ห้องมืดใต้ดินที่คับแคบ ได้เจอกันเพราะโลกกลมหากเจ้าไม่ตายก็ข้าตายตาคิ้วคมของชายหนุ่ม แววตาแคบลง รัศมีสังหารนั้น อันตรายอย่างยิ่งเฟิ่งจิ่วเหยียนไม่ได้สวมชุดดำ ไม่ได้คลุมหน้าหากไม่มั่นใจว่าจะสามารถฆ่าเขาได้ในคราวเดียว ก็นิ่งไว้ รอจังหวะบุกโจมตี ไม่เช่นนั้นหากถูกเปิดเผยความจริงว่านางมีวรยุทธ ก็จะถูกเปิดเผยสถานะนักฆ่ายิ่งไปกว่านั้น นางไม่เหมือนกับฮ่องเต้ทรราช ไม่มีความชอบเข่นฆ่าผู้บริสุทธิ์คนคนนี้แค่ทำตามคำสั่ง ไม่ใช่คนชั่วช้าอำมหิตหัวสมองของนางครุ่นคิดอย่างรวดเร็ว หาวิธีว่าจะเอาตัวรอดออกไปยังไง“เจ้าเป็นใคร มาอยู่ที่นี่ได้อย่างไร?”สายตาเซียวอวี้เยือกเย็นที่แท้ ฮองเฮาไม่รู้ว่าเขาเป็นใครก็ใช่ พวกเขาเคยเจอกันแค่สองครั้งวันแต่งงานคืนแรก ในมุ้งไร้แสงไฟคืนวันจับตัวนักฆ่า เขาอยู่ข้างหลังนาง นางยืนอยู่ในถังอาบน้ำ หันหลังให้กับเขาตลอด ไม่ได้หันมามองดูเขาเลยนางไม่รู้ว่าจริง ๆ ว่า เขารูปร่างหน้าตาเป็นอย่างไรแต่ในเมื่อฮองเฮารู้ความลับของเขา งั้นก็เก็บไว้ไม่ได้“รนหาที่ตาย...”เสียงของเขาค่อนข้างแหบ เหมือนเคยถูกไฟเผาเฟิ่งจิ่วเหยียนนิ่งอยู่กับที่ เตรียมพร้อมกับการต่อสู้
สายตาเฟิ่งจิ่วเหยียนเยือกเย็นนางไม่ยอมพูดอธิบายอะไรมาก...ต่อให้อยากถอนพิษวารีสวรรค์นี้ ก็ไม่สามารถทำได้เลยในทันที จะต้องขึ้นอยู่กับสถานการณ์ของผู้ถูกพิษด้วย เว้นช่วงสักพักหนึ่งทำการฝังเข็มหนึ่งครั้ง การถอนพิษในคราวเดียว ก่อนอื่นทำไม่ได้ อย่างรอง ผู้ถูกพิษก็รับไม่ไหว“บอกข้ามาก่อน คนวางยาพิษคือใคร”ข่มขู่เขา?เซียวอวี้พูดขึ้นมาด้วยน้ำเสียงแฝงไปด้วยความมีอํานาจ“ถอนพิษก่อน”ทั้งสองคนต่างยืนหยัด เพียงเพราะต่างไม่เชื่อใจกันและกันชายหนุ่มพูดขึ้นมาด้วยสายตาเย็นชาว่า “ไม่ถอนพิษนี้ เจ้าก็ไม่ต้องออกไปแล้ว...”นางรู้ความลับของตนเอง เดิมเขาก็ไม่คิดที่จะเก็บนางไว้ได้ยินเช่นนี้ สายตาเฟิ่งจิ่วเหยียนเยือกเย็นชาตอบแทนคุณด้วยความเนรคุณ!ทันใดนั้น สายตาของนางมองไปบนเตียงหยกขาวแล้วก็พบว่า ดูเหมือนกลไกจะอยู่บนเตียง!หลังจากนางกดลง ข้างบนก็ปรากฏทางออกมาจริง ๆ ทันทีนั้น นางไม่รีรอ ใช้วิชาตัวเบาออกมาจากห้องลับนั่นทันที และก็ไม่คิดเรื่องที่จะถอนพิษให้กับคนคนนั้นอีกเซียวอวี้ขมวดคิ้วแน่น รีบตามนางออกมาแต่นางรวดเร็วอย่างมาก หายไปกับความมืดในพริบตาเดียวองครักษ์หลายคนเพิ่งรู้สึกตัว พร้อมร
เท่าที่เฟิ่งจิ่วเหยียนรู้ ก็คือในวันแต่งงาน ท่านแม่เล่าให้นางฟังพวกนั้นส่วนครั้งนี้ ไฉ่เยว่บอกให้รู้มากยิ่งกว่า“หลังจากที่คุณหนูถูกส่งตัวกลับมา ก็อาเจียนไม่หยุด”“สิ่งที่นางอาเจียนออกมา ไม่ใช่เศษอาหาร แต่เป็นอุจจาระของมนุษย์!”“พวกเขากล้าเอาสิ่งพวกนั้นให้คุณหนูกิน...”“อีกอย่าง พวกเขาไม่เพียงเหยียบย่ำร่างกายคุณหนู ยังใช้คีมเหล็กร้อนแดงเพื่อปฏิบัติต่อคุณหนูอย่างโหดร้าย...หมอบอกว่า คุณหนูไม่สามารถมีลูกได้อีกต่อไป!”ไม่สามารถมีลูก สำหรับหญิงสาวแคว้นหนานฉีคนหนึ่ง ถือเป็นความหายนะอย่างยิ่งไฉ่เยว่สะอึกสะอื้นหลายครั้ง ไม่สามารถพูดได้อย่างรู้เรื่องในที่สุด นางกุมหน้าร้องไห้อย่างเจ็บปวดเฟิ่งจิ่วเหยียนเม้นริมฝีปากเป็นเส้นตรง แววตาเฉียบคม เปล่งรัศมีสังหารออกมาภายในห้องคับแคบเต็มไปด้วยความเยือกเย็นผ่านไปเนิ่นนาน ไฉ่เยว่ค่อยสงบอารมณ์จิตใจจากนั้นก็คุกเข่าตรงหน้าเฟิ่งจิ่วเหยียนอีกครั้ง“บ่าวขอบังอาจถามว่า ท่าน... คิดที่จะฆ่าหวงกุ้ยเฟยเพื่อแก้แค้นใช่ไหม?”สีหน้าเฟิ่งจิ่วเหยียนเยือกเย็น มือกำหมัดไว้แน่นไฉ่เยว่พูดต่ออีกว่า“พระนาง ตอนที่คุณหนูยังมีสติอยู่ สั่งให้บ่าวจะต้องบอกกับ
ถึงแม้จ้าวเฉียนเรียกแทนตัวเองว่าบ่าว น้ำเสียงกลับแฝงไปด้วยความหยิ่งผยองเหมือนกับว่าเขามาเอา ฮองเฮาก็ต้องให้แต่เรียกอยู่ตั้งนาน ก็ไม่ได้ยินเสียงคนพูดตอบกลับเป็นหัวหน้าหมัวมัว ที่อยู่ไกลยิ่งกว่าออกมาสีหน้าหัวหน้าหมัวมัวเหี่ยวเฉาเจ้านายไม่เป็นที่โปรดปราน นางที่เป็นถึงหัวหน้าหมัวมัว ยังมีอิทธิพลสู้บ่าวใช้ระดับล่างของตำหนักหลิงเซียวไม่ได้เห็นจ้าวเฉียน นางถ่อมตัวอย่างต่ำต้อย“จ้าวกงกง ท่านอย่าร้อนใจ ฮองเฮาอาจจะยังไม่ตื่น บ่าวจะไปเร่งให้”จ้าวเฉียนเชิดสายตา เชิดคางสูงพร้อมพูดขึ้นมาว่า“งั้นเจ้าก็ไวหน่อย”“เจ้าค่ะ เจ้าค่ะ เจ้าค่ะ จะเข้าไปเดี๋ยวนี้”หัวหน้าหมัวมัววิ่งไปในตำหนัก เห็นฮองเฮากำลังหวีผมนางรีบเดินเข้าไปอย่างยิ้มแย้ม“พระนาง อาการปวดหัวของหวงกุ้ยเฟยกำเริบอีกแล้ว หากท่านสามารถมอบยาให้ได้ในตอนนี้ ฮ่องเต้จะต้องจดจำความดีของท่าน ท่านก็จะมีโอกาสเป็นที่โปรดปรานแล้ว”“ท่านว่า หลักการนี้ถูกต้องไหม?”เฟิ่งจิ่วเหยียนเขียนคิ้วอยู่อย่างเชื่องช้า ไม่ร้อนใจเลยสักนิด“ยา ไม่มีแล้ว”รอยยิ้มของหัวหน้าหมัวมัว หุบลงทันที“พระนาง ไม่มีแล้วจริง ๆ หรือ? ท่าน...ท่านไม่หาดูหน่อยหรือ?
ริมฝีปากเซียวอวี้บางเหมือนมีด ดวงตายับยั้งความขุ่นเคืองไว้ยาที่ฮองเฮาให้มาก่อนหน้านี้นั้นใช้ได้ดี เขาจึงให้สำนักหมอหลวงไปศึกษาวิจัย แต่จนถึงตอนนี้ก็ยังไม่มีผลสรุป เพราะยังขาดยาสมุนไพรที่สำคัญหลายอย่างเดิมคิดว่าฮองเฮาจะใจดี ที่แท้นางกำลังรออยู่ตรงนี้ใช้ยาบีบบังคับเขา!ทำได้ดีมาก!สีหน้าเซียวอวี้ฉายแววดุร้าย“นางยังพูดอะไรอีก”หน้าผากจ้าวเฉียนเต็มไปด้วยเหงื่อ“ฮองเฮาพูดว่า ท่านลังเลนานเท่าไหร่ หวงกุ้ยเฟยก็จะเจ็บปวดนานเท่านั้น”“หากท่านไม่รับปาก นางก็จะทำลายยานั้น ก็ไม่ยกให้กับท่าน”“ยังพูดว่า... แม้สุภาพบุรุษรับปากแล้วไม่คืนคำ แต่พระราชโองการน่าเชื่อถือกว่า ท่านเพียงรับปากอย่างเดียวไม่ได้ ต้อง...ต้องมีพระราชโองการ”มือเท้าจ้าวเฉียนอ่อนแรงหมดกัน ฮ่องเต้คงไม่ประหารเขามั้ง?ฟังจ้าวเฉียนพูดจบ สีหน้าเซียวอวี้มืดครึ้ม เหมือนเมฆดำก่อนพายุจะมาตำหนักหลิงเซียวเงียบสงัดทางด้านตำหนักหย่งเหอ บรรยากาศก็แน่นิ่งเหมือนกันสีหน้าหัวหน้าซุนหมัวมัวขาวซีดคราวนี้แย่แล้ว!ฮองเฮาหลอกลวงฮ่องเต้ว่าไม่มียาก่อน จากนั้นก็ข่มขู่ให้ฮ่องเต้โปรดปราน...นางไม่กล้าคิด ฮ่องเต้จะต้องโกรธโมโหขนาดไหน
หลังจากที่ฮ่องเต้ออกไปแล้ว สาวใช้ชุนเหอกังวลใจอย่างมาก“พระสนม หากฮองเฮาได้รับความโปรดปรานจากฮ่องเต้จริง ตำแหน่งในวังของท่านไม่ใช่หนึ่งเดียวอีกต่อไปแล้ว”เพล้ง! ในมุ้งมีเสียงคับแค้นใจดังขึ้นแจกันดอกไม้ที่อยู่ตรงหัวเตียงลอยละลิ่วออกไปจากผ้าม่านมุ้งแตกออกเป็นเสี่ยง ๆ สาวใช้ชุนเหอรีบเก็บเศษแก้วที่กระจายและคุกเข่ากับพื้นทันที“พระสนมเย็นพระทัยก่อนเพคะ!”หวงกุ้ยเฟยนั่งริมขอบเตียง มือข้างหนึ่งกำผ้าปูที่นอนไว้ แววตามืดทึมน่ากลัว เพ่งมองไปด้านหน้า ทำให้คนหวาดกลัว“ฮ่องเต้จะโปรดปรานนางได้อย่างไรกัน!”สตรีที่ชื่อเสียงเสื่อมเสียไปแล้ว ยังบังอาจหน้าด้านไร้ยางอายมาแย่งความโปรดปรานไปจากนาง ช่างไม่รู้จักเจียมตัว!ณ เวลานี้ สนมคนอื่นก็รวมกลุ่มกันพวกนางไม่เคยได้รับความโปรดปรานจากฮ่องเต้ จึงไม่ได้โมโหใหญ่โตเช่นหวงกุ้ยเฟยขนาดนั้น ทว่าก็ใช่ว่าจะไม่รู้สึกอะไรเลย“เฮ้อ! อย่างไรก็ตามก็เป็นเพราะฮองเฮาฝีมือดี คาดไม่ถึงเลยว่าฮ่องเต้จะตกปากรับคำจริง ๆ เสียด้วย ”นางสนมเจียงที่คอยเอาอกเอาใจหวงกุ้ยเฟยแต่ไหนแต่ไรมา อดไม่ได้ที่จะประชดประชัน“ฝีมืออะไรกัน? ก็แค่ใช้หวงกุ้ยเฟยมาบีบบังคับฮ่องเต้! ลูกไม
แววตาถมึงทึงแข็งกระด้างของเซียวอวี้แผ่ความเย็น มองสตรีตรงหน้าด้วยความเย็นชานางสนมเจียงคุกเข่าอยู่บนเตียง สวมชุดนอนบางเฉียบไม่รู้ว่าเป็นเพราะความเยือกเย็นในวสันตฤดู หรือเป็นเพราะไฟความโกรธของฮ่องเต้ทำให้คนอยากแทรกแผ่นดินหนี นางก้มหน้า ตัวสั่นเทาอย่างควบคุมไม่ได้“หม่อมฉัน...หม่อมฉันคือนางสนมเจียงอยู่ในตำหนักหวงกุ้ยเฟย หม่อมฉันเคยถวายบังคมฝ่าบาท...”นางฝืนพูดให้จบประโยค ลำคอทั้งแห้งและฝืดเคืองหน้าตาเซียวอวี้หล่อเหลา เย็นชาเขาเย็นยะเยือกจนทำให้คนกลัว ราวกับอสูรจากขุมนรกแม้ว่าน้ำเสียงของเขาจะเรียบนิ่งอย่างมาก“ฮองเฮาล่ะ” เขาซักถามอีกครั้งอากาศรอบข้างเบาบางลงเรื่อย ๆ นางสนมเจียงปะทะกับความตกใจสุดขีดนั้นแทบจะหายใจไม่ออก“กราบทูลฝ่าบาท ฮองเฮาให้หม่อมฉันมา...ปรนนิบัติเพคะ”หลิวซื่อเหลียงได้ยินเสียงผิดปกติเมื่อครู่ จึงวิ่งเข้ามาดูโดยไม่รอมีดำรัสสั่งได้ยินคำพูดของนางสนมเจียงพอดี ตกตะลึงจนตาค้างอะไรกัน? ! !คนที่ปรนนิบัติคืนนี้ไม่ใช่ฮองเฮา?ฮองเฮาต้องการจะทำอะไร แสร้งปล่อยเพื่อจับหรือกระไร?ในสถานการณ์ตอนนี้ นางสนมเจียงเองก็ประหลาดใจมากเช่นกันนางไม่คิดเลยว่าตนเองจะได
ฮ่องเต้เสด็จมาที่ตำหนักหย่งเหออย่างกะทันหัน เหลียนซวงรู้สึกประหลาดใจเป็นอย่างมาก“ฝ่าบาทเสด็จมาทำอันใดกัน?”สีหน้าที่ซุนหมัวมัวมองนางราวกับเห็นคนต่างเผ่า“เจ้าไม่ทราบจริง ๆ หรือ? ตอนกลางวันฮองเฮาเราพยายามอย่างสุดกำลังเพื่อที่จะรับความโปรดปราน ตกกลางคืนกลับให้นางสนมเจียงไปปรนนิบัติแทนฮองเฮา นี่ไม่ใช่แสดงอย่างชัดเจนว่ากำลังปั่นหัวฮ่องเต้อยู่รึ“ฮ่องเต้เป็นถึงจักพรรดิ! จะทนเรื่องเช่นนี้ไหวได้อย่างไรกัน!”“ฮองเฮา ท่านรีบเปลี่ยนอาภรณ์เถิด ชะตาชีวิตของพวกหม่อมฉันอยู่ในฝ่ามือของท่านนะเพคะ!”เฟิ่งจิ่วเหยียน: ?“เปิ่นกงได้กล่าวเมื่อใดว่าจะปรนนิบัติ!”นางเสียสติไปแล้วกระมัง!ซุนหมัวมัวเองก็สับสนงงงวยหรือว่านางคิดผิดไป?ทว่าไม่ใช่นางคนเดียวที่คิดเช่นนี้!อย่างไรเสียในวังนี้ ใคร ๆ ก็ต้องแย่งชิงความโปรดปรานเพื่อตัวเองทั้งนั้น จะให้โอกาสคนอื่นมาแย่งปรนนิบัติได้อย่างไรกัน สมองทึบหรือกระไร?เรื่องราวพิสูจน์แล้วว่าไม่ใช่ซุนหมัวมัวคนเดียวที่คิดต่างค่ำคืนดึกดื่น พวกนางสนมที่นอนไม่หลับอยู่แล้ว หลังจากได้ยินเรื่องที่เกิดขึ้นในตำหนักจื้อเฉิน ต่างพากันตะลึงงัน“อะไรกัน? คนที่ปรนนิบัติไม
เฟิ่งจิ่วเหยียนลุกขึ้นยืน โค้งคำนับท่านอ๋องทั้งสองคนสองคนนั้นกลับหันไปคารวะเซียวอวี้ใบหน้าของอ๋องผู้เฒ่าออบโอ้มอารี เอ่ยอย่างหยอกล้อ“แม่นางเฟิ่ง โลหิตหงส์ขาดแล้ว ช่างเป็นเรื่องที่น่าเสียใจ หากเจ้าอภิเษกกับฝ่าบาทอีกครั้งได้…”หัวคิ้วของเฟิ่งจิ่วเหยียนขมวดเล็กน้อยเซียวอวี้รู้ดี ในตอนนี้เฟิ่งจิ่วเหยียนไม่มีความคิดพิจารณาเรื่องเหล่านี้อยู่ดี ๆ ก็พูดเรื่องนี้ขึ้นมา ก็มีแต่จะทำให้นางหงุดหงิดเขาเป็นฝ่ายตัดบทของอ๋องผู้เฒ่า“พูดเรื่องสำคัญได้แล้ว”เฟิ่งจิ่วเหยียนรู้ตัวว่าสถานะของตัวเองไม่เหมาะสม จึงจะขอตัวออกมาเซียวอวี้กลับคว้าแขนของนางไว้ “เจ้าไม่ต้องไป”“เพคะ”หนานซานอ๋องกล่าวอย่างนอบน้อม“ฝ่าบาท ที่กระหม่อมกับท่านพ่อมา เพราะอยากขอคำชี้แนะเรื่องขุมทรัพย์กับศิลาหยก เจดีย์เก้าชั้นถูกทำลายแล้ว ต่างถูกฝังไว้ใต้ดินทั้งหมด จำเป็นต้องขุดมาหรือไม่”เซียวอวี้ถามอย่างเรียบนิ่ง“เรื่องศิลาหยก พวกเจ้ารู้มากแค่ไหน?”หนานซานอ๋องหันไปมองอ๋องผู้เฒ่าเขาสงสัยมาตลอด ของศักดิ์สิทธิ์เช่นนี้ เหตุใดปฐมจักรพรรดิต้องครอบงำมันไว้ในเจดีย์เก้าชั้น?คำบอกเล่าของตงฟางซื่อก่อนหน้านี้ ทำให้เขาพะว้า
ณ ห้องด้านข้างต้วนไหวซวี่กระอักเลือดดำออกมาเป็นจำนวนมากเขานอนเอนกายอย่างอ่อนแรง ร่างกายส่วนบนพิงอยู่ที่ไหล่ของต้วนเจิ้ง จนดูคล้ายกับหญิงงามเอนอิงกิ่งหลิว ใบหน้าซีดเผือด ดวงตาคู่งามราวกับหยกกลายเป็นสีขุ่นมัวเมื่อเห็นเขาแล้ว เฟิ่งจิ่วเหยียนก็นึกถึงเรื่องราวมากมายในอดีตครั้งแรกที่เจอเขา นางรู้สึกว่าคนผู้นี้อบอุ่นอ่อนโยนไปถึงกระดูกเมื่อเผชิญหน้ากับการหยอกล้อยั่วเย้าของเหล่าทหาร เขาไม่หน้าแดงเลยแม้แต่น้อย และมักจะตอบสนองอย่างอ่อนโยนอยู่เสมอด้วยฐานะหมอทหาร เขาจึงมีความอดทนเป็นอย่างยิ่งยามนั้นนางชอบกลิ่นอายที่สุขสงบบนตัวเขา เมื่ออยู่กับเขา นางก็จะรู้สึกสบายใจอยู่เสมอดังนั้นต่อให้นางรู้ว่าเขาเป็นคนของพรรคเทียนหลง นางก็ไม่เคยสงสัยในความเมตตากรุณาของเขาเลยบางสิ่งบางอย่าง ไม่อาจปลอมแปลงออกมาได้สถานะกับอดีต เขาไม่อาจเลือกเองได้แต่ไหนแต่ไรมาเมื่อนางชอบใคร ก็มักจะมองแต่ปัจจุบันเท่านั้นเรื่องที่นางเคยชอบเขามาก่อน นางไม่เคยเสียใจและไม่เคยแค้นเคืองเลยเฟิ่งจิ่วเหยียนยกเก้าอี้กลมมาตัวหนึ่งแล้วนั่งอยู่ข้างเตียงก่อนหน้านี้มักจะคิดว่าอยากจะพบกันอีกครั้ง ยามนี้เมื่อได้พบกัน ถ้อยคำ
เพียงไม่นาน ในนอกร่วมมือกัน ในที่สุดก็ช่วยต้วนไหวซวี่ออกมาได้สำเร็จชั่วพริบตาที่เห็นเขา เฟิ่งจิ่วเหยียนก็รู้สึกใจสั่นเขาผอมลงมาก แขนข้างหนึ่งขาด ผมเผ้ายุ่งเหยิง ใบหน้าที่หล่อเหลางดงามไร้ชีวิตชีวา ราวกับเป็นศพ ริมฝีปากซีดเผือดแห้งผาก“ท่านพี่!” ต้วนเจิ้งตื่นตระหนกจนน้ำตาไหล “ในที่สุด ในที่สุดก็หาท่านจนพบ!”ลูกตาของต้วนไหวซวี่ขยับมองไปทางเฟิ่งจิ่วเหยียนที่ยืนห่างออกไปไม่ไกลนักฝ่ายหลังรีบเข้ามาหา แทบจะลงไปคุกเข่าด้านหน้าเขาทันที “ไหวซวี่”ต้วนไหวซวี่เผยรอยยิ้มอบอุ่นอ่อนโยน ราวกับพระอาทิตย์ที่อบอุ่นสาดส่องลงมา“อาเหยียน...”“ฝ่าบาท!” เฉินจี๋ร้องอย่างตื่นตระหนกเฟิ่งจิ่วเหยียนหันไปดูทันที ร่างกายวิ่งไปอย่างไม่อาจควบคุม“ฝ่าบาทเป็นอะไรไปรึ!” นางถามอย่างร้อนรน ทว่าเพื่อความปลอดภัยของเซียวอวี้แล้วจึงไม่อาจเข้าไปใกล้เกินไปได้เฉินจี๋กัดฟันกรอด “พื้นที่ปลอดภัยเกิดรูโหว่ขึ้น ฝ่าบาทถูกเศษหินกระแทกเข้าที่แขน!”ยามนี้เองด้านล่างก็มีเสียงแหบสายหนึ่งดังขึ้น“เราไม่เป็นไร...”หนานซานอ๋องตะโกนเสียงดังอย่างร้อนใจ “รีบช่วยคนเร็วเข้า หากเสียสมดุลเมื่อไหร่ พื้นที่ปลอดภัยก็จะทรุดลงไปได้เช่น
กองทหารนับหมื่นเคลื่อนพลขนย้ายดินระเบิดและอัสนีบาตฟ้าเสร็จสิ้นอย่างรวดเร็วภายในเจดีย์เก้าชั้นหยางเหลียนซั่วไล่ฆ่ามาตลอดทางจนถึงชั้นแปด พลังเจินชี่ทำให้เส้นผมของเขากระเจิดกระเจิงเขาฆ่าทุกคนที่อยู่ชั้นห้าขึ้นไปจนหมดสิ้น ก็ยังหาซูฮ่วนและฮ่องเต้ไม่เจอทันใดนั้นสายตาของเขาก็เคลื่อนไปมองด้านบน เท้าก็ก้าวขึ้นไปบนบันไดหินยอดเจดีย์...พวกมันจะต้องซ่อนอยู่ที่ยอดเจดีย์เป็นแน่!หลังจากหยางเหลียนซั่วขึ้นมาที่ชั้นเก้า สายตาคมกริบก็กวาดตามองทั้งชั้นทันใดนั้นเขาก็เห็นอะไรบางอย่างเป็นชายเสื้อผืนหนึ่งทว่าเมื่อเขาส่งพลังฝ่ามือไปทางนั้น กลับพบว่าเป็นเพียงชุดคลุมตัวหนึ่งเท่านั้น...กลยุทธ์ตบตารึ?แววตาของหยางเหลียนซั่วดำทะมึนและเย็นเยียบ“ออกมาซะ!!”เขาเงยหน้าตะโกนขึ้นฟ้าอย่างโมโหด้วยท่าทางคุ้มคลั่งแล้วใช้พลังเจินชี่ก่อให้เป็นพลังรูปกระสวยแล้วส่งพลังโจมตีออกไปทั่วทุกทิศทันใดนั้นด้านนอกก็เกิดเสียงดังกึกก้องขึ้น!ภายในพื้นที่ปลอดภัย เซียวอวี้เองก็ได้ยินเสียงนี้เช่นกันแสดงว่ากำลังระเบิดภูเขาหว่างคิ้วของเขาคลายออกเล็กน้อยอย่างผ่อนคลายในที่สุดก็จะจบลงซักที...ตู้ม!!!โครม!ภูเขา
ด้านนอกเจดีย์เก้าชั้น หนานซานอ๋องยังคงไม่ยอมตกลงเฟิ่งจิ่วเหยียนไม่เคยพบคนที่ดื้อรั้นถึงเพียงนี้มาก่อนเลยตงฟางซื่อกล่าว“บรรพบุรุษของข้าใช้เจดีย์เก้าชั้นทับศิลาหยกเอาไว้ คิดดูแล้วปฐมจักรพรรดิคงไม่ต้องการให้ศิลาหยกได้ต้องแสงอีก”เฉินจี๋ลงไปคุกเข่าเบื้องหน้าหนานซานอ๋อง ดวงตาแดงก่ำ“ท่านอ๋อง! ท่านก็ได้ยินแล้วนี่พ่ะย่ะค่ะ! หากปฐมจักรพรรดิต้องการศิลาหยก เหตุใดพระองค์จึงฝังมันไว้ใต้ดินเล่า ควรจะนำมันมาเซ่นไหว้จึงจะถูก!”“ดังนั้นท่านอย่าได้ลังเลอีกเลย! รีบทำลายเจดีย์เก้าชั้นทิ้งเถิดพ่ะย่ะค่ะ! !”แววตาของหนานซานอ๋องเปลี่ยนไปมา ทว่าสุดท้ายก็ยังหันหลังไปอย่างไร้น้ำใจ“โลหิตหงส์จะขาดไม่ได้”หน้าที่ของเขาและเหล่าทหารคือการคุ้มครองโลหิตหงส์เมื่อโลหิตหงส์ขาด พวกเขาก็ต้องตายแสงจันทร์ส่องสว่างลงบนใบหน้าของเฟิ่งจิ่วเหยียน ทำให้ดูเย็นชาและแฝงรังสีสังหารนางพูดกับหนานซานอ๋องด้วยท่าทางที่เอาจริงเอาจังเป็นอย่างมาก“ในเมื่อหยางเหลียนซั่วกล้าที่จะเข้าไปในเจดีย์เก้าชั้น เขาต้องมีวิธีออกมาแน่ หากตอนนี้ยังไม่ทำลายเจดีย์เก้าชั้นอีก จะช้าจะเร็วย่อมต้องถูกทำลายลงด้วยมือของหยางเหลียนซั่วอยู่ดี ไม่ต้
“ซูฮ่วน? ! เจ้าออกมาได้อย่างไรกัน! ฝ่าบาทเล่า!” เฉินจี๋มองไปที่ด้านหลังของนางทันที กลับมองเห็นเพียงประตูที่ปิดอยู่ ไม่มีเงาร่างของฮ่องเต้หนานซานอ๋องถามอย่างรีบร้อน“คุณชายซู! ฝ่าบาทเล่า!”ยามนี้เขากลับไม่เรียกว่าฮ่องเต้ทรราชแล้วเฟิ่งจิ่วเหยียนพลันกล่าว “ขอท่านอ๋องโปรดรีบออกคำสั่งให้ระเบิดทำลายเจดีย์เก้าชั้นเดี๋ยวนี้!”สีหน้าของหนานซานอ๋องกลายเป็นสีเขียวทันที“เจ้าว่าอะไรนะ”ยังไม่ต้องพูดถึงเรื่องที่ตรงนี้คือตำแหน่งโลหิตหงส์ ฝ่าบาทเองก็ยังอยู่ข้างในนะ!ซูฮ่วนผู้นี้คิดจะยืมมือเขาปลงพระชนม์รึ!“ไม่ได้! ไม่ได้เด็ดขาด!”เฟิ่งจิ่วเหยียนอธิบายให้เขาฟัง “ฝ่าบาททรงอยู่ในพื้นที่ปลอดภัย ประมุขพรรคเทียนหลงบุกโจมตีขึ้นไปได้ทุกเมื่อ ดังนั้นจึงต้องรีบทำลายมันทิ้ง เร็วเข้า!”ถึงจะเป็นเช่นนี้ หนานซานอ๋องก็ยังคงส่ายหน้าท่าทางของเขาหนักแน่นมาก“ถึงอย่างนั้นก็ไม่ได้! พอเจดีย์เก้าชั้นถูกทำลาย โลหิตหงส์ก็จะถูกตัดขาด ข้าไม่อาจทำลายโลหิตหงส์นี้ได้! นี่เกี่ยวพันถึงชะตาของแคว้นหนานฉี เรื่องนี้อย่าว่าแต่ข้ารับผิดชอบไม่ไหว ฝ่าบาทเองก็รับผิดชอบไม่ไหวเช่นกัน!”เฉินจี๋โมโหขึ้นบ้างแล้ว“หนานซานอ๋อง!
เซียวอวี้วิ่งขึ้นไปข้างบน วิ่งมาจนถึงชั้นบนสุดเขารู้ว่าไปข้างล่างนั้นมีโอกาสรอดมากกว่า ทว่าหากเขาเลือกลงไปข้างล่าง เฟิ่งจิ่วเหยียนก็ไม่มีทางรอดแล้วอย่างแรก เมื่อเทียบกับเขาแล้ว ร่างกายของนางผอมเล็กกว่า วิชาตัวเบาก็ดีกว่า สามารถผ่านประตูข้างในไปได้ไวกว่า มีโอกาสออกไปจากเจดีย์ได้มากกว่าอย่างที่สอง เมื่อออกไปจากเจดีย์แล้ว ก็ต้องพูดกล่อมให้หนานซานอ๋องทำลายเจดีย์ หากคนที่ยังอยู่ในเจดีย์คือนาง หนานซานอ๋องไม่มีทางสนใจความเป็นความตายของนาง ทว่าหาก...คนที่ติดอยู่ข้างในคือเขาที่เป็นฮ่องเต้ หนานซานอ๋องอาจจะมีความกังวลบ้างจะว่าไปแล้ว เฟิ่งจิ่วเหยียนไม่ได้คิดวางแผนเรื่องออกจากเจดีย์เลยนางคิดเพียงให้เขามีชีวิตอยู่ กระทั่ง นางเตรียมพร้อมที่จะตายไปพร้อมกับต้วนไหวซวี่เขาจะให้นาง “สมปรารถนา” ได้อย่างไร !……เฟิ่งจิ่วเหยียนวิ่งมาถึงชั้นหนึ่งแล้วสถานการณ์เป็นเช่นนี้แล้ว เวลาคับขัน นางจะลังเลไม่ได้เจดีย์เก้าชั้นเข้าได้ออกไม่ได้ ทางเข้าก็คือทางออกนางอยากออกไป ก็ต้องรอประตูเปิดเซียวอวี้เข้ามาแล้ว ยังไงพวกเฉินจี๋ก็จะต้องหาทางเข้ามาคุ้มกันประตูนี้ ยังไงก็จะต้องเปิดนางพยายามอย่างที่สุด
หลังจากราชามังกรม่วงกับราชามังกรแดงตาย เฟิ่งจิ่วเหยียนชี้ไปยังสองคนท่ามกลางฝูงคนชั่วร้าย “พวกเจ้า สวมเสื้อผ้า ปลอมตัวเป็นพวกเขา”คนพวกนั้นไม่ยอมจำนนต่อคำสั่งของเฟิ่งจิ่วเหยียน ทว่า เพื่อรักษาชีวิตตนเองให้รอด และเพื่อขุมทรัพย์อะไรนั่น จึงยอมฟังนางชั่วขณะพวกเขาเหล่านี้ หากไม่มีความสามารถบ้าง ก็คงจะไม่ถูกกักขังอยู่ในเจดีย์เก้าชั้น ดังนั้นการปลอมตัวเป็นอีกคนหนึ่ง เป็นเรื่องง่ายมากเมื่อเปลี่ยนเสื้อผ้า สวมหน้ากาก ก็เหมือนขึ้นมาจริง ๆหลังจากผ่านไปครู่หนึ่ง เฟิ่งจิ่วเหยียนพาพวกเขา กลับไปชั้นบนสูงสุดหยางเหลียนซั่วนั่งขัดสมาธิฝึกพลังลมปราณ ได้ยินพวกเขากลับมา ก็ลืมตาขึ้นราชามังกรม่วงเดินหน้ามาทำความเคารพ“ประมุขพรรค สำรวจดูแล้ว เป็นสถานที่พวกเราคาดคิดไม่ถึงจริง ๆ อยู่ใต้ดินเจดีย์ชั้นห้า ถึงว่ามันค่อนข้างหนากว่าชั้นอื่น”หยางเหลียนซั่วมองดูรอยเลือดบนตัวพวกเขาอย่างเย็นชาเฟิ่งจิ่วเหยียนพูดขึ้นมาตามตรง“พวกเขาคิดสังหารข้า ทว่าไม่สำเร็จ หากข้าเป็นเจ้า จะไม่รีบฆ่าปิดปาก ยังไง ใครจะไปรู้ว่าตำแหน่งที่ข้าบอกเป็นจริงหรือเท็จ”คำพูดของนางแฝงไปด้วยความข่มขู่หยางเหลียนซั่วมองดูนางอย่างเคร่ง
ให้นางฆ่าเซียวอวี้?ฝ่ามือเฟิ่งจิ่วเหยียนเยือกเย็นนางย้อนถามหยางเหลียนซั่ว ด้วยท่าทีเป็นปกติ“พวกเจ้ามีวิธีออกจากเจดีย์?”ความหมายในคำพูด แสดงว่าฮ่องเต้รู้ทว่า หยางเหลียนซั่วไม่หลงเชื่อ ดวงตาของเขาเฉียบคมเหมือนกริช“ฆ่าเขา”เฟิ่งจิ่วเหยียนเดินมาข้างหน้า ปกป้องเซียวอวี้“ข้าเอาขุมทรัพย์ คน ข้าก็เอา”ราชามังกรม่วงลุกขึ้นมาใหม่ หันไปพูดกับหยางเหลียนซั่ว “ประมุขพรรค มีกลอุบาย ! ซูฮ่วนเชื่อถือไม่ได้ ! ”หยางเหลียนซั่วจ้องมองเฟิ่งจิ่วเหยียนเฟิ่งจิ่วเหยียนพูดขึ้นมาตามตรง“ซูฮ่วนชอบผู้ชาย คนนี้ ข้ายังไม่เบื่อ“ฆ่าเขา พวกเจ้าใครสามารถชดเชยให้ข้าที่ดีกว่านี้?”พูดเสร็จ นางกวาดสายตาหันไปมองห้าราชา เหมือนกำลังคัดเลือกของ แววตากำเริบเสิบสาน แฝงไปด้วยความหยอกล้อ พร้อมพูดเพิ่มเติมขึ้นมา “ใช่แล้ว ข้าชอบเล่นแบบตื่นเต้น หากพวกเจ้าทนได้ ต่อให้อายุมากหน่อย ข้าก็ไม่ถือสา...”เมื่อพูดออกมาเช่นนี้ ราชามังกรม่วงถอยหลังไปหนึ่งก้าวอย่างไม่รู้ตัวแววตาหยางเหลียนซั่วเยือกเย็น“นำทาง”เฟิ่งจิ่วเหยียนมองห้าราชา อย่างค่อนข้างเสียดายทว่า มิมีใครสบตานางสักคนหยางเหลียนซั่วไม่ได้ไปจากชั้นเก้า สั