ซูชิงลั่วนั่งยองๆ อยู่ในพุ่มไม้ริมแม่น้ำ ฟังเสียงความเคลื่อนไหวข้างนอก ไม่กล้าแม้แต่จะหายใจนางเห็นพลุสัญญาณดอกนั้นแล้ว อยู่ไม่ไกลจากตรงนี้ ลู่เหิงจือน่าจะใกล้มาถึงแล้วแต่กลับกลายเป็นว่าโฉวกว่างถูกบีบให้มาถึงที่ท่าเรือก่อนเขาถูกคนสี่คนไล่ฆ่า กลิ่นคาวเลือดลอยคลุ้งจนนางสามารถได้กลิ่นแม้จะอยู่ไกลฉางกุ้ยเตรียมจะลงมือ แต่ซูชิงลั่วกดมือเขาไว้ "รอก่อน ยังมีคนอื่นอีก"และไม่นานเสียงฝีเท้าม้าก็ดังขึ้นลู่เหิงจือและซ่งเหวินกระโดดลงจากหลังม้า ข้างหลังมีองครักษ์ลับอีกแปดคนตามมาติดๆเมื่อหัวหน้าองครักษ์ลับมองเห็นพวกของตนเองแล้วก็หัวเราะเย็นชา "มากันครบแล้ว พอดีจะได้ส่งพวกเจ้าทั้งหมดไปลงนรกพร้อมกัน"สิ้นเสียงของเขา ก็ได้ยินเสียงดัง "ปัง ปัง ปัง" ท่าเรือพลันถูกปกคลุมไปด้วยควันสีขาว"ระเบิดควัน?" หัวหน้าองครักษ์ลับพูด "กระจายกำลังออกไป"เหล่าองครักษ์ลับกระจายกันออกไปรอบๆ ทันที แม้ว่ามองไม่เห็นตัวคน แต่พวกเขาก็ยังล้อมทุกคนไว้ในกลุ่มควันทันใดนั้น ก็ได้ยินเสียงม้าร้องขึ้นเสียงดังมีผู้หญิงคนหนึ่งถือดาบยาวฟาดฟันเข้ามาลู่เหิงจือหรี่ตามองเล็กน้อย และจำได้ในทันทีว่ากระบวนท่าไร้แบบแผนนี้เป็น
เหตุใดจึงมีคนโผล่มาอีก?ซูชิงลั่วสะดุ้งตกใจ ใช้มือกำไปที่แผงคอม้าแน่นลู่เหิงจือบังคับม้าให้หยุด เงยหน้ามองไปไม่ใช่องครักษ์ลับ เพราะองครักษ์ลับไม่มีทางมีรูปร่างอ้วนท้วนขนาดนี้เขาเงยหน้ามองแวบหนึ่ง หัวหน้าของพวกนั้นมีใบหน้าดุดัน รูปร่างใหญ่โตจนดูคุ้นตา"ลี่หลู""ใช้แล้ว" ลี่หลูพูดด้วยความโกรธแค้น "ลู่เหิงจือ เจ้าสังหารบุตรชายคนเดียวของข้า ข้าจะเอาชีวิตเจ้ามาชดใช้!"เมื่อเขาเห็นซูชิงลั่ว ก็หัวเราะอย่างน่ารังเกียจ "ฮูหยินก็อยู่ด้วยสินะ วางใจเถอะ หลังจากเขาตาย ข้าจะดูแลเจ้าอย่างดี ข่มขืนก่อนค่อยฆ่า จากนั้นค่อนส่งเจ้าไปอยู่กับลูกชายข้าในปรโลก!"คนผู้นี้ช่างวิปริตนัก ไม่น่าแปลกใจเลยที่ลูกชายของเขาก็ชั่วร้ายไม่แพ้กันซูชิงลั่วสั่นสะท้านโดยไม่รู้ตัวลู่เหิงจือบังคับม้าให้เปลี่ยนทิศทางในทันที ตะโกนออกมาเสียงดัง "ไป..."หากมีเขาคนเดียว บางทีอาจจะสู้สักตั้งได้แต่ซูชิงลั่วอยู่ที่นี่ เขาไม่อาจเสี่ยงลี่หลูหัวเราะเยาะ หยิบธนูขึ้นมา แล้วยิงลูกธนูออกไปอย่างรวดเร็วม้าล้มลงในทันทีลู่เหิงจือกอดซูชิงลั่วกลิ้งลงมาจากหลังม้าลี่หลูหัวเราะเยาะพร้อมเดินเข้ามาช้าๆ "ลู่เหิงจือ นี่เจ้าไม่รู้
ลี่หลูกล่าวด้วยความหมายลึกซึ้ง "ฮูหยินช่างมีความรักลึกซึ้งต่อใต้เท้ายิ่งนัก"ซูชิงลั่ววิ่งมาอยู่ข้างกายลู่เหิงจือ หายใจหอบเหนื่อย นางพยุงแขนเขา ใช้ไหล่ของตัวเองพยุงร่างที่กำลังจะล้มของลู่เหิงจือ ราวกับในเวลานี้นางเป็นที่พึ่งพิงเพียงหนึ่งเดียวของเขากลิ่นคาวเลือดอบอวลอยู่รอบตัวเขารอบๆ มีศพของคนชุดดำหกถึงเจ็ดคนนอนเกลื่อนกลาดดูเหมือนหลังจากลู่เหิงจือฆ่าพวกนั้น เขาก็หมดแรงจนไม่สามารถยืนได้อีก ขณะที่ลี่หลูมีแค่บาดแผลเล็กน้อยที่ขาเท่านั้นลู่เหิงจือกล่าวเสียงเครียด "รีบไป!"ซูชิงลั่ว "ท่านไม่ต้องพูด"นางรีบดึงชายกระโปรงออกมา ผูกมัดแผลที่เอวของเขาไว้เพื่อห้ามเลือด การเคลื่อนไหวของนางราบรื่นดั่งสายน้ำ"ชิงลั่ว!" เขาเรียกนางอย่างร้อนรนซูชิงลั่วค่อยๆ พยุงเขานั่งลง กุมมือของเขาเบาๆ น้ำตาไหลลงมาไม่หยุดนางหันไปหยิบมีดจากศพที่ตายบนพื้น มือทั้งสองข้างของนางสั่น มีดในมือสั่นจนปลายมีดกระดิกไปมาลี่หลูหัวเราะลั่น "น่าสนใจจริง เจ้าถือมีดยังไม่มั่นเลย ยังคิดจะฆ่าข้าอีกหรือ?"นางมองลี่หลูด้วยสายตาน่าสงสาร"ท่านปล่อยเขาไปได้หรือไม่?"ลี่หลูหัวเราะ "งามก็จริง แต่เสียทีที่โง่ ดูรูปร่างแล้ว ร
ซูชิงลั่วมองเขา "พี่ท่าน ช่วยสามีของข้าก่อน..."แล้วนางก็หมดสติล้มลงในอ้อมแขนของลู่เหิงจือลู่เหิงจือกอดนางไว้ มองดูดวงจันทร์บนท้องฟ้ายามค่ำคืน แล้วก็รู้สึกหนังตาหนักขึ้นเรื่อยๆ จนหมดสติไปเช่นกัน*ลู่เหิงจือตื่นขึ้นมาอีกครั้งในตอนเย็นของวันถัดมาเขาสูญเสียเลือดไปมาก แต่โชคดีที่มีร่างกายแข็งแรงเป็นทุนเดิม และในตอนนั้นเพื่อนในยุทธภพของหลี่ว์เผิงเทียนก็ได้นำยาสมานแผลชั้นยอดมาให้เขาใช้ ดังนั้นแม้จะดูเหมือนมีบาดแผลมากมาย แต่ก็ไม่มีอันตรายถึงชีวิต เพียงแค่มีไข้สูงเท่านั้นคำถามแรกเมื่อเขาลืมตาคือ "ฮูหยินเป็นอย่างไรบ้าง?"เสียงของเขาแหบและแห้งเพราะพิษไข้ซ่งเหวินรีบยกน้ำอุ่นถ้วยหนึ่งมาวางตรงหน้าแล้วกล่าวว่า "ใต้เท้าอย่าได้กังวล ฮูหยินไม่ได้เป็นอะไร เพียงแค่ตกใจ ตอนนี้ยังหลับอยู่ แต่อีกไม่นานก็คงจะตื่นแล้ว"ลู่เหิงจือดื่มน้ำอุ่นลงไปสองอึกแล้วกล่าวว่า "พยุงข้าไปดูนางหน่อย"ซ่งเหวินกล่าว "จื๋อหยวนกำลังดูแลฮูหยินอยู่ ใต้เท้าไม่ต้องเป็นห่วง ไม่สู้กินข้าวต้มก่อนสักหน่อยเถิดขอรับ"ลู่เหิงจือเหลือบมองซ่งเหวิน น้ำเสียงเย็นชา "ไม่ใช่ฮูหยินของเจ้า เจ้าย่อมไม่กังวล"ซ่งเหวินถึงกับสะดุ้งไม่
หลังจากจัดการทุกอย่างเสร็จ ลู่เหิงจือก็รู้สึกว่าสมองเริ่มตื้ออย่างไรเขาก็บาดเจ็บหนัก ร่างกายอ่อนล้าอย่างมากเขาลุกขึ้นแล้วกลับไปยังห้องข้างๆ เอนกายนอนลงข้างๆ ซูชิงลั่วนางยังคงหลับลึก แต่ดูเหมือนจะหลับไม่ค่อยสนิท บางครั้งก็ครางออกมาเบาๆ ไม่รู้ว่ากำลังฝันร้ายอยู่อีกหรือเปล่าหญิงสาวบอบบางเช่นนางต้องฆ่าคนเพื่อเขา เลือดอุ่นสาดกระเซ็นเต็มใบหน้าและร่างกาย จะไม่ให้หวาดกลัวได้อย่างไรเขาลูบแขนของนางใต้ผ้าห่ม ลากนิ้วลงมาเรื่อยๆ ก่อนจะสอดนิ้วประสานเข้ากับนิ้วของนางไข้ของนางลดลงแล้ว ฝ่ามือก็ไม่ร้อนเท่าเดิมแล้วไม่รู้ว่าเป็นเพราะนางรู้สึกถึงสัมผัสของเขาหรือไม่ นางจึงค่อยๆ นอนหลับอย่างสงบลงลู่เหิงจือได้ยินเสียงหายใจสม่ำเสมอของนางจึงค่อยๆ ผล็อยหลับไปเช่นกัน*เลือดทั้งมือ ใบหน้า และทั่วทั้งร่างของนางเต็มไปด้วยเลือดเลือดอุ่นๆ กลิ่นคาวเหนียวเหนอะ และใบหน้าที่ราวกับปีศาจของเขาคนนั้นลู่เหิงจือเหมือนกำลังจมลงในทะเลเลือด นางพยายามเอื้อมมือไปคว้าเขาไว้ แต่เขากลับยิ่งจมหายไปไกลขึ้นเรื่อยๆ...ทั้งที่นางฆ่าลี่หลูไปแล้ว แต่จู่ๆ ศพของเขากลับลุกขึ้นมาอีกครั้ง พร้อมกับตะโกนว่าต่อให้เป็นผีก็จะ
ไม่นานนางก็คิดได้ว่าเขาคงแค่แกล้งนาง จึงไม่ได้สนใจ ยื่นมือไปถอดเสื้อเขาออกลู่เหิงจือปล่อยให้นางทำตามใจก่อนหน้านี้ที่เขาทั้งกอดและจุมพิตนางบาดแผลก็เปิดออก จนเลือดสีแดงซึมออกมาที่ผ้าพันแผลแล้วซูชิงลั่วพูดอย่างโมโห "ตัวท่านเป็นอย่างไรไม่รู้ตัวเองเลยหรือ? บาดเจ็บหนักขนาดนี้ยังกล้ากอดข้าไว้แน่น แถมยังย่อตัวมาจูบข้าอีก ท่านคิดจะทิ้งชีวิตแล้วหรือไร?"นางแทบอยากจะตบลู่เหิงจือสักที แต่พอเห็นร่างกายของเขาที่แทบไม่เหลือส่วนดี นางก็อดสงสารจนแทบจะร้องไห้ออดมาไม่ได้นางตะโกนออกไปว่า "ซ่งเหวินอยู่หรือไม่? ไปเรียกหมอมาทำแผลให้ใต้เท้าหน่อย"หมอมาถึงอย่างรวดเร็ว ซ่งเหวินเฝ้าอยู่ที่หน้าประตูลู่เหิงจือมองซูชิงลั่ว กล่าวด้วยน้ำเสียงเรียบๆ "ข้าไม่เป็นอะไรจริงๆ ถึงไม่กอดเจ้า แผลก็ต้องเปิดเป็นเรื่องปกติอยู่แล้ว...""ท่านเงียบไปเลย!" ซูชิงลั่วดุเขาลู่เหิงจือก็ได้เพียงปิดปากตามคำสั่ง ปล่อยให้หมอทำแผลให้หมอท่านนี้เป็นหมอชื่อดังของหังโจว เคยรักษาขุนนางผู้มีชื่อเสียงมามาก แต่คนที่ยศสูงอย่างท่านอัครมหาเสนาบดีก็เพิ่งเคยเจอเป็นครั้งแรกขณะที่เขาทำแผลไปก็รู้สึกหวาดกลัวจนเนื้อเต้น ได้แต่คิดในใจว่าเรื่อ
ลู่เหิงจือมองถ้วยยาดำคล้ำตรงหน้าด้วยใบหน้าสงบนิ่ง แต่ไม่มีท่าทีว่าจะดื่มยาเลยซูชิงลั่วมองเขาอย่างพิจรณาอยู่ครู่หนึ่ง "ทำไมท่านไม่ดื่มเล่า?"ลู่เหิงจือ "ร้อน"ซูชิงลั่วลองแตะขอบถ้วยดู "กำลังดีเลย ยาควรดื่มตอนร้อนๆ"ลู่เหิงจือตอบเสียงเรียบ "ข้าชอบดื่มตอนอุ่นๆ มากกว่า""..."นี่ไม่ใช่ข้ออ้างจริงหรือ?แต่สีหน้าของลู่เหิงจือนิ่งสนิท จนมองไม่ออกเลยต้องยอมรับว่า เวลาที่ผู้ชายคนนี้เจ้าเล่ห์ เขาปิดบังได้แนบเนียนจนนางก็ดูไม่ออกลู่เหิงจือพูดขึ้นอีก "เจ้ากินอะไรก่อนเถอะ ไม่หิวหรือ?"พอเขาพูดแบบนี้ นางก็รู้สึกหิวขึ้นมานิดๆ แล้วจริงๆซูชิงลั่วจึงวางยาถ้วยนั้นลงชั่วคราวนางจะดูซิว่าอีกเดี๋ยวลู่เหิงจือจะมีข้ออ้างอะไรอีกซูชิงลั่วกินข้าวต้มชามเล็กกับผักดองหมดแล้ว จากนั้นก็หยิบยาถ้วยนั้นขึ้นมาอีกครั้งมือขวาของลู่เหิงจือบาดเจ็บ กำลังนั่งพิงอ่านหนังสืออยู่บนเตียงโดยใช้มือซ้ายถือหนังสือไว้ ทันใดนั้นหนังสือในมือก็ถูกดึงออกไป และถ้วยยาก็มาปรากฏตรงหน้าใบหน้างดงามราวกับนางฟ้าของซูชิงลั่วปรากฏตรงหน้าเขา แต่คำพูดของนางไม่ได้น่าฟังเท่าไรนัก "ดื่มยาซะ"ลู่เหิงจือเหลือบมองนางซูชิงลั่วนั่งลงที
แต่เขาก็ปกปิดเก่งมาเสมอซูชิงลั่วจึงทำเป็นพูดอย่างสบายใจว่า "ยานี่ก็ไม่ได้ขมขนาดนั้นใช่หรือไม่ ต่อไปดื่มอย่างว่าง่ายวันละสามครั้งเถิด..."ลู่เหิงจือยื่นมือซ้ายออกไป ดึงนางเข้ามาในอ้อมกอด แล้วก้มลงจูบที่ริมฝีปากของนาง ปล่อยให้นางได้รู้รสสัมผัสนั้น"..."ขมมากทั้งขมทั้งเปรี้ยว แถมยังมีรสชาติประหลาดที่บอกไม่ถูกนางพยายามดิ้นรนยื่นมือไปผลักลู่เหิงจือออก แต่เขารู้ทัน กัดริมฝีปากนางแล้วพูดว่า "ชิงลั่ว ข้าบาดเจ็บอยู่""…"แม้นางจะรู้ว่าเขาน่าจะกำลังแกล้งทำเป็นน่าสงสาร แต่วินาทีนั้นซูชิงลั่วก็ไม่กล้าขยับตัวอีก"เด็กดี" เขาก้มลง และจูบอย่างลึกซึ้งมากขึ้น ถามนางว่า "เจ้าลองชิมเองสิ ขมหรือไม่?""…"รสเปรี้ยวขมบนปลายลิ้นพุ่งตรงไปที่ส่วนลึกของจิตใจ แต่นางกลับขยับตัวไม่ได้ ทำได้เพียงยอมให้คนตรงหน้ากลั่นแกล้งฮือ เขากำลังแก้แค้นนางอยู่หรือเปล่านะ?ต้องใช่แน่นอนจูบนี้ยาวนานมาก หากไม่ใช่เพราะลู่เหิงจือหมดเรี่ยวแรงไปก่อน ซูชิงลั่วก็สงสัยว่าเขาคงอยากจะทำต่อ เพราะจูบของเขานั้น...ช่างทำให้หัวใจหวั่นไหวเหลือเกินโชคดีที่ในช่วงเวลาสำคัญ ทั้งคู่ลืมตาขึ้นมาในเวลาเดียวกัน มองสบตากันอย่างเข้าใจก