น้ำกระเซ็นตามจังหวะคนที่ถูกยกขึ้น จนเกิดเป็นคลื่นกระเพื่อมไหวเฟิ่งจิ่วเหยียนใช้มือทั้งสองข้างปิดร่างกายส่วนหน้าไว้ทันทีทว่าด้านหลังของนาง กลับเปิดเปลือยไปทั้งกายร่างกายไม่ได้อ้อนแอ้นเกินเหตุ สายตาของเซียวอวี้ทอดมองไปยังบริเวณบั้นเอวของเฟิ่งจิ่วเหยียนบั้นเอวของนางไม่มีรอยช้ำใด ๆ จากฝ่ามือซ้ำยังเกลี้ยงเกลา และแน่นกระชับคิ้วคมของเซียวอวี้มุ่นเข้าหากัน ม่านตาทอแววเยือกเย็นไม่เลือนหายฝ่ามือของเฟิ่งจิ่วเหยียนร้อนผ่าว บริเวณหน้าผากมีเหงื่อเม็ดเล็ก ๆ ผุดขึ้นมาเต็มเมื่อครู่เพราะความฉุกละหุก นางจึงใช้ลมปราณสลายเลือดคลั่งแต่เนื่องจากเป็นระยะเวลาสั้น ๆ จึงเสียพลังภายในไปไม่น้อยในตอนนี้นางจึงอ่อนแรงแต่ฮองเต้ทรราชไม่ล้มเลิกความสงสัยที่มีง่าย ๆวินาทีต่อมา เขาก็รวบเอวของนางด้วยฝ่ามืออันใหญ่ นิ้วโป้งทาบลงตรงบั้นเอวของนาง แล้วออกแรงกด...“อื้อ!” เฟิ่งจิ่วเหยียนรู้สึกเจ็บแปล๊บถึงขั้วกระดูก จึงส่งเสียงอื้ออึงในลำคอออกมาอย่างอดไม่ได้ต่อมานางก็ไม่กล้าแสดงอาการอะไรออกมา เพียงอดกลั้นไว้ชายหนุ่มด้านหลังเอ่ยถามด้วยน้ำเสียงเย็นเหยียบ“บาดเจ็บที่เอวหรือ?” นางส่ายหน้า “เปล่า เหตุใ
ณ ห้องทรงพระอักษรเซียวอวี้กำลังตรวจตราราชสารอยู่พลันหยุดชะงัก นัยน์ตาทอแววเยือกเย็น“นางอยากได้ตราประทับทอง?”ขันทีผู้มากราบทูลพลันสะอึก“พ่ะย่ะค่ะ ฝ่าบาท พระนางเสด็จมาขอเข้าเฝ้าอยู่นอกตำหนัก เพื่อตราประทับทอง”แต่ว่าตราประทับทองอยู่กับหวงกุ้ยเฟยเช่นนี้ไม่เท่ากับว่าฮองเฮาตั้งใจจะหาเรื่องหรอกหรือ!เหงื่อเย็น ๆ ผุดขึ้นมาตามหน้าผากของขันที เพราะกลัวว่าตนเองจะถูกฝ่าบาทบันดาลโทสะใส่บนม่านกั้นหลังบัลลังก์มังกร สะท้อนเกิดเป็นร่างเงาใบหน้าของเซียวอวี้เลือนราง ดวงตาคู่เรียวยาวดุจเหยี่ยว ทอแววคมกริบอันตราย“ไปบอกนาง หากยังไม่เจียมตัวเช่นนี้ต่อไป เราจะปลดนางลงจากฮองเฮาเสีย”“บ่าวน้อมรับคำบัญชาพ่ะย่ะค่ะ!”……บริเวณนอกห้องทรงพระอักษรสายตาของเฟิ่งจิ่วเหยียนเรียบนิ่ง ไม่โกรธไม่ยินดี ราวกับละทางโลกไปแล้วยามที่ขันทีตรงหน้าบอกกล่าวคำตรัสของฮ่องเต้เสร็จ จึงโน้มน้าวนางเสริม “ฮองเฮา เชิญท่านกลับไปเถอะพ่ะย่ะค่ะ“หวงกุ้ยเฟยเป็นผู้ใช้ตราประทับทองมาโดยตลอด ฝ่าบาทมิอาจยึดคืนกลับมาจากนางได้หรอกพ่ะย่ะค่ะ“นอกเสียจากว่าหวงกุ้ยเฟยไม่ต้องการมันแล้ว”เหลียนซวงได้ยินถ้อยคำนี้ พลันโมโหโทโสแ
ณ ตำหนักหลิงเซียว หวงกุ้ยเฟยกำลังเจ็บปวดทรมาณเพราะอาการปวดหัวภายในตำหนัก หมอหลวงกำลังฝังเข็มคลายอาการให้นางบนเก้าอี้พระที่นั่งทำจากไม้จันทร์แดงนอกตำหนัก มีจักรพรรดิผู้ทรงอำนาจ นั่งขมวดคิ้วอยู่บนนั้น“คนที่ส่งไปตำหนักหย่งเหอล่ะ!”สิ้นคำพูดเพียงเสี้ยววิ ข้าหลวงผู้นั้นก็พรวดพราดเข้ามาอย่างลุ้มลุกคลุกคลาน“ฝ่าบาท! ฮองเฮาทรงตรัสว่า ยานั้นเหลืออยู่ไม่มาก ไม่สามารถให้ได้…”ดวงตาของเซียวอวี้ทอแววคมกริบ ราวใบมีด ให้ความรู้สึกเหมือนความตายมารออยู่ข้างหลัง“ไปเรียกฮองเฮามา!”เมื่อจักรพรรดิพิโรธ ย่อมไม่มีผู้ใดกล้าชักช้าไม่นานหลังจากนั้น ข้าหลวงและขันทีที่ถูกส่งไปครั้งที่สองก็กลับมาขันทีคุกเข้าบนพื้นทูลรายงานอย่างกระอึกกระอัก“ฝ่าบาท พระนาง…ทรงพักผ่อนแล้วพ่ะย่ะค่ะ”เพล้ง!เซียวอวี้สะบัดชายเสื้อ ปัดแก้วชาบนโต๊ะแตกกระจายเขาผุดตัวลุกขึ้น กล่าวด้วยเสียงเยือกเย็น“เตรียมขบวนรถม้าไปที่ตำหนักหย่งเหอ”ส่วนด้านในตำหนัก หวงกุ้ยเฟยเจ็บปวดแทบเป็นแทบตาย พร่ำร้องเรียกหา “ฝ่าบาท” ไม่หยุดก่อนที่ฮ่องเต้จะเสด็จก็กลับเข้ามาในตำหนัก แล้วปลอบโยนนาง“สนมรักอดทนไว้นะ เราจะกลับมาในอีกไม่ช้า”ฮ่อง
ณ ตำหนักฉือหนิงไทเฮาดูใจดีมีเมตตา ทว่าทุกคำที่เอื้อนเอ่ยออกมากลับมีแบบแผนเป็นขั้นเป็นตอน“ฮองเฮา ตอนนี้เจ้าถือครองตราประทับทองอยู่ในมือ ไม่ว่าจะจัดการเรื่องอันใดในวังหลัง ก็คงสะดวกยิ่งขึ้น“อาทิเช่นรายชื่อของนางสนมอุ่นเตียง คงถึงเวลาจัดการให้เป็นระบบระเบียบแล้ว“กลุ่มที่เพิ่งเข้ามาใหม่ไม่ใช่ปัญหาใหญ่ แต่เหล่านางสนมที่เข้าวังมาเนิ่นนานแล้วคงมิอาจรีรอได้อีกต่อไป“โดยเฉพาะ ‘คนเก่า ๆ’ เฉกเช่นเสียนเฟยและหนิงเฟย อย่าได้ปล่อยให้พวกนางเหน็บหนาวหัวใจเชียว“หากเจ้าทำให้ฝ่าบาทมอบความเมตตาแก่ทุกคนอย่างทั่วถึง นางสนมเหล่านั้นจักเคารพเจ้าเป็นแน่ และจะเชื่อฟังเจ้าแต่เพียงผู้เดียว“เมื่อเป็นเช่นนี้ เจ้าก็จะสามารถควบคุมวังหลังได้ง่ายกว่าเดิม…”เฟิ่งจิ่วเหยียนผงกหัวตอบรับ“เสด็จแม่พูดถูกเพคะ“คราที่หม่อมฉันยังอยู่ในจวน ก็ได้ฟังท่านแม่พร่ำสอนอยู่บ่อยครั้ง หากภายในเรือนสงบสุข ประมุขย่อมจัดการเรื่องภายนอกได้อย่างสบายใจ นี่คือหลักการเป็นภรรยา”ไทเฮาพยักหน้าอย่างปลื้มใจ“ในเมื่อฮองเฮาทราบถึงหลักการนี้ ข้าก็สบายใจ”เมื่อออกมาจากตำหนักฉือหนิง เหลียนซวงก็รีบกล่าวเตือนเฟิ่งจิ่วเหยียน“พระนาง ไทเฮ
ไทเฮาถามข้าหลวงที่มาทูลรายงาน “ตกลงมันเกิดอะไรขึ้น? ไฉนอยู่ดี ๆ ถึงทะเลาะกันขึ้นมาล่ะ? ใครเป็นคนเริ่ม?”ข้าหลวงผู้นั้นตอบกลับ“พระสนมทั้งหลาย…พวกนาง พวกนางไม่พอใจหนิงเฟย เริ่มแรกเพียงทะเลาะกันด้วยฝีปากเท่านั้น ทว่าต่อมาก็เริ่มลงไม้ลงมือ หนิงเฟยถูกล้อมไว้หลายคน ไร้เรี่ยวแรงเอาคืน…” “เป็นเช่นนี้หรือ!” เมื่อครู่ไทเฮายังนิ่งดูดาย แต่พอได้ยินว่าหลานสาวของตนเสียเปรียบ พลันกังวลขึ้นมาทันที“ฮองเฮาล่ะ! หรือว่าฮองเฮาแค่ดูเฉย ๆ!”……ตำหนักหย่งเหอหนิงเฟยผู้คาบช้อนเงินช้อนทองมาเกิด ไหนเลยจะเคยถูกกระทำเช่นนี้ตั้งแต่ที่เข้าวังมา ฝ่าบาทไม่เคยเอ็นดูเมตตานาง ปล่อยให้คนที่เคยงดงามในวัยเยาว์เช่นนางกลายเป็นสตรีทึนทึกตอนนี้ไม่ว่าผู้ใดต่างก็กล้าเหยียบย่ำนาง ว่านางไม่คู่ควรกับตำแหน่ง ดีแต่พึ่งพาบารมีผู้เป็นป้านางจึงทนไม่ไหวเป็นธรรมดาส่วนใครเป็นคนลงไม้ลงมือ นางไม่รู้จริง ๆรู้แค่ว่าจู่ ๆ ก็มีเสียงคนกรีดร้อง จากนั้นก็มีคนมาล้อมนางไว้โดยพลันบ้างดึงผมนาง บ้างกระชากอาภรณ์ของนาง ถึงขั้นมีคนถุยน้ำลายใส่นางด้วยซ้ำ!!!หนิงเฟยจึงแทบเสียสติเมื่อเฟิ่งจิ่วเหยียนเห็นภาพนี้ สีหน้าพลันเคร่งขรึมตอนที
ห้องมืดใต้ดินที่คับแคบ ได้เจอกันเพราะโลกกลมหากเจ้าไม่ตายก็ข้าตายตาคิ้วคมของชายหนุ่ม แววตาแคบลง รัศมีสังหารนั้น อันตรายอย่างยิ่งเฟิ่งจิ่วเหยียนไม่ได้สวมชุดดำ ไม่ได้คลุมหน้าหากไม่มั่นใจว่าจะสามารถฆ่าเขาได้ในคราวเดียว ก็นิ่งไว้ รอจังหวะบุกโจมตี ไม่เช่นนั้นหากถูกเปิดเผยความจริงว่านางมีวรยุทธ ก็จะถูกเปิดเผยสถานะนักฆ่ายิ่งไปกว่านั้น นางไม่เหมือนกับฮ่องเต้ทรราช ไม่มีความชอบเข่นฆ่าผู้บริสุทธิ์คนคนนี้แค่ทำตามคำสั่ง ไม่ใช่คนชั่วช้าอำมหิตหัวสมองของนางครุ่นคิดอย่างรวดเร็ว หาวิธีว่าจะเอาตัวรอดออกไปยังไง“เจ้าเป็นใคร มาอยู่ที่นี่ได้อย่างไร?”สายตาเซียวอวี้เยือกเย็นที่แท้ ฮองเฮาไม่รู้ว่าเขาเป็นใครก็ใช่ พวกเขาเคยเจอกันแค่สองครั้งวันแต่งงานคืนแรก ในมุ้งไร้แสงไฟคืนวันจับตัวนักฆ่า เขาอยู่ข้างหลังนาง นางยืนอยู่ในถังอาบน้ำ หันหลังให้กับเขาตลอด ไม่ได้หันมามองดูเขาเลยนางไม่รู้ว่าจริง ๆ ว่า เขารูปร่างหน้าตาเป็นอย่างไรแต่ในเมื่อฮองเฮารู้ความลับของเขา งั้นก็เก็บไว้ไม่ได้“รนหาที่ตาย...”เสียงของเขาค่อนข้างแหบ เหมือนเคยถูกไฟเผาเฟิ่งจิ่วเหยียนนิ่งอยู่กับที่ เตรียมพร้อมกับการต่อสู้
สายตาเฟิ่งจิ่วเหยียนเยือกเย็นนางไม่ยอมพูดอธิบายอะไรมาก...ต่อให้อยากถอนพิษวารีสวรรค์นี้ ก็ไม่สามารถทำได้เลยในทันที จะต้องขึ้นอยู่กับสถานการณ์ของผู้ถูกพิษด้วย เว้นช่วงสักพักหนึ่งทำการฝังเข็มหนึ่งครั้ง การถอนพิษในคราวเดียว ก่อนอื่นทำไม่ได้ อย่างรอง ผู้ถูกพิษก็รับไม่ไหว“บอกข้ามาก่อน คนวางยาพิษคือใคร”ข่มขู่เขา?เซียวอวี้พูดขึ้นมาด้วยน้ำเสียงแฝงไปด้วยความมีอํานาจ“ถอนพิษก่อน”ทั้งสองคนต่างยืนหยัด เพียงเพราะต่างไม่เชื่อใจกันและกันชายหนุ่มพูดขึ้นมาด้วยสายตาเย็นชาว่า “ไม่ถอนพิษนี้ เจ้าก็ไม่ต้องออกไปแล้ว...”นางรู้ความลับของตนเอง เดิมเขาก็ไม่คิดที่จะเก็บนางไว้ได้ยินเช่นนี้ สายตาเฟิ่งจิ่วเหยียนเยือกเย็นชาตอบแทนคุณด้วยความเนรคุณ!ทันใดนั้น สายตาของนางมองไปบนเตียงหยกขาวแล้วก็พบว่า ดูเหมือนกลไกจะอยู่บนเตียง!หลังจากนางกดลง ข้างบนก็ปรากฏทางออกมาจริง ๆ ทันทีนั้น นางไม่รีรอ ใช้วิชาตัวเบาออกมาจากห้องลับนั่นทันที และก็ไม่คิดเรื่องที่จะถอนพิษให้กับคนคนนั้นอีกเซียวอวี้ขมวดคิ้วแน่น รีบตามนางออกมาแต่นางรวดเร็วอย่างมาก หายไปกับความมืดในพริบตาเดียวองครักษ์หลายคนเพิ่งรู้สึกตัว พร้อมร
เท่าที่เฟิ่งจิ่วเหยียนรู้ ก็คือในวันแต่งงาน ท่านแม่เล่าให้นางฟังพวกนั้นส่วนครั้งนี้ ไฉ่เยว่บอกให้รู้มากยิ่งกว่า“หลังจากที่คุณหนูถูกส่งตัวกลับมา ก็อาเจียนไม่หยุด”“สิ่งที่นางอาเจียนออกมา ไม่ใช่เศษอาหาร แต่เป็นอุจจาระของมนุษย์!”“พวกเขากล้าเอาสิ่งพวกนั้นให้คุณหนูกิน...”“อีกอย่าง พวกเขาไม่เพียงเหยียบย่ำร่างกายคุณหนู ยังใช้คีมเหล็กร้อนแดงเพื่อปฏิบัติต่อคุณหนูอย่างโหดร้าย...หมอบอกว่า คุณหนูไม่สามารถมีลูกได้อีกต่อไป!”ไม่สามารถมีลูก สำหรับหญิงสาวแคว้นหนานฉีคนหนึ่ง ถือเป็นความหายนะอย่างยิ่งไฉ่เยว่สะอึกสะอื้นหลายครั้ง ไม่สามารถพูดได้อย่างรู้เรื่องในที่สุด นางกุมหน้าร้องไห้อย่างเจ็บปวดเฟิ่งจิ่วเหยียนเม้นริมฝีปากเป็นเส้นตรง แววตาเฉียบคม เปล่งรัศมีสังหารออกมาภายในห้องคับแคบเต็มไปด้วยความเยือกเย็นผ่านไปเนิ่นนาน ไฉ่เยว่ค่อยสงบอารมณ์จิตใจจากนั้นก็คุกเข่าตรงหน้าเฟิ่งจิ่วเหยียนอีกครั้ง“บ่าวขอบังอาจถามว่า ท่าน... คิดที่จะฆ่าหวงกุ้ยเฟยเพื่อแก้แค้นใช่ไหม?”สีหน้าเฟิ่งจิ่วเหยียนเยือกเย็น มือกำหมัดไว้แน่นไฉ่เยว่พูดต่ออีกว่า“พระนาง ตอนที่คุณหนูยังมีสติอยู่ สั่งให้บ่าวจะต้องบอกกับ
จันทร์เสี้ยวลอยลงต่ำ ดวงอาทิตย์ลอยขึ้นสูงณ พระราชวังแคว้นซีหนี่ว์ในที่ประชุมเช้า เหล่าขุนนางมองไปยังคนที่อยู่บนบัลลังก์มังกร ใบหน้าเต็มไปด้วยความสงสัย และความประหลาดใจขุนนางผู้หนึ่งเอ่ยถามอย่างใจกล้า“คนที่นั่งอยู่บนนั้น เจ้าเป็นใคร! แล้วประมุขแคว้นอยู่ที่ใด!”คนที่อยู่ด้านบน ถึงแม้หน้าตาจะคล้ายกับประมุขแคว้น ทว่าส่วนท้องนูนออกมา เห็นชัดว่าเป็นลักษณะของการตั้งครรภ์ คนผู้นี้กับประมุขแคว้นเมื่อหลายวันก่อนผู้นั้น ไม่ใช่คนเดียวกันโดยสิ้นเชิงความแตกต่างที่เห็นชัดเช่นนี้ ขอเพียงไม่ใช่คนตาบอด ก็มองออกชัดเจนหลังจากมีคนหนึ่งออกหน้า คนอื่น ๆ ก็พากันเกิดความสงสัยตามมา“รีบบอกมา เจ้าเป็นใครกันแน่!”“เจ้าคนชั่วอาจหาญ กล้าสวมรอยเป็นประมุขแคว้น ยังไม่รีบลงมาอีก!”“ประมุขแคว้นเล่า? ทหารรักษาพระองค์อยู่ที่ใด รีบไปตามหาประมุขแคว้น!”ในราชสำนักเริ่มเกิดความวุ่นวายก่อนหน้านี้หูย่วนเอ๋อร์ก็ถูก “ขัง” อยู่ในคุก มิได้เข้าร่วมประชุมเช้าของวันนี้ จึงมีเพียงโอวหยางเหลียนเท่านั้นที่รู้ความจริงในที่นี้โอวหยางเหลียนยืนอยู่ตรงนั้น โดยไม่เอ่ยสิ่งใดจากนั้น เฟิ่งจิ่วเหยียนที่อยู่บนบัลลังก์มังกรก
เมิ่งฉวีกับภรรยามองดูคนตรงหน้า ด้วยสีหน้าเคร่งขรึมแม่ทัพเมิ่งเอ่ยเตือนด้วยคำพูดดี ๆ“ต้วนเจิ้ง เรื่องนี้เกี่ยวข้องกับความปลอดภัยของรัชทายาท ที่ประทับของฮองเฮา เจ้าไม่จำเป็นต้องรู้”ต้วนเจิ้งเป็นน้องชายแท้ ๆ ของต้วนไหวซวี่จิ่วเหยียนก็ปฏิบัติต่อเขาอย่างดีที่สุด มอบบ้านพักที่เซียวเหยาจวีให้กับเขา ทำให้เขาไม่ต้องเร่ร่อนไร้ที่อยู่ก่อนหน้านี้เพราะหร่านชิวบังคับให้บอกตำแหน่งหลุมฝังศพของต้วนไหวซวี่ จึงจับต้วนเจิ้งไปขังไว้ เพื่อหลบหนีออกจากกรงขัง ต้วนเจิ้งจึงล้มจนขาหักผ่านการพักฟื้นกว่าสองปี ตอนนี้ขาของเขาหายเป็นปกติแล้ว สามารถยืนและเดินได้ฮูหยินเมิ่งมองออกว่า ต้วนเจิ้งผู้นี้โตแค่อายุ ความคิดไม่ได้โตตามไปด้วยเขายังปฏิบัติตนเองเหมือนเป็นเด็ก คิดจะตามติดจิ่วเหยียนตลอดเวลา มีบางคำพูด จิ่วเหยียนไม่อาจทำใจที่จะเอ่ยออกมาตรง ๆ ได้ แต่นางในฐานะอาจารย์หญิง อดรนทนไม่ไหวจริง ๆฮูหยินเมิ่งจึงตัดสินใจอาศัยโอกาสนี้ เอ่ยกับต้วนเจิ้งโดยไม่เหลือความปรานี“ความรู้สึกระหว่างพี่ชายเจ้ากับฮองเฮา กลายเป็นอดีตไปนานแล้ว ต้วนไหวซวี่กับฮองเฮาไม่มีความเกี่ยวพันกันอีก และยิ่งกับเจ้าด้วยแล้ว?“เจ้าพยาย
หลังจากส่งเวยเฉียงกลับไปแล้ว เฟิ่งจิ่วเหยียนยังไม่ได้กลับไปที่พระราชวังแคว้นซีหนี่ว์ทันทีนางให้ตัวแทนกลับเข้าวังไปก่อน จะอาศัยโอกาสนี้ทำให้สายลับเหล่านั้นเกิดความสับสนในเวลาเดียวกัน นอกชายแดนแคว้นซีหนี่ว์แคว้นเสี่ยวโจวกับแคว้นเจิ้งเริ่มคันไม้คันมือ อยากจะลงมือเต็มที่แม่ทัพใหญ่หลายคนกำลังหารือกันอยู่ภายในกระโจมค่ายทหาร ว่าหากมีการบุกโจมตีแคว้นซีหนี่ว์ จะฝ่าทะลวงเข้าไปตรงจุดใดเพียงแต่ ปัญหาใหญ่ที่สุดในตอนนี้ก็คือ ประมุขแคว้นของแคว้นซีหนี่ว์ในตอนนี้ แท้จริงแล้วคือฮองเฮาของหนานฉี---เฟิ่งจิ่วเหยียนหรือไม่“สายลับอยู่ไหน ยังไม่มีข่าวหรือ!” หนึ่งในแม่ทัพเอ่ยด้วยความอดทนถึงขีดสุด พร้อมถามอย่างเร่งรีบ“รายงานท่านแม่ทัพ สายลับถึงพระราชวังแคว้นซีหนี่ว์แล้ว เชื่อว่าไม่นานจะสามารถตรวจสอบตัวตนของประมุขแคว้นผู้นั้นได้อย่างชัดเจน!”ถึงแม้จะเป็นเช่นนั้น ก็ไม่อาจคลายความหงุดหงิดในใจของแม่ทัพอีกหลายคนได้“ให้พวกเขาลงมือโดยเร็วที่สุด! เหล่าทหารตั้งค่ายอยู่ที่นี่ แต่ละวันต้องสิ้นเปลืองเสบียงและเบี้ยเลี้ยงไม่น้อย!”“ขอรับ ท่านแม่ทัพ!”ในเวลานี้ แม่ทัพคนหนึ่งของแคว้นเจิ้งเสนอความเห็น“ท่านท
ก่อนเฟิ่งจิ่วเหยียนจะมาที่แคว้นซีหนี่ว์ ก็มีแผนปฏิบัติการอยู่แล้วแคว้นเสี่ยวโจวกับแคว้นเจิ้งได้จัดส่งสายลับ มุ่งหน้ามายังพระราชวังแคว้นซีหนี่ว์ เพื่อสืบดูว่าประมุขแคว้นคือนางหรือไม่ยิ่งไปกว่านั้น ภายในแคว้นซีหนี่ว์ก็มีคนก่อความวุ่นวาย หมายปองตำแหน่งประมุขแคว้นครั้งนี้ประจวบเหมาะที่จะใช้แผนซ้อนแผนเฟิ่งจิ่วเหยียนจึงบอกกับซ่งหลี“พรุ่งนี้เจ้าพาเวยเฉียงกลับหนานฉี แคว้นซีหนี่ว์ทางนี้ มีข้ากับฝ่าบาท”นางเอ่ยเช่นนี้แล้ว แน่นอนว่าซ่งหลีไม่อาจขอร้องสิ่งใดได้เฟิ่งเวยเฉียงยังคงรู้สึกกังวลอยู่บ้าง“พี่หญิง ไม่ต้องการให้ข้าช่วยจริงหรือ?”เฟิ่งจิ่วเหยียนส่งสายตายืนยันต่อนาง“หากเจ้ากับซ่งหลีกลับหนานฉีอย่างปลอดภัย ข้าจะได้ไม่ต้องกังวลอีกแล้ว”เฟิ่งเวยเฉียงพยักหน้า“ได้ ข้าจะเชื่อฟังพี่หญิง”ปากก็ตอบตกลงอย่างแน่วแน่ แต่ในใจกลับรู้สึกอ้างว้างหลังจากลังเลอยู่ครู่หนึ่ง นางทนไม่ไหวจึงถามออกมา“พี่หญิง หากจัดการปัญหาความไม่สงบของแคว้นเสี่ยวโจวกับแคว้นเจิ้งเรียบร้อยแล้ว ประมุขแคว้นซีหนี่ว์ จะเป็นผู้ใดที่มารับตำแหน่ง?”นางรู้ว่า พี่หญิงจะต้องกลับไปแคว้นซีหนี่ว์อย่างแน่นอนเฟิ่งจิ่วเหยี
นอกพระราชวัง ภายในเรือนพักแห่งหนึ่งที่แห่งนี้เฟิ่งเวยเฉียงได้พบกับพี่หญิงที่คนึงหาอยู่ทุกเวลา นางรู้สึกตื่นเต้นและดีใจ ขณะที่คิดจะเข้าไปสวมกอดอีกฝ่าย กลับเหลือบเห็นท้องที่นูนขึ้นมา“พี่หญิง นี่ท่านกำลัง?”เฟิ่งเวยเฉียงนึกถึงบางอย่าง ทว่าก็รู้สึกว่าไม่น่าเป็นไปได้เฟิ่งจิ่วเหยียนพยักหน้าด้วยแววตาอ่อนโยน“ข้าตั้งครรภ์แล้ว”เฟิ่งเวยเฉียงอ้าปากค้างด้วยความคิดไม่ถึง “จริงหรือ?!”นี่ช่างดีเหลือเกิน!พี่น้องสองคนนั่งลง นานแล้วที่ไม่ได้เจอกัน มีคำพูดมากมายที่อยากเอ่ยในห้องข้าง ๆ กันเซียวอวี้อยู่กับซ่งหลี สีหน้าของซ่งหลีดูแตกต่างจากเมื่อครั้งก่อนมาก ใต้ตาเป็นรอยคล้ำเหมือนมี “ถุงใต้ตา” ความกลัดกลุ้มเผยออกมาให้เห็นภายนอกเซียวอวี้กลับถามราวไม่ได้สังเกตอะไร“เป็นอย่างไรบ้างกับการเป็นพระสวามี?”ซ่งหลีก้มศีรษะลงต่ำ เย้ยหยันตนเองด้วยสีหน้าเศร้าสร้อย“ข้าน้อยไร้ความสามารถ ไม่อาจทำได้ดี”เซียวอวี้ขมวดคิ้วเหตุใดถึงมีสีหน้าอมทุกข์?คงไม่ใช่ว่า เฟิ่งเวยเฉียงผู้นั้นได้ใหม่แล้วลืมเก่า มีสนมชายคนโปรดแล้ว?จู่ ๆ ซ่งหลีก็นึกถึงเรื่องบางอย่าง แววตาเป็นประกายทันทีเขาลุกขึ้นยืน พร้อมปร
เฟิ่งเวยเฉียงน้อยใจเต็มอกสองคนตรงหน้า คนหนึ่งคือมารดา อีกคนคือสวามีของนางพวกเขาล้วนไม่เชื่อใจนาง“เป็นกษัตริย์ ต้องทุ่มเทเพื่อแคว้น ปวดหัวแค่นี้จะเป็นอะไรไป?“ยามที่ท่านป้าเป็นประมุขแคว้น ได้รับบาดเจ็บนับครั้งไม่ถ้วน เกือบเสียชีวิตไปหลายครั้ง นางยังไม่ยอมแพ้อะไรง่าย ๆ เหตุใดพวกท่านต้องบอกให้ข้ายอมแพ้?“ข้ารู้ว่าท่านพี่เตรียมตัวแทนไว้แล้ว แต่ข้าอาจจะทำได้ดีกว่าตัวแทนคนนั้นก็ได้ เหตุใดต้องเสี่ยงด้วย?“พวกท่านไม่รู้เลยสักนิด ท่านพี่อยู่ไกลขนาดนั้น ก็ไม่รู้หรอก ว่าตอนนี้แคว้นซีหนี่ว์เผชิญอันตรายมากมายแค่ไหน“แคว้นเสี่ยวโจวกับแคว้นเจิ้งส่งสายลับมามากมาย ในวังล้วนถูกพวกเขาแทรกซึมเข้ามาหมดแล้ว อีกอย่างพวกเขาได้วางกำลังทหาร เพื่อรอบุกโจมตีแคว้นซีหนี่ว์ และโอกาสที่พวกเขารอคอยอยู่ ก็คือสถานะตัวตนของประมุขแคว้นอย่างข้า“เมื่อใดที่พวกเขารู้ว่าข้าคือตัวปลอม ข้าไม่ใช่ฮองเฮาแห่งแคว้นหนานฉี พวกเขาต้องเคลื่อนทัพเป็นแน่! ตัวแทนรับมือไม่ไหวหรอก!”แต่ไหนแต่ไรนางเป็นคนอ่อนโยนว่าง่าย ปกติเวลาคนอื่นพูดอะไร นางก็จะไม่โต้แย้งแต่ครั้งนี้ เพื่อตำแหน่งประมุขแคว้น นางจึงยืนกรานแน่วแน่เป็นพิเศษซ่งหลี
เดือนห้า อากาศหนาวหมดไปเฟิ่งจิ่วเหยียนกับเซียวอวี้เริ่มเดินทางไปทางทิศตะวันออก ในชุดลำลองสบายตัว และตรวจลาดตระเวนแต่ละเมืองไปในตัวเลี่ยอู๋ซินตัดสินใจมุ่งหน้าไปยังแคว้นตงซาน ช่วยจับกุมซุนโฉวที่หลบหนีไป เพื่อกำจัดกลุ่มค้ามนุษย์แบบถอนรากถอนโคลน……แคว้นซีหนี่ว์เฟิ่งเวยเฉียงได้รับจดหมายของท่านพี่ บอกว่าส่งตัวแทนมาแล้วทว่านางไม่วางใจมอบหมายราชกิจของแคว้นซีหนี่ว์ให้ตัวแทนดูแล จึงยังดำรงตำแหน่งประมุขแคว้นดั่งเดิมประการแรกกลัวว่าตัวแทนจะเปิดเผยตัวตน จนสร้างหายนะครั้งใหญ่ ประการที่สอง นางเริ่มรับมือเรื่องราวในแคว้นซีหนี่ว์ได้คล่องแล้ว ในเมื่อมีสายเลือดในราชวงศ์ซีหนี่ว์ ก็ถือเสียว่าแบกรับความรับผิดชอบ ทำอะไรเพื่อแคว้นบ้างซ่งหลีโน้มน้าวนางหลายครั้ง หวังว่านางจะกลับแคว้นหนานฉีกับตัวเอง แต่ก็ไม่กล้าพูดความจริงกับนาง——เพราะกลัวว่าอาการเดิม ๆ ของนางจะกำเริบขึ้นมาอีกครั้งวันนี้ หลังว่าราชกิจเช้าเสร็จเฟิ่งเวยเฉียงรู้สึกปวดหัวแทบร้าวนางวางฏีกาในมือลง ใช้สองมือกุมศีรษะ ลุกขึ้นอย่างเจ็บปวด“ท่านประมุข!” ซ่งหลีที่อยู่ข้าง ๆ นางเห็นเช่นนั้น ก็รีบเข้าไปประคองนางแววตาของเขาแฝงไปด้วยควา
“คุณชายเซียว รอก่อนนะ บะหมี่ใกล้จะเสร็จแล้ว!”ขณะที่เหลียนซวงทำในสิ่งที่ชอบ กลับไม่รู้เลยว่าการที่นางทำตัวยุ่งเช่นนี้ สำหรับเซียวจั๋วมันกลับเป็นภาระทางใจไม่นาน บะหมี่ก็เสร็จเหลียนซวงยกมาวางบนโต๊ะ มองเซียวจั๋วด้วยความคาดหวังเต็มเปี่ยม“คุณชายเซียว ขอให้ท่านอายุยืน เหมือนมู่หรงจ่างจี๋…ไม่สิ ๆ ๆ! ปากข้านี่นะ คนชั่วร้ายอย่างมู่หรงจ่างจี๋ คุณชายเซียวจะเหมือนเขาได้อย่างไร”เซียวจั๋วไม่ได้กินบะหมี่ เขาเพียงถามเหลียนซวง“เจ้ามีความสุขหรือไม่?”เหลียนซวงมีสีหน้าชะงักงัน“ข้าก็ต้องดีใจ ที่คนชั่วได้รับผลกรรมแล้ว อีกอย่าง วันนี้หมอยังบอกว่า ดวงตาของท่านเริ่มดีขึ้นแล้ว เชื่อว่าอีกไม่นานก็จะกลับมามองเห็นแสงสว่างอีกครั้ง…”“เหลียนซวง ระหว่างข้ากับเจ้าไม่มีทางเป็นไปได้” เซียวจั๋วเม้มปาก เขาเองก็ไม่คิด ว่าสุดท้ายต้องพูดถึงขั้นนี้เหลียนซวงนิ่งงัน จากนั้นก็ยิ้มอย่างปลง ๆ“คุณชายเซียว ข้ารู้ ท่านเป็นถึงเครือญาติของราชวงศ์ ส่วนข้า…”“ไม่เกี่ยวกับเจ้ามีสถานะเช่นไร เหลียนซวง ข้าแก่กว่าเจ้ามาก ไม่อยากให้เจ้าพลอยลำบากไปด้วย”ทันทีที่เหลียนซวงได้ยินคำพูดนี้ นัยน์ตาพลันทอประกาย“ท่านแค่ไม่อยากใ
ร่วนฝูอวี้ชอบผู้หญิงมาโดยตลอด ถึงแม้อยู่กับบุรุษ มีเพียงนางเท่านั้นที่กล้าหยอกล้ออีกฝ่ายเท่านั้นพอตอนนี้เผชิญกับคำสารภาพของรุ่ยอ๋อง นางพลันทำตัวไม่ถูกอีกอย่างเห็น ๆ กันอยู่ว่าเขาชอบผู้ชาย…รุ่ยอ๋องเห็นนางมีปฏิกิริยาขนาดนี้ ก็รีบอธิบาย“พวกเราเคยประสบพบเจอเรื่องราวเหมือน ๆ กันมา หากใช้ชีวิตด้วยกัน มันก็ดีไม่ใช่หรือ?“หากเจ้าไป ข้าก็ต้องแต่งงานกับคนใหม่ คงไม่มีใครเหมือนเจ้า ที่ไม่ร้องขอสิ่งใดกับข้า “อีกอย่างข้ายังต้องคอยระแวงปกปิดตัวตนอีกด้วย เช่นนี้แล้ว สู้เราอยู่ด้วยกันแบบนี้ต่อไปไม่ดีกว่าหรือ”เมื่อได้ยินเขาพูดเช่นนี้ หร่วนฝูอวี้ก็ถอนหายใจอย่างโล่งอก“ที่แท้ท่านก็หมายถึงอย่างนี้นี่เอง”นึกว่าเขาคิดไม่ซื่อกับนางจริง ๆ เสียอีก……ความผิดของมู่หรงจ่างจี๋ถูกเปิดเผยต่อสาธารณชน ก่อให้เกิดความปั่นป่วนครั้งใหญ่เหล่าประชาชนยากที่จะเชื่อ มู่หรงจ่างจี๋ผู้นั้นจะมีอายุยืนมาถึงขนาดนี้“คนผู้นี้ต้องมีวิชาอมตะเป็นแน่ แต่เพราะหวั่นเกรงฝ่าบาท จึงถูกประหาร”“คดีมนุษย์โอสถซับซ้อนซ่อนเงื่อน ก่อนหน้านี้บอกว่าผู้ร้ายตัวจริงคือมู่หรงสวี้ ตอนนี้เปิดเผยออกมาว่าเป็นมู่หรงจ่างจี๋ ครั้งนี้คงไม่ผ