Share

บทที่ 245

Author: หอมดังเดิม
last update Last Updated: 2024-10-15 18:00:00
"ข้าไม่ได้...ไม่ได้ตื่นเต้น"

"..."

พูดจบ นางก็เงียบไปเอง

ลู่เหิงจือหยิกเนื้อนุ่มๆ ตรงเอวของนางเบาๆ แล้วหัวเราะ

ดีที่เขาไม่ได้ทำอะไรเกินเลยกับนางจริงๆ

เมื่อรอฎีกาแห้งแล้ว เขาก็เรียกซ่งเหวินมาบอกให้เร่งส่งออกไป จากนั้นก็ทานข้าวร่วมกับซูชิงลั่ว

หลังจากทานข้าวเสร็จ ซูชิงลั่วก็หยิบบ๊วยดองจานเล็กๆ ที่ตั้งใจเตรียมไว้ออกมา บอกว่า "ดื่มเสร็จข้าจะป้อนท่านเอง เป็นอย่างไร?"

ลู่เหิงจือเลิกคิ้วขึ้นเล็กน้อย "ใช้ปากหรือ?"

"..."

ซูชิงลั่วทำหน้าตายและยกถาดบ๊วยดองออกไปทันที

บาดแผลของลู่เหิงจือทำให้เคลื่อนไหวได้ไม่สะดวก ทั้งสองจึงไม่รีบร้อนเดินทางไปจินหลิง พักฟื้นรักษาตัวอยู่ที่หังโจวต่อไป

ลู่เหิงจือเชื่อฟังคำสั่งของซูชิงลั่วจริงๆ แทบไม่แตะต้องงานในราชสำนักเลย

ไหนๆ ก็เขียนฎีกาเสร็จเรียบร้อยแล้ว เขาจึงใช้เวลาพักผ่อนอย่างเต็มที่ ตอบจดหมายของเซี่ยถิงอวี่บ้างเป็นครั้งคราว ที่เหลือก็ใช้เวลาอยู่กับซูชิงลั่ว คอยหยอกนางเล่นเป็นบางเวลา

ผ่านไปหนึ่งเดือน ซูชิงลั่วก็ค่อยๆ เคยชินกับการหยอกล้อของลู่เหิงจือ จนไม่รู้สึกเขินอายหรือใจเต้นแรงเพียงเพราะคำพูดของเขาอีกต่อไป

ความรู้สึกของทั้งคู่ดูเหมือนจะพัฒนาขึ้น
Locked Chapter
Continue to read this book on the APP

Related chapters

  • แต่งกับขุนนาง   บทที่ 246

    ครึ่งเดือนต่อมา ลู่เหิงจือได้รับจดหมายจากเซี่ยถิงอวี่ เขาหมั้นหมายกับเมิ่งชิงไต้แล้ว ปลายปีจะจัดพิธีสมรสส่วนพระชายาองค์รัชทายาทถูกกำหนดให้เป็นบุตรสาวอนุอีกผู้หนึ่งในตระกูลเมิ่งทั้งหมดเป็นไปตามที่คาดการณ์ไว้ลู่เหิงจือก้มลงมอง ก่อนจะเผาจดหมายกับเปลวเทียนเถ้าถ่านร่วงหล่นบนพื้นเขาผลักหน้าต่างออกไปก็ได้ยินเสียงชวนรำคาญใจของหลี่ว์เผิงเทียน : "น้องซูไม่รู้อะไร แต่ไหนแต่ไรมา ผู้ที่ทำการค้าล้วนแต่เห็นกำไรเป็นสำคัญ ไม่ใช่ว่าพ่อค้าเห็นแก่ผลประโยชน์ แต่หากเจ้าไม่คิดจะหาเงิน เช่นนั้นแล้วจะเป็นพ่อค้าที่ดีได้เยี่ยงไร แน่นอนว่าขอเพียงแค่การค้าขายไปได้ดี ก็สามารถแบ่งเงินบางส่วนไปให้ผู้คนเบื้องล่างได้ตามเหมาะสม แต่ต้องเป็นปริมาณที่เหมาะสมเท่านั้น..."ท้องฟ้าเดือนสามในฤดูใบไม้ผลิส่องแสงสว่างสดใสแสงจากด้านนอกกระทบลงบนร่างของซูชิงลั่ว ขับให้นางดูงดงามชวนหลงใหลยิ่งนักหลี่ว์เผิงเทียนนั่งอยู่ข้างโต๊ะกลมตัวเล็ก กำลังถือสมุดบัญชีอธิบายให้ซูชิงลั่วฟังอย่างละเอียดลู่เหิงจือขมวดคิ้วมุ่น เจ้าหลี่ว์เผิงเทียนช่างกวนใจยิ่งนัก อาศัยที่ตนช่วยบรรเทาทุกข์ภัยถือว่าตนมีคุณความดี ทั้งยังช่วยเหลือเขาไว้ ส่วนซ

    Last Updated : 2024-10-15
  • แต่งกับขุนนาง   บทที่ 247

    ลู่เหิงจือกวาดสายตามองเขาผาดหนึ่งหางเต๋อโย่วรีบพูดต่อ : "นี่นับเป็นของที่ข้าน้อยอยากมอบให้ใต้เท้าเป็นการส่วนตัวเท่านั้น ไม่ใช่ของกำนัลใดอย่างแน่นอน ไม่ใช่เลย"ลู่เหิงจือตอบนิ่งๆ : "เช่นนั้นก็ขอบใจใต้เท้าหางแล้ว"หางเต๋อโย่วพลันยิ้มตอบ : "ไม่บังอาจ ข้าต้องขอบคุณอัครมหาเสนาบดีถึงจะถูก คิดไม่ถึงว่าฝ่าบาทจะทรงพระราชทานรางวัลให้ข้าน้อยเป็นการเฉพาะ ขอบคุณใต้เท้ายิ่งนักที่พูดเรื่องดีๆ ของข้าต่อหน้าฝ่าบาท"หลังจากที่มีการประกาศพระราชโองการ หางเต๋อโย่วที่ถูกหวังเหลียงฮั่นกดขี่มาตลอดก็สามารถยืดอกได้เสียที ด้านหนึ่งรู้สึกว่าเป็นเกียรติต่อวงศ์ตระกูลยิ่งนัก อีกด้านก็รู้สึกว่าโชคดีเหลือเกินที่ตนอยู่ข้างลู่เหิงจือ ไม่เช่นนั้นเกรงว่าเขาเองก็คงต้องถูกคุมตัวพาไปเมืองหลวงด้วยเช่นกันดังนั้นวันนี้จึงมาส่งเสียที่นี่ ด้วยความจริงใจลู่เหิงจือตอบด้วยน้ำเสียงเรียบเฉย : "นี่คือสิ่งที่ใต้เท้าหางควรจะได้รับ"การลอบตรวจสอบบัญชี มีส่วนที่หางเต๋อโย่วหามาให้อยู่ไม่น้อย แม้เขาจะเพราะทั้งถูกบังคับและชักจูง แต่ยังดีที่ตามหลักการแล้ว เขาได้ให้ความช่วยเหลือพอสมควรหางเต๋อโย่วทำความเคารพลู่เหิงจือ : "ขอบคุณใต้เท้

    Last Updated : 2024-10-16
  • แต่งกับขุนนาง   บทที่ 248

    "อ่อ" ซ่งเหวินส่งเสียงร้องเบาๆ ก่อนจะมองนางแวบหนึ่ง: "เช่นนั้นต่อไปเจ้าอยู่ในห่างเขาหน่อย คนผู้นี้น่ารังเกียจยิ่งนัก ชอบนับผู้อื่นเป็นน้องสาวตนอยู่เรื่อย"จื๋อหยวน : " ? "ความเคลื่อนไหวทางนี้แน่นอนว่าได้ยินถึงหูซูชิงลั่วด้วยเช่นกันนางอยากหันกลับไป ทว่ากลับถูกลู่เหิงจือกอดไว้แน่น : "ไม่ต้องสนใจ ช่วงนี้เจ้าเอาแต่ยุ่งกับการเรียนค้าขาย ไม่ได้อยู่เป็นเพื่อนข้าดีๆ มานานเพียงใดแล้ว"ซูชิงลั่วพูดไม่ออกเพราะคำพูดของเขา คิดว่าทางนั้นก็คงไม่น่าจะมีเรื่องอะไร จึงอยู่ในอ้อมกอดของเขาไปอย่างเชื่อฟังต่อ*เรือเทียบท่า ผู้ดูแลถานที่เป็นผู้ดูแลบ้านตระกูลซูมาแต่เก่าแก่ได้รับจดหมายตั้งแต่แรกแล้ว นำกลุ่มบ่าวรับใช้มารอรับซูชิงลั่วมองจากไกลๆ ก็จำผู้ดูแลถานได้ทันทีเขาโตมากับท่านพ่อตั้งแต่ยังเด็ก อายุมากกว่าท่านพ่อหกปีตอนที่ท่านพ่อจากไป เขาร้องไห้ด้วยความเจ็บปวดรวดร้าว แต่กลับต้องฝืนควบคุมเหล่าบ่าวไพร่ จัดการเรื่องด้านหลังของท่านพ่อ ช่วยนางจัดกระเป๋าเดินทางและสินเดิมคืนก่อนส่งนางไปเมืองหลวง ผู้ดูแลถานที่ไม่ค่อยพูดคุยกับนางมาโดยตลอดมาเคาะประตูห้องนาง นำธนบัตรจำนวนใบละยี่สิบตำลึงปึกหนาเตอะที่แลกม

    Last Updated : 2024-10-16
  • แต่งกับขุนนาง   บทที่ 249

    บ้านพักตระกูลซูทิ้งว่างมานาน ในที่สุดหลังจากที่รอมาแสนเนิ่นนานนายหญิงของบ้านก็หวนคืนกลับมารูปปั้นสิงโตสองตัวหน้าประตูถูกเช็ดจนสะอาดเงางาม ราวกับของใหม่ เพียงแต่บนขามีลายให้เห็นอยู่ลางๆ จึงดูออกว่าเป็นของที่ใช้มาหลายปีแล้วสีที่วงกบประตูก็เก่าแล้ว เป็นลายกระด่ำกระด่าง ยิ่งอยู่ภายใต้แสงอาทิตย์ยิ่งดูอึมครึมผู้ดูแลถานเห็นซูชิงลั่วจ้องมองวงกบประตูจวนซูอยู่นาน จึงเอ่ย : "คุณหนูโปรดอภัยด้วย ข้าน้อยคิดว่านายท่านและนายหญิงต่างก็จากไปแล้ว บ้านพักหลังนี้จึงไม่จำเป็นต้องซ่อมใหม่ จึงคงสภาพเดิมไว้ หากคุณหนูเห็นว่าไม่เหมาะ วันพรุ่งข้าน้อยจะให้คนมาเปลี่ยนสีประตู"ซูชิงลั่วใช้สายตาปลอบโยนมองเขา : "ขอบคุณลุงถานมาก แบบนี้ก็ดีแล้ว"ผู้ดูแลถานพยักหน้า เขารู้อยู่แล้วว่าคุณหนูให้ความสำคัญกับความผูกพันและระลึกถึงคนในอดีต ไม่มีทางตำหนิเขาซูชิงลั่วเงยหน้าขึ้นมาอีกครั้ง สายตาหยุดอยู่บนวงกบประตูนึกถึงครั้งยังเด็ก มีครั้งหนึ่งที่ใส่เครื่องประดับออกจากบ้านไปกับท่านแม่ หน้าประตูใหญ่มีรถม้าจากด้านนอกมาหาท่านพ่อไม่ขาดสาย หัวกระไดไม่เคยแห้ง เวลานี้กลับเงียบเหงากว่าสิ่งใด ราวกับว่าความเจริญรุ่งเรืองทั้งหมดหาย

    Last Updated : 2024-10-16
  • แต่งกับขุนนาง   บทที่ 250

    นึกถึงยามที่ตนแกล้งหลับแล้วท่านพ่อจูงมือท่านแม่มานั่งตรงใต้ต้นกุ้ยฮวาในลานบ้านของนาง แล้วคุยกันกระซิบกระซาบ : "ลูกสาวของเรานับวันก็ยิ่งงามขึ้นเรื่อยๆ ข้าจะต้องหาสามีดีๆ แทนนางเป็นแน่"……ความทรงจำที่ผ่านมาเนิ่นนานและเลือนลางไปแล้วเหล่านี้ ยามนี้จู่ๆ กลับมาชัดเจนอีกครั้งทำให้นางรู้สึกมีความสุขและเศร้าใจในเวลาเดียวกันโชคดีที่ยามนี้นางมีลู่เหิงจือ สามารถซบในอกเขาแล้วร้องไห้ฟูมฟายอย่างเอาแต่ใจได้โดยไม่ต้องสนใจว่าเป็นพฤติกรรมต้องห้ามของคุณหนูตระกูลผู้ดีอีกลู่เหิงจือไม่ได้พูดอะไร อยู่เคียงข้างนางอยู่เช่นนั้นไม่รู้ว่าเพราะได้ยินเสียงร้องไห้ของซูชิงลั่วหรืออย่างไร ตอนที่จื๋อหยวนเข้ามารินน้ำชา ดวงตานางแดงก่ำ สีหน้าพยายามอดกลั้น แต่กลับอดไม่ไหว สุดท้ายก็น้ำตาไหลออกมาซูชิงลั่วกวักมือเรียกนางเข้ามา ลู่เหิงจือจึงลุกขึ้น ซูชิงลั่วกอดคอร้องไห้กับจื๋อหยวนลู่เหิงจือเดินออกไปข้างนอกพร้อมกับปิดประตู เว้นพื้นที่ให้พวกนางนายบ่าวได้อยู่กันตามลำพังโชคดีที่เรือนของซูชิงลั่วยังมีห้องว่าง เขาสามารถใช้เป็นห้องหนังสือได้พอดีตัดกำลังสำคัญขององค์รัชทายาทแล้ว ทั้งยังหาเงินกว่าล้านตำลึงกลับท้องพระคล

    Last Updated : 2024-10-16
  • แต่งกับขุนนาง   บทที่ 251

    ค่ำคืนนี้ ซูชิงลั่วและจื๋อหยวนรู้สึกราวกับย้อนกลับไปในวัยเด็กเมื่อเจ็ดปีที่แล้ว ทั้งสองคนนอนอยู่ใต้ผ้าห่มด้วยกัน หวนนึกถึงเรื่องราวในตอนนั้น ทั้งหัวเราะและร้องไห้ สุดท้ายง่วงจนทนไม่ไหวแล้วจริงๆ ถึงจะค่อยๆ หลับไปไม่รู้ว่าเพราะได้ปลดปล่อยความรู้สึกออกมาโดยสิ้นเชิงแล้วหรือไม่ ซูชิงลั่วหลับสนิท กระทั่งฟ้าสางก็ยังไม่ตื่นจื๋อหยวนเป็นบ่าวแน่นอนว่าไม่สามารถนอนตื่นสายได้ ทว่าทันทีที่ขยับก็ถูกซูชิงลั่วรั้งไว้ : "นอนต่ออีกหน่อย"นางสะลึมสะลือ น้ำเสียงก็งัวเงียฟังไม่ชัด ดูท่าทางจะง่วงไม่ใช่น้อยจื๋อหยวนกลัวจะเสียงดังจนทำนางตื่น จึงทำได้เพียงแค่กลับลงไปนอนใหม่อีกครั้งส่วนลู่เหิงจือ ทันทีที่ฟ้าเพิ่งจะสว่างเขาก็ลืมตาตื่นแล้วเคยชินกับการที่ข้างกายมีซูชิงลั่ว จู่ๆ ต้องนอนคนเดียวจึงนอนไม่ค่อยหลับไม่รู้ว่าหญิงใจร้ายผู้นั้นจะหลับเป็นเช่นไรบ้างมิน่าถึงว่ากันว่าที่ที่มีสาวงามนั้นอบอุ่นชวนให้คนลุ่มหลง ดูเหมือนเขาจะเริ่มเข้าใจแล้วว่าเหตุใดบุรุษในอดีตจึงหลงสาวงามจนไม่ออกว่าราชการยามเช้าคิดถึงตรงนี้ ตัวเขาเองรู้สึกประหลาดใจไม่น้อยหลังความประหลาดใจก็อดขำออกมาไม่ได้ตำรานักปราชญ์ที่เคยอ่านก่อนห

    Last Updated : 2024-10-17
  • แต่งกับขุนนาง   บทที่ 252

    ลู่เหิงจือเดินเข้าไปในห้องด้วยความไม่สบอารมณ์เท่าใดนักซูชิงลั่วกำลังนั่งอยู่หน้าโต๊ะเครื่องแป้งในมือนางถือปิ่นทองอันเล็กๆ ลายผีเสื้ออันหนึ่ง พลางหันมามองเขาด้วยรอยยิ้มสดใส : "พี่สาม ท่านดูสิ ข้าเจอปิ่นปักผมที่ข้าใช้เมื่อครั้งยังเด็กด้วย หานำมาใช้ตอนนี้ ก็ดูเหมือนจะไม่ได้แปลกเท่าใดนัก"ไฟโกรธที่โหมในใจลู่เหิงจือพลันสลายตัวเขาเดินเข้าไปด้านหลังนาง ยกมือขึ้นไปรับปิ่นปักผมในมือนางมา แล้วช่วยนางปักลงไปบนผมข้างขมับ ก่อนจะพูดเบาๆ : "ไม่แปลกเลย ผีเสื้อนี้แม้จะตัวเล็ก แต่ก็ปราณีตงดงาม"ไม่ได้เจอกันหนึ่งคืน กลิ่นหอมจากตัวซูชิงลั่วทำให้จิตใจของเขาเริ่มยุ่งเหยิง เขาวางมือลงบนบ่านางเบาๆ มองนางที่อยู่ในกระจก ท่าทางใกล้ชิดสนิทสนม งดงามราวกับคู่กิ่งทองใบหยกหัวใจของนางเต้นเร็วขึ้น รู้สึกได้ถึงศีรษะของลู่เหิงจือที่ใกล้นางเข้ามาเรื่อยๆ อีกทั้งมือก็ยังยื่นเข้ามาในคอเสื้อของนางปลายนิ้วที่เย็นเล็กน้อยสัมผัสโดนผิวหนังนางสั่นไหวไปทั้งตัวเวลานี้จื๋อหยวนเข้ามารายงาน : "นายหญิง ป้าเฉิงมาแล้ว"ซูชิงลั่วสะดุ้งตกใจ ตั้งใจจะปัดมือของลู่เหิงจือออก แต่กลับถูกลู่เหิงจือกดไว้แน่นนางกลัวว่าจะเสียงดังเก

    Last Updated : 2024-10-17
  • แต่งกับขุนนาง   บทที่ 253

    หลังจากกินข้าวเสร็จ ทั้งคู่ก็ออกมาจากห้องลู่เหิงจือเดินเล่นผ่อนคลายอารมณ์ในสวนเป็นเพื่อนซูชิงลั่วแสงแดดเจิดจ้าและอบอุ่นซูชิงลั่วไม่ได้กลับมานาน ไม่ว่าเดินไปที่ใดก็มีความรู้สึกคุ้นเคยที่แปลกใหม่ลู่เหิงจือกุมมือนาง สิบนิ้วสอดประสานกันแรกเริ่มนางมีท่าทีเขินอายเล็กน้อย แต่นางเปลี่ยนลู่เหิงจือไม่ได้ อีกทั้งยังอยู่ในบ้านของนางเองจึงรู้สึกผ่อนคลายเป็นพิเศษและค่อยๆ ชินไปเองบ่าวรับใช้ในสวนน้อยลงไปมากหากเทียบกับตอนเด็ก เมื่อเห็นนางต่างก็อมยิ้มพร้อมขานเรียกนางคุณหนูไม่รู้ว่าคิดไปเองหรืออย่างไร นางรู้สึกว่าบ่าวรับใช้ในจวนตัวเอง เมื่อยิ้มแล้วดูสนิทสนมเป็นกันเองกว่าบ่าวรับใช้ที่บ้านตระกูลลู่ในเมืองหลวงไม่น้อยลู่เหิงจือจูงมือนางค่อยๆ เดินไปยังริมสระในสวน น้ำในสระเป็นน้ำแร่ที่ปล่อยเข้ามาจากนอกเมือง ใสสะอาด สามารถมองเห็นหินที่อยู่ก้นสระได้ลู่เหิงจือพูดด้วยน้ำเสียงอ่อนโยน : "เล่าเรื่องตอนเด็กของเจ้าให้ข้าฟังสิ""เล่าเรื่องใด" นางหันไปมองเขา "ท่านอยากฟังเรื่องใด""เรื่องใดก็ได้" เขาตอบอย่างไม่ใส่ใจ "ตอนเด็กเจ้าชอบไปเล่นที่ใด"ซูชิงลั่วเห็นเรือลำเล็กลำหนึ่งที่อยู่ในสระ พลันนึกถึงเรื่อ

    Last Updated : 2024-10-17

Latest chapter

  • แต่งกับขุนนาง   บทที่ 458

    เสียงของนางแฝงความหมายว่า “รู้แล้วทำไมไม่บอกข้า”ซูชิงลั่วกระซิบว่า “ซือไหวไม่ให้ข้าบอกท่าน และข้าก็กลัวว่าหากบอกท่านไป แล้วจะกระทบความสัมพันธ์ระหว่างพี่สะใภ้กับน้องสาวได้”ลู่เหิงจือเอ่ยด้วยน้ำเสียงเย็นชาว่า “แต่เจ้าไม่กลัวว่าจะกระทบความสัมพันธ์ระหว่างสามีภรรยาหรือ”ซูชิงลั่วซบลงในอ้อมอกเขา “จะกระทบหรือ?”ลู่เหิงจือฮึดฮัด น้ำเสียงนั้นชัดเจนว่าไม่เป็นเช่นนั้นซูชิงลั่วอดยิ้มไม่ได้ “อันที่จริงแล้วใต้เท้าอวี๋ก็ไม่เลวเลย”ลู่เหิงจือเอ่ยเสียงเข้มขรึมว่า “ห้ามชมเขา”ซูชิงลั่วตอบอย่างเชื่อฟังว่า “ได้”อวี๋ซื่อชิงเดินมาพร้อมกับลู่ซือไหวลู่เหิงจือมองคนทั้งสองพลางถามว่า “นานแค่ไหนแล้ว?”อวี๋ซื่อชิงตอบอย่างมั่นใจว่า “เกือบปีแล้ว”นานแค่ไหนนะ???เช่นนี้ก็หมายความว่าพวกเขาเริ่มคบหากันหลังจากที่เขาและซูชิงลั่วออกจากเมืองหลวงไม่นานอย่างนั้นหรือ?ลู่เหิงจือหันมองลู่ซือไหว “เจ้ามานี่”อวี๋ซื่อชิงพูดว่า “มีเรื่องอะไรข้าจะคุยกับท่านเอง”ลู่เหิงจือยิ้มเย้ยหยัน “การสนทนาของพวกข้าสองพี่น้อง ไม่เกี่ยวกับเจ้า”ลู่ซือไหวดึงแขนเสื้อของอวี๋ซื่อชิง อวี๋ซื่อชิงจึงถอยออกไปลู่เหิงจือพาลู่ซือไหวออ

  • แต่งกับขุนนาง   บทที่ 457

    เซี่ยถิงอวี่เดินเข้ามา มองลู่เหิงจือพลางเอ่ยว่า “เหิงจือ รอบที่แล้วเจ้าแต่งงาน ข้าไม่สะดวกไปร่วมงานเพราะสถานะของข้า รอบนี้เจ้าแต่งงาน ข้าจะต้องมาดูสักครั้ง เพื่อความสบายใจของข้าเอง”เสียงของเขาดูจริงใจ ราวกับกำลังพูดคุยกับมิตรสหายคนหนึ่งลู่เหิงจือเงียบไปครู่หนึ่ง แล้วเอ่ยว่า “ขอบคุณมาก”ไม่ว่าก่อนหน้านี้จะมีการใช้กันและกันเป็นเครื่องมือหรือไม่ แต่ยามนี้ พวกเขาเป็นสหายที่จริงใจต่อกันมากที่สุดเมิ่งชิงไต้ก็เอ่ยว่า “รอบที่แล้วข้าไม่ได้เข้าร่วมงานแต่งงานของน้องซู ก็รู้สึกเสียดายเหมือนกัน อันที่จริงแล้ว ข้าพาอวี้จู๋และโฉวกว่างมาด้วย”หลังจากลู่เหิงจือและซูชิงลั่วกลับจินหลิง เซี่ยถิงอวี่ก็เรียกโฉวกว่างกลับมาเพราะการส่งองครักษ์ลับที่ผ่านการฝึกฝนอย่างหนักไปยังจินหลิงนั้นดูจะไม่คุ้มค่า ลู่เหิงจือก็ไม่มีความเห็นอะไร อวี้จู๋จึงยังคงอยู่ในเมืองหลวงและติดตามเมิ่งชิงไต้ซูชิงลั่วรู้สึกประหลาดใจและเอ่ยว่า “ขอบคุณพี่เมิ่ง”เซี่ยถิงอวี่หัวเราะออกมาอย่างกะทันหันเพราะปิดหน้าอยู่ ซูชิงลั่วจึงมองไม่เห็นสีหน้าของเขา รู้สึกได้เพียงว่าเสียงของเขามีความเย้าแหย่แฝงอยู่“ใช่แล้ว ข้าพาอวี๋ซื่อชิงมาด้

  • แต่งกับขุนนาง   บทที่ 456

    เนื่องจากชุดเครื่องประดับศีรษะชุดนี้ทำค่อนข้างยาก รวมถึงสุขภาพของซูชิงลั่วที่ต้องดูแลเป็นพิเศษ และหลิงเกอเอ๋อร์ยังเล็กอยู่ การแต่งงานรอบสองระหว่างลู่เหิงจือกับซูชิงลั่วจึงเลื่อนออกไปหนึ่งปีทั้งสองเคยแต่งงานกันมารอบหนึ่งแล้ว การแต่งงานรอบสองเป็นเพียงการให้คำมั่นสัญญาแก่กัน และไม่ได้จัดงานใหญ่โต มีเพียงเชิญญาติฝ่ายเรือนสามและญาติของตระกูลซูมาร่วมงานคล้ายคลึงกับงานฉลองอายุครบเดือนของหลิงเกอเอ๋อร์เท่านั้นซูชิงลั่วสวมเครื่องประดับศีรษะที่ลู่เหิงจือคอยดูแลการผลิตด้วยตัวเอง มุมปากก็ยกขึ้นเล็กน้อยจื๋อหยวนเอ่ยว่า “ของที่ใต้เท้าคอยดูแลการผลิตด้วยตัวเองย่อมงดงามมาก”ซูชิงลั่วพยักหน้า ได้ยินมาว่าลู่เหิงจือทำให้ฝีมือของช่างเหล่านั้นพัฒนาขึ้นไปอีกขั้นเลยทีเดียวก่อนหน้านี้ไม่เคยมีงานฝีมือการทอเส้นไหมทองที่ประณีตขนาดนี้มาก่อนอัญมณีสีชมพูที่ใช้ประดับดอกไม้ต้องมีสีที่เหมือนดอกท้อมากที่สุด ได้ยินมาว่าลู่เหิงจือเดินทางไปทั่วเจียงหนานเพื่อคัดเลือกอัญมณีหลายร้อยชิ้น จนกระทั่งพบกับอัญมณีที่มีสีใกล้เคียงกับสีชมพูของดอกท้อมากที่สุดหลิงเกอเอ๋อร์เดินได้มาหนึ่งเดือนกว่าแล้วยามนี้เขาวิ่งเข้ามาอย่างท

  • แต่งกับขุนนาง   บทที่ 455

    ลู่เหิงจือนวดหว่างคิ้วเบาๆ ไม่ตอบอะไรซ่งอวี้ครุ่นคิดครู่หนึ่ง “อันที่จริงแล้วข้ามีวิธีฝังเข็มคุมกำเนิดสอนท่านได้ หากท่านไม่ต้องการมีลูก หลังจากมีเพศรักทุกครั้ง ท่านก็สามารถฝังเข็มให้ฮูหยินได้ ไม่มีผลข้างเคียง เพียงแต่อาจจะเรียนรู้ยากหน่อย”ลู่เหิงจือโล่งอก “ข้าเรียน”เขายังเรียนเขียนบทบรรยายได้เลย การฝังเข็มแค่นี้เขาไม่กลัวอยู่แล้วซ่งอวี้ “เรื่องนี้ต้องปรึกษาฮูหยินของท่านด้วย”“แน่นอน ข้าแค่มาถามท่านก่อน” ลู่เหิงจือตอบด้วยน้ำเสียงเป็นธรรมชาติหลังจากส่งซ่งอวี้กลับห้องแล้ว ลู่เหิงจือก็เดินตามทางเดินที่คดเคี้ยวกลับต้องยอมรับว่าจวนตระกูลซูสร้างได้ดีจริงๆ แม้แต่แสงจันทราก็ยังสวยกว่าที่เมืองหลวงเขายกหน้าขึ้นมองพระจันทร์ คิดว่ายามนี้หลิงเกอเอ๋อร์หลับแล้วแน่นอน คงพาซูชิงลั่วออกมาชมจันทร์ได้เขายิ้มมุมปาก จู่ๆ ก็คิดบางอย่าออก รีบก้มดูถุงหอมที่ตนเองห้อย- ถุงหอมที่ซูชิงลั่วให้ลู่ซือไหวล้วนเป็นการปักสองด้านหมด แล้วของเขา......เขารีบเปิดออกนี่คือถุงหอมอันแรกที่ซูชิงลั่วให้เขานางเคยให้เขาสามอัน เขาห้อยอันนี้บ่อยที่สุด เพราะรู้สึกว่าอันแรกมีความหมายที่แตกต่างปลายนิ้วของเขาสั่น

  • แต่งกับขุนนาง   บทที่ 454

    ลู่เหิงจือเอ่ยกึ่งติดตลกว่า "หรือว่าข้าจะมาเป็นกรรมการดี?"เขาแค่พูดเล่นๆ แต่ลู่ซือไหวกลับคิดจริงจัง "ดีเลย"นางก็รีบแกะถุงหอมที่ซูชิงลั่วให้นางมาจากเอวซูชิงลั่วรู้สึกประหลาดใจ - นางพกติดตัวตลอดจริงๆลู่เหิงจือหยิบขึ้นมาเทียบกับสร้อยทองในมือของซูชิงลั่ว แล้วเอ่ยเสียงเรียบว่า "ก็สู้ของพี่สะใภ้ไม่ได้หรอก"ลู่ซือไหวไม่ได้รู้สึกไม่พอใจที่ถูกพูดเช่นนี้ ใบหน้าก็ยิ้มแย้ม "ก็เพราะการปักลายสองด้านจำกัดฝีมือของพี่สะใภ้"นางพลิกถุงหอมกลับด้าน ด้านในมีอะไรซ่อนอยู่ลู่เหิงจือรู้สึกเหมือนจะนึกอะไรออกแต่ก็จับไม่ได้ทันที ก็ได้ยินบ่าวรับใช้มารายงานว่าหมอหลวงซ่งจากเมืองหลวงมาถึงแล้วเขาอายุมากแล้ว ฮ่องเต้องค์ใหม่มีหมอหลวงที่ไว้ใจได้ของพระองค์เอง เขาจึงลาออกจากตำแหน่งกลับบ้านเกิดเขาเป็นชาวจินหลิง พอได้ยินว่าลูกชายของลู่เหิงจืออายุครบเดือน ก็รีบมาแสดงความยินดีในวันรุ่งขึ้นทันทีคนอื่นๆ ล้วนเป็นญาติหรือสหายเก่าของตระกูลซูแห่งจินหลิง ลู่เหิงจือไม่จำเป็นต้องไปต้อนรับเป็นพิเศษ แต่เมื่อซ่งอวี้มาเอง เขาต้องไปพบซูชิงลั่วเห็นว่าญาติมาครบแล้ว ก็อุ้มหลิงเกอเอ๋อร์และจูงมือลู่ซือไหวออกไปทักทายทุกคนทัน

  • แต่งกับขุนนาง   บทที่ 453

    ถึงจะเป็นเช่นนั้น แต่กระทำกลับอ่อนโยนอย่างไม่เคยมีมาก่อนเห็นได้ชัดว่าเขาดูแลนางเป็นอย่างดีหลังคลอดไม่นานทว่าซูชิงลั่วก็อดร้องออกมาด้วยเสียงที่ทำให้หัวใจเต้นรัวไม่ได้เขาเพิ่งเคยจูบนางเช่นนี้เป็นครั้งแรก จูบที่ทั้งถี่และอ่อนโยนจนแทบจะทั่วทั้งร่างกายของนางสุดท้ายแนบชิดนางอย่างระมัดระวังจูบเสร็จแล้ว ซูชิงลั่วก็เอนตัวลงในอ้อมแขนของเขาและถามว่า “ท่านจะเขียนบทบรรยายให้ข้าอีกหรือไม่”ลู่เหิงจือตอบเสียงเบาว่า “หากเจ้าอยากอ่าน ข้าก็จะเขียน”ซูชิงลั่วตอบว่า “อยากอ่าน”ลู่เหิงจือตอบว่า “ได้”ซูชิงลั่วรู้สึกพึงพอใจและหลับไปในอ้อมแขนของเขา*งานฉลองวันเกิดครบหนึ่งเดือนของหลิงเกอเอ๋อร์ จัดขึ้นเมื่อเขาอายุได้ สามสิบห้าวันซึ่งจัดช้ากว่าที่จินหลิงไม่กี่วันเนื่องจากญาติฝ่ายตระกูลซูเหลือไม่มาก และญาติฝ่ายตระกูลลู่ส่วนใหญ่อยู่ที่เมืองหลวง จำนวนแขกที่มาในงานจึงไม่มาก มีเพียงแค่สองโต๊ะเท่านั้นแต่ภายในบ้านก็ยังคงคึกคักเป็นพิเศษ เพราะไม่ได้มีงานมงคลเช่นนี้มานานแล้วลู่ซือไหวก็ถูกรับกลับมาจินหลิงเช่นกัน เนื่องจากลู่เหิงจือและซูชิงลั่ววางแผนจะอยู่ที่จินหลิงสักสองสามปี นางจึงอยากอยู่กับพี่ช

  • แต่งกับขุนนาง   บทที่ 452

    ลู่เหิงจือจึงได้อยู่เดือนเป็นเพื่อนซูชิงลั่วเขาเริ่มสังเกตเห็นว่าเมนูอาหารในบ้านเปลี่ยนไปจากเดิมมากโดยเฉพาะเมนูที่ไม่ค่อยได้ทำมาก่อนแต่ปรากฏในช่วงนี้อยู่บ่อยครั้ง - ตีนเป็ดตุ๋นน้ำแดง เนื้อแพะตุ๋น มะเขือม่วงย่าง และหัวสิงโตนึ่งลู่เหิงจือกินไปหลายวันก็เริ่มฉุกคิดได้ จึงหันไปมองซูชิงลั่ว“ครั้นที่เจ้าไปกินข้าวกับอวี๋ซื่อชิงและหลี่ว์เผิงเทียน แล้วถามเถ้าแก่ว่าข้าชอบกินอะไร”ซูชิงลั่วก็ไม่ได้ปฏิเสธหลังจากคืนดีกับลู่เหิงจือแล้ว พวกเขาทั้งสองก็เข้าใจกันมากขึ้น - สามารถพูดคุยกันได้ทุกเรื่อง ราวกับไม่มีอะไรต้องกังวลอีกแล้วทำให้นางกับลู่เหิงจือต่างรู้สึกสบายใจมากขึ้น“ข้าเพิ่งรู้ว่าที่ผ่านมาท่านเอาใจข้าเรื่องอาหารมากเลย” ซูชิงลั่วเอ่ยติดตลก “ไม่แปลกใจเลยที่ท่านจะไม่ค่อยกลับบ้านมากินข้าว”ลู่เหิงจือเงยหน้าขึ้นมองนางซูชิงลั่วเงยหน้าขึ้นมองเขาพร้อมกับเอียงหัวเล็กน้อย “ที่ผ่านมาเป็นความผิดของข้าเองที่ไม่เคยได้สังเกต”นางเอื้อมมือไปดึงหูเขาเบาๆ พลางเอ่ยว่า "ต่อไปนี้ สามีจะได้กินอาหารถูกปากที่บ้านบ่อยๆ แล้วนะ"การที่นางเรียกเขาว่า "สามี" และดึงหูเขาทำให้สายตาของลู่เหิงจือลึกซึ้งยิ่

  • แต่งกับขุนนาง   บทที่ 451

    ซูชิงลั่วหลับไปหนึ่งวันหนึ่งคืนถึงจะฟื้นพอฟื้น คนแรกที่เห็นคือลู่เหิงจือที่นอนอยู่ข้างๆ มือของเขายังจับมือนางไว้อยู่ และฝ่ามือก็เปียกชุ่มไปด้วยเหงื่อนางขยับมือลู่เหิงจือรู้สึกตัวทันที ไม่ต้องให้นางเอ่ยสิ่งใด เขาก็รีบเทน้ำอุ่นใส่ถ้วย แล้วอุ้มนางเข้ามากอดในอ้อมแขน ป้อนน้ำให้นางซูชิงลั่วดื่มไปหลายถ้วยถึงจุใจ เสียงของนางก็แหบพร่า “ลูกล่ะ”“อยู่ห้องข้างๆ เจ้าน่ะ มีแม่นมเหมยและแม่นมคอยดูแลอยู่ ท่านย่าก็แวะไปดูเป็นระยะๆ เจ้าไม่ต้องห่วง” ลู่เหิงจือถามนาง “หิวหรือไม่”ซูชิงลั่วพยักหน้า หิวอย่างที่ไม่เคยเป็นมาก่อนลู่เหิงจือตอบว่า “ข้าวต้มกับบะหมี่เตรียมไว้แล้ว เจ้าอยากกินอะไร”“แม่นมเหมยบอกว่าเจ้าเพิ่งคลอด ควรกินอาหารอ่อนๆ ไปก่อน”เขาเอื้อมมือไปจัดทรงผมที่ยุ่งเหยิงของนาง “พอเจ้าสบายตัวขึ้นแล้ว ข้าจะลงครัวทำอาหารที่เจ้าชอบกินด้วยตนเอง”ซูชิงลั่วพยักหน้า “บะหมี่แล้วกัน”นางไม่มีแรงแม้แต่จะยกแขนลู่เหิงจือจึงอุ้มนางไว้ในอ้อมแขน ป้อนให้นางทีละคำนางกินบะหมี่ไปสองชามเล็กถึงจะอิ่ม และคิดถึงลูกขึ้นมา จึงถามว่า “ลูกหลับอยู่หรือไม่ หากตื่นแล้วอุ้มมาให้ข้าดูหน่อย”ลู่เหิงจือเอ่ยเสียงทุ้

  • แต่งกับขุนนาง   บทที่ 450

    เวลาล่วงเลยเข้าสู่ยามวิกาล ลู่เหิงจือและหญิงชราก็ยังคงรอคอยอยู่ข้างนอกเยว่เออร์จึงปลอบว่า “นายหญิงเฒ่า คุณหนูคงยังไม่คลอดในทันที ท่านควรกลับไปพักผ่อนเสียก่อน มิเช่นนั้น เมื่อคุณหนูคลอดบุตรออกมาแล้ว ร่างกายของท่านจะไม่ไหวเอาได้ คุณหนูก็ต้องมาเป็นห่วงอีก”หญิงชราเอ่ยด้วยน้ำเสียงหนักแน่นว่า “เจ้าไม่ต้องมาปลอบข้าหรอก ข้านอนไม่หลับอยู่แล้ว”เยว่เออร์จึงได้แต่ทำตามคำสั่งโชคดีที่เป็นเดือนหกของจินหลิง ค่ำคืนนี้จึงไม่หนาวลู่เหิงจือได้สั่งให้คนนำนาฬิกาทรายมาวางไว้ในบริเวณลานกว้าง และรู้สึกว่าค่ำคืนนี้ยาวนานเหลือเกินราวกับว่าความอดทนทั้งหมดของเขาหมดไปกับค่ำคืนนี้ฟ้าสางแล้วเสียงร้องครวญครางของซูชิงลั่วก็เบาลง ดูไม่น่ากลัวเหมือนเมื่อคืน และค่อยๆ สงบลงลู่เหิงจือใจร้อนจึงรีบส่งคนเข้าไปถามว่า “เป็นอย่างไรบ้าง”สาวใช้รีบตอบว่า “ใต้เท้าอย่าได้เป็นห่วงเลย ฮูหยินเพียงแค่เหนื่อยจนหลับไปเจ้าค่ะ”นางไม่ได้หลับทั้งคืน เสียงร้องครวญครางก็พยายามกลั้นไว้ คงจะเหนื่อยล้ามากลู่เหิงจือพยักหน้า ไม่ได้เอ่ยสิ่งใดต่อซูชิงลั่วหลับไปเพียงครึ่งชั่วยาม ท้องก็เริ่มปวดอีกครั้งนางตื่นขึ้นมาด้วยความเจ็บป

DMCA.com Protection Status