาก” ได้รับความโปรดปรานแต่ไม่เย่อหยิ่ง ถือเป็นข้อดีอย่างหนึ่งยามค่ำคืนอวี๋เหลียงเยว่ก็ถอดปิ่นมุกมากมายบนศีรษะออกเช่นกัน เส้มผมสีดำสยายอยู่ด้านหลังศีรษะ มีหลายเส้นตกลงมาบนไหปลาร้าของนางอย่างซุกซน ทำให้ฉินซือเหิงอดมองนานขึ้นไม่ได้ “พระชายาทรงมีเมตตาต่อหม่อมฉันมากมาตลอด หม่อมฉันย่อมเคารพนางเป็นธรรมดาเพคะ”นางกล่าวด้วยใบหน้าไร้เดียงสา จากนั้นก็ยื่นแขนขาวนวลไปโอบคอของรัชทายาทอย่างกล้าหาญมากอีกครั้ง ท่าทางดูพึ่งพิงมาก ทำให้ฉินซือเหิงรู้สึกสบายใจมากเขายกมือขึ้นมาลูบดวงหน้าเล็กนุ่มละมุนของนาง “เจ้ารู้ความ เราย่อมโปรดปรานเจ้ามากยิ่งขึ้น” อวี๋เหลียงเยว่ฟังแล้วก็ปล่อยผ่านไป ไม่ได้เก็บมาใส่ใจแม้แต่น้อย หากชอบเจ้า เจ้าก็จะเป็นของล้ำค่าในดวงใจ ไม่ว่าทำสิ่งใดล้วนดีไปหมด หากชิงชังเจ้า เกรงว่าเจ้าไม่อาจเทียบได้แม้กระทั่งฝุ่นบนพื้น ฝุ่นยังมีคนปัดกวาด ชาติที่แล้วนางไม่ได้รับความโปรดปราน ทำได้เพียงปล่อยให้คนเหยียบย่ำ อวี๋เหลียงเย

  • โฉมสะคราญไร้ใจ   บทที่ 34

    หลังจากนี้ต่อให้จับได้ พอถึงตอนนั้นก็สายไปแล้วลองถามดูเถิด ใครเล่าจะเชื่อคำพูดของนักโทษคนหนึ่ง? คำพูดเพ้อเจ้อของนักโทษ หากเชื่อขึ้นมา ตนเองก็คงเป็นคนบ้าเหมือนกันไม่ใช่หรือ? นางหัวเราะเบา ๆ แล้วไม่อธิบายอะไรอีก ก่อนจะแกว่งเท้าเล็ก ๆ ดื่มเครื่องดื่มเย็น ๆ ในชามจนหมดในอึกเดียว จากนั้นก็เงยหน้าเผยให้เห็นความจริงใจเล็กน้อย “ชิงหลิ่วคนดี อีกประเดี๋ยวเจ้านี่ก็หมดแล้ว ไม่สู้...เจ้าช่วยไปที่ห้องเครื่องเอามาให้ข้าอีกสักชามเถิด” นางกล่าวพลางทำทางไร้เดียงสา ชิงหลิ่ว “นายหญิงเพคะ ส่วนของท่านมีแค่ชามเดียว หมดแล้วเพคะ”อวี๋เหลียงเยว่ไม่หลงกล ขณะที่กำลังเตรียมตัวอ้อนวอนต่อ สายตามองไปเห็นเงาดำด้านนอกประตู จึงเปลี่ยนน้ำเสียงในพริบตาว่า “บัดนี้องค์รัชทายาททรงโปรดปรานข้า ข้าขอเครื่องดื่มเย็น ๆ เพิ่มอีกชามคงไม่เป็นไรหรอก! องค์รัชทายาททรงมีความสามารถถึงเพียงนี้ ยังจะถูกข้ากินจนหมดตัวได้อีกหรือ!” “พูดได้ดี เราต้องพยายามเสียแล้ว เพื่อไม่ให้เราโดนเจ้ากินจนหมดตัว”ฉินซือเหิงสาวเท้าเดินเข้ามาอย่างฉับไว ใบหน้ามีรอยยิ้มบาง ๆ แค่เห็นก็รู้ว่าอารมณ์ดีมากปลาติดเบ็ดแล้ว ได้มาอย่างไม่เปลืองแรงเลยแต่สิ่ง

  • โฉมสะคราญไร้ใจ   บทที่ 33

    ข่าวที่ชิงหลิ่วส่งออกไปถูกส่งต่อไปถึงมือของฉินมู่ เขามองชื่อที่เขียนบนกระดาษจดหมายแล้วขมวดคิ้วกล่าวว่า “สืบประวัติคนผู้นี้แล้วหรือยัง”ที่ปรึกษาใต้บังคับบัญชาพยักหน้า เอ่ยเสียงเบาว่า “กระหม่อมไปสืบแล้วพ่ะย่ะค่ะ เรื่องนี้อยู่ในความรับผิดชอบขององค์รัชทายาทมาโดยตลอดจริง ๆ หากเขาอยู่ในกองขนส่งเสบียง กระหม่อมคิดว่าข่าวนี้เป็นความจริงพ่ะย่ะค่ะ” ฉินมู่ผงกศีรษะ แนวกรามที่เรียบคมเผยให้เห็นความเย็นชาอำมหิต เขานั่งอยู่บนเก้าอี้อย่างเกียจคร้าน แสงไฟภายในห้องสลัว ครู่ต่อมาเขาจึงถามอีกว่า “แม่นางอวี๋ในตำหนักบูรพาสบายดีหรือไม่” ที่ปรึกษามองเขาอย่างยากจะสังเกตเห็นแวบหนึ่ง ก่อนจะก้มหน้ากล่าวออกมาว่า “สบายดีไปหมดทุกอย่างพ่ะย่ะค่ะ” เมื่อได้ยินคำนี้ แววตาของเขาก็ทะมึนลง จากนั้นก็คลี่ยิ้มหยันออกมา “ดี” ไม่มีใครเห็นว่าบนโต๊ะของเขามีภาพวาดภาพหนึ่ง สตรีบนภาพเลอโฉมเฉิดฉัน ดวงหน้างดงามดุจดังเทพเยนในภาพวาด นัยน์ตาดูเฉลียวฉลาด หางตาและคิ้วมีเสน่ห์เย้ายวนใจราวกับพรายน้ำเขายกมือขึ้นมา นิ้วที่มีข้อต่อชัดเจนลูบไล้แก้มของสตรีในภาพวาด ผ่านไปสักพักก็มีเสียงแผ่วเบาดังมาจากในห้องที่มืดสลัวว่า “เจ้าเป็นของข้า...

  • โฉมสะคราญไร้ใจ   บทที่ 32

    ชิงหลิ่วไม่รู้ว่าเหตุใดจึงถามเช่นนี้ จึงทำได้เพียงพยายามเอ่ยอย่างคลุมเครือให้มากที่สุด ยิ่งเอ่ยมากก็ยิ่งผิดมากฉินซือเหิงเข้าใจกระจ่างแจ้งแล้ว หนึ่งเดือนมานี้มีคนใหม่เข้ามาในตำหนักบูรพา อวี๋เหลียงเยว่จึงอยากพึ่งพิงเขามากขึ้นเล็กน้อย...คิดว่าคงไม่สบายใจ ทว่าเมื่อเกิดการคาดเดาเช่นนี้ขึ้นมา ในใจของเขาก็เกิดความรู้สึกที่ยากจะอธิบายให้ชัดเจนขึ้นมาเล็กน้อยความรู้สึกนี้ดำเนินต่อไปจนกระทั่งเขาเข้าเฝ้าที่ท้องพระโรงถึงค่อย ๆ จางหายไป...... หลังจากเข้าเฝ้าเสร็จสิ้นแล้วกลับมาที่ตำหนักบูรพา จ้าวเฉียนก็มาช่วยเขาเปลี่ยนเป็นสวมชุดฉางฝู ยังไม่ทันนั่งลง สาวใช้ด้านนอกก็มาแจ้งว่าไป๋เหลียงตี้อาเจียนไม่หยุด ขอให้องค์รัชทายาทไปดูความหมายในคำพูดนี้มีไม่น้อยเลยจริง ๆ อาเจียนสินะ เมื่อคำนวณดูแล้วไป๋เหลียงตี้เพิ่งจะตั้งครรภ์นี้ได้แค่หนึ่งเดือน น่าจะยังไม่ถึงช่วงเวลานี้ อีกอย่างการที่สตรีมีครรภ์อาเจียน ปกติแล้วเป็นเพราะว่าได้กลิ่นอะไรบางอย่าง หรือว่ากินอะไรบางอย่าง ไม่ว่าเป็นเพราะอะไร คิดว่าไป๋เหลียงตี้คงจะสร้างเรื่องอีกแล้ว จ้าวเฉียนคิดเช่นนี้ ฉินซือเหิงลูบสร้อยประคำมันเงาบนมือแล้วสั่งการว่า “ไปเช

DMCA.com Protection Status