Share

บทที่ 9

Author: อี้ซัวเยียนอวี่
รุ่ยอ๋องไม่อาจทำใจได้จึงเอ่ยปากโน้มน้าว

“ฝ่าบาททรงทำเช่นนี้ ออกจะโหดร้ายต่อฮองเฮาไปซักหน่อยนะพ่ะย่ะค่ะ”

ทว่าเซียวอวี้กลับสะบัดแขนเสื้อเดินจากไปเรียบร้อยแล้ว ทิ้งไว้เพียงภาพแผ่นหลังอันน่าเกรงขามที่ยากจะต่อกรได้

สายลมพัดโชยโบกสะบัดเสื้อของบุรุษผู้นี้ เขาย่างก้าวเดินลงบันได สายตาทอดมองไปไกลโพ้น กวาดตามองทัศนียภาพของอุทยานหลวงและสนามม้าหลวงไว้ในสายตา รวมทั้งภาพของสตรีที่ขี่ม้าอยู่เมื่อครู่นี้ด้วย

ภาพเงาร่างของหญิงสาวที่ขี่ม้าในความทรงจำ ก็ดูเหมือนจะเป็นเช่นนี้

......

เพราะได้รับความตื่นตระหนก ไทเฮาจึงเสด็จกลับตำหนักฉือหนิงก่อน

เฟิ่งจิ่วเหยียนเองก็กลับตำหนักหย่งเหอของตน

ตามกฎระเบียบแล้วฮองเฮายังต้องรับการคารวะจากเหล่าสนมนางใน

แต่สนมนางในที่มาถึงก่อนแล้วกลับมีเพียงน้อยนิด ส่วนใหญ่หากไม่อ้างว่าป่วย ก็อ้างว่ายุ่งกับภารกิจในตำหนัก

เฟิ่งจิ่วเหยียนเองก็ไม่มีใจจะมานั่งเสแสร้งรับหน้าพวกนาง จึงส่งพวกนางไม่กี่คนที่มาให้กลับไปเสีย

ผ่านไปไม่นานก็มีคนมาถ่ายทอดคำพูดของฮ่องเต้

“ฮองเฮา ฝ่าบาทได้ทรงทราบถึงคุณงามความดีที่เมื่อเช้าพระองค์ได้ทรงช่วยไทเฮาเอาไว้แล้ว ทรงพระราชทานหยกสมปรารถนาให้คู่หนึ่งเป็นพิเศษ อีกทั้งยังมีรับสั่งให้ฮองเฮาดูแลการตัดคอประหารม้าคลั่งตัวนั้น...”

เมื่อเหลียนซวงได้ยินรับสั่งนี้ก็รู้สึกอัดอั้นตันใจเป็นอย่างมาก

เรื่องอย่างการดูแลการตัดคอประหาร เหตุใดถึงได้มาถึงมือของฮองเฮาได้เล่า?

ว่าไปแล้วยังเป็นการสะบั้นหัวของม้าที่กำลังตั้งท้องอีกด้วย

ฮ่องเต้ทรราชสมเป็นทรราชยิ่ง ช่างเหี้ยมโหดและไร้เหตุผลเสียจริง!

สีหน้าท่าทางของเฟิ่งจิ่วเหยียนสงบนิ่ง ไม่มีท่าทางโมโหหรือน้อยใจแม้แต่น้อย

ข้าหลวงผู้ถ่ายทอดรับสั่งกลับรู้สึกงุนงง

ฮองเฮาพระองค์นี้ช่างมีน้ำอดน้ำทนนัก

ดูซิว่านางจะทำราวกับไม่มีอะไรเกิดขึ้นได้ถึงเมื่อไหร่กัน!

ยามบ่าย

ณ สนามม้าหลวง

ผู้ดูแลจูงแม่ม้าตัวนั้นออกมาจากคอกเพื่อเตรียมรับโทษประหารแล้ว

พวกเขาเองก็ล้วนเป็นผู้มีใจรักม้าด้วยกันทั้งนั้น ต่างพากันมาขอร้องเฟิ่งจิ่วเหยียน

“ฮองเฮา ทรงถอนรับสั่งไม่ได้จริง ๆ หรือพ่ะย่ะค่ะ? นี่เป็นถึงม้าชั้นดีที่เคยผ่านสนามรบมาแล้วนะพ่ะย่ะค่ะ!”

เฟิ่งจิ่วเหยียนกุมเชือกบังเหียนเอาไว้ ฝ่ามือลูบที่สะโพกของม้าเบา ๆ

ดวงตาที่แฝงกลิ่นอายสงบนิ่งของเธอสบตากับเจ้าม้า

หลังจากนั้นนางก็เอ่ยปากเรียบ ๆ

“ลงมือเถิด”

เพชฌฆาตจูงม้าไปที่เครื่องประหาร เพียงแค่ตัดเชือกยาวเส้นนั้นใบมีดของเครื่องประหารก็จะหล่นลงมาแยกร่างของม้าให้ขาดกลางเป็นสองส่วน

เฟิ่งจิ่วเหยียนนั่งอยู่ที่จุดสังเกตการณ์ซึ่งห่างออกไปเพียงไม่กี่จั้ง[1]เท่านั้น

ดวงตางดงามที่เย็นชาและห่างเหินของนางไม่ฉายแววสงสารเลยแม้แต่น้อย เทียบกันแล้วยังดูเยือกเย็นกว่าเพชฌฆาตเสียอีก

แต่ทว่าเมื่อถึงเวลาที่ใบมีดจะหล่นลงมา ข้อมือของข้าหลวงที่รับผิดชอบจูงม้ากลับชากะทันหัน

เพียงชั่วพริบตาเดียวที่เขาผ่อนเชือก เจ้าม้าก็ยกกีบเท้าหน้าขึ้นวิ่งหนีไปอย่างรวดเร็ว

เพชฌฆาตและเหล่าองครักษ์ต่างก็ตื่นตระหนกเป็นการใหญ่

“รีบหยุดมันเอาไว้เร็วเข้า!”

เฟิ่งจิ่วเหยียนมองเหตุการณ์ตรงหน้าอยู่เงียบ ๆ วางตัวเป็นคนนอกที่ไม่เกี่ยวข้องอะไรกับเหตุการณ์นี้

กลับเป็นเหลียนซวงที่มองเห็นเหตุการณ์อย่างชัดเจน เมื่อครู่เป็นฮองเฮาที่ใช้หินต่างอาวุธลับ ดีดไปยังข้อมือของข้าหลวงคนนั้น เจ้าม้าถึงได้มีโอกาสหลบหนีไปได้

จากนั้นฮองเฮาก็ลอบโจมตีองครักษ์เหล่านั้น ทำให้พวกเขาดูเหมือนสะดุดหินบนพื้นจนล้ม

เดิมทีพวกเขาก็ไม่อาจวิ่งสู้ม้าฝีเท้าดีได้อยู่แล้ว ยามนี้กลับทำได้เพียงมองมันวิ่งไปไกลขึ้นเรื่อย ๆ จนหายลับไปในป่าของสนามม้าหลวง

ณ ห้องทรงพระอักษร

แสงเงาเป็นชั้น ๆ ทาบทับลงไปรอบบัลลังก์มังกรที่บุรุษผู้หนึ่งนั่งอยู่

หว่างคิ้วที่เคร่งขรึมของเขา ปกคลุมไปด้วยความเย็นยะเยือกที่อัดแน่น

มังกรทองบนเสื้อคลุมมังกรมีกรงเล็บแหลมคมอันน่าหวาดผวา สายตาก็ดุร้ายน่าเกรงขาม

แต่ยังคงไม่อาจเทียบกับสายตาของบุรุษผู้นี้ที่ทำให้คนต้องยอมศิโรราบ และทำให้คนไม่กล้าแม้แต่จะสบตา

เหล่าองค์รักษ์ต่างคุกเข่าอยู่ที่พื้น

“ฝ่าบาท...ม้า ม้าวิ่งหนีออกไปจากป่าหลวง หาย...หายไปอย่างไร้ร่องรอยแล้วพ่ะย่ะค่ะ...”

ฮ่องเต้บนบัลลังก์มังกรไม่ตรัสอะไรแม้แต่คำเดียว สายตาคมกริบที่มองมาทำให้พวกเขารู้สึกราวกับกำลังเหยียบอยู่บนแผ่นน้ำแข็งบาง ๆ ก็ไม่ปาน

จากนั้นข้าหลวงอีกคนก็เข้ามารายงาน

“ฝ่าบาท ฮองเฮามาขออภัยโทษอยู่ข้างนอกพ่ะย่ะค่ะ!”

ในที่สุดฮ่องเต้ก็เอ่ยปาก

“ฮองเฮาหย่อนยานในหน้าที่ ลงโทษตัดเบี้ยหวัดหนึ่งปี ส่วนคนที่เหลือปลดออกจากตำแหน่ง ขับไล่ออกจากวัง”

ข้าหลวงออกไปถ่ายทอดคำสั่งนอกตำหนัก เมื่อกลับมาก็รายงานฮ่องเต้ว่า

“ฝ่าบาท ฮองเฮาทรงตรัสว่าขอบพระทัยในพระมหากรุณาธิคุณพ่ะย่ะค่ะ”

หลังกล่าวจบก็เริ่มรู้สึกได้ว่าบรรยากาศในตำหนักดูน่ากลัวขึ้นเรื่อย ๆ

ครั้นแล้วก็เห็นฮ่องเต้ที่เดิมประทับอยู่บนบัลลังก์ บัดนี้ได้ทรงลุกขึ้นยืน

เงาร่างสูงใหญ่นั้นประหนึ่งตาข่ายผืนยักษ์ที่ปกคลุมพวกเขาที่อยู่ด้านล่างเอาไว้จนไม่กล้าแม้แต่จะหายใจออกมา

“ฮองเฮา ดียิ่ง” จิตใจของฮ่องเต้ ช่างยากแท้หยั่งถึง

พระองค์ตรัสว่าดี แต่ไม่แน่ว่าจะหมายความตามนั้นจริง

ณ ตำหนักฉือหนิง ไทเฮาทรงรู้สึกไม่ยุติธรรมแทนฮองเฮา

“ฮองเฮาเพิ่งจะเข้าวัง บนล่างล้วนต้องดูแล ฝ่าบาททรงลงโทษตัดเบี้ยหวัดนาง จะให้นางปกครองอย่างไร!”

ถึงแม้จะเป็นไทเฮาก็มิอาจเปลี่ยนแปลงพระราชโองการของฮ่องเต้ได้

ณ ตำหนักหลิงเซียว

“พระสนม เมื่อวานฮองเฮาเพิ่งจะอภิเษกสมรส วันนี้ก็โดนลงโทษเสียแล้วเพคะ!”

หวงกุ้ยเฟยมีท่าทางสงบนิ่ง นางคาดเดาไว้แต่แรกแล้วว่าฮองเฮาจะต้องได้รับการปฏิบัติเช่นนี้

แต่ไหนแต่ไรมา ฮ่องเต้ทรงปฏิบัติต่อสตรีที่ไม่โปรดปรานอย่างไร้น้ำใจมาโดยตลอด

วันรุ่งขึ้น

เฟิ่งจิ่วเหยียนที่อยู่ระหว่างทางไปตำหนักฉือหนิง บังเอิญพบกับคุณชายชุดขาวท่านหนึ่ง

นางจำเขาได้ในทันที คนผู้นี้คือรุ่ยอ๋อง ผู้ที่มากราบไหว้ฟ้าดินแทนฝ่าบาทในพิธีอภิเษกสมรสวันนั้น

----------------------------------------------

[1] หน่วยวัดระยะทางของจีนโบราณ โดยมีระยะเท่ากับ3.33 เมตร
Continue to read this book for free
Scan code to download App
Comments (8)
goodnovel comment avatar
Joom
The angry king wants to test his wife.
goodnovel comment avatar
Chin
รุ่ยอ๋องไม่รู้ดีมั้ย
goodnovel comment avatar
Chanyanut Saenkam
สนุกจริงๆอ่านต่อๆ
VIEW ALL COMMENTS

Related chapters

  • แม่ทัพหญิงปราบพยศฮ่องเต้ร้าย   บทที่ 10

    ดูเหมือนว่ารุ่ยอ๋องจะเพิ่งออกมาจากตำหนักฉือหนิง เขาก้าวเดินมาข้างหน้าแล้วคารวะเฟิ่งจิ่วเหยียน“น้องชายขอคารวะพี่สะใภ้”การที่เขาเรียกนางเป็นพี่สะใภ้ไม่ใช่ฮองเฮา แสดงให้เห็นว่าเขามีความสัมพันธ์ใกล้ชิดกับฮ่องเต้เหลียนซวงที่ชำเลืองมองรุ่ยอ๋องตกอยู่ในภวังค์รุ่ยอ๋องช่างรูปงามเสียจริง! หน้าตาสะอาดสะอ้าน บุคลิกมารยาทงามสง่า ลักษณะเช่นนี้ดีกว่าฮ่องเต้ทรราชที่เอาแต่ฆ่าคนตั้งมากหากผู้ที่คุณหนูแต่งด้วยคือ...เมื่อคิดมาถึงตรงนี้เหลียนซวงก็รีบหยุดความคิดที่ไร้สาระนี้ทันทีกฎระเบียบในวังเคร่งครัดยิ่งนัก ไม่อาจเทียบกับในค่ายทหารที่สามารถพูดคุยกับบุรุษอย่างไรก็ได้เมื่อเฟิ่งจิ่วเหยียนกำลังจะจากไป รุ่ยอ๋องพลันเอ่ยปากแสดงความเป็นห่วงออกมา“การประหารเมื่อวานนี้พี่สะใภ้ได้รับความตระหนกหรือไม่? ”เฟิ่งจิ่วเหยียนที่จดจ่ออยู่กับความคิดตอบกลับอย่างกลัวพิกุลจะร่วงว่า “ไม่”“เมื่อวานยามที่พี่สะใภ้ปราบพยศม้าตัวนั้น ข้าบังเอิญเห็นเข้าพอดี ท่านฝีมือดียิ่ง ที่จริงแล้วฝ่าบาททรงโปรดสตรีที่มีทักษะการขี่ม้า พี่สะใภ้เริ่มต้นจากเรื่องนี้ดู บางทีอาจจะได้รับความโปรดปราน”น้ำเสียงของรุ่ยอ๋องอ่อนโยนนุ่มนวลราวก

  • แม่ทัพหญิงปราบพยศฮ่องเต้ร้าย   บทที่ 11

    น้ำกระเซ็นตามจังหวะคนที่ถูกยกขึ้น จนเกิดเป็นคลื่นกระเพื่อมไหวเฟิ่งจิ่วเหยียนใช้มือทั้งสองข้างปิดร่างกายส่วนหน้าไว้ทันทีทว่าด้านหลังของนาง กลับเปิดเปลือยไปทั้งกายร่างกายไม่ได้อ้อนแอ้นเกินเหตุ สายตาของเซียวอวี้ทอดมองไปยังบริเวณบั้นเอวของเฟิ่งจิ่วเหยียนบั้นเอวของนางไม่มีรอยช้ำใด ๆ จากฝ่ามือซ้ำยังเกลี้ยงเกลา และแน่นกระชับคิ้วคมของเซียวอวี้มุ่นเข้าหากัน ม่านตาทอแววเยือกเย็นไม่เลือนหายฝ่ามือของเฟิ่งจิ่วเหยียนร้อนผ่าว บริเวณหน้าผากมีเหงื่อเม็ดเล็ก ๆ ผุดขึ้นมาเต็มเมื่อครู่เพราะความฉุกละหุก นางจึงใช้ลมปราณสลายเลือดคลั่งแต่เนื่องจากเป็นระยะเวลาสั้น ๆ จึงเสียพลังภายในไปไม่น้อยในตอนนี้นางจึงอ่อนแรงแต่ฮองเต้ทรราชไม่ล้มเลิกความสงสัยที่มีง่าย ๆวินาทีต่อมา เขาก็รวบเอวของนางด้วยฝ่ามืออันใหญ่ นิ้วโป้งทาบลงตรงบั้นเอวของนาง แล้วออกแรงกด...“อื้อ!” เฟิ่งจิ่วเหยียนรู้สึกเจ็บแปล๊บถึงขั้วกระดูก จึงส่งเสียงอื้ออึงในลำคอออกมาอย่างอดไม่ได้ต่อมานางก็ไม่กล้าแสดงอาการอะไรออกมา เพียงอดกลั้นไว้ชายหนุ่มด้านหลังเอ่ยถามด้วยน้ำเสียงเย็นเหยียบ“บาดเจ็บที่เอวหรือ?” นางส่ายหน้า “เปล่า เหตุใ

  • แม่ทัพหญิงปราบพยศฮ่องเต้ร้าย   บทที่ 12

    ณ ห้องทรงพระอักษรเซียวอวี้กำลังตรวจตราราชสารอยู่พลันหยุดชะงัก นัยน์ตาทอแววเยือกเย็น“นางอยากได้ตราประทับทอง?”ขันทีผู้มากราบทูลพลันสะอึก“พ่ะย่ะค่ะ ฝ่าบาท พระนางเสด็จมาขอเข้าเฝ้าอยู่นอกตำหนัก เพื่อตราประทับทอง”แต่ว่าตราประทับทองอยู่กับหวงกุ้ยเฟยเช่นนี้ไม่เท่ากับว่าฮองเฮาตั้งใจจะหาเรื่องหรอกหรือ!เหงื่อเย็น ๆ ผุดขึ้นมาตามหน้าผากของขันที เพราะกลัวว่าตนเองจะถูกฝ่าบาทบันดาลโทสะใส่บนม่านกั้นหลังบัลลังก์มังกร สะท้อนเกิดเป็นร่างเงาใบหน้าของเซียวอวี้เลือนราง ดวงตาคู่เรียวยาวดุจเหยี่ยว ทอแววคมกริบอันตราย“ไปบอกนาง หากยังไม่เจียมตัวเช่นนี้ต่อไป เราจะปลดนางลงจากฮองเฮาเสีย”“บ่าวน้อมรับคำบัญชาพ่ะย่ะค่ะ!”……บริเวณนอกห้องทรงพระอักษรสายตาของเฟิ่งจิ่วเหยียนเรียบนิ่ง  ไม่โกรธไม่ยินดี ราวกับละทางโลกไปแล้วยามที่ขันทีตรงหน้าบอกกล่าวคำตรัสของฮ่องเต้เสร็จ จึงโน้มน้าวนางเสริม “ฮองเฮา เชิญท่านกลับไปเถอะพ่ะย่ะค่ะ“หวงกุ้ยเฟยเป็นผู้ใช้ตราประทับทองมาโดยตลอด ฝ่าบาทมิอาจยึดคืนกลับมาจากนางได้หรอกพ่ะย่ะค่ะ“นอกเสียจากว่าหวงกุ้ยเฟยไม่ต้องการมันแล้ว”เหลียนซวงได้ยินถ้อยคำนี้ พลันโมโหโทโสแ

  • แม่ทัพหญิงปราบพยศฮ่องเต้ร้าย   บทที่ 13

    ณ ตำหนักหลิงเซียว หวงกุ้ยเฟยกำลังเจ็บปวดทรมาณเพราะอาการปวดหัวภายในตำหนัก หมอหลวงกำลังฝังเข็มคลายอาการให้นางบนเก้าอี้พระที่นั่งทำจากไม้จันทร์แดงนอกตำหนัก มีจักรพรรดิผู้ทรงอำนาจ นั่งขมวดคิ้วอยู่บนนั้น“คนที่ส่งไปตำหนักหย่งเหอล่ะ!”สิ้นคำพูดเพียงเสี้ยววิ  ข้าหลวงผู้นั้นก็พรวดพราดเข้ามาอย่างลุ้มลุกคลุกคลาน“ฝ่าบาท! ฮองเฮาทรงตรัสว่า ยานั้นเหลืออยู่ไม่มาก ไม่สามารถให้ได้…”ดวงตาของเซียวอวี้ทอแววคมกริบ ราวใบมีด ให้ความรู้สึกเหมือนความตายมารออยู่ข้างหลัง“ไปเรียกฮองเฮามา!”เมื่อจักรพรรดิพิโรธ ย่อมไม่มีผู้ใดกล้าชักช้าไม่นานหลังจากนั้น ข้าหลวงและขันทีที่ถูกส่งไปครั้งที่สองก็กลับมาขันทีคุกเข้าบนพื้นทูลรายงานอย่างกระอึกกระอัก“ฝ่าบาท พระนาง…ทรงพักผ่อนแล้วพ่ะย่ะค่ะ”เพล้ง!เซียวอวี้สะบัดชายเสื้อ ปัดแก้วชาบนโต๊ะแตกกระจายเขาผุดตัวลุกขึ้น กล่าวด้วยเสียงเยือกเย็น“เตรียมขบวนรถม้าไปที่ตำหนักหย่งเหอ”ส่วนด้านในตำหนัก หวงกุ้ยเฟยเจ็บปวดแทบเป็นแทบตาย พร่ำร้องเรียกหา “ฝ่าบาท” ไม่หยุดก่อนที่ฮ่องเต้จะเสด็จก็กลับเข้ามาในตำหนัก แล้วปลอบโยนนาง“สนมรักอดทนไว้นะ เราจะกลับมาในอีกไม่ช้า”ฮ่อง

  • แม่ทัพหญิงปราบพยศฮ่องเต้ร้าย   บทที่ 14

    ณ ตำหนักฉือหนิงไทเฮาดูใจดีมีเมตตา  ทว่าทุกคำที่เอื้อนเอ่ยออกมากลับมีแบบแผนเป็นขั้นเป็นตอน“ฮองเฮา ตอนนี้เจ้าถือครองตราประทับทองอยู่ในมือ ไม่ว่าจะจัดการเรื่องอันใดในวังหลัง ก็คงสะดวกยิ่งขึ้น“อาทิเช่นรายชื่อของนางสนมอุ่นเตียง คงถึงเวลาจัดการให้เป็นระบบระเบียบแล้ว“กลุ่มที่เพิ่งเข้ามาใหม่ไม่ใช่ปัญหาใหญ่ แต่เหล่านางสนมที่เข้าวังมาเนิ่นนานแล้วคงมิอาจรีรอได้อีกต่อไป“โดยเฉพาะ ‘คนเก่า ๆ’ เฉกเช่นเสียนเฟยและหนิงเฟย อย่าได้ปล่อยให้พวกนางเหน็บหนาวหัวใจเชียว“หากเจ้าทำให้ฝ่าบาทมอบความเมตตาแก่ทุกคนอย่างทั่วถึง นางสนมเหล่านั้นจักเคารพเจ้าเป็นแน่ และจะเชื่อฟังเจ้าแต่เพียงผู้เดียว“เมื่อเป็นเช่นนี้ เจ้าก็จะสามารถควบคุมวังหลังได้ง่ายกว่าเดิม…”เฟิ่งจิ่วเหยียนผงกหัวตอบรับ“เสด็จแม่พูดถูกเพคะ“คราที่หม่อมฉันยังอยู่ในจวน ก็ได้ฟังท่านแม่พร่ำสอนอยู่บ่อยครั้ง หากภายในเรือนสงบสุข ประมุขย่อมจัดการเรื่องภายนอกได้อย่างสบายใจ นี่คือหลักการเป็นภรรยา”ไทเฮาพยักหน้าอย่างปลื้มใจ“ในเมื่อฮองเฮาทราบถึงหลักการนี้ ข้าก็สบายใจ”เมื่อออกมาจากตำหนักฉือหนิง เหลียนซวงก็รีบกล่าวเตือนเฟิ่งจิ่วเหยียน“พระนาง ไทเฮ

  • แม่ทัพหญิงปราบพยศฮ่องเต้ร้าย   บทที่ 15

    ไทเฮาถามข้าหลวงที่มาทูลรายงาน “ตกลงมันเกิดอะไรขึ้น? ไฉนอยู่ดี ๆ ถึงทะเลาะกันขึ้นมาล่ะ? ใครเป็นคนเริ่ม?”ข้าหลวงผู้นั้นตอบกลับ“พระสนมทั้งหลาย…พวกนาง พวกนางไม่พอใจหนิงเฟย เริ่มแรกเพียงทะเลาะกันด้วยฝีปากเท่านั้น ทว่าต่อมาก็เริ่มลงไม้ลงมือ หนิงเฟยถูกล้อมไว้หลายคน ไร้เรี่ยวแรงเอาคืน…” “เป็นเช่นนี้หรือ!” เมื่อครู่ไทเฮายังนิ่งดูดาย แต่พอได้ยินว่าหลานสาวของตนเสียเปรียบ พลันกังวลขึ้นมาทันที“ฮองเฮาล่ะ! หรือว่าฮองเฮาแค่ดูเฉย ๆ!”……ตำหนักหย่งเหอหนิงเฟยผู้คาบช้อนเงินช้อนทองมาเกิด ไหนเลยจะเคยถูกกระทำเช่นนี้ตั้งแต่ที่เข้าวังมา ฝ่าบาทไม่เคยเอ็นดูเมตตานาง ปล่อยให้คนที่เคยงดงามในวัยเยาว์เช่นนางกลายเป็นสตรีทึนทึกตอนนี้ไม่ว่าผู้ใดต่างก็กล้าเหยียบย่ำนาง ว่านางไม่คู่ควรกับตำแหน่ง ดีแต่พึ่งพาบารมีผู้เป็นป้านางจึงทนไม่ไหวเป็นธรรมดาส่วนใครเป็นคนลงไม้ลงมือ นางไม่รู้จริง ๆรู้แค่ว่าจู่ ๆ ก็มีเสียงคนกรีดร้อง จากนั้นก็มีคนมาล้อมนางไว้โดยพลันบ้างดึงผมนาง บ้างกระชากอาภรณ์ของนาง ถึงขั้นมีคนถุยน้ำลายใส่นางด้วยซ้ำ!!!หนิงเฟยจึงแทบเสียสติเมื่อเฟิ่งจิ่วเหยียนเห็นภาพนี้ สีหน้าพลันเคร่งขรึมตอนที

  • แม่ทัพหญิงปราบพยศฮ่องเต้ร้าย   บทที่ 16

    ห้องมืดใต้ดินที่คับแคบ ได้เจอกันเพราะโลกกลมหากเจ้าไม่ตายก็ข้าตายตาคิ้วคมของชายหนุ่ม แววตาแคบลง รัศมีสังหารนั้น อันตรายอย่างยิ่งเฟิ่งจิ่วเหยียนไม่ได้สวมชุดดำ ไม่ได้คลุมหน้าหากไม่มั่นใจว่าจะสามารถฆ่าเขาได้ในคราวเดียว ก็นิ่งไว้ รอจังหวะบุกโจมตี ไม่เช่นนั้นหากถูกเปิดเผยความจริงว่านางมีวรยุทธ ก็จะถูกเปิดเผยสถานะนักฆ่ายิ่งไปกว่านั้น นางไม่เหมือนกับฮ่องเต้ทรราช ไม่มีความชอบเข่นฆ่าผู้บริสุทธิ์คนคนนี้แค่ทำตามคำสั่ง ไม่ใช่คนชั่วช้าอำมหิตหัวสมองของนางครุ่นคิดอย่างรวดเร็ว หาวิธีว่าจะเอาตัวรอดออกไปยังไง“เจ้าเป็นใคร มาอยู่ที่นี่ได้อย่างไร?”สายตาเซียวอวี้เยือกเย็นที่แท้ ฮองเฮาไม่รู้ว่าเขาเป็นใครก็ใช่ พวกเขาเคยเจอกันแค่สองครั้งวันแต่งงานคืนแรก ในมุ้งไร้แสงไฟคืนวันจับตัวนักฆ่า เขาอยู่ข้างหลังนาง นางยืนอยู่ในถังอาบน้ำ หันหลังให้กับเขาตลอด ไม่ได้หันมามองดูเขาเลยนางไม่รู้ว่าจริง ๆ ว่า เขารูปร่างหน้าตาเป็นอย่างไรแต่ในเมื่อฮองเฮารู้ความลับของเขา งั้นก็เก็บไว้ไม่ได้“รนหาที่ตาย...”เสียงของเขาค่อนข้างแหบ เหมือนเคยถูกไฟเผาเฟิ่งจิ่วเหยียนนิ่งอยู่กับที่ เตรียมพร้อมกับการต่อสู้

  • แม่ทัพหญิงปราบพยศฮ่องเต้ร้าย   บทที่ 17

    สายตาเฟิ่งจิ่วเหยียนเยือกเย็นนางไม่ยอมพูดอธิบายอะไรมาก...ต่อให้อยากถอนพิษวารีสวรรค์นี้ ก็ไม่สามารถทำได้เลยในทันที จะต้องขึ้นอยู่กับสถานการณ์ของผู้ถูกพิษด้วย เว้นช่วงสักพักหนึ่งทำการฝังเข็มหนึ่งครั้ง การถอนพิษในคราวเดียว ก่อนอื่นทำไม่ได้ อย่างรอง ผู้ถูกพิษก็รับไม่ไหว“บอกข้ามาก่อน คนวางยาพิษคือใคร”ข่มขู่เขา?เซียวอวี้พูดขึ้นมาด้วยน้ำเสียงแฝงไปด้วยความมีอํานาจ“ถอนพิษก่อน”ทั้งสองคนต่างยืนหยัด เพียงเพราะต่างไม่เชื่อใจกันและกันชายหนุ่มพูดขึ้นมาด้วยสายตาเย็นชาว่า “ไม่ถอนพิษนี้ เจ้าก็ไม่ต้องออกไปแล้ว...”นางรู้ความลับของตนเอง เดิมเขาก็ไม่คิดที่จะเก็บนางไว้ได้ยินเช่นนี้ สายตาเฟิ่งจิ่วเหยียนเยือกเย็นชาตอบแทนคุณด้วยความเนรคุณ!ทันใดนั้น สายตาของนางมองไปบนเตียงหยกขาวแล้วก็พบว่า ดูเหมือนกลไกจะอยู่บนเตียง!หลังจากนางกดลง ข้างบนก็ปรากฏทางออกมาจริง ๆ ทันทีนั้น นางไม่รีรอ ใช้วิชาตัวเบาออกมาจากห้องลับนั่นทันที และก็ไม่คิดเรื่องที่จะถอนพิษให้กับคนคนนั้นอีกเซียวอวี้ขมวดคิ้วแน่น รีบตามนางออกมาแต่นางรวดเร็วอย่างมาก หายไปกับความมืดในพริบตาเดียวองครักษ์หลายคนเพิ่งรู้สึกตัว พร้อมร

Latest chapter

  • แม่ทัพหญิงปราบพยศฮ่องเต้ร้าย   บทที่ 1022

    หลิวอิ๋งดิ้นรนเหมือนคนบ้า“ปล่อยข้า! ข้าเป็นน้องสาวแท้ ๆ ของท่านประมุขนะ! ข้าจะไปพบท่านพี่! พวกเจ้าจะทำร้ายท่านพี่ของข้า!”“ขุนนางรัก รีบหยุดพวกเขาเร็ว!“พวกเขาต้องมีเจตนาร้ายแน่!”ยามนี้เหล่าขุนนางต่างไม่เข้าใจว่าเกิดอะไรขึ้นกันแน่ต่อให้พวกนางอยากจะช่วย ก็ยังต้องดูด้วยว่าตนมีความสามารถที่จะช่วยหรือไม่แม่ทัพใหญ่ทั้งสี่มีอำนาจคุมกองทัพ รวมกับฮองเฮาแคว้นหนานฉีเองก็อยู่ที่นี่ จะให้สู้อย่างไรเล่า?อีกทั้งประมุขคนใหม่นี้มีเหตุผลชอบธรรมจริงหรือไม่ ก็ยังต้องพิจารณากันอีกที!หากนางไม่ใช่ซู่ยวนจริง ๆ พวกนางจะไม่กลายเป็นประสงค์ดีแต่ดันทำเรื่องไม่ดีลงไป แล้วช่วยคนชั่วทำความผิดหรอกหรือ?เสียงโวยวายของหลิวอิ๋ง เฟิ่งจิ่วเหยียนทำเป็นเอาหูไปนาเอาตาไปไร่นางสั่งทุกคนอย่างหนักแน่น“แม่ทัพหู ท่านดูแลท้องพระโรงให้ดี“แม่ทัพอีกสามท่านแยกกันเฝ้าประตูวัง ไม่อนุญาตให้ผู้ใดเข้าออกทั้งสิ้น ป้องกันไม่ให้สายลับของแคว้นอื่นฉวยโอกาสสร้างความวุ่นวาย“มั่วซินหมัวมัว พาขุนนางคนสนิทสองสามคนตามข้าไปพบท่านประมุข”“เพคะ!” หูย่วนเอ๋อร์และมั่วซินหมัวมัวตอบรับคำสั่งขุนนางบุ๋นบู๊ที่เหลือเห็นเช่นนี้ก็รู้สึกสั

  • แม่ทัพหญิงปราบพยศฮ่องเต้ร้าย   บทที่ 1021

    บนบัลลังก์มังกร หลิวอิ๋งมองเฟิ่งจิ่วเหยียนที่กำลังได้เปรียบแล้วฝืนยิ้ม“ที่แท้ก็เป็นเรื่องเข้าใจผิดนี่เอง ถึงอย่างไรความจริงก็เป็นเรื่องภายในของแคว้นซีหนี่ว์ แคว้นหนานฉี...”เฟิ่งจิ่วเหยียนขัดจังหวะหลิวอิ๋งที่กำลังพูดด้วยแววตาเย็นชา“ข้าจะพบประมุขแคว้น”หลิวอิ๋งซ่อนเจตนาไม่ดีไว้ในรอยยิ้ม“ข้าบอกแล้วไม่ใช่หรือ ประมุขแคว้นทรงสวรรคตแล้ว ยามนี้ยังไม่ได้ประกาศออกไป เพราะกลัวว่าในแคว้นจะเกิดความวุ่นวาย หากพวกเจ้าไม่เชื่อก็รีบไปที่ตำหนักบรรทมสิ ประมุขแคว้น...ทรงอยู่ในโลงแล้ว”“อะไรนะ!” ปฏิกิริยาของมั่วซินหมัวมัวรุนแรงมากหลิวอิ๋งแสร้งแสดงท่าทีเสียใจ ใช้มือหนึ่งปิดใบหน้า ไหล่สั่นสะท้าน ราวกับกำลังสะอึกสะอื้นด้วยความเศร้านางก้มศีรษะลงครึ่งนึง แล้วกล่าวเสริมว่า“เหล่าขุนนางรักเอ๋ย ไม่ใช่ว่าข้าต้องการปิดบังพวกท่าน ทว่านี่เป็นเรื่องกะทันหัน ภายในก็วุ่นวาย ภายนอกศัตรูรุกราน ข้าไม่กล้าพูดออกมา“วันนี้ กบฏมั่วซินกลับเดินเข้ามาติดกับดักด้วยตนเอง ในที่สุดวิญญาณของท่านพี่ที่อยู่บนสวรรค์ ก็ได้ตายตาหลับเสียที“ท่านพี่...”นางร้องไห้เสียใจ ทำให้เหล่าขุนนางร้องตามไปด้วย“ท่านประมุข!”มั่วซินห

  • แม่ทัพหญิงปราบพยศฮ่องเต้ร้าย   บทที่ 1020

    เหล่าขุนนางของแคว้นซีหนี่ว์ล้วนรู้ดี มั่วซินหมัวมัวเป็นคนเก่าแก่ข้างกายประมุข ได้รับความไว้วางใจจากประมุขเป็นอย่างมากคำพูดของนาง น่าจะไม่ผิดทว่า ใต้เท้าซู่ยวนคนนี้ เป็นน้องสาวแท้ ๆ ของประมุข...ชั่วขณะหนึ่ง ทุกคนไม่รู้ว่าควรจะเชื่อใครมั่วซินกล่าวหาว่าสถานะซู่ยวนเป็นตัวปลอม ซู่ยวนก็กล่าวหาว่ามั่วซินกบฏ ทั้งสองฝ่ายต่างก็มีความคิดเห็นของตนเองจนเฟิ่งจิ่วเหยียนออกมาพูด“เหตุใดไม่ให้ประมุขทรงตรัสด้วยตนเอง?”เมื่อพูดออกมาเช่นนี้ สายตาหลิวอิ๋งฉายแววความโหดร้าย“ข้าไม่มีทางให้พวกเจ้าทำร้ายพี่สาว! พวกเจ้าเป็นโจรกบฏ อย่าคิดที่จะได้พบประมุข! ทหาร จัดการพวกนาง!”“ข้าจะดูว่าใครกล้าลงมือ!” แม่ทัพใหญ่หูย่วนเอ๋อร์ออกมายืนด้านหน้า ปกป้องเฟิ่งจิ่วเหยียนกับมั่วซินหมัวมัวหลิวอิ๋งตำหนิหูย่วนเอ๋อร์“แม่ทัพหู เจ้าก็คิดจะกบฏหรือ! เห็นแก่ที่พวกเจ้าไม่รู้ความจริง ถูกคนหลอกลวง ข้าให้โอกาสพวกเจ้าเป็นครั้งสุดท้าย รีบมายืนฝั่งข้า! จับกุมตัวโจรกบฏ!”หูย่วนเอ๋อร์พูดขึ้นมาอย่างเคร่งขรึม“ต่อให้จะลงโทษใคร ก็ควรให้ประมุขตัดสิน! ใต้เท้าซู่ยวน ประมุขอยู่ที่ใด!”หลิวอิ๋งเห็นว่าคนพวกนี้ไม่ฟังคำพูดตนเอง บีบ

  • แม่ทัพหญิงปราบพยศฮ่องเต้ร้าย   บทที่ 1019

    ในพระราชวัง แคว้นซีหนี่ว์หลิวอิ๋งพาประมุขกลับวังอย่างเปิดเผย เหล่าข้าหลวงล้วนเคารพนาง ไม่สงสัยในตัวนางเพื่อไม่ให้ประมุขเปิดปากขอความช่วยเหลือ หลิวอิ๋งให้นางทานยาสลบ ทำให้นางตกอยู่ในสภาวะหมดสติเทียบกับความใจเย็นของหลิวอิ๋ง เจิ้งจีรู้สึกตื่นเต้น ไม่กล้ามองผู้ใดจนกระทั่งพาประมุขส่งมาถึงตำหนักบรรทม หลังจากสั่งให้ข้าหลวงทั้งหมดออกไปแล้ว เจิ้งจีค่อยถามด้วยเสียงเบา“ท่านแม่ เราทำเช่นนี้ จะไม่มีใครรู้จริง ๆ หรือ?”หลิวอิ๋งมองประมุขบนเตียง ด้วยแววตาโหดเหี้ยม“นางใกล้จะตายแล้ว ตำแหน่งประมุข ไม่ช้าก็จะเป็นของข้า ขอเพียงข้าควบคุมทั่วทั้งแคว้นซีหนี่ว์ ก็จะไม่มีใครกล้าเป็นศัตรูกับข้า!”เจิ้งจียังคงรู้สึกหวาดกลัวหวนคิดถึงเมื่อไม่นาน นักฆ่าพวกนั้นบุกเข้ามาในจวนชานเมือง สังหารองครักษ์ข้างกายประมุข แล้วก็ปลอมเป็นองครักษ์ ร่วมมือกับพวกนาง พาประมุขกลับวังตอนนี้ นักฆ่าพวกนั้นก็อยู่ในวัง กระทั่ง คอยจับตามองอยู่ข้างกายพวกเขาต่อให้ท่านแม่เป็นประมุข ก็จะสามารถสบายใจไม่ทุกข์ไม่ร้อนจริงหรือ?“ท่านแม่ เรื่องนี้เป็นเรื่องใหญ่มาก ข้ากลัว”น้ำเสียงเจิ้งจีสั่นเทาหลิวอิ๋งลูบใบหน้านาง พูดเตือนนาง

  • แม่ทัพหญิงปราบพยศฮ่องเต้ร้าย   บทที่ 1018

    ในพระราชโองการที่ประมุขแคว้นซีหนี่ว์ให้กับเฟิ่งจิ่วเหยียนนั้น เขียนบันทึกไว้อย่างชัดเจน ขอเพียงนางยินยอม ก็สามารถเป็นประมุขแคว้นซีหนี่ว์ได้ทุกเมื่อเฟิ่งจิ่วเหยียนถือพระราชโองการไว้ ในใจรู้สึกว้าวุ่นตลอดเวลาที่ผ่านมา นางคิดเพียงว่าตนเองคือคนของแคว้นหนานฉี เพื่อปกป้องแผ่นดิน ตายอยู่บนสนามรบ ก็ไม่ตำหนิเสียใจทว่าตอนนี้...ประมุขแคว้นซีหนี่ว์รู้นิสัยของนางเป็นอย่างดี รู้ว่านางไม่มีทางรับอำนาจปกครองแคว้นซีหนี่ว์“เด็กดี พระราชโองการฉบับนี้ เป็นสิ่งรับประกันที่ป้าให้กับเจ้า ให้อนาคตเจ้ามีทางถอย”บนโลกนี้ การมีชีวิตอยู่ของสตรีนั้นยากลำบากมีเพียงแคว้นซีหนี่ว์ เป็นผืนแผ่นดินของสตรีในความรู้สึกส่วนตัว นางยังคงคาดหวังให้จิ่วเหยียน สามารถกลับมาสู่ตระกูลทว่าอย่างไรนี่ก็เป็นเพียงความหวังจิ่วเหยียนกับฮ่องเต้ฉีเป็นสามีภรรยาที่รักใคร่กัน กำลังเป็นช่วงเวลาที่ตัวติดกันเป็นปาท่องโก๋ แยกจากกันไม่ได้นายหญิงเฟิ่งคาดเดาได้ว่าในพระราชโองการมีอะไร สีหน้าแสดงออกถึงตกตะลึง“พี่สาว ท่านคิดอยากที่จะ...”ประมุขพูดขัดนาง“ซู่ยวน ให้เด็กตัดสินใจเองเถอะ”จากนั้นก็หันไปสั่งมั่วซิน“เราเหนื่อยแล้ว

  • แม่ทัพหญิงปราบพยศฮ่องเต้ร้าย   บทที่ 1017

    อารมณ์ประมุขแคว้นซีหนี่ว์แปรปรวนอย่างมาก บวกกับความปรารถนาที่เฝ้ารอคอยมานานเป็นจริง...การได้หาเจอน้องสาวที่แท้จริง เหมือนเชือกที่รัดแน่น ขาดกะทันหัน ร่างกายทนรับไม่ไหวในที่สุดหมอหลวงผู้ติดตามเฝ้าอยู่ด้านข้างเตียง ให้การรักษาอย่างเร่งด่วนด้านนอกห้อง เฟิ่งจิ่วเหยียนรออยู่เป็นเพื่อนนายหญิงเฟิ่งนายหญิงเฟิ่งยังคงถามย้ำอยู่หลายรอบ“จิ่วเหยียน ข้าคือซู่ยวนจริง ๆ หรือ? คราวนี้ไม่ได้ตรวจสอบผิดจริง ๆ หรือ?”เฟิ่งจิ่วเหยียนอดทน เล่าความจริงกับนางฟังซ้ำแล้วซ้ำเล่าต่อให้นายหญิงเฟิ่งเตรียมใจตั้งแต่แรก ก็ยังคงไม่สามารถยอมรับสิ่งที่เปลี่ยนแปลงนี้จากที่นางเป็นคนแคว้นหนานฉี กลายเป็นคนแคว้นซีหนี่ว์ กระทั่งยังกลายเป็นน้องสาวของประมุขทว่าลูกชายลูกสาวของนาง ล้วนอยู่ที่แคว้นหนานฉีต่อไปนางจะทำอย่างไร?และพี่สาวที่นางเพิ่งรู้ความจริง เวลานี้ยังคงเสี่ยงอยู่ตรงประตูนรก...นายหญิงเฟิ่งรู้สึกใจหาย จิตใจกระสับกระส่ายเฟิ่งจิ่วเหยียนจับมือของนางไว้แน่น ปลอบโยนอย่างไร้เสียงนายหญิงเฟิ่งเอียงศีรษะมองนาง แล้วค่อยผ่อนคลายเล็กน้อย“จิ่วเหยียน ประมุขจะไม่เป็นอะไรใช่หรือไม่?”เฟิ่งจิ่วเหยียนไม่สามารถใ

  • แม่ทัพหญิงปราบพยศฮ่องเต้ร้าย   บทที่ 1016

    ก่อนที่ชายลึกลับจะปล่อยเจิ้งจี ได้ป้อนยาเม็ดหนึ่งใส่ปากของนางเจิ้งจีอยากคายออกมา กลับถูกเขาบีบคางไว้ ยังเม็ดนั้นจึงไหลลงคอไปหลิวอิ๋งมองเห็นกับตา ร้อนรุ่มอยู่ในใจ“เจ้าเอาอะไรให้นางกิน!”ฝ่ายชายพูดขึ้นมาอย่างสบายอารมณ์ “แน่นอนว่าเป็นยาพิษ ชีวิตลูกสาวของเจ้าอยู่ในมือพวกเรา”สายตาเจิ้งจีเต็มไปด้วยความหวาดกลัวนางกลัวตายนางอยากมีชีวิตอยู่“ท่านแม่ ท่านแม่ช่วยข้าด้วย!”ท่าทีหลิวอิ๋งเต็มไปด้วยความโกรธ“ข้าได้ตอบตกลงทำงานให้พวกเจ้าแล้ว ไยยังต้องทำร้ายลูกสาวข้า! ยาถอนพิษล่ะ! ยาถอนพิษอยู่ที่ใด?”ฝ่ายชายหัวเราะเสียงดัง“ยาถอนพิษ? จะให้เจ้าตอนนี้ได้อย่างไร? หลังจากทำงานสำเร็จแล้ว พวกเจ้าสองแม่ลูกก็จะปลอดภัยเอง ทว่าตอนนี้ พวกเจ้าว่าง่ายเชื่อฟังจะดีที่สุด!”แววตาของเขาเต็มไปด้วยความโหดเหี้ยม ฆ่าคนได้อย่างไม่กะพริบตาหลิวอิ๋งเกลียดแค้นจัดทว่า ถูกคนอื่นควบคุม ทำได้เพียงก้มหัว……แคว้นซีหนี่ว์ช่วงเวลานี้ อาการป่วยของประมุข ไม่มีร่องรอยว่าจะดีขึ้นเลยสุขภาพของนานย่ำแย่อย่างมาก แม้แต่ยาก็ไม่สามารถย่อยได้ส่วนงานราชกิจ นางมอบหมายให้กับขุนนางหลายคนที่ไว้ใจนางใช้ข้ออ้างไปรักษาตัว

  • แม่ทัพหญิงปราบพยศฮ่องเต้ร้าย   บทที่ 1015

    เมื่อเทียบกับบุตรสาวที่มีความมั่นใจ หลิวอิ๋งกลับมีแต่ความกังวลใจนางรู้สึกอยู่ตลอดว่า เรื่องทั้งหมดแฝงกลิ่นอายความไม่ชอบมาพากลโดยเฉพาะกับราชทูตเหล่านั้นที่หายตัวไปอย่างกะทันหัน...เพล้ง!ขณะที่สาวใช้ยกน้ำชาออกมา เจิ้งจีสะบัดแขนเสื้อแรงเกินไป จึงมิทันระวังทำถ้วยชาหก จนลวกมือตนเองก่อนหน้านี้เจิ้งจีอยู่ที่พระราชวังแคว้นซีหนี่ว์ เป็นนายที่ผู้คนมากมายต้องให้ความเคารพ หากมีสิ่งใดมิราบรื่นเพียงเล็กน้อย จะมิยอมทนเด็ดขาด ตอนนี้แทบจะกลายเป็นสัญชาตญาณ นางจึงฟาดฝ่ามือออกไปอย่างทันควัน“เพียะ!” สาวใช้ปรากฏรอยแดงบนใบหน้าขึ้นมาทันที พลันรีบก้มศีรษะและขออภัยเจิ้งจีตอบโต้ฉับไว: “พวกรนหาที่ตาย ยกชาไม่เป็นหรืออย่างไร? มือข้าถูกลวกจนเป็นแผลแล้ว รีบไปนำยามาเดี๋ยวนี้!”หลิวอิ๋งรู้สึกหงุดหงิดใจ จึงตำหนิบุตรสาว“พอแล้ว แค่เรื่องเล็กน้อยเท่านั้น”ถึงอย่างไรก็เป็นจวนขององค์หญิงใหญ่เจิ้งจีรู้สึกคับแค้นใจ จึงยื่นมือไปตรงหน้ามารดา“ท่านแม่ เป็นเรื่องใหญ่แล้วเจ้าค่ะ! ท่านดูมือของข้าสิ! ประเดี๋ยวก็ต้องเข้าวังไปพบฝ่าบาทแล้ว มือของข้ากลายเป็นเช่นนี้ ฝ่าบาททรงมิพอพระทัยจะทำอย่างไร!”มือนับเป็นใบหน้าที่

  • แม่ทัพหญิงปราบพยศฮ่องเต้ร้าย   บทที่ 1014

    หนานฉี เมืองหลวงหลิวอิ๋งยังคงมิได้ข่าวคราวของราชทูตคนอื่น ๆ ในใจยิ่งกระวนกระวายในช่วงหลายวันที่ผ่านมานางวนเวียนไปที่จวนรุ่ยอ๋อง เพื่อสอบถามความคืบหน้าทว่า บัดนี้ก็ยังมิได้รับข่าวคราวใด ๆภายในโรงพักแรมเจิ้งจีเห็นมารดากลับมา คำพูดแรกมิใช่แสดงความห่วงใย แต่เป็นการเร่งรัด“ท่านแม่ ฝ่าบาทเสด็จกลับวังแล้ว เมื่อใดพวกเราถึงจะได้เข้าวัง?”สีหน้าหลิวอิ๋งอยู่ในอาการเหม่อลอยเจิ้งจีถามอีก: “ท่านป้ายังมิได้ตอบจดหมายพวกเรา และส่งสาส์นตราตั้งฉบับใหม่มาให้อีกหรือเจ้าคะ? ท่านแม่?”หลิวอิ๋งเรียกสติกลับมา พลันกุมมือบุตรสาวไว้แน่น“ท่านป้าของเจ้ามิมีทางเมินเฉยพวกเรา ถึงอย่างไรข้าก็เป็นน้องสาวแท้ ๆ ของนาง! พวกเราจะเข้าวังไปพบฝ่าบาทได้เลยโดยตรง!”เดิมคิดว่ารุ่ยอ๋องมีความสามารถที่จะตามหาราชทูตได้ มิคาดคิดว่า เขาที่ดูเหมือนเป็นคนเข้าหาได้ง่าย ที่จริงแล้วกลับรับปากนางแบบขอไปทีตลอดสองแม่ลูกจึงมุ่งหน้าไปยังพระราชวังเพื่อขอเข้าเฝ้าฮ่องเต้ภายในวังเซียวอวี้เพิ่งกลับเข้าวัง ขณะกำลังตรวจดูสาส์นกราบทูลในห้องทรงพระอักษร องครักษ์ก็เข้ามารายงาน---หลิวอิ๋งคนที่อ้างว่าเป็นราชทูตแคว้นซีหนี่ว์มาขอเข้าเฝ

Explore and read good novels for free
Free access to a vast number of good novels on GoodNovel app. Download the books you like and read anywhere & anytime.
Read books for free on the app
SCAN CODE TO READ ON APP
DMCA.com Protection Status