แชร์

บทที่ 371

ผู้เขียน: หอมดังเดิม
last update ปรับปรุงล่าสุด: 2024-11-13 18:00:01
ซ่งเหวินร้อนรนกระวนกระกระวาย

คำพูดก่อนหน้านี้ที่ลู่เหิงจืออธิบาย ไม่ว่าจะเป็น "ใต้เท้าเพียงแค่แกล้งทำ" "ในใจใต้เท้ามีเพียงนายหญิงผู้เดียว" "ใต้เท้าบอกว่านายหญิงจะต้องเข้าใจและให้ความร่วมมือกับเขา" "ใต้เท้าบอกว่ารอเขากลับมารับผิดเองทั้งหมด" พูดจนปากเปียกปากแฉะ แต่ซูชิงลั่วก็ไม่สนใจ เพียงแค่ออกคำสั่งให้คนเก็บของ หาที่พักหลังใหม่ ดูท่าทางจะจงใจย้ายออกไปจากจวนลู่จริงๆ

ซ่งเหวินพลันนึกอะไรขึ้นมาได้ ดึงโฉนดที่ดินในอ้อมแขนออกมา : "ใต้เท้าบอกว่าหลังหย่าแล้ว ทั้งหมดในจวนลู่ล้วนแต่เป็นของนายหญิง"

ซูชิงลั่วหงุดหงิดยิ่งกว่าเดิม

ลู่เหิงจือคงต้องคิดว่าตัวเองรอบคอบเอาใจใส่เหลือเกินเป็นแน่ แม้แต่ที่พักแห่งนี้ก็คิดได้ว่าต้องยกให้นาง

เดิมทีนางไม่คิดจะรับไว้ ด้วยทรัพย์สินที่นางมีไม่ว่าเรือนอาศัยแบบใดก็ซื้อได้

แต่นางพลันเปลี่ยนใจ รับโฉนดที่ดินในมือซ่งเหวินมา

ซ่งเหวินเพิ่งจะถอนหายใจด้วยความโล่ง ก็ได้ยินเสียงแค่นหัวเราะเยือกเย็นของซูชิงลั่ว : "ได้สิ ในเมื่อยามนี้จวนแห่งนี้เป็นของข้า เช่นนั้นก็นำของทั้งหมดของใต้เท้าพวกเจ้าโยนออกไป ที่แห่งนี้คับแคบไม่อาจรองรับผู้ที่ยิ่งใหญ่เช่นเขาได้"

ซ่งเหวินหน้าสลด ส
บทที่ถูกล็อก
อ่านต่อเรื่องนี้บน Application

บทที่เกี่ยวข้อง

  • แต่งกับขุนนาง   บทที่ 372

    หลังจากเสร็จเรื่องทางนี้แล้ว ซูชิงลั่วก็กลับเข้าไปนั่งเหม่อลอยหน้าเครื่องประดับบนโต๊ะเครื่องแป้งตรงนั้นมีปิ่นปักผมทุกด้ามที่ลู่เหิงจือเพิ่งมอบให้นางเมื่อไม่นานมานี้ รวมไปถึงต่างหูและสร้อยข้อมือมิน่าล่ะ วันนั้นเขาถึงได้ดึงดันจะซื้อเครื่องประดับมากมายขนาดนั้นให้นางให้ได้ คงกลัวว่าหลังจากเขาไปแล้ว นางจะไม่มีเครื่องประดับให้ใช้ ?วันนั้นนางแบกของเหล่านนี้กลับมาด้วยความปลื้มปริ่ม เพื่อจะต้องมารู้สึกเสียใจในวันนี้หรอกหรือนางชูเครื่องประดับขึ้นมาราวกับว่าจะโยนปิ่นปักผมเหล่านั้นออกไปนอกเรือน แต่ชูขึ้นมาได้ไม่นาน ก็วางกลับลงไปกะทันหันทำใจไม่ได้ในที่สุดนางก็ทนไม่ไหว น้ำตาไหลออกมาแม้จะรู้ว่าเป็นเรื่องหลอกๆ เพียงแค่แสดงละครตบตาผู้คน แต่นางก็ยังรู้สึกแย่ถึงเพียงนี้ควบคุมตัวเองไม่ได้เลยสักนิดน้ำตาที่อุ่นร้อนไหลอาบข้างแก้มแล้ว นางถึงจะรู้สึกตัว นางไม่เคยเจ็บปวดเช่นนี้มานานแล้วนางไม่ปล่อยให้ตัวเองเสียใจนานเกินไป เพราะลู่เหิงจือไม่ได้อยู่ข้างกาย นางต้องยืนหยัดอดทนให้ได้นางหยิบผ้าเช็ดหน้าขึ้นมาเช็ดน้ำตา พลันลุกพรวดขึ้นมา ทันใดนั้นเองภาพตรงหน้าก็มืดดำ นางเกือบจะล้มลงไปจื๋อหยวนรีบเข

    ปรับปรุงล่าสุด : 2024-11-13
  • แต่งกับขุนนาง   บทที่ 373

    นอกกระโจม ลมเหนือพัดกระโชกดังหวีดหวิวผ่านไปทว่าเสียงของลู่เหิงจือกลับเยือกเย็นเสียยิ่งกว่าลม : "พูดให้ชัดเจน"ซ่งเหวินเล่าเรื่องที่เกิดขึ้นในช่วงหลายวันนี้ด้วยความตะกุกตะกัก เล่าไปถึงตอนสุดท้าย ตัวเขาเองกลับแสดงความรู้สึกน้อยอกน้อยใจออกมาเสียก่อน"ใต้เท้า ข้าเกือบจะเสียภรรยาที่ข้าเพิ่งตบแต่งไปแล้ว"ลู่เหิงจือหลับตาลงพลางนวดหว่างคิ้ว : "เอาล่ะ ครั้งนี้จะไม่ลงโทษเจ้า"ซ่งเหวินถึงจะเบาใจลงมาได้ทันทีที่เขาเบาใจ ก็เริ่มเห็นใจนายของตัวเองอย่างอดไม่ได้ล้วนแต่เป็นชายหนุ่มที่มีครอบครัวด้วยกันแล้วทั้งคู่ ความเจ็บปวดภายในหัวใจของใต้เท้า เขาล้วนแต่เข้าใจดีเขาเงยหน้าขึ้นไปลู่เหิงจือยืนอยู่หน้าโต๊ะ ใช้นิ้วเคาะโต๊ะเบาๆ พลางพูดเสียงเรียบ : "นางเพียงแค่ต้องการเล่นตบตาให้สมจริงก็เท่านั้น อย่าตีโพยตีพายไปเลย"ภายในหัวซ่งเหวินเต็มไปด้วยคำว่า "จริงหรือ" "ข้าไม่เชื่อ" "เป็นไปไม่ได้หรอกกระมัง" "นายหญิงแสดงละครตบตา เหตุใดข้ามองไม่ออกเลยสักนิด"แต่เขาเห็นลู่เหิงจือยังใจเย็นอยู่เช่นนี้ ลึกๆ จึงเกิดความมั่นใจขึ้นมาบ้าง พลันรู้สึกว่านายหญิงก็ดูเหมือนจะไม่ได้โกรธมากมายถึงเพียงนั้นอย่างน่าประหลาดล

    ปรับปรุงล่าสุด : 2024-11-13
  • แต่งกับขุนนาง   บทที่ 374

    ข่าวคราวที่ทั้งคู่เลิกรากัน แน่นอนว่ากระจายไปทั่วทั้งเมืองหลวงในช่วงระยะเวลานี้ผู้คนต่างงุนงง ไม่เข้าใจว่าสาเหตุมาจากสิ่งใด อีกทั้งยังมีข่าวเรื่องน่ายินดีของลู่เหิงจือมาจากชายแดนสิ่งที่มาพร้อมกับข่าวดี ยังมีข่าวลือเรื่องที่ลู่เหิงจือปลูกเรือนที่เซวียนเฉิง ว่ากันว่าเป็นเรือนทองซ่อนสาวงามได้ยินมาว่าหลังจากที่ลู่เหิงจือมาถึงเซวียนเฉิงได้ไม่นานก็ช่วยไถ่ตัวสาวนางโลมจากหอโคมเขียวมาผู้หนึ่ง ทั้งยังพานางไปซื้อเสื้อผ้า เครื่องประดับทั่วทุกร้านในเซวียนเฉิงด้วยตนเอง ท่าทางใกล้ชิดสนิทสนมยิ่งนักผู้คนจึงกระจ่างแจ้งขึ้นมาในทันที ยามที่เอ่ยถึงซูชิงลั่ว น้ำเสียงต่างก็แฝงไว้ด้วยความสงสารเห็นใจ"ฮูหยินลู่น่าสงสารยิ่งนัก ไปถูกใจผู้อื่นยังพอว่า ไม่เห็นถึงขั้นต้องหย่าเลยนี่""วิธีการของอัครมหาเสนาบดีลู่เป็นเช่นไร เจ้าไม่เคยได้ยินมาก่อนหรือ ฮูหยินลู่ยังมีชีวิตอยู่ต่อได้ก็นับว่าไม่เลวแล้ว...""เป็นอย่างที่คิด ชายหนุ่มไม่มีผู้ใดดีสักคน""บุรุษก็เป็นเช่นนี้ ยามที่รักใคร่เอ็นดูเจ้าก็ประคบประหงมราวกับเทพธิดา ยามหมดรักแล้วสามารถเหยียบเจ้าจมดินเสียด้วยซ้ำ"“……”โฉวกว่างไม่รู้ว่าซูชิงลั่วท้องอยู่ เขาลั

    ปรับปรุงล่าสุด : 2024-11-13
  • แต่งกับขุนนาง   บทที่ 375

    พระจันทร์ที่ชายแดนในค่ำคืนนี้หนาวเหน็บกว่าที่เคยค่ายทหารที่อยู่ภายใต้แสงจันทร์อบอวลไปด้วยเสียงหัวเราะทหารกลุ่มหนึ่งกำลังนั่งดื่มเหล้ากินเนื้อสัตว์รอบกองไฟลู่เหิงจือเดินเข้าไปจากที่ไม่ไกลออกไป มือยกจอกเหล้าเพื่อดื่มให้กับทุกคนทหารนายหนึ่งพูดด้วยความตื่นเต้น : "ใต้เท้า พวกเป่ยตี๋ทนไม่ไหวแล้ว ส่งคนไปขอเจรจาสงบศึกกับพวกเราที่เมืองหลวงแล้ว ก็ไม่ได้แน่สักเท่าใด อย่างไรยุทธิ์ศิลป์ของใต้เท้าก็เลิศล้ำยิ่งนัก"ทหารอีกนายหนึ่งพูดขึ้นมา : "ใกล้จะปีใหม่แล้ว หวังว่าพวกเราจะได้กลับไปฉลองปีใหม่"ลู่เหิงจือตบบ่าเขาเบาๆ พลางเอ่ยเสียงเรียบ : "กลับไป"ทุกคนนิ่งอึ้งยามนั้นที่เซวียนเฉิงประกาศภาวะฉุกเฉิน ลู่เหิงจือราวกับเทพลงมาจุติ แค่การประจัญหน้ากันไม่กี่ครั้งก็ทำให้พวกเป่ยตี๋พ่ายแพ้ เขาจึงมีอำนาจน่ายำเกรงลู่เหิงจือชนจอกเหล้าในมือเขา ก่อนจะเอ่ย : "สงครามนี้ ไม่ว่าอย่างไรก็ต้องรบไปถึงต้นฤดูใบไม้ผลิปีหน้า ข้าดื่มให้เจ้า"หลังจากที่สังสรรค์กับเหล่านายทหารเสร็จแล้ว ลู่เหิงจือก็กลับไปที่กระโจม หยิบจดหมายที่ส่งมาจากเมืองหลวงออกมา พลางนวดขมับเบาๆซูชิงลั่วไม่ได้เขียนถึงเขาแม้แต่ตัวอักษรเดียวเขา

    ปรับปรุงล่าสุด : 2024-11-14
  • แต่งกับขุนนาง   บทที่ 376

    อวี๋ซื่อชิงไม่สามารถให้ใครเห็นเขาอยู่ที่นี่ได้ซูชิงลั่วเอ่ย : "ใต้เท้า ขอเชิญไปรอที่ห้องด้านข้างก่อน"อวี๋ซื่อชิงกลับหลังหันเดินไปยังห้องด้านข้างซูชิงลั่วรีบสั่งให้คนตั้งโต๊ะบูชารับพระราชโองการพระราชโองการรับสั่งให้นางเข้าวังไปร่วมงานเลี้ยงกับพวกเป่ยตี๋คืนนี้จริงๆซูชิงลั่วกำผ้าเช็ดหน้าในมือไว้เบาๆลู่เหิงจือยังรบอยู่แนวหน้า ฮ่องเต้กลับจะส่งอดีตภรรยาของเขาไปแต่งงานเชื่อมสัมพันธ์กับพวกชนเผ่าเป่ยตี๋ ช่างไม่กลัวข้าราชบริพารจะเสียขวัญกำลังใจเอาเสียเลยเกรงว่าแม้แต่ลู่เหิงจือเองก็คงคิดไม่ถึงว่าฮ่องเต้จะไร้ยางอายถึงเพียงนี้ลู่เหิงจือทอดทิ้งนางแล้วไม่ใช่หรือ ฮ่องเต้เองก็ขี้เกียจจะคาดเดาแล้วว่าจริงหรือเท็จ จึงส่งอดีตภรรยาของเขาไปให้พวกเป่ยตี๋เสียเลยสามารถนำมาซึ่งความสงบได้ก็ยิ่งดี หากไม่ได้ ลู่เหิงจือก็ทำได้เพียงแค่สู้รบต่อไป หรือไม่เช่นนั้นจะทรยศบ้านเมืองได้หรือซูชิงลั่วสติหลุดเหม่อลอยไปชั่วขณะ กระทั่งผู้ที่มาประกาศพระราชโองการทั้งหมดกลับไปแล้ว ถึงจะหันหลังเดินกลับเข้าห้องไปอวี๋ซื่อชิงเดินเข้ามา สีหน้าดูตึงเครียดแต่ก็ยังคงพูดปลอบใจนาง : "ข้าจะช่วยท่าน"สายตาที่เขามองนางดูจร

    ปรับปรุงล่าสุด : 2024-11-14
  • แต่งกับขุนนาง   บทที่ 377

    หิมะลอยละล่องอยู่ท่ามกลางอากาศจิตใจของซูชิงลั่วในยามนี้เคว้งคว้างล่องลอยไร้ที่พึ่งเหมือนกับหิมะเหล่านี้นางสูดหายใจเข้าลึก ก่อนจะยกชายกระโปรงขึ้นแล้วเดินตรงเข้าไป หางตาเหลือบเห็นอวี๋ซื่อชิงในชุดขุนนางสีน้ำเงิน กำลังหยุดอยู่ด้านล่างบันไดซูชิงลั่วก้มหน้าลง แล้วก้าวขึ้นบันไดไปแม้นางจะหย่ากับลู่เหิงจือแล้ว แต่ยศเก้ามิ่งฟูเหรินขั้นหนึ่งยังคงไม่ถูกริบกลับมา ฉะนั้น ตำแหน่งที่นั่งของนางในงานเลี้ยงจึงอยู่เกือบด้านหน้าสุดทั้งสองประเทศกำลังทำสงครามกัน บรรยากาศงานเลี้ยงย่อมไม่อบอุ่นคึกคักเท่าไหร่นักราชทูตซึ่งเป็นผู้นำของชนเผ่าเป่ยตี๋ครั้งนี้ชื่ออาสื่อน่า เขาแทบจะอดใจรอไม่ไหวที่จะชี้แจงวัตถุประสงค์ของการเดินทางมาครั้งนี้ หวังว่าทั้งสองประเทศจะแต่งงานเชื่อมสัมพันธ์เขาใช้ภาษาจีนกลางที่แข็งกระด้างเอ่ย : "ได้ยินมาว่าแม่นางซูชิงลั่ว อดีตฮูหยินอัครมหาเสนาบดีลู่เหิงจือมีฝีมือการยิงธนูและการใช้กระบี่ที่ยอดเยี่ยม ฉลาดหลักแหลมเกินผู้ใด ข้าได้รับคำสั่งจากข่านให้มาสู่ขอแม่นางซูเป็นการเฉพาะ ใต้เท้าลู่ไม่เห็นความดีของนาง ข่านของข้าไม่มีทางปล่อยให้แม่นางเป็นมุกที่ถูกปกคลุมไปด้วยฝุ่น"ผู้ที่รู้จุดประ

    ปรับปรุงล่าสุด : 2024-11-14
  • แต่งกับขุนนาง   บทที่ 378

    ภายในงานเลี้ยงอบอวลไปดูกลิ่นฉุนของสุรา ทำให้ซูชิงลั่วรู้สึกคลื่นไส้ และวิงเวียนศีรษะนางไม่มีสติมากพอที่จะมาถลุงใช้ที่นี่นางฝืนอดทนลุกขึ้นยืนทำความเคารพ ก่อนจะเอ่ย : "แม้หม่อมฉันมีใจอยากจะสมรสเพื่อเชื่อสัมพันธ์ แต่เกรงว่าคงทำได้ยาก"ฮ่องเต้ : "เพราะเหตุใด"ซูชิงลั่วตอบ : "ประการแรก แต่เดิมมาผู้ที่สมรสปรองดองล้วนแต่เป็นองค์หญิง หม่อมฉันหญิงสาวสามัญชนไร้คุณธรรมไร้ความสามารถ มิบังอาจตีตนเสมอท่าน"น้ำเสียงของนางก้องกังวานอ่อนโยน ฟังแล้วเสนาะหูยิ่งนัก ทว่ากลับทำให้คนรู้สึกคล้อยตามสีหน้าของฮ่องเต้และองค์หญิงอวี้หยางอึมครึมลงมาทันตา"ประการที่สอง ยามนี้หม่อมฉันตั้งครรภ์ ไม่เหมาะจะเดินทางไปยังเป่ยตี๋ หวังว่าฝ่าบาทจะทรงรับรู้และเข้าใจ"ทุกคนต่างตกตะลึง"ตั้งครรภ์เช่นนั้นหรือ""ของผู้ใด""จะเป็นของผู้ใดไปได้ แน่นอนว่าต้องเป็นของอัครมหาเสนาบดีสิ...""เช่นนี้จะส่งไปแต่งงานเชื่อมสัมพันธ์ไม่ได้แล้วสิ"เสียงวิจารณ์ดังระงมไปทั่ว ฮ่องเต้ทรงตรัสเสียงขรึม : "เป็นความจริงหรือ"ซูชิงลั่ว : "หม่อมฉันไม่กล้าเพ็ดทูลความเท็จต่อฝ่าบาท"ฮ่องเต้ : "หมอหลวงเซวียน"ไม่นานนักหัวหน้าสำนักหมอหลวงซ่งอ

    ปรับปรุงล่าสุด : 2024-11-14
  • แต่งกับขุนนาง   บทที่ 379

    เขาบ้าไปแล้วหรืออย่างไรอวี๋ซื่อชิงหันมามองหน้านางปราดหนึ่ง นัยน์ตาเคร่งขรึมคล้ายจะมีความร้อนรนอยู่เล็กน้อยเพียงแวบเดียว หลังจากนั้นเขาก็รีบหันหน้ากลับไปเหมือนต้องการจะกลบเกลื่อนซูชิงลั่ว "......"ฮ่องเต้ : “เป็นเช่นนี้จริงหรือ”อวี๋ซื่อชิงเม้มริมฝีปาก สีหน้าแสดงความกระอักกระอ่วนออกมาได้อย่างพอเหมาะ : “เรื่องนี้เกี่ยวข้องกับความเป็นส่วนตัว กระหม่อมไม่อยากเปิดเผยให้รู้กันทั้งหมด แต่เรื่องมาถึงขั้นนี้ จะไม่พูดก็ไม่ได้”“เจ้าไปทำนางท้องได้เช่นไร”อวี๋ซื่อชิงพูดด้วยความลำบากใจ : “ก่อนหน้านี้ กระหม่อมเคยช่วยงานอยู่ที่ร้านขายภาพวาดของแม่นางซูอยู่ช่วงหนึ่ง”ฮ่องเต้ : “เรื่องเกิดขึ้นเมื่อใด แม่นางซูเพิ่งจะหย่ากับลู่เหิงจือได้ไม่นาน”อวี๋ซื่อชิงกัดฟันกรอด : “หลังจากใต้เท้าลู่ไปจากเมืองหลวงได้ไม่นาน เรื่องเกิดก่อนจะหย่า”…เช่นนั้นซูชิงลั่วก็สวมเขาให้ลู่เหิงจือไม่ใช่หรอกหรือฮ่องเต้น้ำเสียงจริงจัง : “เจ้ารู้ใช่หรือไม่ว่าหากหลอกข้า มีโทษถึงตาย”อวี๋ซื่อชิงเสียงก้องกังวาน : “กระหม่อมไม่บังอาจหลอกฝ่าบาท”ฮ่องเต้หันไปมองทางซูชิงลั่ว : “นางซู เจ้าว่ามา”ทุกสายตาต่างพากันจับจ้องไปทางซูช

    ปรับปรุงล่าสุด : 2024-11-15

บทล่าสุด

  • แต่งกับขุนนาง   บทที่ 458

    เสียงของนางแฝงความหมายว่า “รู้แล้วทำไมไม่บอกข้า”ซูชิงลั่วกระซิบว่า “ซือไหวไม่ให้ข้าบอกท่าน และข้าก็กลัวว่าหากบอกท่านไป แล้วจะกระทบความสัมพันธ์ระหว่างพี่สะใภ้กับน้องสาวได้”ลู่เหิงจือเอ่ยด้วยน้ำเสียงเย็นชาว่า “แต่เจ้าไม่กลัวว่าจะกระทบความสัมพันธ์ระหว่างสามีภรรยาหรือ”ซูชิงลั่วซบลงในอ้อมอกเขา “จะกระทบหรือ?”ลู่เหิงจือฮึดฮัด น้ำเสียงนั้นชัดเจนว่าไม่เป็นเช่นนั้นซูชิงลั่วอดยิ้มไม่ได้ “อันที่จริงแล้วใต้เท้าอวี๋ก็ไม่เลวเลย”ลู่เหิงจือเอ่ยเสียงเข้มขรึมว่า “ห้ามชมเขา”ซูชิงลั่วตอบอย่างเชื่อฟังว่า “ได้”อวี๋ซื่อชิงเดินมาพร้อมกับลู่ซือไหวลู่เหิงจือมองคนทั้งสองพลางถามว่า “นานแค่ไหนแล้ว?”อวี๋ซื่อชิงตอบอย่างมั่นใจว่า “เกือบปีแล้ว”นานแค่ไหนนะ???เช่นนี้ก็หมายความว่าพวกเขาเริ่มคบหากันหลังจากที่เขาและซูชิงลั่วออกจากเมืองหลวงไม่นานอย่างนั้นหรือ?ลู่เหิงจือหันมองลู่ซือไหว “เจ้ามานี่”อวี๋ซื่อชิงพูดว่า “มีเรื่องอะไรข้าจะคุยกับท่านเอง”ลู่เหิงจือยิ้มเย้ยหยัน “การสนทนาของพวกข้าสองพี่น้อง ไม่เกี่ยวกับเจ้า”ลู่ซือไหวดึงแขนเสื้อของอวี๋ซื่อชิง อวี๋ซื่อชิงจึงถอยออกไปลู่เหิงจือพาลู่ซือไหวออ

  • แต่งกับขุนนาง   บทที่ 457

    เซี่ยถิงอวี่เดินเข้ามา มองลู่เหิงจือพลางเอ่ยว่า “เหิงจือ รอบที่แล้วเจ้าแต่งงาน ข้าไม่สะดวกไปร่วมงานเพราะสถานะของข้า รอบนี้เจ้าแต่งงาน ข้าจะต้องมาดูสักครั้ง เพื่อความสบายใจของข้าเอง”เสียงของเขาดูจริงใจ ราวกับกำลังพูดคุยกับมิตรสหายคนหนึ่งลู่เหิงจือเงียบไปครู่หนึ่ง แล้วเอ่ยว่า “ขอบคุณมาก”ไม่ว่าก่อนหน้านี้จะมีการใช้กันและกันเป็นเครื่องมือหรือไม่ แต่ยามนี้ พวกเขาเป็นสหายที่จริงใจต่อกันมากที่สุดเมิ่งชิงไต้ก็เอ่ยว่า “รอบที่แล้วข้าไม่ได้เข้าร่วมงานแต่งงานของน้องซู ก็รู้สึกเสียดายเหมือนกัน อันที่จริงแล้ว ข้าพาอวี้จู๋และโฉวกว่างมาด้วย”หลังจากลู่เหิงจือและซูชิงลั่วกลับจินหลิง เซี่ยถิงอวี่ก็เรียกโฉวกว่างกลับมาเพราะการส่งองครักษ์ลับที่ผ่านการฝึกฝนอย่างหนักไปยังจินหลิงนั้นดูจะไม่คุ้มค่า ลู่เหิงจือก็ไม่มีความเห็นอะไร อวี้จู๋จึงยังคงอยู่ในเมืองหลวงและติดตามเมิ่งชิงไต้ซูชิงลั่วรู้สึกประหลาดใจและเอ่ยว่า “ขอบคุณพี่เมิ่ง”เซี่ยถิงอวี่หัวเราะออกมาอย่างกะทันหันเพราะปิดหน้าอยู่ ซูชิงลั่วจึงมองไม่เห็นสีหน้าของเขา รู้สึกได้เพียงว่าเสียงของเขามีความเย้าแหย่แฝงอยู่“ใช่แล้ว ข้าพาอวี๋ซื่อชิงมาด้

  • แต่งกับขุนนาง   บทที่ 456

    เนื่องจากชุดเครื่องประดับศีรษะชุดนี้ทำค่อนข้างยาก รวมถึงสุขภาพของซูชิงลั่วที่ต้องดูแลเป็นพิเศษ และหลิงเกอเอ๋อร์ยังเล็กอยู่ การแต่งงานรอบสองระหว่างลู่เหิงจือกับซูชิงลั่วจึงเลื่อนออกไปหนึ่งปีทั้งสองเคยแต่งงานกันมารอบหนึ่งแล้ว การแต่งงานรอบสองเป็นเพียงการให้คำมั่นสัญญาแก่กัน และไม่ได้จัดงานใหญ่โต มีเพียงเชิญญาติฝ่ายเรือนสามและญาติของตระกูลซูมาร่วมงานคล้ายคลึงกับงานฉลองอายุครบเดือนของหลิงเกอเอ๋อร์เท่านั้นซูชิงลั่วสวมเครื่องประดับศีรษะที่ลู่เหิงจือคอยดูแลการผลิตด้วยตัวเอง มุมปากก็ยกขึ้นเล็กน้อยจื๋อหยวนเอ่ยว่า “ของที่ใต้เท้าคอยดูแลการผลิตด้วยตัวเองย่อมงดงามมาก”ซูชิงลั่วพยักหน้า ได้ยินมาว่าลู่เหิงจือทำให้ฝีมือของช่างเหล่านั้นพัฒนาขึ้นไปอีกขั้นเลยทีเดียวก่อนหน้านี้ไม่เคยมีงานฝีมือการทอเส้นไหมทองที่ประณีตขนาดนี้มาก่อนอัญมณีสีชมพูที่ใช้ประดับดอกไม้ต้องมีสีที่เหมือนดอกท้อมากที่สุด ได้ยินมาว่าลู่เหิงจือเดินทางไปทั่วเจียงหนานเพื่อคัดเลือกอัญมณีหลายร้อยชิ้น จนกระทั่งพบกับอัญมณีที่มีสีใกล้เคียงกับสีชมพูของดอกท้อมากที่สุดหลิงเกอเอ๋อร์เดินได้มาหนึ่งเดือนกว่าแล้วยามนี้เขาวิ่งเข้ามาอย่างท

  • แต่งกับขุนนาง   บทที่ 455

    ลู่เหิงจือนวดหว่างคิ้วเบาๆ ไม่ตอบอะไรซ่งอวี้ครุ่นคิดครู่หนึ่ง “อันที่จริงแล้วข้ามีวิธีฝังเข็มคุมกำเนิดสอนท่านได้ หากท่านไม่ต้องการมีลูก หลังจากมีเพศรักทุกครั้ง ท่านก็สามารถฝังเข็มให้ฮูหยินได้ ไม่มีผลข้างเคียง เพียงแต่อาจจะเรียนรู้ยากหน่อย”ลู่เหิงจือโล่งอก “ข้าเรียน”เขายังเรียนเขียนบทบรรยายได้เลย การฝังเข็มแค่นี้เขาไม่กลัวอยู่แล้วซ่งอวี้ “เรื่องนี้ต้องปรึกษาฮูหยินของท่านด้วย”“แน่นอน ข้าแค่มาถามท่านก่อน” ลู่เหิงจือตอบด้วยน้ำเสียงเป็นธรรมชาติหลังจากส่งซ่งอวี้กลับห้องแล้ว ลู่เหิงจือก็เดินตามทางเดินที่คดเคี้ยวกลับต้องยอมรับว่าจวนตระกูลซูสร้างได้ดีจริงๆ แม้แต่แสงจันทราก็ยังสวยกว่าที่เมืองหลวงเขายกหน้าขึ้นมองพระจันทร์ คิดว่ายามนี้หลิงเกอเอ๋อร์หลับแล้วแน่นอน คงพาซูชิงลั่วออกมาชมจันทร์ได้เขายิ้มมุมปาก จู่ๆ ก็คิดบางอย่าออก รีบก้มดูถุงหอมที่ตนเองห้อย- ถุงหอมที่ซูชิงลั่วให้ลู่ซือไหวล้วนเป็นการปักสองด้านหมด แล้วของเขา......เขารีบเปิดออกนี่คือถุงหอมอันแรกที่ซูชิงลั่วให้เขานางเคยให้เขาสามอัน เขาห้อยอันนี้บ่อยที่สุด เพราะรู้สึกว่าอันแรกมีความหมายที่แตกต่างปลายนิ้วของเขาสั่น

  • แต่งกับขุนนาง   บทที่ 454

    ลู่เหิงจือเอ่ยกึ่งติดตลกว่า "หรือว่าข้าจะมาเป็นกรรมการดี?"เขาแค่พูดเล่นๆ แต่ลู่ซือไหวกลับคิดจริงจัง "ดีเลย"นางก็รีบแกะถุงหอมที่ซูชิงลั่วให้นางมาจากเอวซูชิงลั่วรู้สึกประหลาดใจ - นางพกติดตัวตลอดจริงๆลู่เหิงจือหยิบขึ้นมาเทียบกับสร้อยทองในมือของซูชิงลั่ว แล้วเอ่ยเสียงเรียบว่า "ก็สู้ของพี่สะใภ้ไม่ได้หรอก"ลู่ซือไหวไม่ได้รู้สึกไม่พอใจที่ถูกพูดเช่นนี้ ใบหน้าก็ยิ้มแย้ม "ก็เพราะการปักลายสองด้านจำกัดฝีมือของพี่สะใภ้"นางพลิกถุงหอมกลับด้าน ด้านในมีอะไรซ่อนอยู่ลู่เหิงจือรู้สึกเหมือนจะนึกอะไรออกแต่ก็จับไม่ได้ทันที ก็ได้ยินบ่าวรับใช้มารายงานว่าหมอหลวงซ่งจากเมืองหลวงมาถึงแล้วเขาอายุมากแล้ว ฮ่องเต้องค์ใหม่มีหมอหลวงที่ไว้ใจได้ของพระองค์เอง เขาจึงลาออกจากตำแหน่งกลับบ้านเกิดเขาเป็นชาวจินหลิง พอได้ยินว่าลูกชายของลู่เหิงจืออายุครบเดือน ก็รีบมาแสดงความยินดีในวันรุ่งขึ้นทันทีคนอื่นๆ ล้วนเป็นญาติหรือสหายเก่าของตระกูลซูแห่งจินหลิง ลู่เหิงจือไม่จำเป็นต้องไปต้อนรับเป็นพิเศษ แต่เมื่อซ่งอวี้มาเอง เขาต้องไปพบซูชิงลั่วเห็นว่าญาติมาครบแล้ว ก็อุ้มหลิงเกอเอ๋อร์และจูงมือลู่ซือไหวออกไปทักทายทุกคนทัน

  • แต่งกับขุนนาง   บทที่ 453

    ถึงจะเป็นเช่นนั้น แต่กระทำกลับอ่อนโยนอย่างไม่เคยมีมาก่อนเห็นได้ชัดว่าเขาดูแลนางเป็นอย่างดีหลังคลอดไม่นานทว่าซูชิงลั่วก็อดร้องออกมาด้วยเสียงที่ทำให้หัวใจเต้นรัวไม่ได้เขาเพิ่งเคยจูบนางเช่นนี้เป็นครั้งแรก จูบที่ทั้งถี่และอ่อนโยนจนแทบจะทั่วทั้งร่างกายของนางสุดท้ายแนบชิดนางอย่างระมัดระวังจูบเสร็จแล้ว ซูชิงลั่วก็เอนตัวลงในอ้อมแขนของเขาและถามว่า “ท่านจะเขียนบทบรรยายให้ข้าอีกหรือไม่”ลู่เหิงจือตอบเสียงเบาว่า “หากเจ้าอยากอ่าน ข้าก็จะเขียน”ซูชิงลั่วตอบว่า “อยากอ่าน”ลู่เหิงจือตอบว่า “ได้”ซูชิงลั่วรู้สึกพึงพอใจและหลับไปในอ้อมแขนของเขา*งานฉลองวันเกิดครบหนึ่งเดือนของหลิงเกอเอ๋อร์ จัดขึ้นเมื่อเขาอายุได้ สามสิบห้าวันซึ่งจัดช้ากว่าที่จินหลิงไม่กี่วันเนื่องจากญาติฝ่ายตระกูลซูเหลือไม่มาก และญาติฝ่ายตระกูลลู่ส่วนใหญ่อยู่ที่เมืองหลวง จำนวนแขกที่มาในงานจึงไม่มาก มีเพียงแค่สองโต๊ะเท่านั้นแต่ภายในบ้านก็ยังคงคึกคักเป็นพิเศษ เพราะไม่ได้มีงานมงคลเช่นนี้มานานแล้วลู่ซือไหวก็ถูกรับกลับมาจินหลิงเช่นกัน เนื่องจากลู่เหิงจือและซูชิงลั่ววางแผนจะอยู่ที่จินหลิงสักสองสามปี นางจึงอยากอยู่กับพี่ช

  • แต่งกับขุนนาง   บทที่ 452

    ลู่เหิงจือจึงได้อยู่เดือนเป็นเพื่อนซูชิงลั่วเขาเริ่มสังเกตเห็นว่าเมนูอาหารในบ้านเปลี่ยนไปจากเดิมมากโดยเฉพาะเมนูที่ไม่ค่อยได้ทำมาก่อนแต่ปรากฏในช่วงนี้อยู่บ่อยครั้ง - ตีนเป็ดตุ๋นน้ำแดง เนื้อแพะตุ๋น มะเขือม่วงย่าง และหัวสิงโตนึ่งลู่เหิงจือกินไปหลายวันก็เริ่มฉุกคิดได้ จึงหันไปมองซูชิงลั่ว“ครั้นที่เจ้าไปกินข้าวกับอวี๋ซื่อชิงและหลี่ว์เผิงเทียน แล้วถามเถ้าแก่ว่าข้าชอบกินอะไร”ซูชิงลั่วก็ไม่ได้ปฏิเสธหลังจากคืนดีกับลู่เหิงจือแล้ว พวกเขาทั้งสองก็เข้าใจกันมากขึ้น - สามารถพูดคุยกันได้ทุกเรื่อง ราวกับไม่มีอะไรต้องกังวลอีกแล้วทำให้นางกับลู่เหิงจือต่างรู้สึกสบายใจมากขึ้น“ข้าเพิ่งรู้ว่าที่ผ่านมาท่านเอาใจข้าเรื่องอาหารมากเลย” ซูชิงลั่วเอ่ยติดตลก “ไม่แปลกใจเลยที่ท่านจะไม่ค่อยกลับบ้านมากินข้าว”ลู่เหิงจือเงยหน้าขึ้นมองนางซูชิงลั่วเงยหน้าขึ้นมองเขาพร้อมกับเอียงหัวเล็กน้อย “ที่ผ่านมาเป็นความผิดของข้าเองที่ไม่เคยได้สังเกต”นางเอื้อมมือไปดึงหูเขาเบาๆ พลางเอ่ยว่า "ต่อไปนี้ สามีจะได้กินอาหารถูกปากที่บ้านบ่อยๆ แล้วนะ"การที่นางเรียกเขาว่า "สามี" และดึงหูเขาทำให้สายตาของลู่เหิงจือลึกซึ้งยิ่

  • แต่งกับขุนนาง   บทที่ 451

    ซูชิงลั่วหลับไปหนึ่งวันหนึ่งคืนถึงจะฟื้นพอฟื้น คนแรกที่เห็นคือลู่เหิงจือที่นอนอยู่ข้างๆ มือของเขายังจับมือนางไว้อยู่ และฝ่ามือก็เปียกชุ่มไปด้วยเหงื่อนางขยับมือลู่เหิงจือรู้สึกตัวทันที ไม่ต้องให้นางเอ่ยสิ่งใด เขาก็รีบเทน้ำอุ่นใส่ถ้วย แล้วอุ้มนางเข้ามากอดในอ้อมแขน ป้อนน้ำให้นางซูชิงลั่วดื่มไปหลายถ้วยถึงจุใจ เสียงของนางก็แหบพร่า “ลูกล่ะ”“อยู่ห้องข้างๆ เจ้าน่ะ มีแม่นมเหมยและแม่นมคอยดูแลอยู่ ท่านย่าก็แวะไปดูเป็นระยะๆ เจ้าไม่ต้องห่วง” ลู่เหิงจือถามนาง “หิวหรือไม่”ซูชิงลั่วพยักหน้า หิวอย่างที่ไม่เคยเป็นมาก่อนลู่เหิงจือตอบว่า “ข้าวต้มกับบะหมี่เตรียมไว้แล้ว เจ้าอยากกินอะไร”“แม่นมเหมยบอกว่าเจ้าเพิ่งคลอด ควรกินอาหารอ่อนๆ ไปก่อน”เขาเอื้อมมือไปจัดทรงผมที่ยุ่งเหยิงของนาง “พอเจ้าสบายตัวขึ้นแล้ว ข้าจะลงครัวทำอาหารที่เจ้าชอบกินด้วยตนเอง”ซูชิงลั่วพยักหน้า “บะหมี่แล้วกัน”นางไม่มีแรงแม้แต่จะยกแขนลู่เหิงจือจึงอุ้มนางไว้ในอ้อมแขน ป้อนให้นางทีละคำนางกินบะหมี่ไปสองชามเล็กถึงจะอิ่ม และคิดถึงลูกขึ้นมา จึงถามว่า “ลูกหลับอยู่หรือไม่ หากตื่นแล้วอุ้มมาให้ข้าดูหน่อย”ลู่เหิงจือเอ่ยเสียงทุ้

  • แต่งกับขุนนาง   บทที่ 450

    เวลาล่วงเลยเข้าสู่ยามวิกาล ลู่เหิงจือและหญิงชราก็ยังคงรอคอยอยู่ข้างนอกเยว่เออร์จึงปลอบว่า “นายหญิงเฒ่า คุณหนูคงยังไม่คลอดในทันที ท่านควรกลับไปพักผ่อนเสียก่อน มิเช่นนั้น เมื่อคุณหนูคลอดบุตรออกมาแล้ว ร่างกายของท่านจะไม่ไหวเอาได้ คุณหนูก็ต้องมาเป็นห่วงอีก”หญิงชราเอ่ยด้วยน้ำเสียงหนักแน่นว่า “เจ้าไม่ต้องมาปลอบข้าหรอก ข้านอนไม่หลับอยู่แล้ว”เยว่เออร์จึงได้แต่ทำตามคำสั่งโชคดีที่เป็นเดือนหกของจินหลิง ค่ำคืนนี้จึงไม่หนาวลู่เหิงจือได้สั่งให้คนนำนาฬิกาทรายมาวางไว้ในบริเวณลานกว้าง และรู้สึกว่าค่ำคืนนี้ยาวนานเหลือเกินราวกับว่าความอดทนทั้งหมดของเขาหมดไปกับค่ำคืนนี้ฟ้าสางแล้วเสียงร้องครวญครางของซูชิงลั่วก็เบาลง ดูไม่น่ากลัวเหมือนเมื่อคืน และค่อยๆ สงบลงลู่เหิงจือใจร้อนจึงรีบส่งคนเข้าไปถามว่า “เป็นอย่างไรบ้าง”สาวใช้รีบตอบว่า “ใต้เท้าอย่าได้เป็นห่วงเลย ฮูหยินเพียงแค่เหนื่อยจนหลับไปเจ้าค่ะ”นางไม่ได้หลับทั้งคืน เสียงร้องครวญครางก็พยายามกลั้นไว้ คงจะเหนื่อยล้ามากลู่เหิงจือพยักหน้า ไม่ได้เอ่ยสิ่งใดต่อซูชิงลั่วหลับไปเพียงครึ่งชั่วยาม ท้องก็เริ่มปวดอีกครั้งนางตื่นขึ้นมาด้วยความเจ็บป

DMCA.com Protection Status