แชร์

บทที่ 30

ผู้เขียน: หอมดังเดิม
last update ปรับปรุงล่าสุด: 2024-07-30 13:49:24
ซูชิงลั่วกลับไปที่ลานด้านในด้วยความรู้สึกสับสน บรรดาหญิงสาวเริ่มพากันนั่งลง

เมื่อนางนั่งลงข้างๆ นางเฉียน นางเฉียนก็ตกใจ "เจ้า ทำไม...เปลี่ยนชุดแล้วล่ะ?"

สายตาของลู่หมิงซือจ้องมาที่นางโดยตรง ในสายตามีความโกรธแค้นชิงชัง...นางไม่เข้าใจจริงๆ ว่าทำไมเมิ่งชิงไต้จึงได้ช่วยซูชิงลั่วไว้กะทันหัน นางคงจะไม่ได้ถูกใจลายปักดอกไม้เชยๆ นั่นของซูชิงลั่วจริงๆ หรอกมั้ง?

แต่นางก็ไม่กังวลหรอก ซูชิงลั่วอยู่ในตระกูลลู่มานานแล้ว นางเป็นคนที่ไม่ชอบสร้างปัญหาคงไม่พูดมากหรอก

ซูชิงลั่วสบตากับนางแล้วก็ยิ้มให้

ลู่หมิงซือมั่นใจในนิสัยของนาง คิดว่านางจะไม่มีทางเปิดเผยความจริงทั้งหมดแน่

ยิ่งไปกว่านั้น แม้ว่านางจะพูดความจริง ลู่หมิงซือก็แค่อ้างว่าตัวเองไม่รู้เรื่อง คนอื่นก็ทำอะไรนางไม่ได้แล้ว แถมยังอาจจะตำหนิที่ซูชิงลั่วไม่รู้เรื่องราวอีกด้วย

หลายปีมานี้ นางก็อยู่มาแบบนี้ ยอมทนเรื่อยมา แต่สิ่งที่ได้กลับคือความได้ใจและการกระทำที่รุนแรงมากขึ้นจากบ้านสอง

รอยยิ้มแบบนี้ของนางไม่เคยเห็นมาก่อน ทำให้ลู่หมิงซือรู้สึกขนลุกน้อยๆ

ซูชิงลั่วพูดช้าๆ "คือว่าท่านน้า เพราะคุณหนูเมิ่งบอกข้าว่า องค์หญิงอวี้หยางชอบสีแดงเข้มมากและเ
บทที่ถูกล็อก
อ่านต่อเรื่องนี้บน Application
ความคิดเห็น (6)
goodnovel comment avatar
หญิงเหล็ก ไรเด้อ
อัพต่อป่าววะ
goodnovel comment avatar
Pimon
ไม่อัพแล้วหรร
goodnovel comment avatar
Naoi Takarai
รีบเขียนต่อเร็วๆเถอะค่ะ คนรออ่านเยอะเลยนะคะ เดี๋ยวถ้ารอนานเกินไปจะเทนะ
ดูความคิดเห็นทั้งหมด

บทที่เกี่ยวข้อง

  • แต่งกับขุนนาง   บทที่ 31

    องค์หญิงอวี้หยางคิดอยู่ครู่หนึ่งจากนั้นก็สั่งให้คนเอาพู่กันมา "เช่นนั้นข้าเองก็ขอแสดงฝีมืออันต่ำต้อยบ้างแล้วกัน"ในงานชมดอกไม้ที่ผ่านมา องค์หญิงอวี้หยางไม่เคยจับพู่กันเองเลย เป็นเพียงกรรมการคอยตัดสินให้คำติชมเท่านั้นพระสนมรุ่ยรู้ดีแก่ใจว่า น่าจะเป็นเพราะลู่เหิงจือมาที่นี่ องค์หญิงอวี้หยางจึงอยากแสดงฝีมือต่อหน้าคนที่ตัวเองมีใจพระสนมรุ่ยยิ้มและพูดว่า "องค์หญิงห่วงใยประชาชน จะพูดว่าเป็นฝีมืออันต่ำต้อยได้อย่างไรเพคะ?"เถ้าธูปถูกลมพัดตกลงมาซูชิงลั่วหยิบพู่กันขึ้นมา มองไปยังกระดาษวาดรูปที่กางวางอยู่ตรงหน้า แล้วค่อยๆ รวบรวมสมาธิวาดภาพดอกโบตั๋นออกมาโดยละเอียดอย่างตั้งใจนางเรียนวาดภาพจากซางฉงหยางจิตรกรอันดับหนึ่งแห่งเจียงหนานมาตั้งแต่เด็ก เชี่ยวชาญการวาดภาพบุคคลต่อมาแม้ว่าจะมาอยู่ในเมืองหลวงแล้ว แต่นางก็ยังคงไม่ทิ้งการวาดภาพและมักส่งจดหมายกลับไปหาอาจารย์เพื่อขอคำแนะนำอยู่เสมอคราวนี้มีเวลาค่อนข้างสั้น ไม่เพียงพอสำหรับการวาดภาพบุคคลซางฉงหยางเป็นคนเมืองลั่วหยาง ฝีมือการวาดดอกโบตั๋นจึงยอดเยี่ยมที่สุด ดังนั้นในบรรดาดอกไม้ที่นางวาดได้ดีที่สุดก็คือดอกโบตั๋นเช่นกันคราวนี้นางวาดด้วยควา

    ปรับปรุงล่าสุด : 2024-08-27
  • แต่งกับขุนนาง   บทที่ 32

    คนที่ได้รับเลือกคือเมิ่งชิงไต้?ลู่เหิงจือรู้เรื่องนี้หรือไม่?เขาไม่เคยสนใจผู้หญิงเลยหรือเพราะว่าเรื่องของเมิ่งชิงไต้?หัวใจของซูชิงลั่วเหมือนถูกเข็มเล็กๆ ทิ่มแทงเข้าไปอย่างช้าๆ จนรู้สึกเจ็บแปลบจากนั้นก็ได้ยินเสียงจากด้านนอกว่า "ภาพที่จะทำการประมูลต่อไปคือ "ดอกโบตั๋นแห่งความมั่งคั่ง"..."ซูชิงลั่วได้สติกลับมาได้ ความตื่นเต้นท่วมท้นกลัวว่าจะทำให้บ้านตระกูลลู่เสียหน้าในหัวของนางมีความคิดแว๊บเข้ามา "ไม่รู้ว่าลู่เหิงจือจะชอบภาพของนางหรือไม่"แต่พอคิดอีกที นางก็ส่ายหัวคงไม่หรอก เขาซื้อไปภาพหนึ่งแล้ว ไม่จำเป็นต้องเสียเงินซื้อภาพที่สองอีก"หึหึ" และในตอนนี้ก็ได้ยินเสียงหัวเราะดังขึ้นจากด้านนอกอย่างชัดเจน"ดอกโบตั๋นแห่งความมั่งคั่ง? ชื่อนี้เข้าท่าได้อย่างไร? ช่างดูไม่แพงเลย!"ซูชิงลั่วเพิ่งเคยเข้าร่วมงานชมดอกไม้เป็นครั้งแรก และยังไม่มีชื่อเสียงใดๆ คนด้านในสอบถามไปมาอยู่นานถึงได้รู้ว่าใครเป็นคนวาดภาพดอกโบตั๋นนี้ จากนั้นก็อดที่จะมองไปที่นางด้วยสายตาดูถูกและเย้ยหยันไม่ได้ซูชิงลั่วสูดลมหายใจเข้าลึกๆ ฝ่ามือทั้งสองค่อยๆ กำเข้าหากัน แต่ทันใดนั้นก็ได้ยินเสียงของเมิ่งชิงไต้"ข้าคิดว่า

    ปรับปรุงล่าสุด : 2024-08-27
  • แต่งกับขุนนาง   บทที่ 33

    น่าจะเป็นแค่เรื่องบังเอิญแม้ว่านางจะเคยเห็นลู่เหิงจือและเซี่ยถิงอวี่แอบเจอกันเป็นการส่วนตัว แต่เนื่องจากนางเป็นคนของบ้านตระกูลลู่ ลู่เหิงจือย่อมคอยดูแล นางคิดว่าเซี่ยถิงอวี่ไม่น่าจะมาหาเรื่องนางเพราะเหตุนี้อีกทั้งเขายังไม่เคยเห็นภาพวาดของนาง น่าจะยังไม่รู้ว่านี่เป็นภาพที่นางวาดพอนึกถึงตรงนี้ นางก็แอบถอนหายใจอย่างโล่งอกเงินจากการประมูลในช่วงเช้ารวมได้ทั้งหมดสามพันหกร้อยตำลึง เนื่องจากเป็นการประมูลแบบไม่ระบุชื่อ จึงมีการประกาศชื่อผู้ชนะสามอันดับแรกเท่านั้นซูชิงลั่วได้อันดับที่สาม เป็นรองเพียงองค์หญิงอวี้หยางและเมิ่งชิงไต้ส่วนผลงานการเขียนของลู่หมิงซือขายได้เพียงสิบตำลึงเท่านั้นเฉียนเหวินหลิงยิ้มและตบมือซูชิงลั่วเบาๆ "ที่แท้เจ้าก็เก่งกาจถึงเพียงนี้ มิน่าท่านแม่มักเรียกให้เจ้าไปวาดลวดลายดอกไม้เสมอ"ลู่หมิงซือโกรธจนกัดฟันกรอดหลังจากงานเลี้ยงอาหารกลางวันก็ถึงเวลาพูดคุยอย่างอิสระ ซึ่งเป็นช่วงเวลาที่ทุกคนรอคอยมากที่สุดหญิงสาวบางคนที่กล้าหาญหน่อยก็จะใช้โอกาสนี้แอบมองชายหนุ่มที่ตนชอบ ถ้ากล้ามากขึ้นอีกก็อาจจะได้พูดคุยกันหลังจากงานเลี้ยงอาหารกลางวัน เฉียนเหวินหลิงและลู่หมิงซือ

    ปรับปรุงล่าสุด : 2024-08-27
  • แต่งกับขุนนาง   บทที่ 34

    เมื่อเห็นนางเข้ามา เขารินชาและดันไปทางนาง เสียงของเขาไพเราะเหมือนหยกกระทบกันเบาๆ "คนที่ทำเรื่องไม่ดีไม่ใช่เจ้า เจ้าจะหน้าแดงทำไม?"ในน้ำเสียงของเขามีความหยอกล้ออยู่เล็กน้อยซูชิงลั่วยกมือขึ้นสัมผัสแก้มของตัวเอง คงเป็นเพราะเมื่อครู่เห็นเซี่ยถิงอวี่กอดเมิ่งชิงไต้นางจึงหน้าแดงขึ้นมาอย่างไม่รู้ตัวแน่นางมองไปที่ลู่เหิงจือ พูดเบาๆ "ทำไมถึงไม่ถือว่าทำเรื่องไม่ดีล่ะ?"ชายหญิงอยู่กันตามลำพังในห้องเดียวกัน ช่างไม่เหมาะสมเลยคิดไม่ถึงว่าลู่เหิงจือจะเลิกคิ้วเบาๆ "งั้นเจ้าบอกมาสิว่า พวกเราทำเรื่องไม่ดีอะไรกัน?""..." ซูชิงลั่วอึ้งไป นี่มันชัดเจนอยู่แล้วไม่ใช่หรือ?ทำไมนางรู้สึกว่าลู่เหิงจือเหมือนกำลังจงใจหยอกล้อนางเลย?โชคดีที่ลู่เหิงจือไม่ได้คาดคั้นให้นางตอบ เพียงถามอีกว่า "ยังกลัวข้าอยู่หรือ?"ความรู้สึกนั้นหายไปแล้วล่ะ เขาช่วยนางไว้หลายครั้ง นางก็ไม่ใช่คนไม่รู้คุณคนสักหน่อยซูชิงลั่วรีบตอบ "เปล่า ข้าต้องขอบคุณใต้เท้าอีกครั้งที่ช่วยในวันนี้"สายตาของลู่เหิงจือมองนางเหมือนจะถามว่า ถ้าไม่กลัวแล้วทำไมยังไม่มานั่งล่ะ?ซูชิงลั่วรีบเดินมานั่งตรงข้ามเขา มองถ้วยชาที่ยังมีไอร้อนพุ่งขึ้นตรงหน้

    ปรับปรุงล่าสุด : 2024-08-27
  • แต่งกับขุนนาง   บทที่ 35

    น้ำชาร้อนสีเหลืองอ่อนกระเด็นลงบนหลังมือขาวผ่อง จนทำให้ผิวบริเวณนั้นแดงขึ้นทันทีซูชิงลั่วรีบวางถ้วยชาลง ผ้าเช็ดหน้าสีขาวสะอาดถูกวางลงบนหลังมือของนางทันที เช็ดคราบน้ำชาร้อนออกไปลู่เหิงจือหน้าเครียด ลุกขึ้นจับมือนางไปที่หน้าต่างเพื่อดูแสงสว่าง "เจ็บไหม?"ผิวของนางทั้งบางทั้งนุ่ม เพียงแค่เวลาสั้นๆ ก็เกิดตุ่มน้ำพองเล็กๆ ขึ้นแล้วซูชิงลั่วรู้สึกเพียงปลายนิ้วของเขาค่อนข้างเย็น แต่เมื่อแตะลงที่ฝ่ามือของนางแลับทำให้รู้สึกร้อนมากกว่าบริเวณที่เกิดตุ่มน้ำพองอีกนางหดมือกลับโดยไม่รู้ตัว "ไม่เป็นไร"ลู่เหิงจือมองดูอีกครั้ง เมื่อมั่นใจว่าไม่มีอะไรแล้วจึงปล่อยและนั่งกลับลงไปนั่งที่เดิม "ต่อไประวังหน่อย"ซูชิงลั่วพยักหน้า กำผ้าเช็ดหน้าไว้ในมือ รู้สึกได้ว่ากลิ่นหอมจากผ้าเช็ดหน้าลอยเข้าจมูก ทำให้รู้สึกเคลิบเคลิ้มเป็นที่สุดนางไม่ใช่คนที่ไม่ระวัง เพียงแต่นึกถึงการที่ตัวเองต้องบอกลู่เหิงจือว่าที่มาร่วมงานชมดอกไม้เพื่อการแต่งงานนางจึงรู้สึกตื่นเต้นนิดหน่อยนางรวบรวมสติ พูดเบาๆ ว่า "เป็นความต้องการของท่านยาย ท่านต้องการให้ข้ามาร่วมงานชมดอกไม้เพื่อผ่อนคลาย และถือโอกาสวางแผนเรื่องการแต่งงานด้วย"เม

    ปรับปรุงล่าสุด : 2024-08-27
  • แต่งกับขุนนาง   บทที่ 36

    สายคาดเอวสีเขียวพันรอบเอวที่ทั้งบางและอ่อนนุ่มของนางไว้ ดูแล้วแทบจะใช้มือกำได้รอบเสื้อผ้าที่เขาเลือกอย่างเร่งรีบ กลับมีขนาดที่พอดีกับนางอย่างยิ่งเขาพยักหน้า "ข้ารู้แล้ว"เมื่อเห็นสีหน้าของลู่เหิงจือ ซูชิงลั่วก็โล่งใจ แล้วก็ได้ยินเขาถามอีกว่า "ข้าช่วยเจ้าไว้หลายครั้ง เจ้าเตรียมจะขอบคุณข้าอย่างไร?"ทำไมจู่ๆ จะเอาของขวัญขอบคุณอีกล่ะซูชิงลั่วรู้สึกประหม่าเล็กน้อย "ก่อนหน้านี้ข้าเคยให้คนส่งของให้ใต้เท้า แต่ใต้เท้าไม่รับ"ลู่เหิงจือพูดเสียงเรียบ "ดังนั้นเจ้าก็เลยไม่ส่งอีกเหรอ? เจ้ามีความจริงใจแค่นี้เองเหรอ?"แม้จะเป็นคำตำหนิ แต่ก็ไม่ได้มีน้ำเสียงตำหนิจริงๆซูชิงลั่วรีบพูด "เปล่านะ ข้ากำลังเตรียมอยู่"นางแอบมองลู่เหิงจือแวบหนึ่ง แล้วถามอย่างระมัดระวัง "ไม่ทราบว่าใต้เท้าชอบอะไร พอจะบอกข้าหน่อยได้หรือไม่?"ลู่เหิงจือจ้องนางอยู่ครู่หนึ่ง ก่อนตอบ "อืม" เบาๆ "เย็บถุงหอมให้ข้าสักใบแล้วกัน"ซูชิงลั่วตกใจ "ถุงหอม?"ถุงหอมเป็นของใช้ส่วนตัว ถ้าส่งให้ใครก็มักจะมีความหมายในเชิงหมั้นหมายลู่เหิงจือยกเปลือกตาขึ้น "ไม่ได้หรือ?""ไม่ใช่เจ้าค่ะ" ซูชิงลั่วรีบตอบ "ได้แน่นอน ไม่ทราบว่าใต้เท้าชอบ

    ปรับปรุงล่าสุด : 2024-08-27
  • แต่งกับขุนนาง   บทที่ 37

    งานเลี้ยงชมดอกไม้อนุญาตให้เฉพาะนายหญิงของตระกูลต่างๆ ในเมืองหลวงนำบุตรสาวที่ยังไม่ได้ออกเรือนมาเข้าร่วมเท่านั้นก่อนหน้านี้มีคนที่หมั้นหมายแล้วมาร่วมงานเลี้ยง ถูกพระสนมรุ่ยได้ทำการเชิญออกไปอย่างไม่ไว้หน้า หลังจากนั้นคุณหนูของตระกูลนั้นก็ไม่มีสิทธิ์มาเข้าร่วมงานเลี้ยงชมดอกไม้อีกเลยแล้วทำไมถึงมีคนเรียกซูชิงลั่วว่าพี่สะใภ้ได้ทันใดนั้น ทุกสายตาก็จับจ้องไปที่ซูชิงลั่วในวลานี้ลู่หมิงซือใช้ผ้าเช็ดหน้าปิดปาก แสร้งทำเป็นพูดตำหนิตัวเอง "เป็นความผิดของข้าเอง ปกติข้ามักเรียกพี่หญิงอย่างนั้น จนเผลอลืมเปลี่ยนคำเรียก พี่หญิงโปรดอย่าใส่ใจเลย ก็แค่เรียกเล่นๆ เท่านั้นเอง"ซูชิงลั่วมองนางเงียบๆ อยู่ครู่หนึ่ง ก่อนยิ้มและพูดว่า "ในเมื่อเรียกเล่นๆ ข้าก็ย่อมไม่ถือสา เพียงแต่เจ้าอย่าได้เรียกพี่สะใภ้ผิดคน ไม่เช่นนั้นจะทำให้หลิ่วเยียนหราน พี่หญิงอีกคนของเจ้าไม่พอใจได้"สีหน้าของลู่หมิงซือซีดไปคำขู่ของซูชิงลั่วชัดเจนมาก หากนางกล้าพูดซี้ซั้ว ซูชิงลั่วก็กล้าจะเปิดโปงเรื่องของหลิ่วเยียนหรานออกมาลู่หมิงซือฝืนยิ้ม "พี่หญิงอย่าโกรธเลย เป็นความผิดของข้าเอง พี่ชายของข้ายังไม่ได้หมั้นหมาย พวกเราก็โตๆ กันแล้ว

    ปรับปรุงล่าสุด : 2024-08-27
  • แต่งกับขุนนาง   บทที่ 38

    เพื่อที่จะรักษาชื่อเสียงของนาง ท่านย่าจึงบอกคนภายนอกว่าเป็นเพียงเรื่องเล่นสนุกในวัยเด็ก การหมั้นเป็นแค่เรื่องล้อเล่นเท่านั้นเฉิงซิ่วทนไม่ไหวแล้ว พูดอย่างไม่พอใจว่า "ไม่น่าแปลกใจที่ตั้งชื่อภาพว่าดอกโบตั๋นแห่งความมั่งคั่งอะไรนั่น กลิ่นอายเงินทองชัดขนาดนั้น ที่แท้ก็เป็นแค่ลูกสาวพ่อค้า"ลู่หมิงซือกระแอมเบาๆ สองที "นางเป็นถึงพ่อค้าของหลวงเชียวนะ""พ่อค้าของหลวงก็แค่พ่อค้านั่นแหละ" เฉิงซิ่วกล่าวด้วยความโกรธ "ได้หมั้นหมายกับบัณฑิตอย่างพี่ชายเจ้าแล้วยังไม่พอใจอีก ช่างเป็นคนที่ใฝ่สูงเหลือเกิน ข้าอยากรู้จริงๆ ว่าในเมืองหลวงนี้จะมีครอบครัวไหนกล้ารับนางเป็นสะใภ้?"หญิงสาวคนอื่นๆ ก็อดไม่ได้ที่จะเริ่มซุบซิบกัน"ใช่ ข้าได้ยินว่าแม่นางซูถูกเลี้ยงมาภายใต้การดูแลของแม่เจ้าใช่หรือไม่? แล้วทำไมถึงเลี้ยงดูจนกลายเป็นคนเนรคุณได้?""เจ้าวางใจเถอะ เรื่องนี้สำหรับพี่ชายเจ้าแล้วก็เป็นเรื่องที่ดี รอดูเถอะ ไม่รู้ว่าจะมีอีกกี่คนที่อยากจะส่งไม่สื่อไปคุยกับพี่ชายเจ้า""แม่ของเจ้าก็ช่างใจดีเหลือเกิน ถ้าเป็นแม่ข้าล่ะก็ ไม่มีทางยอมแน่นอน"ลู่หมิงซือถอนหายใจ "ทำอย่างไรได้ ในเมื่อท่านย่าเป็นคนตัดสินใจ ปกติอย่าว่า

    ปรับปรุงล่าสุด : 2024-08-27

บทล่าสุด

  • แต่งกับขุนนาง   บทที่ 458

    เสียงของนางแฝงความหมายว่า “รู้แล้วทำไมไม่บอกข้า”ซูชิงลั่วกระซิบว่า “ซือไหวไม่ให้ข้าบอกท่าน และข้าก็กลัวว่าหากบอกท่านไป แล้วจะกระทบความสัมพันธ์ระหว่างพี่สะใภ้กับน้องสาวได้”ลู่เหิงจือเอ่ยด้วยน้ำเสียงเย็นชาว่า “แต่เจ้าไม่กลัวว่าจะกระทบความสัมพันธ์ระหว่างสามีภรรยาหรือ”ซูชิงลั่วซบลงในอ้อมอกเขา “จะกระทบหรือ?”ลู่เหิงจือฮึดฮัด น้ำเสียงนั้นชัดเจนว่าไม่เป็นเช่นนั้นซูชิงลั่วอดยิ้มไม่ได้ “อันที่จริงแล้วใต้เท้าอวี๋ก็ไม่เลวเลย”ลู่เหิงจือเอ่ยเสียงเข้มขรึมว่า “ห้ามชมเขา”ซูชิงลั่วตอบอย่างเชื่อฟังว่า “ได้”อวี๋ซื่อชิงเดินมาพร้อมกับลู่ซือไหวลู่เหิงจือมองคนทั้งสองพลางถามว่า “นานแค่ไหนแล้ว?”อวี๋ซื่อชิงตอบอย่างมั่นใจว่า “เกือบปีแล้ว”นานแค่ไหนนะ???เช่นนี้ก็หมายความว่าพวกเขาเริ่มคบหากันหลังจากที่เขาและซูชิงลั่วออกจากเมืองหลวงไม่นานอย่างนั้นหรือ?ลู่เหิงจือหันมองลู่ซือไหว “เจ้ามานี่”อวี๋ซื่อชิงพูดว่า “มีเรื่องอะไรข้าจะคุยกับท่านเอง”ลู่เหิงจือยิ้มเย้ยหยัน “การสนทนาของพวกข้าสองพี่น้อง ไม่เกี่ยวกับเจ้า”ลู่ซือไหวดึงแขนเสื้อของอวี๋ซื่อชิง อวี๋ซื่อชิงจึงถอยออกไปลู่เหิงจือพาลู่ซือไหวออ

  • แต่งกับขุนนาง   บทที่ 457

    เซี่ยถิงอวี่เดินเข้ามา มองลู่เหิงจือพลางเอ่ยว่า “เหิงจือ รอบที่แล้วเจ้าแต่งงาน ข้าไม่สะดวกไปร่วมงานเพราะสถานะของข้า รอบนี้เจ้าแต่งงาน ข้าจะต้องมาดูสักครั้ง เพื่อความสบายใจของข้าเอง”เสียงของเขาดูจริงใจ ราวกับกำลังพูดคุยกับมิตรสหายคนหนึ่งลู่เหิงจือเงียบไปครู่หนึ่ง แล้วเอ่ยว่า “ขอบคุณมาก”ไม่ว่าก่อนหน้านี้จะมีการใช้กันและกันเป็นเครื่องมือหรือไม่ แต่ยามนี้ พวกเขาเป็นสหายที่จริงใจต่อกันมากที่สุดเมิ่งชิงไต้ก็เอ่ยว่า “รอบที่แล้วข้าไม่ได้เข้าร่วมงานแต่งงานของน้องซู ก็รู้สึกเสียดายเหมือนกัน อันที่จริงแล้ว ข้าพาอวี้จู๋และโฉวกว่างมาด้วย”หลังจากลู่เหิงจือและซูชิงลั่วกลับจินหลิง เซี่ยถิงอวี่ก็เรียกโฉวกว่างกลับมาเพราะการส่งองครักษ์ลับที่ผ่านการฝึกฝนอย่างหนักไปยังจินหลิงนั้นดูจะไม่คุ้มค่า ลู่เหิงจือก็ไม่มีความเห็นอะไร อวี้จู๋จึงยังคงอยู่ในเมืองหลวงและติดตามเมิ่งชิงไต้ซูชิงลั่วรู้สึกประหลาดใจและเอ่ยว่า “ขอบคุณพี่เมิ่ง”เซี่ยถิงอวี่หัวเราะออกมาอย่างกะทันหันเพราะปิดหน้าอยู่ ซูชิงลั่วจึงมองไม่เห็นสีหน้าของเขา รู้สึกได้เพียงว่าเสียงของเขามีความเย้าแหย่แฝงอยู่“ใช่แล้ว ข้าพาอวี๋ซื่อชิงมาด้

  • แต่งกับขุนนาง   บทที่ 456

    เนื่องจากชุดเครื่องประดับศีรษะชุดนี้ทำค่อนข้างยาก รวมถึงสุขภาพของซูชิงลั่วที่ต้องดูแลเป็นพิเศษ และหลิงเกอเอ๋อร์ยังเล็กอยู่ การแต่งงานรอบสองระหว่างลู่เหิงจือกับซูชิงลั่วจึงเลื่อนออกไปหนึ่งปีทั้งสองเคยแต่งงานกันมารอบหนึ่งแล้ว การแต่งงานรอบสองเป็นเพียงการให้คำมั่นสัญญาแก่กัน และไม่ได้จัดงานใหญ่โต มีเพียงเชิญญาติฝ่ายเรือนสามและญาติของตระกูลซูมาร่วมงานคล้ายคลึงกับงานฉลองอายุครบเดือนของหลิงเกอเอ๋อร์เท่านั้นซูชิงลั่วสวมเครื่องประดับศีรษะที่ลู่เหิงจือคอยดูแลการผลิตด้วยตัวเอง มุมปากก็ยกขึ้นเล็กน้อยจื๋อหยวนเอ่ยว่า “ของที่ใต้เท้าคอยดูแลการผลิตด้วยตัวเองย่อมงดงามมาก”ซูชิงลั่วพยักหน้า ได้ยินมาว่าลู่เหิงจือทำให้ฝีมือของช่างเหล่านั้นพัฒนาขึ้นไปอีกขั้นเลยทีเดียวก่อนหน้านี้ไม่เคยมีงานฝีมือการทอเส้นไหมทองที่ประณีตขนาดนี้มาก่อนอัญมณีสีชมพูที่ใช้ประดับดอกไม้ต้องมีสีที่เหมือนดอกท้อมากที่สุด ได้ยินมาว่าลู่เหิงจือเดินทางไปทั่วเจียงหนานเพื่อคัดเลือกอัญมณีหลายร้อยชิ้น จนกระทั่งพบกับอัญมณีที่มีสีใกล้เคียงกับสีชมพูของดอกท้อมากที่สุดหลิงเกอเอ๋อร์เดินได้มาหนึ่งเดือนกว่าแล้วยามนี้เขาวิ่งเข้ามาอย่างท

  • แต่งกับขุนนาง   บทที่ 455

    ลู่เหิงจือนวดหว่างคิ้วเบาๆ ไม่ตอบอะไรซ่งอวี้ครุ่นคิดครู่หนึ่ง “อันที่จริงแล้วข้ามีวิธีฝังเข็มคุมกำเนิดสอนท่านได้ หากท่านไม่ต้องการมีลูก หลังจากมีเพศรักทุกครั้ง ท่านก็สามารถฝังเข็มให้ฮูหยินได้ ไม่มีผลข้างเคียง เพียงแต่อาจจะเรียนรู้ยากหน่อย”ลู่เหิงจือโล่งอก “ข้าเรียน”เขายังเรียนเขียนบทบรรยายได้เลย การฝังเข็มแค่นี้เขาไม่กลัวอยู่แล้วซ่งอวี้ “เรื่องนี้ต้องปรึกษาฮูหยินของท่านด้วย”“แน่นอน ข้าแค่มาถามท่านก่อน” ลู่เหิงจือตอบด้วยน้ำเสียงเป็นธรรมชาติหลังจากส่งซ่งอวี้กลับห้องแล้ว ลู่เหิงจือก็เดินตามทางเดินที่คดเคี้ยวกลับต้องยอมรับว่าจวนตระกูลซูสร้างได้ดีจริงๆ แม้แต่แสงจันทราก็ยังสวยกว่าที่เมืองหลวงเขายกหน้าขึ้นมองพระจันทร์ คิดว่ายามนี้หลิงเกอเอ๋อร์หลับแล้วแน่นอน คงพาซูชิงลั่วออกมาชมจันทร์ได้เขายิ้มมุมปาก จู่ๆ ก็คิดบางอย่าออก รีบก้มดูถุงหอมที่ตนเองห้อย- ถุงหอมที่ซูชิงลั่วให้ลู่ซือไหวล้วนเป็นการปักสองด้านหมด แล้วของเขา......เขารีบเปิดออกนี่คือถุงหอมอันแรกที่ซูชิงลั่วให้เขานางเคยให้เขาสามอัน เขาห้อยอันนี้บ่อยที่สุด เพราะรู้สึกว่าอันแรกมีความหมายที่แตกต่างปลายนิ้วของเขาสั่น

  • แต่งกับขุนนาง   บทที่ 454

    ลู่เหิงจือเอ่ยกึ่งติดตลกว่า "หรือว่าข้าจะมาเป็นกรรมการดี?"เขาแค่พูดเล่นๆ แต่ลู่ซือไหวกลับคิดจริงจัง "ดีเลย"นางก็รีบแกะถุงหอมที่ซูชิงลั่วให้นางมาจากเอวซูชิงลั่วรู้สึกประหลาดใจ - นางพกติดตัวตลอดจริงๆลู่เหิงจือหยิบขึ้นมาเทียบกับสร้อยทองในมือของซูชิงลั่ว แล้วเอ่ยเสียงเรียบว่า "ก็สู้ของพี่สะใภ้ไม่ได้หรอก"ลู่ซือไหวไม่ได้รู้สึกไม่พอใจที่ถูกพูดเช่นนี้ ใบหน้าก็ยิ้มแย้ม "ก็เพราะการปักลายสองด้านจำกัดฝีมือของพี่สะใภ้"นางพลิกถุงหอมกลับด้าน ด้านในมีอะไรซ่อนอยู่ลู่เหิงจือรู้สึกเหมือนจะนึกอะไรออกแต่ก็จับไม่ได้ทันที ก็ได้ยินบ่าวรับใช้มารายงานว่าหมอหลวงซ่งจากเมืองหลวงมาถึงแล้วเขาอายุมากแล้ว ฮ่องเต้องค์ใหม่มีหมอหลวงที่ไว้ใจได้ของพระองค์เอง เขาจึงลาออกจากตำแหน่งกลับบ้านเกิดเขาเป็นชาวจินหลิง พอได้ยินว่าลูกชายของลู่เหิงจืออายุครบเดือน ก็รีบมาแสดงความยินดีในวันรุ่งขึ้นทันทีคนอื่นๆ ล้วนเป็นญาติหรือสหายเก่าของตระกูลซูแห่งจินหลิง ลู่เหิงจือไม่จำเป็นต้องไปต้อนรับเป็นพิเศษ แต่เมื่อซ่งอวี้มาเอง เขาต้องไปพบซูชิงลั่วเห็นว่าญาติมาครบแล้ว ก็อุ้มหลิงเกอเอ๋อร์และจูงมือลู่ซือไหวออกไปทักทายทุกคนทัน

  • แต่งกับขุนนาง   บทที่ 453

    ถึงจะเป็นเช่นนั้น แต่กระทำกลับอ่อนโยนอย่างไม่เคยมีมาก่อนเห็นได้ชัดว่าเขาดูแลนางเป็นอย่างดีหลังคลอดไม่นานทว่าซูชิงลั่วก็อดร้องออกมาด้วยเสียงที่ทำให้หัวใจเต้นรัวไม่ได้เขาเพิ่งเคยจูบนางเช่นนี้เป็นครั้งแรก จูบที่ทั้งถี่และอ่อนโยนจนแทบจะทั่วทั้งร่างกายของนางสุดท้ายแนบชิดนางอย่างระมัดระวังจูบเสร็จแล้ว ซูชิงลั่วก็เอนตัวลงในอ้อมแขนของเขาและถามว่า “ท่านจะเขียนบทบรรยายให้ข้าอีกหรือไม่”ลู่เหิงจือตอบเสียงเบาว่า “หากเจ้าอยากอ่าน ข้าก็จะเขียน”ซูชิงลั่วตอบว่า “อยากอ่าน”ลู่เหิงจือตอบว่า “ได้”ซูชิงลั่วรู้สึกพึงพอใจและหลับไปในอ้อมแขนของเขา*งานฉลองวันเกิดครบหนึ่งเดือนของหลิงเกอเอ๋อร์ จัดขึ้นเมื่อเขาอายุได้ สามสิบห้าวันซึ่งจัดช้ากว่าที่จินหลิงไม่กี่วันเนื่องจากญาติฝ่ายตระกูลซูเหลือไม่มาก และญาติฝ่ายตระกูลลู่ส่วนใหญ่อยู่ที่เมืองหลวง จำนวนแขกที่มาในงานจึงไม่มาก มีเพียงแค่สองโต๊ะเท่านั้นแต่ภายในบ้านก็ยังคงคึกคักเป็นพิเศษ เพราะไม่ได้มีงานมงคลเช่นนี้มานานแล้วลู่ซือไหวก็ถูกรับกลับมาจินหลิงเช่นกัน เนื่องจากลู่เหิงจือและซูชิงลั่ววางแผนจะอยู่ที่จินหลิงสักสองสามปี นางจึงอยากอยู่กับพี่ช

  • แต่งกับขุนนาง   บทที่ 452

    ลู่เหิงจือจึงได้อยู่เดือนเป็นเพื่อนซูชิงลั่วเขาเริ่มสังเกตเห็นว่าเมนูอาหารในบ้านเปลี่ยนไปจากเดิมมากโดยเฉพาะเมนูที่ไม่ค่อยได้ทำมาก่อนแต่ปรากฏในช่วงนี้อยู่บ่อยครั้ง - ตีนเป็ดตุ๋นน้ำแดง เนื้อแพะตุ๋น มะเขือม่วงย่าง และหัวสิงโตนึ่งลู่เหิงจือกินไปหลายวันก็เริ่มฉุกคิดได้ จึงหันไปมองซูชิงลั่ว“ครั้นที่เจ้าไปกินข้าวกับอวี๋ซื่อชิงและหลี่ว์เผิงเทียน แล้วถามเถ้าแก่ว่าข้าชอบกินอะไร”ซูชิงลั่วก็ไม่ได้ปฏิเสธหลังจากคืนดีกับลู่เหิงจือแล้ว พวกเขาทั้งสองก็เข้าใจกันมากขึ้น - สามารถพูดคุยกันได้ทุกเรื่อง ราวกับไม่มีอะไรต้องกังวลอีกแล้วทำให้นางกับลู่เหิงจือต่างรู้สึกสบายใจมากขึ้น“ข้าเพิ่งรู้ว่าที่ผ่านมาท่านเอาใจข้าเรื่องอาหารมากเลย” ซูชิงลั่วเอ่ยติดตลก “ไม่แปลกใจเลยที่ท่านจะไม่ค่อยกลับบ้านมากินข้าว”ลู่เหิงจือเงยหน้าขึ้นมองนางซูชิงลั่วเงยหน้าขึ้นมองเขาพร้อมกับเอียงหัวเล็กน้อย “ที่ผ่านมาเป็นความผิดของข้าเองที่ไม่เคยได้สังเกต”นางเอื้อมมือไปดึงหูเขาเบาๆ พลางเอ่ยว่า "ต่อไปนี้ สามีจะได้กินอาหารถูกปากที่บ้านบ่อยๆ แล้วนะ"การที่นางเรียกเขาว่า "สามี" และดึงหูเขาทำให้สายตาของลู่เหิงจือลึกซึ้งยิ่

  • แต่งกับขุนนาง   บทที่ 451

    ซูชิงลั่วหลับไปหนึ่งวันหนึ่งคืนถึงจะฟื้นพอฟื้น คนแรกที่เห็นคือลู่เหิงจือที่นอนอยู่ข้างๆ มือของเขายังจับมือนางไว้อยู่ และฝ่ามือก็เปียกชุ่มไปด้วยเหงื่อนางขยับมือลู่เหิงจือรู้สึกตัวทันที ไม่ต้องให้นางเอ่ยสิ่งใด เขาก็รีบเทน้ำอุ่นใส่ถ้วย แล้วอุ้มนางเข้ามากอดในอ้อมแขน ป้อนน้ำให้นางซูชิงลั่วดื่มไปหลายถ้วยถึงจุใจ เสียงของนางก็แหบพร่า “ลูกล่ะ”“อยู่ห้องข้างๆ เจ้าน่ะ มีแม่นมเหมยและแม่นมคอยดูแลอยู่ ท่านย่าก็แวะไปดูเป็นระยะๆ เจ้าไม่ต้องห่วง” ลู่เหิงจือถามนาง “หิวหรือไม่”ซูชิงลั่วพยักหน้า หิวอย่างที่ไม่เคยเป็นมาก่อนลู่เหิงจือตอบว่า “ข้าวต้มกับบะหมี่เตรียมไว้แล้ว เจ้าอยากกินอะไร”“แม่นมเหมยบอกว่าเจ้าเพิ่งคลอด ควรกินอาหารอ่อนๆ ไปก่อน”เขาเอื้อมมือไปจัดทรงผมที่ยุ่งเหยิงของนาง “พอเจ้าสบายตัวขึ้นแล้ว ข้าจะลงครัวทำอาหารที่เจ้าชอบกินด้วยตนเอง”ซูชิงลั่วพยักหน้า “บะหมี่แล้วกัน”นางไม่มีแรงแม้แต่จะยกแขนลู่เหิงจือจึงอุ้มนางไว้ในอ้อมแขน ป้อนให้นางทีละคำนางกินบะหมี่ไปสองชามเล็กถึงจะอิ่ม และคิดถึงลูกขึ้นมา จึงถามว่า “ลูกหลับอยู่หรือไม่ หากตื่นแล้วอุ้มมาให้ข้าดูหน่อย”ลู่เหิงจือเอ่ยเสียงทุ้

  • แต่งกับขุนนาง   บทที่ 450

    เวลาล่วงเลยเข้าสู่ยามวิกาล ลู่เหิงจือและหญิงชราก็ยังคงรอคอยอยู่ข้างนอกเยว่เออร์จึงปลอบว่า “นายหญิงเฒ่า คุณหนูคงยังไม่คลอดในทันที ท่านควรกลับไปพักผ่อนเสียก่อน มิเช่นนั้น เมื่อคุณหนูคลอดบุตรออกมาแล้ว ร่างกายของท่านจะไม่ไหวเอาได้ คุณหนูก็ต้องมาเป็นห่วงอีก”หญิงชราเอ่ยด้วยน้ำเสียงหนักแน่นว่า “เจ้าไม่ต้องมาปลอบข้าหรอก ข้านอนไม่หลับอยู่แล้ว”เยว่เออร์จึงได้แต่ทำตามคำสั่งโชคดีที่เป็นเดือนหกของจินหลิง ค่ำคืนนี้จึงไม่หนาวลู่เหิงจือได้สั่งให้คนนำนาฬิกาทรายมาวางไว้ในบริเวณลานกว้าง และรู้สึกว่าค่ำคืนนี้ยาวนานเหลือเกินราวกับว่าความอดทนทั้งหมดของเขาหมดไปกับค่ำคืนนี้ฟ้าสางแล้วเสียงร้องครวญครางของซูชิงลั่วก็เบาลง ดูไม่น่ากลัวเหมือนเมื่อคืน และค่อยๆ สงบลงลู่เหิงจือใจร้อนจึงรีบส่งคนเข้าไปถามว่า “เป็นอย่างไรบ้าง”สาวใช้รีบตอบว่า “ใต้เท้าอย่าได้เป็นห่วงเลย ฮูหยินเพียงแค่เหนื่อยจนหลับไปเจ้าค่ะ”นางไม่ได้หลับทั้งคืน เสียงร้องครวญครางก็พยายามกลั้นไว้ คงจะเหนื่อยล้ามากลู่เหิงจือพยักหน้า ไม่ได้เอ่ยสิ่งใดต่อซูชิงลั่วหลับไปเพียงครึ่งชั่วยาม ท้องก็เริ่มปวดอีกครั้งนางตื่นขึ้นมาด้วยความเจ็บป

DMCA.com Protection Status