แชร์

บทที่ 224

ผู้เขียน: หอมดังเดิม
last update ปรับปรุงล่าสุด: 2024-10-10 18:00:00
ซูชิงลั่วรู้สึกผ่อนคลายเมื่อได้แช่น้ำอุ่น ร่างกายอบอุ่นและความเมื่อยล้าก็หายไป

ปัญหาเดียวคืออ่างอาบน้ำเล็กเกินไปสำหรับสองคน

ร่างกายของทั้งคู่สัมผัสกันอยู่ตลอดเวลา แล้วก็แยกออกจากกันทันที

ลู่เหิงจือไม่ได้ทำอะไรเกินเลยไปกว่านั้น เพียงแค่ตั้งใจอาบน้ำ และช่วยนางราดน้ำที่หลังเป็นระยะๆ

หลังจากเหนื่อยล้ามาทั้งวัน นางรู้สึกเมื่อยล้าไปทั่วร่างกาย โดยเฉพาะน่องที่ปวดเมื่อยมาก จนไม่มีแรงอยากจะอาบน้ำ

ลู่เหิงจือมองออก จึงค่อยๆ ราดน้ำอุ่นลงที่หลังของนาง อาสาช่วยนางอาบน้ำ

ซูชิงลั่วรู้สึกเพลิดเพลินกับการถูกปรนนิบัติ ถึงขั้นมีความคิดว่า “การอาบน้ำกับเขาก็ไม่เลวนะ” “ต่อจากนี้ก็อาบได้อีกหลายรอบเลย”

นางพิงอกของลู่เหิงจือ อ้าปากหาวเบาๆ แล้วพูดว่า “น่าเสียดายที่อ่างเล็กไปหน่อย อึดอัดมาก”

ลู่เหิงจือขณะที่กำลังถูแขนให้นาง ก็โอบเอวนางจากด้านหลังแล้วพูดเสียงทุ้มต่ำว่า “พอเรากลับเมืองหลวง ค่อยทำอ่างอาบน้ำใบใหญ่กัน”

“……”

แผ่นหลังถูกผิวของเขาสัมผัสอย่างฉับพลัน ซูชิงลั่วอดที่จะเกร็งไหล่ไม่ได้ ความรู้สึกเสียวซ่านวิ่งจากศีรษะลงมาตามหลังของนาง

มือของน่งเกร็งเล็กน้อยและจับขอบถังไม้ไว้

"ไม่ ไม่เป็นไร"

ความหม
บทที่ถูกล็อก
อ่านต่อเรื่องนี้บน Application

บทที่เกี่ยวข้อง

  • แต่งกับขุนนาง   บทที่ 225

    เขามองใบหน้าที่เต็มไปด้วยความกังวลของซูชิงลั่ว แล้วปลอบโยนว่า “เจ้าวางใจได้ เรื่องที่นี่ข้าจัดการเรียบร้อยแล้ว เหลือเพียงขั้นตอนสุดท้าย”ซูชิงลั่วมักจะเชื่อฟังเขาเสมอ แต่ครั้งนี้ไม่ว่าอย่างไรนางก็ไม่ยอม“หากท่านไม่เก็บโฉวกว่างไว้ ข้าก็จะไม่ไป" นางสะบัดมือเขาออก “พี่สามบอกแล้วว่าที่นี่ไม่มีอันตราย”ก็ไม่มีอันตรายจริงๆ แต่นางอยู่ด้วยเขาจะเสียสมาธิลู่เหิงจือถอนหายใจอย่างจนใจซูชิงลั่วมองเขาอีกครั้งแล้วพูดว่า “พี่สาม เป้าหมายของพวกเขาคือท่าน ไม่ใช่ข้า”ลู่เหิงจือตอบว่า “แต่พวกเขาจะใช้เจ้าเล่นงานข้า”ซูชิงลั่วโกรธมากจนพูดว่า “อย่างนั้นข้ากลับไเมืองหลวงเลยดีกว่า”ลู่เหิงจือมองนางยู่นาน และพูดเสียงเรียบว่า “ได้”ทั้งสายตาและน้ำเสียงบอกให้นางรู้ว่าต่อรองไม่ได้แล้วซูชิงลั่วโกรธจนหันหลังให้เขา ไม่ยอมพูดอะไรอีกลู่เหิงจือยืนอยู่ที่หัวเตียงคนเดียว ผิงผมจนแห้ง ดับเทียน แล้วขึ้นนอนท่ามกลางความมืดมิด ได้ยินเพียงเสียงหายใจเบาๆ ของทั้งสองคนผ่านไปนานมากก็ไม่มีใครพูดอะไรเลยไม่รู้ว่าผ่านไปนานเท่าใด ลู่เหิงจือก็ถามขึ้นมาว่า “หลับแล้วหรือไม่”ไม่มีเสียงตอบรับจากซูชิงลั่วลู่เหิงจือเอนต

    ปรับปรุงล่าสุด : 2024-10-10
  • แต่งกับขุนนาง   บทที่ 226

    เรื่องที่ซูชิงลั่วพูดออกมานั้นช่างน่าเหลือเชื่อเกินไป แม้แต่ลู่เหิงจือที่พบเจอเรื่องราวใหญ่โตมานักต่อนักก็ยังต้องนิ่งไปครู่หนึ่งผ่านไปพักใหญ่ เขาถึงค่อยเอ่ยว่า "ดังนั้น ที่เจ้าพบว่าลู่เหยียนแอบนัดพบคนอื่น และขอถอนหมั้นกับเขา เพราะเจ้าได้ฝันถึงเรื่องนั้นใช่หรือไม่""ใช่แล้ว"ลู่เหิงจือหลุบตาลงนิ่งเงียบไม่พูดอะไรซูชิงลั่วพูดด้วยน้ำเสียงร้อนรน "ข้ารู้ว่ามันเป็นเรื่องที่เชื่อได้ยาก แต่พี่สาม ท่านต้องเชื่อข้านะ...""ข้าเชื่อเจ้า" ลู่เหิงจือดึงนางเข้ามากอดฉับพลันฝ่ามือของเขาลูบไล้เส้นผมดำขลับของนางอย่างแผ่วเบา กอดนางแน่น ราวกับนางเป็นสมบัติล้ำค่าในอ้อมแขนของเขาฝ่ามือของเขาหยุดลงตรงแผ่นหลัง ถามขึ้นด้วยน้ำเสียงแหบพร่าว่า "ตอนนั้นเจ้ากลัวหรือไม่?"ซูชิงลั่วนิ่งไปเล็กน้อย ก่อนจะเข้าใจว่าเขาหมายถึงตอนที่นางฝันว่าตายทั้งกลมในฝันนั้น กลัวหรือไม่หัวใจของนางรู้สึกปวดหนึบ น้ำตาแทบจะไหลลงมานางเล่าเรื่องความฝันของตัวเองให้เขาฟัง เขาเชื่อโดยไม่ถามถึงเหตุผลว่าทำไมนางถึงอยากให้โฉวกว่างอยู่ด้วย หรือนางฝันเห็นอะไรเกี่ยวกับเขา เขาจะมีอันตรายอะไร แต่กลับห่วงเพียงว่านางกลัวหรือไม่ซูชิงลั่วโอบก

    ปรับปรุงล่าสุด : 2024-10-10
  • แต่งกับขุนนาง   บทที่ 227

    "อย่างที่เจ้าบอก ให้เขาอยู่ข้างกายข้า" ลู่เหิงจือดึงนางเข้ามาในอ้อมแขน น้ำเสียงมีความไม่พอใจเล็กน้อย "ให้หลี่ว์เผิงเทียนดีใจไปอีกสักสองสามวัน"หมายความว่า เขายอมให้คนของหลี่ว์เผิงเทียนส่งนางไปจินหลิงสินะซูชิงลั่วรู้สึกโล่งใจ แต่ในเวลาเดียวกันก็อดขำไม่ได้ เพราะในเวลาแบบนี้ เขายังไม่ลืมเรื่องหึงหวงอีกภายนอกท้องฟ้ามืดมิดเสียงตีบอกเวลายามค่ำคืนดังมาแผ่วเบาจากตรอกเล็กๆ ตอนนี้เป็นเวลายามสามแล้วซูชิงลั่วกอดลู่เหิงจือแล้วเอนตัวลงนอนอีกครั้ง เสียงลมหายใจของทั้งสองคนค่อยๆ สอดประสานกันริมฝีปากของนางแนบอยู่ที่แก้มของเขา เอ่ยเบาๆ ว่า "สัญญากับข้านะ ท่านจะต้องปลอดภัย และจะมาหาข้าที่จินหลิง""แน่นอน" เขากระซิบข้างหูของนาง เสียงนั้นอยู่ใกล้กับใบหูของนางนางกอดเขา มือทั้งสองข้างสอดเข้าไปในเสื้อของเขา สัมผัสกับแผ่นหลังกว้างแกร่งของเขา จากนั้นก็ขยับร่างกายของตัวเองมาแนบชิดลู่เหิงจือรู้สึกชาวูบวาบไปทั้งร่าง หัวใจเหมือนโดนกรงเล็บของลูกแมวข่วนเบาๆเสียงของเขาต่ำลง "ไม่ใช่เหนื่อยหรือ?""ก็เหนื่อยอยู่บ้าง" ซูชิงลั่วพูดอย่างเขินอายแต่เมื่อคิดว่าพอถึงรุ่งเช้าก็ต้องจากกัน นางรู้สึกอาลัยและไม่อ

    ปรับปรุงล่าสุด : 2024-10-11
  • แต่งกับขุนนาง   บทที่ 228

    เห็นได้ชัดว่าคืนนั้นซูชิงลั่วถูกเขาพาไปสัมผัสและเปิดประสบการณ์จากหนังสือภาพใหม่อีกครั้งนางไม่รู้ว่าทำไมผู้ชายถึงชอบแบบนี้ แต่เมื่อได้ยินเสียงหายใจหนักๆ ของลู่เหิงจือ นางก็รู้สึกทนไม่ไหว คำพูดที่ตั้งใจจะต่อว่าเขาในตอนแรกกลับกลายเป็นการพูดยั่วยวนอย่างอ่อนหวานแทน"เมื่อท่านกลับจินหลิงอย่างปลอดภัย ข้า..." นางพูดพร้อมหน้าแดง "ข้าจะปรนนิบัติท่านเช่นนี้อีก"ประโยคนี้ราวกับใช้ความกล้าทั้งหมดของนาง เมื่อพูดจบนางก็หันหลังไปอย่างรวดเร็ว ไม่กล้าเผชิญหน้าหรือฟังสิ่งที่ลู่เหิงจือจะพูดอีกลู่เหิงจือหัวเราะเบาๆ "ได้"แต่มือของเขากลับเคลื่อนไหวอย่างคุ้นเคยบนร่างของนางซูชิงลั่วหนีบขาแน่น "ท่านไม่ได้...""ยังไม่ได้ทำให้เจ้า""..."มือคู่นั้นของเขาช่างยอดเยี่ยมจนทำให้นางแทบไม่เป็นตัวของตัวเองและเขายังพูดให้กำลังใจนางอย่างอ่อนโยนอีกว่า "ครางออกมาสิ ข้าชอบฟังเสียงเจ้าคราง"นางเคลื่อนไหวตามจังหวะของเขา ครั้งแล้วครั้งเล่า เหมือนเกลียวคลื่นที่กระทบฝั่งร่างกายนางอ่อนระทวยและสั่นสะท้าน แม้แต่ปลายเท้ายังหดเกร็งนางคิดว่า คนที่เหมือนลู่เหิงจือซึ่งยอมปรนเปรอให้สตรีบนเตียงเช่นนี้ คงหายากมากนางรู้ส

    ปรับปรุงล่าสุด : 2024-10-11
  • แต่งกับขุนนาง   บทที่ 229

    ความง่วงเข้าโจมตี นางจึงผล็อยหลับไปอย่างรวดเร็ว และฝันอีกครั้งในความฝัน ลู่เหิงจือยังคงมีเลือดท่วมตัว คุกเข่าข้างหนึ่งอยู่กับพื้นพร้อมกับโฉวกว่าง ซ่งเหวิน และทหารอีกกลุ่มหนึ่งที่ล้มลงในกองเลือด ถูกล้อมรอบโดยคนกลุ่มหนึ่งยังคงเป็นเวลากลางคืนเช่นเดิมยังคงเป็นท่าเรือแห่งนั้นหัวใจของซูชิงลั่วเหมือนถูกดาบแทงทะลุ เจ็บปวดเจียนตาย แต่อย่างไรก็ไม่สามารถตื่นขึ้นมาได้ในความมืดสลัวของยามราตรี ทันใดนั้นก็มีหญิงสาวคนหนึ่งขี่ม้าถือดาบบุกเข้ามาท่ามกลางวงล้อม และดึงลู่เหิงจือขึ้นมาบนหลังม้า ก่อนจะขี่ม้าจากไปอย่างรวดเร็วที่แปลกคือ จู่ๆ คนชุดดำที่อยู่ข้างหลังล้มลงพร้อมกันลู่เหิงจือบนหลังม้า กอดเอวของหญิงสาวคนนั้นแน่น ดูเหมือนจะหมดสติไปแล้วไม่อาจบอกได้ว่าเป็นความรู้สึกขอบคุณหรือหึงหวงที่มีมากกว่า นางกำมือทั้งสองข้างแน่น และทันใดนั้นก็มองเห็นใบหน้าของหญิงสาวคนนั้นอย่างชัดเจน...เป็นตัวนางเองซูชิงลั่วตกใจตื่นขึ้นอย่างกะทันหันนางรีบลุกขึ้นทันที และเดินออกไปด้วยความเร่งรีบ "หันเรือกลับเดี๋ยวนี้ ข้าจะกลับไปหังโจว"นางคิดบางอย่างได้ "ไม่สิ หยุดเรือที่หมู่บ้านข้างหน้า ข้าจะขี่ม้ากลับไป"หลี

    ปรับปรุงล่าสุด : 2024-10-11
  • แต่งกับขุนนาง   บทที่ 230

    หลังจากฉางกุ้ยได้ฟังแผนการของซูชิงลั่ว เขาคิดอยู่ครู่หนึ่งก่อนจะถามว่า "ฮูหยิน เราควรกลับไปแจ้งท่านอ๋องสักหน่อยหรือไม่?""ไม่ได้" ซูชิงลั่วตอบอย่างหนักแน่นก่อนหน้านี้นางได้บอกทุกเรื่องเกี่ยวกับความฝันของนางกับลู่เหิงจือไปแล้ว แต่เขาก็ยังคงตกอยู่ในอันตราย แสดงว่าเรื่องนี้ร้ายแรงกว่าที่เขาคาดคิดไว้มากนอกจากนี้ ความฝันไม่ใช่ว่าจะเกิดการเปลี่ยนแปลงไม่ได้เช่น ครั้งนี้ก็แตกต่างจากครั้งก่อน หากบอกลู่เหิงจืออีกครั้งและเกิดการเปลี่ยนแปลงขึ้นโดยที่นางไม่ได้ฝันอีก ลู่เหิงจือจะยิ่งตกอยู่ในอันตรายนางคิดอยู่ครู่หนึ่งแล้วให้เหตุผลที่ยากจะโต้แย้งว่า "ข้างกายลู่เหิงจือจะต้องมีคนคอยจับตาดูอยู่แน่ เราแอบซ่อนอยู่ในที่มืด จะช่วยเขาได้ดีกว่า"ฉางกุ้ยถูกโน้มน้าวสำเร็จในทันทีหลังจากที่ซูชิงลั่วสั่งการเรื่องราวทุกอย่าง อย่างรวดเร็วและเด็ดขาดแล้ว ฉางกุ้ยก็เริ่มมองนางเปลี่ยนไปเดิมทีเขาคิดว่านางเป็นเพียงหญิงสาวอ่อนแอ ที่ต้องให้ใต้เท้าคอยปกป้องในทุกเรื่อง แต่กลับไม่คาดคิดว่านางจะมีทั้งความกล้าและสติปัญญาขนาดนี้หลี่ว์เผิงเทียนก็เหลือบมองซูชิงลั่วเช่นกันแล้วกล่าวว่า "น้องสาว เจ้าคิดรอบคอบมาก ข้าเองยั

    ปรับปรุงล่าสุด : 2024-10-11
  • แต่งกับขุนนาง   บทที่ 231

    โชคดีที่ซ่งเหวินพูดขึ้นว่า "ใต้เท้า ไม่สู้สวมมันไว้ให้ผ่านคืนนี้ก่อนค่อยว่ากันดีหรือไม่ขอรับ""ก็ดี" ลู่เหิงจือคิดอยู่ครู่หนึ่ง แล้วจึงเก็บเกราะจานไว้ในอ้อมอก*ช่วงบ่าย เมื่อการยึดทรัพย์สินสิ้นสุดลง ลู่เหิงจือก็ได้เดินทางมาถึงจวนของหวังเหลียงฮั่นครั้งนี้ไม่เพียงแต่ยึดทองคำและอัญมณีได้จำนวนมหาศาล เติมเต็มคลังหลวง ยังพบจดหมายโต้ตอบระหว่างเขากับขุนนางหลายคนในราชสำนักด้วยแค่จดหมายจากลายมือขององค์รัชทายาทเองยังมีถึงยี่สิบฉบับ บนนั้นยังประทับตราส่วนตัวไว้ด้วย ไม่น่าแปลกใจที่องค์รัชทายาททนไม่ไหวจนต้องส่งองครักษ์ลับมาจัดการกับเขาลู่เหิงจือครุ่นคิดอยู่ครู่หนึ่ง เปิดจดหมายอ่านอย่างละเอียด เลือกสามฉบับที่สามารถใช้เล่นงานได้ แล้วส่งส่วนที่เหลือให้โฉวกว่าง "คืนนี้เจ้าส่งจดหมายเหล่านี้จากท่าเรือกลับไปยังเมืองหลวงซะ"โฉวกว่างตอบรับเสียงหนักแน่นส่วนอีกสามฉบับ ลู่เหิงจือนำจดหมายออกมา ครุ่นคิดอยู่ครู่หนึ่ง ก่อนจะเก็บไว้ในเกราะจานที่พกติดตัว แล้วโยนซองจดหมายให้โฉวกว่างกว่าจะตรวจสอบทรัพย์สินที่ยึดได้หมดก็มืดค่ำแล้ว เขาจึงพาคนของตัวเองออกจากจวนของหวังเหลียงฮั่นตราบใดที่จดหมายเหล่านี้ถูกส่ง

    ปรับปรุงล่าสุด : 2024-10-12
  • แต่งกับขุนนาง   บทที่ 232

    ซูชิงลั่วนั่งยองๆ อยู่ในพุ่มไม้ริมแม่น้ำ ฟังเสียงความเคลื่อนไหวข้างนอก ไม่กล้าแม้แต่จะหายใจนางเห็นพลุสัญญาณดอกนั้นแล้ว อยู่ไม่ไกลจากตรงนี้ ลู่เหิงจือน่าจะใกล้มาถึงแล้วแต่กลับกลายเป็นว่าโฉวกว่างถูกบีบให้มาถึงที่ท่าเรือก่อนเขาถูกคนสี่คนไล่ฆ่า กลิ่นคาวเลือดลอยคลุ้งจนนางสามารถได้กลิ่นแม้จะอยู่ไกลฉางกุ้ยเตรียมจะลงมือ แต่ซูชิงลั่วกดมือเขาไว้ "รอก่อน ยังมีคนอื่นอีก"และไม่นานเสียงฝีเท้าม้าก็ดังขึ้นลู่เหิงจือและซ่งเหวินกระโดดลงจากหลังม้า ข้างหลังมีองครักษ์ลับอีกแปดคนตามมาติดๆเมื่อหัวหน้าองครักษ์ลับมองเห็นพวกของตนเองแล้วก็หัวเราะเย็นชา "มากันครบแล้ว พอดีจะได้ส่งพวกเจ้าทั้งหมดไปลงนรกพร้อมกัน"สิ้นเสียงของเขา ก็ได้ยินเสียงดัง "ปัง ปัง ปัง" ท่าเรือพลันถูกปกคลุมไปด้วยควันสีขาว"ระเบิดควัน?" หัวหน้าองครักษ์ลับพูด "กระจายกำลังออกไป"เหล่าองครักษ์ลับกระจายกันออกไปรอบๆ ทันที แม้ว่ามองไม่เห็นตัวคน แต่พวกเขาก็ยังล้อมทุกคนไว้ในกลุ่มควันทันใดนั้น ก็ได้ยินเสียงม้าร้องขึ้นเสียงดังมีผู้หญิงคนหนึ่งถือดาบยาวฟาดฟันเข้ามาลู่เหิงจือหรี่ตามองเล็กน้อย และจำได้ในทันทีว่ากระบวนท่าไร้แบบแผนนี้เป็น

    ปรับปรุงล่าสุด : 2024-10-12

บทล่าสุด

  • แต่งกับขุนนาง   บทที่ 458

    เสียงของนางแฝงความหมายว่า “รู้แล้วทำไมไม่บอกข้า”ซูชิงลั่วกระซิบว่า “ซือไหวไม่ให้ข้าบอกท่าน และข้าก็กลัวว่าหากบอกท่านไป แล้วจะกระทบความสัมพันธ์ระหว่างพี่สะใภ้กับน้องสาวได้”ลู่เหิงจือเอ่ยด้วยน้ำเสียงเย็นชาว่า “แต่เจ้าไม่กลัวว่าจะกระทบความสัมพันธ์ระหว่างสามีภรรยาหรือ”ซูชิงลั่วซบลงในอ้อมอกเขา “จะกระทบหรือ?”ลู่เหิงจือฮึดฮัด น้ำเสียงนั้นชัดเจนว่าไม่เป็นเช่นนั้นซูชิงลั่วอดยิ้มไม่ได้ “อันที่จริงแล้วใต้เท้าอวี๋ก็ไม่เลวเลย”ลู่เหิงจือเอ่ยเสียงเข้มขรึมว่า “ห้ามชมเขา”ซูชิงลั่วตอบอย่างเชื่อฟังว่า “ได้”อวี๋ซื่อชิงเดินมาพร้อมกับลู่ซือไหวลู่เหิงจือมองคนทั้งสองพลางถามว่า “นานแค่ไหนแล้ว?”อวี๋ซื่อชิงตอบอย่างมั่นใจว่า “เกือบปีแล้ว”นานแค่ไหนนะ???เช่นนี้ก็หมายความว่าพวกเขาเริ่มคบหากันหลังจากที่เขาและซูชิงลั่วออกจากเมืองหลวงไม่นานอย่างนั้นหรือ?ลู่เหิงจือหันมองลู่ซือไหว “เจ้ามานี่”อวี๋ซื่อชิงพูดว่า “มีเรื่องอะไรข้าจะคุยกับท่านเอง”ลู่เหิงจือยิ้มเย้ยหยัน “การสนทนาของพวกข้าสองพี่น้อง ไม่เกี่ยวกับเจ้า”ลู่ซือไหวดึงแขนเสื้อของอวี๋ซื่อชิง อวี๋ซื่อชิงจึงถอยออกไปลู่เหิงจือพาลู่ซือไหวออ

  • แต่งกับขุนนาง   บทที่ 457

    เซี่ยถิงอวี่เดินเข้ามา มองลู่เหิงจือพลางเอ่ยว่า “เหิงจือ รอบที่แล้วเจ้าแต่งงาน ข้าไม่สะดวกไปร่วมงานเพราะสถานะของข้า รอบนี้เจ้าแต่งงาน ข้าจะต้องมาดูสักครั้ง เพื่อความสบายใจของข้าเอง”เสียงของเขาดูจริงใจ ราวกับกำลังพูดคุยกับมิตรสหายคนหนึ่งลู่เหิงจือเงียบไปครู่หนึ่ง แล้วเอ่ยว่า “ขอบคุณมาก”ไม่ว่าก่อนหน้านี้จะมีการใช้กันและกันเป็นเครื่องมือหรือไม่ แต่ยามนี้ พวกเขาเป็นสหายที่จริงใจต่อกันมากที่สุดเมิ่งชิงไต้ก็เอ่ยว่า “รอบที่แล้วข้าไม่ได้เข้าร่วมงานแต่งงานของน้องซู ก็รู้สึกเสียดายเหมือนกัน อันที่จริงแล้ว ข้าพาอวี้จู๋และโฉวกว่างมาด้วย”หลังจากลู่เหิงจือและซูชิงลั่วกลับจินหลิง เซี่ยถิงอวี่ก็เรียกโฉวกว่างกลับมาเพราะการส่งองครักษ์ลับที่ผ่านการฝึกฝนอย่างหนักไปยังจินหลิงนั้นดูจะไม่คุ้มค่า ลู่เหิงจือก็ไม่มีความเห็นอะไร อวี้จู๋จึงยังคงอยู่ในเมืองหลวงและติดตามเมิ่งชิงไต้ซูชิงลั่วรู้สึกประหลาดใจและเอ่ยว่า “ขอบคุณพี่เมิ่ง”เซี่ยถิงอวี่หัวเราะออกมาอย่างกะทันหันเพราะปิดหน้าอยู่ ซูชิงลั่วจึงมองไม่เห็นสีหน้าของเขา รู้สึกได้เพียงว่าเสียงของเขามีความเย้าแหย่แฝงอยู่“ใช่แล้ว ข้าพาอวี๋ซื่อชิงมาด้

  • แต่งกับขุนนาง   บทที่ 456

    เนื่องจากชุดเครื่องประดับศีรษะชุดนี้ทำค่อนข้างยาก รวมถึงสุขภาพของซูชิงลั่วที่ต้องดูแลเป็นพิเศษ และหลิงเกอเอ๋อร์ยังเล็กอยู่ การแต่งงานรอบสองระหว่างลู่เหิงจือกับซูชิงลั่วจึงเลื่อนออกไปหนึ่งปีทั้งสองเคยแต่งงานกันมารอบหนึ่งแล้ว การแต่งงานรอบสองเป็นเพียงการให้คำมั่นสัญญาแก่กัน และไม่ได้จัดงานใหญ่โต มีเพียงเชิญญาติฝ่ายเรือนสามและญาติของตระกูลซูมาร่วมงานคล้ายคลึงกับงานฉลองอายุครบเดือนของหลิงเกอเอ๋อร์เท่านั้นซูชิงลั่วสวมเครื่องประดับศีรษะที่ลู่เหิงจือคอยดูแลการผลิตด้วยตัวเอง มุมปากก็ยกขึ้นเล็กน้อยจื๋อหยวนเอ่ยว่า “ของที่ใต้เท้าคอยดูแลการผลิตด้วยตัวเองย่อมงดงามมาก”ซูชิงลั่วพยักหน้า ได้ยินมาว่าลู่เหิงจือทำให้ฝีมือของช่างเหล่านั้นพัฒนาขึ้นไปอีกขั้นเลยทีเดียวก่อนหน้านี้ไม่เคยมีงานฝีมือการทอเส้นไหมทองที่ประณีตขนาดนี้มาก่อนอัญมณีสีชมพูที่ใช้ประดับดอกไม้ต้องมีสีที่เหมือนดอกท้อมากที่สุด ได้ยินมาว่าลู่เหิงจือเดินทางไปทั่วเจียงหนานเพื่อคัดเลือกอัญมณีหลายร้อยชิ้น จนกระทั่งพบกับอัญมณีที่มีสีใกล้เคียงกับสีชมพูของดอกท้อมากที่สุดหลิงเกอเอ๋อร์เดินได้มาหนึ่งเดือนกว่าแล้วยามนี้เขาวิ่งเข้ามาอย่างท

  • แต่งกับขุนนาง   บทที่ 455

    ลู่เหิงจือนวดหว่างคิ้วเบาๆ ไม่ตอบอะไรซ่งอวี้ครุ่นคิดครู่หนึ่ง “อันที่จริงแล้วข้ามีวิธีฝังเข็มคุมกำเนิดสอนท่านได้ หากท่านไม่ต้องการมีลูก หลังจากมีเพศรักทุกครั้ง ท่านก็สามารถฝังเข็มให้ฮูหยินได้ ไม่มีผลข้างเคียง เพียงแต่อาจจะเรียนรู้ยากหน่อย”ลู่เหิงจือโล่งอก “ข้าเรียน”เขายังเรียนเขียนบทบรรยายได้เลย การฝังเข็มแค่นี้เขาไม่กลัวอยู่แล้วซ่งอวี้ “เรื่องนี้ต้องปรึกษาฮูหยินของท่านด้วย”“แน่นอน ข้าแค่มาถามท่านก่อน” ลู่เหิงจือตอบด้วยน้ำเสียงเป็นธรรมชาติหลังจากส่งซ่งอวี้กลับห้องแล้ว ลู่เหิงจือก็เดินตามทางเดินที่คดเคี้ยวกลับต้องยอมรับว่าจวนตระกูลซูสร้างได้ดีจริงๆ แม้แต่แสงจันทราก็ยังสวยกว่าที่เมืองหลวงเขายกหน้าขึ้นมองพระจันทร์ คิดว่ายามนี้หลิงเกอเอ๋อร์หลับแล้วแน่นอน คงพาซูชิงลั่วออกมาชมจันทร์ได้เขายิ้มมุมปาก จู่ๆ ก็คิดบางอย่าออก รีบก้มดูถุงหอมที่ตนเองห้อย- ถุงหอมที่ซูชิงลั่วให้ลู่ซือไหวล้วนเป็นการปักสองด้านหมด แล้วของเขา......เขารีบเปิดออกนี่คือถุงหอมอันแรกที่ซูชิงลั่วให้เขานางเคยให้เขาสามอัน เขาห้อยอันนี้บ่อยที่สุด เพราะรู้สึกว่าอันแรกมีความหมายที่แตกต่างปลายนิ้วของเขาสั่น

  • แต่งกับขุนนาง   บทที่ 454

    ลู่เหิงจือเอ่ยกึ่งติดตลกว่า "หรือว่าข้าจะมาเป็นกรรมการดี?"เขาแค่พูดเล่นๆ แต่ลู่ซือไหวกลับคิดจริงจัง "ดีเลย"นางก็รีบแกะถุงหอมที่ซูชิงลั่วให้นางมาจากเอวซูชิงลั่วรู้สึกประหลาดใจ - นางพกติดตัวตลอดจริงๆลู่เหิงจือหยิบขึ้นมาเทียบกับสร้อยทองในมือของซูชิงลั่ว แล้วเอ่ยเสียงเรียบว่า "ก็สู้ของพี่สะใภ้ไม่ได้หรอก"ลู่ซือไหวไม่ได้รู้สึกไม่พอใจที่ถูกพูดเช่นนี้ ใบหน้าก็ยิ้มแย้ม "ก็เพราะการปักลายสองด้านจำกัดฝีมือของพี่สะใภ้"นางพลิกถุงหอมกลับด้าน ด้านในมีอะไรซ่อนอยู่ลู่เหิงจือรู้สึกเหมือนจะนึกอะไรออกแต่ก็จับไม่ได้ทันที ก็ได้ยินบ่าวรับใช้มารายงานว่าหมอหลวงซ่งจากเมืองหลวงมาถึงแล้วเขาอายุมากแล้ว ฮ่องเต้องค์ใหม่มีหมอหลวงที่ไว้ใจได้ของพระองค์เอง เขาจึงลาออกจากตำแหน่งกลับบ้านเกิดเขาเป็นชาวจินหลิง พอได้ยินว่าลูกชายของลู่เหิงจืออายุครบเดือน ก็รีบมาแสดงความยินดีในวันรุ่งขึ้นทันทีคนอื่นๆ ล้วนเป็นญาติหรือสหายเก่าของตระกูลซูแห่งจินหลิง ลู่เหิงจือไม่จำเป็นต้องไปต้อนรับเป็นพิเศษ แต่เมื่อซ่งอวี้มาเอง เขาต้องไปพบซูชิงลั่วเห็นว่าญาติมาครบแล้ว ก็อุ้มหลิงเกอเอ๋อร์และจูงมือลู่ซือไหวออกไปทักทายทุกคนทัน

  • แต่งกับขุนนาง   บทที่ 453

    ถึงจะเป็นเช่นนั้น แต่กระทำกลับอ่อนโยนอย่างไม่เคยมีมาก่อนเห็นได้ชัดว่าเขาดูแลนางเป็นอย่างดีหลังคลอดไม่นานทว่าซูชิงลั่วก็อดร้องออกมาด้วยเสียงที่ทำให้หัวใจเต้นรัวไม่ได้เขาเพิ่งเคยจูบนางเช่นนี้เป็นครั้งแรก จูบที่ทั้งถี่และอ่อนโยนจนแทบจะทั่วทั้งร่างกายของนางสุดท้ายแนบชิดนางอย่างระมัดระวังจูบเสร็จแล้ว ซูชิงลั่วก็เอนตัวลงในอ้อมแขนของเขาและถามว่า “ท่านจะเขียนบทบรรยายให้ข้าอีกหรือไม่”ลู่เหิงจือตอบเสียงเบาว่า “หากเจ้าอยากอ่าน ข้าก็จะเขียน”ซูชิงลั่วตอบว่า “อยากอ่าน”ลู่เหิงจือตอบว่า “ได้”ซูชิงลั่วรู้สึกพึงพอใจและหลับไปในอ้อมแขนของเขา*งานฉลองวันเกิดครบหนึ่งเดือนของหลิงเกอเอ๋อร์ จัดขึ้นเมื่อเขาอายุได้ สามสิบห้าวันซึ่งจัดช้ากว่าที่จินหลิงไม่กี่วันเนื่องจากญาติฝ่ายตระกูลซูเหลือไม่มาก และญาติฝ่ายตระกูลลู่ส่วนใหญ่อยู่ที่เมืองหลวง จำนวนแขกที่มาในงานจึงไม่มาก มีเพียงแค่สองโต๊ะเท่านั้นแต่ภายในบ้านก็ยังคงคึกคักเป็นพิเศษ เพราะไม่ได้มีงานมงคลเช่นนี้มานานแล้วลู่ซือไหวก็ถูกรับกลับมาจินหลิงเช่นกัน เนื่องจากลู่เหิงจือและซูชิงลั่ววางแผนจะอยู่ที่จินหลิงสักสองสามปี นางจึงอยากอยู่กับพี่ช

  • แต่งกับขุนนาง   บทที่ 452

    ลู่เหิงจือจึงได้อยู่เดือนเป็นเพื่อนซูชิงลั่วเขาเริ่มสังเกตเห็นว่าเมนูอาหารในบ้านเปลี่ยนไปจากเดิมมากโดยเฉพาะเมนูที่ไม่ค่อยได้ทำมาก่อนแต่ปรากฏในช่วงนี้อยู่บ่อยครั้ง - ตีนเป็ดตุ๋นน้ำแดง เนื้อแพะตุ๋น มะเขือม่วงย่าง และหัวสิงโตนึ่งลู่เหิงจือกินไปหลายวันก็เริ่มฉุกคิดได้ จึงหันไปมองซูชิงลั่ว“ครั้นที่เจ้าไปกินข้าวกับอวี๋ซื่อชิงและหลี่ว์เผิงเทียน แล้วถามเถ้าแก่ว่าข้าชอบกินอะไร”ซูชิงลั่วก็ไม่ได้ปฏิเสธหลังจากคืนดีกับลู่เหิงจือแล้ว พวกเขาทั้งสองก็เข้าใจกันมากขึ้น - สามารถพูดคุยกันได้ทุกเรื่อง ราวกับไม่มีอะไรต้องกังวลอีกแล้วทำให้นางกับลู่เหิงจือต่างรู้สึกสบายใจมากขึ้น“ข้าเพิ่งรู้ว่าที่ผ่านมาท่านเอาใจข้าเรื่องอาหารมากเลย” ซูชิงลั่วเอ่ยติดตลก “ไม่แปลกใจเลยที่ท่านจะไม่ค่อยกลับบ้านมากินข้าว”ลู่เหิงจือเงยหน้าขึ้นมองนางซูชิงลั่วเงยหน้าขึ้นมองเขาพร้อมกับเอียงหัวเล็กน้อย “ที่ผ่านมาเป็นความผิดของข้าเองที่ไม่เคยได้สังเกต”นางเอื้อมมือไปดึงหูเขาเบาๆ พลางเอ่ยว่า "ต่อไปนี้ สามีจะได้กินอาหารถูกปากที่บ้านบ่อยๆ แล้วนะ"การที่นางเรียกเขาว่า "สามี" และดึงหูเขาทำให้สายตาของลู่เหิงจือลึกซึ้งยิ่

  • แต่งกับขุนนาง   บทที่ 451

    ซูชิงลั่วหลับไปหนึ่งวันหนึ่งคืนถึงจะฟื้นพอฟื้น คนแรกที่เห็นคือลู่เหิงจือที่นอนอยู่ข้างๆ มือของเขายังจับมือนางไว้อยู่ และฝ่ามือก็เปียกชุ่มไปด้วยเหงื่อนางขยับมือลู่เหิงจือรู้สึกตัวทันที ไม่ต้องให้นางเอ่ยสิ่งใด เขาก็รีบเทน้ำอุ่นใส่ถ้วย แล้วอุ้มนางเข้ามากอดในอ้อมแขน ป้อนน้ำให้นางซูชิงลั่วดื่มไปหลายถ้วยถึงจุใจ เสียงของนางก็แหบพร่า “ลูกล่ะ”“อยู่ห้องข้างๆ เจ้าน่ะ มีแม่นมเหมยและแม่นมคอยดูแลอยู่ ท่านย่าก็แวะไปดูเป็นระยะๆ เจ้าไม่ต้องห่วง” ลู่เหิงจือถามนาง “หิวหรือไม่”ซูชิงลั่วพยักหน้า หิวอย่างที่ไม่เคยเป็นมาก่อนลู่เหิงจือตอบว่า “ข้าวต้มกับบะหมี่เตรียมไว้แล้ว เจ้าอยากกินอะไร”“แม่นมเหมยบอกว่าเจ้าเพิ่งคลอด ควรกินอาหารอ่อนๆ ไปก่อน”เขาเอื้อมมือไปจัดทรงผมที่ยุ่งเหยิงของนาง “พอเจ้าสบายตัวขึ้นแล้ว ข้าจะลงครัวทำอาหารที่เจ้าชอบกินด้วยตนเอง”ซูชิงลั่วพยักหน้า “บะหมี่แล้วกัน”นางไม่มีแรงแม้แต่จะยกแขนลู่เหิงจือจึงอุ้มนางไว้ในอ้อมแขน ป้อนให้นางทีละคำนางกินบะหมี่ไปสองชามเล็กถึงจะอิ่ม และคิดถึงลูกขึ้นมา จึงถามว่า “ลูกหลับอยู่หรือไม่ หากตื่นแล้วอุ้มมาให้ข้าดูหน่อย”ลู่เหิงจือเอ่ยเสียงทุ้

  • แต่งกับขุนนาง   บทที่ 450

    เวลาล่วงเลยเข้าสู่ยามวิกาล ลู่เหิงจือและหญิงชราก็ยังคงรอคอยอยู่ข้างนอกเยว่เออร์จึงปลอบว่า “นายหญิงเฒ่า คุณหนูคงยังไม่คลอดในทันที ท่านควรกลับไปพักผ่อนเสียก่อน มิเช่นนั้น เมื่อคุณหนูคลอดบุตรออกมาแล้ว ร่างกายของท่านจะไม่ไหวเอาได้ คุณหนูก็ต้องมาเป็นห่วงอีก”หญิงชราเอ่ยด้วยน้ำเสียงหนักแน่นว่า “เจ้าไม่ต้องมาปลอบข้าหรอก ข้านอนไม่หลับอยู่แล้ว”เยว่เออร์จึงได้แต่ทำตามคำสั่งโชคดีที่เป็นเดือนหกของจินหลิง ค่ำคืนนี้จึงไม่หนาวลู่เหิงจือได้สั่งให้คนนำนาฬิกาทรายมาวางไว้ในบริเวณลานกว้าง และรู้สึกว่าค่ำคืนนี้ยาวนานเหลือเกินราวกับว่าความอดทนทั้งหมดของเขาหมดไปกับค่ำคืนนี้ฟ้าสางแล้วเสียงร้องครวญครางของซูชิงลั่วก็เบาลง ดูไม่น่ากลัวเหมือนเมื่อคืน และค่อยๆ สงบลงลู่เหิงจือใจร้อนจึงรีบส่งคนเข้าไปถามว่า “เป็นอย่างไรบ้าง”สาวใช้รีบตอบว่า “ใต้เท้าอย่าได้เป็นห่วงเลย ฮูหยินเพียงแค่เหนื่อยจนหลับไปเจ้าค่ะ”นางไม่ได้หลับทั้งคืน เสียงร้องครวญครางก็พยายามกลั้นไว้ คงจะเหนื่อยล้ามากลู่เหิงจือพยักหน้า ไม่ได้เอ่ยสิ่งใดต่อซูชิงลั่วหลับไปเพียงครึ่งชั่วยาม ท้องก็เริ่มปวดอีกครั้งนางตื่นขึ้นมาด้วยความเจ็บป

DMCA.com Protection Status