Share

บทที่ 367

Author: หอมดังเดิม
ลู่เหิงจือหลังจากออกไปเจ็ดวัน ด่านชายแดนส่งข่าวมาว่าเป่ยตี๋โจมตีเมืองเหลียวสำเร็จ ทหารจะมาถึงเซวียนเฉิงในอีกไม่กี่วันนี้

พอคำนวณเวลา ลู่เหิงจือก็น่าจะใกล้ถึงเซวียนเฉิงแล้ว

น่าจะป้องกันไว้ได้ ซูชิงลั่วนั่งครุ่นคิดอย่างละเอียดที่หน้าต่าง

ช่วงหลายวันนี้นางก็ไม่ได้ว่างเลย

หนึ่งคือมีเรื่องมากมายที่ต้องเตรียมตัว สองคือกลัวว่าพอตัวเองว่างก็จะควบคุมความคิดถึงลู่เหิงจือเป็นพิเศษนี้ไม่ไหว เช่นนั้นก็จะยิ่งรู้สึกแย่ขึ้นไปอีก

นางกลัวว่าพายุลมฝนที่กำลังเข้ามาจะทำให้ท่านย่ารับไม่ไหว จึงใช้เวลาไปเนิ่นนาน กว่าจะกล่อมให้ท่านย่ากลับจินหลิงได้

เหตุผลแรกคือกลัวว่าจะเกิดสงครามขึ้นจริงๆ สองคือหน้าหนาวปีนี้เมืองหลวงหนาวเอามากๆ ไม่ดีต่อการพักฟื้นสุขภาพขดงท่านย่า

ท่านย่าตอนแรกก็ไม่เห็นด้วย นางเองอายุมากแล้ว ไม่อยากจะทำตัวยุ่งยากมากนัก

แต่ซูชิงลั่วก็กล่อมนางเฉียนให้เข้ามาเตือน บ้านสองไม่รู้ว่ามีความคิดอะไรก็ตามเข้ามาเตือนด้วย บ้านสามที่ขลาดเขลาแต่รอบคอบมาโดยตลอด ก็เอ่ยขึ้นมาว่าจะกลับจินหลิงพร้อมกับท่านย่า รอให้เข้าฤดูใบไม้ผลิค่อยกลับเมืองหลวง

ท่านย่าท้ายสุดก็ถูกโน้มน้าว

พอนางเดินทาง ความขัดแย้งกับบ้านส
Continue to read this book for free
Scan code to download App
Locked Chapter

Related chapters

  • แต่งกับขุนนาง   บทที่ 368

    เขาพยักหน้า:"เจ้าเป็นคนมีความคิด อยากไปก็ไปเถอะ"*คดีลู่เหิงจือแย่งภรรยาน้องชายถูกเปิดขึ้นในวันนั้น อากาศเย็นจัด ท้องฟ้าสีเทาขาวมีหิมะโปรยปรายแต่คนที่มาฟังก็ยังคงล้อมหน้าล้อมหลังศาลาว่าการกันไม่ขาดสายลู่เหยียนยืนอยู่บนศาล ใบหน้าดูอ่อนล้า สายตากลับเผยความเหี้ยมเกรียม"คุณชายสี่ลู่เหยียนจากจวนตระกูลลู่คนนี้ดูแล้วก็ไม่เลวนี่นา สุภาพเรียบร้อยดี...""ยังห่างชั้นกับนายท่านอัครมหาเสนาบดีอยู่โข...""ไม่รู้ว่าฮูหยินลู่วันนี้จะมาไหม...""ทำเรื่องงามหน้าขนาดนี้ นางจะกล้ามาได้อย่างไร?""นางไม่มาอัครมหาเสนาบดีลู่ก็ไม่มา แล้วจะพิจารณาคดีกันอย่างไร?"……ไม่รู้ว่าใครตะโกนคำว่า "ฮูหยินลู่ขึ้นมา" กลุ่มคนจึงเงียบลงทันทีซูชิงลั่วอยู่ในชุดกระโปรงขาวแสงจันทร์ ค่อยๆ เดินเข้ามาหิมะพร่างฟ้าและถนนยาวหินดำด้านหลังกลายเป็นฉากหลังให้กับนางทุกคนหลีกเว้นช่องจนเป็นทางขึ้นมานางสวยเหลือเกิน แล้วยังมีความแตกสลายทว่าแข็งแกร่งอย่างบอกไม่ถูก ทำเอาคนไม่อยากใช้คำพูดเสียๆ หายๆ ไปพรรณาใส่ตัวนางเลยทีเดียวคำวิพากษ์วิจารย์จู่ๆ ก็พูดกันไม่ออกตอนที่ใกล้จะเดินเข้าไปยังห้องพิจารณาคดี ในกลุ่มคนจู่ๆ ก็มีก้อนดิ

  • แต่งกับขุนนาง   บทที่ 369

    ลู่เหยียนหน้าผากมีเหงื่อเย็นผุดซึม: "เจ้ามัน....""ใช่สิ" หลิ่วเยียนหรานน้ำเสียงอ่อนโยน แต่กลับเย็นชาราวน้ำแข็ง "ข้าถูกเจ้าขายไปเจียงหนานแล้ว ทำไมจึงมาปรากฏตัวที่นี่ เจ้าอยากจะถามเรื่องนี้สินะ?"ลู่เหยียนหลังเย็นวาบหลิ่วเยียนหรานมองลู่เหยียน น้ำตาก็ไหลพรากลงมา "ลู่เหยียน ข้าเต็มใจเป็นบ้านน้อยให้เจ้า ยอมแบกรับคำก่นด่าจากภายนอกที่บอกว่าข้าไปยั่วยวนเจ้า เจ้าเคยบอกว่าจะรับข้าเป็นอนุภรรยา แต่สุดท้ายกลับแต่งงานกับเฉิงซิ่วแล้วขายข้าไปยังซ่องโสเภณี เจ้ารู้สึกผิดกับข้าบ้างไหม?"ลู่เหยียนถอยหลังไปก้าวหนึ่งอย่างไม่รู้ตัว นั่งพับลงไปบนพื้นหลิ่วเยียนหรานตอนนี้กัดฟัน น้ำตาสองสายร่วงลงมา สั่นไปทั้งตัวจากการระงับความเสียใจไม่อยู่ กระทั่งไม่จำเป็นต้องให้อวี๋ซื่อชิงพิจารณาต่อ ทุกคนแค่มองเป็นนางสภาพนี้ก็เชื่อไปแล้วกว่าแปดส่วนมันดูจริงแท้เสียเหลือเกิน กระทั่งมีคนที่ใจอ่อนเริ่มปาดน้ำตาขึ้นมาอย่างอดไม่อยู่แล้วหลิ่วเยียนหรานคุกเข่าลงกับพื้น บอกที่มาที่หนของเรื่องราวนี้ตอนแรกลู่เหยียนเป็นคนมาเกี้ยวนางก่อน แล้วนางก็ชอบลู่เหยียนจริงๆ จึงไม่ได้ผลักไสลู่เหยียนพูดปาวๆ ว่าไม่ชอบซูชิงลั่ว ซูชิงลั่วทำ

  • แต่งกับขุนนาง   บทที่ 370

    มหรสพเสร็จสิ้น ผู้คนทยอยกันสลายตัวตอนนี้เอง ตรงหน้าจู่ๆ ก็มีคนขี่ม้าเข้ามา ย่ำจนโคลนหิมะบนพื้นกระเซ็น"นั่นมันซ่งเหวินคนใช้ข้างกายอัครมหาเสนาบดีลู่นี่? ม้าตัวนั้นใช่ม้าที่เคยหยิ่งยโสขององค์หญิงอวี้หยางหรือเปล่า?"ซ่งเหวินกลับมาแล้วหรือ? เร็วขนาดนี้เชียว?ซูชิงลั่วลิงโลดขึ้นในใจ และแทบจะขณะเดียวกัน ก็ได้ยินเสียงคนตะโกนรายงานขึ้นมา..."อัครมหาเสนาบดีลู่ได้รับชัยที่เซวียนเฉิงแล้ว ขับไล่พวกเป่ยตี๋ที่รุกเข้ามาเมื่อวันก่อน สังหารศัตรูไปห้าร้อยกว่าคน!"นี่ยังไม่ใช่ชัยชนะครั้งใหญ่ แต่ก็ทำให้คนในเมืองหลวงมั่นใจขึ้นมาไม่น้อย...ถึงอย่างไรก่อนหน้านี้เราก็ไม่เคยชนะเลยแม้แต่ครั้งเดียวชั่วขณะหนึ่ง ทุกคนล้วนชื่นชมลู่เหิงจือกันขึ้นมา"ยังต้องเป็นอัครมหาเสนาบดีลู่จริงๆ ความรอบรู้ทำให้บ้านเมืองสงบ เชิงชั้นต่อสู้ทำให้ชาติมั่นคง!""ต้าฉู่ของพวกเราต้องมีอัครมหาเสนาบดีลู่จริงๆ อัครมหาเสนาบดีลู่เป็นผู้ที่หยิ่งทะนงมาตลอด คดีพวกนั้นจะต้องเป็นเรื่องโกหกแน่นอน"“……”ซูชิงลั่วมุมปากยกขึ้น อดดีใจแทนลู่เหิงจือไม่ได้จริงๆ มองซ่งเหวินขี่ท่าเสวี่ยหยุดอยู่ที่ประตูกรมราชทัณฑ์เขาลงจากม้า ท่าเสวี่ยตรงมาคลอเค

  • แต่งกับขุนนาง   บทที่ 371

    ซ่งเหวินร้อนรนกระวนกระกระวายคำพูดก่อนหน้านี้ที่ลู่เหิงจืออธิบาย ไม่ว่าจะเป็น "ใต้เท้าเพียงแค่แกล้งทำ" "ในใจใต้เท้ามีเพียงนายหญิงผู้เดียว" "ใต้เท้าบอกว่านายหญิงจะต้องเข้าใจและให้ความร่วมมือกับเขา" "ใต้เท้าบอกว่ารอเขากลับมารับผิดเองทั้งหมด" พูดจนปากเปียกปากแฉะ แต่ซูชิงลั่วก็ไม่สนใจ เพียงแค่ออกคำสั่งให้คนเก็บของ หาที่พักหลังใหม่ ดูท่าทางจะจงใจย้ายออกไปจากจวนลู่จริงๆซ่งเหวินพลันนึกอะไรขึ้นมาได้ ดึงโฉนดที่ดินในอ้อมแขนออกมา : "ใต้เท้าบอกว่าหลังหย่าแล้ว ทั้งหมดในจวนลู่ล้วนแต่เป็นของนายหญิง"ซูชิงลั่วหงุดหงิดยิ่งกว่าเดิมลู่เหิงจือคงต้องคิดว่าตัวเองรอบคอบเอาใจใส่เหลือเกินเป็นแน่ แม้แต่ที่พักแห่งนี้ก็คิดได้ว่าต้องยกให้นางเดิมทีนางไม่คิดจะรับไว้ ด้วยทรัพย์สินที่นางมีไม่ว่าเรือนอาศัยแบบใดก็ซื้อได้แต่นางพลันเปลี่ยนใจ รับโฉนดที่ดินในมือซ่งเหวินมาซ่งเหวินเพิ่งจะถอนหายใจด้วยความโล่ง ก็ได้ยินเสียงแค่นหัวเราะเยือกเย็นของซูชิงลั่ว : "ได้สิ ในเมื่อยามนี้จวนแห่งนี้เป็นของข้า เช่นนั้นก็นำของทั้งหมดของใต้เท้าพวกเจ้าโยนออกไป ที่แห่งนี้คับแคบไม่อาจรองรับผู้ที่ยิ่งใหญ่เช่นเขาได้"ซ่งเหวินหน้าสลด ส

  • แต่งกับขุนนาง   บทที่ 372

    หลังจากเสร็จเรื่องทางนี้แล้ว ซูชิงลั่วก็กลับเข้าไปนั่งเหม่อลอยหน้าเครื่องประดับบนโต๊ะเครื่องแป้งตรงนั้นมีปิ่นปักผมทุกด้ามที่ลู่เหิงจือเพิ่งมอบให้นางเมื่อไม่นานมานี้ รวมไปถึงต่างหูและสร้อยข้อมือมิน่าล่ะ วันนั้นเขาถึงได้ดึงดันจะซื้อเครื่องประดับมากมายขนาดนั้นให้นางให้ได้ คงกลัวว่าหลังจากเขาไปแล้ว นางจะไม่มีเครื่องประดับให้ใช้ ?วันนั้นนางแบกของเหล่านนี้กลับมาด้วยความปลื้มปริ่ม เพื่อจะต้องมารู้สึกเสียใจในวันนี้หรอกหรือนางชูเครื่องประดับขึ้นมาราวกับว่าจะโยนปิ่นปักผมเหล่านั้นออกไปนอกเรือน แต่ชูขึ้นมาได้ไม่นาน ก็วางกลับลงไปกะทันหันทำใจไม่ได้ในที่สุดนางก็ทนไม่ไหว น้ำตาไหลออกมาแม้จะรู้ว่าเป็นเรื่องหลอกๆ เพียงแค่แสดงละครตบตาผู้คน แต่นางก็ยังรู้สึกแย่ถึงเพียงนี้ควบคุมตัวเองไม่ได้เลยสักนิดน้ำตาที่อุ่นร้อนไหลอาบข้างแก้มแล้ว นางถึงจะรู้สึกตัว นางไม่เคยเจ็บปวดเช่นนี้มานานแล้วนางไม่ปล่อยให้ตัวเองเสียใจนานเกินไป เพราะลู่เหิงจือไม่ได้อยู่ข้างกาย นางต้องยืนหยัดอดทนให้ได้นางหยิบผ้าเช็ดหน้าขึ้นมาเช็ดน้ำตา พลันลุกพรวดขึ้นมา ทันใดนั้นเองภาพตรงหน้าก็มืดดำ นางเกือบจะล้มลงไปจื๋อหยวนรีบเข

  • แต่งกับขุนนาง   บทที่ 373

    นอกกระโจม ลมเหนือพัดกระโชกดังหวีดหวิวผ่านไปทว่าเสียงของลู่เหิงจือกลับเยือกเย็นเสียยิ่งกว่าลม : "พูดให้ชัดเจน"ซ่งเหวินเล่าเรื่องที่เกิดขึ้นในช่วงหลายวันนี้ด้วยความตะกุกตะกัก เล่าไปถึงตอนสุดท้าย ตัวเขาเองกลับแสดงความรู้สึกน้อยอกน้อยใจออกมาเสียก่อน"ใต้เท้า ข้าเกือบจะเสียภรรยาที่ข้าเพิ่งตบแต่งไปแล้ว"ลู่เหิงจือหลับตาลงพลางนวดหว่างคิ้ว : "เอาล่ะ ครั้งนี้จะไม่ลงโทษเจ้า"ซ่งเหวินถึงจะเบาใจลงมาได้ทันทีที่เขาเบาใจ ก็เริ่มเห็นใจนายของตัวเองอย่างอดไม่ได้ล้วนแต่เป็นชายหนุ่มที่มีครอบครัวด้วยกันแล้วทั้งคู่ ความเจ็บปวดภายในหัวใจของใต้เท้า เขาล้วนแต่เข้าใจดีเขาเงยหน้าขึ้นไปลู่เหิงจือยืนอยู่หน้าโต๊ะ ใช้นิ้วเคาะโต๊ะเบาๆ พลางพูดเสียงเรียบ : "นางเพียงแค่ต้องการเล่นตบตาให้สมจริงก็เท่านั้น อย่าตีโพยตีพายไปเลย"ภายในหัวซ่งเหวินเต็มไปด้วยคำว่า "จริงหรือ" "ข้าไม่เชื่อ" "เป็นไปไม่ได้หรอกกระมัง" "นายหญิงแสดงละครตบตา เหตุใดข้ามองไม่ออกเลยสักนิด"แต่เขาเห็นลู่เหิงจือยังใจเย็นอยู่เช่นนี้ ลึกๆ จึงเกิดความมั่นใจขึ้นมาบ้าง พลันรู้สึกว่านายหญิงก็ดูเหมือนจะไม่ได้โกรธมากมายถึงเพียงนั้นอย่างน่าประหลาดล

  • แต่งกับขุนนาง   บทที่ 374

    ข่าวคราวที่ทั้งคู่เลิกรากัน แน่นอนว่ากระจายไปทั่วทั้งเมืองหลวงในช่วงระยะเวลานี้ผู้คนต่างงุนงง ไม่เข้าใจว่าสาเหตุมาจากสิ่งใด อีกทั้งยังมีข่าวเรื่องน่ายินดีของลู่เหิงจือมาจากชายแดนสิ่งที่มาพร้อมกับข่าวดี ยังมีข่าวลือเรื่องที่ลู่เหิงจือปลูกเรือนที่เซวียนเฉิง ว่ากันว่าเป็นเรือนทองซ่อนสาวงามได้ยินมาว่าหลังจากที่ลู่เหิงจือมาถึงเซวียนเฉิงได้ไม่นานก็ช่วยไถ่ตัวสาวนางโลมจากหอโคมเขียวมาผู้หนึ่ง ทั้งยังพานางไปซื้อเสื้อผ้า เครื่องประดับทั่วทุกร้านในเซวียนเฉิงด้วยตนเอง ท่าทางใกล้ชิดสนิทสนมยิ่งนักผู้คนจึงกระจ่างแจ้งขึ้นมาในทันที ยามที่เอ่ยถึงซูชิงลั่ว น้ำเสียงต่างก็แฝงไว้ด้วยความสงสารเห็นใจ"ฮูหยินลู่น่าสงสารยิ่งนัก ไปถูกใจผู้อื่นยังพอว่า ไม่เห็นถึงขั้นต้องหย่าเลยนี่""วิธีการของอัครมหาเสนาบดีลู่เป็นเช่นไร เจ้าไม่เคยได้ยินมาก่อนหรือ ฮูหยินลู่ยังมีชีวิตอยู่ต่อได้ก็นับว่าไม่เลวแล้ว...""เป็นอย่างที่คิด ชายหนุ่มไม่มีผู้ใดดีสักคน""บุรุษก็เป็นเช่นนี้ ยามที่รักใคร่เอ็นดูเจ้าก็ประคบประหงมราวกับเทพธิดา ยามหมดรักแล้วสามารถเหยียบเจ้าจมดินเสียด้วยซ้ำ"“……”โฉวกว่างไม่รู้ว่าซูชิงลั่วท้องอยู่ เขาลั

  • แต่งกับขุนนาง   บทที่ 375

    พระจันทร์ที่ชายแดนในค่ำคืนนี้หนาวเหน็บกว่าที่เคยค่ายทหารที่อยู่ภายใต้แสงจันทร์อบอวลไปด้วยเสียงหัวเราะทหารกลุ่มหนึ่งกำลังนั่งดื่มเหล้ากินเนื้อสัตว์รอบกองไฟลู่เหิงจือเดินเข้าไปจากที่ไม่ไกลออกไป มือยกจอกเหล้าเพื่อดื่มให้กับทุกคนทหารนายหนึ่งพูดด้วยความตื่นเต้น : "ใต้เท้า พวกเป่ยตี๋ทนไม่ไหวแล้ว ส่งคนไปขอเจรจาสงบศึกกับพวกเราที่เมืองหลวงแล้ว ก็ไม่ได้แน่สักเท่าใด อย่างไรยุทธิ์ศิลป์ของใต้เท้าก็เลิศล้ำยิ่งนัก"ทหารอีกนายหนึ่งพูดขึ้นมา : "ใกล้จะปีใหม่แล้ว หวังว่าพวกเราจะได้กลับไปฉลองปีใหม่"ลู่เหิงจือตบบ่าเขาเบาๆ พลางเอ่ยเสียงเรียบ : "กลับไป"ทุกคนนิ่งอึ้งยามนั้นที่เซวียนเฉิงประกาศภาวะฉุกเฉิน ลู่เหิงจือราวกับเทพลงมาจุติ แค่การประจัญหน้ากันไม่กี่ครั้งก็ทำให้พวกเป่ยตี๋พ่ายแพ้ เขาจึงมีอำนาจน่ายำเกรงลู่เหิงจือชนจอกเหล้าในมือเขา ก่อนจะเอ่ย : "สงครามนี้ ไม่ว่าอย่างไรก็ต้องรบไปถึงต้นฤดูใบไม้ผลิปีหน้า ข้าดื่มให้เจ้า"หลังจากที่สังสรรค์กับเหล่านายทหารเสร็จแล้ว ลู่เหิงจือก็กลับไปที่กระโจม หยิบจดหมายที่ส่งมาจากเมืองหลวงออกมา พลางนวดขมับเบาๆซูชิงลั่วไม่ได้เขียนถึงเขาแม้แต่ตัวอักษรเดียวเขา

Latest chapter

  • แต่งกับขุนนาง   บทที่ 458

    เสียงของนางแฝงความหมายว่า “รู้แล้วทำไมไม่บอกข้า”ซูชิงลั่วกระซิบว่า “ซือไหวไม่ให้ข้าบอกท่าน และข้าก็กลัวว่าหากบอกท่านไป แล้วจะกระทบความสัมพันธ์ระหว่างพี่สะใภ้กับน้องสาวได้”ลู่เหิงจือเอ่ยด้วยน้ำเสียงเย็นชาว่า “แต่เจ้าไม่กลัวว่าจะกระทบความสัมพันธ์ระหว่างสามีภรรยาหรือ”ซูชิงลั่วซบลงในอ้อมอกเขา “จะกระทบหรือ?”ลู่เหิงจือฮึดฮัด น้ำเสียงนั้นชัดเจนว่าไม่เป็นเช่นนั้นซูชิงลั่วอดยิ้มไม่ได้ “อันที่จริงแล้วใต้เท้าอวี๋ก็ไม่เลวเลย”ลู่เหิงจือเอ่ยเสียงเข้มขรึมว่า “ห้ามชมเขา”ซูชิงลั่วตอบอย่างเชื่อฟังว่า “ได้”อวี๋ซื่อชิงเดินมาพร้อมกับลู่ซือไหวลู่เหิงจือมองคนทั้งสองพลางถามว่า “นานแค่ไหนแล้ว?”อวี๋ซื่อชิงตอบอย่างมั่นใจว่า “เกือบปีแล้ว”นานแค่ไหนนะ???เช่นนี้ก็หมายความว่าพวกเขาเริ่มคบหากันหลังจากที่เขาและซูชิงลั่วออกจากเมืองหลวงไม่นานอย่างนั้นหรือ?ลู่เหิงจือหันมองลู่ซือไหว “เจ้ามานี่”อวี๋ซื่อชิงพูดว่า “มีเรื่องอะไรข้าจะคุยกับท่านเอง”ลู่เหิงจือยิ้มเย้ยหยัน “การสนทนาของพวกข้าสองพี่น้อง ไม่เกี่ยวกับเจ้า”ลู่ซือไหวดึงแขนเสื้อของอวี๋ซื่อชิง อวี๋ซื่อชิงจึงถอยออกไปลู่เหิงจือพาลู่ซือไหวออ

  • แต่งกับขุนนาง   บทที่ 457

    เซี่ยถิงอวี่เดินเข้ามา มองลู่เหิงจือพลางเอ่ยว่า “เหิงจือ รอบที่แล้วเจ้าแต่งงาน ข้าไม่สะดวกไปร่วมงานเพราะสถานะของข้า รอบนี้เจ้าแต่งงาน ข้าจะต้องมาดูสักครั้ง เพื่อความสบายใจของข้าเอง”เสียงของเขาดูจริงใจ ราวกับกำลังพูดคุยกับมิตรสหายคนหนึ่งลู่เหิงจือเงียบไปครู่หนึ่ง แล้วเอ่ยว่า “ขอบคุณมาก”ไม่ว่าก่อนหน้านี้จะมีการใช้กันและกันเป็นเครื่องมือหรือไม่ แต่ยามนี้ พวกเขาเป็นสหายที่จริงใจต่อกันมากที่สุดเมิ่งชิงไต้ก็เอ่ยว่า “รอบที่แล้วข้าไม่ได้เข้าร่วมงานแต่งงานของน้องซู ก็รู้สึกเสียดายเหมือนกัน อันที่จริงแล้ว ข้าพาอวี้จู๋และโฉวกว่างมาด้วย”หลังจากลู่เหิงจือและซูชิงลั่วกลับจินหลิง เซี่ยถิงอวี่ก็เรียกโฉวกว่างกลับมาเพราะการส่งองครักษ์ลับที่ผ่านการฝึกฝนอย่างหนักไปยังจินหลิงนั้นดูจะไม่คุ้มค่า ลู่เหิงจือก็ไม่มีความเห็นอะไร อวี้จู๋จึงยังคงอยู่ในเมืองหลวงและติดตามเมิ่งชิงไต้ซูชิงลั่วรู้สึกประหลาดใจและเอ่ยว่า “ขอบคุณพี่เมิ่ง”เซี่ยถิงอวี่หัวเราะออกมาอย่างกะทันหันเพราะปิดหน้าอยู่ ซูชิงลั่วจึงมองไม่เห็นสีหน้าของเขา รู้สึกได้เพียงว่าเสียงของเขามีความเย้าแหย่แฝงอยู่“ใช่แล้ว ข้าพาอวี๋ซื่อชิงมาด้

  • แต่งกับขุนนาง   บทที่ 456

    เนื่องจากชุดเครื่องประดับศีรษะชุดนี้ทำค่อนข้างยาก รวมถึงสุขภาพของซูชิงลั่วที่ต้องดูแลเป็นพิเศษ และหลิงเกอเอ๋อร์ยังเล็กอยู่ การแต่งงานรอบสองระหว่างลู่เหิงจือกับซูชิงลั่วจึงเลื่อนออกไปหนึ่งปีทั้งสองเคยแต่งงานกันมารอบหนึ่งแล้ว การแต่งงานรอบสองเป็นเพียงการให้คำมั่นสัญญาแก่กัน และไม่ได้จัดงานใหญ่โต มีเพียงเชิญญาติฝ่ายเรือนสามและญาติของตระกูลซูมาร่วมงานคล้ายคลึงกับงานฉลองอายุครบเดือนของหลิงเกอเอ๋อร์เท่านั้นซูชิงลั่วสวมเครื่องประดับศีรษะที่ลู่เหิงจือคอยดูแลการผลิตด้วยตัวเอง มุมปากก็ยกขึ้นเล็กน้อยจื๋อหยวนเอ่ยว่า “ของที่ใต้เท้าคอยดูแลการผลิตด้วยตัวเองย่อมงดงามมาก”ซูชิงลั่วพยักหน้า ได้ยินมาว่าลู่เหิงจือทำให้ฝีมือของช่างเหล่านั้นพัฒนาขึ้นไปอีกขั้นเลยทีเดียวก่อนหน้านี้ไม่เคยมีงานฝีมือการทอเส้นไหมทองที่ประณีตขนาดนี้มาก่อนอัญมณีสีชมพูที่ใช้ประดับดอกไม้ต้องมีสีที่เหมือนดอกท้อมากที่สุด ได้ยินมาว่าลู่เหิงจือเดินทางไปทั่วเจียงหนานเพื่อคัดเลือกอัญมณีหลายร้อยชิ้น จนกระทั่งพบกับอัญมณีที่มีสีใกล้เคียงกับสีชมพูของดอกท้อมากที่สุดหลิงเกอเอ๋อร์เดินได้มาหนึ่งเดือนกว่าแล้วยามนี้เขาวิ่งเข้ามาอย่างท

  • แต่งกับขุนนาง   บทที่ 455

    ลู่เหิงจือนวดหว่างคิ้วเบาๆ ไม่ตอบอะไรซ่งอวี้ครุ่นคิดครู่หนึ่ง “อันที่จริงแล้วข้ามีวิธีฝังเข็มคุมกำเนิดสอนท่านได้ หากท่านไม่ต้องการมีลูก หลังจากมีเพศรักทุกครั้ง ท่านก็สามารถฝังเข็มให้ฮูหยินได้ ไม่มีผลข้างเคียง เพียงแต่อาจจะเรียนรู้ยากหน่อย”ลู่เหิงจือโล่งอก “ข้าเรียน”เขายังเรียนเขียนบทบรรยายได้เลย การฝังเข็มแค่นี้เขาไม่กลัวอยู่แล้วซ่งอวี้ “เรื่องนี้ต้องปรึกษาฮูหยินของท่านด้วย”“แน่นอน ข้าแค่มาถามท่านก่อน” ลู่เหิงจือตอบด้วยน้ำเสียงเป็นธรรมชาติหลังจากส่งซ่งอวี้กลับห้องแล้ว ลู่เหิงจือก็เดินตามทางเดินที่คดเคี้ยวกลับต้องยอมรับว่าจวนตระกูลซูสร้างได้ดีจริงๆ แม้แต่แสงจันทราก็ยังสวยกว่าที่เมืองหลวงเขายกหน้าขึ้นมองพระจันทร์ คิดว่ายามนี้หลิงเกอเอ๋อร์หลับแล้วแน่นอน คงพาซูชิงลั่วออกมาชมจันทร์ได้เขายิ้มมุมปาก จู่ๆ ก็คิดบางอย่าออก รีบก้มดูถุงหอมที่ตนเองห้อย- ถุงหอมที่ซูชิงลั่วให้ลู่ซือไหวล้วนเป็นการปักสองด้านหมด แล้วของเขา......เขารีบเปิดออกนี่คือถุงหอมอันแรกที่ซูชิงลั่วให้เขานางเคยให้เขาสามอัน เขาห้อยอันนี้บ่อยที่สุด เพราะรู้สึกว่าอันแรกมีความหมายที่แตกต่างปลายนิ้วของเขาสั่น

  • แต่งกับขุนนาง   บทที่ 454

    ลู่เหิงจือเอ่ยกึ่งติดตลกว่า "หรือว่าข้าจะมาเป็นกรรมการดี?"เขาแค่พูดเล่นๆ แต่ลู่ซือไหวกลับคิดจริงจัง "ดีเลย"นางก็รีบแกะถุงหอมที่ซูชิงลั่วให้นางมาจากเอวซูชิงลั่วรู้สึกประหลาดใจ - นางพกติดตัวตลอดจริงๆลู่เหิงจือหยิบขึ้นมาเทียบกับสร้อยทองในมือของซูชิงลั่ว แล้วเอ่ยเสียงเรียบว่า "ก็สู้ของพี่สะใภ้ไม่ได้หรอก"ลู่ซือไหวไม่ได้รู้สึกไม่พอใจที่ถูกพูดเช่นนี้ ใบหน้าก็ยิ้มแย้ม "ก็เพราะการปักลายสองด้านจำกัดฝีมือของพี่สะใภ้"นางพลิกถุงหอมกลับด้าน ด้านในมีอะไรซ่อนอยู่ลู่เหิงจือรู้สึกเหมือนจะนึกอะไรออกแต่ก็จับไม่ได้ทันที ก็ได้ยินบ่าวรับใช้มารายงานว่าหมอหลวงซ่งจากเมืองหลวงมาถึงแล้วเขาอายุมากแล้ว ฮ่องเต้องค์ใหม่มีหมอหลวงที่ไว้ใจได้ของพระองค์เอง เขาจึงลาออกจากตำแหน่งกลับบ้านเกิดเขาเป็นชาวจินหลิง พอได้ยินว่าลูกชายของลู่เหิงจืออายุครบเดือน ก็รีบมาแสดงความยินดีในวันรุ่งขึ้นทันทีคนอื่นๆ ล้วนเป็นญาติหรือสหายเก่าของตระกูลซูแห่งจินหลิง ลู่เหิงจือไม่จำเป็นต้องไปต้อนรับเป็นพิเศษ แต่เมื่อซ่งอวี้มาเอง เขาต้องไปพบซูชิงลั่วเห็นว่าญาติมาครบแล้ว ก็อุ้มหลิงเกอเอ๋อร์และจูงมือลู่ซือไหวออกไปทักทายทุกคนทัน

  • แต่งกับขุนนาง   บทที่ 453

    ถึงจะเป็นเช่นนั้น แต่กระทำกลับอ่อนโยนอย่างไม่เคยมีมาก่อนเห็นได้ชัดว่าเขาดูแลนางเป็นอย่างดีหลังคลอดไม่นานทว่าซูชิงลั่วก็อดร้องออกมาด้วยเสียงที่ทำให้หัวใจเต้นรัวไม่ได้เขาเพิ่งเคยจูบนางเช่นนี้เป็นครั้งแรก จูบที่ทั้งถี่และอ่อนโยนจนแทบจะทั่วทั้งร่างกายของนางสุดท้ายแนบชิดนางอย่างระมัดระวังจูบเสร็จแล้ว ซูชิงลั่วก็เอนตัวลงในอ้อมแขนของเขาและถามว่า “ท่านจะเขียนบทบรรยายให้ข้าอีกหรือไม่”ลู่เหิงจือตอบเสียงเบาว่า “หากเจ้าอยากอ่าน ข้าก็จะเขียน”ซูชิงลั่วตอบว่า “อยากอ่าน”ลู่เหิงจือตอบว่า “ได้”ซูชิงลั่วรู้สึกพึงพอใจและหลับไปในอ้อมแขนของเขา*งานฉลองวันเกิดครบหนึ่งเดือนของหลิงเกอเอ๋อร์ จัดขึ้นเมื่อเขาอายุได้ สามสิบห้าวันซึ่งจัดช้ากว่าที่จินหลิงไม่กี่วันเนื่องจากญาติฝ่ายตระกูลซูเหลือไม่มาก และญาติฝ่ายตระกูลลู่ส่วนใหญ่อยู่ที่เมืองหลวง จำนวนแขกที่มาในงานจึงไม่มาก มีเพียงแค่สองโต๊ะเท่านั้นแต่ภายในบ้านก็ยังคงคึกคักเป็นพิเศษ เพราะไม่ได้มีงานมงคลเช่นนี้มานานแล้วลู่ซือไหวก็ถูกรับกลับมาจินหลิงเช่นกัน เนื่องจากลู่เหิงจือและซูชิงลั่ววางแผนจะอยู่ที่จินหลิงสักสองสามปี นางจึงอยากอยู่กับพี่ช

  • แต่งกับขุนนาง   บทที่ 452

    ลู่เหิงจือจึงได้อยู่เดือนเป็นเพื่อนซูชิงลั่วเขาเริ่มสังเกตเห็นว่าเมนูอาหารในบ้านเปลี่ยนไปจากเดิมมากโดยเฉพาะเมนูที่ไม่ค่อยได้ทำมาก่อนแต่ปรากฏในช่วงนี้อยู่บ่อยครั้ง - ตีนเป็ดตุ๋นน้ำแดง เนื้อแพะตุ๋น มะเขือม่วงย่าง และหัวสิงโตนึ่งลู่เหิงจือกินไปหลายวันก็เริ่มฉุกคิดได้ จึงหันไปมองซูชิงลั่ว“ครั้นที่เจ้าไปกินข้าวกับอวี๋ซื่อชิงและหลี่ว์เผิงเทียน แล้วถามเถ้าแก่ว่าข้าชอบกินอะไร”ซูชิงลั่วก็ไม่ได้ปฏิเสธหลังจากคืนดีกับลู่เหิงจือแล้ว พวกเขาทั้งสองก็เข้าใจกันมากขึ้น - สามารถพูดคุยกันได้ทุกเรื่อง ราวกับไม่มีอะไรต้องกังวลอีกแล้วทำให้นางกับลู่เหิงจือต่างรู้สึกสบายใจมากขึ้น“ข้าเพิ่งรู้ว่าที่ผ่านมาท่านเอาใจข้าเรื่องอาหารมากเลย” ซูชิงลั่วเอ่ยติดตลก “ไม่แปลกใจเลยที่ท่านจะไม่ค่อยกลับบ้านมากินข้าว”ลู่เหิงจือเงยหน้าขึ้นมองนางซูชิงลั่วเงยหน้าขึ้นมองเขาพร้อมกับเอียงหัวเล็กน้อย “ที่ผ่านมาเป็นความผิดของข้าเองที่ไม่เคยได้สังเกต”นางเอื้อมมือไปดึงหูเขาเบาๆ พลางเอ่ยว่า "ต่อไปนี้ สามีจะได้กินอาหารถูกปากที่บ้านบ่อยๆ แล้วนะ"การที่นางเรียกเขาว่า "สามี" และดึงหูเขาทำให้สายตาของลู่เหิงจือลึกซึ้งยิ่

  • แต่งกับขุนนาง   บทที่ 451

    ซูชิงลั่วหลับไปหนึ่งวันหนึ่งคืนถึงจะฟื้นพอฟื้น คนแรกที่เห็นคือลู่เหิงจือที่นอนอยู่ข้างๆ มือของเขายังจับมือนางไว้อยู่ และฝ่ามือก็เปียกชุ่มไปด้วยเหงื่อนางขยับมือลู่เหิงจือรู้สึกตัวทันที ไม่ต้องให้นางเอ่ยสิ่งใด เขาก็รีบเทน้ำอุ่นใส่ถ้วย แล้วอุ้มนางเข้ามากอดในอ้อมแขน ป้อนน้ำให้นางซูชิงลั่วดื่มไปหลายถ้วยถึงจุใจ เสียงของนางก็แหบพร่า “ลูกล่ะ”“อยู่ห้องข้างๆ เจ้าน่ะ มีแม่นมเหมยและแม่นมคอยดูแลอยู่ ท่านย่าก็แวะไปดูเป็นระยะๆ เจ้าไม่ต้องห่วง” ลู่เหิงจือถามนาง “หิวหรือไม่”ซูชิงลั่วพยักหน้า หิวอย่างที่ไม่เคยเป็นมาก่อนลู่เหิงจือตอบว่า “ข้าวต้มกับบะหมี่เตรียมไว้แล้ว เจ้าอยากกินอะไร”“แม่นมเหมยบอกว่าเจ้าเพิ่งคลอด ควรกินอาหารอ่อนๆ ไปก่อน”เขาเอื้อมมือไปจัดทรงผมที่ยุ่งเหยิงของนาง “พอเจ้าสบายตัวขึ้นแล้ว ข้าจะลงครัวทำอาหารที่เจ้าชอบกินด้วยตนเอง”ซูชิงลั่วพยักหน้า “บะหมี่แล้วกัน”นางไม่มีแรงแม้แต่จะยกแขนลู่เหิงจือจึงอุ้มนางไว้ในอ้อมแขน ป้อนให้นางทีละคำนางกินบะหมี่ไปสองชามเล็กถึงจะอิ่ม และคิดถึงลูกขึ้นมา จึงถามว่า “ลูกหลับอยู่หรือไม่ หากตื่นแล้วอุ้มมาให้ข้าดูหน่อย”ลู่เหิงจือเอ่ยเสียงทุ้

  • แต่งกับขุนนาง   บทที่ 450

    เวลาล่วงเลยเข้าสู่ยามวิกาล ลู่เหิงจือและหญิงชราก็ยังคงรอคอยอยู่ข้างนอกเยว่เออร์จึงปลอบว่า “นายหญิงเฒ่า คุณหนูคงยังไม่คลอดในทันที ท่านควรกลับไปพักผ่อนเสียก่อน มิเช่นนั้น เมื่อคุณหนูคลอดบุตรออกมาแล้ว ร่างกายของท่านจะไม่ไหวเอาได้ คุณหนูก็ต้องมาเป็นห่วงอีก”หญิงชราเอ่ยด้วยน้ำเสียงหนักแน่นว่า “เจ้าไม่ต้องมาปลอบข้าหรอก ข้านอนไม่หลับอยู่แล้ว”เยว่เออร์จึงได้แต่ทำตามคำสั่งโชคดีที่เป็นเดือนหกของจินหลิง ค่ำคืนนี้จึงไม่หนาวลู่เหิงจือได้สั่งให้คนนำนาฬิกาทรายมาวางไว้ในบริเวณลานกว้าง และรู้สึกว่าค่ำคืนนี้ยาวนานเหลือเกินราวกับว่าความอดทนทั้งหมดของเขาหมดไปกับค่ำคืนนี้ฟ้าสางแล้วเสียงร้องครวญครางของซูชิงลั่วก็เบาลง ดูไม่น่ากลัวเหมือนเมื่อคืน และค่อยๆ สงบลงลู่เหิงจือใจร้อนจึงรีบส่งคนเข้าไปถามว่า “เป็นอย่างไรบ้าง”สาวใช้รีบตอบว่า “ใต้เท้าอย่าได้เป็นห่วงเลย ฮูหยินเพียงแค่เหนื่อยจนหลับไปเจ้าค่ะ”นางไม่ได้หลับทั้งคืน เสียงร้องครวญครางก็พยายามกลั้นไว้ คงจะเหนื่อยล้ามากลู่เหิงจือพยักหน้า ไม่ได้เอ่ยสิ่งใดต่อซูชิงลั่วหลับไปเพียงครึ่งชั่วยาม ท้องก็เริ่มปวดอีกครั้งนางตื่นขึ้นมาด้วยความเจ็บป

Explore and read good novels for free
Free access to a vast number of good novels on GoodNovel app. Download the books you like and read anywhere & anytime.
Read books for free on the app
SCAN CODE TO READ ON APP
DMCA.com Protection Status