ลู่เหิงจือมองถ้วยยาดำคล้ำตรงหน้าด้วยใบหน้าสงบนิ่ง แต่ไม่มีท่าทีว่าจะดื่มยาเลยซูชิงลั่วมองเขาอย่างพิจรณาอยู่ครู่หนึ่ง "ทำไมท่านไม่ดื่มเล่า?"ลู่เหิงจือ "ร้อน"ซูชิงลั่วลองแตะขอบถ้วยดู "กำลังดีเลย ยาควรดื่มตอนร้อนๆ"ลู่เหิงจือตอบเสียงเรียบ "ข้าชอบดื่มตอนอุ่นๆ มากกว่า""..."นี่ไม่ใช่ข้ออ้างจริงหรือ?แต่สีหน้าของลู่เหิงจือนิ่งสนิท จนมองไม่ออกเลยต้องยอมรับว่า เวลาที่ผู้ชายคนนี้เจ้าเล่ห์ เขาปิดบังได้แนบเนียนจนนางก็ดูไม่ออกลู่เหิงจือพูดขึ้นอีก "เจ้ากินอะไรก่อนเถอะ ไม่หิวหรือ?"พอเขาพูดแบบนี้ นางก็รู้สึกหิวขึ้นมานิดๆ แล้วจริงๆซูชิงลั่วจึงวางยาถ้วยนั้นลงชั่วคราวนางจะดูซิว่าอีกเดี๋ยวลู่เหิงจือจะมีข้ออ้างอะไรอีกซูชิงลั่วกินข้าวต้มชามเล็กกับผักดองหมดแล้ว จากนั้นก็หยิบยาถ้วยนั้นขึ้นมาอีกครั้งมือขวาของลู่เหิงจือบาดเจ็บ กำลังนั่งพิงอ่านหนังสืออยู่บนเตียงโดยใช้มือซ้ายถือหนังสือไว้ ทันใดนั้นหนังสือในมือก็ถูกดึงออกไป และถ้วยยาก็มาปรากฏตรงหน้าใบหน้างดงามราวกับนางฟ้าของซูชิงลั่วปรากฏตรงหน้าเขา แต่คำพูดของนางไม่ได้น่าฟังเท่าไรนัก "ดื่มยาซะ"ลู่เหิงจือเหลือบมองนางซูชิงลั่วนั่งลงที
แต่เขาก็ปกปิดเก่งมาเสมอซูชิงลั่วจึงทำเป็นพูดอย่างสบายใจว่า "ยานี่ก็ไม่ได้ขมขนาดนั้นใช่หรือไม่ ต่อไปดื่มอย่างว่าง่ายวันละสามครั้งเถิด..."ลู่เหิงจือยื่นมือซ้ายออกไป ดึงนางเข้ามาในอ้อมกอด แล้วก้มลงจูบที่ริมฝีปากของนาง ปล่อยให้นางได้รู้รสสัมผัสนั้น"..."ขมมากทั้งขมทั้งเปรี้ยว แถมยังมีรสชาติประหลาดที่บอกไม่ถูกนางพยายามดิ้นรนยื่นมือไปผลักลู่เหิงจือออก แต่เขารู้ทัน กัดริมฝีปากนางแล้วพูดว่า "ชิงลั่ว ข้าบาดเจ็บอยู่""…"แม้นางจะรู้ว่าเขาน่าจะกำลังแกล้งทำเป็นน่าสงสาร แต่วินาทีนั้นซูชิงลั่วก็ไม่กล้าขยับตัวอีก"เด็กดี" เขาก้มลง และจูบอย่างลึกซึ้งมากขึ้น ถามนางว่า "เจ้าลองชิมเองสิ ขมหรือไม่?""…"รสเปรี้ยวขมบนปลายลิ้นพุ่งตรงไปที่ส่วนลึกของจิตใจ แต่นางกลับขยับตัวไม่ได้ ทำได้เพียงยอมให้คนตรงหน้ากลั่นแกล้งฮือ เขากำลังแก้แค้นนางอยู่หรือเปล่านะ?ต้องใช่แน่นอนจูบนี้ยาวนานมาก หากไม่ใช่เพราะลู่เหิงจือหมดเรี่ยวแรงไปก่อน ซูชิงลั่วก็สงสัยว่าเขาคงอยากจะทำต่อ เพราะจูบของเขานั้น...ช่างทำให้หัวใจหวั่นไหวเหลือเกินโชคดีที่ในช่วงเวลาสำคัญ ทั้งคู่ลืมตาขึ้นมาในเวลาเดียวกัน มองสบตากันอย่างเข้าใจก
ความรู้สึกเศร้าและกลัวของซูชิงลั่วถูกขัดจังหวะอย่างแรงหลังจากที่ใช้เวลาอยู่กับลู่เหิงจือที่หังโจวเป็นเวลาหลายเดือน นางก็ยิ่งเข้าใจเขามากขึ้นนางเดาว่าเขาคงตั้งใจล้อเล่นกับนาง เพื่อให้นางผ่อนคลาย จะได้ไม่คิดถึงเรื่องเลือดสาดนั้นอีกนางจึงไม่สนใจการล้อเลียนของลู่เหิงจือ เพียงแค่จับมือของเขาแน่นยิ่งขึ้นลู่เหิงจือก็ไม่ได้พูดอะไรต่อในค่ำคืนอันเงียบสงัด ทั้งสองนอนฟังเสียงลมที่พัดมาจากนอกหน้าต่างและเสียงถ่านไฟในห้องลู่เหิงจือได้ยินเสียงลมหายใจของนางที่ยังคงไม่หลับ แต่กลับนิ่งเงียบ เขาจึงอดกังวลไม่ได้ถึงอย่างไร ฮูหยินของเขาก็เพิ่งฆ่าคนเพื่อเขามาเขาจึงใช้นิ้วโป้งลูบเบาๆ บนปลายนิ้วของนาง "ยังกลัวอยู่หรือ?""อืม" ซูชิงลั่วครางรับออกมาเบาๆแม้ว่าพยายามไม่คิดถึง แต่ภาพเลือดที่สาดเข้าหน้าของนางก่อนที่ลี่หลูจะตายก็ยังคงผุดขึ้นในหัวอย่างควบคุมไม่ได้นี่เป็นครั้งแรกที่นางฆ่าคนแม้ว่านางจะรู้ดีว่าลี่หลูสมควรตาย แต่นางก็ยังคงรู้สึกผิดในใจ คล้ายกับว่านางได้ทำบาปร้ายแรงและกลายเป็นเพชฌฆาตไปเสียแล้วลู่เหิงจือประสานนิ้วเข้ากับนิ้วของนางเสียงของเขามักจะเย็นชาและหนักแน่น ทำให้ผู้คนไม่กล้าเ
ลู่เหิงจือพูดต่อว่า "ตอนนั้นข้ารู้สึกผิดมาก และเจ็บปวดใจแทน...คนคนหนึ่งสูญเสียบิดาแต่ยังร้องไห้ต่อหน้าผู้คนไม่ได้ น่าเวทนาจริงๆ""ดังนั้น เมื่อขึ้นเรือกลับไปยังเมืองหลวง ข้าเห็นโจรสลัดขึ้นเรือ สิ่งแรกที่คิดคือจะต้องพาเด็กสาวคนนี้กลับไปอย่างปลอดภัย จะไม่ยอมให้ใครมาทำร้ายนางเด็ดขาด""ข้าเองก็ต้องกลับไปอย่างปลอดภัยด้วย ข้ายังมีอีกหลายอย่างที่ต้องทำ"ลู่เหิงจือพูดด้วยน้ำเสียงที่หนักแน่นขึ้น "ด้วยความเชื่อมั่นเช่นนี้ ข้าจึงฆ่าโจรสลัดคนแรก จากนั้นคนที่สอง คนที่สาม...""หลังจากนั้น ข้าก็จำไม่ได้ว่าข้าฆ่าโจรสลัดไปกี่คน ตัวข้าเต็มไปด้วยเลือด กลิ่นคาวเลือดทำให้ข้ารู้สึกคลื่นไส้ แต่ข้าก็ต้องอดทนไว้ โชคดีที่ในที่สุดพวกเราก็ปลอดภัย เด็กสาวคนนั้นยังช่วยข้าพันแผลให้ด้วย ฝีมือไม่เลวเลยทีเดียว""ถึงอย่างนั้น เมื่อข้ากลับถึงเมืองหลวง ข้าก็ยังฝันร้ายติดต่อกันเป็นเดือน น้ำหนักลดลงไปสิบกว่าชั่ง""แต่ข้ารู้ดีว่า ข้าไม่มีทางเลือก หากข้าไม่ฆ่าพวกโจรโดยไม่ลังเล คนที่ตายบนเรือคงเป็นข้ากับเด็กสาวคนนั้น""เมื่อเทียบกันแล้ว ฮูหยินทำได้ดีกว่ามาก" ลู่เหิงจือกล่าวเสียงเบาทำไมถึงพูดถึงทั้งเด็กสาวและฮูหยินกันน
เพราะคำพูดเปิดใจของลู่เหิงจือ ความรู้สึกผิดของซูชิงลั่วจากการฆ่าคนครั้งแรกก็ค่อยๆ เลือนหายไป และนางก็ได้นอนหลับสนิทอย่างเต็มอิ่มลู่เหิงจือเองก็เช่นกันก่อนหน้านี้เขายุ่งจนหัวหมุน ถือโอกาสจากการบาดเจ็บครั้งนี้พักผ่อนอย่างเต็มที่ทั้งสองคนนอนหลับจนตะวันสายโด่ง ก่อนจะลุกขึ้นจากเตียงอย่างไม่เต็มใจเมื่อนับดูแล้ว แม้ว่าพวกเขาจะเป็นสามีภรรยากัน แต่วันที่จะตื่นนอนพร้อมกันนั้นมีไม่มากนัก ซูชิงลั่วกลับรู้สึกว่าฉากตรงหน้านี้ทำให้ใจนางเต้นไม่เป็นจังหวะลู่เหิงจือนอนหลับเต็มอิ่มไปทั้งคืน ไข้ของเขาลดลงบ้างแล้ว แต่การเคลื่อนไหวยังคงไม่สะดวกเท่าไหร่นักเขาถือเสื้อคลุมไว้ในมือ แล้วมองไปที่ซูชิงลั่ว สื่อความหมายชัดเจนว่าเขาต้องการให้นางช่วยซูชิงลั่วรีบสวมเสื้อตัวในก่อนจะเดินไปหาเขา นางมองไปที่ผ้าพันแผลบนตัวของเขาแล้วพูดว่า "ท่านควรจะทำแผลก่อนหรือไม่?"ลู่เหิงจือพยักหน้า "ก็ดี"ซูชิงลั่วพูดว่า "ข้าจะทำแผลใหม่ให้ท่านเอง"ลู่เหิงจือเลิกคิ้ว "ได้สิ"ซูชิงลั่วหยิบยาสมานแผลออกมา แล้วค่อยๆ แกะผ้าพันแผลสีขาวที่พันรอบตัวลู่เหิงจืออย่างระมัดระวังนางแกะออกทีละชั้นๆ จนกระทั่งชั้นสุดท้าย บาดแผลที่เริ
ลู่เหิงจือพยุงตัวขึ้นจากพนักเก้าอี้อย่างช้าๆ แล้วกางแขนออก ปล่อยให้นางปรนนิบัติอย่างเต็มที่ท่าทางนางไม่ค่อยคล่องนัก เพราะปกติลู่เหิงจือก็ไม่ค่อยเรียกให้นางปรนนิบัติอยู่แล้วใช้เวลานานเลยกว่าจะช่วยเขาสวมเสื้อผ้าได้สำเร็จ แต่สุดท้ายก็พ่ายแพ้ให้กับการคาดเข็มขัด พันไปพันมาอยู่รอบเอวของเขาแต่ก็ยังผูกให้เรียบร้อยไม่ได้เสียทีไม่รู้ว่าเป็นเพราะเรื่องนี้หรือเพราะเหตุการณ์ก่อนหน้านี้ แต่ใบหน้าของนางแดงจัดจนถึงใบหูแล้วลู่เหิงจือหัวเราะเบาๆ แล้วรับเข็มขัดมาคาดเองโดยไม่แกล้งนางอีกต่อไปหลังจากทั้งสองทานอาหารเสร็จ ซ่งเหวินก็ยกยามาให้ลู่เหิงจือดื่มยาหมดในอึกเดียว แต่หลังจากดื่มเสร็จก็ยังอดขมวดคิ้วเล็กน้อยไม่ได้มันขมขนาดนั้นเลยหรือ?ซูชิงลั่วนึกถึงรสขมที่ลิ้นของเขาตอนที่จูบนางเมื่อวาน แล้วก็อดใจเต้นไม่ได้ นางจึงเดินไปที่หน้าประตูแล้วแอบสั่งจื๋อหยวนให้ไปหาซื้อของดองอย่างบ๊วยดำหรือพุทราจีนมาหลังจากดื่มยาเสร็จ ซ่งเหวินก็มีเรื่องมากมายที่จะต้องรายงานเขาทีละอย่างขาของลู่เหิงจือบาดเจ็บ เคลื่อนไหวไม่สะดวก เขาจึงนั่งฟังรายงานอยู่บนเตียงแทนที่จะไปอีกห้องซูชิงลั่วนั่งเย็บผ้าอยู่ที่เก้าอี้ริมห
ซูชิงลั่วไม่แปลกใจกับการตีเนียนของลู่เหิงจืออีกต่อไปแล้วนางรู้สึกว่าหลังจากช่วยชีวิตเขาในครั้งนี้ เมื่ออยู่ต่อหน้านาง เขาดูเหมือนจะเปลี่ยนไปเป็นคนละคนเมื่อก่อนเขาก็เคยหยอกล้อนางบ้าง แต่ไม่เคยทำอย่างเปิดเผยหรือบ่อยครั้งขนาดนี้…จะว่าไป ก็เหมือนนกยูงรำแพนหาง จงใจดึงดูดความสนใจจากนางเห็นแก่ที่เขาบาดเจ็บ ซูชิงลั่วจึงไม่ถือสา แต่ก้มลงจูบที่ริมฝีปากล่างของเขาเบาๆ "เด็กดี อย่าซนสิ"ลู่เหิงจือ "..."ไม่ไหวแล้วนางลุกขึ้นจะเดินออกไป แต่กลับถูกลู่เหิงจือจับข้อมือไว้"หืม?""มีฎีกาเล่มหนึ่ง ข้าอาจจะต้องให้เจ้าช่วยคัดลอกใหม่หน่อย ซ่งเหวินลายมือใช้ไม่ได้"ซูชิงลั่วมองไปยังมือซ้ายที่บาดเจ็บของเขา พลางลังเล "ข้าจะทำได้หรือ? ข้าเป็นเพียงสตรีในห้องหอ…"ฎีกาเล่มนั้นต้องทูลเกล้าถวายต่อฮ่องเต้ นางเป็นเพียงสตรีเท่านั้นลู่เหิงจือตอบด้วยน้ำเสียงอ่อนโยน "ทำไมจะไม่ได้ล่ะ? อย่างไรทุกคนก็รู้ว่าข้ารักและตามใจเจ้ามาก ข้าได้รับบาดเจ็บ เจ้าคัดฎีกาแทนข้า มันก็เป็นเรื่องธรรมดาไม่ใช่หรือ?"ซูชิงลั่วพยักหน้า "ถ้าเช่นนั้นก็ได้" จากนั้นเหมือนจะนึกอะไรขึ้นมาได้จึงถามว่า "ท่านบอกว่า...ทุกคนรู้ว่าท่านตามใจข้
"ข้าไม่ได้...ไม่ได้ตื่นเต้น""..."พูดจบ นางก็เงียบไปเองลู่เหิงจือหยิกเนื้อนุ่มๆ ตรงเอวของนางเบาๆ แล้วหัวเราะดีที่เขาไม่ได้ทำอะไรเกินเลยกับนางจริงๆเมื่อรอฎีกาแห้งแล้ว เขาก็เรียกซ่งเหวินมาบอกให้เร่งส่งออกไป จากนั้นก็ทานข้าวร่วมกับซูชิงลั่วหลังจากทานข้าวเสร็จ ซูชิงลั่วก็หยิบบ๊วยดองจานเล็กๆ ที่ตั้งใจเตรียมไว้ออกมา บอกว่า "ดื่มเสร็จข้าจะป้อนท่านเอง เป็นอย่างไร?"ลู่เหิงจือเลิกคิ้วขึ้นเล็กน้อย "ใช้ปากหรือ?""..."ซูชิงลั่วทำหน้าตายและยกถาดบ๊วยดองออกไปทันทีบาดแผลของลู่เหิงจือทำให้เคลื่อนไหวได้ไม่สะดวก ทั้งสองจึงไม่รีบร้อนเดินทางไปจินหลิง พักฟื้นรักษาตัวอยู่ที่หังโจวต่อไปลู่เหิงจือเชื่อฟังคำสั่งของซูชิงลั่วจริงๆ แทบไม่แตะต้องงานในราชสำนักเลยไหนๆ ก็เขียนฎีกาเสร็จเรียบร้อยแล้ว เขาจึงใช้เวลาพักผ่อนอย่างเต็มที่ ตอบจดหมายของเซี่ยถิงอวี่บ้างเป็นครั้งคราว ที่เหลือก็ใช้เวลาอยู่กับซูชิงลั่ว คอยหยอกนางเล่นเป็นบางเวลาผ่านไปหนึ่งเดือน ซูชิงลั่วก็ค่อยๆ เคยชินกับการหยอกล้อของลู่เหิงจือ จนไม่รู้สึกเขินอายหรือใจเต้นแรงเพียงเพราะคำพูดของเขาอีกต่อไปความรู้สึกของทั้งคู่ดูเหมือนจะพัฒนาขึ้น