เฟิ่งจิ่วเหยียนค่อย ๆ เงยหน้าขึ้นมา สายตาเรียบเฉย ราวกับเป็นน้ำนิ่งที่ไม่มีคลื่นเลยแม้แต่น้อย“ฝ่าบาท ก่อนหน้านี้หม่อมฉันพูดจาอวดดี ทำให้ฝ่าบาททรงกริ้ว ทบทวความผิดของตนเองมาตลอดทั้งวันทั้งคืน ไม่คู่ควรที่จะปรนนิบัติพระองค์จริง ๆ เพคะ”ดวงตาของเซียวอวี้เย็นชาและล้ำลึก แอบซ่อนไปด้วยความอันตราย“ฮองเฮาก็รู้ตัวเองดีนี่”“เคลื่อนขบวน ไปตำหนักหลิงเซียว” ......หลังจากฮ่องเต้เสด็จกลับ เหลียนซวงดูเหมือนกับทั้งร่างแตกสลาย ตัวอ่อนยวบเท้ามุมโต๊ะเอาไว้“พระนาง บ่าวตกใจแย่แล้วเพคะ...”เมื่อเห็นว่าไม่มีคนอื่นอยู่ด้วย เหลียนซวงกล่าวเตือนอย่างเป็นห่วง“พระนาง ฝ่าบาทไม่ได้ทรงโปรดปรานนางสนมเจียง ท่านอยากให้นางทำลายความเป็นสนมคนโปรดเพียงผู้เดียวของหวงกุ้ยเฟย ก็จัดว่าล้มเหลว”“ไม่เพียงแค่นี้ ท่านยังทำให้ฝ่าบาทไม่ทรงพอพระทัย ทั้งยังเกิดความบาดหมางกับหวงกุ้ยเฟย และนางสนมเจียงอีก สถานการณ์ของพวกเราจะไม่ยิ่งแย่ลงไปกว่าเดิมหรือเพคะ?”เฟิ่งจิ่วเหยียนไม่คิดว่าล้มเหลวนางกล่าวอย่างสุขุม“นางสนมเจียงกับหวงกุ้ยเฟยสนิทกันมาก จะต้องได้รับผลประโยชน์เพราะอยู่ใกล้ชิดกัน หากฝ่าบาททรงมีใจให้กับนาง คงจะทรงโป
นางสนมเจียงทั้งประหลาดใจทั้งดีใจ รีบเช็ดน้ำตาหันหน้ามองออกไปเมื่อเห็นฉากบังลมสีทองนั้น นางลืมความเจ็บปวดที่แผลไปหมดแล้วสาวใช้ที่อยู่ข้างกายคาดเดา“พระนาง ได้ข่าวว่าหลังจากที่ฝ่าบาทเสด็จออกจากตำหนักหย่งเหอ ก็ไปที่ตำหนักหลิงเซียว จะต้องเป็นเพราะหวงกุ้ยเฟยกล่าวชื่นชมกับฝ่าบาท ถึงได้ตกรางวัลมา ท่านจะต้องซาบซึ้งให้มาก ๆ นะเจ้าคะ!”นางสนมเจียงพยักหน้าแรง ๆ“ถูกต้อง อย่างไรเสียพี่หญิงหวงกุ้ยเฟยก็ปฏิบัติต่อข้าด้วยความจริงใจ ไม่เหมือนกับฮองเฮานั่น!”เมื่อเอ่ยถึงฮองเฮา ความเคียดแค้นของนางก็พลุ่งพล่านขึ้นมาอีกครั้งความแค้นครั้งนี้ นางจะต้องเอาคืน!……ตำหนักจื้อเฉินภายในตำหนักใหญ่ที่เงียบสงัดกลางดึกฟึ่บ——มือข้างหนึ่งปัดผ้าม่านออกจากด้านใน แฝงไปด้วยความกระวนกระวายใจแสงจันทร์ที่เล็ดลอดเข้ามา สาดส่องมาที่ด้านในมุ้ง เซียวอวี้นั่งอยู่ตรงนั้น เสื้อคลุมที่เปิดออกกว้าง เผยให้เห็นแผ่นอกที่แข็งแกร่งมือข้างหนึ่งของเขาประคองหน้าผากเอาไว้ นวดหว่างคิ้วด้วยความวุ่นวายใจนอนไม่หลับเอาแต่คิดถึงบทสนทนาตอนที่อยู่ตำหนักหย่งเหอซ้ำไปซ้ำมาไม่ถูกต้อง!ตอนนั้นเขาอยากจะลงโทษสาวใช้ของฮองเฮา เ
หวงกุ้ยเฟยคิดว่าตนเองหูฝาดไปแล้วฝ่าบาทจะทรงเสด็จไปที่ตำหนักของนางสนมเจียงได้อย่างไรกัน?จ้าวเฉียนพูดต่อ“เรื่องจริงแท้แน่นอนเจ้าค่ะ หลิวกงกงมาส่งข่าว บอกให้ท่านไม่ต้องรอแล้วเจ้าค่ะ ฝ่าบาทจะเสวยกระยาหารเย็นที่ตำหนักของนางสนมเจียงเจ้าค่ะ”หวงกุ้ยเฟยรู้สึกไม่สบายใจ ขมวดคิ้วเล็กน้อยแต่เมื่อครุ่นคิด ถึงแม้ว่าจะเสวยพระกระยาหารเย็นด้วยกัน ฝ่าบาทก็ไม่มีทางโปรดปรานนางสนมเจียง ไม่มีทางอย่างเด็ดขาด...นางจะกระวนกระวายใจไปเอง เพียงเพราะเรื่องเล็กน้อยแค่นี้ไม่ได้ และจะทำให้คนอื่นหัวเราะเยาะเอาได้แต่ละตำหนักได้ข่าวว่าฝ่าบาทเสด็จไปหานางสนมเจียง ทุกคนก็พากันตื่นตะลึงหนิงเฟยโมโหมาก นางขว้างชามใบหนึ่งทันที“นางสนมเจียงเพิ่งจะเข้าวังได้นานขนาดไหน? นางมีสิทธิ์อะไรถึงได้รับความโปรดปรานก่อนข้ากัน!!”สาวใช้กล่าวเตือนอย่างระวัง“พระนาง ฝ่าบาทแค่เพียงเสด็จไปที่ตำหนักของนางสนมเจียง ได้ข่าวว่าบิดาของนางสนมเจียงได้สร้างความดีความชอบในการศึก บางทีฝ่าบาทอาจจะแค่แสดงความเมตตาก็เท่านั้นเจ้าค่ะ”หนิงเฟยขมวดคิ้วทันที“เจ้าว่า จะเป็นไปได้หรือไม่ที่ท่านป้าจะกล่าวไม่ผิด? ฮองเฮาแอบช่วยเหลือนางสนมเจียงอยู่เ
กลางดึก ตำหนักจื้อเฉินฟิ้ว——ลูกธนูแหลมคมดอกหนึ่งยิงเข้าใส่ที่ขอบประตูของตำหนักชั่วพริบตาเดียว บรรดาองครักษ์ก็เคลื่อนไหวพร้อมกัน“มีนักฆ่า!”ด้านในตำหนักเซียวอวี้สวมชุดนอนผ้าไหมเพียงตัวเดียว ผมสีดำแผ่สยายราวกับน้ำตก ขับให้ใบหน้าที่หล่อเหลามีเสน่ห์ของเขาให้โดดเด่นขึ้น“มีเรื่องอะไร”มือทั้งสองข้างของหลิวซื่อเหลียงถือลูกธนูดอกนั้น หัวธนูมีกระดาษแผ่นหนึ่ง เดินมาที่ด้านหน้ามุ้งอย่างระวัง“ฝ่าบาท นักฆ่าทิ้งของสิ่งนี้เอาไว้พ่ะย่ะค่ะ!”เซียวอวี้ยื่นมือข้างหนึ่งออกมาจากด้านในมุ้ง นิ้วเรียวยาวแข็งแรงภายใต้แสงเทียน เขาเห็นตัวหนังสือบนจดหมายอย่างชัดเจน‘ยามไห้คืนพรุ่งนี้ ที่ตำหนักหวาชิง จะถอนพิษให้ฝ่าบาท’รูม่านตาของเซียวอวี้หดเล็กลงทันทีจากนั้นก็ขยำกระดาษแผ่นนั้นจนแหลกคามือ“ไม่คิดเลยว่านางยังจะกล้ามาอีก”ดูท่าจะรู้ตัวตนของเขาแล้ว ไม่คิดเลยว่าจะส่งจดหมายมาที่ตำหนักจื้อเฉินตรง ๆหลิวซื่อเหลียงไม่รู้สาเหตุเขาคือใคร?หรือว่าฝ่าบาทจะทรงรู้จักนักฆ่าคนนั้น?......ตอนกลางคืนของวันถัดไปตำหนักหวาชิงบรรดาองครักษ์ลับล้อมวังเย็นเอาไว้หลายชั้น กำลังรอให้นักฆ่าปรากฏตัวทันทีที
บ่าข้างหนึ่งของเฟิ่งจิ่วเหยียนถูกกดเอาไว้ มือข้างหนึ่งถูกจับเอาไว้ถึงอย่างไรเซียวอวี้ก็เป็นบุรุษ มีแรงมากเมื่อตกอยู่ในมือของเขา ก็อย่าคิดว่าจะได้ไปไหน!“ใครก็ได้!”ทันทีที่เขาออกคำสั่ง องครักษ์ที่อยู่ด้านนอกก็พุ่งตัวเข้ามาข้างในทันที“จับตัวนักฆ่า!”เมื่อเห็นว่าพวกเขากำลังจะมาจับกุมตน เฟิ่งจิ่วเหยียนยกเข่าข้างหนึ่งขึ้น กระแทกเข้าไปที่เป้ากางเกงของเซียวอวี้เซียวอวี้โยกหลบไปด้านข้าง มือข้างที่จับบ่าของนางเอาไว้ผ่อนแรงลงเล็กน้อยยอดฝีมือประลองฝีมือกัน แต่ไหนแต่ไรมาประมาทไม่ได้เลยแม้แต่น้อยในเวลาเดียวกันกับที่เขาคลายแรงลงเล็กน้อย เฟิ่งจิ่วเหยียนหลุดพ้นจากพันธนาการของเขา ดึงเข็มขัดกางเกงของเขาออกทันที...ฟึ่บ——ภายในชั่วพริบตา บรรดาองครักษ์ก็หันหน้ากลับไปด้วยจิตใต้สำนึก เพื่อเลี่ยงที่จะได้เห็นจักรพรรดิกางเกงหลุดภายในระยะเวลาอันสั้น เซียวอวี้รีบใช้มือข้างที่ว่าง คว้ากางเกงเอาไว้ ถึงได้ป้องกันไม่ให้มันหลุดร่วงทว่า ก็เป็นเพราะการกระทำที่ปกป้องศักดิ์ศรีของตนเอง เขาจึงปล่อยมือออกทั้งหมด มีเพียงมือข้างเดียวที่จับเฟิ่งจิ่วเหยียนเอาไว้ดังคำกล่าวที่ว่าอย่าเอาไม้ซีกไปงัดไม้ซุง เช
ภายในตำหนักเงียบกริบ เหลียนซวงชี้ไปที่เข็มขัดพลางถาม“ฮองเฮา เจ้านี่ควรจัดการอย่างไรดีเพคะ?”ไม่รู้ว่าเป็นเข็มขัดของบุรุษคนไหนฮองเฮาออกไปทำสิ่งใดกันแน่!เหลียนซวงตระหนกตกใจยิ่งนัก แต่นางก็ไม่กล้าถามเฟิ่งจิ่วเหยียนก็รู้สึกว่าเรื่องนี้จัดการยากนางวางเข็มขัดลงบนโต๊ะแล้วมองดูอยู่สักพักไม่สามารถเก็บไว้โดยเด็ดขาดแต่ถ้าจะโยนทิ้งไปแบบนี้ก็ดูเหมือนจะไม่ได้เช่นกันเพราะนางยังต้องแก้พิษให้ฮ่องเต้ทรราชผู้นั้นต่อไปไม่อาจปล่อยให้เรื่องส่วนตัวส่งผลกระทบต่อการใหญ่นี่คือกฎคิดว่าในฐานะฮ่องเต้ ความระแวงของเขาคงไม่น้อยถึงเพียงนั้น“เอาไปซ่อนไว้ก่อน” นางสั่งการไว้เช่นนี้ตอนไปแก้พิษคราวหน้าค่อยเอาไปคืนเขาเหลียนซวงหยิบเข็มขัดเส้นนั้นขึ้นมาพลางเอ่ยถาม“ฮองเฮา เจ้าของเข็มขัดนี้คือผู้ใดหรือเพคะ?”“ฝ่าบาท”อะไรนะ!เหลียนซวงพลันรู้สึกว่าร้อนลวกมือ เกือบทำเข็มขัดนั้นหลุดมือไปแล้ว“ฮองเฮา คืนนี้ท่านไปเพื่อขโมยเข็มขัดมาหรือเพคะ?”เฟิ่งจิ่วเหยียนก้มหน้าจิบชา นางตวัดสายตามองอีกฝ่ายทันทีพลางเอ่ยกลับ“ข้าดูเหมือนคนน่าเบื่อขนาดนั้นเลยรึ? ข้าดึงเข็มขัดนี่ลงมาจากบนตัวเขาต่างหาก”เหลียนซวงเบ
ตำหนักหย่งเหอเฟิ่งจิ่วเหยียนกำลังรับประทานอาหาร ซุนหมัวมัวหัวหน้านางกำนัลก็ยกน้ำแกงเข้ามา“ฮองเฮา นางสนมเจียงให้คนนำมาส่ง บอกว่าท่านต้องชิมให้ได้นะเพคะ”เฟิ่งจิ่วเหยียนกวาดสายตามองอาหารอื่น ๆ บนโต๊ะ“วางไว้ตรงนั้นก็แล้วกัน”นางตอบสนองอย่างเฉยเมยหลังซุนหมัวมัวออกไปแล้ว เหลียนซวงก็รีบนำเข็มเงินมาทดสอบพิษทันทีก่อนหน้านี้ในน้ำแกงมีพิษวารีกวนอิม โชคดีที่เฟิ่งจิ่วเหยียนเคยออกท่องยุทธภพมาก่อนจึงทดสอบพิษก่อนรับประทานอาหารจนเป็นนิสัยส่งผลให้เหลียนซวงหวาดระแวงไปหมด สงสัยว่าในน้ำแกงนี้จะมีพิษด้วยเหมือนกันเข็มเงินไม่เปลี่ยนสีเฟิ่งจิ่วเหยียนตักมาหนึ่งช้อน นำมาประชิดจมูกดมกลิ่น“ผสมยาแก้พิษวารีกวนอิม”“ยาแก้พิษ? ฮองเฮา หรือนางสนมเจียงจะรู้แล้ว...”เฟิ่งจิ่วเหยียนคีบเนื้อขึ้นมาชิ้นหนึ่ง “ชัดเจนมาก คนบงการคนวางยาพิษก็คือนาง”“หา? เช่นนั้นนางยัง...”“ธาตุแท้ไม่ใช่คนเลวร้าย แบ่งแยกรักชังชัดเจน” เฟิ่งจิ่วเหยียนเอ่ยด้วยสีหน้าสงบนิ่งนิสัยของนางสนมเจียงกลับเหมือนสหายเก่าคนหนึ่งของนางมากทีเดียว“ฮองเฮา ต้องสืบหาตัวคนที่รับเงินมาวางยาพิษให้ได้นะเพคะ!”เฟิ่งจิ่วเหยียนมีสีหน้าราบเรียบ “
จ้าวเฉียนนำสิ่งที่ตนเห็นไปรายงานหวงกุ้ยเฟย ฝ่ายหลังแววตาทอประกายคมปลาบแม้เหล่าสนมจะมีเบี้ยหวัดรายเดือน แต่ยามปกติต้องประทานรางวัลให้คนในวังและมอบสินน้ำใจให้สายสัมพันธ์นอกวัง ล้วนแต่จำเป็นต้องใช้เงินนางยังใช้ชีวิตฟุ้งเฟ้อมาจนชิน หากสูญเสียของกำนัลประจบเอาใจจากสนมคนอื่น ๆ นั่นคือความสูญเสียมหาศาล!“ไปสืบมาว่า นอกจากคนแซ่ซูนั่น ยังมีใครอีกที่ลอบส่งของให้ตำหนักหย่งเหอ”……คืนนั้น ฮ่องเต้เสด็จเยือนที่พักของซูกุ้ยเหรินซูกุ้ยเหรินจัดอาหารด้วยตัวเอง ประหม่าจนมือไม้สั่น“ฝ่าบาท เชิญเสวยเพคะ”เซียวอวี้จิตใจไม่อยู่กับเนื้อกับตัวคืนนี้ครบนัดหมายสิบวันระหว่างเขากับนักฆ่าผู้นั้นไม่รู้ว่านางจะไปที่ตำหนักหวาชิงหรือไม่อย่างไรเสียคราวก่อนเขาก็เกือบจะจับนางได้แล้ว“ฝ่าบาทเพคะ...” ซูกุ้ยเหรินตักน้ำแกงมาถ้วยหนึ่ง มองมาที่เขาด้วยสีหน้าคาดหวังเซียวอวี้เบื่อหน่ายการร่วมมื้ออาหารกับสตรีไม่ซ้ำหน้าเต็มทน บวกกับคืนนี้ยังมีธุระ เขาอยากรีบทำรีบจบ จึงดื่มน้ำแกงถ้วยนั้นให้สิ้นเรื่องซูกุ้ยเหรินที่อยู่ข้าง ๆ เห็นเช่นนั้นก็ลอบถอนหายใจนางผสมผงยวนยางลงในน้ำแกง ช่วยเสริมความเร่าร้อนของกิจกรรมบนเตียง
เมื่อเป่ยเยี่ยนต้องการถอยทัพนั้น หาใช่เรื่องดีสำหรับหยางเหลียนซั่วไม่เขาจึงเข้าพบฉินเซียวในทันที“ท่านแม่ทัพ นี่เป็นเพียงเล่ห์เหลี่ยมของพวกฉีเท่านั้น…”กองทัพใหญ่ได้เคลื่อนย้ายแล้ว ฉินเซียวมิต้องการฟังเรื่องไร้สาระอันใดจากเขาอีก“หยางเหลียนซั่ว เป็นเพราะเจ้ากล่าวว่าพวกเรามีโอกาสได้ชัย ฝ่าบาทจึงส่งกองกำลังเสริมมาให้กับพวกเราแน่! พวกเราหาได้มีความคิดที่จะต้องมารบกับหนานฉีจริง ๆ ไม่! ยามนี้งามหน้ายิ่งนัก เรื่องของเจ้าก็มิอาจจัดการได้สำเร็จ ยังมาทำให้พวกเราต้องสูญเสียกองกำลังอีกครึ่งหนึ่งไปอีก!“แม่ทัพเช่นข้านึกสงสัยยิ่งนัก ว่าเจ้าร่วมมือกับเซียวอวี้เพื่อมาทำลายเป่ยเยี่ยนของข้าใช่หรือไม่!“ไสหัวไป! คิดว่าตนเองเป็นใครกัน ถึงจะมาให้พวกข้าทำงานถวายชีวิตให้กับเจ้า?”ใบหน้าของหยางเหลียนซั่วพลันเปลี่ยนเป็นเย็นชาไปในทันทีเพียงแค่เขาโบกมือเล็กน้อยก็คว้าเข้าที่คอของฉินเซียวฉินเซียวตกใจยิ่งนักทั้งยังเจือไปด้วยความโกรธเกรี้ยว“หยางเหลียนซั่ว...เจ้า...”ทันใดนั้น เขาก็รู้สึกว่ากำลังภายในที่ร่างกายของเขากำลังรั่วไหลออกมาหยางเหลียนซั่วที่กำลังดูดซึมกำลังภายใน พลางเอ่ยถามออกมาด้วยท่าทีเคร
เมื่อปีใหม่มาเยือน กองทัพหนานฉีจึงเริ่มโจมตีกลับเป็นระลอก ๆ การโจมตีกลับในครานี้เป็นเพียงแค่การยั่วยุเท่านั้น หาใช่การสู้รบจริง ๆ ไม่ดูเหมือนจะมิเป็นอันตรายอันใด ทว่า เมื่อเกิดเหตุการณ์เช่นนี้บ่อยครั้งทั้งวันทั้งคืนเข้า ก็ทำเอาทั้งกองทัพเยี่ยนตกอยู่ในความวิตกกังวลตลอดเวลาหลังจากเป็นเช่นนี้ไปนานครึ่งเดือนนั้น ตกกลางคืน พลันเกิดเหตุการณ์เลวร้ายขึ้นภายในค่ายกองทัพเยี่ยน...“ท่านแม่ทัพ! ท่านแม่ทัพ! ค่ายแตกขอรับ!”ค่ายแตกในที่นี่หมายถึงค่ายเกิดการจลาจลปรากฏการณ์นี้เกิดขึ้นไม่บ่อยนัก ทว่า นับเป็นเหตุการณ์ที่ส่งผลกระทบร้ายแรงต่อกองทัพเป็นอย่างมากฉินเซียวลุกขึ้นมาในทันที เหล่าองครักษ์จึงกรูเข้าอารักขาเขา พลางกล่าวคำรามออกมาว่า“คุ้มกันท่านแม่ทัพหนีออกไป!”การจลาจลในค่ายพลันเกิดขึ้นมาอย่างไม่ทันคาดคิดเพียงแค่ทหารนายหนึ่งร้องตะโกนขึ้นมาว่า “ฆ่า” พลางทำเอาทหารภายในกองทัพหันมาห้ำหั่นกันเอง กองทัพเยี่ยนในยามนี้พลันตกอยู่ในความสับสนอลหม่านไปในทันทีเหล่าทหารกองทัพเยี่ยนในยามนี้คล้ายกับแมลงวันที่ไร้หัว พวกเขารีบร้อนลุกขึ้นมาสวมใส่เสื้อผ้า พลางกรีดร้องออกมาด้วยความโกลาหลวุ่นวายในส
มังกรไฟที่หนานฉีลากออกมา จะทำให้กองทัพเยี่ยนถูกโจมตีอย่างหนักก่อนหน้านี้ กองทัพเยี่ยนคิดไปเองว่า การสร้างปืนหอกไฟที่มีเฉพาะของหนานฉีขึ้นมา จะทำให้เป่ยเยี่ยนไร้คู่ต่อกร ผู้ใดจะคิดว่า หนานฉีก็แอบลักจำเช่นกัน!แม่ทัพใหญ่ของกองทัพเยี่ยน---ฉินเซียวก็มิอยากเชื่อ เขาจักต้องเห็นด้วยตาตนเอง มิเช่นนั้น ยากจะรับประกันได้ว่ากองทัพฉีมิได้หลอกลวง!หลังจากเข้าไปใกล้ เมื่อเห็นฐานมังกรไฟของกองทัพฉี ก็เหมือนกับของเป่ยเยี่ยนพวกเขาทุกประการ!กองทัพฉียังส่งคนกลุ่มเล็ก ๆ กลุ่มหนึ่ง ลากมังกรไฟไปทางด้านกองทัพเยี่ยนของพวกเขา มังกรไฟของทั้งสองแคว้นเฉียดผ่านกันไป สถานการณ์ทำเอาคนพูดไม่ออกกองทัพฉียังคงโห่ร้อง“ฮ่องเต้พวกเราตรัสว่า ขอบคุณเป่ยเยี่ยนที่ส่งกระสุนมังกรไฟมาให้!”ฉินเซียวมือไม้อ่อนแรงขึ้นมาทันทีกระสุนมังกรไฟลูกนั้นมอบให้กลุ่มกบฏพรรคเทียนหลง เพื่อช่วยพวกเขาก่อความวุ่นวาย และสังหารฮ่องเต้ตอนนี้กลับมาปรากฏอยู่ที่นี่!หากหนานฉีมีมังกรไฟจริง ๆ แผนการของเขาก็คงใช้กันไม่ได้แล้วมิใช่แค่เพียงกองทัพเยี่ยน แม้แต่เหล่าทหารหนานฉีในด่านเฉาอวี๋ ในเวลานี้ต่างตะลึงงัน และประหลาดใจอย่างที่สุดแม่ทัพใหญ่ก
เฟิ่งจิ่วเหยียนสวมใส่ชุดเกราะ เซียวอวี้เห็นแล้ว ในใจรู้สึกกังวลขึ้นมาทันที“เจ้าจะทำอะไร มิใช่พูดแล้วหรือว่า เรื่องสำคัญอันดับแรกของเจ้าคือการพักฟื้นจากอาการบาดเจ็บ”เฟิ่งจิ่วเหยียนสงบนิ่งและใจเย็น“อาการบาดเจ็บของหม่อมฉันไม่ร้ายแรง หากอยู่ที่นี่ไปตลอด ในทางตรงกันข้ามร่างกายจะยิ่งไม่สบาย“การขับไล่กองทัพเยี่ยน เรื่องนี้ไม่ควรรอช้า ยิ่งไปกว่านั้นหยางเหลียนซั่วก็อยู่ที่กองทัพเยี่ยนด้านนั้นด้วย การจัดการพวกเขาโดยเร็วที่สุด ถึงเป็นเรื่องสำคัญอันดับแรก”เซียวอวี้ไม่เห็นด้วยเขาขวางนางไว้ แววตาดูเคร่งขรึม“เราไม่อนุญาต อาการบาดเจ็บของเจ้ายังไม่หายดี จะได้รับบาดเจ็บไม่ได้อีก”เฟิ่งจิ่วเหยียนเอ่ยอย่างจริงจัง“หม่อมฉันจะดูแลตนเองให้ดี”“จิ่วเหยียน เจ้า...”เขายังคิดจะเกลี้ยกล่อมนาง ทว่าด้านนอกกลับได้ยินเสียงรายงาน“ฝ่าบาท กองทัพเยี่ยนตะโกนโวยวาย ให้เราส่งมอบตัวซูฮ่วน มิเช่นนั้นจะเปิดฉากสงคราม”ชายแดนด้านตะวันออกด้านนอกด่านเฉาอวี๋ กองทัพเยี่ยนมืดฟ้ามัวดิน ธงรบสีแดงถูกลมพัดเสียงดังพรึ่บพรั่บกองทัพทั้งสองประจันหน้ากัน แม่ทัพใหญ่ของกองทัพเยี่ยนฉินเซียวท่าทางหยิ่งทะนงเพราะด้านหลัง
เซียวอวี้โอบกอดคนที่อยู่ในอ้อมแขนไว้ ไม่อยากให้นางเห็นน้ำตาที่ควบคุมไม่ได้นั้นโธ่เอ๊ย!บุรุษไม่ควรหลั่งน้ำตาง่าย ๆ แล้วเขาร่ำไห้ได้อย่างไร!ช่างอับอายขายหน้าจริง ๆ !ทว่า...รู้สึกอิ่มเอมใจในที่สุดจิ่วเหยียนก็บอกว่ารักเขาความรู้สึกของเซียวอวี้ผสมปนเปกัน เขาหอมที่แก้มนาง“เจ้าพูดอะไร? เมื่อครู่เราไม่ได้ยิน”เฟิ่งจิ่วเหยียนเอ่ยอย่างจริงจัง“ไม่ได้ยินหรือ ถ้าเช่นนั้นก็แล้วไปเถิด”มือสองข้างของเซียวอวี้ประคองใบหน้านางขึ้นมาทันที “ใจร้ายนัก เจ้าตั้งใจ เราก็แค่อยากได้ยินเจ้าพูดอีกครั้ง มิได้หรือ?”เฟิ่งจิ่วเหยียนดึงมือของเขาออก จากนั้น เงยคางขึ้น แตะลงไปที่ข้างริมฝีปากเขาเบา ๆ“เพคะ หม่อมฉันรักท่าน…”ในสมองของเซียวอวี้ราวกับพลุดอกไม้ไฟระเบิดขึ้น โชติช่วง สุกสกาว ไม่มีวันร่วงโรยแขนสองข้างของเขาโอบตัวเฟิ่งจิ่วเหยียนไว้ ราวกับได้กินน้ำผึ้งมิปาน รู้สึกมีความสุข“จิ่วเหยียน เราดีใจจริง ๆ ได้ยินเจ้าพูดเช่นนี้ ตายก็ไม่เสียใจจริง ๆ!”ต่อมาฟังนางเล่าเรื่องราว ถึงรู้ว่าสิ่งที่นางประสบพบเจอนั้นเสี่ยงอันตรายซ้ำแล้วซ้ำเล่าขณะที่หิมะถล่มใกล้เข้ามา ตามสามัญสำนึก ควรจะวิ่งไปด้านข้าง ทว่
เมื่อเห็นฮูหยินเมิ่งออกมา หร่วนฝูอวี้รีบเข้าไปทักทายทันที ในใจเต็มเปี่ยมด้วยความหวัง และเอ่ยถาม“อาจารย์หญิง สารเลวนั่น...ฮ่องเต้นั่นดูแลคนเป็นหรือ” แม้ฮูหยินเมิ่งจะแก้ไขอยู่หลายครั้งก็ตาม นางยังคงยืนกรานที่จะเรียก “อาจารย์หญิง”ฮูหยินเมิ่งนึกย้อนไปถึงใบหน้าซีดเซียวที่อดนอนของฮ่องเต้ ก็พยักหน้าเบา ๆ“อืม”หร่วนฝูอวี้ไม่ยอมแพ้ ยังถามอีกว่า: “ถ้าเช่นนั้นเขารู้แล้วหรือไม่ว่าซูฮ่วนมิอาจให้กำเนิดบุตรได้?”ฮูหยินเมิ่งเหลือบมองดูนาง สีหน้าไม่สบายใจ“มันยาก แต่หาใช่ว่าจะเป็นไปมิได้เลย”เหตุใดนางจึงมีท่าทางเหมือนหวังว่าจิ่วเหยียนจะไม่สามารถให้กำเนิดบุตรได้?หร่วนฝูอวี้ยิ้มอย่างกระดากอาย “ ใช่เจ้าค่ะ ท่านพูดถูก ถ้าเช่นนั้นฮ่องเต้ทรงทราบหรือไม่?”ฮูหยินเมิ่งส่ายหัวนางมิรู้ว่า จิ่วเหยียนบอกเรื่องนี้กับฮ่องเต้หรือไม่ราชวงศ์ให้ความสำคัญกับทายาท ฮองเฮาให้กำเนิดบุตรยาก ถือเป็นเรื่องต้องห้ามหร่วนฝูอวี้ยังคงยกยิ้มมุมปากถ้าเช่นนั้นนางจักต้องทูลให้ฮ่องเต้ทรงทราบ! ขอเพียงเขาจากไป ซูฮ่วนก็จะเป็นของนางแล้ว!วันต่อมาในตอนรุ่งเช้า เซียวอวี้ชำระกายเสร็จ เริ่มจากไปที่กระโจมหลัก เพื่อหารือกับเ
ใบหน้าของเฟิ่งจิ่วเหยียนไม่แสดงอารมณ์เท่าใดนัก แค่มองเซียวอวี้ด้วยท่าทีเรียบเฉย แววตาเยือกเย็น ใบหน้าซีดขาว และซูบผอมลงไปไม่น้อย“หากท่านใส่พระทัย หม่อมฉันจะไม่ตำหนิท่าน...”เขาเคยพูดอยู่หลายครั้งว่า ต้องการองค์ชายทว่า มีความเป็นไปได้ว่านางมิอาจมอบให้เขาได้เรื่องนี้ต้องอธิบายกับเขาให้ชัดเจน ไม่ว่าเขาจะตัดสินใจอย่างไร นางก็จะไม่โกรธเคืองเซียวอวี้ได้ยินเช่นนั้น พลันรีบกุมมือนางไว้ และวางลงบนทรวงอกของเขา นัยน์ตาเต็มไปด้วยความอัดอั้นตันใจ“เราใส่ใจอะไร?“เราใส่ใจเพียงว่าเจ้ามีชีวิตอยู่หรือไม่ และอยู่เคียงข้างเราหรือไม่“จิ่วเหยียน เราต้องการแค่เจ้าเท่านั้น”เขาโอบนางเข้ามาในอ้อมแขนด้วยท่าทางอ่อนโยน คางแตะบนศีรษะของนาง ถูไถเบา ๆ ราวกับสุนัขป่าโดดเดี่ยวที่คลุ้มคลั่งได้พบคู่รัก ทั้งเหมือนราชสีห์รอนแรมในที่รกร้างได้พบครอบครัว ทั้งตัวคนจากดุร้ายกระสับกระส่าย เปลี่ยนเป็นเชื่อฟังและสงบนิ่งเขาเอ่ยซ้ำไปซ้ำมา “เราต้องการแค่เจ้าเท่านั้น...”แม้ว่านางจะไม่มีทางให้กำเนิดบุตรได้ นางก็ยังเป็นภรรยาของเขานางยังเป็นคนที่ไม่มีใครแทนที่ได้ในใต้หล้านี้ เป็นฮองเฮาที่เขายอมรับความรู้สึกที่เขาม
ภายในกระโจมหลัก บรรดาแม่ทัพเอ่ยกันทีละคน“ฝ่าบาท กองทัพเยี่ยนมีทหารสองแสนนาย ก่อนหน้านี้พวกเขาตีฝ่าแนวป้องกันที่เมืองเซวียนอย่างลับ ๆ ตัดเส้นทางกองกำลังเสริม เกือบจะทำให้เมืองหลวงถึงขั้นเป็นพื้นที่อันตราย”“ต้องขอบคุณกลยุทธ์ที่ถูกต้องของแม่ทัพน้อยเมิ่ง บวกกับการกลับมาอย่างทันท่วงทีของจู้กั๋วกง ที่นำกองทัพใหญ่ไปปกป้องเมืองเซวียนอย่างสุดชีวิต จึงทำให้กองทัพเยี่ยนทำไม่สำเร็จ หลายวันมานี้ พวกเราบีบกองทัพเยี่ยนให้ถอยกลับไปทางชายแดนตะวันออกแล้ว”“ฝ่าบาท ดูจากภายนอก กองทัพเยี่ยนอยู่นอกชายแดนตะวันออก หนานฉีไม่ตกอยู่ในอันตรายชั่วคราว ที่จริงแล้ว ท่านลองดู...”แม่ทัพผู้นั้นชี้ไปที่จุดหนึ่งบนโต๊ะทราย แล้วเอ่ยต่อ “แนวป้องกันตอนกลางของเมืองเซวียน จะมีเมืองเซวียน เมืองม่อ กานโจว และด่านเฉาอวี๋เป็นหลักสำคัญ โดยเชื่อมกันเป็นแนวป้องกันตามขวางจากตะวันออกไปตะวันตก ก่อนหน้านี้กองทัพเยี่ยนเคยตีฝ่าด่านเฉาอวี๋ การคุ้มกันของที่แห่งนี้พังทลายแล้ว หากสงครามเริ่มขึ้น ด่านเฉาอวี๋ไม่สามารถรวบรวมกำลังได้แน่ ดังนั้น ที่แห่งนี้จึงไม่เหมาะเป็นสนามรบหลัก แทบจะกลายเป็นสถานที่ที่สูญเสียการคุ้มกัน”เซียวอวี้นำธงเล็
ไทฮองไทเฮาทรงถูกส่งเข้ามาในคุกเทียนเหลา แต่ยังรักษาความน่าเกรงขามเอาไว้อย่างเต็มที่เหล่าท่านอ๋องมองเห็นนาง ทุกคนถึงกับตาค้างแม้แต่เสด็จย่าก็ถูกส่งเข้ามาในคุกเทียนเหลาด้วยหรือ?ถ้าเช่นนั้นพวกเขา...ดูเหมือนจะไม่ถูกปรักปรำแล้วช้าก่อน!หรือว่าพวกเขาจะก่อกบฏตามไทฮองไทเฮาจริง ๆ?สวรรค์!หญิงชราผู้นี้ ไม่เพียงทำร้ายคนอื่นก็ยังทำร้ายตนเองด้วย!เหล่าท่านอ๋องพลันนิ่งเงียบไม่ส่งเสียง แอบขบเขี้ยวเคี้ยวฟันในเวลานี้ พลุดอกไม้ไฟนอกคุกเทียนเหลาอยู่ ๆ ก็ดังขึ้น พวกเขารู้สึกถึงความอ้างว้างคืนวันดี ๆ ส่งท้ายปีเก่า พวกเขากลับต้องอยู่ในคุกเทียนเหลา ช่างเป็นกรรมแท้ ๆ!ไทฮองไทเฮาทรงเข้ามาในห้องขังแห่งนี้ ก็เห็นมู่หรงหลันแม่ลูกอยู่ที่นี่ด้วยในใจนางรู้สึกหวาดหวั่นเมื่อหันกลับมา ก็ประสานกับแววตาอันยั่วยุขององครักษ์ลับผู้นั้น และถูกเย้ยหยัน“คนสามรุ่นอยู่ร่วมกัน ไทฮองไทเฮา หญิงชราเช่นท่านช่างโชคดีเหลือเกิน”ขณะที่พูด หญ้าหางจิ้งจอกของคนผู้นั้นก็ขยับขึ้นลง แสดงออกถึงการยั่วยุไทฮองไทเฮาทรงทรมานพระทัยอย่างมากมู่หรงหลันได้รับบาดเจ็บหนัก ถูกโยนไว้ที่มุมห้องอย่างไม่ใส่ใจ เอนพิงอยู่ข้างกำแพง ห