ผู้อำนวยการทัพฟ้าและครูนับเก้าพาลูก ๆ ของตนมาเที่ยวบนดอย ณ ไร่กฤตกล้าธนาดรของหม่อมเจ้าภูวสินที่แม่ฮ่องสอน เนื่องจากลูกสาวคนโตกำลังจะไปหาประสบการณ์ทำงานที่ต่างประเทศและเรียนต่อปริญญาโทที่นั่น
ส่วนคนเล็กก็เพิ่งอยู่มหาลัยปีสอง แถมเพิ่งสอบปลายภาคเสร็จ พ่อแม่จึงหวังให้ลูก ๆ มีโอกาสได้คลายเครียดบ้าง "เฮ้ยไอ้ฟ้า มึงมาถึงเร็วจังวะ" เจ้าของไร่ชาบนดอยตะโกนเรียกเพื่อนสนิทที่เพิ่งลงมาจากรถกอล์ฟของรีสอร์ต "มาถึงช้าก็อดดื่มด่ำบรรยากาศสิวะ เออไนท์ เหนือ หวัดดีอาภูสิลูก" ทัพฟ้าบอกลูกสาวทั้งสองคน "สวัสดีค่ะอาภู" หลานสาวสองคนยกมือไหว้ด้วยกิริยาท่าทางอ่อนหวาน "หวัดดีลูกมาถึงเหนื่อย ๆ ไปพักผ่อนกันก่อนเถอะ" "แล้วภาคีละวะ เห็นเพิ่งประกวดหนุ่มหล่อแห่งชาติอะไรมา ลูกมึงนี่ฮ็อตจริง ๆ จริงไหมยัยเหนือ" "ค...คะ พ่อถามเหนือทำไม เหนือไม่รู้" เหนือฟ้าสาวอวบผิวขาวอมชมพูถักเปียข้าง รีบปฏิเสธทันควัน "ทีตอนอยู่บ้านยังรู้เรื่องอยู่เลยนะ" ราตรีพี่สาวบีบแกมจ้ำม่ำของน้อง "เด็ก ๆ นี่กุญแจห้องพักจ้ะ" นับเก้าส่งคีย์การ์ดห้องพักให้ลูกสาวคนละอัน "พี่ไนท์น่าจะให้เหนือนอนด้วย ทำไมต้องนอนคนละหลังกัน เปลืองเงินเปลืองทอง" เหนือฟ้าสาวอวบบ่นพี่สาว เธอไม่เต็มใจที่จะนอนแยกห้องกับพี่ "โตเป็นสาวแล้วนะเรา ต้องหัดนอนคนเดียวให้เป็น" พี่สาวผิวสีน้ำผึ้งตัดบทแล้วแบกกระเป๋าเข้าบ้านพักของตัวเอง เหนือฟ้าลากกระเป๋าเข้าไปในห้องพัก แล้วรีบออกมาเดินเล่นคนเดียว เธอเห็นพ่อกับแม่กำลังนั่งชนแก้วสังสรรค์อยู่กับอาภูและอาต่าย จึงไม่อยากเข้าไปรบกวน ส่วนพี่สาวมาถึงก็ขลุกตัวนอนอยู่ในห้อง หญิงสาวในชุดเสื้อปาดไหล่แขนตุ๊กตาโชว์เนินอกขาวอวบเดินมาสั่งเครื่องดื่มที่คาเฟ่ของรีสอร์ท ขณะที่กำลังอ่านเมนูที่หน้าเคาน์เตอร์ บาริสต้าหนุ่มก็ชะโงกหน้าออกมา "รับอะไรดีครับคุณลูกค้า" "เอาข้าวโพดปั่นนมสดฮอกไกโดค่ะ" สาวแก้มยุ้ยเงยหน้าขึ้น พลันนั้นดวงตาคู่คมที่อยู่ห่างกับเธอเพียงไม่กี่เซนเกือบทำให้โลกทั้งใบแทบหยุดหมุน แม้กระทั่งหัวใจและร่างกายของเธอด้วย เพราะผู้ชายหล่อเหลาตรงหน้าคือ ภาคี พี่คีของสาว ๆ ทั้งประเทศ ฉายาหนุ่มหล่อแห่งชาติมาดขรึมแห่งยุค มีดีกรีเป็นถึงนักกีฬายิงปืนเก่า เก่งกีฬาแทบทุกประเภท เรียนจบปริญญาตรีจากควีนแลนดส์ มหาวิทยาลัยอันดับต้น ๆ ของโลกที่เลื่องลือด้านการเกษตร ดังนั้นเขาจึงเป็นผู้ชายที่ครบเครื่องทุกอย่างจนคิดว่าคนประเภทนี้ไม่น่ามีตัวตนอยู่จริง "นั่งรอพี่ก่อนนะ ใส่วิปครีมไหมครับ" เจ้าของร้านถามขณะที่ฝานข้าวโพดสีขาวลงโถปั่น "ใส่ค่ะ" เหนือฟ้าตอบสั้น ๆ แล้วนั่งลงที่เก้าอี้โดยไม่ได้ดูว่ามันเป็นเก้าอี้พลาสติกเก่ากึกที่จวนเจียนจะหักเต็มที โครม!!!!!! ขาเก้าอี้หักเป็นสองท่อน สาวร่างอวบหงายหลังกลิ้งขลุก ๆ ไปกองกับพื้น "โอ้ย.... ตูดแหกหมดแล้วมั้งเนี่ย" ภาคีรีบวิ่งออกมาจากเคาน์เตอร์บาร์ด้านในแล้วงัดร่างตุ้ยนุ้ยของหญิงสาวขึ้นมา "เฮ้ยน้อง....เจ็บไหม มานั่งตรงนี้ก่อน" ชายหนุ่มผมหยักศกมัดผมครึ่งหัวรวบตัวเธอขึ้นได้อย่างสบาย ๆ เหนือฟ้าตัวแข็งทื่อรีบคล้องมือไปที่หลังคอด้วยความตกใจ "เอ่อ...พี่ไม่หนักเหรอคะ" น้ำเสียงหวานใสกริ๊งถามแบบไม่สบตา ภาคียิ้มแล้ววางคนซุ่มซ่ามลงบนโซฟาหวายตัวยาว พร้อมกับชันเข่าหนึ่งข้างสำรวจใบหน้าจิ้มลิ้มและแก้มอวบอิ่มของสาวเก้าอี้หักตรงหน้า "ไม่หนักครับ แค่นี้พี่อุ้มไหว" เจ้าของเสียงนุ่มเอ่ย เพียงแค่ฉีกยิ้มมุมปากจนเห็นเขี้ยวขาวคม คนฟังก็ถึงถึงกับละลายกลายเป็นของเหลว บาริสต้าหนุ่มเดินไปล้วงบางอย่างในกล่องพลาสติก แล้วกลับมาพร้อมกับขวดยาหม่อง "เอาไว้นวดก้นนะ" อายชะมัด มาเจอคนหล่อขวัญใจสาวระดับประเทศแต่กลับมาทำทุเรศต่อหน้าด้วยการทำเก้าอี้ร้านเขาหัก "ขอบคุณค่ะ" สาวขี้อายพยักหน้ารับ เจ้าของร้านกาแฟจึงฉีกยิ้มกว้าง จากนั้นเดินกลับไปทำข้าวโพดปั่นต่อ และเพียงไม่กี่นาทีเครื่องดื่มที่เธอสั่งก็ถูกเสิร์ฟด้วยคนหล่ออีกครั้ง "ค่อย ๆ ดูดนะไม่ต้องรีบ เดี๋ยวจะสำลัก" เขาบอกแล้วเดินกลับไปรับออเดอร์จากลูกค้าที่มายืนสั่งเครื่องดื่มอีกสองสามคน "น่ารักจัง" หญิงสาวพูดพึมพำแล้วนั่งรอจังหวะที่คนโล่งถึงจะเดินไปจ่ายเงิน "มาจ่ายเงินค่าข้าวโพดปั่นค่ะ" "ห้าสิบห้าบาทครับ" ภาคีตะโกนบอกเพราะกำลังยุ่งกับการชงกาแฟอยู่ "งั้นวางเงินไว้ตรงนี้นะคะ" เหนือฟ้าหยิบแบงค์ยี่สิบสามใบเท่ากับหกสิบบาท เธอทิปพิเศษให้เขาห้าบาทแล้วจากไปเงียบ ๆ ช่วงเวลาโพล้เพล้หม่อมเจ้าภูวสินกับอากระต่ายเรียกทัพฟ้าและนับเก้ารวมทั้งลูกสาวอีกสองคนไปร่วม แจมหมูกระทะชมพระอาทิตย์ตกดินบนบ้านเนินเขา จังหวะที่เหนือฟ้ากับราตรีเดินตามพ่อแม่ขึ้นมาแล้วนั่งลงบนเสื่อที่ระเบียงชมดาวของบ้าน ตรงหน้ามีเตาและกระทะตั้งน้ำซุปรออยู่ก่อนแล้ว "พ่อครับขอโทษทีวันนี้ที่คาเฟ่ลูกค้าเยอะ" ภาคีโผล่มาแจมด้วย "อุ้ย" ราตรีสะกิดน้องสาวและยื่นมือไปสะกิดพ่อกับแม่อีกที ทั้งสามคนรู้ดีว่าเหนือฟ้ากำลังกรี๊ดกร๊าดภาคีอยู่ ผู้อำนวยการทัพฟ้ารีบกระซิบข้างหูหม่อมเจ้าภูวสิน ชายวัยกลางคนลุคเซอร์ผมยาวคลุมช่วงคอพอกับลูกชายรีบกระตุกยิ้มเห็นด้วยกับเพื่อนซี้ "ไม่เป็นไรลูก แต่คีทักทายอาฟ้ากับอานับก่อนสิลูก" พ่อผู้มีแผนลึกลุกขึ้นกระชับหัวไหล่ล่ำของลูกชาย "สวัสดีครับอาฟ้า อานับ ไม่เจอกันนานเลย อ้อแล้วก็นั่นพี่ไนท์ใช่ไหมครับ" ภาคียกมือสวัสดีทุกคน "จ้ะพี่เอง คีโตขึ้นเยอะเลยอ่ะ แถมหล่อระเบิดเถิดเทิงเลยด้วย จริงไหมเหนือฟ้าาาา" ราตรีหันไปถามน้องสาวที่นั่งหันหลังให้ภาคีอยู่ที่โต๊ะหมูกระทะด้านหลัง "แล้วนั่นลูกสาวคนเล็กของอาฟ้ากับอานับใช่ไหมครับ" หนุ่มมาดเซอร์เกริ่นถามแล้วพยายามจะมองหน้าสาวร่างอวบที่ดูละม้ายคล้ายคลึงกับลูกค้าข้าวโพดปั่นเมื่อตอนกลางวัน "เหนือฟ้ารักษามารยาทหน่อยสิลูก สวัสดีพี่คีเร็วเข้า" นับเก้าสะกิดไหล่ลูกสาว หญิงสาวไม่มีทางเลือกค่อย ๆ เบือนหน้าหันไปหาคนด้านหลัง เมื่อภาคีเห็นว่าเป็นสาวคนเดียวกันกับลูกค้าเก้าอี้หัก "อ๋อ ฮ่าฮ่า" จู่ ๆ เขาก็หลุดหัวเราะต่อหน้าทุกคนโดยไม่มีสาเหตุ สาวอวบชักสีหน้าไม่พอใจรีบหันหน้ากลับ "สวัสดีค่ะคุณภาคี" เหนือฟ้าอารมณ์เสียคิดว่าภาคีกำลังจะโพนทนาเรื่องที่เธอทำเก้าอี้พลาสติกนั่นหักจนกลายเป็นซากพลาสติก "สวัสดีครับ" เขาทักทายกลับแต่ก็ยังทำหน้ากลั้นขำใส่เธออยู่เหมือนเดิม เหนือฟ้าโมโหจึงลุกขึ้นแล้วพยายามจะเดินหนีไปให้ไกล "อ้าวยัยเหนือจะไปไหน" ราตรีตะโกนเรียกน้องสาว" "ไปทำธุระส่วนตัวค่ะ" เหนือฟ้าตะโกนกลับมา "สงสัยน้องคงจะโกรธผมมั้งครับ" ภาคีสารภาพ "แล้วไปเจอกันตอนไหน แล้วทำไรให้น้องโกรธเหรอ" หม่อมเจ้าภูวสินยกมือทาบอกตวัดคิ้วเข้มเป็นปม "น้องไปซื้อน้ำที่ร้านครับ แล้วก็ทำเก้าอี้ที่ร้านหัก แต่ไม่ใช่ความผิดน้องครับเก้าอี้มันเก่าแล้ว" "ฮะ..หักเลยเหรอ โธ่! น้องฉัน" ราตรีเวทนาน้องสาว การที่น้องมีน้ำหนักตัวทะลุเกือบเจ็ดสิบทำให้หลายคนมักจะบูลลี่น้องอยู่เสมอ และเธอเองก็ไม่ชอบไอ้พวกปากหอยปากปูเหล่านั้นเลยสักนิด "เดี๋ยวผมไปตามน้องกลับมาเองครับ" เขายิ้มแล้วรีบวิ่งตามสาวอวบที่เดินกระแทกเท้าด้วยความโกรธลงมาจากบ้านเนินเขาเหนือฟ้าเดินสะบัดสะบิ้งเตรียมเรียกรถกอล์ฟของรีสอร์ตตรงกลับห้องพัก แต่ภาคีเร็วกว่าเพียงแค่ฝ่ามือใหญ่หนายึดข้อมือเธอไว้ กระชากให้หันกลับไปด้วยกำลังเล็กน้อย ตัวของเธอก็ปะทะกับกล้ามอกแน่นเข้าอย่างจัง "จะไปไหน" "จะกลับห้องพักค่ะ เหนือไม่หิวแล้ว" โครก!!! คราก!!! อยู่ดี ๆ ไอ้ท้องบ้าก็เกิดทรยศขึ้นมา มิหนำซ้ำยังร้องซะเสียงดังน่าเกลียด ภาคีเม้มปากแน่นพยายามกลั้นขำ "อยากขำก็ขำเถอะค่ะ" เหนือฟ้าสะบัดหน้าโกรธแล้วก้มลงมองวงแขนบึกบึนที่รวบเอวเธอไม่ยอมปล่อย เหนือฟ้ายืนตัวเกร็ง "ตอนเด็ก ๆ เหนือคงจำไม่ได้ว่าขี่หลังพี่ประจำ อ้อนให้พี่อุ้มอยู่บ่อย ๆ" ภาคีรำลึกความหลังสมัยเหนือฟ้ามาวิ่งเล่นอยู่บนไร่ชาบนดอยของเขานานร่วมเดือนช่วงที่พ่อแม่ของเธอแวะมาพักผ่อนหย่อนใจที่นี่ "เด็กขนาดนั้นใครจะจำได้ ยังไงเหนือขอร่างกายคืนด้วยค่ะ" สาวอวบจิกตาขวาง "ทำไมรู้สึกไม่ค่อยอยากคืนซะแล้ว" หน้าขาวโน้มต่ำลงมาให้ริมฝีปากคลอเคลียอยู่แถวหน้าผาก เหนือฟ้ารีบดึงตัวออก แต่วงแขนแกร่งก็ผลักเข้ามาอีก "พี่ภาคี!" "น่ากลัวจัง ปล่อยก็ได้" เขายกแขนแต่เปลี่ยนเป็นรวบตัวเธอขึ้นสูงแทน "นี่....พี่คีปล่อย อุ้มเหนือทำไม
ภาคีขับรถกอล์ฟมาส่งเหนือฟ้าลงหน้าบ้านพัก เขาจอดรถและเดินตามหลังมา "เหนือ" "คะ...พี่คีมีอะไรเหรอ" "ยินดีที่ได้รู้จักอีกครั้งนะครับเหนือฟ้า พี่ขอแนะนำตัวเองอย่างเป็นทางการ พี่ภาคี กฤตกล้าธนาดร อายุยี่สิบห้าปี สถานะโสด" "รู้มาตั้งนานแล้ว" สาวแก้มยุ้ยพูดพึมพำ "ว่าไงนะ" "เปล่าค่ะไม่มีอะไร งั้นราตรีสวัสดิ์ค่ะ" "ฝันดี" แผ่นหลังสูงขับรถกอล์ฟไปจอดที่มุมมืดเพื่อลอบมองดูสาวอวบที่กำลังแตะคีย์การ์ดเข้าห้อง พอมั่นใจว่าเธอปลอดภัยเขาถึงขับรถออกไป นี่เป็นครั้งแรกที่เหนือฟ้านอนคนเดียวในที่ต่างถิ่น หลังจากอาบน้ำเสร็จเธอก็เปิดไฟสว่างไปทั่วห้อง ตั๊บแก!! ตั๊บตั๊บตั๊บแก" "ตุ๊กแกที่นี่ก้างติดคอหรือไง แต่บรรยากาศที่นี่วังเวงจัง ป่านนี้พี่ไนท์หลับหรือยังนะ" เหนือฟ้าแชตไปหาพี่สาว แต่ราตรีไม่อ่านข้อความของเธอ หญิงสาวจึงพยายามสวดมนต์เพื่อผ่อนคลายตัวเองก่อนนอนและฝืนข่มตา แต่ผ่านไปเพียงไม่กี่นาทีอาการกลัวผียิ่งทำให้เธอกระสับกระส่าย จนกระทั่งเวลาล่วงเลยไปถึงห้าทุ่ม "ฮือตายแน่นอนไม่หลับ" แฟ่ก! แฟ่ก! เหนือฟ้าสะดุ้งลุกดึงผ้าห่มมาคลุมจนมิดหัว "เสียงอะไรอ่ะ" ด้านนอกระเบียงมีแมวประจำรีสอร์ตแวะมา
ภาคีผลักประตูแล้วรีบกดล็อกสาวเท้าเข้ามาจนเหนือฟ้าวิ่งหนีไปอยู่มุมห้อง "พี่คีจะทำอะไร หยุดอยู่ตรงนั้นไม่ต้องเข้ามา" หนุ่มมาดเซอร์ท่าทางยียวนกวนประสาทเลิกคิ้วสูงแล้วพุ่งตัวเข้าใส่สาวอวบหลับตาปี๋ยกแขนป้องตัวเอง สองแขนเต็มด้วยมัดกล้ามคร่อมแนบหัวไหล่เปลือยขาว "ขี้แย ขี้ตกใจ ขี้ขางด้วย น่าฮักขนาด" "ขี้ขางอะไรเหนือไม่เข้าใจค่ะ" เหนือฟ้าหลุบตามองพื้นพยายามทำตัวลีบแบน "ฮ่าฮ่าบ่ะหนุนน้อย จะย่อขนาดเหรอครับ ตัวเท่านี้แหละพี่ชอบ" "ฮะ...ชอบ ชอบอะไร" หญิงสาวพยายามจะมุดออกจากวงแขนกว้าง แต่ภาคีก็ขยับตามตลอด "ชอบบ่ะหนุนไง อร่อยดี" "เหนือไม่ใช่ขนุน....เฮ้ยพี่คีนั่นจิ้งเหลนนี่คะ มันเข้ามาในห้องได้ยังไง" เหนือฟ้าแสร้งหลอกให้เขาตายใจ "ฮะไหน" เขาก็ช่างหลอกง่าย สาวอวบจึงได้โอกาสมุดตัวหนีออกจากวงแขนที่คร่อมยันผนังอยู่ "จะหนีไปไหน" ถึงจะหลงกลแต่ระดับความเร็วของเขาก็ต่างกันอยู่ดี เรียวแขนแกร่งรวบเอวเหนือฟ้าแล้วรั้งให้หันกลับมาปะทะกับตัวของเขา คราวนี้ภาคีใช้แขนสองข้างรัดตัวเธอไม่ต่างกับงูเหลือมเพศผู้ "พี่คีชอบใช้กำลัง" บ่นอุบอิบทำแก้มป่องจนอยากก้มลงฟัดให้ช้ำกันไปข้างนึง "เปล่านะ พี่ไม่ได้ชอบใ
อีกวันเดียวครอบครัวเวหะชลการก็จะเดินทางกลับกรุงเทพ ภาคีจึงมายืนดักรอเหนือฟ้าหลังเธอกินมื้อเช้ากับครอบครัวเสร็จ วันนี้เหนือฟ้าใส่ชุดเอี๊ยมกางเกงขายาวสวมหมวกปีกกว้าง มองเผิน ๆ ดูน่ารักเหมือนสาวชาวไร่ ขณะที่เธอกำลังเดินมาถึงตัวเขามากขึ้นเรื่อย ๆ หนุ่มผมยาวตัดสินใจคุกเข่าลงตรงหน้า "เหนือเป็นแฟนกับพี่นะ" ทั้งพ่อแม่พี่สาว ทุกคนมองเธอเป็นตาเดียวกันแล้วรีบซอยเท้าเดินหนีไปจากตรงนั้นเพื่อให้เธออยู่กับเขาสองคน "พี่คีอ่ะ...ลุกเถอะค่ะเหนืออาย" "ไม่ลุก จนกว่าเหนือจะตกลง" "ก็ได้ค่ะ เหนือจะเป็นแฟนกับพี่คี" สาวอวบอมยิ้มแล้วฉุดแขนภาคีขึ้นมา "นี่ดอกไม้ที่พี่ปลูกเอง" ดอกไม้สารพัดสายพันธุ์ช่อใหญ่อยู่ในมือของเขา เหนือฟ้ารีบดึงช่อดอกไม้ดังกล่าวมาอย่างว่องไว พราะไม่อยากยืนเป็นเป้าสายตาของใครต่อใคร "ขอบคุณค่ะ" "พรุ่งนี้จะกลับกรุงเทพแล้วใช่ไหม พี่แวะไปหาได้เปล่า" "เหนือปิดเทอมแค่สองอาทิตย์ก็ต้องกลับไปเรียนต่อแล้วค่ะ พี่คีจะไปหาก็ไปหาที่บ้านแทนได้ไหม คือเหนือไม่อยากให้คนอื่น ๆ นินทาพี่คี" "ใครเขาจะพูดอะไรก็ปล่อยให้พูดไปสิ พี่ไม่แคร์" ความจริงแล้วเธอหวงเขาต่างหากไม่อยากให้ใครเ
นิสิตสาวเดินลงมาจากตึกคณะโบกมือลาเพื่อน ๆ ในกลุ่มจากนั้นตรงไปที่ร้านน้ำปั่นเจ้าโปรดเพื่อสั่งข้าวโพดนมสดปั่น แต่ขาเจ้ากรรมกลับสะดุดกึก เพราะห่างจากเธอไม่กี่เมตรคือ สารถีรูปหล่อสุดฮ็อตที่กำลังยืนกินหม่าล่าอยู่ข้าง ๆ ร้านน้ำปั่น โดยที่รอบตัวเขามีแต่นักศึกษาชายหญิงที่กำลังยืนห้อมล้อมราวกับพบดาราดัง "ทั้งหมดเท่าไหร่ครับ ผมขอแสกนจ่ายนะ" ภาคีล้วงหาโทรศัพท์เพื่อแสกนจ่าย แต่ทันใดนั้นดาวมหาลัยอย่างลินินก็เสนอตัวด้วยการยื่นแบงค์พันส่งให้ชายหนุ่ม"หนึ่งร้อยบาทจ้ะพ่อหนุ่ม นี่จ้ะ" ป้าแม่ค้าบอกพลางหยิบคิวอาร์โค้ดให้ลูกค้าหนุ่มแสกนจ่าย"เดี๋ยวลิเลี้ยงมื้อนี้เองค่ะ" นิสิตคนสวยกล่าวด้วยท่าทางมั่นอกมั่นใจ เหนือฟ้าที่ยืนมองดูอยู่นั้นได้แต่ลอบถอนหายใจอย่างเซ็ง ๆ แล้วรีบยกกระเป๋าปิดหน้าเดินไปสั่งน้ำข้าวโพดแก้วโปรดโดยไม่สนใจภาคี"ไม่เป็นไรครับ ผมมีเงิน" ภาคีตัดบทแล้วหยิบโทรศัพท์มาแสกนจ่าย สายตาที่เขาตวัดมองลินินนั้นดูเย็นชาและแฝงด้วยความน่ากลัว โชคดีที่เธอแชตมาสั่งมาน้ำปั่นกับแม่ค้าก่อน พอไปถึงก็ได้รับน้ำข้าวโพดปั่นกลิ่นหอมพอดี ทำให้เธอสามารถหลบหลีกการปะทะกับผู้ห
เหนือฟ้านั่งบิดขี้เกียจอยู่ใต้โคมไฟสีส้มสลัว ดวงตากลมเริ่มพร่าเลือนจนภาคีที่กำลังจัดวางกับข้าวถึงต้องชะเง้อคอมองดูด้วยความกังวล "เสร็จแล้วครับ มากินได้เลย" หนุ่มมาดเซอร์ในชุดผ้ากันเปื้อนมัดจุกรวบเก็บผมไว้ครึ่งหัวเดินมาตามนิสิตแสนขยันในห้อง สาวอวบกลั้นยิ้มเพราะเธอโคตรโชคดีที่ได้เห็นหนุ่มฮ็อตขวัญใจสาวค่อนประเทศในสภาพพ่อบ้านกล้ามโต "รับทราบค่ะ" เหนือฟ้าเดินตรงไปที่โต๊ะกินข้าว มองข้าวซอยไก่ชามใหญ่และน้ำข้าวโพดปั่นนมสดฮอกไกโดกลิ่นหอมสองชุด ภาคีนั่งลงฝั่งตรงข้าม แล้วรินน้ำเปล่าเพิ่มให้เธออีกหนึ่งแก้ว ทำไมเขาช่างดีกับเธอมากมายขนาดนี้ ทั้งที่เธอทำตัวเย็นชากับเขาสารพัด แต่เขาก็ไม่โกรธเลยสักครั้ง "พี่คีทำอาหารน่ากินจัง" เหนือฟ้าบอกแล้วตักข้าวซอยไก่ร้อน ๆ คำแรกใส่ปาก ดวงตากลมถลึงมองเมนูดังกล่าวในชามตัวเอง แล้วเริ่มจ้วงกินคำใหญ่อย่างลืมตัว จนพ่อครัวหัวเราะร่วน "อร่อยใช่ไหม กินเยอะ ๆ นะเดี๋ยวจะผอมไป" เขาแซว "อร่อยมากค่ะ ไก่ก็เปื่อยมาก น้ำซุปก็จัดจ้าน กดไลก์ให้เลย" เหนือฟ้าฉีกยิ้มเคี้ยวแก้มตุ่ย ภาคีรู้สึกภูมิใจที่ทำให้สาวที่เขาลงท
เมื่อคืนเหนือฟ้านอนไม่ค่อยหลับเพราะอดคิดไม่ตกเรื่องที่เขาบอกมีแพลนจะเดินทางเร็ว ๆ นี้ วันนี้ก็เลยตื่นตั้งตีห้าครึ่ง ทั้งที่มีคาบเรียนแรกตอนแปดโมงเช้า นิสิตสาวอาบน้ำแต่งตัวมองหาชุดนักศึกษาที่เธอแขวนไว้กับตู้ กะว่าจะขอเตารีดของภาคีมาใช้รีดชุดตอนเช้า ทว่าชุดของเธอกลับไม่ได้แขวนไว้ที่เดิม เพราะมันถูกแขวนไว้ที่โต๊ะยืนรีดผ้ายิ่งไปกว่านั้นทั้งเสื้อและกระโปรงของเธอก็ถูกรีดจนเนี๊ยบไม่มีรอยยับรอยพับใด ๆ"ฝีมือพี่คีเหรอ" หญิงสาวพูดพึมพำพลางหยิบชุดนักศึกษามาใส่ แล้วคิดว่าจะทำมื้อเช้าให้เขารับประทาน เขาจะได้รู้ว่าเธอเองก็มีเสน่ห์ปลายจวักอยู่เหมือนกันผ่านไปเพียงสิบกว่านาทีไข่กระทะกับนมจืดก็ถูกเสิร์ฟบนโต๊ะกินข้าว แต่รอจนหกโมงครึ่งภาคีก็ยังไม่ตื่น เหนือฟ้าจึงเดินไปเคาะห้องทำงาน"พี่คีคะ พี่คีตื่นหรือยัง"เพราะเขาไม่ตอบเธอจึงค่อย ๆ บิดกลอนประตูเข้าไปแล้วเดินให้เงียบที่สุด แต่พอเห็นว่าเขานอนหลับฟุบอยู่หน้าจอคอม จึงเข้าใจว่าทำไมเขาถึงยังไม่ตื่น เหนือฟ้าหยุดที่หน้าจอคอม มองดูบางสิ่งที่เขาทำค้างไว้ ผลปรากฏว่ามันคือเอกสารภาษาญี่ปุ่นล้วน ๆ ซึ่งเธออ่านไม่ออกเลยสักตัว"พี่คี เหนือมาปลุกไปกินมื้อเช้าค่ะ"
เหนือฟ้านอนร้องไห้ตาบวมจนถึงสามทุ่ม จึงลุกเดินไปอาบน้ำแล้วกลับมาอ่านชีตสรุปสำหรับการสอบเก็บคะแนนในสัปดาห์หน้า"เหนือ พี่จะเอาเสื้อผ้าไปซักให้ เปิดประตูให้พี่หน่อยครับ"คนด้านในแง้มประตูออกเพียงเล็กน้อย "เหนือซักเองได้ค่ะ พี่คีป่วยอยู่ก็ไปพักเถอะ"จังหวะที่กำลังจะปิดประตู ภาคีสังเกตเห็นดวงตาที่บวมช้ำ เขาจึงจับขอบประตูไว้ไม่ให้เหนือฟ้าปิด "เป็นอะไรรึเปล่า""ไม่ได้เป็นอะไรค่ะ เหนือจะอ่านหนังสือสอบ" เหนือฟ้าพยายามดึงประตูที่ภาคีกำลังง้างออก แต่ด้วยสู้แรงคนตัวใหญ่กว่าไม่ได้ สุดท้ายจึงต้องยอมให้เขาเปิดประตูเข้ามาคนที่กำลังเสียใจรีบเดินหนีไปโต๊ะทรงกลมริมหน้าต่างห้องนอน พยายามกลั้นน้ำตาไม่ให้ไหล "เหนือ หันมาหาพี่หน่อย""พี่คีจะไปญี่ปุ่นเหรอคะ"ภาคีอึ้งคิ้วเข้มขมวดเข้ามากัน นึกย้อนไปถึงตอนที่เขาให้เธอไปหยิบยาในลิ้นชัก สงสัยคงจะไปเจอเอกสารมหาลัยที่ญี่ปุ่นกับพาสปอตที่เขาแอบเก็บไว้"ใช่ พี่จะไปเรียนต่อปริญญาโทที่นั่น""แล้วพี่คีคิดจะบอกเหนือเมื่อไหร่ หรือคิดจะบอกตอนที่เหนือถลำลึกไปมากกว่านี้" เหนือฟ้าเถียงเสียงสั่นพยายามเดินหนีไปที่อื่นไม่ให้เขาเห็น ภาคีรีบเดินไปดักหน้า ทำให้พบว่าดวงหน้าจิ้มลิ้ม
9 เดือนต่อมาห้องคลอดบะแต๋ง นิ่มฟ้า น่านฟ้าและวงศาคณาญาติต่างนั่งลุ้นรอลุ้นกับทายาทคนใหม่ที่กำลังจะลืมตาดูโลก แต่มีเพียงคนเดียวที่เอาแต่เดินไปเดินมาจนทุกคนพากันเวียนหัว"หยุ๋ดเตวซะทีเต๊อะ อ้ายเมาหัวโจ้น ๆ แล้ว" บะแต๋งคว้าข้อมือน้องสาว"ก็นิ่งตื่นเต้นเจ้า" นิ่มฟ้าบอกพี่ชายพลางเหลือบมองหน้าประตูห้องคลอด"มานั่งตักอ้ายมา" บะแต๋งอุ้มน้องสาวนั่งลงบนตัก สวมกอดน้องแล้วจับมือที่เย็นเฉียบขึ้นมาเป่า"อ้ายแต๋งหนุนน้อยจะปดพัยก่อ" เด็กหญิงตบมือเปาะแปะลงบนมือพี่"ปลอดภัยสิครับ" พี่ชายกอดรัดน้องสาวแล้วโยกตัวเบา ๆ ขณะที่น่านฟ้าเพิ่งกลับมาจากร้านสะดวกซื้อพร้อมกับยายนับเก้าและตาทัพฟ้า เนื่องจากหม่อมเจ้าภูวสินกับเจ๊ต่ายติดธุระจึงส่งพ่อตาแม่ยายลูกชายมาแทน"น้องออกมารึยัง" เด็กชายนั่งลงพร้อมส่งเยลลี่รูปหมูให้พี่ชายกับพี่สาวกินเล่นระหว่างรอพ่อกับแม่"ยังเลย แต่เดี๋ยวก็คงออกมาแล้วล่ะ" บะแต๋งหันไปคุยกับน้องชายพลันนั้นไฟที่หน้าห้องคลอดก็ดับลงพร้อมกับประตูที่เปิดออก เตียงผู้ป่วยที่มีร่างเหนือฟ้านอนยิ้มแป้นชูสองนิ้วออกมาให้ลูกทั้งสามคนและครอบครัวของเธอและสามีขณะที่ภาคีเดินตามออกมาหลังสุดด้วยรอยยิ้มพร้อมกับหย
เด็กหญิงเปิดโคมไฟดอกไม้ที่หัวเตียงนั่งพับเพียบไหว้พระแล้วเริ่มอธิษฐานถึงพระจันทร์กลมโตที่ซ่อนตัวอยู่หลังม่านเมฆสีเทา"อ้ายมาสฉา อ้ายมาสฉุดหย่อมาหานิ่งเต๊อะ" นิ่มฟ้าประสานมือแน่น มองท้องฟ้าที่เคลื่อนตัวผ่านหน้าต่างห้อง ทว่าเทพมาสกลับไม่ปรากฏกายเสียที หนูน้อยนั่งรอนอนรอจนตาแทบปิด แล้วรู้สึกน้อยอกน้อยใจที่เทวดาคนโปรดไม่ยอมมาหาแต่ช่วงเวลาเคลิ้มหลับเทพมาสกลับร่วงตุ้บลงมาบนเตียงของนิ่มฟ้าโป๊ก!หน้าผากของทั้งคู่เขกชนกัน"โอ๊ย! เจ๋บ ๆ" นิ่มฟ้าจับหน้าผากของตน ดวงตากลมใสสอดประสานกับคนด้านบน เทวกุมารรูปหล่อกะพริบตาปริบ ๆ นิ่มฟ้าได้โอกาสรวบกอดอีกฝ่ายเสมือนเป็นตุ๊กตาขนาดเท่ามนุษย์"ได้โอกาสเอาใหญ่เชียว" เขายิ้มแต่ก็ไม่ได้ห้ามปรามเด็กหญิง แต่รู้ดีว่าไม่เหมาะสมจึงรีบดึงตัวออกอย่างว่องไว"อ้าว หนีนิ่งตำไมล่ะ นิ่งกิ๊ดเติงหาอ้ายมาสเน้อ" นิ่มฟ้าคลานสี่ขามาถึงปลายเตียง แล้วนั่งพับเพียบเรียบร้อยทำหน้าจ๋อย"เป็นเด็กเป็นเล็กไม่สมควร" เขามักจะย้ำเรื่องความไม่สมควรจนเด็กหญิงจำได้ขึ้นใจ"ตำไมซอบอู้เรื่องไม่ฉมควร ไม่ฉมควรเป็นยังไงเจ้า""เอาไว้อธิบายวันหลังละกัน ตอนนี้ดึกมากแล้วน้องควรนอนหลับ" เทพมาสพยักพเยิดใ
ภารกิจที่ญี่ปุ่นจบลงอย่างรวดเร็วแม้ก่อนวันเดินทางภาคีต้องไปเป็นวิทยากรที่มหาลัยเก่าพร้อมกับพาบะแต๋งไปโชว์ตัว เนื่องจากคลิปที่เป็นไวรัลในญี่ปุ่นนั้นมีภาพการแสดงของบะแต๋งและหุยหุยรวมอยู่ด้วย นอกจากนี้ทุกคนยังให้การต้อนรับและชื่นชมเขาและลูกชายอย่างอบอุ่น หลายคนยังออกปากว่าถ้ามีโอกาสจะไปเที่ยวที่ไร่พิทักษ์มหิงสาเพื่อชมการแสดงควายแคระหลังจากเดินทางถึงบ้าน ครอบครัวเขาและครอบครัวภรรยาต่างแยกย้ายกันกลับบ้านใครบ้านมัน ขณะที่เหนือฟ้ามีอาการเจ็ทแลคทำให้มีอาการอ่อนเพลีย ทั้งที่กลับมาได้เกือบสามวันแล้วแต่เธอกลับไม่สดใสร่าเริงนั่นจึงจนทำให้ภาคีเริ่มวิตกจริต"เหนือโอเคไหม ไม่สบายตัวตรงไหนบอกพี่นะ" เขาหยิบหวีมาสางผมที่พันกันยุ่งเหยิง รู้เลยว่าภรรยากำลังเหนื่อยล้าขนาดผมเผ้ายังไม่หวีให้เรียบร้อย"แค่เหนื่อยค่ะ แล้วเหนือก็รู้สึกกลัวด้วย ฮึก..ฮึก" เธอมักจะเห็นภาพตอนที่ตัวเองตกเลือดซ้ำ ๆ ในหัว ครั้งนั้นมันเหมือนฝันร้ายที่ฝังอยู่ในใจของเธอเรื่อยมา เหตุการณ์ในวันวานที่สูญเสียลูกคนที่สองไป"ไม่เป็นไรครับ ดีแล้วที่กลัว การที่เรากลัวไม่ใช่เรื่องเลวร้ายนะ และเวลาที่เหนือกลัวพี่จะได้รู้ว่าต้องดูแลเหนือยังไง" เข
กองถ่ายรายการให้เวลาเด็กทั้งสามคนซักซ้อม เหนือฟ้าที่นั่งกินผลไม้จนจุกจึงลุกขึ้นยืดเส้นยืดสาย เดินมาให้กำลังใจลูก ๆ“บะแต๋ง นิ่มน่านมาหาแม่เร็วค่ะ” เหนือฟ้ากวักมือเรียกแก๊งเด็กแสบจึงรีบสับขาไปหาอย่างไว“มีอะหยังบะหนุนน้อย” บะแต๋งกุมมือแม่“แม่แค่อยากให้กำลังใจครับ แม่เชื่อว่าพวกลูกทำได้” เหนือฟ้าลูบศีระษะเล็กของลูกทั้งสามคนละที“แต๋งทำได้ครับ” บะแต๋งโผเข้ากอดแม่ พิงหน้ากับท้องเพื่อขอกำลังใจจากน้องแฝดสามที่กำลังจะลืมตาดูโลกในอีกไม่ช้า “อ้ายขอกำลังใจ๋หน่อยเน้อละอ่อนทั้งหลาย” “น่านก็ตำได้ น่านไปฝึกฉ้อมกับปาขี้ก่อนเน้ออี่แม่” น่านฟ้าชูสองนิ้ววิ่งนำไปหาพ่อเป็นคนแรก ตามด้วยบะแต๋งเป็นคนที่สอง เหลือเพียงนิ่มฟ้าที่ยังยืนท่องภาษาญี่ปุ่นวนไปเวียนมาด้วยความไม่มั่นใจ“คนนี้ล่ะทำได้หรือเปล่า” เหนือฟ้ายื่นมือไปให้ลูกสาวจับ เด็กหญิงจับมือแม่มาหอมเพื่อสร้างกำลังใจให้ตนเอง“นิ่งตำอย่างอื่นได้จ้าว แต่นิ่งจำปาสายี่ปุ่งบ่ได้” นิ่มฟ้าบอกปัญหาที่ตนเองมีให้แม่ฟัง“เขาให้พูดว่า ชิอาวาเสะ เดส เนะ ก็แค่คำพูดเพียงหกคำเท่านั้นเอง เหมือนตอนที่หนูนับควายหกตัวนั่นแหละ”เพราะเธอรู้ดีว่าลูกสาวเห็นทุกอย่างเป็นควายไปซะหม
"ตึ่งได้ล้าวปาขี้ หนุนน้อยให้มาตามไปหม่ำ ๆ"ปึ้ก! ปึ้ก!นิ่มฟ้าใช้ตุ๊กตาควายที่พกมาจากไทยด้วยตีลงไปที่ท้องของพ่อ"โอ้ย ๆ หยุ๋ดบุ๋บตี๋ป้อก่อน แล้วอี่แม่ล่ะ" เขาสะลืมสะลือกวาดตามองหาภรรยาท้องโต ผลปรากฏว่าเหนือฟ้ากำลังนั่งกินมื้อเช้าแบบญี่ปุ่นชมวิวทิวทัศน์ผ่านหน้าต่างห้องพักอยู่กับบะแต๋ง"อะหยังป้อเกเยเกยุงจะอี้" น่านฟ้ารีบวิ่งมาฉุดแขนพ่อ โดยมีสายตาของบะแต๋งกับเหนือฟ้ามองดูอย่างขำขัน"ป้อไม่เคยเกเรเกตุงนะครับ พ่อเป็นเด็กดีมาตลอด ถ้าลูกบ่าเจื่อก็ถามอี่แม่ได้เลย" ผู้เป็นพ่อพยักพเยิดให้ลูกแฝดไปขอความเห็นจากแม่ที่กำลังดื่มด่ำกับบรรยากาศยามเช้า"แต่บางครั้งป้อของพวกหนูก็เป็นเด็กไม่ดีเหมือนกันนะ" สาวอวบทิ้งระเบิดตู้มใหญ่ให้ นิ่มฟ้ากับน่านฟ้าหันขวับจิกตาเขียวปัดมาทางพ่อผมหยิกหยักศกด้วยความขุ่นข้องหมองใจ"โอ้ยถึงพี่จะเป็นเด็กไม่ดีแต่ก็ไม่เคยทำอะไรเหนือได้ เหนืออึดยิ่งกว่ากระทิงซะอีกใครจะไปสู้" ภาคีหลุดปากเปรียบเทียบเหนือฟ้าเป็นกระทิง"พี่คีหาว่าเหนือเหมือนกระทิงเหรอคะ" ด้วยอาการฮอร์โมนคนท้องที่พลุ่งพล่านแปรปรวน เดี๋ยวดีเดี๋ยวร้ายทำให้วาจาที่สามีเอื้อนเอ่ยนั้นฟังไม่ค่อยเข้าหูนัก"ก็พี่กำลังชมว่าเ
เนื่องจากพรุ่งนี้ต้องเดินทางไปสวนผลไม้ยาบุตั้งแต่ช่วงเช้าทุกคนจึงรีบเข้านอนตั้งแต่หัวค่ำ ราวเที่ยงคืนเด็กหญิงรู้สึกอยากปัสสาวะ ตอนที่นิ่มฟ้าลืมตาขึ้นกวาดมองไปรอบห้องพักเงียบสงัด เธอเห็นพ่อกำลังพยุงแม่ออกมาจากห้องน้ำ หนูน้อยฉีกยิ้มแป้นที่พ่อกับแม่รักและดูแลกันดี แต่ก็อดสงสารแม่ไม่ได้ที่ต้องมีถุงหน้าท้องอันมหึมาเพราะข้างในมีน้องของเธอถึงสามคน"นิ่งชาไม่ยบควนป้อขี้กับหนุนน้อย" นิ่มฟ้าแสนกลัวแต่ก็ยอมลุกไปเข้าห้องน้ำด้วยตัวเอง เด็กหญิงเดินย่องออกไปนอกห้องนอนตรงไปที่ห้องน้ำซึ่งเปิดไฟสีส้มสลัวริบหรี่ ดวงตากลมแป๋วเหลือบมองเพดาน มองหน้ามองหลังด้วยอาการหวาดกลัว กลัวว่าจะเจอผีญี่ปุ่นผมยาวที่เธอเคยเห็นในภาพยนต์"ไม่เข้าซะทีล่ะ" เสียงเย็นวาบเป่ารดอยู่ข้างหู แม้จะรู้ดีว่าเป็นเสียงของเทวดาคนโปรด แต่เธอก็ยังตกใจจนต้องถอยหลังกรูดอยู่ดี"เต๋วะดามายี่ปุ่งได้โตยก๊ะ" นิ่มฟ้ายืนตัวลีบติดผนังห้อง"ไปได้ทุกที่บนโลกนั่นแหละ ถ้ามีพลังมากพอ" เทพมาสเอ่ยพลางเดินไปหยุดหน้าห้องน้ำผายมือเชิญให้นิ่มฟ้าเข้าไประบายทุกข์"ห้ำหายตั๋วไปตี้ไหนเน้อ นิ่งว่านิ่งปวดอึ๊ นิ่งต้องเข้านานแน่ ๆ" นิ่มฟ้าเดินมาประจันหน้ากับเทวกุมารยื่
ทั้งที่ตอนแรกภาคีกะว่าจะชวนอินเหลากับเดือนเพ็ญมาช่วยดูแลเด็ก ๆ เพราะเขาห่วงว่าเหนือฟ้าจะดูลูกไม่ไหว แต่สุดท้ายทั้งสองก็อดมาเพราะมีนักท่องเที่ยวเข้าพักจำนวนมากเนื่องจากเป็นช่วงไฮน์ซีซั่น เขาจึงตัดสินใจโทรไปยืมตัวแม่ทั้งสองมา ทว่าพวกพ่อขี้หวงก็ห่างเมียไม่ได้ ดังนั้นทุกคนจึงพากันยกโขยงกันมาทั้งหมด"ลูกบ่ชอบรึที่ป้อมาโตย" หม่อมเจ้าภูวสินที่กำลังนั่งโซ้ยอูด้งควันโขมง"เปล่านี่ครับ แค่สงสัยว่าป้อตามมาหวงแม่หรือตัวติดหลานกันแน่" ภาคีหรี่ตามองพ่อที่เอาแต่ลอยหน้าลอยตากินอยู่ข้างแม่"ป้อขี้นิ่งชาผ้อนก้าวเน๋วปาฉ้มให้กิ๋นเน้อ" นิ่มฟ้าหยิบทิชชู่เช็ดมือไม้จนสะอาดแล้วหยิบซูชิที่มีแต่ขาวล้วนจุ่มลงบนโชยุ"ฮ่าฮ่า เขาเรียกว่าซูชิหน้าปลาแซลมอนลูก บ่าใจ้ข้าวเหนียวปลาส้ม แล้วทำไมซูชิชิ้นนี้ถึงไม่เห็นมีเนื้อปลาเลยครับ" พ่อชี้ไปที่ซูชิชิ้นพอดีคำในมือเล็ก"นิ่งเป็นกนกิ๋นปาฉ้มเอง เพราะว่าป้อจาหลาดแล้ว นิ่งก็เลยอยากจาหลาดเหมือนป้อ" ด้วยคำพูดที่น่ารักเกินจะโกรธลง ทำให้ภาคียอมกินแต่ข้าวเปล่า ๆ โดยปราศจากเนื้อปลาแซลมอน"ยี่ปุ่งมีปิ้งฉิ่บก่อ อี่แม่น่านอยากกิ๋นปิ้งฉิ่บ" น่านฟ้าติดเรียกปิ้งสิบตามพี่ชาย"มาญี่ปุ่นไม่มี
การเดินทางกลับบ้านที่แม่ฮ่องสอนครั้งนี้เสมือนเป็นการพบปะสังสรรค์ระหว่างครอบครัวเพื่อฉลองข่าวดีที่สารคดีรายการเชฟสองสัญชาติได้รับการต่อสัญญาให้ถ่ายทำถึงต่ออีกหลายซีซั่น"วันนี้จะทำอะไรกินเหรอเตียว" ภาคีจูงมือนิ่มฟ้าออกมาจากบ้านตรงเข้ามาถามน้องชายที่กำลังก่อไฟอยู่หน้าเตาก่ออิฐแดง"ซุปกระดูกหมูบัวหิมะกับไก่ผัดมู่กวาครับ" เชฟหนุ่มเผยเมนูมื้อเช้าที่เขาจะทำให้ทุกคนกิน"มู่คะวากืออะหยังอาเตี๋ยว" นิ่มฟ้าช่างซักเริ่มสงสัย"หน้าตามันคล้ายมะละกอผลเป็นสีเหลืองมีรสเปรี้ยว เอามาทำอาหารอร่อยมากครับ" เตียวหุยพยายามย่อยสาระให้หลานสาวเข้าใจ"ว้าวแซ่บซี้ดแน่ นิ่งอยากกิ๋นแล้ว" เด็กหญิงกลืนน้ำลาย“อ้อแล้วให้พี่ช่วยอะไรไหม เตียวมีบัวหิมะหรือยัง” เขามองหาบัวหิมะรอบตัวน้องชาย“เฮ้อลืมซะสนิท งั้นพี่คีไปขุดให้ได้ก่อ” เตียวหุยโบ้ยหน้าที่ให้พี่ชาย“นิ่งชาไปขุดให้อาเตี๋ยวเองจ้าว” นิ่มฟ้ารับอาสาแล้วพุ่งตัวไปยังเนินเขาโดยไม่รอพ่อ“เดี๋ยว ๆ ก่อนลูก โอ้ยแม่คนนี้” ภาคีซอยเท้าตามลูกสาวจอมซนลงไปถึงตีนเขาแล้วรีบช้อนตัวลูกขึ้นมาไว้ในอ้อมแขน“ฮ่า ๆ ป้อขี้ไม่ทันนิ่ง แล้วหมู่เหาชาไปเข็บงัวหิมะตี้ไหน ต้องเลิ้วซ้ายหรือว่าเลิ้ว
ที่โรงพยาบาลในตัวเมืองเด็ก ๆ ทุกคนนั่งกินไอศกรีมรอพ่อกับแม่ในห้องอัลตราซาวด์โดยมีบะแต๋งเป็นหัวหน้าแก็งคอยดูแลน้อง ในห้องตรวจเหนือฟ้านอนอยู่บนเตียงขณะที่หมอเจ้าของครรภ์กำลังใช้เจลเย็นทาท้องเพื่อทำให้คลื่นความถี่สูงถูกส่งผ่านได้ดียิ่งขึ้นเมื่อหมอรุ่นป้าแตะหัวตรวจอัลตราซาวน์บนหน้าท้องนูนใหญ่ แล้วเคลื่อนไปตามตำแหน่ง ครู่หนึ่งคลื่นเสียงสะท้อนกลับมายังตัวรับสัญญาณภาพและปรากฏเป็นภาพขาวดำบนหน้าจอ"ท้องรอบนี้ของคุณแม่ใหญ่กว่ารอบก่อนอีกนะคะ" หมอรุ่นแม่สงสัย"นี่ก็เข้าห้าเดือนแล้วใช่ไหมคะคุณหมอ" เหนือฟ้ารู้สึกไม่สบายใจกลัวว่าลูกในท้องจะเกิดความผิดปกติอะไร ภาคีที่นั่งอยู่ข้างเตียงจึงกุมมือภรรยาแน่น"ใช่ค่ะคุณแม่ โอ๊ะ อุ้ย ๆ ว้าว" จู่ ๆ หมอสาวรุ่นใหญ่วัยห้าสิบต้นรีบเคลื่อนหัวจับไปรอบบริเวณท้อง พลันนั้นภาพของสิ่งมีชีวิตเล็ก ๆ ทั้งสามก็โชว์เด่นหราบนจอแสดงผล"นั่นทารกใช่ไหมคะ เหมือนว่าจะมากกว่าสองเลยค่ะคุณหมอ" เหนือฟ้าตื่นเต้น สงสัยวันนั้นที่เธอหลุดพูดว่าแฝดสามคนจะกลายเป็นความจริงขึ้นมาซะแล้ว"ไม่ผิดค่ะ จำนวนน้องในท้องคุณแม่มีถึงสามคนด้วยกัน เคสคุณเหนือถือว่าหาได้ยากมากเลยนะคะ ยังไงหมอดีใจด้วยนะคะรอ