แชร์

โฉมสะคราญไร้ใจ
โฉมสะคราญไร้ใจ
ผู้แต่ง: ฮุยสี่เชว่

บทที่ 1

ผู้เขียน: ฮุยสี่เชว่
last update ปรับปรุงล่าสุด: 2025-01-07 13:23:20
ยามเหม่าเจ็ดเค่อ วันที่เจ็ดเดือนเจ็ด รัชศกซินโฉ่วปีที่หนึ่ง

อากาศร้อนอบอ้าว ในอากาศแฝงไว้ซึ่งความชื้นเหนอะหนะก่อนพายุฝน พืชพรรณและมวลบุปผาสองฟากทางในวังหลวงเหี่ยวเฉาโรยรา

ข้างนอกคือวังหลวงงามวิจิตร ทุกหนแห่งแกะสลักลวดลายหงส์มังกร งดงามดุจวิมานหยกบนชั้นฟ้า ภายในตำหนักที่อ้างว้างห่างไกลแห่งหนึ่ง สีผนังหลุดล่อน ฝุ่นเกรอะรอบด้าน แมลงไม่ทราบนามไต่ตามข้าวของเครื่องใช้ภายในห้องเป็นระยะ ไม่สอดรับกับความโอ่อ่าหรูหราภายในวังหลวงโดยสิ้นเชิง

ประตูตำหนักปิดสนิท ขันทีและนางกำนัลปิดปากเงียบ รอบด้านสงัดเสียง สายตาทุกคนจับจ้องไปยังร่างหญิงงามที่ผมดำปล่อยสยายใบหน้าแดงเรื่อผิดปกติบนเตียงด้วยแววตาร้อนใจ

บรรยากาศเงียบงันเช่นนั้นเหมือนกำลังรอคอยอะไรบางอย่าง กระทั่งเสียงลมหายใจก็ยังแผ่วเบาตามไปด้วย

หมอหลวงจากสำนักหมอหลวงกุมมือยืนอยู่ข้างเตียงด้วยใบหน้าซีดขาว ไม่รู้ว่าเป็นเพราะความอบอ้าวภายในห้องหรือเพราะเหตุใด เหงื่อเม็ดโตจึงกลิ้งลงมาจากบนหน้าผาก หยดลงหลอมรวมเป็นเนื้อเดียวกันกับฝุ่นบนพื้นหิน

คนทั้งห้องรอคอยด้วยความร้อนรน จิตใจกระสับกระส่าย รอให้สตรีบนเตียงหมดลมหายใจจะได้ไปรายงานกับฮ่องเต้องค์ใหม่

เบื้องหลังผ้าม่าน ริมฝีปากของสตรีนางนั้นส่งเสียงครางด้วยความเจ็บปวดเป็นระยะ ใบหน้าทั้งดวงปกคลุมด้วยสีแดงไม่เป็นธรรมชาติ ริมฝีปากมีสีม่วงเข้ม ทำให้ดวงหน้าเปี่ยมเสน่ห์ของนางมีความงามดุจปีศาจเพิ่มเข้ามาหลายส่วน

หมอหลวงครุ่นคิดชั่วครู่จึงเอ่ยสั่งความว่า “ไปนำยามาอีกชาม”

นางกำนัลน้อยคนหนึ่งก้าวออกมาข้างหน้าหนึ่งก้าว กล่าวด้วยสีหน้าหวาดหวั่น “เจ้าค่ะ” จากนั้นก็เดินออกไปข้างนอกอย่างรีบร้อน

ยาน้ำสีดำสนิทชามหนึ่งถูกกรอกลงไปในลำคอขาวผ่องดุจหิมะของนางอีกครา อวี๋เหลียงเยว่ไอโขลกอย่างรุนแรงหลายที หวุดหวิดจะอาเจียนยาน้ำออกมา หมอหลวงจำต้องกดปลายคางที่ผอมจนแหลมของนางเอาไว้ บังคับให้นางกลืนลงไป

ต่อจากนั้น ลมหายใจของนางก็เริ่มกระชั้น แววตาค่อยๆ แตกซ่าน ปากพึมพำชื่อหนึ่งเสียงเบา “ฉินมู่...ฉินมู่...”

ทุกคนได้ยินนามนั้นก็รีบก้มหน้างุด ทำเสมือนว่าตนเองเป็นคนหูหนวกคนหนึ่ง

ประตูนอกตำหนักเปิดออกเสียงดังแอ๊ด

“นาง...เป็นอย่างไรบ้าง”

หมอหลวงเห็นว่ามีคนมาก็พลันตื่นตระหนก หันศีรษะมาคุกเข่าลงไปเสียงดัง ตอบพร้อมเหงื่อไหลพราก “อวี๋กุ้ยเหริน...เกรงว่าคงไม่ไหวแล้วพ่ะย่ะค่ะ...”

ฉินมู่แววตาเกรี้ยวกราด ตวาดเสียงดังลั่น น้ำเสียงเต็มไปด้วยโทสะ “ไร้ประโยชน์สิ้นดี!”

จากนั้นก็ก้าวเท้ายาวๆ ไปนั่งลงบนขอบเตียง รวบหญิงสาวเข้าสู่อ้อมกอด น้ำเสียงโศกเศร้าอาดูร “เหลียงเยว่ เหลียงเยว่ เราผิดต่อเจ้า...สิ่งที่ติดค้างเจ้า เราจะคืนให้ในชาติหน้า”

ขณะที่อวี๋เหลียงเยว่ใกล้จะสิ้นลม ได้ยินน้ำเสียงคุ้นเคยที่ถวิลหาทั้งคืนวันก็พยายามลืมตาขึ้นมา แต่กลับมีเพียงภาพเลือนราง เห็นอะไรไม่ชัดเลยสักนิด

นางยื่นมือออกมา ไม่ง่ายเลยกว่าจะแตะถูกใบหน้าของชายหนุ่ม ฝ่ายตรงข้ามพลันสั่นสะท้าน นางหัวเราะเสียงเบา “ฝ่าบาทกลัวหรือเพคะ? กลัวว่าหม่อมฉันจะทำร้ายพระองค์งั้นหรือ ยามนี้หม่อมฉันถูกพระองค์ทำร้ายจนชีวิตจวนดับสูญ ฝ่าบาทไม่กลัวกรรมตามสนองบ้างหรือเพคะ...”

น้ำเสียงนางแผ่วเบายิ่ง วาจาไม่กี่ประโยค นางก็ต้องใช้เรี่ยวแรงมหาศาล ยามนี้ลมหายใจออกมาก ลมหายใจเข้ากลับน้อยเต็มทน

“เหลียงเยว่ ข้ารู้ว่าเจ้าโทษข้า แต่ยามนี้ข้าคือเจ้านายของแผ่นดิน หากจะโทษ...ก็โทษที่เจ้ารู้เรื่องมากเกินไป เราไม่กล้าเดิมพัน”

ปีที่อายุเต็มสิบห้าครานั้น นางถูกส่งตัวเข้าตำหนักบูรพา ฉินซือเหิงไม่หลงใหลหญิงงาม นางจึงต้องงัดมารยาร้อยเล่มเกวียนมาประจบเอาใจเขา เข้าหาเขา ฉินซือเหิงกระทำเรื่องในม่านมุ้งอย่างหยาบกระด้าง กอปรกับฝึกฝนวรยุทธ์เป็นประจำ เรี่ยวแรงเหลือล้น นางได้แต่ทนรับการเคี่ยวกรำนั้น ต้องพกพารอยแผลเต็มร่างออกมาจากห้องหนังสือของเขากลางราตรีนับคืนไม่ถ้วน

ภายในตำหนักบูรพาหรูหราฟุ้งเฟ้อยิ่งนัก สตรีล้วนแล้วแต่มีโฉมงามพิลาสเฉิดฉัน ตระกูลใหญ่ชุบเลี้ยงมาอย่างเอาใจใส่ ส่งมาที่นี่ก็เพื่อกรุยทางให้อนาคตของตระกูลและของตนเอง แต่ละคนไม่ใช่ผู้ที่จะอยู่ร่วมได้ง่ายๆ ส่วนนางอวี๋เหลียงเยว่ ชาติกำเนิดต่ำต้อย แม้รูปโฉมโดดเด่น แต่กลับถูกผู้คนดูถูกดูแคลน คิดว่านั่นเป็นเพียงเล่ห์มารยาที่ใช้เสน่ห์ล่อลวงคนก็เท่านั้น

ทุกคนดูถูกนาง ลดทอนคุณค่าของนาง

ตอนแรกที่ยังไม่ได้รับความโปรดปราน ชาเย็นชืดและอาหารที่จวนจะเสียเป็นเพียงอาหารเรียกน้ำย่อย ต่อจากนั้นคือวิธีทรมานรูปแบบต่างๆ ไม่จบไม่สิ้น สตรีในเรือนหลังมีเวลาว่างเหลือเฟือ อวี๋เหลียงเยว่จึงกลายเป็นเครื่องแสวงหาความบันเทิงของทุกคน

วันนี้ลงโทษให้คุกเข่า วันรุ่งขึ้นตบปาก บางครั้งจะซุกซ่อนสิ่งน่าตื่นตาตื่นใจเล็กๆ น้อยๆ ไว้ในอาภรณ์ถุงเท้า สถานเบาเพียงได้รับความตกใจ สถานหนักคือเนื้อหนังถลอกปอกเปิก

แต่ไม่เป็นไร นางอดทนผ่านมาได้แล้ว คิดถึงคำมั่นสัญญาที่ฉินมู่ให้ไว้ในวันนั้น นางรู้สึกว่าทุกอย่างนี้ล้วนคุ้มค่า

สุดท้ายกลับกลายเป็นเพียงเครื่องมือที่ถูกกำจัดทิ้งหลังบรรลุเป้าหมายแล้วก็เท่านั้น

สองแขนที่โอบกอดนางกระชับแน่นทีละนิด เรี่ยวแรงนั้นรัดจนนางแทบหายใจไม่ออก น้ำตาเม็ดโตร่วงเผาะลงมาจากหางตาของนาง

มารดาพูดไว้ไม่ผิด บุรุษส่วนใหญ่ล้วนไร้หัวใจ

ประสบเรื่องราวมามากมาย นางจึงมองเห็นกระจ่าง สตรีในโลกนี้สำหรับบุรุษแล้วไซร้ ยามที่รักใคร่หรือมีประโยชน์ให้ฉกฉวยก็จะปรนเปรอเชิดชู รอจนถึงคราวเบื่อหน่ายไม่ต้องการอีกต่อไปก็ทอดทิ้งไม่เหลียวแลได้อย่างง่ายดาย คนโชคไม่ดีก็จะเป็นแบบนาง ทุ่มเทอย่างกล้าหาญตามลำพัง สังเวยชีวิตไปโดยไร้ความหมาย

มีเพียงตำแหน่งและเงินทอง สิ่งโสมมที่ผู้คนในโลก ‘ดูถูก’ จึงสามารถปกป้องนางได้ชั่วชีวิต

นางคิดได้ตอนนี้ก็สายไปเสียแล้ว หากมีโอกาสอีกครั้ง...

นางจะต้องทำให้ฉินมู่มองดูตำแหน่งฮ่องเต้ที่อยากได้นักหนาหลุดลอยไปต่อหน้าต่อตาเขา และอยากใช้ชีวิตเพื่อตนเองอย่างเต็มที่สักครั้ง ไม่ถูกผูกมัดไว้ด้วยคำว่ารักไปชั่วชีวิต สุดท้าย...ก็เพียงทำร้ายผู้อื่น ทำร้ายตนเอง

เสียงฟ้าคำรามดังสนั่นแหวกผ่านท้องฟ้า เสียงลมหวีดหวิว ผ้าม่านตามโถงทางเดินถูกลมพัดโบกสะบัด พายุฝนกำลังจะเทลงมา ในไม่ช้าก็จะชำระล้างธุลีบนพื้นพสุธาจนอันตรธานหายไป รวมถึงสิ่งสกปรกที่มองไม่เห็นภายในตำหนักนั้นก็เหมือนว่าจะถูกชำระล้างไปจนหมดสิ้นด้วยเช่นกัน

เนิ่นนานให้หลัง ประตูห้องเปิดขึ้นอีกครั้ง ฮ่องเต้หนุ่มก้าวออกมา รอยยิ้มประดับอยู่บนใบหน้า ขอบตามีสีแดงเรื่อ สายตามองผู้คนในโถงตรงๆ วาจาที่เปล่งออกมาจากปากกลับพาให้คนสะท้านเฮือก “อวี๋เหม่ยเหรินป่วยหนักเสียชีวิต เป็นเพราะพวกเจ้าปรนนิบัติได้ไม่ดี เราจะให้พวกเจ้าร่วมฝังกับนางก็แล้วกัน”

สิ้นเสียง เสียงคุกเข่าหนักๆ ก็ดังขึ้นจากรอบด้าน บางคนที่ใจไม่หนักแน่นพอถึงขั้นปล่อยโฮออกมา

บางคนกลับมีสีหน้าว่างเปล่า ไม่เชื่อว่าบัดนี้ชีวิตของตนกำลังจะจบสิ้นลงแล้ว

ใบหน้าหมอหลวงเผยความรู้สึกราวได้รับการปลดเปลื้องภาระหนักอึ้ง คุกเข่าก้มศีรษะอย่างกึ่งเจ็บปวดกึ่งโล่งใจ เอ่ยอย่างหนักแน่นว่า “ขอบพระทัยฝ่าบาท หวังว่าฝ่าบาทจะเมตตาคนแก่และเด็กที่ไร้ที่พึ่งในครอบครัวของกระหม่อมด้วยพ่ะย่ะค่ะ”

น้ำเสียงเย็นชาของเขาดังมาจากเหนือศีรษะ “ได้”

ไม่รู้ผ่านไปนานเท่าใด เสียงโหยหวนขาดๆ หายๆ ดังมาจากในตำหนัก

……

หลังจากอวี๋เหลียงเยว่หลับตาลงแล้ว ความตายที่คิดไว้ยังมาไม่ถึง ความทรงจำในวันวานกลับพรั่งพรูออกมา

ความทรงจำในหัว เรื่องที่นางกระทำมาชั่วชีวิตวาบผ่านเข้ามาในความคิดคำนึงของนางแล้วผ่านออกไปราวกับโคมม้าวิ่ง

ความทรงจำสุดท้าย นางนึกว่าในที่สุดชีวิตเช่นนี้ก็จบสิ้นลงเสียที นางทำให้ความปรารถนาของฉินมู่เป็นจริง ได้นั่งบัลลังก์ฮ่องเต้ ตนเองก็จะได้มีความสุข ได้ใช้ชีวิตแบบที่ต้องการ

ทันใดนั้น นางก็เห็นช่วงเวลาที่ติดตามฉินซือเหิง หากกล่าวกันอย่างเป็นกลางแล้ว ช่วงแรกในตำหนักบูรพาชีวิตของนางลำบากยิ่งนัก ต่อมา หลังจากได้รับความโปรดปรานจากฉินซือเหิงบ้าง ชีวิตนางก็เริ่มดีขึ้นมา เพียงโบกมือให้เขาน้อยๆ ของดีๆ ที่อวี๋เหลียงเยว่ไม่เคยเห็นมาก่อนก็เข้ามาอยู่ในห้องของนาง

บทที่เกี่ยวข้อง

  • โฉมสะคราญไร้ใจ   บทที่ 2

    ในไม่ช้า ภายใต้ความร่วมมือกับฉินมู่หลายครั้งหลายครา อวี๋เหลียงเยว่ก็ได้รับความไว้วางใจเล็กน้อยจากฉินซือเหิงอย่างง่ายดาย แม้ไม่มาก แต่ก็เพียงพอแล้วแต่นางมักกลัวว่าจะถูกช่วงเวลาเช่นนี้ทำให้ไขว้เขวจึงเตือนตัวเองว่าไม่อาจลืมภารกิจตั้งแต่ต้นจนจบ นางล้วนไม่อาจลืมเลือนได้ พวกค้ามนุษย์เห็นว่านางมีรูปโฉมงดงามก็คิดจะนำนางไปขายให้ซ่องโสเภณีในราคาสูง เป็นฉินมู่ที่ช่วยเหลือนางไว้ท่ามกลางความสิ้นหวังค่ำคืนวันนั้น แสงดาวระยิบระยับ ดวงตาของเขาทั้งลึกล้ำและสว่างไสว ราวกับธารน้ำไหลเอื่อยในหุบเขา แม้จะปกคลุมด้วยม่านรัตติกาล แต่ก็ยังสะท้อนภาพของนางให้เห็นได้อย่างชัดเจนฉินมู่สอนการอ่านหนังสือคัดอักษรและสอนธรรมเนียมมารยาทให้นางด้วยตนเอง พานางห้อม้าโผนทะยาน ทุกสิ่งที่นางทำเป็นล้วนเป็นเขาถ่ายทอดให้ทั้งสิ้นนางได้สัมผัสกับทุกสิ่งที่ไม่เคยสัมผัสมาก่อนยามนั้นนางอายุเพียงสิบสี่ปี ความรู้สึกในวัยแรกแย้มประหนึ่งเปลวเพลิงที่ถูกลมพัดโหม เผาไหม้รุนแรงยิ่งนักนางหวั่นไหวแล้ว จึงยึดถือถ้อยคำของฉินมู่เป็นจริงเป็นจังฉินมู่บอกว่า รอจนนางทำภารกิจสำเร็จถอนตัวออกมาก็จะให้อยู่ข้างกายเขา สัญญาว่าจะให้ทุกสิ่งที่นาง

    ปรับปรุงล่าสุด : 2025-01-07
  • โฉมสะคราญไร้ใจ   บทที่ 3

    ชิงหลิ่วที่อยู่ข้างๆ กระตุกแขนเสื้ออวี๋เหลียงเยว่เบาๆ พลางมองความเงียบสงัดรอบด้านแล้วหดตัวเล็กน้อย “คุณหนู จู่ๆ มาสถานที่เปลี่ยวๆ แบบนี้กลางดึกกลางดื่นทำไมเจ้าคะ พวกเรารีบกลับกันเถอะเจ้าค่ะ”อวี๋เหลียงเยว่ปรายตามองนางพลางยิ้มบาง “ไม่ต้องร้อนใจ อีกไม่นานก็กลับแล้ว ถ้าเรื่องนี้สำเร็จ วันเวลาดีๆ ของคุณหนูของเจ้ากำลังจะมาถึงแล้วละ...”นางเอ่ยประโยคสุดท้ายด้วยน้ำเสียงเบายิ่ง ชิงหลิ่วได้ยินไม่ชัดนัก แต่นางก็ไม่ได้ถามต่อแอ๊ดหลังจากนั้นมีเสียงเปิดประตูทึบๆ ดังขึ้น ห้องที่ห่างไกลห้องหนึ่งถูกเปิดออก ฝุ่นที่ปะทะเข้ามาหาทำให้สองนายบ่าวไอโขลกไม่หยุด“ปัดกวาดสักหน่อยเถอะ ข้าจะไหว้แม่ข้าที่นี่”ชิงหลิ่วเผยอปากอย่างประหลาดใจ “คุณหนู กราบไหว้ตามอำเภอใจในวัง ถ้าถูกจับได้จะต้องถูกลงโทษนะเจ้าคะ...”“เจ้าวางใจเถอะ”สีหน้าสงบหนักแน่นของอวี๋เหลียงเยว่ทำให้ชิงหลิ่วใจกล้าขึ้นมาบ้าง นางก้าวเข้าไปปัดฝุ่นบนเบาะกลมอย่างรวดเร็ว แล้วปัดกวาดพื้นที่สะอาดมุมหนึ่งให้อวี๋เหลียงเยว่ใช้งาน จากนั้นจึงหลบไปยืนข้างๆ ด้วยใบหน้าผมเผ้าเปื้อนฝุ่นรอยยิ้มบางประดับอยู่บนใบหน้าอวี๋เหลียงเยว่ตั้งแต่ต้นจนจบ มองดูดวงจันทร์ข้

    ปรับปรุงล่าสุด : 2025-01-07
  • โฉมสะคราญไร้ใจ   บทที่ 4

    ใบหน้าไม่แต่งแต้มแป้งชาด แต่เมื่อเข้าไปใกล้กลับได้กลิ่นหอมกรุ่นอ่อนจางจากบนร่างนางดวงตาเขาทอแววลุ่มลึก ยกมือเชื้อเชิญอวี๋เหลียงเยว่ “มานี่”อวี๋เหลียงเยว่หวาดกลัวสามส่วน เขินอายสามส่วน ก้าวมาข้างหน้าช้าๆ ชายกระโปรงเลิกขึ้นรำไรระหว่างเยื้องย่าง เผยให้เห็นความขาวผ่องบอบบางตรงข้อเท้าคล้ายกับรังเกียจว่านางเดินช้าเกินไป ฉินซือเหิงจึงลุกขึ้นมา เมื่อยืนขึ้น เงาร่างสูงใหญ่นั้นก็บดบังสตรีร่างบอบบางตรงหน้าได้อย่างมิดชิด แขนทรงพลังราวกำแพงเล็กนั้นอุ้มร่างนางขึ้นมาก้าวเดินตรงไปที่เตียงอวี๋เหลียงเยว่หลับตาปี๋ แขนที่โอบรอบลำคอเขาสั่นเทิ้มน้อยๆ ฉินซือเหิงนึกว่านางสะเทิ้นอาย มุมปากจึงคลี่ยิ้มบางออกมาแต่มีเพียงนางเองจึงทราบว่า นางหวาดกลัวแล้วกลัวว่าฉินซือเหิงจะมองเห็นความทะเยอทะยานและความปรารถนาในแววตานางเครื่องนอนบนเตียงปูไว้เรียบร้อยมาแต่แรก อวี๋เหลียงเยว่ถูกเขาวางลงบนเตียงอย่างหยาบกระด้าง ต่อจากนั้นก็สัมผัสได้ว่าเขาเริ่มปลดเปลื้องอาภรณ์นางเหมือนชาติที่แล้วไม่มีผิด ฉินซือเหิงช่างไม่รู้จักรักหยกถนอมบุปผาเอาเสียจริงๆถูกกักไว้ในอ้อมแขน นางหลบก็ไม่มีที่ให้หลบ ทั้งยังไม่มีเหตุผลให้หลบใน

    ปรับปรุงล่าสุด : 2025-01-07
  • โฉมสะคราญไร้ใจ   บทที่ 5

    นอกจากนี้ ฉินซือเหิงเทียบกับฉินมู่แล้ว แม้จะเย็นชาไปสักหน่อย แต่เป็นคนใจกว้าง รักษาคำพูด ถือว่าเป็นที่พึ่งที่ดีคนหนึ่งหลังแต่งตัวเรียบร้อย ใบหน้าประดับไว้ด้วยรอยยิ้มพอเหมาะพอเจาะ อวี๋เหลียงเยว่พาชิงหลิ่วไปยังเรือนที่คุ้นเคยหลังนั้นด้วยฝีเท้าเชื่องช้าตลอดทางที่เดินมา ทิวทัศน์ของที่นี่จดจำได้ขึ้นใจมาแต่แรก ชาติที่แล้วนางเคยมานับพันนับหมื่นครั้ง ทว่าสภาพจิตใจไม่เหมือนกัน นางในยามนี้ฝีเท้าเบาสบายขึ้นมากต่างจากการรอโอกาสอย่างเบื่อหน่ายในเรือนหลังของฉินซือเหิงในชาติก่อน ตอนนี้นางมีความหวังต่อชีวิตในอนาคตเป็นอย่างมากตลอดทางมานี้ สาวใช้และหญิงรับใช้เบื้องล่างทราบข่าวมาแต่แรก ต่างแสดงคารวะต่อนางด้วยท่าทางสุภาพการแสดงออกของอวี๋เหลียงเยว่ทั้งไม่เย่อหยิ่งและไม่ประหม่า ทำให้คนจำนวนไม่น้อยบังเกิดความรู้สึกที่ต่างออกไปต่ออนุภรรยาเพียงหนึ่งเดียวที่ไม่ได้มาจากตระกูลสูงศักดิ์อย่างนางจากหอชมจันทร์มาถึงที่พักของพระชายารัชทายาทต้องใช้เวลาราวครึ่งชั่วยาม ตอนนางมาถึง ทั้งเรือนยังคงเงียบสงัดสาวใช้ที่แต่งตัวค่อนข้างดีคนหนึ่งออกมายิ้มเอ่ยว่า “พระชายากำลังแต่งตัวอยู่เพคะ อวี๋เกิงอีเชิญตามสบายนะเพคะ

    ปรับปรุงล่าสุด : 2025-01-07
  • โฉมสะคราญไร้ใจ   บทที่ 6

    “พระชายาอย่าโทษที่บ่าวพูดมากเลยนะเพคะ แต่รูปโฉมของอวี๋ซื่อออกจะ...”หมิ่นซื่อเลิกคิ้วแย้มยิ้ม วางจอกชาในมือลง แววตาเต็มไปด้วยความไม่แยแส “ข้ารู้ว่าหมัวมัวต้องการจะพูดอะไร นางรูปโฉมงดงามก็สามารถใช้ความงามสร้างความสำราญให้ผู้อื่นได้พอดีเลยมิใช่หรือ นอกจากนี้ นางยังไม่ได้มาจากตระกูลใหญ่ สามารถเข้าตำหนักบูรพาที่ใหญ่โตนี้มาได้ก็ได้แต่อาศัยใบหน้านั้น อย่าว่ากระนั้นเลย สายตาของรัชทายาทช่างดีโดยแท้ เป็นคนงามที่เลอโฉมยิ่งนัก”สวี่หมัวมัวได้ยินแล้ว หัวคิ้วก็คลายออกจากกันไม่น้อย พยักหน้ายิ้มๆ “พระชายาพูดถูกเพคะ นับแต่โบราณมาแล้ว แต่งภรรยาเอกดูที่คุณธรรม รับอนุภรรยาดูที่ความงาม ไป๋ซื่อผู้นี้ยามปกติมักทำตัวโอหัง บัดนี้มีอวี๋ซื่อมาอีกคน สามารถข่มนางให้พระชายาได้พอดี หากสามารถแย่งชิงความโปรดปรานจากนางมาได้บ้าง วันหน้าดูซิว่านางยังจะทำอันใดได้”หมิ่นซื่อได้ยินแล้วก็มิได้ตอบรับหรือปฏิเสธ ทว่าในแววตาแฝงความเยาะหยันไว้รางๆ “ไป๋ซื่อโง่เขลาเบาปัญญา ยังนึกว่ารัชทายาทรักนางด้วยความจริงใจ ก็แค่เพราะรัชทายาทต้องแยกจากแม่แท้ๆ สมัยยังเด็ก เด็กที่ไม่มีแม่ พบเรื่องน้อยเนื้อต่ำใจอย่างไรก็ต้องกล้ำกลืนลงไป ดังนั้น

    ปรับปรุงล่าสุด : 2025-01-07
  • โฉมสะคราญไร้ใจ   บทที่ 7

    ชิวเฉิงฮุยเพิ่งเข้าไปภายในตำหนักจื่อเวย เท้าเหยียบลงบนพรมเปอร์เซียล้ำค่าผืนนั้น ครั้นเงยหน้าขึ้นก็แลเห็นภาพหญิงงามเช่นนี้เองไป๋เหลียงตี้นอนเอนร่างอยู่บนตั่งกุ้ยเฟย ชายอาภรณ์วาดเค้าโครงเรือนร่างอวบอิ่มอรชร ใต้อาภรณ์เผยให้เห็นประกายเรื่อเรืองที่ผิวขาวผ่องสะท้อนออกมารำไร ใบหน้าดวงน้อยขนาดเท่าฝ่ามือ ไม่ว่าดวงตาหงส์เรียวยาวมีเสน่ห์คู่นั้นจะแสดงออกเช่นไรล้วนประกอบด้วยความเย้ายวนอย่างหาที่เปรียบมิได้สาวใช้เยาว์วัยคนหนึ่งคุกเข่าอยู่ข้างๆ ตั่งกุ้ยเฟย กำลังพันแขนเสื้อขึ้นนวดขาให้นาง คล้ายกับได้ยินว่ามีคนมา ไป๋เหลียงตี้จึงปรือตาขึ้นอย่างเชื่องช้า ต่อจากนั้นก็เตะสาวใช้เยาว์วัยผู้นั้นเบาๆ “พอแล้ว”สาวใช้ตัวน้อยขานรับอย่างว่าง่ายแล้วเดินไปอยู่ข้างๆ“หม่อมฉันมาตอนนี้ รบกวนการพักผ่อนของเหลียงตี้หรือไม่เพคะ”“มีเรื่องอันใดก็ว่ามา อย่ามาอ้อมค้อมกับข้า” นางพูดพลางหยัดร่างขึ้นนั่งแล้วบิดเอวอย่างเกียจคร้าน ความขาวผ่องอวบอิ่มบริเวณทรวงอกยิ่งนูนเด่นกว่าเดิม พาให้ชิวเฉิงฮุยอิจฉายิ่งนักนางเก็บงำสายตาอย่างรวดเร็ว ระหว่างที่ดวงตาทอประกายวูบวาบก็ก้มหน้าเอ่ยว่า “เหลียงตี้วันนี้ท่านไม่ได้ไปจึงไม่ได้เห็นคนใ

    ปรับปรุงล่าสุด : 2025-01-07
  • โฉมสะคราญไร้ใจ   บทที่ 8

    ฉินซือเหิงกำลังครุ่นคิด อวี๋เหลียงเยว่คารวะเสร็จไม่ได้ยินเสียงบอกให้ลุกขึ้นก็รักษาท่วงท่าคารวะเอาไว้อย่างดื้อดึง โงนเงนอยู่หลายครั้ง ราวกับว่าอึดใจถัดไปก็จะล้มลงไปบนพื้นจ้าวเฉียนมองดูจากเบื้องหลังเช่นนี้ อยากส่งเสียงเตือนอยู่หลายครั้ง แต่ทันใดนั้น ฉินซือเหิงก็ตอบสนองแล้วเขายกมือขึ้นมาประคองแขนอวี๋เหลียงเยว่ทำให้นางไม่ถึงกับล้มลง แล้วถอนหายใจ “ข้าไม่บอกให้ลุกขึ้น เจ้าก็คิดจะยืนต่อไปใช่หรือไม่”อวี๋เหลียงเยว่ก้มหน้า เผยเพียงศีรษะให้เขาดูคนทั้งสองยืนอยู่หน้าประตู ลมราตรีพัดมา กลิ่นหอมกรุ่นก็โชยมา ฉินซือเหิงกวาดสายตามองไปรอบๆ โดยสัญชาตญาณแล้วก็เห็นดอกไม้บริเวณหน้าประตูเขามุ่นคิ้ว “ดอกไม้นี้คุ้นตาทีเดียว”จ้าวเฉียนก้าวสั้นๆ มาข้างหน้า อธิบายว่า “รัชทายาท ดอกไม้นี้เรียกว่าอวี๋เหม่ยเหรินพ่ะย่ะค่ะ”“อ้อ? มีความหมายแฝงอันใดหรือไม่”จ้าวเฉียนถูกถามจนอึ้งไป ทันใดนั้นก็ไม่รู้ว่าควรออกปากอย่างไรดี“รัชทายาท ดอกไม้นี้ไป๋เหลียงตี้ส่งมาแสดงความยินดีที่หม่อมฉันได้รับตำแหน่งเพคะ หม่อมฉันชอบยิ่งนัก” อวี๋เหลียงเยว่รีบเอ่ยปาก กล่าวพลางคล้องแขนฉินซือเหิงเบาๆ ครู่ต่อมา เหมือนจะรู้ว่าไม่เหมาะสมจึ

    ปรับปรุงล่าสุด : 2025-01-07
  • โฉมสะคราญไร้ใจ   บทที่ 9

    วันรุ่งขึ้น ภายในตำหนักบูรพามีคนวิพากษ์วิจารณ์ไม่ขาดสายพอตื่นขึ้นมาครานี้ ตำหนักบูรพาเกิดความเปลี่ยนแปลงขึ้นเสียแล้วรัชทายาทเลื่อนตำแหน่งให้อวี๋หรูเหรินเป็นอวี๋เจาซวิ่น ยังไม่พูดถึงว่านางเพิ่งได้รับตำแหน่งไม่นาน ควรทราบว่าระหว่างหรูเหรินและเจาซวิ่นยังมีเฟิ่งอี๋ รัชทายาทกลับข้ามขั้นผ่านไปอย่างง่ายดายทั้งอย่างนี้เห็นได้ชัดว่า อวี๋ซื่อผู้นี้มิอาจดูเบาข้ารับใช้ที่ปรนนิบัติเก็บความดูแคลนและความดูดายกลับไป ยามเช้าชิงหลิ่วไปรับอาหารเช้า บรรดาสาวใช้และขันทีที่พบนางล้วนแต่ต้อนรับด้วยสีหน้ายิ้มแย้ม นางเปิดฝาออกดูสีสันอาหารในนั้น มุมปากก็วาดขึ้นเป็นวงโค้งแห่งความยินดีต่อจากนั้น รางวัลก็หลั่งไหลเข้ามาในหอชมจันทร์ดุจสายน้ำรัชทายาทแสดงออกชัดว่าจะโปรดปรานอวี๋เจาซวิ่นชิวเฉิงฮุยกำลังรับประทานมื้อเช้า ได้ยินข่าวแล้วก็กินอะไรไม่ลง เบิกตาโตจ้องมองสาวใช้ของตนเอง “รัชทายาทได้พูดถึงเรื่องดอกไม้พวกนั้นหรือไม่?”สาวใช้ส่ายหน้าเบาๆ “ไม่เพคะ”ชิวเฉิงฮุยพลันวางใจ จากนั้นก็เริ่มโมโหขึ้นมา ฝีมือเล็กน้อยของตนเองไม่เพียงไม่สร้างความเจ็บปวดให้คนชั้นต่ำนั่นแม้แต่น้อย รัชทายาทยังโปรดปรานนางถึงเพียงนี้ห

    ปรับปรุงล่าสุด : 2025-01-07

บทล่าสุด

  • โฉมสะคราญไร้ใจ   บทที่ 40

    “หม่อมฉันทราบแล้วเพคะ” ชิงหลิ่วตอบกลับ จากนั้นสิ่งที่ตอบรับนางก็คือเสียงลมหายใจของอวี๋เหลียงเยว่ที่หลับไหลไปแล้ว......สถานที่ที่มีสตรีมากมาย เรื่องราวก็ยิ่งมาก ฉากหน้าเป็นพี่น้องที่แสนดี ทุกคนล้วนให้ความเกรงใจกัน สนิมสนมกลมเกลียวกันมากแต่เบื้องหลังกลับแทบอยากจะฉีกหน้าอีกฝ่ายจนเละ ดึงทึ้งเครื่องประดับบนศีรษะของอีกฝ่ายให้แตกเป็นเสี่ยง ๆ เรื่องราวต่อหน้าและลับหลังเกิดขึ้นในมุมมากมาย......“ได้ข่าวแล้วหรือยัง เหตุใดถึงเกิดเรื่องเช่นนี้ขึ้นได้!” ฉินมู่นั่งอยู่ข้างโต๊ะ จมอยู่ท่ามกลางเงาดำมืด แค่เสียงก็ทำให้คนรู้สึกกลัวจนตัวสั่นสะท้านที่ปรึกษาที่กำลังคุกเข่าอยู่ตัวสั่นระริก หยาดเหงื่อเม็ดใหญ่หยดลงพื้น “กระหม่อมสืบมาแล้ว ถึงได้ข่าวว่าคนผู้นั้น...มีความสัมพันธ์ย่ำแย่กับภรรยาที่บ้านมานานแล้ว ถึงขนาดที่พูดได้ว่า...จงเกลียดจงชัง ดังนั้นเมื่อเราเอาภรรยาของเขามาบีบบังคับ เขาจึงแกล้งรับปาก แต่ความจริงแล้วกลับสืบหาจุดมุ่งหมายและดูลาดเลาของพวกเรา สุดท้ายก็ตลบหลัง ไม่ทำตามที่เราสั่งพ่ะย่ะค่ะ...”นับตั้งแต่ที่ฉินมู่ได้รับข่าวจากทางอวี๋เหลียวเยว่เมื่อครั้งก่อน เขาก็ดำเนินการอย่างรวดเร็วเข

  • โฉมสะคราญไร้ใจ   บทที่ 39

    “อวี๋เจาซวิ่น” “น้อมคารวะฉือเฉิงฮุยเพคะ” อวี๋เหลียงเยว่ยิ้มพลางคารวะฉือชิวเยียนรีบส่งสัญญาณให้สาวใช้ไปประคองด้วยความเกรงใจมาก ก่อนจะรีบกล่าวว่า “ข้าไม่ถือเรื่องพวกนี้ ข้าเพิ่งเข้าตำหนักบูรพา ยังมีเรื่องมากมายที่ไม่เข้าใจ วันหน้ายังต้องรบกวนให้อวี๋เจาซวิ่นช่วยดูแลอีกมาก” อวี๋เหลียงเยว่ไม่เปลี่ยนสีหน้า “ฉือเฉิงฮุยกล่าวอันใดกันเพคะ ตำแหน่งของท่านสูงกว่าหม่อมฉัน ชาติตระกูลก็ดี วันหน้าจะต้องก้าวขึ้นตำแหน่งสูงอย่างรวดเร็วแน่นอนเพคะ”นี่เป็นการปฏิเสธคำขอของนางอย่างสุภาพฉือชิวเยียนหน้าทะมึนลง แต่ไม่นานก็กลับมาเป็นปกติอีกครั้ง “เจ้าไม่จำเป็นต้องถ่อมตัวไป พอข้ามาถึงก็ได้ยินว่าเจ้าเข้ามาที่ตำหนักบูรพาก็ได้รับความโปรดปรานจากองค์รัชทายาทมาก ไฉนจะเหมือนกับพวกเราที่ได้ร่วมราตรีเพียงครั้งเดียวก็ไม่มีโอกาสได้พบองค์รัชทายาทอีก” ฉือซื่อพูดพลางทำหน้าหม่นหมองเล็กน้อย“องค์รัชทายาทจะพบใครหรือไม่พบใคร หม่อมฉันก็ไม่สามารถช่วยเรื่องนี้ได้เช่นกัน พี่ฉือเพคะ ตอนนี้หม่อมฉันรู้สึกง่วงเล็กน้อย ขอกลับเรือนก่อนนะเพคะ” อวี๋เหลียงเยว่กล่าวจบก็เดินจากไป ไม่ให้โอกาสฉือชิวเยียนได้พูดคุยต่อเลยคนหน้าเนื้อใจเส

  • โฉมสะคราญไร้ใจ   บทที่ 38

    เมื่อสูญเสียบุตรไปแล้ว ฉินซือเหิงได้รับข่าวก็รีบไปที่หอหยกหิมะ เมื่อเผชิญหน้ากับเขา ไป๋ซื่อก็ร้องห่มร้องไห้ด้วยความเสียใจอีกครั้งราวกับดอกสาลี่ต้องหยาดฝน ช่างน่าสะเทือนใจ ถึงอย่างไรก็เป็นสตรีที่ตอนเคยโปรดปรานมาก่อน เมื่อเห็นนางเสียใจถึงเพียงนี้ เขาเองก็เศร้าใจกับกาสูญเสียบุตรไปเช่นกัน จึงปลอบใจดี ๆ อยู่นาน อีกทั้งยังพำนักอยู่ในเรือนของนางหลายวันต่อมา ไป๋ซื่อรั้งองค์รัชทายาทให้พำนักอยู่ในเรือนของนางทุกคืน หอหยกหิมะที่ก่อนหน้านี้ยังไร้ชีวิตชีวา ไม่นานก็คึกคักขึ้นมาอีกครั้งภายในหอดุจจันทร์ พระชายารัชทายาทลูบสร้อยประคำในมือโดยที่ไม่ได้รู้สึกแย่อะไร วันนี้ตำแหน่งด้านขวาล่างว่างเปล่าอีกครั้งคนอื่น ๆ มากันครบแล้วใบหน้าของนางดูไม่ออกถึงความรู้สึกใด ๆ อวี๋เหลียงเยว่เริ่มสังเกตสองคนที่มาใหม่อย่างละเอียดอีกครั้ง คนหนึ่งแซ่อวี้ มีนามว่าอวี้หานเซียง ชื่อช่างเหมาะสมกับตัวคน เล่ากันว่าเมื่อเกิดมาก็มีกลิ่นหอมอ่อน ๆ ติดกาย รูปโฉมงดงามแต่ไม่ได้เย้ายวน ตรงกันข้ามใบหน้ากลับให้ความรู้สึกเย็นชานับตั้งแต่ที่เข้ามาในหอดุจจันทร์ อวี๋เหลียงเยวก็สังเกตเห็นว่านางนั่งอยู่ตรงนั้นด้วยท่าทางเชิดคางมองตร

  • โฉมสะคราญไร้ใจ   บทที่ 37

    ฮวาต้วนก็มองอย่างตะลึงงัน แต่บทเรียนจากหลายครั้งที่ผ่านมาทำให้นางใจเย็นลงอย่างรวดเร็ว รีบตัดสินใจส่งน้ำแก้วหนึ่งไปที่ริมฝีปากของไป๋ซื่อ “เหลียงตี้เพคะ ท่านรีบดื่มน้ำเถิดเพคะ! อาจจะดีขึ้นบ้าง! ยังต้องใช้เวลาสักพักกว่าหมอหลวงจะมาถึง ท่านไม่ได้เสวยอะไรมาทั้งวัน เวลานี้ก็ไม่มีแรงแล้วด้วย”ไป๋ซื่อกำลังคิดจะบันดาลโทสะ เมื่อได้ยินคำพูดของนางก็รู้สึกว่ามีเหตุผลมาก จึงรับไปดื่มรวดเดียวจนหมดหลังจากดื่มหมดก็เป็นการรอคอนที่แสนยาวนานเวลานี้นางรู้สึกนึกเสียใจอย่างสุดซึ้ง หมอหลวงกำชับอย่างเด็ดขาดแล้วว่าให้นางพักผ่อนให้ดี อย่าได้มีอารมณ์รุนแรงแต่ว่าตอนนี้นึกเสียใจก็ไม่มีประโยชน์แล้ว เนื่องจากไม่นานก็มีดอกไม้โลหิตสีสันสดใสเบ่งบานเป็นดวงใหญ่ที่ใต้ชายกระโปรง ย้อมจนเป็นสีแดงผืนใหญ่ เมื่อฮวาต้วนเห็นสีแดงนั้นในดวงตาก็เหมือนกับเห็นกระบี่ที่แย่งชิงชีวิตก็ไม่ปาน ทำให้นางกรีดร้องด้วยความตกใจ!“ใครก็ได้ แย่แล้ว! ใครก็ได้รีบมาที เหลียงตี้แย่แล้ว!” นางเหมือนกับเป็นบ้าไม่สนใจภาพลักษณ์ ปิ่นมุกบนศีรษะก็หลุดรุ่ย ก่อนจะกรีดร้องตะโกนเสียงดังตรงหน้าประตูไม่นานข้ารับใช้ด้านล่างก็รีบกรูกันเข้ามา บ้างก็ไปตามหมอห

  • โฉมสะคราญไร้ใจ   บทที่ 36

    “พ่ะย่ะค่ะองค์รัชทายาท กระหม่อมทราบแล้ว” จ้าวเฉียนเดินตามหลัง ข่มกลั้นความตกตะลึงในใจ บังคับตัวเองไม่ให้หันห้าไปมองอวี๋ซื่อ องค์รัชทายาทไม่เคยลุ่มหลงในความงดงามของอิสตรี ยิ่งไม่ต้องพูดถึงการเอาใจใส่สตรีนางหนึ่ง อวี๋เจาซวิ่นเพิ่งร่วมราตรีได้ไม่นาน ก็ได้รับความโปรดปรานจากองค์รัชทายาทถึงเพียงนี้ ทำให้เขาตกใจจริง ๆ...แต่ก็เห็นได้ถึง ความเฉียบแหลมของอวี๋เจาซวิ่น“หยกสมปรารถนาชิ้นนั้นเป็นของที่อดีตฮ่องเต้ทรงทิ้งไว้ พระราชทานให้กับฮ่องเต้องค์ปัจจุบัน และฝ่าบาทได้พระราชทานให้องค์รัชทายาท บัดนี้องค์รัชทยาททรงมอบให้อวี๋เจาซวิ่น ช่างเป็นการเอาใจใส่เกินไปหน่อยจริงๆ” พระชายารัชทายาทหยุดพลิกดูสมุดบัญชีในมือ แล้วทำสีหน้าใคร่ครวญออกมาพระชายารัชทายาทชอบดูชอบฟังเกี่ยวกับเรื่องนี้ ความอวดดีไร้เหตุผลของไป๋ซื่อ ประการแรกเป็นเพราะกำลังสนับสนุนจากตระกูลมารดาของนาง ประการที่สองเป็นเพราะความโปรดปรานจากองค์รัชทายาท อีกทั้งยังให้กำเนิดพระนัดดารัชทายาทเพียงหนึ่งเดียวแต่อวี๋ซื่อผู้นี้ ไม่ว่าจะเป็นตระกูลหรือว่าสิ่งอื่นใดล้วนห่างชั้นจากไป๋ซื่อมากนัก แต่เมื่อเห็นเหตุการณ์ที่ผ่านมานี้ รู้สึกได้ราง ๆ ว่านางยัง

  • โฉมสะคราญไร้ใจ   บทที่ 35

    เขายื่นมือไปโอบเอวบางของอวี๋เหลียงเยว่ ให้นางนั่งตักของเขาแล้วหัวเราะเบา ๆ ว่า “เจ้ามาอยู่ตำหนักบูรพาได้นานพอสมควรแล้ว ได้ยินว่าเจ้าให้ความเคารพต่อพระชายารัชทายาทมาก” ได้รับความโปรดปรานแต่ไม่เย่อหยิ่ง ถือเป็นข้อดีอย่างหนึ่งยามค่ำคืนอวี๋เหลียงเยว่ก็ถอดปิ่นมุกมากมายบนศีรษะออกเช่นกัน เส้มผมสีดำสยายอยู่ด้านหลังศีรษะ มีหลายเส้นตกลงมาบนไหปลาร้าของนางอย่างซุกซน ทำให้ฉินซือเหิงอดมองนานขึ้นไม่ได้ “พระชายาทรงมีเมตตาต่อหม่อมฉันมากมาตลอด หม่อมฉันย่อมเคารพนางเป็นธรรมดาเพคะ”นางกล่าวด้วยใบหน้าไร้เดียงสา จากนั้นก็ยื่นแขนขาวนวลไปโอบคอของรัชทายาทอย่างกล้าหาญมากอีกครั้ง ท่าทางดูพึ่งพิงมาก ทำให้ฉินซือเหิงรู้สึกสบายใจมากเขายกมือขึ้นมาลูบดวงหน้าเล็กนุ่มละมุนของนาง “เจ้ารู้ความ เราย่อมโปรดปรานเจ้ามากยิ่งขึ้น” อวี๋เหลียงเยว่ฟังแล้วก็ปล่อยผ่านไป ไม่ได้เก็บมาใส่ใจแม้แต่น้อย หากชอบเจ้า เจ้าก็จะเป็นของล้ำค่าในดวงใจ ไม่ว่าทำสิ่งใดล้วนดีไปหมด หากชิงชังเจ้า เกรงว่าเจ้าไม่อาจเทียบได้แม้กระทั่งฝุ่นบนพื้น ฝุ่นยังมีคนปัดกวาด ชาติที่แล้วนางไม่ได้รับความโปรดปราน ทำได้เพียงปล่อยให้คนเหยียบย่ำ อวี๋เหลียงเย

  • โฉมสะคราญไร้ใจ   บทที่ 34

    หลังจากนี้ต่อให้จับได้ พอถึงตอนนั้นก็สายไปแล้วลองถามดูเถิด ใครเล่าจะเชื่อคำพูดของนักโทษคนหนึ่ง? คำพูดเพ้อเจ้อของนักโทษ หากเชื่อขึ้นมา ตนเองก็คงเป็นคนบ้าเหมือนกันไม่ใช่หรือ? นางหัวเราะเบา ๆ แล้วไม่อธิบายอะไรอีก ก่อนจะแกว่งเท้าเล็ก ๆ ดื่มเครื่องดื่มเย็น ๆ ในชามจนหมดในอึกเดียว จากนั้นก็เงยหน้าเผยให้เห็นความจริงใจเล็กน้อย “ชิงหลิ่วคนดี อีกประเดี๋ยวเจ้านี่ก็หมดแล้ว ไม่สู้...เจ้าช่วยไปที่ห้องเครื่องเอามาให้ข้าอีกสักชามเถิด” นางกล่าวพลางทำทางไร้เดียงสา ชิงหลิ่ว “นายหญิงเพคะ ส่วนของท่านมีแค่ชามเดียว หมดแล้วเพคะ”อวี๋เหลียงเยว่ไม่หลงกล ขณะที่กำลังเตรียมตัวอ้อนวอนต่อ สายตามองไปเห็นเงาดำด้านนอกประตู จึงเปลี่ยนน้ำเสียงในพริบตาว่า “บัดนี้องค์รัชทายาททรงโปรดปรานข้า ข้าขอเครื่องดื่มเย็น ๆ เพิ่มอีกชามคงไม่เป็นไรหรอก! องค์รัชทายาททรงมีความสามารถถึงเพียงนี้ ยังจะถูกข้ากินจนหมดตัวได้อีกหรือ!” “พูดได้ดี เราต้องพยายามเสียแล้ว เพื่อไม่ให้เราโดนเจ้ากินจนหมดตัว”ฉินซือเหิงสาวเท้าเดินเข้ามาอย่างฉับไว ใบหน้ามีรอยยิ้มบาง ๆ แค่เห็นก็รู้ว่าอารมณ์ดีมากปลาติดเบ็ดแล้ว ได้มาอย่างไม่เปลืองแรงเลยแต่สิ่ง

  • โฉมสะคราญไร้ใจ   บทที่ 33

    ข่าวที่ชิงหลิ่วส่งออกไปถูกส่งต่อไปถึงมือของฉินมู่ เขามองชื่อที่เขียนบนกระดาษจดหมายแล้วขมวดคิ้วกล่าวว่า “สืบประวัติคนผู้นี้แล้วหรือยัง”ที่ปรึกษาใต้บังคับบัญชาพยักหน้า เอ่ยเสียงเบาว่า “กระหม่อมไปสืบแล้วพ่ะย่ะค่ะ เรื่องนี้อยู่ในความรับผิดชอบขององค์รัชทายาทมาโดยตลอดจริง ๆ หากเขาอยู่ในกองขนส่งเสบียง กระหม่อมคิดว่าข่าวนี้เป็นความจริงพ่ะย่ะค่ะ” ฉินมู่ผงกศีรษะ แนวกรามที่เรียบคมเผยให้เห็นความเย็นชาอำมหิต เขานั่งอยู่บนเก้าอี้อย่างเกียจคร้าน แสงไฟภายในห้องสลัว ครู่ต่อมาเขาจึงถามอีกว่า “แม่นางอวี๋ในตำหนักบูรพาสบายดีหรือไม่” ที่ปรึกษามองเขาอย่างยากจะสังเกตเห็นแวบหนึ่ง ก่อนจะก้มหน้ากล่าวออกมาว่า “สบายดีไปหมดทุกอย่างพ่ะย่ะค่ะ” เมื่อได้ยินคำนี้ แววตาของเขาก็ทะมึนลง จากนั้นก็คลี่ยิ้มหยันออกมา “ดี” ไม่มีใครเห็นว่าบนโต๊ะของเขามีภาพวาดภาพหนึ่ง สตรีบนภาพเลอโฉมเฉิดฉัน ดวงหน้างดงามดุจดังเทพเยนในภาพวาด นัยน์ตาดูเฉลียวฉลาด หางตาและคิ้วมีเสน่ห์เย้ายวนใจราวกับพรายน้ำเขายกมือขึ้นมา นิ้วที่มีข้อต่อชัดเจนลูบไล้แก้มของสตรีในภาพวาด ผ่านไปสักพักก็มีเสียงแผ่วเบาดังมาจากในห้องที่มืดสลัวว่า “เจ้าเป็นของข้า...

  • โฉมสะคราญไร้ใจ   บทที่ 32

    ชิงหลิ่วไม่รู้ว่าเหตุใดจึงถามเช่นนี้ จึงทำได้เพียงพยายามเอ่ยอย่างคลุมเครือให้มากที่สุด ยิ่งเอ่ยมากก็ยิ่งผิดมากฉินซือเหิงเข้าใจกระจ่างแจ้งแล้ว หนึ่งเดือนมานี้มีคนใหม่เข้ามาในตำหนักบูรพา อวี๋เหลียงเยว่จึงอยากพึ่งพิงเขามากขึ้นเล็กน้อย...คิดว่าคงไม่สบายใจ ทว่าเมื่อเกิดการคาดเดาเช่นนี้ขึ้นมา ในใจของเขาก็เกิดความรู้สึกที่ยากจะอธิบายให้ชัดเจนขึ้นมาเล็กน้อยความรู้สึกนี้ดำเนินต่อไปจนกระทั่งเขาเข้าเฝ้าที่ท้องพระโรงถึงค่อย ๆ จางหายไป...... หลังจากเข้าเฝ้าเสร็จสิ้นแล้วกลับมาที่ตำหนักบูรพา จ้าวเฉียนก็มาช่วยเขาเปลี่ยนเป็นสวมชุดฉางฝู ยังไม่ทันนั่งลง สาวใช้ด้านนอกก็มาแจ้งว่าไป๋เหลียงตี้อาเจียนไม่หยุด ขอให้องค์รัชทายาทไปดูความหมายในคำพูดนี้มีไม่น้อยเลยจริง ๆ อาเจียนสินะ เมื่อคำนวณดูแล้วไป๋เหลียงตี้เพิ่งจะตั้งครรภ์นี้ได้แค่หนึ่งเดือน น่าจะยังไม่ถึงช่วงเวลานี้ อีกอย่างการที่สตรีมีครรภ์อาเจียน ปกติแล้วเป็นเพราะว่าได้กลิ่นอะไรบางอย่าง หรือว่ากินอะไรบางอย่าง ไม่ว่าเป็นเพราะอะไร คิดว่าไป๋เหลียงตี้คงจะสร้างเรื่องอีกแล้ว จ้าวเฉียนคิดเช่นนี้ ฉินซือเหิงลูบสร้อยประคำมันเงาบนมือแล้วสั่งการว่า “ไปเช

DMCA.com Protection Status