แชร์

บทที่ 234

ผู้เขียน: หอมดังเดิม
last update ปรับปรุงล่าสุด: 2024-10-12 18:00:00
ลี่หลูกล่าวด้วยความหมายลึกซึ้ง "ฮูหยินช่างมีความรักลึกซึ้งต่อใต้เท้ายิ่งนัก"

ซูชิงลั่ววิ่งมาอยู่ข้างกายลู่เหิงจือ หายใจหอบเหนื่อย นางพยุงแขนเขา ใช้ไหล่ของตัวเองพยุงร่างที่กำลังจะล้มของลู่เหิงจือ ราวกับในเวลานี้นางเป็นที่พึ่งพิงเพียงหนึ่งเดียวของเขา

กลิ่นคาวเลือดอบอวลอยู่รอบตัวเขา

รอบๆ มีศพของคนชุดดำหกถึงเจ็ดคนนอนเกลื่อนกลาด

ดูเหมือนหลังจากลู่เหิงจือฆ่าพวกนั้น เขาก็หมดแรงจนไม่สามารถยืนได้อีก ขณะที่ลี่หลูมีแค่บาดแผลเล็กน้อยที่ขาเท่านั้น

ลู่เหิงจือกล่าวเสียงเครียด "รีบไป!"

ซูชิงลั่ว "ท่านไม่ต้องพูด"

นางรีบดึงชายกระโปรงออกมา ผูกมัดแผลที่เอวของเขาไว้เพื่อห้ามเลือด การเคลื่อนไหวของนางราบรื่นดั่งสายน้ำ

"ชิงลั่ว!" เขาเรียกนางอย่างร้อนรน

ซูชิงลั่วค่อยๆ พยุงเขานั่งลง กุมมือของเขาเบาๆ น้ำตาไหลลงมาไม่หยุด

นางหันไปหยิบมีดจากศพที่ตายบนพื้น มือทั้งสองข้างของนางสั่น มีดในมือสั่นจนปลายมีดกระดิกไปมา

ลี่หลูหัวเราะลั่น "น่าสนใจจริง เจ้าถือมีดยังไม่มั่นเลย ยังคิดจะฆ่าข้าอีกหรือ?"

นางมองลี่หลูด้วยสายตาน่าสงสาร

"ท่านปล่อยเขาไปได้หรือไม่?"

ลี่หลูหัวเราะ "งามก็จริง แต่เสียทีที่โง่ ดูรูปร่างแล้ว ร
บทที่ถูกล็อก
อ่านต่อเรื่องนี้บน Application
ความคิดเห็น (2)
goodnovel comment avatar
Momra Ra
แต่งหรือเขียนเรื่องได้ดีมากเลยอ่านสนุกได้ทุกๆบทบาทในเรื่องเดียวกัน
goodnovel comment avatar
หนูต๋อย มือใหม่เล่นหุ้น
อัพถึวตรงนี้ ดีงามมาก ไม่ค้างคาใจ ขอบคุณค่ะ
ดูความคิดเห็นทั้งหมด

บทที่เกี่ยวข้อง

  • แต่งกับขุนนาง   บทที่ 235

    ซูชิงลั่วมองเขา "พี่ท่าน ช่วยสามีของข้าก่อน..."แล้วนางก็หมดสติล้มลงในอ้อมแขนของลู่เหิงจือลู่เหิงจือกอดนางไว้ มองดูดวงจันทร์บนท้องฟ้ายามค่ำคืน แล้วก็รู้สึกหนังตาหนักขึ้นเรื่อยๆ จนหมดสติไปเช่นกัน*ลู่เหิงจือตื่นขึ้นมาอีกครั้งในตอนเย็นของวันถัดมาเขาสูญเสียเลือดไปมาก แต่โชคดีที่มีร่างกายแข็งแรงเป็นทุนเดิม และในตอนนั้นเพื่อนในยุทธภพของหลี่ว์เผิงเทียนก็ได้นำยาสมานแผลชั้นยอดมาให้เขาใช้ ดังนั้นแม้จะดูเหมือนมีบาดแผลมากมาย แต่ก็ไม่มีอันตรายถึงชีวิต เพียงแค่มีไข้สูงเท่านั้นคำถามแรกเมื่อเขาลืมตาคือ "ฮูหยินเป็นอย่างไรบ้าง?"เสียงของเขาแหบและแห้งเพราะพิษไข้ซ่งเหวินรีบยกน้ำอุ่นถ้วยหนึ่งมาวางตรงหน้าแล้วกล่าวว่า "ใต้เท้าอย่าได้กังวล ฮูหยินไม่ได้เป็นอะไร เพียงแค่ตกใจ ตอนนี้ยังหลับอยู่ แต่อีกไม่นานก็คงจะตื่นแล้ว"ลู่เหิงจือดื่มน้ำอุ่นลงไปสองอึกแล้วกล่าวว่า "พยุงข้าไปดูนางหน่อย"ซ่งเหวินกล่าว "จื๋อหยวนกำลังดูแลฮูหยินอยู่ ใต้เท้าไม่ต้องเป็นห่วง ไม่สู้กินข้าวต้มก่อนสักหน่อยเถิดขอรับ"ลู่เหิงจือเหลือบมองซ่งเหวิน น้ำเสียงเย็นชา "ไม่ใช่ฮูหยินของเจ้า เจ้าย่อมไม่กังวล"ซ่งเหวินถึงกับสะดุ้งไม่

    ปรับปรุงล่าสุด : 2024-10-13
  • แต่งกับขุนนาง   บทที่ 236

    หลังจากจัดการทุกอย่างเสร็จ ลู่เหิงจือก็รู้สึกว่าสมองเริ่มตื้ออย่างไรเขาก็บาดเจ็บหนัก ร่างกายอ่อนล้าอย่างมากเขาลุกขึ้นแล้วกลับไปยังห้องข้างๆ เอนกายนอนลงข้างๆ ซูชิงลั่วนางยังคงหลับลึก แต่ดูเหมือนจะหลับไม่ค่อยสนิท บางครั้งก็ครางออกมาเบาๆ ไม่รู้ว่ากำลังฝันร้ายอยู่อีกหรือเปล่าหญิงสาวบอบบางเช่นนางต้องฆ่าคนเพื่อเขา เลือดอุ่นสาดกระเซ็นเต็มใบหน้าและร่างกาย จะไม่ให้หวาดกลัวได้อย่างไรเขาลูบแขนของนางใต้ผ้าห่ม ลากนิ้วลงมาเรื่อยๆ ก่อนจะสอดนิ้วประสานเข้ากับนิ้วของนางไข้ของนางลดลงแล้ว ฝ่ามือก็ไม่ร้อนเท่าเดิมแล้วไม่รู้ว่าเป็นเพราะนางรู้สึกถึงสัมผัสของเขาหรือไม่ นางจึงค่อยๆ นอนหลับอย่างสงบลงลู่เหิงจือได้ยินเสียงหายใจสม่ำเสมอของนางจึงค่อยๆ ผล็อยหลับไปเช่นกัน*เลือดทั้งมือ ใบหน้า และทั่วทั้งร่างของนางเต็มไปด้วยเลือดเลือดอุ่นๆ กลิ่นคาวเหนียวเหนอะ และใบหน้าที่ราวกับปีศาจของเขาคนนั้นลู่เหิงจือเหมือนกำลังจมลงในทะเลเลือด นางพยายามเอื้อมมือไปคว้าเขาไว้ แต่เขากลับยิ่งจมหายไปไกลขึ้นเรื่อยๆ...ทั้งที่นางฆ่าลี่หลูไปแล้ว แต่จู่ๆ ศพของเขากลับลุกขึ้นมาอีกครั้ง พร้อมกับตะโกนว่าต่อให้เป็นผีก็จะ

    ปรับปรุงล่าสุด : 2024-10-13
  • แต่งกับขุนนาง   บทที่ 237

    ไม่นานนางก็คิดได้ว่าเขาคงแค่แกล้งนาง จึงไม่ได้สนใจ ยื่นมือไปถอดเสื้อเขาออกลู่เหิงจือปล่อยให้นางทำตามใจก่อนหน้านี้ที่เขาทั้งกอดและจุมพิตนางบาดแผลก็เปิดออก จนเลือดสีแดงซึมออกมาที่ผ้าพันแผลแล้วซูชิงลั่วพูดอย่างโมโห "ตัวท่านเป็นอย่างไรไม่รู้ตัวเองเลยหรือ? บาดเจ็บหนักขนาดนี้ยังกล้ากอดข้าไว้แน่น แถมยังย่อตัวมาจูบข้าอีก ท่านคิดจะทิ้งชีวิตแล้วหรือไร?"นางแทบอยากจะตบลู่เหิงจือสักที แต่พอเห็นร่างกายของเขาที่แทบไม่เหลือส่วนดี นางก็อดสงสารจนแทบจะร้องไห้ออดมาไม่ได้นางตะโกนออกไปว่า "ซ่งเหวินอยู่หรือไม่? ไปเรียกหมอมาทำแผลให้ใต้เท้าหน่อย"หมอมาถึงอย่างรวดเร็ว ซ่งเหวินเฝ้าอยู่ที่หน้าประตูลู่เหิงจือมองซูชิงลั่ว กล่าวด้วยน้ำเสียงเรียบๆ "ข้าไม่เป็นอะไรจริงๆ ถึงไม่กอดเจ้า แผลก็ต้องเปิดเป็นเรื่องปกติอยู่แล้ว...""ท่านเงียบไปเลย!" ซูชิงลั่วดุเขาลู่เหิงจือก็ได้เพียงปิดปากตามคำสั่ง ปล่อยให้หมอทำแผลให้หมอท่านนี้เป็นหมอชื่อดังของหังโจว เคยรักษาขุนนางผู้มีชื่อเสียงมามาก แต่คนที่ยศสูงอย่างท่านอัครมหาเสนาบดีก็เพิ่งเคยเจอเป็นครั้งแรกขณะที่เขาทำแผลไปก็รู้สึกหวาดกลัวจนเนื้อเต้น ได้แต่คิดในใจว่าเรื่อ

    ปรับปรุงล่าสุด : 2024-10-13
  • แต่งกับขุนนาง   บทที่ 238

    ลู่เหิงจือมองถ้วยยาดำคล้ำตรงหน้าด้วยใบหน้าสงบนิ่ง แต่ไม่มีท่าทีว่าจะดื่มยาเลยซูชิงลั่วมองเขาอย่างพิจรณาอยู่ครู่หนึ่ง "ทำไมท่านไม่ดื่มเล่า?"ลู่เหิงจือ "ร้อน"ซูชิงลั่วลองแตะขอบถ้วยดู "กำลังดีเลย ยาควรดื่มตอนร้อนๆ"ลู่เหิงจือตอบเสียงเรียบ "ข้าชอบดื่มตอนอุ่นๆ มากกว่า""..."นี่ไม่ใช่ข้ออ้างจริงหรือ?แต่สีหน้าของลู่เหิงจือนิ่งสนิท จนมองไม่ออกเลยต้องยอมรับว่า เวลาที่ผู้ชายคนนี้เจ้าเล่ห์ เขาปิดบังได้แนบเนียนจนนางก็ดูไม่ออกลู่เหิงจือพูดขึ้นอีก "เจ้ากินอะไรก่อนเถอะ ไม่หิวหรือ?"พอเขาพูดแบบนี้ นางก็รู้สึกหิวขึ้นมานิดๆ แล้วจริงๆซูชิงลั่วจึงวางยาถ้วยนั้นลงชั่วคราวนางจะดูซิว่าอีกเดี๋ยวลู่เหิงจือจะมีข้ออ้างอะไรอีกซูชิงลั่วกินข้าวต้มชามเล็กกับผักดองหมดแล้ว จากนั้นก็หยิบยาถ้วยนั้นขึ้นมาอีกครั้งมือขวาของลู่เหิงจือบาดเจ็บ กำลังนั่งพิงอ่านหนังสืออยู่บนเตียงโดยใช้มือซ้ายถือหนังสือไว้ ทันใดนั้นหนังสือในมือก็ถูกดึงออกไป และถ้วยยาก็มาปรากฏตรงหน้าใบหน้างดงามราวกับนางฟ้าของซูชิงลั่วปรากฏตรงหน้าเขา แต่คำพูดของนางไม่ได้น่าฟังเท่าไรนัก "ดื่มยาซะ"ลู่เหิงจือเหลือบมองนางซูชิงลั่วนั่งลงที

    ปรับปรุงล่าสุด : 2024-10-13
  • แต่งกับขุนนาง   บทที่ 239

    แต่เขาก็ปกปิดเก่งมาเสมอซูชิงลั่วจึงทำเป็นพูดอย่างสบายใจว่า "ยานี่ก็ไม่ได้ขมขนาดนั้นใช่หรือไม่ ต่อไปดื่มอย่างว่าง่ายวันละสามครั้งเถิด..."ลู่เหิงจือยื่นมือซ้ายออกไป ดึงนางเข้ามาในอ้อมกอด แล้วก้มลงจูบที่ริมฝีปากของนาง ปล่อยให้นางได้รู้รสสัมผัสนั้น"..."ขมมากทั้งขมทั้งเปรี้ยว แถมยังมีรสชาติประหลาดที่บอกไม่ถูกนางพยายามดิ้นรนยื่นมือไปผลักลู่เหิงจือออก แต่เขารู้ทัน กัดริมฝีปากนางแล้วพูดว่า "ชิงลั่ว ข้าบาดเจ็บอยู่""…"แม้นางจะรู้ว่าเขาน่าจะกำลังแกล้งทำเป็นน่าสงสาร แต่วินาทีนั้นซูชิงลั่วก็ไม่กล้าขยับตัวอีก"เด็กดี" เขาก้มลง และจูบอย่างลึกซึ้งมากขึ้น ถามนางว่า "เจ้าลองชิมเองสิ ขมหรือไม่?""…"รสเปรี้ยวขมบนปลายลิ้นพุ่งตรงไปที่ส่วนลึกของจิตใจ แต่นางกลับขยับตัวไม่ได้ ทำได้เพียงยอมให้คนตรงหน้ากลั่นแกล้งฮือ เขากำลังแก้แค้นนางอยู่หรือเปล่านะ?ต้องใช่แน่นอนจูบนี้ยาวนานมาก หากไม่ใช่เพราะลู่เหิงจือหมดเรี่ยวแรงไปก่อน ซูชิงลั่วก็สงสัยว่าเขาคงอยากจะทำต่อ เพราะจูบของเขานั้น...ช่างทำให้หัวใจหวั่นไหวเหลือเกินโชคดีที่ในช่วงเวลาสำคัญ ทั้งคู่ลืมตาขึ้นมาในเวลาเดียวกัน มองสบตากันอย่างเข้าใจก

    ปรับปรุงล่าสุด : 2024-10-14
  • แต่งกับขุนนาง   บทที่ 240

    ความรู้สึกเศร้าและกลัวของซูชิงลั่วถูกขัดจังหวะอย่างแรงหลังจากที่ใช้เวลาอยู่กับลู่เหิงจือที่หังโจวเป็นเวลาหลายเดือน นางก็ยิ่งเข้าใจเขามากขึ้นนางเดาว่าเขาคงตั้งใจล้อเล่นกับนาง เพื่อให้นางผ่อนคลาย จะได้ไม่คิดถึงเรื่องเลือดสาดนั้นอีกนางจึงไม่สนใจการล้อเลียนของลู่เหิงจือ เพียงแค่จับมือของเขาแน่นยิ่งขึ้นลู่เหิงจือก็ไม่ได้พูดอะไรต่อในค่ำคืนอันเงียบสงัด ทั้งสองนอนฟังเสียงลมที่พัดมาจากนอกหน้าต่างและเสียงถ่านไฟในห้องลู่เหิงจือได้ยินเสียงลมหายใจของนางที่ยังคงไม่หลับ แต่กลับนิ่งเงียบ เขาจึงอดกังวลไม่ได้ถึงอย่างไร ฮูหยินของเขาก็เพิ่งฆ่าคนเพื่อเขามาเขาจึงใช้นิ้วโป้งลูบเบาๆ บนปลายนิ้วของนาง "ยังกลัวอยู่หรือ?""อืม" ซูชิงลั่วครางรับออกมาเบาๆแม้ว่าพยายามไม่คิดถึง แต่ภาพเลือดที่สาดเข้าหน้าของนางก่อนที่ลี่หลูจะตายก็ยังคงผุดขึ้นในหัวอย่างควบคุมไม่ได้นี่เป็นครั้งแรกที่นางฆ่าคนแม้ว่านางจะรู้ดีว่าลี่หลูสมควรตาย แต่นางก็ยังคงรู้สึกผิดในใจ คล้ายกับว่านางได้ทำบาปร้ายแรงและกลายเป็นเพชฌฆาตไปเสียแล้วลู่เหิงจือประสานนิ้วเข้ากับนิ้วของนางเสียงของเขามักจะเย็นชาและหนักแน่น ทำให้ผู้คนไม่กล้าเ

    ปรับปรุงล่าสุด : 2024-10-14
  • แต่งกับขุนนาง   บทที่ 241

    ลู่เหิงจือพูดต่อว่า "ตอนนั้นข้ารู้สึกผิดมาก และเจ็บปวดใจแทน...คนคนหนึ่งสูญเสียบิดาแต่ยังร้องไห้ต่อหน้าผู้คนไม่ได้ น่าเวทนาจริงๆ""ดังนั้น เมื่อขึ้นเรือกลับไปยังเมืองหลวง ข้าเห็นโจรสลัดขึ้นเรือ สิ่งแรกที่คิดคือจะต้องพาเด็กสาวคนนี้กลับไปอย่างปลอดภัย จะไม่ยอมให้ใครมาทำร้ายนางเด็ดขาด""ข้าเองก็ต้องกลับไปอย่างปลอดภัยด้วย ข้ายังมีอีกหลายอย่างที่ต้องทำ"ลู่เหิงจือพูดด้วยน้ำเสียงที่หนักแน่นขึ้น "ด้วยความเชื่อมั่นเช่นนี้ ข้าจึงฆ่าโจรสลัดคนแรก จากนั้นคนที่สอง คนที่สาม...""หลังจากนั้น ข้าก็จำไม่ได้ว่าข้าฆ่าโจรสลัดไปกี่คน ตัวข้าเต็มไปด้วยเลือด กลิ่นคาวเลือดทำให้ข้ารู้สึกคลื่นไส้ แต่ข้าก็ต้องอดทนไว้ โชคดีที่ในที่สุดพวกเราก็ปลอดภัย เด็กสาวคนนั้นยังช่วยข้าพันแผลให้ด้วย ฝีมือไม่เลวเลยทีเดียว""ถึงอย่างนั้น เมื่อข้ากลับถึงเมืองหลวง ข้าก็ยังฝันร้ายติดต่อกันเป็นเดือน น้ำหนักลดลงไปสิบกว่าชั่ง""แต่ข้ารู้ดีว่า ข้าไม่มีทางเลือก หากข้าไม่ฆ่าพวกโจรโดยไม่ลังเล คนที่ตายบนเรือคงเป็นข้ากับเด็กสาวคนนั้น""เมื่อเทียบกันแล้ว ฮูหยินทำได้ดีกว่ามาก" ลู่เหิงจือกล่าวเสียงเบาทำไมถึงพูดถึงทั้งเด็กสาวและฮูหยินกันน

    ปรับปรุงล่าสุด : 2024-10-14
  • แต่งกับขุนนาง   บทที่ 242

    เพราะคำพูดเปิดใจของลู่เหิงจือ ความรู้สึกผิดของซูชิงลั่วจากการฆ่าคนครั้งแรกก็ค่อยๆ เลือนหายไป และนางก็ได้นอนหลับสนิทอย่างเต็มอิ่มลู่เหิงจือเองก็เช่นกันก่อนหน้านี้เขายุ่งจนหัวหมุน ถือโอกาสจากการบาดเจ็บครั้งนี้พักผ่อนอย่างเต็มที่ทั้งสองคนนอนหลับจนตะวันสายโด่ง ก่อนจะลุกขึ้นจากเตียงอย่างไม่เต็มใจเมื่อนับดูแล้ว แม้ว่าพวกเขาจะเป็นสามีภรรยากัน แต่วันที่จะตื่นนอนพร้อมกันนั้นมีไม่มากนัก ซูชิงลั่วกลับรู้สึกว่าฉากตรงหน้านี้ทำให้ใจนางเต้นไม่เป็นจังหวะลู่เหิงจือนอนหลับเต็มอิ่มไปทั้งคืน ไข้ของเขาลดลงบ้างแล้ว แต่การเคลื่อนไหวยังคงไม่สะดวกเท่าไหร่นักเขาถือเสื้อคลุมไว้ในมือ แล้วมองไปที่ซูชิงลั่ว สื่อความหมายชัดเจนว่าเขาต้องการให้นางช่วยซูชิงลั่วรีบสวมเสื้อตัวในก่อนจะเดินไปหาเขา นางมองไปที่ผ้าพันแผลบนตัวของเขาแล้วพูดว่า "ท่านควรจะทำแผลก่อนหรือไม่?"ลู่เหิงจือพยักหน้า "ก็ดี"ซูชิงลั่วพูดว่า "ข้าจะทำแผลใหม่ให้ท่านเอง"ลู่เหิงจือเลิกคิ้ว "ได้สิ"ซูชิงลั่วหยิบยาสมานแผลออกมา แล้วค่อยๆ แกะผ้าพันแผลสีขาวที่พันรอบตัวลู่เหิงจืออย่างระมัดระวังนางแกะออกทีละชั้นๆ จนกระทั่งชั้นสุดท้าย บาดแผลที่เริ

    ปรับปรุงล่าสุด : 2024-10-14

บทล่าสุด

  • แต่งกับขุนนาง   บทที่ 458

    เสียงของนางแฝงความหมายว่า “รู้แล้วทำไมไม่บอกข้า”ซูชิงลั่วกระซิบว่า “ซือไหวไม่ให้ข้าบอกท่าน และข้าก็กลัวว่าหากบอกท่านไป แล้วจะกระทบความสัมพันธ์ระหว่างพี่สะใภ้กับน้องสาวได้”ลู่เหิงจือเอ่ยด้วยน้ำเสียงเย็นชาว่า “แต่เจ้าไม่กลัวว่าจะกระทบความสัมพันธ์ระหว่างสามีภรรยาหรือ”ซูชิงลั่วซบลงในอ้อมอกเขา “จะกระทบหรือ?”ลู่เหิงจือฮึดฮัด น้ำเสียงนั้นชัดเจนว่าไม่เป็นเช่นนั้นซูชิงลั่วอดยิ้มไม่ได้ “อันที่จริงแล้วใต้เท้าอวี๋ก็ไม่เลวเลย”ลู่เหิงจือเอ่ยเสียงเข้มขรึมว่า “ห้ามชมเขา”ซูชิงลั่วตอบอย่างเชื่อฟังว่า “ได้”อวี๋ซื่อชิงเดินมาพร้อมกับลู่ซือไหวลู่เหิงจือมองคนทั้งสองพลางถามว่า “นานแค่ไหนแล้ว?”อวี๋ซื่อชิงตอบอย่างมั่นใจว่า “เกือบปีแล้ว”นานแค่ไหนนะ???เช่นนี้ก็หมายความว่าพวกเขาเริ่มคบหากันหลังจากที่เขาและซูชิงลั่วออกจากเมืองหลวงไม่นานอย่างนั้นหรือ?ลู่เหิงจือหันมองลู่ซือไหว “เจ้ามานี่”อวี๋ซื่อชิงพูดว่า “มีเรื่องอะไรข้าจะคุยกับท่านเอง”ลู่เหิงจือยิ้มเย้ยหยัน “การสนทนาของพวกข้าสองพี่น้อง ไม่เกี่ยวกับเจ้า”ลู่ซือไหวดึงแขนเสื้อของอวี๋ซื่อชิง อวี๋ซื่อชิงจึงถอยออกไปลู่เหิงจือพาลู่ซือไหวออ

  • แต่งกับขุนนาง   บทที่ 457

    เซี่ยถิงอวี่เดินเข้ามา มองลู่เหิงจือพลางเอ่ยว่า “เหิงจือ รอบที่แล้วเจ้าแต่งงาน ข้าไม่สะดวกไปร่วมงานเพราะสถานะของข้า รอบนี้เจ้าแต่งงาน ข้าจะต้องมาดูสักครั้ง เพื่อความสบายใจของข้าเอง”เสียงของเขาดูจริงใจ ราวกับกำลังพูดคุยกับมิตรสหายคนหนึ่งลู่เหิงจือเงียบไปครู่หนึ่ง แล้วเอ่ยว่า “ขอบคุณมาก”ไม่ว่าก่อนหน้านี้จะมีการใช้กันและกันเป็นเครื่องมือหรือไม่ แต่ยามนี้ พวกเขาเป็นสหายที่จริงใจต่อกันมากที่สุดเมิ่งชิงไต้ก็เอ่ยว่า “รอบที่แล้วข้าไม่ได้เข้าร่วมงานแต่งงานของน้องซู ก็รู้สึกเสียดายเหมือนกัน อันที่จริงแล้ว ข้าพาอวี้จู๋และโฉวกว่างมาด้วย”หลังจากลู่เหิงจือและซูชิงลั่วกลับจินหลิง เซี่ยถิงอวี่ก็เรียกโฉวกว่างกลับมาเพราะการส่งองครักษ์ลับที่ผ่านการฝึกฝนอย่างหนักไปยังจินหลิงนั้นดูจะไม่คุ้มค่า ลู่เหิงจือก็ไม่มีความเห็นอะไร อวี้จู๋จึงยังคงอยู่ในเมืองหลวงและติดตามเมิ่งชิงไต้ซูชิงลั่วรู้สึกประหลาดใจและเอ่ยว่า “ขอบคุณพี่เมิ่ง”เซี่ยถิงอวี่หัวเราะออกมาอย่างกะทันหันเพราะปิดหน้าอยู่ ซูชิงลั่วจึงมองไม่เห็นสีหน้าของเขา รู้สึกได้เพียงว่าเสียงของเขามีความเย้าแหย่แฝงอยู่“ใช่แล้ว ข้าพาอวี๋ซื่อชิงมาด้

  • แต่งกับขุนนาง   บทที่ 456

    เนื่องจากชุดเครื่องประดับศีรษะชุดนี้ทำค่อนข้างยาก รวมถึงสุขภาพของซูชิงลั่วที่ต้องดูแลเป็นพิเศษ และหลิงเกอเอ๋อร์ยังเล็กอยู่ การแต่งงานรอบสองระหว่างลู่เหิงจือกับซูชิงลั่วจึงเลื่อนออกไปหนึ่งปีทั้งสองเคยแต่งงานกันมารอบหนึ่งแล้ว การแต่งงานรอบสองเป็นเพียงการให้คำมั่นสัญญาแก่กัน และไม่ได้จัดงานใหญ่โต มีเพียงเชิญญาติฝ่ายเรือนสามและญาติของตระกูลซูมาร่วมงานคล้ายคลึงกับงานฉลองอายุครบเดือนของหลิงเกอเอ๋อร์เท่านั้นซูชิงลั่วสวมเครื่องประดับศีรษะที่ลู่เหิงจือคอยดูแลการผลิตด้วยตัวเอง มุมปากก็ยกขึ้นเล็กน้อยจื๋อหยวนเอ่ยว่า “ของที่ใต้เท้าคอยดูแลการผลิตด้วยตัวเองย่อมงดงามมาก”ซูชิงลั่วพยักหน้า ได้ยินมาว่าลู่เหิงจือทำให้ฝีมือของช่างเหล่านั้นพัฒนาขึ้นไปอีกขั้นเลยทีเดียวก่อนหน้านี้ไม่เคยมีงานฝีมือการทอเส้นไหมทองที่ประณีตขนาดนี้มาก่อนอัญมณีสีชมพูที่ใช้ประดับดอกไม้ต้องมีสีที่เหมือนดอกท้อมากที่สุด ได้ยินมาว่าลู่เหิงจือเดินทางไปทั่วเจียงหนานเพื่อคัดเลือกอัญมณีหลายร้อยชิ้น จนกระทั่งพบกับอัญมณีที่มีสีใกล้เคียงกับสีชมพูของดอกท้อมากที่สุดหลิงเกอเอ๋อร์เดินได้มาหนึ่งเดือนกว่าแล้วยามนี้เขาวิ่งเข้ามาอย่างท

  • แต่งกับขุนนาง   บทที่ 455

    ลู่เหิงจือนวดหว่างคิ้วเบาๆ ไม่ตอบอะไรซ่งอวี้ครุ่นคิดครู่หนึ่ง “อันที่จริงแล้วข้ามีวิธีฝังเข็มคุมกำเนิดสอนท่านได้ หากท่านไม่ต้องการมีลูก หลังจากมีเพศรักทุกครั้ง ท่านก็สามารถฝังเข็มให้ฮูหยินได้ ไม่มีผลข้างเคียง เพียงแต่อาจจะเรียนรู้ยากหน่อย”ลู่เหิงจือโล่งอก “ข้าเรียน”เขายังเรียนเขียนบทบรรยายได้เลย การฝังเข็มแค่นี้เขาไม่กลัวอยู่แล้วซ่งอวี้ “เรื่องนี้ต้องปรึกษาฮูหยินของท่านด้วย”“แน่นอน ข้าแค่มาถามท่านก่อน” ลู่เหิงจือตอบด้วยน้ำเสียงเป็นธรรมชาติหลังจากส่งซ่งอวี้กลับห้องแล้ว ลู่เหิงจือก็เดินตามทางเดินที่คดเคี้ยวกลับต้องยอมรับว่าจวนตระกูลซูสร้างได้ดีจริงๆ แม้แต่แสงจันทราก็ยังสวยกว่าที่เมืองหลวงเขายกหน้าขึ้นมองพระจันทร์ คิดว่ายามนี้หลิงเกอเอ๋อร์หลับแล้วแน่นอน คงพาซูชิงลั่วออกมาชมจันทร์ได้เขายิ้มมุมปาก จู่ๆ ก็คิดบางอย่าออก รีบก้มดูถุงหอมที่ตนเองห้อย- ถุงหอมที่ซูชิงลั่วให้ลู่ซือไหวล้วนเป็นการปักสองด้านหมด แล้วของเขา......เขารีบเปิดออกนี่คือถุงหอมอันแรกที่ซูชิงลั่วให้เขานางเคยให้เขาสามอัน เขาห้อยอันนี้บ่อยที่สุด เพราะรู้สึกว่าอันแรกมีความหมายที่แตกต่างปลายนิ้วของเขาสั่น

  • แต่งกับขุนนาง   บทที่ 454

    ลู่เหิงจือเอ่ยกึ่งติดตลกว่า "หรือว่าข้าจะมาเป็นกรรมการดี?"เขาแค่พูดเล่นๆ แต่ลู่ซือไหวกลับคิดจริงจัง "ดีเลย"นางก็รีบแกะถุงหอมที่ซูชิงลั่วให้นางมาจากเอวซูชิงลั่วรู้สึกประหลาดใจ - นางพกติดตัวตลอดจริงๆลู่เหิงจือหยิบขึ้นมาเทียบกับสร้อยทองในมือของซูชิงลั่ว แล้วเอ่ยเสียงเรียบว่า "ก็สู้ของพี่สะใภ้ไม่ได้หรอก"ลู่ซือไหวไม่ได้รู้สึกไม่พอใจที่ถูกพูดเช่นนี้ ใบหน้าก็ยิ้มแย้ม "ก็เพราะการปักลายสองด้านจำกัดฝีมือของพี่สะใภ้"นางพลิกถุงหอมกลับด้าน ด้านในมีอะไรซ่อนอยู่ลู่เหิงจือรู้สึกเหมือนจะนึกอะไรออกแต่ก็จับไม่ได้ทันที ก็ได้ยินบ่าวรับใช้มารายงานว่าหมอหลวงซ่งจากเมืองหลวงมาถึงแล้วเขาอายุมากแล้ว ฮ่องเต้องค์ใหม่มีหมอหลวงที่ไว้ใจได้ของพระองค์เอง เขาจึงลาออกจากตำแหน่งกลับบ้านเกิดเขาเป็นชาวจินหลิง พอได้ยินว่าลูกชายของลู่เหิงจืออายุครบเดือน ก็รีบมาแสดงความยินดีในวันรุ่งขึ้นทันทีคนอื่นๆ ล้วนเป็นญาติหรือสหายเก่าของตระกูลซูแห่งจินหลิง ลู่เหิงจือไม่จำเป็นต้องไปต้อนรับเป็นพิเศษ แต่เมื่อซ่งอวี้มาเอง เขาต้องไปพบซูชิงลั่วเห็นว่าญาติมาครบแล้ว ก็อุ้มหลิงเกอเอ๋อร์และจูงมือลู่ซือไหวออกไปทักทายทุกคนทัน

  • แต่งกับขุนนาง   บทที่ 453

    ถึงจะเป็นเช่นนั้น แต่กระทำกลับอ่อนโยนอย่างไม่เคยมีมาก่อนเห็นได้ชัดว่าเขาดูแลนางเป็นอย่างดีหลังคลอดไม่นานทว่าซูชิงลั่วก็อดร้องออกมาด้วยเสียงที่ทำให้หัวใจเต้นรัวไม่ได้เขาเพิ่งเคยจูบนางเช่นนี้เป็นครั้งแรก จูบที่ทั้งถี่และอ่อนโยนจนแทบจะทั่วทั้งร่างกายของนางสุดท้ายแนบชิดนางอย่างระมัดระวังจูบเสร็จแล้ว ซูชิงลั่วก็เอนตัวลงในอ้อมแขนของเขาและถามว่า “ท่านจะเขียนบทบรรยายให้ข้าอีกหรือไม่”ลู่เหิงจือตอบเสียงเบาว่า “หากเจ้าอยากอ่าน ข้าก็จะเขียน”ซูชิงลั่วตอบว่า “อยากอ่าน”ลู่เหิงจือตอบว่า “ได้”ซูชิงลั่วรู้สึกพึงพอใจและหลับไปในอ้อมแขนของเขา*งานฉลองวันเกิดครบหนึ่งเดือนของหลิงเกอเอ๋อร์ จัดขึ้นเมื่อเขาอายุได้ สามสิบห้าวันซึ่งจัดช้ากว่าที่จินหลิงไม่กี่วันเนื่องจากญาติฝ่ายตระกูลซูเหลือไม่มาก และญาติฝ่ายตระกูลลู่ส่วนใหญ่อยู่ที่เมืองหลวง จำนวนแขกที่มาในงานจึงไม่มาก มีเพียงแค่สองโต๊ะเท่านั้นแต่ภายในบ้านก็ยังคงคึกคักเป็นพิเศษ เพราะไม่ได้มีงานมงคลเช่นนี้มานานแล้วลู่ซือไหวก็ถูกรับกลับมาจินหลิงเช่นกัน เนื่องจากลู่เหิงจือและซูชิงลั่ววางแผนจะอยู่ที่จินหลิงสักสองสามปี นางจึงอยากอยู่กับพี่ช

  • แต่งกับขุนนาง   บทที่ 452

    ลู่เหิงจือจึงได้อยู่เดือนเป็นเพื่อนซูชิงลั่วเขาเริ่มสังเกตเห็นว่าเมนูอาหารในบ้านเปลี่ยนไปจากเดิมมากโดยเฉพาะเมนูที่ไม่ค่อยได้ทำมาก่อนแต่ปรากฏในช่วงนี้อยู่บ่อยครั้ง - ตีนเป็ดตุ๋นน้ำแดง เนื้อแพะตุ๋น มะเขือม่วงย่าง และหัวสิงโตนึ่งลู่เหิงจือกินไปหลายวันก็เริ่มฉุกคิดได้ จึงหันไปมองซูชิงลั่ว“ครั้นที่เจ้าไปกินข้าวกับอวี๋ซื่อชิงและหลี่ว์เผิงเทียน แล้วถามเถ้าแก่ว่าข้าชอบกินอะไร”ซูชิงลั่วก็ไม่ได้ปฏิเสธหลังจากคืนดีกับลู่เหิงจือแล้ว พวกเขาทั้งสองก็เข้าใจกันมากขึ้น - สามารถพูดคุยกันได้ทุกเรื่อง ราวกับไม่มีอะไรต้องกังวลอีกแล้วทำให้นางกับลู่เหิงจือต่างรู้สึกสบายใจมากขึ้น“ข้าเพิ่งรู้ว่าที่ผ่านมาท่านเอาใจข้าเรื่องอาหารมากเลย” ซูชิงลั่วเอ่ยติดตลก “ไม่แปลกใจเลยที่ท่านจะไม่ค่อยกลับบ้านมากินข้าว”ลู่เหิงจือเงยหน้าขึ้นมองนางซูชิงลั่วเงยหน้าขึ้นมองเขาพร้อมกับเอียงหัวเล็กน้อย “ที่ผ่านมาเป็นความผิดของข้าเองที่ไม่เคยได้สังเกต”นางเอื้อมมือไปดึงหูเขาเบาๆ พลางเอ่ยว่า "ต่อไปนี้ สามีจะได้กินอาหารถูกปากที่บ้านบ่อยๆ แล้วนะ"การที่นางเรียกเขาว่า "สามี" และดึงหูเขาทำให้สายตาของลู่เหิงจือลึกซึ้งยิ่

  • แต่งกับขุนนาง   บทที่ 451

    ซูชิงลั่วหลับไปหนึ่งวันหนึ่งคืนถึงจะฟื้นพอฟื้น คนแรกที่เห็นคือลู่เหิงจือที่นอนอยู่ข้างๆ มือของเขายังจับมือนางไว้อยู่ และฝ่ามือก็เปียกชุ่มไปด้วยเหงื่อนางขยับมือลู่เหิงจือรู้สึกตัวทันที ไม่ต้องให้นางเอ่ยสิ่งใด เขาก็รีบเทน้ำอุ่นใส่ถ้วย แล้วอุ้มนางเข้ามากอดในอ้อมแขน ป้อนน้ำให้นางซูชิงลั่วดื่มไปหลายถ้วยถึงจุใจ เสียงของนางก็แหบพร่า “ลูกล่ะ”“อยู่ห้องข้างๆ เจ้าน่ะ มีแม่นมเหมยและแม่นมคอยดูแลอยู่ ท่านย่าก็แวะไปดูเป็นระยะๆ เจ้าไม่ต้องห่วง” ลู่เหิงจือถามนาง “หิวหรือไม่”ซูชิงลั่วพยักหน้า หิวอย่างที่ไม่เคยเป็นมาก่อนลู่เหิงจือตอบว่า “ข้าวต้มกับบะหมี่เตรียมไว้แล้ว เจ้าอยากกินอะไร”“แม่นมเหมยบอกว่าเจ้าเพิ่งคลอด ควรกินอาหารอ่อนๆ ไปก่อน”เขาเอื้อมมือไปจัดทรงผมที่ยุ่งเหยิงของนาง “พอเจ้าสบายตัวขึ้นแล้ว ข้าจะลงครัวทำอาหารที่เจ้าชอบกินด้วยตนเอง”ซูชิงลั่วพยักหน้า “บะหมี่แล้วกัน”นางไม่มีแรงแม้แต่จะยกแขนลู่เหิงจือจึงอุ้มนางไว้ในอ้อมแขน ป้อนให้นางทีละคำนางกินบะหมี่ไปสองชามเล็กถึงจะอิ่ม และคิดถึงลูกขึ้นมา จึงถามว่า “ลูกหลับอยู่หรือไม่ หากตื่นแล้วอุ้มมาให้ข้าดูหน่อย”ลู่เหิงจือเอ่ยเสียงทุ้

  • แต่งกับขุนนาง   บทที่ 450

    เวลาล่วงเลยเข้าสู่ยามวิกาล ลู่เหิงจือและหญิงชราก็ยังคงรอคอยอยู่ข้างนอกเยว่เออร์จึงปลอบว่า “นายหญิงเฒ่า คุณหนูคงยังไม่คลอดในทันที ท่านควรกลับไปพักผ่อนเสียก่อน มิเช่นนั้น เมื่อคุณหนูคลอดบุตรออกมาแล้ว ร่างกายของท่านจะไม่ไหวเอาได้ คุณหนูก็ต้องมาเป็นห่วงอีก”หญิงชราเอ่ยด้วยน้ำเสียงหนักแน่นว่า “เจ้าไม่ต้องมาปลอบข้าหรอก ข้านอนไม่หลับอยู่แล้ว”เยว่เออร์จึงได้แต่ทำตามคำสั่งโชคดีที่เป็นเดือนหกของจินหลิง ค่ำคืนนี้จึงไม่หนาวลู่เหิงจือได้สั่งให้คนนำนาฬิกาทรายมาวางไว้ในบริเวณลานกว้าง และรู้สึกว่าค่ำคืนนี้ยาวนานเหลือเกินราวกับว่าความอดทนทั้งหมดของเขาหมดไปกับค่ำคืนนี้ฟ้าสางแล้วเสียงร้องครวญครางของซูชิงลั่วก็เบาลง ดูไม่น่ากลัวเหมือนเมื่อคืน และค่อยๆ สงบลงลู่เหิงจือใจร้อนจึงรีบส่งคนเข้าไปถามว่า “เป็นอย่างไรบ้าง”สาวใช้รีบตอบว่า “ใต้เท้าอย่าได้เป็นห่วงเลย ฮูหยินเพียงแค่เหนื่อยจนหลับไปเจ้าค่ะ”นางไม่ได้หลับทั้งคืน เสียงร้องครวญครางก็พยายามกลั้นไว้ คงจะเหนื่อยล้ามากลู่เหิงจือพยักหน้า ไม่ได้เอ่ยสิ่งใดต่อซูชิงลั่วหลับไปเพียงครึ่งชั่วยาม ท้องก็เริ่มปวดอีกครั้งนางตื่นขึ้นมาด้วยความเจ็บป

DMCA.com Protection Status