แชร์

บทที่ 240

ผู้เขียน: หอมดังเดิม
last update ปรับปรุงล่าสุด: 2024-10-14 18:00:00
ความรู้สึกเศร้าและกลัวของซูชิงลั่วถูกขัดจังหวะอย่างแรง

หลังจากที่ใช้เวลาอยู่กับลู่เหิงจือที่หังโจวเป็นเวลาหลายเดือน นางก็ยิ่งเข้าใจเขามากขึ้น

นางเดาว่าเขาคงตั้งใจล้อเล่นกับนาง เพื่อให้นางผ่อนคลาย จะได้ไม่คิดถึงเรื่องเลือดสาดนั้นอีก

นางจึงไม่สนใจการล้อเลียนของลู่เหิงจือ เพียงแค่จับมือของเขาแน่นยิ่งขึ้น

ลู่เหิงจือก็ไม่ได้พูดอะไรต่อ

ในค่ำคืนอันเงียบสงัด ทั้งสองนอนฟังเสียงลมที่พัดมาจากนอกหน้าต่างและเสียงถ่านไฟในห้อง

ลู่เหิงจือได้ยินเสียงลมหายใจของนางที่ยังคงไม่หลับ แต่กลับนิ่งเงียบ เขาจึงอดกังวลไม่ได้

ถึงอย่างไร ฮูหยินของเขาก็เพิ่งฆ่าคนเพื่อเขามา

เขาจึงใช้นิ้วโป้งลูบเบาๆ บนปลายนิ้วของนาง "ยังกลัวอยู่หรือ?"

"อืม" ซูชิงลั่วครางรับออกมาเบาๆ

แม้ว่าพยายามไม่คิดถึง แต่ภาพเลือดที่สาดเข้าหน้าของนางก่อนที่ลี่หลูจะตายก็ยังคงผุดขึ้นในหัวอย่างควบคุมไม่ได้

นี่เป็นครั้งแรกที่นางฆ่าคน

แม้ว่านางจะรู้ดีว่าลี่หลูสมควรตาย แต่นางก็ยังคงรู้สึกผิดในใจ คล้ายกับว่านางได้ทำบาปร้ายแรงและกลายเป็นเพชฌฆาตไปเสียแล้ว

ลู่เหิงจือประสานนิ้วเข้ากับนิ้วของนาง

เสียงของเขามักจะเย็นชาและหนักแน่น ทำให้ผู้คนไม่กล้าเ
บทที่ถูกล็อก
อ่านต่อเรื่องนี้บน Application

บทที่เกี่ยวข้อง

  • แต่งกับขุนนาง   บทที่ 241

    ลู่เหิงจือพูดต่อว่า "ตอนนั้นข้ารู้สึกผิดมาก และเจ็บปวดใจแทน...คนคนหนึ่งสูญเสียบิดาแต่ยังร้องไห้ต่อหน้าผู้คนไม่ได้ น่าเวทนาจริงๆ""ดังนั้น เมื่อขึ้นเรือกลับไปยังเมืองหลวง ข้าเห็นโจรสลัดขึ้นเรือ สิ่งแรกที่คิดคือจะต้องพาเด็กสาวคนนี้กลับไปอย่างปลอดภัย จะไม่ยอมให้ใครมาทำร้ายนางเด็ดขาด""ข้าเองก็ต้องกลับไปอย่างปลอดภัยด้วย ข้ายังมีอีกหลายอย่างที่ต้องทำ"ลู่เหิงจือพูดด้วยน้ำเสียงที่หนักแน่นขึ้น "ด้วยความเชื่อมั่นเช่นนี้ ข้าจึงฆ่าโจรสลัดคนแรก จากนั้นคนที่สอง คนที่สาม...""หลังจากนั้น ข้าก็จำไม่ได้ว่าข้าฆ่าโจรสลัดไปกี่คน ตัวข้าเต็มไปด้วยเลือด กลิ่นคาวเลือดทำให้ข้ารู้สึกคลื่นไส้ แต่ข้าก็ต้องอดทนไว้ โชคดีที่ในที่สุดพวกเราก็ปลอดภัย เด็กสาวคนนั้นยังช่วยข้าพันแผลให้ด้วย ฝีมือไม่เลวเลยทีเดียว""ถึงอย่างนั้น เมื่อข้ากลับถึงเมืองหลวง ข้าก็ยังฝันร้ายติดต่อกันเป็นเดือน น้ำหนักลดลงไปสิบกว่าชั่ง""แต่ข้ารู้ดีว่า ข้าไม่มีทางเลือก หากข้าไม่ฆ่าพวกโจรโดยไม่ลังเล คนที่ตายบนเรือคงเป็นข้ากับเด็กสาวคนนั้น""เมื่อเทียบกันแล้ว ฮูหยินทำได้ดีกว่ามาก" ลู่เหิงจือกล่าวเสียงเบาทำไมถึงพูดถึงทั้งเด็กสาวและฮูหยินกันน

    ปรับปรุงล่าสุด : 2024-10-14
  • แต่งกับขุนนาง   บทที่ 242

    เพราะคำพูดเปิดใจของลู่เหิงจือ ความรู้สึกผิดของซูชิงลั่วจากการฆ่าคนครั้งแรกก็ค่อยๆ เลือนหายไป และนางก็ได้นอนหลับสนิทอย่างเต็มอิ่มลู่เหิงจือเองก็เช่นกันก่อนหน้านี้เขายุ่งจนหัวหมุน ถือโอกาสจากการบาดเจ็บครั้งนี้พักผ่อนอย่างเต็มที่ทั้งสองคนนอนหลับจนตะวันสายโด่ง ก่อนจะลุกขึ้นจากเตียงอย่างไม่เต็มใจเมื่อนับดูแล้ว แม้ว่าพวกเขาจะเป็นสามีภรรยากัน แต่วันที่จะตื่นนอนพร้อมกันนั้นมีไม่มากนัก ซูชิงลั่วกลับรู้สึกว่าฉากตรงหน้านี้ทำให้ใจนางเต้นไม่เป็นจังหวะลู่เหิงจือนอนหลับเต็มอิ่มไปทั้งคืน ไข้ของเขาลดลงบ้างแล้ว แต่การเคลื่อนไหวยังคงไม่สะดวกเท่าไหร่นักเขาถือเสื้อคลุมไว้ในมือ แล้วมองไปที่ซูชิงลั่ว สื่อความหมายชัดเจนว่าเขาต้องการให้นางช่วยซูชิงลั่วรีบสวมเสื้อตัวในก่อนจะเดินไปหาเขา นางมองไปที่ผ้าพันแผลบนตัวของเขาแล้วพูดว่า "ท่านควรจะทำแผลก่อนหรือไม่?"ลู่เหิงจือพยักหน้า "ก็ดี"ซูชิงลั่วพูดว่า "ข้าจะทำแผลใหม่ให้ท่านเอง"ลู่เหิงจือเลิกคิ้ว "ได้สิ"ซูชิงลั่วหยิบยาสมานแผลออกมา แล้วค่อยๆ แกะผ้าพันแผลสีขาวที่พันรอบตัวลู่เหิงจืออย่างระมัดระวังนางแกะออกทีละชั้นๆ จนกระทั่งชั้นสุดท้าย บาดแผลที่เริ

    ปรับปรุงล่าสุด : 2024-10-14
  • แต่งกับขุนนาง   บทที่ 243

    ลู่เหิงจือพยุงตัวขึ้นจากพนักเก้าอี้อย่างช้าๆ แล้วกางแขนออก ปล่อยให้นางปรนนิบัติอย่างเต็มที่ท่าทางนางไม่ค่อยคล่องนัก เพราะปกติลู่เหิงจือก็ไม่ค่อยเรียกให้นางปรนนิบัติอยู่แล้วใช้เวลานานเลยกว่าจะช่วยเขาสวมเสื้อผ้าได้สำเร็จ แต่สุดท้ายก็พ่ายแพ้ให้กับการคาดเข็มขัด พันไปพันมาอยู่รอบเอวของเขาแต่ก็ยังผูกให้เรียบร้อยไม่ได้เสียทีไม่รู้ว่าเป็นเพราะเรื่องนี้หรือเพราะเหตุการณ์ก่อนหน้านี้ แต่ใบหน้าของนางแดงจัดจนถึงใบหูแล้วลู่เหิงจือหัวเราะเบาๆ แล้วรับเข็มขัดมาคาดเองโดยไม่แกล้งนางอีกต่อไปหลังจากทั้งสองทานอาหารเสร็จ ซ่งเหวินก็ยกยามาให้ลู่เหิงจือดื่มยาหมดในอึกเดียว แต่หลังจากดื่มเสร็จก็ยังอดขมวดคิ้วเล็กน้อยไม่ได้มันขมขนาดนั้นเลยหรือ?ซูชิงลั่วนึกถึงรสขมที่ลิ้นของเขาตอนที่จูบนางเมื่อวาน แล้วก็อดใจเต้นไม่ได้ นางจึงเดินไปที่หน้าประตูแล้วแอบสั่งจื๋อหยวนให้ไปหาซื้อของดองอย่างบ๊วยดำหรือพุทราจีนมาหลังจากดื่มยาเสร็จ ซ่งเหวินก็มีเรื่องมากมายที่จะต้องรายงานเขาทีละอย่างขาของลู่เหิงจือบาดเจ็บ เคลื่อนไหวไม่สะดวก เขาจึงนั่งฟังรายงานอยู่บนเตียงแทนที่จะไปอีกห้องซูชิงลั่วนั่งเย็บผ้าอยู่ที่เก้าอี้ริมห

    ปรับปรุงล่าสุด : 2024-10-15
  • แต่งกับขุนนาง   บทที่ 244

    ซูชิงลั่วไม่แปลกใจกับการตีเนียนของลู่เหิงจืออีกต่อไปแล้วนางรู้สึกว่าหลังจากช่วยชีวิตเขาในครั้งนี้ เมื่ออยู่ต่อหน้านาง เขาดูเหมือนจะเปลี่ยนไปเป็นคนละคนเมื่อก่อนเขาก็เคยหยอกล้อนางบ้าง แต่ไม่เคยทำอย่างเปิดเผยหรือบ่อยครั้งขนาดนี้…จะว่าไป ก็เหมือนนกยูงรำแพนหาง จงใจดึงดูดความสนใจจากนางเห็นแก่ที่เขาบาดเจ็บ ซูชิงลั่วจึงไม่ถือสา แต่ก้มลงจูบที่ริมฝีปากล่างของเขาเบาๆ "เด็กดี อย่าซนสิ"ลู่เหิงจือ "..."ไม่ไหวแล้วนางลุกขึ้นจะเดินออกไป แต่กลับถูกลู่เหิงจือจับข้อมือไว้"หืม?""มีฎีกาเล่มหนึ่ง ข้าอาจจะต้องให้เจ้าช่วยคัดลอกใหม่หน่อย ซ่งเหวินลายมือใช้ไม่ได้"ซูชิงลั่วมองไปยังมือซ้ายที่บาดเจ็บของเขา พลางลังเล "ข้าจะทำได้หรือ? ข้าเป็นเพียงสตรีในห้องหอ…"ฎีกาเล่มนั้นต้องทูลเกล้าถวายต่อฮ่องเต้ นางเป็นเพียงสตรีเท่านั้นลู่เหิงจือตอบด้วยน้ำเสียงอ่อนโยน "ทำไมจะไม่ได้ล่ะ? อย่างไรทุกคนก็รู้ว่าข้ารักและตามใจเจ้ามาก ข้าได้รับบาดเจ็บ เจ้าคัดฎีกาแทนข้า มันก็เป็นเรื่องธรรมดาไม่ใช่หรือ?"ซูชิงลั่วพยักหน้า "ถ้าเช่นนั้นก็ได้" จากนั้นเหมือนจะนึกอะไรขึ้นมาได้จึงถามว่า "ท่านบอกว่า...ทุกคนรู้ว่าท่านตามใจข้

    ปรับปรุงล่าสุด : 2024-10-15
  • แต่งกับขุนนาง   บทที่ 245

    "ข้าไม่ได้...ไม่ได้ตื่นเต้น""..."พูดจบ นางก็เงียบไปเองลู่เหิงจือหยิกเนื้อนุ่มๆ ตรงเอวของนางเบาๆ แล้วหัวเราะดีที่เขาไม่ได้ทำอะไรเกินเลยกับนางจริงๆเมื่อรอฎีกาแห้งแล้ว เขาก็เรียกซ่งเหวินมาบอกให้เร่งส่งออกไป จากนั้นก็ทานข้าวร่วมกับซูชิงลั่วหลังจากทานข้าวเสร็จ ซูชิงลั่วก็หยิบบ๊วยดองจานเล็กๆ ที่ตั้งใจเตรียมไว้ออกมา บอกว่า "ดื่มเสร็จข้าจะป้อนท่านเอง เป็นอย่างไร?"ลู่เหิงจือเลิกคิ้วขึ้นเล็กน้อย "ใช้ปากหรือ?""..."ซูชิงลั่วทำหน้าตายและยกถาดบ๊วยดองออกไปทันทีบาดแผลของลู่เหิงจือทำให้เคลื่อนไหวได้ไม่สะดวก ทั้งสองจึงไม่รีบร้อนเดินทางไปจินหลิง พักฟื้นรักษาตัวอยู่ที่หังโจวต่อไปลู่เหิงจือเชื่อฟังคำสั่งของซูชิงลั่วจริงๆ แทบไม่แตะต้องงานในราชสำนักเลยไหนๆ ก็เขียนฎีกาเสร็จเรียบร้อยแล้ว เขาจึงใช้เวลาพักผ่อนอย่างเต็มที่ ตอบจดหมายของเซี่ยถิงอวี่บ้างเป็นครั้งคราว ที่เหลือก็ใช้เวลาอยู่กับซูชิงลั่ว คอยหยอกนางเล่นเป็นบางเวลาผ่านไปหนึ่งเดือน ซูชิงลั่วก็ค่อยๆ เคยชินกับการหยอกล้อของลู่เหิงจือ จนไม่รู้สึกเขินอายหรือใจเต้นแรงเพียงเพราะคำพูดของเขาอีกต่อไปความรู้สึกของทั้งคู่ดูเหมือนจะพัฒนาขึ้น

    ปรับปรุงล่าสุด : 2024-10-15
  • แต่งกับขุนนาง   บทที่ 246

    ครึ่งเดือนต่อมา ลู่เหิงจือได้รับจดหมายจากเซี่ยถิงอวี่ เขาหมั้นหมายกับเมิ่งชิงไต้แล้ว ปลายปีจะจัดพิธีสมรสส่วนพระชายาองค์รัชทายาทถูกกำหนดให้เป็นบุตรสาวอนุอีกผู้หนึ่งในตระกูลเมิ่งทั้งหมดเป็นไปตามที่คาดการณ์ไว้ลู่เหิงจือก้มลงมอง ก่อนจะเผาจดหมายกับเปลวเทียนเถ้าถ่านร่วงหล่นบนพื้นเขาผลักหน้าต่างออกไปก็ได้ยินเสียงชวนรำคาญใจของหลี่ว์เผิงเทียน : "น้องซูไม่รู้อะไร แต่ไหนแต่ไรมา ผู้ที่ทำการค้าล้วนแต่เห็นกำไรเป็นสำคัญ ไม่ใช่ว่าพ่อค้าเห็นแก่ผลประโยชน์ แต่หากเจ้าไม่คิดจะหาเงิน เช่นนั้นแล้วจะเป็นพ่อค้าที่ดีได้เยี่ยงไร แน่นอนว่าขอเพียงแค่การค้าขายไปได้ดี ก็สามารถแบ่งเงินบางส่วนไปให้ผู้คนเบื้องล่างได้ตามเหมาะสม แต่ต้องเป็นปริมาณที่เหมาะสมเท่านั้น..."ท้องฟ้าเดือนสามในฤดูใบไม้ผลิส่องแสงสว่างสดใสแสงจากด้านนอกกระทบลงบนร่างของซูชิงลั่ว ขับให้นางดูงดงามชวนหลงใหลยิ่งนักหลี่ว์เผิงเทียนนั่งอยู่ข้างโต๊ะกลมตัวเล็ก กำลังถือสมุดบัญชีอธิบายให้ซูชิงลั่วฟังอย่างละเอียดลู่เหิงจือขมวดคิ้วมุ่น เจ้าหลี่ว์เผิงเทียนช่างกวนใจยิ่งนัก อาศัยที่ตนช่วยบรรเทาทุกข์ภัยถือว่าตนมีคุณความดี ทั้งยังช่วยเหลือเขาไว้ ส่วนซ

    ปรับปรุงล่าสุด : 2024-10-15
  • แต่งกับขุนนาง   บทที่ 247

    ลู่เหิงจือกวาดสายตามองเขาผาดหนึ่งหางเต๋อโย่วรีบพูดต่อ : "นี่นับเป็นของที่ข้าน้อยอยากมอบให้ใต้เท้าเป็นการส่วนตัวเท่านั้น ไม่ใช่ของกำนัลใดอย่างแน่นอน ไม่ใช่เลย"ลู่เหิงจือตอบนิ่งๆ : "เช่นนั้นก็ขอบใจใต้เท้าหางแล้ว"หางเต๋อโย่วพลันยิ้มตอบ : "ไม่บังอาจ ข้าต้องขอบคุณอัครมหาเสนาบดีถึงจะถูก คิดไม่ถึงว่าฝ่าบาทจะทรงพระราชทานรางวัลให้ข้าน้อยเป็นการเฉพาะ ขอบคุณใต้เท้ายิ่งนักที่พูดเรื่องดีๆ ของข้าต่อหน้าฝ่าบาท"หลังจากที่มีการประกาศพระราชโองการ หางเต๋อโย่วที่ถูกหวังเหลียงฮั่นกดขี่มาตลอดก็สามารถยืดอกได้เสียที ด้านหนึ่งรู้สึกว่าเป็นเกียรติต่อวงศ์ตระกูลยิ่งนัก อีกด้านก็รู้สึกว่าโชคดีเหลือเกินที่ตนอยู่ข้างลู่เหิงจือ ไม่เช่นนั้นเกรงว่าเขาเองก็คงต้องถูกคุมตัวพาไปเมืองหลวงด้วยเช่นกันดังนั้นวันนี้จึงมาส่งเสียที่นี่ ด้วยความจริงใจลู่เหิงจือตอบด้วยน้ำเสียงเรียบเฉย : "นี่คือสิ่งที่ใต้เท้าหางควรจะได้รับ"การลอบตรวจสอบบัญชี มีส่วนที่หางเต๋อโย่วหามาให้อยู่ไม่น้อย แม้เขาจะเพราะทั้งถูกบังคับและชักจูง แต่ยังดีที่ตามหลักการแล้ว เขาได้ให้ความช่วยเหลือพอสมควรหางเต๋อโย่วทำความเคารพลู่เหิงจือ : "ขอบคุณใต้เท้

    ปรับปรุงล่าสุด : 2024-10-16
  • แต่งกับขุนนาง   บทที่ 248

    "อ่อ" ซ่งเหวินส่งเสียงร้องเบาๆ ก่อนจะมองนางแวบหนึ่ง: "เช่นนั้นต่อไปเจ้าอยู่ในห่างเขาหน่อย คนผู้นี้น่ารังเกียจยิ่งนัก ชอบนับผู้อื่นเป็นน้องสาวตนอยู่เรื่อย"จื๋อหยวน : " ? "ความเคลื่อนไหวทางนี้แน่นอนว่าได้ยินถึงหูซูชิงลั่วด้วยเช่นกันนางอยากหันกลับไป ทว่ากลับถูกลู่เหิงจือกอดไว้แน่น : "ไม่ต้องสนใจ ช่วงนี้เจ้าเอาแต่ยุ่งกับการเรียนค้าขาย ไม่ได้อยู่เป็นเพื่อนข้าดีๆ มานานเพียงใดแล้ว"ซูชิงลั่วพูดไม่ออกเพราะคำพูดของเขา คิดว่าทางนั้นก็คงไม่น่าจะมีเรื่องอะไร จึงอยู่ในอ้อมกอดของเขาไปอย่างเชื่อฟังต่อ*เรือเทียบท่า ผู้ดูแลถานที่เป็นผู้ดูแลบ้านตระกูลซูมาแต่เก่าแก่ได้รับจดหมายตั้งแต่แรกแล้ว นำกลุ่มบ่าวรับใช้มารอรับซูชิงลั่วมองจากไกลๆ ก็จำผู้ดูแลถานได้ทันทีเขาโตมากับท่านพ่อตั้งแต่ยังเด็ก อายุมากกว่าท่านพ่อหกปีตอนที่ท่านพ่อจากไป เขาร้องไห้ด้วยความเจ็บปวดรวดร้าว แต่กลับต้องฝืนควบคุมเหล่าบ่าวไพร่ จัดการเรื่องด้านหลังของท่านพ่อ ช่วยนางจัดกระเป๋าเดินทางและสินเดิมคืนก่อนส่งนางไปเมืองหลวง ผู้ดูแลถานที่ไม่ค่อยพูดคุยกับนางมาโดยตลอดมาเคาะประตูห้องนาง นำธนบัตรจำนวนใบละยี่สิบตำลึงปึกหนาเตอะที่แลกม

    ปรับปรุงล่าสุด : 2024-10-16

บทล่าสุด

  • แต่งกับขุนนาง   บทที่ 458

    เสียงของนางแฝงความหมายว่า “รู้แล้วทำไมไม่บอกข้า”ซูชิงลั่วกระซิบว่า “ซือไหวไม่ให้ข้าบอกท่าน และข้าก็กลัวว่าหากบอกท่านไป แล้วจะกระทบความสัมพันธ์ระหว่างพี่สะใภ้กับน้องสาวได้”ลู่เหิงจือเอ่ยด้วยน้ำเสียงเย็นชาว่า “แต่เจ้าไม่กลัวว่าจะกระทบความสัมพันธ์ระหว่างสามีภรรยาหรือ”ซูชิงลั่วซบลงในอ้อมอกเขา “จะกระทบหรือ?”ลู่เหิงจือฮึดฮัด น้ำเสียงนั้นชัดเจนว่าไม่เป็นเช่นนั้นซูชิงลั่วอดยิ้มไม่ได้ “อันที่จริงแล้วใต้เท้าอวี๋ก็ไม่เลวเลย”ลู่เหิงจือเอ่ยเสียงเข้มขรึมว่า “ห้ามชมเขา”ซูชิงลั่วตอบอย่างเชื่อฟังว่า “ได้”อวี๋ซื่อชิงเดินมาพร้อมกับลู่ซือไหวลู่เหิงจือมองคนทั้งสองพลางถามว่า “นานแค่ไหนแล้ว?”อวี๋ซื่อชิงตอบอย่างมั่นใจว่า “เกือบปีแล้ว”นานแค่ไหนนะ???เช่นนี้ก็หมายความว่าพวกเขาเริ่มคบหากันหลังจากที่เขาและซูชิงลั่วออกจากเมืองหลวงไม่นานอย่างนั้นหรือ?ลู่เหิงจือหันมองลู่ซือไหว “เจ้ามานี่”อวี๋ซื่อชิงพูดว่า “มีเรื่องอะไรข้าจะคุยกับท่านเอง”ลู่เหิงจือยิ้มเย้ยหยัน “การสนทนาของพวกข้าสองพี่น้อง ไม่เกี่ยวกับเจ้า”ลู่ซือไหวดึงแขนเสื้อของอวี๋ซื่อชิง อวี๋ซื่อชิงจึงถอยออกไปลู่เหิงจือพาลู่ซือไหวออ

  • แต่งกับขุนนาง   บทที่ 457

    เซี่ยถิงอวี่เดินเข้ามา มองลู่เหิงจือพลางเอ่ยว่า “เหิงจือ รอบที่แล้วเจ้าแต่งงาน ข้าไม่สะดวกไปร่วมงานเพราะสถานะของข้า รอบนี้เจ้าแต่งงาน ข้าจะต้องมาดูสักครั้ง เพื่อความสบายใจของข้าเอง”เสียงของเขาดูจริงใจ ราวกับกำลังพูดคุยกับมิตรสหายคนหนึ่งลู่เหิงจือเงียบไปครู่หนึ่ง แล้วเอ่ยว่า “ขอบคุณมาก”ไม่ว่าก่อนหน้านี้จะมีการใช้กันและกันเป็นเครื่องมือหรือไม่ แต่ยามนี้ พวกเขาเป็นสหายที่จริงใจต่อกันมากที่สุดเมิ่งชิงไต้ก็เอ่ยว่า “รอบที่แล้วข้าไม่ได้เข้าร่วมงานแต่งงานของน้องซู ก็รู้สึกเสียดายเหมือนกัน อันที่จริงแล้ว ข้าพาอวี้จู๋และโฉวกว่างมาด้วย”หลังจากลู่เหิงจือและซูชิงลั่วกลับจินหลิง เซี่ยถิงอวี่ก็เรียกโฉวกว่างกลับมาเพราะการส่งองครักษ์ลับที่ผ่านการฝึกฝนอย่างหนักไปยังจินหลิงนั้นดูจะไม่คุ้มค่า ลู่เหิงจือก็ไม่มีความเห็นอะไร อวี้จู๋จึงยังคงอยู่ในเมืองหลวงและติดตามเมิ่งชิงไต้ซูชิงลั่วรู้สึกประหลาดใจและเอ่ยว่า “ขอบคุณพี่เมิ่ง”เซี่ยถิงอวี่หัวเราะออกมาอย่างกะทันหันเพราะปิดหน้าอยู่ ซูชิงลั่วจึงมองไม่เห็นสีหน้าของเขา รู้สึกได้เพียงว่าเสียงของเขามีความเย้าแหย่แฝงอยู่“ใช่แล้ว ข้าพาอวี๋ซื่อชิงมาด้

  • แต่งกับขุนนาง   บทที่ 456

    เนื่องจากชุดเครื่องประดับศีรษะชุดนี้ทำค่อนข้างยาก รวมถึงสุขภาพของซูชิงลั่วที่ต้องดูแลเป็นพิเศษ และหลิงเกอเอ๋อร์ยังเล็กอยู่ การแต่งงานรอบสองระหว่างลู่เหิงจือกับซูชิงลั่วจึงเลื่อนออกไปหนึ่งปีทั้งสองเคยแต่งงานกันมารอบหนึ่งแล้ว การแต่งงานรอบสองเป็นเพียงการให้คำมั่นสัญญาแก่กัน และไม่ได้จัดงานใหญ่โต มีเพียงเชิญญาติฝ่ายเรือนสามและญาติของตระกูลซูมาร่วมงานคล้ายคลึงกับงานฉลองอายุครบเดือนของหลิงเกอเอ๋อร์เท่านั้นซูชิงลั่วสวมเครื่องประดับศีรษะที่ลู่เหิงจือคอยดูแลการผลิตด้วยตัวเอง มุมปากก็ยกขึ้นเล็กน้อยจื๋อหยวนเอ่ยว่า “ของที่ใต้เท้าคอยดูแลการผลิตด้วยตัวเองย่อมงดงามมาก”ซูชิงลั่วพยักหน้า ได้ยินมาว่าลู่เหิงจือทำให้ฝีมือของช่างเหล่านั้นพัฒนาขึ้นไปอีกขั้นเลยทีเดียวก่อนหน้านี้ไม่เคยมีงานฝีมือการทอเส้นไหมทองที่ประณีตขนาดนี้มาก่อนอัญมณีสีชมพูที่ใช้ประดับดอกไม้ต้องมีสีที่เหมือนดอกท้อมากที่สุด ได้ยินมาว่าลู่เหิงจือเดินทางไปทั่วเจียงหนานเพื่อคัดเลือกอัญมณีหลายร้อยชิ้น จนกระทั่งพบกับอัญมณีที่มีสีใกล้เคียงกับสีชมพูของดอกท้อมากที่สุดหลิงเกอเอ๋อร์เดินได้มาหนึ่งเดือนกว่าแล้วยามนี้เขาวิ่งเข้ามาอย่างท

  • แต่งกับขุนนาง   บทที่ 455

    ลู่เหิงจือนวดหว่างคิ้วเบาๆ ไม่ตอบอะไรซ่งอวี้ครุ่นคิดครู่หนึ่ง “อันที่จริงแล้วข้ามีวิธีฝังเข็มคุมกำเนิดสอนท่านได้ หากท่านไม่ต้องการมีลูก หลังจากมีเพศรักทุกครั้ง ท่านก็สามารถฝังเข็มให้ฮูหยินได้ ไม่มีผลข้างเคียง เพียงแต่อาจจะเรียนรู้ยากหน่อย”ลู่เหิงจือโล่งอก “ข้าเรียน”เขายังเรียนเขียนบทบรรยายได้เลย การฝังเข็มแค่นี้เขาไม่กลัวอยู่แล้วซ่งอวี้ “เรื่องนี้ต้องปรึกษาฮูหยินของท่านด้วย”“แน่นอน ข้าแค่มาถามท่านก่อน” ลู่เหิงจือตอบด้วยน้ำเสียงเป็นธรรมชาติหลังจากส่งซ่งอวี้กลับห้องแล้ว ลู่เหิงจือก็เดินตามทางเดินที่คดเคี้ยวกลับต้องยอมรับว่าจวนตระกูลซูสร้างได้ดีจริงๆ แม้แต่แสงจันทราก็ยังสวยกว่าที่เมืองหลวงเขายกหน้าขึ้นมองพระจันทร์ คิดว่ายามนี้หลิงเกอเอ๋อร์หลับแล้วแน่นอน คงพาซูชิงลั่วออกมาชมจันทร์ได้เขายิ้มมุมปาก จู่ๆ ก็คิดบางอย่าออก รีบก้มดูถุงหอมที่ตนเองห้อย- ถุงหอมที่ซูชิงลั่วให้ลู่ซือไหวล้วนเป็นการปักสองด้านหมด แล้วของเขา......เขารีบเปิดออกนี่คือถุงหอมอันแรกที่ซูชิงลั่วให้เขานางเคยให้เขาสามอัน เขาห้อยอันนี้บ่อยที่สุด เพราะรู้สึกว่าอันแรกมีความหมายที่แตกต่างปลายนิ้วของเขาสั่น

  • แต่งกับขุนนาง   บทที่ 454

    ลู่เหิงจือเอ่ยกึ่งติดตลกว่า "หรือว่าข้าจะมาเป็นกรรมการดี?"เขาแค่พูดเล่นๆ แต่ลู่ซือไหวกลับคิดจริงจัง "ดีเลย"นางก็รีบแกะถุงหอมที่ซูชิงลั่วให้นางมาจากเอวซูชิงลั่วรู้สึกประหลาดใจ - นางพกติดตัวตลอดจริงๆลู่เหิงจือหยิบขึ้นมาเทียบกับสร้อยทองในมือของซูชิงลั่ว แล้วเอ่ยเสียงเรียบว่า "ก็สู้ของพี่สะใภ้ไม่ได้หรอก"ลู่ซือไหวไม่ได้รู้สึกไม่พอใจที่ถูกพูดเช่นนี้ ใบหน้าก็ยิ้มแย้ม "ก็เพราะการปักลายสองด้านจำกัดฝีมือของพี่สะใภ้"นางพลิกถุงหอมกลับด้าน ด้านในมีอะไรซ่อนอยู่ลู่เหิงจือรู้สึกเหมือนจะนึกอะไรออกแต่ก็จับไม่ได้ทันที ก็ได้ยินบ่าวรับใช้มารายงานว่าหมอหลวงซ่งจากเมืองหลวงมาถึงแล้วเขาอายุมากแล้ว ฮ่องเต้องค์ใหม่มีหมอหลวงที่ไว้ใจได้ของพระองค์เอง เขาจึงลาออกจากตำแหน่งกลับบ้านเกิดเขาเป็นชาวจินหลิง พอได้ยินว่าลูกชายของลู่เหิงจืออายุครบเดือน ก็รีบมาแสดงความยินดีในวันรุ่งขึ้นทันทีคนอื่นๆ ล้วนเป็นญาติหรือสหายเก่าของตระกูลซูแห่งจินหลิง ลู่เหิงจือไม่จำเป็นต้องไปต้อนรับเป็นพิเศษ แต่เมื่อซ่งอวี้มาเอง เขาต้องไปพบซูชิงลั่วเห็นว่าญาติมาครบแล้ว ก็อุ้มหลิงเกอเอ๋อร์และจูงมือลู่ซือไหวออกไปทักทายทุกคนทัน

  • แต่งกับขุนนาง   บทที่ 453

    ถึงจะเป็นเช่นนั้น แต่กระทำกลับอ่อนโยนอย่างไม่เคยมีมาก่อนเห็นได้ชัดว่าเขาดูแลนางเป็นอย่างดีหลังคลอดไม่นานทว่าซูชิงลั่วก็อดร้องออกมาด้วยเสียงที่ทำให้หัวใจเต้นรัวไม่ได้เขาเพิ่งเคยจูบนางเช่นนี้เป็นครั้งแรก จูบที่ทั้งถี่และอ่อนโยนจนแทบจะทั่วทั้งร่างกายของนางสุดท้ายแนบชิดนางอย่างระมัดระวังจูบเสร็จแล้ว ซูชิงลั่วก็เอนตัวลงในอ้อมแขนของเขาและถามว่า “ท่านจะเขียนบทบรรยายให้ข้าอีกหรือไม่”ลู่เหิงจือตอบเสียงเบาว่า “หากเจ้าอยากอ่าน ข้าก็จะเขียน”ซูชิงลั่วตอบว่า “อยากอ่าน”ลู่เหิงจือตอบว่า “ได้”ซูชิงลั่วรู้สึกพึงพอใจและหลับไปในอ้อมแขนของเขา*งานฉลองวันเกิดครบหนึ่งเดือนของหลิงเกอเอ๋อร์ จัดขึ้นเมื่อเขาอายุได้ สามสิบห้าวันซึ่งจัดช้ากว่าที่จินหลิงไม่กี่วันเนื่องจากญาติฝ่ายตระกูลซูเหลือไม่มาก และญาติฝ่ายตระกูลลู่ส่วนใหญ่อยู่ที่เมืองหลวง จำนวนแขกที่มาในงานจึงไม่มาก มีเพียงแค่สองโต๊ะเท่านั้นแต่ภายในบ้านก็ยังคงคึกคักเป็นพิเศษ เพราะไม่ได้มีงานมงคลเช่นนี้มานานแล้วลู่ซือไหวก็ถูกรับกลับมาจินหลิงเช่นกัน เนื่องจากลู่เหิงจือและซูชิงลั่ววางแผนจะอยู่ที่จินหลิงสักสองสามปี นางจึงอยากอยู่กับพี่ช

  • แต่งกับขุนนาง   บทที่ 452

    ลู่เหิงจือจึงได้อยู่เดือนเป็นเพื่อนซูชิงลั่วเขาเริ่มสังเกตเห็นว่าเมนูอาหารในบ้านเปลี่ยนไปจากเดิมมากโดยเฉพาะเมนูที่ไม่ค่อยได้ทำมาก่อนแต่ปรากฏในช่วงนี้อยู่บ่อยครั้ง - ตีนเป็ดตุ๋นน้ำแดง เนื้อแพะตุ๋น มะเขือม่วงย่าง และหัวสิงโตนึ่งลู่เหิงจือกินไปหลายวันก็เริ่มฉุกคิดได้ จึงหันไปมองซูชิงลั่ว“ครั้นที่เจ้าไปกินข้าวกับอวี๋ซื่อชิงและหลี่ว์เผิงเทียน แล้วถามเถ้าแก่ว่าข้าชอบกินอะไร”ซูชิงลั่วก็ไม่ได้ปฏิเสธหลังจากคืนดีกับลู่เหิงจือแล้ว พวกเขาทั้งสองก็เข้าใจกันมากขึ้น - สามารถพูดคุยกันได้ทุกเรื่อง ราวกับไม่มีอะไรต้องกังวลอีกแล้วทำให้นางกับลู่เหิงจือต่างรู้สึกสบายใจมากขึ้น“ข้าเพิ่งรู้ว่าที่ผ่านมาท่านเอาใจข้าเรื่องอาหารมากเลย” ซูชิงลั่วเอ่ยติดตลก “ไม่แปลกใจเลยที่ท่านจะไม่ค่อยกลับบ้านมากินข้าว”ลู่เหิงจือเงยหน้าขึ้นมองนางซูชิงลั่วเงยหน้าขึ้นมองเขาพร้อมกับเอียงหัวเล็กน้อย “ที่ผ่านมาเป็นความผิดของข้าเองที่ไม่เคยได้สังเกต”นางเอื้อมมือไปดึงหูเขาเบาๆ พลางเอ่ยว่า "ต่อไปนี้ สามีจะได้กินอาหารถูกปากที่บ้านบ่อยๆ แล้วนะ"การที่นางเรียกเขาว่า "สามี" และดึงหูเขาทำให้สายตาของลู่เหิงจือลึกซึ้งยิ่

  • แต่งกับขุนนาง   บทที่ 451

    ซูชิงลั่วหลับไปหนึ่งวันหนึ่งคืนถึงจะฟื้นพอฟื้น คนแรกที่เห็นคือลู่เหิงจือที่นอนอยู่ข้างๆ มือของเขายังจับมือนางไว้อยู่ และฝ่ามือก็เปียกชุ่มไปด้วยเหงื่อนางขยับมือลู่เหิงจือรู้สึกตัวทันที ไม่ต้องให้นางเอ่ยสิ่งใด เขาก็รีบเทน้ำอุ่นใส่ถ้วย แล้วอุ้มนางเข้ามากอดในอ้อมแขน ป้อนน้ำให้นางซูชิงลั่วดื่มไปหลายถ้วยถึงจุใจ เสียงของนางก็แหบพร่า “ลูกล่ะ”“อยู่ห้องข้างๆ เจ้าน่ะ มีแม่นมเหมยและแม่นมคอยดูแลอยู่ ท่านย่าก็แวะไปดูเป็นระยะๆ เจ้าไม่ต้องห่วง” ลู่เหิงจือถามนาง “หิวหรือไม่”ซูชิงลั่วพยักหน้า หิวอย่างที่ไม่เคยเป็นมาก่อนลู่เหิงจือตอบว่า “ข้าวต้มกับบะหมี่เตรียมไว้แล้ว เจ้าอยากกินอะไร”“แม่นมเหมยบอกว่าเจ้าเพิ่งคลอด ควรกินอาหารอ่อนๆ ไปก่อน”เขาเอื้อมมือไปจัดทรงผมที่ยุ่งเหยิงของนาง “พอเจ้าสบายตัวขึ้นแล้ว ข้าจะลงครัวทำอาหารที่เจ้าชอบกินด้วยตนเอง”ซูชิงลั่วพยักหน้า “บะหมี่แล้วกัน”นางไม่มีแรงแม้แต่จะยกแขนลู่เหิงจือจึงอุ้มนางไว้ในอ้อมแขน ป้อนให้นางทีละคำนางกินบะหมี่ไปสองชามเล็กถึงจะอิ่ม และคิดถึงลูกขึ้นมา จึงถามว่า “ลูกหลับอยู่หรือไม่ หากตื่นแล้วอุ้มมาให้ข้าดูหน่อย”ลู่เหิงจือเอ่ยเสียงทุ้

  • แต่งกับขุนนาง   บทที่ 450

    เวลาล่วงเลยเข้าสู่ยามวิกาล ลู่เหิงจือและหญิงชราก็ยังคงรอคอยอยู่ข้างนอกเยว่เออร์จึงปลอบว่า “นายหญิงเฒ่า คุณหนูคงยังไม่คลอดในทันที ท่านควรกลับไปพักผ่อนเสียก่อน มิเช่นนั้น เมื่อคุณหนูคลอดบุตรออกมาแล้ว ร่างกายของท่านจะไม่ไหวเอาได้ คุณหนูก็ต้องมาเป็นห่วงอีก”หญิงชราเอ่ยด้วยน้ำเสียงหนักแน่นว่า “เจ้าไม่ต้องมาปลอบข้าหรอก ข้านอนไม่หลับอยู่แล้ว”เยว่เออร์จึงได้แต่ทำตามคำสั่งโชคดีที่เป็นเดือนหกของจินหลิง ค่ำคืนนี้จึงไม่หนาวลู่เหิงจือได้สั่งให้คนนำนาฬิกาทรายมาวางไว้ในบริเวณลานกว้าง และรู้สึกว่าค่ำคืนนี้ยาวนานเหลือเกินราวกับว่าความอดทนทั้งหมดของเขาหมดไปกับค่ำคืนนี้ฟ้าสางแล้วเสียงร้องครวญครางของซูชิงลั่วก็เบาลง ดูไม่น่ากลัวเหมือนเมื่อคืน และค่อยๆ สงบลงลู่เหิงจือใจร้อนจึงรีบส่งคนเข้าไปถามว่า “เป็นอย่างไรบ้าง”สาวใช้รีบตอบว่า “ใต้เท้าอย่าได้เป็นห่วงเลย ฮูหยินเพียงแค่เหนื่อยจนหลับไปเจ้าค่ะ”นางไม่ได้หลับทั้งคืน เสียงร้องครวญครางก็พยายามกลั้นไว้ คงจะเหนื่อยล้ามากลู่เหิงจือพยักหน้า ไม่ได้เอ่ยสิ่งใดต่อซูชิงลั่วหลับไปเพียงครึ่งชั่วยาม ท้องก็เริ่มปวดอีกครั้งนางตื่นขึ้นมาด้วยความเจ็บป

DMCA.com Protection Status