แชร์

บทที่ 19

ผู้เขียน: อี้ซัวเยียนอวี่
ถึงแม้จ้าวเฉียนเรียกแทนตัวเองว่าบ่าว น้ำเสียงกลับแฝงไปด้วยความหยิ่งผยอง

เหมือนกับว่าเขามาเอา ฮองเฮาก็ต้องให้

แต่เรียกอยู่ตั้งนาน ก็ไม่ได้ยินเสียงคนพูดตอบ

กลับเป็นหัวหน้าหมัวมัว ที่อยู่ไกลยิ่งกว่าออกมา

สีหน้าหัวหน้าหมัวมัวเหี่ยวเฉา

เจ้านายไม่เป็นที่โปรดปราน นางที่เป็นถึงหัวหน้าหมัวมัว ยังมีอิทธิพลสู้บ่าวใช้ระดับล่างของตำหนักหลิงเซียวไม่ได้

เห็นจ้าวเฉียน นางถ่อมตัวอย่างต่ำต้อย

“จ้าวกงกง ท่านอย่าร้อนใจ ฮองเฮาอาจจะยังไม่ตื่น บ่าวจะไปเร่งให้”

จ้าวเฉียนเชิดสายตา เชิดคางสูงพร้อมพูดขึ้นมาว่า

“งั้นเจ้าก็ไวหน่อย”

“เจ้าค่ะ เจ้าค่ะ เจ้าค่ะ จะเข้าไปเดี๋ยวนี้”

หัวหน้าหมัวมัววิ่งไปในตำหนัก เห็นฮองเฮากำลังหวีผม

นางรีบเดินเข้าไปอย่างยิ้มแย้ม

“พระนาง อาการปวดหัวของหวงกุ้ยเฟยกำเริบอีกแล้ว หากท่านสามารถมอบยาให้ได้ในตอนนี้ ฮ่องเต้จะต้องจดจำความดีของท่าน ท่านก็จะมีโอกาสเป็นที่โปรดปรานแล้ว”

“ท่านว่า หลักการนี้ถูกต้องไหม?”

เฟิ่งจิ่วเหยียนเขียนคิ้วอยู่อย่างเชื่องช้า ไม่ร้อนใจเลยสักนิด

“ยา ไม่มีแล้ว”

รอยยิ้มของหัวหน้าหมัวมัว หุบลงทันที

“พระนาง ไม่มีแล้วจริง ๆ หรือ? ท่าน...ท่านไม่หาดูหน่อยหรือ?
บทที่ถูกล็อก
อ่านต่อที่ GoodNovel
สแกนรหัสเพื่อดาวน์โหลดแอป
ความคิดเห็น (16)
goodnovel comment avatar
Montatip Jindanoy
บทซ้ำรึเปล่า
goodnovel comment avatar
Sawarost Sontijai
อย่าให้ยาเลย
goodnovel comment avatar
Lumyai Sananrum
เรื่องสนุกมาก
ดูความคิดเห็นทั้งหมด

บทที่เกี่ยวข้อง

  • แม่ทัพหญิงปราบพยศฮ่องเต้ร้าย   บทที่ 20

    ริมฝีปากเซียวอวี้บางเหมือนมีด ดวงตายับยั้งความขุ่นเคืองไว้ยาที่ฮองเฮาให้มาก่อนหน้านี้นั้นใช้ได้ดี เขาจึงให้สำนักหมอหลวงไปศึกษาวิจัย แต่จนถึงตอนนี้ก็ยังไม่มีผลสรุป เพราะยังขาดยาสมุนไพรที่สำคัญหลายอย่างเดิมคิดว่าฮองเฮาจะใจดี ที่แท้นางกำลังรออยู่ตรงนี้ใช้ยาบีบบังคับเขา!ทำได้ดีมาก!สีหน้าเซียวอวี้ฉายแววดุร้าย“นางยังพูดอะไรอีก”หน้าผากจ้าวเฉียนเต็มไปด้วยเหงื่อ“ฮองเฮาพูดว่า ท่านลังเลนานเท่าไหร่ หวงกุ้ยเฟยก็จะเจ็บปวดนานเท่านั้น”“หากท่านไม่รับปาก นางก็จะทำลายยานั้น ก็ไม่ยกให้กับท่าน”“ยังพูดว่า... แม้สุภาพบุรุษรับปากแล้วไม่คืนคำ แต่พระราชโองการน่าเชื่อถือกว่า ท่านเพียงรับปากอย่างเดียวไม่ได้ ต้อง...ต้องมีพระราชโองการ”มือเท้าจ้าวเฉียนอ่อนแรงหมดกัน ฮ่องเต้คงไม่ประหารเขามั้ง?ฟังจ้าวเฉียนพูดจบ สีหน้าเซียวอวี้มืดครึ้ม เหมือนเมฆดำก่อนพายุจะมาตำหนักหลิงเซียวเงียบสงัดทางด้านตำหนักหย่งเหอ บรรยากาศก็แน่นิ่งเหมือนกันสีหน้าหัวหน้าซุนหมัวมัวขาวซีดคราวนี้แย่แล้ว!ฮองเฮาหลอกลวงฮ่องเต้ว่าไม่มียาก่อน จากนั้นก็ข่มขู่ให้ฮ่องเต้โปรดปราน...นางไม่กล้าคิด ฮ่องเต้จะต้องโกรธโมโหขนาดไหน

  • แม่ทัพหญิงปราบพยศฮ่องเต้ร้าย   บทที่ 21

    หลังจากที่ฮ่องเต้ออกไปแล้ว สาวใช้ชุนเหอกังวลใจอย่างมาก“พระสนม หากฮองเฮาได้รับความโปรดปรานจากฮ่องเต้จริง ตำแหน่งในวังของท่านไม่ใช่หนึ่งเดียวอีกต่อไปแล้ว”เพล้ง! ในมุ้งมีเสียงคับแค้นใจดังขึ้นแจกันดอกไม้ที่อยู่ตรงหัวเตียงลอยละลิ่วออกไปจากผ้าม่านมุ้งแตกออกเป็นเสี่ยง ๆ สาวใช้ชุนเหอรีบเก็บเศษแก้วที่กระจายและคุกเข่ากับพื้นทันที“พระสนมเย็นพระทัยก่อนเพคะ!”หวงกุ้ยเฟยนั่งริมขอบเตียง มือข้างหนึ่งกำผ้าปูที่นอนไว้ แววตามืดทึมน่ากลัว เพ่งมองไปด้านหน้า ทำให้คนหวาดกลัว“ฮ่องเต้จะโปรดปรานนางได้อย่างไรกัน!”สตรีที่ชื่อเสียงเสื่อมเสียไปแล้ว ยังบังอาจหน้าด้านไร้ยางอายมาแย่งความโปรดปรานไปจากนาง ช่างไม่รู้จักเจียมตัว!ณ เวลานี้ สนมคนอื่นก็รวมกลุ่มกันพวกนางไม่เคยได้รับความโปรดปรานจากฮ่องเต้ จึงไม่ได้โมโหใหญ่โตเช่นหวงกุ้ยเฟยขนาดนั้น ทว่าก็ใช่ว่าจะไม่รู้สึกอะไรเลย“เฮ้อ! อย่างไรก็ตามก็เป็นเพราะฮองเฮาฝีมือดี คาดไม่ถึงเลยว่าฮ่องเต้จะตกปากรับคำจริง ๆ เสียด้วย ”นางสนมเจียงที่คอยเอาอกเอาใจหวงกุ้ยเฟยแต่ไหนแต่ไรมา อดไม่ได้ที่จะประชดประชัน“ฝีมืออะไรกัน? ก็แค่ใช้หวงกุ้ยเฟยมาบีบบังคับฮ่องเต้! ลูกไม

  • แม่ทัพหญิงปราบพยศฮ่องเต้ร้าย   บทที่ 22

    แววตาถมึงทึงแข็งกระด้างของเซียวอวี้แผ่ความเย็น มองสตรีตรงหน้าด้วยความเย็นชานางสนมเจียงคุกเข่าอยู่บนเตียง สวมชุดนอนบางเฉียบไม่รู้ว่าเป็นเพราะความเยือกเย็นในวสันตฤดู หรือเป็นเพราะไฟความโกรธของฮ่องเต้ทำให้คนอยากแทรกแผ่นดินหนี นางก้มหน้า ตัวสั่นเทาอย่างควบคุมไม่ได้“หม่อมฉัน...หม่อมฉันคือนางสนมเจียงอยู่ในตำหนักหวงกุ้ยเฟย หม่อมฉันเคยถวายบังคมฝ่าบาท...”นางฝืนพูดให้จบประโยค ลำคอทั้งแห้งและฝืดเคืองหน้าตาเซียวอวี้หล่อเหลา เย็นชาเขาเย็นยะเยือกจนทำให้คนกลัว ราวกับอสูรจากขุมนรกแม้ว่าน้ำเสียงของเขาจะเรียบนิ่งอย่างมาก“ฮองเฮาล่ะ” เขาซักถามอีกครั้งอากาศรอบข้างเบาบางลงเรื่อย ๆ นางสนมเจียงปะทะกับความตกใจสุดขีดนั้นแทบจะหายใจไม่ออก“กราบทูลฝ่าบาท ฮองเฮาให้หม่อมฉันมา...ปรนนิบัติเพคะ”หลิวซื่อเหลียงได้ยินเสียงผิดปกติเมื่อครู่ จึงวิ่งเข้ามาดูโดยไม่รอมีดำรัสสั่งได้ยินคำพูดของนางสนมเจียงพอดี ตกตะลึงจนตาค้างอะไรกัน? ! !คนที่ปรนนิบัติคืนนี้ไม่ใช่ฮองเฮา?ฮองเฮาต้องการจะทำอะไร แสร้งปล่อยเพื่อจับหรือกระไร?ในสถานการณ์ตอนนี้ นางสนมเจียงเองก็ประหลาดใจมากเช่นกันนางไม่คิดเลยว่าตนเองจะได

  • แม่ทัพหญิงปราบพยศฮ่องเต้ร้าย   บทที่ 23

    ฮ่องเต้เสด็จมาที่ตำหนักหย่งเหออย่างกะทันหัน เหลียนซวงรู้สึกประหลาดใจเป็นอย่างมาก“ฝ่าบาทเสด็จมาทำอันใดกัน?”สีหน้าที่ซุนหมัวมัวมองนางราวกับเห็นคนต่างเผ่า“เจ้าไม่ทราบจริง ๆ หรือ? ตอนกลางวันฮองเฮาเราพยายามอย่างสุดกำลังเพื่อที่จะรับความโปรดปราน ตกกลางคืนกลับให้นางสนมเจียงไปปรนนิบัติแทนฮองเฮา นี่ไม่ใช่แสดงอย่างชัดเจนว่ากำลังปั่นหัวฮ่องเต้อยู่รึ“ฮ่องเต้เป็นถึงจักพรรดิ! จะทนเรื่องเช่นนี้ไหวได้อย่างไรกัน!”“ฮองเฮา ท่านรีบเปลี่ยนอาภรณ์เถิด ชะตาชีวิตของพวกหม่อมฉันอยู่ในฝ่ามือของท่านนะเพคะ!”เฟิ่งจิ่วเหยียน: ?“เปิ่นกงได้กล่าวเมื่อใดว่าจะปรนนิบัติ!”นางเสียสติไปแล้วกระมัง!ซุนหมัวมัวเองก็สับสนงงงวยหรือว่านางคิดผิดไป?ทว่าไม่ใช่นางคนเดียวที่คิดเช่นนี้!อย่างไรเสียในวังนี้ ใคร ๆ ก็ต้องแย่งชิงความโปรดปรานเพื่อตัวเองทั้งนั้น จะให้โอกาสคนอื่นมาแย่งปรนนิบัติได้อย่างไรกัน สมองทึบหรือกระไร?เรื่องราวพิสูจน์แล้วว่าไม่ใช่ซุนหมัวมัวคนเดียวที่คิดต่างค่ำคืนดึกดื่น พวกนางสนมที่นอนไม่หลับอยู่แล้ว หลังจากได้ยินเรื่องที่เกิดขึ้นในตำหนักจื้อเฉิน ต่างพากันตะลึงงัน“อะไรกัน? คนที่ปรนนิบัติไม

  • แม่ทัพหญิงปราบพยศฮ่องเต้ร้าย   บทที่ 24

    เป็นเขาได้อย่างไรกัน!เฟิ่งจิ่วเหยียนสีหน้าสงสัย เหงื่อออกตามมือเล็กน้อยคนที่อยู่ตรงหน้า หน้าตาเหมือนกับบุรุษที่นางเคยประลองมือในวันนั้นทุกกระเบียดนิ้ว!ไม่สิ พูดให้ถูกต้องก็คือพวกเขาคือคนเดียวกันต่างหาก!ใบหน้าหล่อเหลาเช่นเดียวกัน แววตาลึกลับ และยังมีรังสีอาฆาตที่คมคาย...หลังจากที่ประลองมือครั้งแรก นางคิดเองเออเองว่าเขาเป็นองครักษ์ในวังความจริงแล้ว เขาเป็นถึงฮ่องเต้เซียวอวี้!ทว่า จักรพรรดิที่ถูกเลี้ยงดูมาอย่างดี คิดไม่ถึงเลยว่าศิลปะการต่อสู้จะเก่งกาจขนาดนี้เฟิ่งจิ่วเหยียนจำเซียวอวี้ได้ ทว่าเซียวอวี้กลับไม่รู้ คนตรงหน้าผู้นี้เป็นนักฆ่าสาวที่เขาเคยประลองมือมาแล้วสองครั้ง“ฮองเฮาจะจ้องเราไปตลอดเลยหรือกระไร” เซียวอวี้พูดอย่างไม่เป็นมิตรเฟิ่งจิ่วเหยียนตั้งสติทันที หลุบสายตาลง“โปรดอภัยที่หม่อมฉันเสียมารยาท”ภายนอกของนางดูสงบนิ่งเป็นปกติ ความจริงแล้วในใจยังคงมีความประหลาดใจอยู่นี่เป็นครั้งแรกที่เซียวอวี้ได้มองหน้านางในระยะใกล้เช่นนี้ครั้งก่อนที่เห็นนาง คือตอนที่นางควบม้าไปช่วยไทเฮา เขายืนอยู่ที่สูง มองจากไกล ๆ ...ทันใดนั้น นิ้วเรียวยาวของเซียวอวี้อันเย็นยะเยือกเชิดค

  • แม่ทัพหญิงปราบพยศฮ่องเต้ร้าย   บทที่ 25

    เฟิ่งจิ่วเหยียนที่ถูกบีบคออยู่ สีหน้าเริ่มซีดเซียว“เหล่านี้ล้วนเป็นสิ่งที่จดหมายตระกูลกล่าวถึง...”“จดหมายตระกูล?” เซียวอวี้ไม่เชื่ออย่างแน่นอนเขาสั่งให้นางนำสิ่งที่เรียกว่าจดหมายตระกูลฉบับนั้นออกมาซุนหมัวมัวที่อยู่ด้านนอกตกตะลึงตาค้างมีจดหมายตระกูลที่ใดกัน?พอหันกลับไป...คุณพระ นางเสียขวัญ!เด็กเหลียนซวงนี่กลับมาตั้งแต่เมื่อไหร่กัน?และในมือของนางถืออะไรอยู่?เหลียนซวงไม่สนใจซุนหมัวมัวที่ยืนแข็งเป็นหิน ตาลีตาเหลือกเดินเข้าในตำหนัก“ฝ่าบาท นี่เป็นจดหมายที่นายท่านส่งมาวันนี้”เซียวอวี้ปล่อยมือ เปิดดูด้วยตนเองนี่เป็นจดหมายที่บิดาเขียนให้ลูกสาว——“ลูกเวยเฉียง จดหมายของเจ้าก่อนหน้านี้ ภายใต้ความรับผิดชอบของฮองเฮา จะห่วงใยเหล่านางสนมราวกับเป็นพี่น้อง ทำให้พ่อรู้สึกสบายใจ ได้สืบทราบเรื่องบางอย่างที่เกี่ยวงข้อง หวังว่าจะช่วยเหลือเจ้าได้...”เนื้อหาหลังจากนี้ไม่เพียงแต่พูดถึงนางสนมเจียงเท่านั้น ยังกล่าวถึงนางสนมคนอื่นอีกด้วยทว่าใจความสำคัญของจดหมายคือ ช่วงเวลาที่พวกนางเข้าวัง ความสัมพันธ์ของบิดามารดาในครอบครัว รวมถึงสิ่งที่ชื่นชอบทว่าอ่านจดหมายฉบับนี้ รู้สึกได้ถึงคว

  • แม่ทัพหญิงปราบพยศฮ่องเต้ร้าย   บทที่ 26

    เฟิ่งจิ่วเหยียนค่อย ๆ เงยหน้าขึ้นมา สายตาเรียบเฉย ราวกับเป็นน้ำนิ่งที่ไม่มีคลื่นเลยแม้แต่น้อย“ฝ่าบาท ก่อนหน้านี้หม่อมฉันพูดจาอวดดี ทำให้ฝ่าบาททรงกริ้ว ทบทวความผิดของตนเองมาตลอดทั้งวันทั้งคืน ไม่คู่ควรที่จะปรนนิบัติพระองค์จริง ๆ เพคะ”ดวงตาของเซียวอวี้เย็นชาและล้ำลึก แอบซ่อนไปด้วยความอันตราย“ฮองเฮาก็รู้ตัวเองดีนี่”“เคลื่อนขบวน ไปตำหนักหลิงเซียว” ......หลังจากฮ่องเต้เสด็จกลับ เหลียนซวงดูเหมือนกับทั้งร่างแตกสลาย ตัวอ่อนยวบเท้ามุมโต๊ะเอาไว้“พระนาง บ่าวตกใจแย่แล้วเพคะ...”เมื่อเห็นว่าไม่มีคนอื่นอยู่ด้วย เหลียนซวงกล่าวเตือนอย่างเป็นห่วง“พระนาง ฝ่าบาทไม่ได้ทรงโปรดปรานนางสนมเจียง ท่านอยากให้นางทำลายความเป็นสนมคนโปรดเพียงผู้เดียวของหวงกุ้ยเฟย ก็จัดว่าล้มเหลว”“ไม่เพียงแค่นี้ ท่านยังทำให้ฝ่าบาทไม่ทรงพอพระทัย ทั้งยังเกิดความบาดหมางกับหวงกุ้ยเฟย และนางสนมเจียงอีก สถานการณ์ของพวกเราจะไม่ยิ่งแย่ลงไปกว่าเดิมหรือเพคะ?”เฟิ่งจิ่วเหยียนไม่คิดว่าล้มเหลวนางกล่าวอย่างสุขุม“นางสนมเจียงกับหวงกุ้ยเฟยสนิทกันมาก จะต้องได้รับผลประโยชน์เพราะอยู่ใกล้ชิดกัน หากฝ่าบาททรงมีใจให้กับนาง คงจะทรงโป

  • แม่ทัพหญิงปราบพยศฮ่องเต้ร้าย   บทที่ 27

    นางสนมเจียงทั้งประหลาดใจทั้งดีใจ รีบเช็ดน้ำตาหันหน้ามองออกไปเมื่อเห็นฉากบังลมสีทองนั้น นางลืมความเจ็บปวดที่แผลไปหมดแล้วสาวใช้ที่อยู่ข้างกายคาดเดา“พระนาง ได้ข่าวว่าหลังจากที่ฝ่าบาทเสด็จออกจากตำหนักหย่งเหอ ก็ไปที่ตำหนักหลิงเซียว จะต้องเป็นเพราะหวงกุ้ยเฟยกล่าวชื่นชมกับฝ่าบาท ถึงได้ตกรางวัลมา ท่านจะต้องซาบซึ้งให้มาก ๆ นะเจ้าคะ!”นางสนมเจียงพยักหน้าแรง ๆ“ถูกต้อง อย่างไรเสียพี่หญิงหวงกุ้ยเฟยก็ปฏิบัติต่อข้าด้วยความจริงใจ ไม่เหมือนกับฮองเฮานั่น!”เมื่อเอ่ยถึงฮองเฮา ความเคียดแค้นของนางก็พลุ่งพล่านขึ้นมาอีกครั้งความแค้นครั้งนี้ นางจะต้องเอาคืน!……ตำหนักจื้อเฉินภายในตำหนักใหญ่ที่เงียบสงัดกลางดึกฟึ่บ——มือข้างหนึ่งปัดผ้าม่านออกจากด้านใน แฝงไปด้วยความกระวนกระวายใจแสงจันทร์ที่เล็ดลอดเข้ามา สาดส่องมาที่ด้านในมุ้ง เซียวอวี้นั่งอยู่ตรงนั้น เสื้อคลุมที่เปิดออกกว้าง เผยให้เห็นแผ่นอกที่แข็งแกร่งมือข้างหนึ่งของเขาประคองหน้าผากเอาไว้ นวดหว่างคิ้วด้วยความวุ่นวายใจนอนไม่หลับเอาแต่คิดถึงบทสนทนาตอนที่อยู่ตำหนักหย่งเหอซ้ำไปซ้ำมาไม่ถูกต้อง!ตอนนั้นเขาอยากจะลงโทษสาวใช้ของฮองเฮา เ

บทล่าสุด

  • แม่ทัพหญิงปราบพยศฮ่องเต้ร้าย   บทที่ 892

    ซ่านชุนที่ได้รับหน้าที่อันใหญ่หลวง โดยการควบคุมทหารม้าของทั้งสี่แคว้นนั้นเขารู้ดีว่า เฟิ่งจิ่วเหยียนคือขวากหนามที่เป็นอุปสรรคที่ยิ่งใหญ่ที่สุดสำหรับพวกเขา ในการโจมตีด่านเฉาอวี่๋ในครั้งนี้นางเก่งในการนำทัพออกรบยิ่งนัก รัฐเหลียงที่อยู่แดนเหนือยังถูกนางตีจนแตกพ่ายกลายเป็นรัฐบริวารแล้ว นับว่าความสามารถของนางมิอาจดูถูกได้เลยจริง ยิ่งกว่านั้น เมื่อวานนางยังสร้างความเสียหายให้กับพวกเขาอย่างแสนสาหัสอีกด้วย สร้างเนินฝังศพขึ้นมา โหดเหี้ยมและน่าขวัญผวายิ่งนัก!ทำเอาเขาอยากจะสังหารสตรีนางนั่นเดี๋ยวนี้เลย!รองแม่ทัพพลางเอ่ยปลอบใจออกมาว่า “ท่านแม่ทัพวางใจได้ขอรับ สายลับของพวกเราสามารถสังหารกวนไหลอิ้งได้ เช่นนั้นย่อมต้องสังหารฮองเฮาแห่งหนานฉีได้เช่นกันขอรับ!”ซ่านชุนนึกอยากกินเนื้อแกะขึ้นมาอีกแล้วทว่า เมื่อนึกไปถึงโคลงตลกขบขันที่ชาวหนานฉีตั้งขึ้นมานั้น กล่าวว่าเขากินเนื้อวัวเนื้อแกะ ก็เพื่อกลบกลิ่นที่ติดตัวของตนเอง นั่นจึงทำให้เขาอดที่จะรู้สึกไม่สบายใจขึ้นมาไม่ได้กลุ่มหนานฉีพวกนั้น! ช่างน่ารังเกลียดยิ่งนัก!ซ่านชุนพลางเอ่ยออกมาอย่างเย็นชาว่า “หาใช่สตรีนางนั้นเพียงผู้เดียวไม่ ยังมีบัณฑ

  • แม่ทัพหญิงปราบพยศฮ่องเต้ร้าย   บทที่ 891

    หยิ่นเอ้อร์ต้องการพาคนออกไปนั้น เฟิ่งจิ่วเหยียนกลับเอ่ยถาม“คิดว่าเป็นเพียงความกตัญญูจริง ๆ หรือ?”ฮูหยินกวนที่ถูกถามนั้น ถึงกับชะงักไปครู่หนึ่งเฟิ่งจิ่วเหยียนจึงเปิดเผยความจริงทุออย่างออกมาอย่างโหดร้ายในทันที“บุตรชายทั้งสองของท่านนั้น อยากจะเข้าร่วมกองพันทหารม้า ยามที่ท่านแม่ทัพกวนยังมีชีวิตอยู่นั้น เขาหาได้เคยอนุญาติไม่”“แล้ว แล้วมันอย่างไรเล่า?” ใบหน้าของฮูหยินกวนพลันมีท่าทีสับสนไปเล็กน้อยดวงตาของเฟิ่งจิ่วเหยียนที่แฝงไปด้วยความเย็นชานั้น“สายลับของแคว้นศัตรูเจ้าเล่ห์เป็นอย่างยิ่ง หากเพียงแค่เอ่ยวาจาธรรมดานั้น พวกมันจักเกลี้ยกล่อมบุตรชายทั้งสองของเจ้าให้วางยาได้อย่างไร? เกรงว่า คงมีแรงจูงใจอื่น ๆ เป็นแน่“ข้าได้ไปสืบเรื่องราวแล้ว ยามที่กวนไหลอิ้งมาร่วมรบในวันนั้น คุณชายทั้งสองนั้นต่างก็พากันเสนอตัวอยากที่จะไปออกรบแทนบิดาของตนเอง เกรงว่าที่พวกเขามีความคิดเช่นนี้ เป็นเพราะทั้งสองต่างมองว่าการดวลกันหน้าสนามรบนั้นเป็นบันไดไปสู่ความสำเร็จอีกทางหนึ่ง หากว่ากันตามความเป็นจริงแล้ว หากได้ชัยย่อมกลายเป็นวีรีบุรุษผู้กล้าหาญ หากพ่ายแพ้อย่างมากก็แค่ได้รับบาดเจ็บเท่านั้น”“แต่พวกเขาคง

  • แม่ทัพหญิงปราบพยศฮ่องเต้ร้าย   บทที่ 890

    ผ่านไปไม่นาน หมอทหารผู้นั้นก็ถูกลากตัวมาตรงหน้าเฟิ่งจิ่วเหยียนบนตัวเขาได้รับบาดเจ็บ ขดตัวคุกเข่าอยู่บนพื้น มิกล้าเงยหน้า“ขอฮองเฮาทรงสืบหาความจริงให้กระจ่าง ข้าน้อยถูกปรักปรำ ถูกปรักปรำ!”เฟิ่งจิ่วเหยียนชักดาบชี้ไปที่คอของเขา บังคับให้เขาเงยหน้าขึ้น บนใบหน้ามีเหงื่อเย็นผุดออกมาไม่หยุด“ฮองเฮา...”เขาดูเหมือนบริสุทธิ์ไร้ความผิด ในดวงตาเห็นประกายของหยดน้ำตาใบหน้าของเฟิ่งจิ่วเหยียนไม่แสดงความรู้สึกเกินพอดี มองดูเคร่งขรึม“ภายในค่ายตงต้า มีสายลับมากน้อยเท่าใด”หมอทหารส่ายหัว“ข้าน้อยมิทราบ ข้าน้อยกลัว...อ๊าก!”ก่อนที่เขาจะเอ่ยจบ หูข้างหนึ่งก็ถูกตัดขาดเลือดจากใบหูหยดลงมาบนพื้น เจ็บปวดจนทำให้เขาสั่นกระตุกไปทั้งตัว“ฮองเฮาโปรดไว้ชีวิตด้วย ข้าน้อยมิทราบจริง ๆ! สายลับอะไรนั่น พิษอะไรนั่น ไม่เกี่ยวข้องกับข้าน้อยเลย...”แววตาของเฟิ่งจิ่วเหยียนเย็นเยียบ“ยังฟังภาษาคนไม่เข้าใจหรือ? ถ้าเช่นนั้น หูอีกข้างหนึ่งก็อย่าเก็บเอาไว้เลย”นางกำลังจะแกว่งกระบี่ หมอทหารผู้นั้นก็หลบโดยมิรู้ตัว ราวกับสุนัขตกน้ำที่สิ้นท่า และโขกหัวขอความเมตตา“ไม่ อย่า! ฮองเฮา ข้าน้อยบริสุทธิ์ ข้าน้อยขาดสติไปชั่

  • แม่ทัพหญิงปราบพยศฮ่องเต้ร้าย   บทที่ 889

    เฟิ่งจิ่วเหยียนสงสัยว่าการตายของกวนไหลอิ้งมีพิรุธบางอย่าง จึงจงใจเอ่ยถึงความสงสัยต่อหน้าทุกคน ก็เพื่อจะล่องูออกจากรูคืนที่ผ่านมา หยิ่นซานกับพรรคพวกเฝ้าอยู่ภายนอกกระโจมที่ตั้งศพตลอดทั้งคืน ผู้ใดเข้าไปบ้าง พวกเขาก็เห็นอย่างชัดเจนภายนอกกระโจมมีทหารเฝ้าอยู่ ลูกกำพร้ากับแม่ม่ายตระกูลกวนสามคนก็ได้เข้าไป หลังจากที่พวกเขากลับไปไม่นาน สวีเฟิงก็เข้าไปต่อมาหลังจากนั้น บุตรชายคนโตกับบุตรชายคนเล็กของตระกูลกวนก็แยกกันเข้าไปในช่วงเวลานั้น ยังมีหมอทหารผู้นั้นด้วยจางฉวนสรุปด้วยประโยคเดียว “หรือจะพูดว่า คนทั้งห้าคนที่เอ่ยมานั้นมีโอกาสที่จะแตะต้องศพ และทำอะไรกับศพ!”ฮูหยินกวนได้ยินเช่นนั้น ราวกับถูกลบหลู่ จึงรีบปฏิเสธทันทีด้วยความไม่พอใจ“มิใช่ข้า! ข้าหรือจะลอบฆ่าสามี? การทำร้ายสามีของข้า จะได้ประโยชน์อันใดต่อข้า?”นางกลับหันไปโยนความผิดให้สวีเฟิง และยืนกรานหนักแน่น “สวีเฟิงเป็นผู้ที่น่าสงสัยที่สุด! เขามิเต็มใจจะอยู่ภายใต้สามีข้า เขาต้องการจะอยู่เหนือกว่า! ฮองเฮา ท่านโปรดสืบสวนให้กระจ่าง!”สวีเฟิงมิรู้ว่าตนล่วงเกินฮูหยินกวนอย่างไร สิ่งดีมิเคยนึกถึง สิ่งร้ายจะนึกถึงเขาทันทีคนบริสุทธิ์ย่อมพ

  • แม่ทัพหญิงปราบพยศฮ่องเต้ร้าย   บทที่ 888

    ฮูหยินกวนมิเห็นด้วยกับการผ่าศพ บุตรชายคนโตของตระกูลกวนก็รู้สึกโมโหขึ้นมาเช่นกัน“มิได้! บิดาข้าน้อยก่อนตายก็ต้องทนทุกข์ทรมาน ตายแล้วก็ยังถูกคนเฆี่ยนตี มิอาจถูกทำร้ายได้อีกแล้ว!”บุตรชายคนเล็กก็คล้อยตามกัน: “ฮองเฮา ให้ศพของบิดาข้าน้อยอยู่ครบถ้วนเถิดพ่ะย่ะค่ะ! บิดาข้าน้อยช่างน่าอนาถยิ่งนัก!”สวีเฟิงรู้สึกลังเลอยู่บ้าง เขาจึงสอบถามหมอเทวดาเฒ่าผู้นั้น“การผ่าศพจะสามารถค้นพบบางอย่างได้แน่นอนใช่หรือไม่?”หมอเทวดาเฒ่าเอ่ยอย่างตรงไปตรงมา: “ก็ไม่แน่”“ในเมื่อเป็นเรื่องที่ไม่แน่นอน ก็ห้ามมิให้ผ่าศพอีกเด็ดขาด!” ฮูหยินกวนร่ำไห้สะอึกสะอื้นทุกคนต่างมองไปทางเฟิ่งจิ่วเหยียนเฟิ่งจิ่วเหยียนกลับมองไปที่ศพของกวนไหลอิ้ง ด้านบนปกปิดด้วยผ้าขาว นี่คือปลายทางสุดท้ายของทุกคนจางฉวนตัวน้อยรู้สึกกังวลใจหากฮองเฮายืนกรานจะตรวจพิสูจน์ศพ เพื่อค้นหาความจริง หากค้นพบบางอย่างก็ถือว่าดีไป หากไม่พบ ก็อาจจะทำให้คนตระกูลกวนไม่พอใจอย่างแน่นอน นี่จะเป็นการเสียแรงเปล่านั่นก็มิสู้ปล่อยผ่านไปจะดีกว่าไม่ว่าอย่างไร แม่ทัพกวนก็ตายด้วยน้ำมือของกองทัพศัตรู อย่างไรเสียก็ถือเป็นวีรบุรุษที่ยอมสละชีพเมื่อนึกถึงเรื่องนี

  • แม่ทัพหญิงปราบพยศฮ่องเต้ร้าย   บทที่ 887

    ฮูหยินกวนเงยหน้าขึ้น มองไปทางเฟิ่งจิ่วเหยียน คราบน้ำตาบนใบหน้ายังไม่ทันเหือดแห้ง พลันปรากฏความรู้สึกประหลาดใจ“ตรวจพิสูจน์ศพ? ฮองเฮา เป็นเพราะเหตุใดเพคะ?”บุตรชายสองคนของนางก็ประหลาดใจเช่นกัน ต่างฝ่ายต่างมองหน้ากันรองแม่ทัพสวีเฟิงเป็นตัวแทนเหล่าทหาร เอ่ยถามอย่างใจกล้า“ฮองเฮา หรือท่านคิดว่า การตายของแม่ทัพกวนน่าสงสัยพ่ะย่ะค่ะ?”มีเพียงสงสัยว่าอีกฝ่ายเสียชีวิตโดยผิดธรรมชาติเท่านั้น ถึงจะให้นักชันสูตรศพมาตรวจพิสูจน์ศพ โดยปกติก็เป็นกระบวนการหนึ่งในการจัดการคดีของขุนนางดังนั้น เมื่อเฟิ่งจิ่วเหยียนเสนอให้ตรวจพิสูจน์ศพ สวีเฟิงย่อมต้องคิดมากเฟิ่งจิ่วเหยียนกวาดสายตามองดูคนเหล่านั้นที่มีสีหน้าท่าทางแตกต่างกันไป พร้อมเอ่ยด้วยน้ำเสียงเรียบเฉย“ข้าเคยประมือกับชายจมูกยาว และยังรู้ถึงพละกำลังของแม่ทัพกวนด้วย“หากเป็นการต่อสู้ตัวต่อตัว แม่ทัพกวนคงมิพ่ายแพ้ง่ายดายถึงเพียงนี้“ดังนั้น จึงจำเป็นต้องตรวจพิสูจน์ศพ”นางมิอาจยอมรับสิ่งที่ขัดแย้งกับความคิดโดยเฉพาะในค่ายทหารแห่งนี้กวนไหลอิ้งเป็นแม่ทัพที่ดีทำเพื่อแว่นแคว้นและราษฎร ต้องมาตายอย่างมีเงื่อนงำ ซ้ำยังถูกครหาว่ามุทะลุบุ่มบ่าม ช่างน่

  • แม่ทัพหญิงปราบพยศฮ่องเต้ร้าย   บทที่ 886

    ภายนอกด่านเฉาอวี๋ กองทัพศัตรูหนีกระเจิงไปคนละทิศละทางภายในด่านเฉาอวี๋ กองทัพหนานฉีกำลังตีกลองลูกตะกร้อไฟเผาไหม้จนหมดแล้ว แสงไฟมอดดับลง แสงจันทร์และแสงดาวดูสว่างไสวเป็นพิเศษ สาดกระทบลงมาบนตัวเฟิ่งจิ่วเหยียน ขับเน้นให้รูปร่างนางยิ่งดูผอมเพรียว ทว่ากลับแน่วแน่มั่นคงราวกับต้นสนหลังจากรอจนกองกำลังพันธมิตรสี่แคว้นนำโดยต้าเซี่ยถอยหนีไป นางถึงนั่งลงบนโขดหินด้วยความเหนื่อยล้า โน้มตัวลงมาเล็กน้อย เลือดสด ๆ ไหลมาตามร่องนิ้วมือแขนของนางได้รับบาดเจ็บจากขวานคู่ แต่ไม่มีผู้ใดมองเห็นได้ชัดเจนทว่า สำหรับนางแล้วนี่ถือเป็นบาดแผลเล็กน้อยหากผ่านวันนี้ไปแล้ว กองกำลังพันธมิตรสี่แคว้นมิกล้ามารุกรานง่าย ๆ อีก นี่ถึงจะเป็นเรื่องสำคัญ“ฮองเฮา ท่านมิเป็นไรนะพ่ะย่ะค่ะ!” ทหารที่รับผิดชอบเชือกขวางม้าล้อมวงเข้ามา ในใจรู้สึกเป็นกังวลเฟิ่งจิ่วเหยียนซ่อนมือที่มีเลือดออกไว้ น้ำเสียงฟังดูราบเรียบไม่รีบร้อน“มิเป็นไร”นางเงยหน้าขึ้น มองไปทางศพของทหารศัตรู แววตาดูเฉยชา......ณ ฐานที่มั่นของกองกำลังพันธมิตรสี่แคว้นหลังจากซ่านชุนนำกองทัพถอนกำลังไปแล้ว สิ่งแรกที่ทำคือลากตัวเหล่าทหารสอดแนมออกมาทหารสอดแนม

  • แม่ทัพหญิงปราบพยศฮ่องเต้ร้าย   บทที่ 885

    กองทัพศัตรูนำศพของกวนไหลอิ้งมาวางบนพื้นที่โล่ง ทั่วร่างเต็มไปด้วยรอยเฆี่ยนตี ไม่มีอาภรณ์ปกปิดร่างกายภาพเหตุการณ์เช่นนี้ เหล่าทหารหนานฉีเห็นแล้วรู้สึกโกรธแค้นความตายก็แค่ศีรษะแตะพื้น ทว่าการกระทำจำพวกเฆี่ยนตีศพ ช่างชั่วช้าอย่างยิ่ง!บนหอประตูเมือง ทหารหนานฉีสองนายโรยเชือกลงมา พวกเขานำอาภรณ์ที่แม่ทัพกวนเคยสวมใส่ก่อนตาย มาสวมให้เขา แววตาฉายแววความโศกเศร้าซ่านชุนมองเฟิ่งจิ่วเหยียนด้วยสายตาโหดเหี้ยม“ฮองเฮา บุตรในท้องของท่าน เกรงว่าคงไม่รอดแล้วกระมัง!”มิเช่นนั้นแล้ว จะต่อสู้จนมาถึงตอนนี้ได้อย่างไร ไม่มีปัญหาใดเกิดขึ้นกับนางหรือ?ซ่านชุนคิดว่าตนเองฉลาดกลับมิรู้เลยว่า เดิมทีแล้วเฟิ่งจิ่วเหยียนมิได้ตั้งครรภ์เลยหลังจากศพของกวนไหลอิ้งถูกส่งขึ้นไปยังหอประตูเมืองแล้ว ซ่านชุนก็มองไปยังศพของทหารตนเองเขารู้สึกกล้ำกลืนฝืนทนคิดอีกที ก็ยังดีที่หยุดความเสียหายได้ทันเวลาตอนนี้ตายไปเพียงหนึ่งร้อยห้าสิบนายหนานฉีพูดพร่ำไม่หยุดว่าจะสร้างหอสูงเก็บศพ ลำพังแค่คนหนึ่งร้อยคน คงมิอาจสร้างได้ซ่านชุนมองไปที่หอประตูเมืองด่านเฉาอวี๋อีกครั้ง สายตาดูเหี้ยมเกรียม“ถอยทัพ!”ทว่า ขณะที่เขากำลังจะห

  • แม่ทัพหญิงปราบพยศฮ่องเต้ร้าย   บทที่ 884

    ซ่านชุนนึกไม่ถึงเลยว่า คนที่อยู่ตรงหน้าผู้นี้...คนผู้นี้ที่สังหารนักรบของเขาห้าสิบนาย และแม่ทัพที่ห้าวหาญหนึ่งนาย จะเป็นเมิ่งสิงโจว!เมิ่งสิงโจวที่ตอนนั้นอายุเพียงสิบเจ็ดปี ในสงครามที่ด่านหู่เหมิน ได้นำทัพไปสังหารกองทัพศัตรูสองหมื่นนาย และสร้างเนินความตาย ทำให้ศัตรูทั่วสารทิศตื่นกลัว!คนผู้นี้น่ากลัวยิ่งนัก!!ม่านตาของซ่านชุนหดลงในทันทีแม่ทัพของอีกสามแคว้นถึงกับตาค้าง พร้อมทั้งหวาดกลัวการต่อสู้ที่แท้ก็คือเมิ่งสิงโจว มิน่าเล่าถึงได้สังหารคนได้มากมายเพียงนี้!วันนี้มิใช่จะสร้างเนินความตายของหนานฉีให้เสร็จหรอกหรือ!พวกเขาทยอยกันเอ่ยโน้มน้าว“แม่ทัพซ่าน! จะต่อสู้อีกมิได้แล้ว! คู่ต่อสู้คือเมิ่งสิงโจว คนของพวกเราจะไปตายกันเปล่า ๆ !”“เมิ่งสิงโจว เป็นเมิ่งสิงโจวได้อย่างไร! แม่ทัพซ่าน จะให้หนานฉีจูงจมูกเรามิได้เด็ดขาด!”รอบดวงตาของซ่านชุนปรากฏรอยคล้ำเป็นวง“หนังสือท้ารบรับมาแล้ว จะกลับคำกลางคันได้อย่างไร! ต้องสู้ต่อไป! ข้ามิเชื่อว่า คนตั้งมากมาย นางจะยังเอาชนะไปได้ตลอด! หนึ่งร้อยคนไม่พอ ก็หนึ่งพันคน หนึ่งหมื่นคน!”ในยามนี้ เขามิต่างจากฮ่องเต้เยี่ยนผู้บ้าคลั่งทว่าสิ่งที่ต่างคือ

สแกนรหัสเพื่ออ่านบนแอป
DMCA.com Protection Status