บทที่5
นอกใจ
การที่ซัมเมอร์ไปเฝ้ากวินซ้อมทุกวัน ทำให้เธอตกเป็นเป้าสายตาของโค้ชที่ชื่อณัฐ นอกจากเขาจะเป็นโค้ชแล้ว เขายังเป็นอาจารย์พิเศษของมหาวิทยาลัยอีกด้วย เขาเป็นชายหนุ่มหน้าตาดีคนหนึ่ง ที่มีความฮอทฮิตไม่น้อยไปกว่า นักบาสในทีมเลย
“เห็นมานั่งรอเจ้ากวินหลายวันแล้ว โค้ชยังไม่รู้จักเลยชื่ออะไรกันบ้าง”
วันนี้ลูกพีชไปที่สนามเป็นเพื่อนซัมเมอร์ โค้ชจึงถามชื่อของคนทั้งคู่ ทั้งที่สายตาดูแล้ว คงอยากรู้แค่ชื่อของซัมเมอร์คนเดียว
สาวสวยช่างเจรจาทำหน้าที่ รายงานชื่อของตัวเธอและลูกพีช แววตาที่คนทั้งคู่มองกัน มันทำให้ลูกพีชที่สนิทกับซัมเมอร์มานาน พอเดาได้ ว่าเพื่อนของเธอกำลังคิดอะไรกับสายตาของโค้ชที่แสนจะดูเจ้าชู้ขนาดนั้น
“โค้ชทั้งหล่อและเก่งแบบนี้ ถึงได้พาลูกทีมหล่อและเก่งไปด้วยทุกคน” ซัมเมอร์ป้อนคำหวาน
“ยังหล่อสู้กวินไม่ได้ ไม่อย่างนั้นคงได้มีโอกาสมีสาวสวยหน้าตาดีมาเฝ้าทุกวันอย่างเจ้ากวิน”
“โค้ชก็พูดเกินไปค่ะ” คนโดนชมทำท่าอายแบบยั่วยวน
หลังจากวันนั้น ลูกพีชก็ไม่ได้ไปที่สนามบาสอีก เพราะเธอมีรายงานที่ต้องทำหลายเรื่อง อีกทั้งตอนนี้ เธอมีงานคู่ที่ต้องทำกับฌอน ซึ่งเป็นเพื่อนที่เรียนสาขาเดียวกัน และเขาก็นัดเธอทำช่วงเย็นทุกวัน
ฌอนเป็นผู้ชายที่ชอบชายด้วยกัน เขามีรูปร่างหน้าตาดี บุคลิกภาพภายนอกดูเป็นผู้ชายที่ดูดีคนหนึ่งเลย มีแต่เพื่อนที่สนิทเท่านั้นถึงจะดูรู้ว่าเขาเป็นชายรักชาย
ตอนแรกใครๆในสาขาก็เข้าใจว่าฌอนจีบลูกพีช มีก็แต่ตัวสาวน้อยเองที่รู้ว่าเพื่อนชายของเธอ ไม่ได้มีผู้หญิงอย่างเธอเป็นเป้าหมายแน่นอน
“ลูกพีช ซัมเมอร์ล่ะ”
เสียงคุ้นเคยดังมาจากด้านหลังของหญิงสาวที่กำลังนั่งอ่านหนังสืออยู่คนเดียว เพราะฌอนลงไปทำเรื่องยืมหนังสือที่ต้องใช้ทำรายงานด้านล่าง
“เอ้า!..พี่กวิน วันนี้ไม่ซ้อมบาสเหรอคะ” หญิงสาวแปลกใจ เพราะไม่เคยเจอชายหนุ่มรุ่นพี่ที่อื่น นอกจากที่คณะและสนามบาส
“ซ้อม แต่วันนี้โค้ชไม่ได้มา เลยพากันเลิกไว” ชายหนุ่มอธิบายด้วยสีหน้าไม่ดี
“ซัมเมอร์อยู่ไหน”
คนถามมองหน้าหญิงสาวตรงหน้าอย่างคาดคั้นเอาคำตอบ
“คือ... พีชไม่เข้าใจค่ะ คือพีชยังไม่ได้กลับหอเลย ทำรายงานอยู่ที่นี่ตั้งแต่บ่าย ไม่รู้เลยค่ะว่าซัมเมอร์ไปไหน ก็ปกติก็เห็นพี่กวินกับซัมเมอร์ก็อยู่ด้วยกันทุกเย็นนี่คะ ”
ลูกพีชพูดตามที่เธอรับรู้ นานมากแล้วที่เธอไม่ได้กินข้าวเย็นกับซัมเมอร์ เพราะตัวเธอเองก็ติดทำรายงานหลายเล่ม บางวันทำจนถึงดึกเพราะเธอมีฌอนคอยไปส่ง ก็ไม่ต้องกังวลว่าตอนกลับจะมืด กลับไปก็เจอซัมเมอร์อยู่ที่หอแล้ว มีเพียงแค่ไม่กี่ครั้งที่เธอกลับก่อนเพื่อนสาว
“ก็เกือบทุกวันนะ แต่ไม่ใช่ทุกวัน แต่วันนี้ซัมเมอร์ไลน์บอกพี่ว่าจะอยู่ที่หอ วันนี้จะไปกินข้าวกับลูกพีช เพราะไม่ได้กินข้าวด้วยกันหลายวันแล้ว” กวินอธิบาย
“อ๋อ..ซัมเมอร์คงคิดว่าพีชจะกลับเร็ว คงรออยู่ที่หอ เพราะพีชก็ไม่ได้บอกซัมเมอร์ค่ะว่าวันนี้จะทำรายงานกลับมืด พี่กวินอย่าคิดมากนะคะ”
ลูกพีชบอกให้กวินอย่าคิดมาก ทั้งที่ตัวเธอคิดไปไกลแล้ว ซัมเมอร์รู้อยู่แล้วว่าเธอกลับหอดึกทุกคืนช่วงนี้ แล้วถ้ารอเธอกินข้าวจริงๆ ป่านนี้คงโทรมาหาแล้ว แต่ถ้าพูดตามความจริง มีหวังคนทั้งคู่ต้องทะเลาะกันแน่ๆ
“พูดจริงใช่ไหม ช่วงนี้พี่ว่าซัมเมอร์เขาแปลกไป ไปหาพี่ที่สนามก็อยู่ไม่นานบ้าง หรือบางครั้งพอกินข้าวแล้วก็รีบกลับบอกมีรายงาน” กวินยังไม่สบายใจ
“พี่กวินคะ นี่มันใกล้จะสอบแล้วนะคะ ใครๆเขาก็มีรายงานเยอะกันทั้งนั้น ใครจะเหมือนพี่ปี3 ที่ช่วงนี้มีแต่วิชาปฏิบัติ ไม่ค่อยมีเล่มรายงานอย่างน้องๆล่ะคะ” ลูกพีชพยายามพูดให้ชายหนุ่มสบายใจ
“แล้วเรามืดแล้วทำไมยังไม่กลับ”
พอได้ฟังคำตอบที่พอช่วยให้สบายใจได้ รุ่นพี่ก็หันมาถามเรื่องของรุ่นน้องบ้าง
“พีชมากับเพื่อนค่ะ เดี๋ยวหอสมุดปิดเพื่อนเอา รถมา เดี๋ยวก็ไปส่งที่หอค่ะ”
“ถ้าอย่างนั้นพี่กลับก่อนนะ”
ชายหนุ่มเดินหันหลังลงหอสมุดไป คนที่ถูกซักถามถอนหายใจด้วยความโล่งอก กลับไปเธอคงต้องมีเรื่องคุยกับซัมเมอร์แน่ๆ ทำไมถึงได้เอาชื่อเธอไปอ้างโดยไม่นัดกันก่อนเลย
“เมื่อกี้ใคร หล่อเชียว”
ฌอนเขามาตั้งนานแล้ว แต่ไม่อยากเข้ามาขัดคอก็เลยแอบอยู่ด้านนอก
“เขาเป็นรุ่นพี่ที่คณะเรานี่แหละ เขาเป็นแฟนกับเพื่อนเราที่อยู่หอด้วยกัน” ลูกพีชตอบตามความจริง
“ไอ้เราก็นึกว่า มาจีบพีชเสียอีก” คนแซวทำหน้าทะเล้น
“กลับกันเถอะ”
หญิงสาวอยากลับหอใจจะขาด อยากกลับไปคาดคั้นเอาความจริงกับเพื่อนสาวของเธอ ว่ามันเกิดอะไรขึ้น
“เอ้า!...กลับมาแล้วเหรอลูกพีช”
“ไปไหนมาวันนี้ รู้ไหมพี่กวินไปหาเราถึงหอสมุด ไปถามว่าเธออยู่ไหน แล้วทำไมเอาชื่อเราไปอ้าง แล้วยังไม่บอกเราสักคำ ถ้าพี่เขาไม่เชื่อคำโกหกของเรา มีหวังเธอได้ทะเลาะกันแน่ๆ”
ลูกพีชไม่ตอบคำถาม แต่กลับร่ายยาวด้วยความอัดอั้น อยากจะพูดกับเพื่อน ซัมเมอร์ปกติมีอะไรจะเล่าให้เธอฟังตลอด ถึงแม้ทุกวันนี้ลูกพีชไม่ได้ไปกับซัมเมอร์ ในทุกที่ แต่ซัมเมอร์ก็จะกลับมาคอยเล่าถึงความคืบหน้าความสัมพันธ์ของเธอกับรุ่นพี่ให้ลูกพีชได้ฟังตลอด
“เฮ้ย...แล้วเธอตอบเขาไปว่าไง”
คราวนี้จากที่นั่งเขี่ยโทรศัพท์อย่างสบายใจก็ลุกนั่งอย่างตกใจ
“ก็บอกไปว่าเธอคงไม่รู้ว่าเราจะกลับดึก คงรออยู่ที่หอ” คนเล่าถอนหายใจ
“แล้วพี่กวินเชื่อไหม” ซัมเมอร์ลุกขึ้นมานั่งใกล้ๆเพื่อรอคำตอบ
“เชื่อมั้ง ใครจะไปรู้ว่าเขาเชื่อจริงหรือแกล้งเชื่อ”
ซัมเมอร์มั่นใจว่าเขาคงเชื่อจริง เพราะเมื่อก่อนที่ลูกพีชจะเข้ามา เขาเพิ่งโทรหาเธอ และพูดเหมือนเชื่อเธอว่านอนอยู่หอจริงๆ
“ซัมเมอร์ เธอไปไหนมา ถ้าไม่บอกความจริงกับเรา เราจะไม่โกหกให้อีกแล้วนะ”
ตั้งแต่เป็นเพื่อนกันมา ซัมเมอร์เองก็จะเป็นฝ่าย ใช้น้ำเสียงที่จริงจังเสียมากกว่า แต่ครั้งนี้ ลูกพีชจ้องตาเพื่อนสาว น้ำเสียงที่ถามก็เอาจริงเอาจัง ไม่เหมือน ลูกพีชคนเดิมเลย
ถ้าเรื่องนี้ไม่เกี่ยวกับกวิน ชายหนุ่มที่เธอแอบรักมาหลายปี เธอคงไม่เข้าไปก้าวก่ายเรื่องส่วนตัวของเพื่อนสาว แต่หัวใจของเธอกำลังจะไม่มีความสุข สีหน้าของเขา ที่ลูกพีชเจอวันนี้ บอกได้ถึงความไม่สบายใจ
“ไว้เราพร้อม เราจะเล่าให้ฟังทุกเรื่องนะ เราขอเวลากับเรื่องนี้อีกสักพัก เราสัญญา”
ซัมเมอร์เปลี่ยนสีหน้าเหมือนคนจะร้องไห้ คว้ามือของเพื่อนสาวขึ้นมาจับไว้ แววตาที่เคยสดใสตลอดเวลา ตอนนี้มันมีความเศร้าปนอยู่ในนั้น
บทที่6สงสัย จากเรื่องราววันนั้นที่กวิน มาตามหาซัมเมอร์ก็สร้างความสงสัยให้กับเพื่อนสนิทอย่างลูกพีช เธอจึงพยายามสืบเรื่องนี้ด้วยตัวเอง “พี่โอมคะ พีชมีอะไรอยากขอคุยด้วยหน่อย” คนที่ลูกพี่พอจะรู้จักในทีมบาสอีกคนก็มีเพียงโอมเพื่อนของกวิน “พี่รู้ว่าเราอยากคุยกับพี่เรื่องอะไร เราไปที่คุยที่คนน้อยกว่านี้เถอะ” ชายหนุ่มรูปร่างดีแต่ความหล่อยังสู้พี่กวินของ ลูกพีชไม่ได้ เขาพาเธอขับมอเตอร์ไซค์ ไปหาที่คุยแถวชายหาด ที่ไม่ค่อยมีคน “ว่ามา มีอะไรจะคุยกับพี่”หลังจากจอดรถตรงบริเวณที่มีโขดหินให้นั่ง คนพามาก็ชิงถามก่อนเลย “พี่รู้ไหมคะ ว่าตอนนี้ซัมเมอร์เขาไปไหนมาไหนกับใครยังไงบ้าง” ลูกพีชไม่รู้จะเริ่มถามตรงไหนก่อน “ถามอ้อม พี่ก็ตอบอ้อมๆนะ” “ถ้าอย่างนั้น พีชถามตรงๆ ซัมเมอร์กำลังนอกใจพี่กวินอยู่หรือเปล่าคะ”หญิงสาวไม่อยากพูดตรงๆ แต่ถ้าขืนยังอ้อมต่อไป คงไม่ได้รู้ความจริง “นอกใจ แน่นอน แต่ยังไม่มีหลักฐาน” ชายหนุ่มนั่งค่อมรถกอดอกอย่างครุ่นคิด “พี่โอมสงสัยใครคะ” ความจริงแล้วหญิงสาวมีคนในใจอยู่เหมือนกัน
บทที่7ความลับถูกเปิดเผย “ใจเย็นๆ ค่อยๆเล่า” หญิงสาวปลอบเพื่อนที่กำลังเหนื่อยหอบเพราะกลั้นเสียงร้องไห้ไว้ในใจ “ตอนแรกที่โค้ชเขาเข้ามาคุย เขาของไลน์เราก็ให้ คุยกันได้ไม่นาน เขาก็ชวนเราไปกินข้าว เราก็คิดว่าแค่กิ๊กกันสนุกๆ” คนเล่าหยุดพูด มองหน้าเพื่อนเหมือนอยากจะปล่อยโฮอีกรอบ “พอนานไป เราก็เริ่มผูกพัน เขาเป็นผู้ใหญ่กว่า เขาคอยดูแลเราได้ทุกเรื่อง แต่เราก็ไม่ได้คิดว่าจะจริงจัง เรายังรักพี่กวินอยู่ วันนั้นเราตัดสินใจบอกเลิกโค้ช เขาขอให้เราไปเจอเขาที่ห้องเป็นครั้งสุดท้ายๆ แล้ว.....” คราวนี้คนเล่า หยุดเล่า เอามือทั้งสองข้างปิดหน้า เพราะอายในสิ่งที่เธอกำลังจะต้องพูดมันออกไป น้ำตาเริ่มไหลอาบสองแก้ม ก่อนที่เธอจะตั้งสติสูดลมหายลึกๆ มองหน้าคนฟังและเริ่มเล่าต่อ “วันนั้นเราไปหาเขาที่ห้อง แล้วเขากับเราก็มีอะไรกัน” “โค้ชปล้ำเธอใช่ไหมซัมเมอร์” ลูกพีชลุกยืนด้วยความโกรธ “ไม่ใช่ ไม่ใช่ เราต่างหากที่ยอมเขาเอง” คนยอมรับเอามือตบหน้าตัวเองไปมาเหมือนคนเสียสติ “อย่าทำร้ายตัวเองแบบนั้น ปล่อยมัน มันพลาดไปแล้ว”มือทั้งสองถูกลูกพีชจับไว
บทที่8แค้นที่ลงผิดคน พรุ่งนี้เช้าเป็นวันหยุด กวินจึงขับรถออกจากที่จอดรถใต้หอ และขับออกมาตามถนนเลียบหาด อยู่ดีๆความรู้สึกของเขาก็คิดถึงใครบางคน “ออกมาหาพี่หน่อยได้ไหม ไม่ต้องบอกซัมเมอร์นะ พี่มีอะไรจะเล่าให้ฟัง” ชายหนุ่มกดโทรศัพท์ เพื่อขอให้รุ่นน้องสาวออกมาหาเขาหน่อย “เอ่อ...ได้ค่ะ” ปลายสายถึงจะลังเลอยู่บ้าง แต่จากฝั่งน้ำเสียง ก็มั่นใจ ว่าคนโทรมาจิตใจคงไม่ปกติแน่ ๆ ลูกพีชเลือกที่จะโกหกซัมเมอร์ว่าเพื่อนที่สาขาโทรมา คืนนี้เธออาจกลับเช้าเลยเพราะนี่ก็จะตีหนึ่งแล้ว ถึงแม้จะสงสัยแต่ซัมเมอร์ก็ไม่กล้าถาม เพราะเมื่อคราวเธอ เพื่อนของเธอยังไม่ถามเธอเลย จึงได้แต่บอกให้เพื่อนระวังตัว เพราะมันดึกแล้ว “มีอะไรหรือคะพี่กวิน”เมื่อประตูรถถูกปิดลงหญิงสาวก็ถามด้วยความสงสัยทันที “พีชรู้เรื่องนี้มานานแค่ไหน” คนถามไม่แม้แต่จะหันมามอง “เรื่องอะไรคะ” ลูกพีชไม่แน่ใจ ว่าเรื่องที่กวินถาม กับเรื่องที่เธอรู้เรื่องเดียวกันไหม “ลงไปซื้อเบียร์ให้หน่อย เอาให้หมดเงินที่ให้ไป” ชายหนุ่มยื่นเงินจำนวนหนึ่งให้เธอ ไม่นานหญิงสา
บทที่9หลบหน้า หลังจากความสัมพันธ์ที่เกิดจากความไม่ตั้งใจได้ผ่านพ้นไป ลูกพีชตื่นขึ้นพร้อมร่างกายที่เปลือยเปล่า เธอค่อย ๆ ควานหาเสื้อผ้าของเธอ แต่งตัวให้เรียบร้อย เหมือนเมื่อคืนนี้ไม่มีอะไรเกิดขึ้น แล้วจึงเดินทางกลับหอด้วยตัวเอง เพราะไม่อยากให้เขาตื่นมาเจอหน้าเธอ “ไปไหนมาพีช ท่าทางเหมือนไม่ได้นอนเลย” ซัมเมอร์กำลังเตรียมที่จะไปเรียนแต่เช้า เห็นสภาพเพื่อนเหมือนคนไม่ได้นอนมาทั้งคืน “ทำรายงานทั้งคืนเลย งานไม่เสร็จ” คนตอบหลบสายตา “ถ้าไปเรียนไม่ไหว ก็นอนก่อน ขาดแค่ไม่กี่ครั้งอาจารย์เขาไม่ว่าหรอก”ซัมเมอร์เห็นสภาพเพื่อน อยากให้ลูกพีช พักผ่อนก่อน เพราะไปเรียนสภาพนี้คงไม่ไหว “ว่าจะไม่ไป เดี๋ยวเราไปอาบน้ำก่อนนะ” หญิงสาวพาร่างไร้เรี่ยวแรงเข้าไปในห้องน้ำ เมื่อเสียงปิดประตูดัง หญิงสาวก็ปล่อยเสียงร้องไห้ อย่างสุดที่จะกลั้นเอาไว้อยู่ ตอนนี้ในห้องมีเพียงเธออยู่คนเดียว เธอไม่จำเป็นต้องกลัวใครรู้ ภาพสภาพใบหน้าที่แสนจะหมองคล้ำ อาบได้ด้วยคราบน้ำตา ลูกพีชมองตัวเองในกระจก เธอมีคุณค่าเพียงแค่เป็นที่ระบายแค้นของเขา เธอนี่มันใจง่ายจริง ๆ
บทที่10ความลับของเราสองคน ความผิดครั้งนี้ฝังลงในจิตใจ ของหญิงสาว เธอนั่งเรียนแบบร่างที่ไร้วิญญาณ ตาเหม่อลอย ไม่ได้ยินเสียงต่าง ๆ ที่ดังอยู่รอบตัว “เป็นอะไรของเธอลูกพีช ทำท่าเหมือนคนกำลังอกหัก” ฌอนถามเพราะนั่งสังเกตมานาน “ลูกพีช” เรียกชื่อซ้ำอีกรอบ “ฮะ! อะไรนะ เรียกเราเหรอ” หญิงสาวได้สติหันมาตอบตามเสียงคนที่เรียกชื่อ “เป็นอะไรของเธอ ตั้งแต่เช้าแล้ว เอาแต่นั่งเหม่อ อกหักหรือไง มีอะไรก็เล่า ให้เราฟังได้นะ” ถึงแม้ลูกพีชกับฌอน จะสนิทกันไม่เท่าซัมเมอร์ อาจเป็นเพราะทั้งสองคน คนละเพศกัน แต่หลายเรื่องที่เพื่อนสนิทต่างเพศคนนี้ เป็นที่ปรึกษาให้เธอได้ตลอด ความคิดแผนการบางอย่าง ผุดขึ้นในหัวของ หญิงสาว ซึ่งแผนนี้ฌอนต้องช่วยเธอได้แน่ๆ เอาไว้เลิกเรียน เธอจะลองขอร้องเขา แต่คงเป็นการขอร้องแบบที่เธอคงไม่เล่าความจริงทั้งหมดให้เขาฟัง “เดี๋ยวเลิกเรียน เราไปหาอะไรกินกันนะ แล้วพีชจะเล่าให้ฌอนฟัง” ชายหนุ่มพยักหน้า เขาทั้งเป็นห่วงทั้งอยากรู้ เพราะอาการของเพื่อนสาว ดูแล้วจะแย่เอาการ ใต้ตาช้ำจนกลายเป็นสีน้ำตาล หน้า
บทที่11เมื่อมันไม่ใช่ความรักก็ควรจบ “เป็นไงล่ะ ตีบทแตกกันทั้งคู่เลยนะ” สองนักแสดงพากันหัวเรา ให้กับผลงานการแสดงของทั้งคู่ ที่เพิ่งแสดงไปที่ร้านอาหาร “เขาเชื่อสนิทเลย เชื่อเราสิพีช” ฌอนมั่นใจ “เราก็ว่าอย่างนั้นแหละ” ลูกพีช แอบมองสายตา ที่กวินมองมาที่เธอและฌอน เขาเชื่อจริงๆ เพราะสายตามีความโมโหแสดงออกมาอย่างชัดเจน เขาเห็นเธอมีแฟนแล้ว เขาคงเลิกยุ่งกับเธอแน่ๆ หญิงสาวโล่งใจ เลิกเรียนแล้ว วันนี้ฌอนมีนัดกับเพื่อนชายคนสนิทของเขา เลยไม่ได้ไปส่งลูกพีชที่หอ เหมือนที่ตั้งใจไว้ หญิงสาวจึงเดินกลับคนเดียวตามปกติ “ขึ้นรถ บอกให้ขึ้นรถ” เสียงตะโกนดังมาจาชายหนุ่มที่อยู่ในรถที่ขับมาจอดข้างเธอ แทนที่จะขึ้นรถ ตามคำสั่งของคนในรถ หญิงสาวกลับรีบสาวเท้าเดินให้ไวที่สุดเท่าที่ทำได้ โดยไม่หันหน้ามามอง รถที่ขับตามเธอมาอย่างติดๆ ปี๊ด ๆ ๆ เสียงบีบแตรของกวิน ทำเอาสายตาคนแถวนั้นหันมามาอง ตามแหล่งที่มาของเสียงพร้อมกัน หญิงสาวแทบจะวิ่งไปให้พ้นเขา แต่ก็ไม่กล้า กลัวผู้คนจะพากันตกใจ และจะกลายเป็นเรื่องราวใหญ่โต “จะขึ้นมาดีๆ
บทที่12รักเธอ..แม่สื่อของฉัน “อย่าเรียกมันว่าความรักเลย ระหว่างพี่กับซัมเมอร์ มันเป็นความหลงมากว่า พี่ยอมรับพี่หลงเพราะเขาเป็นผู้หญิงหน้าตาดี” ชายหนุ่มค่อยๆปล่อยมือทั้งสองข้าง ออกจากแขนเรียว ที่แดงช้ำเพราะถูกแรงของเขารัดไว้จนแน่น หญิงสาวจึงค่อยๆขยับตัวลุกขึ้น “ที่พี่เสียใจ เพราะผิดหวังกับความรู้สึกดีๆที่พี่ให้ซัมเมอร์ แต่เขากับทำลายทุกอย่างเพียงเพราะตามใจอารมณ์ของตัวเอง” กวินก้มหน้ากับฝ่ามือทั้งสองข้างของตัวเอง “ทั้งพี่และซัมเมอร์ไม่ได้รักกัน ตั้งแต่เกิดเรื่อง เพื่อนของพีช ก็พยายามขอกลับไปอยู่สถานะเดิมกับโค้ช จนโค้ชต้องมาขอให้พี่ช่วย แต่พี่ก็ปฏิเสธไป เพราะไม่อยากเข้าไปยุ่งเกี่ยวอีก” “จริงเหรอคะ” หญิงสาวถามทั้งที่เธอก็พอรู้เรื่องนี้อยู่แล้วบ้าง “ส่วนพี่ ตั้งแต่ที่เรามีอะไรกัน พี่ก็ถามตัวเองตลอด ว่ามันเกิดขึ้นเพราะอะไร และความรู้สึกตอนนี้มันคืออะไรกันแน่” กวินเงยหน้าจากฝ่ามือทั้งสองข้างและหันมาจ้องตาหญิงสาวที่นั่งอยู่ข้างๆบนเตียง “ใช่มันเกิดจากความเมา และความโกรธ จนเมื่อพี่มาเห็นพีชอยู่กับไอ้ผู้ชายคนนั้น หัวใจของพี่
1หวังดี “ภณนายไปเรียนมหาวิทยาลัยมา ณิศาเขาไม่เหมือนเดิมแล้วนะ” ปาลิดาตัดสินใจมาเตือนเพื่อน ซึ่งเป็นเพื่อนที่เธอแอบหลงรักมาตั้งแต่เด็ก ๆ “ไม่เหมือนเดิมยังไง ดิวนี่เธอโตแล้วนะ ยังจะไม่เลิกอิจฉาณิศาเขาอีกเหรอ” ปาลิดาคิดแล้วว่า กันตภณไม่มีทางเชื่อในสิ่งที่เธอมาเตือนเขา และสุดท้ายเธอเองนั่นแหละที่จะเป็นฝ่ายโดนว่าให้ช้ำใจกลับมา “นายจะคิดจะว่าอะไรเรา ก็ตามใจ แต่หัดเปิดหูเปิดตาดูบ้าง เผื่อจะโง่น้อยลง” หญิงสาวเริ่มมีอารมณ์ “ได้ แต่เธอก็ควรจะไปลดความขี้อิจฉาลงบ้าง อย่างไรเราก็เป็นเพื่อนกันมานานทั้งสามคน ณิศาเขาไม่เคยว่าเธอเลยสักคำ มีแต่เธอที่คอยจะมาใส่ร้ายเขาตลอดเวลา” ชายหนุ่มรักและเชื่อใจในตัวแฟนสาวมาก เพราะเขากับเธอ ตกลงคบกันเป็นแฟนมาเกือบสิบปีแล้วกันตภณเขาจำได้เมื่อตอนเด็กๆ ปาลิดาแอบชอบเขาถึงขนาดเขียนจดหมาย มาวางไว้ที่ใต้โต๊ะทุกวัน และวันที่เขาตัดสินใจเป็นแฟนกับณิศา ดิวก็เอาแต่ร้องไห้และอาละวาดใส่ณิศาหาว่าแย่งเขาไปจากเธอ“ฉันยอมรับ ว่าเมื่อตอนเด็กๆ ฉันมันขี้อิจฉา แต่ตอนนี้ฉันโตแล้ว จำไว้นะว่าฉันมาเตือนนายแล้ว”ถึงแม้จะเ