Share

บทที่ 9

Author: อี้ซัวเยียนอวี่
รุ่ยอ๋องไม่อาจทำใจได้จึงเอ่ยปากโน้มน้าว

“ฝ่าบาททรงทำเช่นนี้ ออกจะโหดร้ายต่อฮองเฮาไปซักหน่อยนะพ่ะย่ะค่ะ”

ทว่าเซียวอวี้กลับสะบัดแขนเสื้อเดินจากไปเรียบร้อยแล้ว ทิ้งไว้เพียงภาพแผ่นหลังอันน่าเกรงขามที่ยากจะต่อกรได้

สายลมพัดโชยโบกสะบัดเสื้อของบุรุษผู้นี้ เขาย่างก้าวเดินลงบันได สายตาทอดมองไปไกลโพ้น กวาดตามองทัศนียภาพของอุทยานหลวงและสนามม้าหลวงไว้ในสายตา รวมทั้งภาพของสตรีที่ขี่ม้าอยู่เมื่อครู่นี้ด้วย

ภาพเงาร่างของหญิงสาวที่ขี่ม้าในความทรงจำ ก็ดูเหมือนจะเป็นเช่นนี้

......

เพราะได้รับความตื่นตระหนก ไทเฮาจึงเสด็จกลับตำหนักฉือหนิงก่อน

เฟิ่งจิ่วเหยียนเองก็กลับตำหนักหย่งเหอของตน

ตามกฎระเบียบแล้วฮองเฮายังต้องรับการคารวะจากเหล่าสนมนางใน

แต่สนมนางในที่มาถึงก่อนแล้วกลับมีเพียงน้อยนิด ส่วนใหญ่หากไม่อ้างว่าป่วย ก็อ้างว่ายุ่งกับภารกิจในตำหนัก

เฟิ่งจิ่วเหยียนเองก็ไม่มีใจจะมานั่งเสแสร้งรับหน้าพวกนาง จึงส่งพวกนางไม่กี่คนที่มาให้กลับไปเสีย

ผ่านไปไม่นานก็มีคนมาถ่ายทอดคำพูดของฮ่องเต้

“ฮองเฮา ฝ่าบาทได้ทรงทราบถึงคุณงามความดีที่เมื่อเช้าพระองค์ได้ทรงช่วยไทเฮาเอาไว้แล้ว ทรงพระราชทานหยกสมปรารถนาให้คู่หนึ่งเป็นพิเศษ อีกทั้งยังมีรับสั่งให้ฮองเฮาดูแลการตัดคอประหารม้าคลั่งตัวนั้น...”

เมื่อเหลียนซวงได้ยินรับสั่งนี้ก็รู้สึกอัดอั้นตันใจเป็นอย่างมาก

เรื่องอย่างการดูแลการตัดคอประหาร เหตุใดถึงได้มาถึงมือของฮองเฮาได้เล่า?

ว่าไปแล้วยังเป็นการสะบั้นหัวของม้าที่กำลังตั้งท้องอีกด้วย

ฮ่องเต้ทรราชสมเป็นทรราชยิ่ง ช่างเหี้ยมโหดและไร้เหตุผลเสียจริง!

สีหน้าท่าทางของเฟิ่งจิ่วเหยียนสงบนิ่ง ไม่มีท่าทางโมโหหรือน้อยใจแม้แต่น้อย

ข้าหลวงผู้ถ่ายทอดรับสั่งกลับรู้สึกงุนงง

ฮองเฮาพระองค์นี้ช่างมีน้ำอดน้ำทนนัก

ดูซิว่านางจะทำราวกับไม่มีอะไรเกิดขึ้นได้ถึงเมื่อไหร่กัน!

ยามบ่าย

ณ สนามม้าหลวง

ผู้ดูแลจูงแม่ม้าตัวนั้นออกมาจากคอกเพื่อเตรียมรับโทษประหารแล้ว

พวกเขาเองก็ล้วนเป็นผู้มีใจรักม้าด้วยกันทั้งนั้น ต่างพากันมาขอร้องเฟิ่งจิ่วเหยียน

“ฮองเฮา ทรงถอนรับสั่งไม่ได้จริง ๆ หรือพ่ะย่ะค่ะ? นี่เป็นถึงม้าชั้นดีที่เคยผ่านสนามรบมาแล้วนะพ่ะย่ะค่ะ!”

เฟิ่งจิ่วเหยียนกุมเชือกบังเหียนเอาไว้ ฝ่ามือลูบที่สะโพกของม้าเบา ๆ

ดวงตาที่แฝงกลิ่นอายสงบนิ่งของเธอสบตากับเจ้าม้า

หลังจากนั้นนางก็เอ่ยปากเรียบ ๆ

“ลงมือเถิด”

เพชฌฆาตจูงม้าไปที่เครื่องประหาร เพียงแค่ตัดเชือกยาวเส้นนั้นใบมีดของเครื่องประหารก็จะหล่นลงมาแยกร่างของม้าให้ขาดกลางเป็นสองส่วน

เฟิ่งจิ่วเหยียนนั่งอยู่ที่จุดสังเกตการณ์ซึ่งห่างออกไปเพียงไม่กี่จั้ง[1]เท่านั้น

ดวงตางดงามที่เย็นชาและห่างเหินของนางไม่ฉายแววสงสารเลยแม้แต่น้อย เทียบกันแล้วยังดูเยือกเย็นกว่าเพชฌฆาตเสียอีก

แต่ทว่าเมื่อถึงเวลาที่ใบมีดจะหล่นลงมา ข้อมือของข้าหลวงที่รับผิดชอบจูงม้ากลับชากะทันหัน

เพียงชั่วพริบตาเดียวที่เขาผ่อนเชือก เจ้าม้าก็ยกกีบเท้าหน้าขึ้นวิ่งหนีไปอย่างรวดเร็ว

เพชฌฆาตและเหล่าองครักษ์ต่างก็ตื่นตระหนกเป็นการใหญ่

“รีบหยุดมันเอาไว้เร็วเข้า!”

เฟิ่งจิ่วเหยียนมองเหตุการณ์ตรงหน้าอยู่เงียบ ๆ วางตัวเป็นคนนอกที่ไม่เกี่ยวข้องอะไรกับเหตุการณ์นี้

กลับเป็นเหลียนซวงที่มองเห็นเหตุการณ์อย่างชัดเจน เมื่อครู่เป็นฮองเฮาที่ใช้หินต่างอาวุธลับ ดีดไปยังข้อมือของข้าหลวงคนนั้น เจ้าม้าถึงได้มีโอกาสหลบหนีไปได้

จากนั้นฮองเฮาก็ลอบโจมตีองครักษ์เหล่านั้น ทำให้พวกเขาดูเหมือนสะดุดหินบนพื้นจนล้ม

เดิมทีพวกเขาก็ไม่อาจวิ่งสู้ม้าฝีเท้าดีได้อยู่แล้ว ยามนี้กลับทำได้เพียงมองมันวิ่งไปไกลขึ้นเรื่อย ๆ จนหายลับไปในป่าของสนามม้าหลวง

ณ ห้องทรงพระอักษร

แสงเงาเป็นชั้น ๆ ทาบทับลงไปรอบบัลลังก์มังกรที่บุรุษผู้หนึ่งนั่งอยู่

หว่างคิ้วที่เคร่งขรึมของเขา ปกคลุมไปด้วยความเย็นยะเยือกที่อัดแน่น

มังกรทองบนเสื้อคลุมมังกรมีกรงเล็บแหลมคมอันน่าหวาดผวา สายตาก็ดุร้ายน่าเกรงขาม

แต่ยังคงไม่อาจเทียบกับสายตาของบุรุษผู้นี้ที่ทำให้คนต้องยอมศิโรราบ และทำให้คนไม่กล้าแม้แต่จะสบตา

เหล่าองค์รักษ์ต่างคุกเข่าอยู่ที่พื้น

“ฝ่าบาท...ม้า ม้าวิ่งหนีออกไปจากป่าหลวง หาย...หายไปอย่างไร้ร่องรอยแล้วพ่ะย่ะค่ะ...”

ฮ่องเต้บนบัลลังก์มังกรไม่ตรัสอะไรแม้แต่คำเดียว สายตาคมกริบที่มองมาทำให้พวกเขารู้สึกราวกับกำลังเหยียบอยู่บนแผ่นน้ำแข็งบาง ๆ ก็ไม่ปาน

จากนั้นข้าหลวงอีกคนก็เข้ามารายงาน

“ฝ่าบาท ฮองเฮามาขออภัยโทษอยู่ข้างนอกพ่ะย่ะค่ะ!”

ในที่สุดฮ่องเต้ก็เอ่ยปาก

“ฮองเฮาหย่อนยานในหน้าที่ ลงโทษตัดเบี้ยหวัดหนึ่งปี ส่วนคนที่เหลือปลดออกจากตำแหน่ง ขับไล่ออกจากวัง”

ข้าหลวงออกไปถ่ายทอดคำสั่งนอกตำหนัก เมื่อกลับมาก็รายงานฮ่องเต้ว่า

“ฝ่าบาท ฮองเฮาทรงตรัสว่าขอบพระทัยในพระมหากรุณาธิคุณพ่ะย่ะค่ะ”

หลังกล่าวจบก็เริ่มรู้สึกได้ว่าบรรยากาศในตำหนักดูน่ากลัวขึ้นเรื่อย ๆ

ครั้นแล้วก็เห็นฮ่องเต้ที่เดิมประทับอยู่บนบัลลังก์ บัดนี้ได้ทรงลุกขึ้นยืน

เงาร่างสูงใหญ่นั้นประหนึ่งตาข่ายผืนยักษ์ที่ปกคลุมพวกเขาที่อยู่ด้านล่างเอาไว้จนไม่กล้าแม้แต่จะหายใจออกมา

“ฮองเฮา ดียิ่ง” จิตใจของฮ่องเต้ ช่างยากแท้หยั่งถึง

พระองค์ตรัสว่าดี แต่ไม่แน่ว่าจะหมายความตามนั้นจริง

ณ ตำหนักฉือหนิง ไทเฮาทรงรู้สึกไม่ยุติธรรมแทนฮองเฮา

“ฮองเฮาเพิ่งจะเข้าวัง บนล่างล้วนต้องดูแล ฝ่าบาททรงลงโทษตัดเบี้ยหวัดนาง จะให้นางปกครองอย่างไร!”

ถึงแม้จะเป็นไทเฮาก็มิอาจเปลี่ยนแปลงพระราชโองการของฮ่องเต้ได้

ณ ตำหนักหลิงเซียว

“พระสนม เมื่อวานฮองเฮาเพิ่งจะอภิเษกสมรส วันนี้ก็โดนลงโทษเสียแล้วเพคะ!”

หวงกุ้ยเฟยมีท่าทางสงบนิ่ง นางคาดเดาไว้แต่แรกแล้วว่าฮองเฮาจะต้องได้รับการปฏิบัติเช่นนี้

แต่ไหนแต่ไรมา ฮ่องเต้ทรงปฏิบัติต่อสตรีที่ไม่โปรดปรานอย่างไร้น้ำใจมาโดยตลอด

วันรุ่งขึ้น

เฟิ่งจิ่วเหยียนที่อยู่ระหว่างทางไปตำหนักฉือหนิง บังเอิญพบกับคุณชายชุดขาวท่านหนึ่ง

นางจำเขาได้ในทันที คนผู้นี้คือรุ่ยอ๋อง ผู้ที่มากราบไหว้ฟ้าดินแทนฝ่าบาทในพิธีอภิเษกสมรสวันนั้น

----------------------------------------------

[1] หน่วยวัดระยะทางของจีนโบราณ โดยมีระยะเท่ากับ3.33 เมตร
Comments (7)
goodnovel comment avatar
Chin
รุ่ยอ๋องไม่รู้ดีมั้ย
goodnovel comment avatar
Chanyanut Saenkam
สนุกจริงๆอ่านต่อๆ
goodnovel comment avatar
อภิญญา บุญชุม
สนุกจริงๆค่ะ
VIEW ALL COMMENTS

Related chapters

  • แม่ทัพหญิงปราบพยศฮ่องเต้ร้าย   บทที่ 10

    ดูเหมือนว่ารุ่ยอ๋องจะเพิ่งออกมาจากตำหนักฉือหนิง เขาก้าวเดินมาข้างหน้าแล้วคารวะเฟิ่งจิ่วเหยียน“น้องชายขอคารวะพี่สะใภ้”การที่เขาเรียกนางเป็นพี่สะใภ้ไม่ใช่ฮองเฮา แสดงให้เห็นว่าเขามีความสัมพันธ์ใกล้ชิดกับฮ่องเต้เหลียนซวงที่ชำเลืองมองรุ่ยอ๋องตกอยู่ในภวังค์รุ่ยอ๋องช่างรูปงามเสียจริง! หน้าตาสะอาดสะอ้าน บุคลิกมารยาทงามสง่า ลักษณะเช่นนี้ดีกว่าฮ่องเต้ทรราชที่เอาแต่ฆ่าคนตั้งมากหากผู้ที่คุณหนูแต่งด้วยคือ...เมื่อคิดมาถึงตรงนี้เหลียนซวงก็รีบหยุดความคิดที่ไร้สาระนี้ทันทีกฎระเบียบในวังเคร่งครัดยิ่งนัก ไม่อาจเทียบกับในค่ายทหารที่สามารถพูดคุยกับบุรุษอย่างไรก็ได้เมื่อเฟิ่งจิ่วเหยียนกำลังจะจากไป รุ่ยอ๋องพลันเอ่ยปากแสดงความเป็นห่วงออกมา“การประหารเมื่อวานนี้พี่สะใภ้ได้รับความตระหนกหรือไม่? ”เฟิ่งจิ่วเหยียนที่จดจ่ออยู่กับความคิดตอบกลับอย่างกลัวพิกุลจะร่วงว่า “ไม่”“เมื่อวานยามที่พี่สะใภ้ปราบพยศม้าตัวนั้น ข้าบังเอิญเห็นเข้าพอดี ท่านฝีมือดียิ่ง ที่จริงแล้วฝ่าบาททรงโปรดสตรีที่มีทักษะการขี่ม้า พี่สะใภ้เริ่มต้นจากเรื่องนี้ดู บางทีอาจจะได้รับความโปรดปราน”น้ำเสียงของรุ่ยอ๋องอ่อนโยนนุ่มนวลราวก

  • แม่ทัพหญิงปราบพยศฮ่องเต้ร้าย   บทที่ 11

    น้ำกระเซ็นตามจังหวะคนที่ถูกยกขึ้น จนเกิดเป็นคลื่นกระเพื่อมไหวเฟิ่งจิ่วเหยียนใช้มือทั้งสองข้างปิดร่างกายส่วนหน้าไว้ทันทีทว่าด้านหลังของนาง กลับเปิดเปลือยไปทั้งกายร่างกายไม่ได้อ้อนแอ้นเกินเหตุ สายตาของเซียวอวี้ทอดมองไปยังบริเวณบั้นเอวของเฟิ่งจิ่วเหยียนบั้นเอวของนางไม่มีรอยช้ำใด ๆ จากฝ่ามือซ้ำยังเกลี้ยงเกลา และแน่นกระชับคิ้วคมของเซียวอวี้มุ่นเข้าหากัน ม่านตาทอแววเยือกเย็นไม่เลือนหายฝ่ามือของเฟิ่งจิ่วเหยียนร้อนผ่าว บริเวณหน้าผากมีเหงื่อเม็ดเล็ก ๆ ผุดขึ้นมาเต็มเมื่อครู่เพราะความฉุกละหุก นางจึงใช้ลมปราณสลายเลือดคลั่งแต่เนื่องจากเป็นระยะเวลาสั้น ๆ จึงเสียพลังภายในไปไม่น้อยในตอนนี้นางจึงอ่อนแรงแต่ฮองเต้ทรราชไม่ล้มเลิกความสงสัยที่มีง่าย ๆวินาทีต่อมา เขาก็รวบเอวของนางด้วยฝ่ามืออันใหญ่ นิ้วโป้งทาบลงตรงบั้นเอวของนาง แล้วออกแรงกด...“อื้อ!” เฟิ่งจิ่วเหยียนรู้สึกเจ็บแปล๊บถึงขั้วกระดูก จึงส่งเสียงอื้ออึงในลำคอออกมาอย่างอดไม่ได้ต่อมานางก็ไม่กล้าแสดงอาการอะไรออกมา เพียงอดกลั้นไว้ชายหนุ่มด้านหลังเอ่ยถามด้วยน้ำเสียงเย็นเหยียบ“บาดเจ็บที่เอวหรือ?” นางส่ายหน้า “เปล่า เหตุใ

  • แม่ทัพหญิงปราบพยศฮ่องเต้ร้าย   บทที่ 12

    ณ ห้องทรงพระอักษรเซียวอวี้กำลังตรวจตราราชสารอยู่พลันหยุดชะงัก นัยน์ตาทอแววเยือกเย็น“นางอยากได้ตราประทับทอง?”ขันทีผู้มากราบทูลพลันสะอึก“พ่ะย่ะค่ะ ฝ่าบาท พระนางเสด็จมาขอเข้าเฝ้าอยู่นอกตำหนัก เพื่อตราประทับทอง”แต่ว่าตราประทับทองอยู่กับหวงกุ้ยเฟยเช่นนี้ไม่เท่ากับว่าฮองเฮาตั้งใจจะหาเรื่องหรอกหรือ!เหงื่อเย็น ๆ ผุดขึ้นมาตามหน้าผากของขันที เพราะกลัวว่าตนเองจะถูกฝ่าบาทบันดาลโทสะใส่บนม่านกั้นหลังบัลลังก์มังกร สะท้อนเกิดเป็นร่างเงาใบหน้าของเซียวอวี้เลือนราง ดวงตาคู่เรียวยาวดุจเหยี่ยว ทอแววคมกริบอันตราย“ไปบอกนาง หากยังไม่เจียมตัวเช่นนี้ต่อไป เราจะปลดนางลงจากฮองเฮาเสีย”“บ่าวน้อมรับคำบัญชาพ่ะย่ะค่ะ!”……บริเวณนอกห้องทรงพระอักษรสายตาของเฟิ่งจิ่วเหยียนเรียบนิ่ง  ไม่โกรธไม่ยินดี ราวกับละทางโลกไปแล้วยามที่ขันทีตรงหน้าบอกกล่าวคำตรัสของฮ่องเต้เสร็จ จึงโน้มน้าวนางเสริม “ฮองเฮา เชิญท่านกลับไปเถอะพ่ะย่ะค่ะ“หวงกุ้ยเฟยเป็นผู้ใช้ตราประทับทองมาโดยตลอด ฝ่าบาทมิอาจยึดคืนกลับมาจากนางได้หรอกพ่ะย่ะค่ะ“นอกเสียจากว่าหวงกุ้ยเฟยไม่ต้องการมันแล้ว”เหลียนซวงได้ยินถ้อยคำนี้ พลันโมโหโทโสแ

  • แม่ทัพหญิงปราบพยศฮ่องเต้ร้าย   บทที่ 13

    ณ ตำหนักหลิงเซียว หวงกุ้ยเฟยกำลังเจ็บปวดทรมาณเพราะอาการปวดหัวภายในตำหนัก หมอหลวงกำลังฝังเข็มคลายอาการให้นางบนเก้าอี้พระที่นั่งทำจากไม้จันทร์แดงนอกตำหนัก มีจักรพรรดิผู้ทรงอำนาจ นั่งขมวดคิ้วอยู่บนนั้น“คนที่ส่งไปตำหนักหย่งเหอล่ะ!”สิ้นคำพูดเพียงเสี้ยววิ  ข้าหลวงผู้นั้นก็พรวดพราดเข้ามาอย่างลุ้มลุกคลุกคลาน“ฝ่าบาท! ฮองเฮาทรงตรัสว่า ยานั้นเหลืออยู่ไม่มาก ไม่สามารถให้ได้…”ดวงตาของเซียวอวี้ทอแววคมกริบ ราวใบมีด ให้ความรู้สึกเหมือนความตายมารออยู่ข้างหลัง“ไปเรียกฮองเฮามา!”เมื่อจักรพรรดิพิโรธ ย่อมไม่มีผู้ใดกล้าชักช้าไม่นานหลังจากนั้น ข้าหลวงและขันทีที่ถูกส่งไปครั้งที่สองก็กลับมาขันทีคุกเข้าบนพื้นทูลรายงานอย่างกระอึกกระอัก“ฝ่าบาท พระนาง…ทรงพักผ่อนแล้วพ่ะย่ะค่ะ”เพล้ง!เซียวอวี้สะบัดชายเสื้อ ปัดแก้วชาบนโต๊ะแตกกระจายเขาผุดตัวลุกขึ้น กล่าวด้วยเสียงเยือกเย็น“เตรียมขบวนรถม้าไปที่ตำหนักหย่งเหอ”ส่วนด้านในตำหนัก หวงกุ้ยเฟยเจ็บปวดแทบเป็นแทบตาย พร่ำร้องเรียกหา “ฝ่าบาท” ไม่หยุดก่อนที่ฮ่องเต้จะเสด็จก็กลับเข้ามาในตำหนัก แล้วปลอบโยนนาง“สนมรักอดทนไว้นะ เราจะกลับมาในอีกไม่ช้า”ฮ่อง

  • แม่ทัพหญิงปราบพยศฮ่องเต้ร้าย   บทที่ 14

    ณ ตำหนักฉือหนิงไทเฮาดูใจดีมีเมตตา  ทว่าทุกคำที่เอื้อนเอ่ยออกมากลับมีแบบแผนเป็นขั้นเป็นตอน“ฮองเฮา ตอนนี้เจ้าถือครองตราประทับทองอยู่ในมือ ไม่ว่าจะจัดการเรื่องอันใดในวังหลัง ก็คงสะดวกยิ่งขึ้น“อาทิเช่นรายชื่อของนางสนมอุ่นเตียง คงถึงเวลาจัดการให้เป็นระบบระเบียบแล้ว“กลุ่มที่เพิ่งเข้ามาใหม่ไม่ใช่ปัญหาใหญ่ แต่เหล่านางสนมที่เข้าวังมาเนิ่นนานแล้วคงมิอาจรีรอได้อีกต่อไป“โดยเฉพาะ ‘คนเก่า ๆ’ เฉกเช่นเสียนเฟยและหนิงเฟย อย่าได้ปล่อยให้พวกนางเหน็บหนาวหัวใจเชียว“หากเจ้าทำให้ฝ่าบาทมอบความเมตตาแก่ทุกคนอย่างทั่วถึง นางสนมเหล่านั้นจักเคารพเจ้าเป็นแน่ และจะเชื่อฟังเจ้าแต่เพียงผู้เดียว“เมื่อเป็นเช่นนี้ เจ้าก็จะสามารถควบคุมวังหลังได้ง่ายกว่าเดิม…”เฟิ่งจิ่วเหยียนผงกหัวตอบรับ“เสด็จแม่พูดถูกเพคะ“คราที่หม่อมฉันยังอยู่ในจวน ก็ได้ฟังท่านแม่พร่ำสอนอยู่บ่อยครั้ง หากภายในเรือนสงบสุข ประมุขย่อมจัดการเรื่องภายนอกได้อย่างสบายใจ นี่คือหลักการเป็นภรรยา”ไทเฮาพยักหน้าอย่างปลื้มใจ“ในเมื่อฮองเฮาทราบถึงหลักการนี้ ข้าก็สบายใจ”เมื่อออกมาจากตำหนักฉือหนิง เหลียนซวงก็รีบกล่าวเตือนเฟิ่งจิ่วเหยียน“พระนาง ไทเฮ

  • แม่ทัพหญิงปราบพยศฮ่องเต้ร้าย   บทที่ 15

    ไทเฮาถามข้าหลวงที่มาทูลรายงาน “ตกลงมันเกิดอะไรขึ้น? ไฉนอยู่ดี ๆ ถึงทะเลาะกันขึ้นมาล่ะ? ใครเป็นคนเริ่ม?”ข้าหลวงผู้นั้นตอบกลับ“พระสนมทั้งหลาย…พวกนาง พวกนางไม่พอใจหนิงเฟย เริ่มแรกเพียงทะเลาะกันด้วยฝีปากเท่านั้น ทว่าต่อมาก็เริ่มลงไม้ลงมือ หนิงเฟยถูกล้อมไว้หลายคน ไร้เรี่ยวแรงเอาคืน…” “เป็นเช่นนี้หรือ!” เมื่อครู่ไทเฮายังนิ่งดูดาย แต่พอได้ยินว่าหลานสาวของตนเสียเปรียบ พลันกังวลขึ้นมาทันที“ฮองเฮาล่ะ! หรือว่าฮองเฮาแค่ดูเฉย ๆ!”……ตำหนักหย่งเหอหนิงเฟยผู้คาบช้อนเงินช้อนทองมาเกิด ไหนเลยจะเคยถูกกระทำเช่นนี้ตั้งแต่ที่เข้าวังมา ฝ่าบาทไม่เคยเอ็นดูเมตตานาง ปล่อยให้คนที่เคยงดงามในวัยเยาว์เช่นนางกลายเป็นสตรีทึนทึกตอนนี้ไม่ว่าผู้ใดต่างก็กล้าเหยียบย่ำนาง ว่านางไม่คู่ควรกับตำแหน่ง ดีแต่พึ่งพาบารมีผู้เป็นป้านางจึงทนไม่ไหวเป็นธรรมดาส่วนใครเป็นคนลงไม้ลงมือ นางไม่รู้จริง ๆรู้แค่ว่าจู่ ๆ ก็มีเสียงคนกรีดร้อง จากนั้นก็มีคนมาล้อมนางไว้โดยพลันบ้างดึงผมนาง บ้างกระชากอาภรณ์ของนาง ถึงขั้นมีคนถุยน้ำลายใส่นางด้วยซ้ำ!!!หนิงเฟยจึงแทบเสียสติเมื่อเฟิ่งจิ่วเหยียนเห็นภาพนี้ สีหน้าพลันเคร่งขรึมตอนที

  • แม่ทัพหญิงปราบพยศฮ่องเต้ร้าย   บทที่ 16

    ห้องมืดใต้ดินที่คับแคบ ได้เจอกันเพราะโลกกลมหากเจ้าไม่ตายก็ข้าตายตาคิ้วคมของชายหนุ่ม แววตาแคบลง รัศมีสังหารนั้น อันตรายอย่างยิ่งเฟิ่งจิ่วเหยียนไม่ได้สวมชุดดำ ไม่ได้คลุมหน้าหากไม่มั่นใจว่าจะสามารถฆ่าเขาได้ในคราวเดียว ก็นิ่งไว้ รอจังหวะบุกโจมตี ไม่เช่นนั้นหากถูกเปิดเผยความจริงว่านางมีวรยุทธ ก็จะถูกเปิดเผยสถานะนักฆ่ายิ่งไปกว่านั้น นางไม่เหมือนกับฮ่องเต้ทรราช ไม่มีความชอบเข่นฆ่าผู้บริสุทธิ์คนคนนี้แค่ทำตามคำสั่ง ไม่ใช่คนชั่วช้าอำมหิตหัวสมองของนางครุ่นคิดอย่างรวดเร็ว หาวิธีว่าจะเอาตัวรอดออกไปยังไง“เจ้าเป็นใคร มาอยู่ที่นี่ได้อย่างไร?”สายตาเซียวอวี้เยือกเย็นที่แท้ ฮองเฮาไม่รู้ว่าเขาเป็นใครก็ใช่ พวกเขาเคยเจอกันแค่สองครั้งวันแต่งงานคืนแรก ในมุ้งไร้แสงไฟคืนวันจับตัวนักฆ่า เขาอยู่ข้างหลังนาง นางยืนอยู่ในถังอาบน้ำ หันหลังให้กับเขาตลอด ไม่ได้หันมามองดูเขาเลยนางไม่รู้ว่าจริง ๆ ว่า เขารูปร่างหน้าตาเป็นอย่างไรแต่ในเมื่อฮองเฮารู้ความลับของเขา งั้นก็เก็บไว้ไม่ได้“รนหาที่ตาย...”เสียงของเขาค่อนข้างแหบ เหมือนเคยถูกไฟเผาเฟิ่งจิ่วเหยียนนิ่งอยู่กับที่ เตรียมพร้อมกับการต่อสู้

  • แม่ทัพหญิงปราบพยศฮ่องเต้ร้าย   บทที่ 17

    สายตาเฟิ่งจิ่วเหยียนเยือกเย็นนางไม่ยอมพูดอธิบายอะไรมาก...ต่อให้อยากถอนพิษวารีสวรรค์นี้ ก็ไม่สามารถทำได้เลยในทันที จะต้องขึ้นอยู่กับสถานการณ์ของผู้ถูกพิษด้วย เว้นช่วงสักพักหนึ่งทำการฝังเข็มหนึ่งครั้ง การถอนพิษในคราวเดียว ก่อนอื่นทำไม่ได้ อย่างรอง ผู้ถูกพิษก็รับไม่ไหว“บอกข้ามาก่อน คนวางยาพิษคือใคร”ข่มขู่เขา?เซียวอวี้พูดขึ้นมาด้วยน้ำเสียงแฝงไปด้วยความมีอํานาจ“ถอนพิษก่อน”ทั้งสองคนต่างยืนหยัด เพียงเพราะต่างไม่เชื่อใจกันและกันชายหนุ่มพูดขึ้นมาด้วยสายตาเย็นชาว่า “ไม่ถอนพิษนี้ เจ้าก็ไม่ต้องออกไปแล้ว...”นางรู้ความลับของตนเอง เดิมเขาก็ไม่คิดที่จะเก็บนางไว้ได้ยินเช่นนี้ สายตาเฟิ่งจิ่วเหยียนเยือกเย็นชาตอบแทนคุณด้วยความเนรคุณ!ทันใดนั้น สายตาของนางมองไปบนเตียงหยกขาวแล้วก็พบว่า ดูเหมือนกลไกจะอยู่บนเตียง!หลังจากนางกดลง ข้างบนก็ปรากฏทางออกมาจริง ๆ ทันทีนั้น นางไม่รีรอ ใช้วิชาตัวเบาออกมาจากห้องลับนั่นทันที และก็ไม่คิดเรื่องที่จะถอนพิษให้กับคนคนนั้นอีกเซียวอวี้ขมวดคิ้วแน่น รีบตามนางออกมาแต่นางรวดเร็วอย่างมาก หายไปกับความมืดในพริบตาเดียวองครักษ์หลายคนเพิ่งรู้สึกตัว พร้อมร

Latest chapter

  • แม่ทัพหญิงปราบพยศฮ่องเต้ร้าย   บทที่ 738

    เซียวอวี้โอบกอดคนที่อยู่ในอ้อมแขนไว้ ไม่อยากให้นางเห็นน้ำตาที่ควบคุมไม่ได้นั้นโธ่เอ๊ย!บุรุษไม่ควรหลั่งน้ำตาง่าย ๆ แล้วเขาร่ำไห้ได้อย่างไร!ช่างอับอายขายหน้าจริง ๆ !ทว่า...รู้สึกอิ่มเอมใจในที่สุดจิ่วเหยียนก็บอกว่ารักเขาความรู้สึกของเซียวอวี้ผสมปนเปกัน เขาหอมที่แก้มนาง“เจ้าพูดอะไร? เมื่อครู่เราไม่ได้ยิน”เฟิ่งจิ่วเหยียนเอ่ยอย่างจริงจัง“ไม่ได้ยินหรือ ถ้าเช่นนั้นก็แล้วไปเถิด”มือสองข้างของเซียวอวี้ประคองใบหน้านางขึ้นมาทันที “ใจร้ายนัก เจ้าตั้งใจ เราก็แค่อยากได้ยินเจ้าพูดอีกครั้ง มิได้หรือ?”เฟิ่งจิ่วเหยียนดึงมือของเขาออก จากนั้น เงยคางขึ้น แตะลงไปที่ข้างริมฝีปากเขาเบา ๆ“เพคะ หม่อมฉันรักท่าน…”ในสมองของเซียวอวี้ราวกับพลุดอกไม้ไฟระเบิดขึ้น โชติช่วง สุกสกาว ไม่มีวันร่วงโรยแขนสองข้างของเขาโอบตัวเฟิ่งจิ่วเหยียนไว้ ราวกับได้กินน้ำผึ้งมิปาน รู้สึกมีความสุข“จิ่วเหยียน เราดีใจจริง ๆ ได้ยินเจ้าพูดเช่นนี้ ตายก็ไม่เสียใจจริง ๆ!”ต่อมาฟังนางเล่าเรื่องราว ถึงรู้ว่าสิ่งที่นางประสบพบเจอนั้นเสี่ยงอันตรายซ้ำแล้วซ้ำเล่าขณะที่หิมะถล่มใกล้เข้ามา ตามสามัญสำนึก ควรจะวิ่งไปด้านข้าง ทว่

  • แม่ทัพหญิงปราบพยศฮ่องเต้ร้าย   บทที่ 737

    เมื่อเห็นฮูหยินเมิ่งออกมา หร่วนฝูอวี้รีบเข้าไปทักทายทันที ในใจเต็มเปี่ยมด้วยความหวัง และเอ่ยถาม“อาจารย์หญิง สารเลวนั่น...ฮ่องเต้นั่นดูแลคนเป็นหรือ” แม้ฮูหยินเมิ่งจะแก้ไขอยู่หลายครั้งก็ตาม นางยังคงยืนกรานที่จะเรียก “อาจารย์หญิง”ฮูหยินเมิ่งนึกย้อนไปถึงใบหน้าซีดเซียวที่อดนอนของฮ่องเต้ ก็พยักหน้าเบา ๆ“อืม”หร่วนฝูอวี้ไม่ยอมแพ้ ยังถามอีกว่า: “ถ้าเช่นนั้นเขารู้แล้วหรือไม่ว่าซูฮ่วนมิอาจให้กำเนิดบุตรได้?”ฮูหยินเมิ่งเหลือบมองดูนาง สีหน้าไม่สบายใจ“มันยาก แต่หาใช่ว่าจะเป็นไปมิได้เลย”เหตุใดนางจึงมีท่าทางเหมือนหวังว่าจิ่วเหยียนจะไม่สามารถให้กำเนิดบุตรได้?หร่วนฝูอวี้ยิ้มอย่างกระดากอาย “ ใช่เจ้าค่ะ ท่านพูดถูก ถ้าเช่นนั้นฮ่องเต้ทรงทราบหรือไม่?”ฮูหยินเมิ่งส่ายหัวนางมิรู้ว่า จิ่วเหยียนบอกเรื่องนี้กับฮ่องเต้หรือไม่ราชวงศ์ให้ความสำคัญกับทายาท ฮองเฮาให้กำเนิดบุตรยาก ถือเป็นเรื่องต้องห้ามหร่วนฝูอวี้ยังคงยกยิ้มมุมปากถ้าเช่นนั้นนางจักต้องทูลให้ฮ่องเต้ทรงทราบ! ขอเพียงเขาจากไป ซูฮ่วนก็จะเป็นของนางแล้ว!วันต่อมาในตอนรุ่งเช้า เซียวอวี้ชำระกายเสร็จ เริ่มจากไปที่กระโจมหลัก เพื่อหารือกับเ

  • แม่ทัพหญิงปราบพยศฮ่องเต้ร้าย   บทที่ 736

    ใบหน้าของเฟิ่งจิ่วเหยียนไม่แสดงอารมณ์เท่าใดนัก แค่มองเซียวอวี้ด้วยท่าทีเรียบเฉย แววตาเยือกเย็น ใบหน้าซีดขาว และซูบผอมลงไปไม่น้อย“หากท่านใส่พระทัย หม่อมฉันจะไม่ตำหนิท่าน...”เขาเคยพูดอยู่หลายครั้งว่า ต้องการองค์ชายทว่า มีความเป็นไปได้ว่านางมิอาจมอบให้เขาได้เรื่องนี้ต้องอธิบายกับเขาให้ชัดเจน ไม่ว่าเขาจะตัดสินใจอย่างไร นางก็จะไม่โกรธเคืองเซียวอวี้ได้ยินเช่นนั้น พลันรีบกุมมือนางไว้ และวางลงบนทรวงอกของเขา นัยน์ตาเต็มไปด้วยความอัดอั้นตันใจ“เราใส่ใจอะไร?“เราใส่ใจเพียงว่าเจ้ามีชีวิตอยู่หรือไม่ และอยู่เคียงข้างเราหรือไม่“จิ่วเหยียน เราต้องการแค่เจ้าเท่านั้น”เขาโอบนางเข้ามาในอ้อมแขนด้วยท่าทางอ่อนโยน คางแตะบนศีรษะของนาง ถูไถเบา ๆ ราวกับสุนัขป่าโดดเดี่ยวที่คลุ้มคลั่งได้พบคู่รัก ทั้งเหมือนราชสีห์รอนแรมในที่รกร้างได้พบครอบครัว ทั้งตัวคนจากดุร้ายกระสับกระส่าย เปลี่ยนเป็นเชื่อฟังและสงบนิ่งเขาเอ่ยซ้ำไปซ้ำมา “เราต้องการแค่เจ้าเท่านั้น...”แม้ว่านางจะไม่มีทางให้กำเนิดบุตรได้ นางก็ยังเป็นภรรยาของเขานางยังเป็นคนที่ไม่มีใครแทนที่ได้ในใต้หล้านี้ เป็นฮองเฮาที่เขายอมรับความรู้สึกที่เขาม

  • แม่ทัพหญิงปราบพยศฮ่องเต้ร้าย   บทที่ 735

    ภายในกระโจมหลัก บรรดาแม่ทัพเอ่ยกันทีละคน“ฝ่าบาท กองทัพเยี่ยนมีทหารสองแสนนาย ก่อนหน้านี้พวกเขาตีฝ่าแนวป้องกันที่เมืองเซวียนอย่างลับ ๆ ตัดเส้นทางกองกำลังเสริม เกือบจะทำให้เมืองหลวงถึงขั้นเป็นพื้นที่อันตราย”“ต้องขอบคุณกลยุทธ์ที่ถูกต้องของแม่ทัพน้อยเมิ่ง บวกกับการกลับมาอย่างทันท่วงทีของจู้กั๋วกง ที่นำกองทัพใหญ่ไปปกป้องเมืองเซวียนอย่างสุดชีวิต จึงทำให้กองทัพเยี่ยนทำไม่สำเร็จ หลายวันมานี้ พวกเราบีบกองทัพเยี่ยนให้ถอยกลับไปทางชายแดนตะวันออกแล้ว”“ฝ่าบาท ดูจากภายนอก กองทัพเยี่ยนอยู่นอกชายแดนตะวันออก หนานฉีไม่ตกอยู่ในอันตรายชั่วคราว ที่จริงแล้ว ท่านลองดู...”แม่ทัพผู้นั้นชี้ไปที่จุดหนึ่งบนโต๊ะทราย แล้วเอ่ยต่อ “แนวป้องกันตอนกลางของเมืองเซวียน จะมีเมืองเซวียน เมืองม่อ กานโจว และด่านเฉาอวี๋เป็นหลักสำคัญ โดยเชื่อมกันเป็นแนวป้องกันตามขวางจากตะวันออกไปตะวันตก ก่อนหน้านี้กองทัพเยี่ยนเคยตีฝ่าด่านเฉาอวี๋ การคุ้มกันของที่แห่งนี้พังทลายแล้ว หากสงครามเริ่มขึ้น ด่านเฉาอวี๋ไม่สามารถรวบรวมกำลังได้แน่ ดังนั้น ที่แห่งนี้จึงไม่เหมาะเป็นสนามรบหลัก แทบจะกลายเป็นสถานที่ที่สูญเสียการคุ้มกัน”เซียวอวี้นำธงเล็

  • แม่ทัพหญิงปราบพยศฮ่องเต้ร้าย   บทที่ 734

    ไทฮองไทเฮาทรงถูกส่งเข้ามาในคุกเทียนเหลา แต่ยังรักษาความน่าเกรงขามเอาไว้อย่างเต็มที่เหล่าท่านอ๋องมองเห็นนาง ทุกคนถึงกับตาค้างแม้แต่เสด็จย่าก็ถูกส่งเข้ามาในคุกเทียนเหลาด้วยหรือ?ถ้าเช่นนั้นพวกเขา...ดูเหมือนจะไม่ถูกปรักปรำแล้วช้าก่อน!หรือว่าพวกเขาจะก่อกบฏตามไทฮองไทเฮาจริง ๆ?สวรรค์!หญิงชราผู้นี้ ไม่เพียงทำร้ายคนอื่นก็ยังทำร้ายตนเองด้วย!เหล่าท่านอ๋องพลันนิ่งเงียบไม่ส่งเสียง แอบขบเขี้ยวเคี้ยวฟันในเวลานี้ พลุดอกไม้ไฟนอกคุกเทียนเหลาอยู่ ๆ ก็ดังขึ้น พวกเขารู้สึกถึงความอ้างว้างคืนวันดี ๆ ส่งท้ายปีเก่า พวกเขากลับต้องอยู่ในคุกเทียนเหลา ช่างเป็นกรรมแท้ ๆ!ไทฮองไทเฮาทรงเข้ามาในห้องขังแห่งนี้ ก็เห็นมู่หรงหลันแม่ลูกอยู่ที่นี่ด้วยในใจนางรู้สึกหวาดหวั่นเมื่อหันกลับมา ก็ประสานกับแววตาอันยั่วยุขององครักษ์ลับผู้นั้น และถูกเย้ยหยัน“คนสามรุ่นอยู่ร่วมกัน ไทฮองไทเฮา หญิงชราเช่นท่านช่างโชคดีเหลือเกิน”ขณะที่พูด หญ้าหางจิ้งจอกของคนผู้นั้นก็ขยับขึ้นลง แสดงออกถึงการยั่วยุไทฮองไทเฮาทรงทรมานพระทัยอย่างมากมู่หรงหลันได้รับบาดเจ็บหนัก ถูกโยนไว้ที่มุมห้องอย่างไม่ใส่ใจ เอนพิงอยู่ข้างกำแพง ห

  • แม่ทัพหญิงปราบพยศฮ่องเต้ร้าย   บทที่ 733

    ขณะเหม่อลอย เซียวอวี้มองเห็นชัดเจนแล้วคนที่วิ่งมาหาเขาจากที่ไกล คือเฟิ่งจิ่วเหยียน!คือคนที่เขาคะนึงถึงทุกคืนวัน!เขาพยายามอย่างเต็มที่ ให้หลุดพ้นจากพื้นหิมะที่กลืนกินคนหลุดพ้นจากตะขอและสิ่งพัวพันที่ไร้ตัวตนเหล่านั้นเขาลุกขึ้นพร้อมกับคำรามเบา ๆ คิดจะวิ่งไปข้างหน้า นาทีเดียวก็ไม่กล้ารีรอ กลัวว่านี่จะเป็นเพียงภาพลวงตาของเขาในเวลาเดียวกันนั้น เฟิ่งจิ่วเหยียนก็ใกล้เขาเข้ามาเรื่อย ๆ เช่นกันสองคนอยู่ท่ามกลางหิมะโปรยปรายเต็มท้องฟ้า ทั้งคู่ต่างวิ่งเข้าหากันในที่สุด ก็โอบกอดกันท่ามกลางหิมะมีเพียงวินาทีที่สวมกอดอีกฝ่าย ถึงได้กลับสู่ความเป็นจริงโดยสิ้นเชิงเซียวอวี้สวมกอดคนที่อยู่ในอ้อมแขนไว้แน่น ปล่อยให้ลมหิมะพัดถาโถมเขาจุมพิตที่หน้าผากและแก้มของนาง รับรู้ถึงความอบอุ่นของนางมือข้างหนึ่งประคองหลังศีรษะนาง หน้าผากชนกัน ลมหายใจรินรดกัน ริมโสตคือเสียงลมหวีดหวิว เขาได้ยินนางเรียกเขาอย่างชัดเจน“ฝ่าบาท...”เซียวอวี้รับรู้เพียงใบหน้าชื้นแฉะ ไม่รู้สึกตัวว่า น้ำตาอุ่น ๆ ที่เอ่อคลอของเขาไหลออกมา นั่นคือความปีติยินดีที่ยากเกินบรรยายจากสิ่งที่สูญเสียได้คืนกลับมาเขาตื้นตันใจอย่างมา

  • แม่ทัพหญิงปราบพยศฮ่องเต้ร้าย   บทที่ 732

    “จิ่วเหยียนนาง...ยังมีชีวิตอยู่!” นิ้วมือของเซียวอวี้สั่นรัว ความรู้สึกมากมายเกิดขึ้นในจิตใจ ขณะเหม่อลอย รู้สึกเพียงตัวอยู่ในความฝันช่วงเวลาที่ผ่านมานี้ เขาราวกับศพเดินได้ก็มิปานถึงแม้วางแผนจะจัดการกลุ่มกบฏเหล่านั้นให้หมดในคราวเดียว ก็มักจะทำแบบขอไปที ความจำก็ถดถอย มิรู้ว่าตนเองเคยเตรียมการเรื่องใดบ้างคนอยู่ที่นี่ ใจกลับล่องลอยไปที่ภูเขาหิมะเทียนฉือบัดนี้ ได้ยินข่าวว่าเฟิ่งจิ่วเหยียนยังมีชีวิตอยู่ เขาถึงรู้สึกว่าตนเองกลับมามีชีวิตแล้วนางยังมีชีวิตอยู่!เซียวอวี้หันหลังให้ทุกคน ดวงตาแดงก่ำด้วยความตื้นตันใจ น้ำตาพลันเอ่อล้นในทันทีเขารู้อยู่แล้วว่า แม่ทัพน้อยของเขา จะไม่มีทางตาย!องค์หญิงใหญ่ทรงตื่นเต้นอย่างที่สุดเช่นกัน ร่ำไห้ด้วยความปีติ“ดีเหลือเกิน! แม่ทัพน้อยยังมีชีวิตอยู่!!”ก่อนหน้านี้ไทฮองไทเฮาทรงพำนักอยู่ที่ภูเขาอวี้หยางมาตลอด มิรู้ที่มาที่ไป ในเวลานี้ถึงรู้ว่า แม่ทัพน้อยเมิ่งกับซูฮ่วนเป็นคนเดียวกันนี่มิได้หมายความว่า นางเคยส่งคนไปลอบสังหารซูฮ่วน และเกือบจะทำร้ายแม่ทัพน้อยเมิ่ง!?สวรรค์!นางทำสิ่งใดลงไป!นางเกือบจะกลายเป็นคนบาปที่ถูกสาปแช่งไปชั่วลูกชั่วหลาน!

  • แม่ทัพหญิงปราบพยศฮ่องเต้ร้าย   บทที่ 731

    หากต้องการจะช่วยฮ่องเต้ จักต้องจัดการกับระเบิดฟ้าคำรณเหล่านั้นก่อน โดยเฉพาะยังมีกระสุนมังกรไฟนั่นอีก...เมื่อนึกถึงเรื่องนี้ แม่ทัพอาวุโสหลี่พลันมีสีหน้าเคร่งขรึมภายในวิหารบรรพบุรุษหม่ากงกงถีบประตูให้เปิดออกในทันที“ฝ่าบาทหนอฝ่าบาท ท่านหลอกลวงพวกเราทั้งหมดแล้ว! ฮ่องเต้องค์ใหม่อะไรกัน ท่านคงเพื่อให้เปิดเผยพวกพ้องที่อยู่ในราชสำนักออกมากระมัง!”เมื่อครู่เขาได้รับข่าวว่า ขุนนางในเมืองหลายคนถูกจับกุมแล้ว ทั้งหมดคือคนที่เลือกสนับสนุนแต่งตั้งรัชทายาท ยังมีคุกเทียนเหลา เส้นสายลับที่ซ่อนอยู่ในคุกเทียนเหลาก็ถูกจับกุมแล้วเช่นกัน!บางคนก็ถูกตัดศีรษะประจานในวันเดียวกัน!แววตาของเซียวอวี้ดูเย็นชา เพียงมองไปยังที่ไกล ๆหม่ากงกงเย้ยหยัน“ทว่าท่านประเมินพวกเราต่ำเกินไป“คนที่ท่านสังหารเหล่านั้นมีความสำคัญอันใด? อีกไม่นาน ประมุขพรรคก็จะนำกองทัพเยี่ยนมาบุกหนานฉี!“คืนนี้ จะให้ท่านมองดูพี่น้องและสตรีของท่าน ตายไปทีละคน! ให้ท่านรับรู้ ผลที่ตามมาของการวางแผนเล่นงานพวกเรา!”ในระหว่างที่พูด เขาก็ออกคำสั่ง เหล่าท่านอ๋องกับนางสนมก็ถูกลากออกไปด้านนอกภายใต้แสงรัตติกาล คมดาบสาดส่องประกายอันเยือกเย็น

  • แม่ทัพหญิงปราบพยศฮ่องเต้ร้าย   บทที่ 730

    “พวกเจ้าเป็นใคร!” มือทั้งสองข้างของมู่หรงหลันมีเลือดไหลอาบ จดจ้องกลุ่มคนสวมหน้ากาก ด้วยดวงตาที่เต็มไปด้วยความเจ็บปวดแต่ไม่ยอมแพ้บุรุษที่เป็นหัวหน้าเช็ดเลือดบนดาบอย่างไม่รีบร้อน “นายท่านของข้านามสกุลเซียว”เซียว…ทันใดนั้นมู่หรงหลันก็นึกอะไรขึ้นมาได้ เงยหน้ามองชายหนุ่มอย่างไม่อยากจะเชื่อ“พวกเจ้าคือ องครักษ์ลับ?!”องครักษ์ลับของฝ่าบาท!ดังนั้น เป็นฝ่าบาทส่งพวกเขามาเพื่อจับนาง!ไม่ควรเป็นแบบนั้นพวกเขาทราบได้อย่างไรว่านางจะผ่านทางนี้หรือว่า ฝ่าบาทได้วางแผนล่วงหน้ามานานแล้วคิดได้เช่นนี้ มู่หรงหลันพลันรู้สึกขนลุกนางอยากส่งสัญญาณให้หม่ากงกง ทว่า นางไม่มีมือแล้ว…ณ วิหารบรรพบุรุษแม่ทัพอาวุโสหลี่มาส่งเสบียงอาหารทุกวัน โดยวางไว้นอกประตูวิหารบรรพบุรุษในระยะสองลี้ หลังจากนั้นก็จะมีกบฏพวกนั้นออกมารับไปตั้งแต่ที่ฝ่าบาทถูกจับขัง เวลาก็ผ่านมาครึ่งเดือนแล้วแนวป้องกันของเมืองเซวียนพังทลาย จู้กั๋วกงจึงแอบลักลอบกลับมาที่เมืองเซวียนด้านเป่ยเยี่ยนและหนานฉี ก็กำลังจะมีสงครามภายในห้องฌานเสบียงส่งมาถึงมือของเหล่านางสนม เพื่อป้องกันไม่ให้วุ่นวาย ไทเฮาจึงมีหน้าที่แจกจ่ายตามหลักแล้

Scan code to read on App
DMCA.com Protection Status