ผู้อำนวยการทัพฟ้าและครูนับเก้าพาลูก ๆ ของตนมาเที่ยวบนดอย ณ ไร่กฤตกล้าธนาดรของหม่อมเจ้าภูวสินที่แม่ฮ่องสอน เนื่องจากลูกสาวคนโตกำลังจะไปหาประสบการณ์ทำงานที่ต่างประเทศและเรียนต่อปริญญาโทที่นั่น
ส่วนคนเล็กก็เพิ่งอยู่มหาลัยปีสอง แถมเพิ่งสอบปลายภาคเสร็จ พ่อแม่จึงหวังให้ลูก ๆ มีโอกาสได้คลายเครียดบ้าง "เฮ้ยไอ้ฟ้า มึงมาถึงเร็วจังวะ" เจ้าของไร่ชาบนดอยตะโกนเรียกเพื่อนสนิทที่เพิ่งลงมาจากรถกอล์ฟของรีสอร์ต "มาถึงช้าก็อดดื่มด่ำบรรยากาศสิวะ เออไนท์ เหนือ หวัดดีอาภูสิลูก" ทัพฟ้าบอกลูกสาวทั้งสองคน "สวัสดีค่ะอาภู" หลานสาวสองคนยกมือไหว้ด้วยกิริยาท่าทางอ่อนหวาน "หวัดดีลูกมาถึงเหนื่อย ๆ ไปพักผ่อนกันก่อนเถอะ" "แล้วภาคีละวะ เห็นเพิ่งประกวดหนุ่มหล่อแห่งชาติอะไรมา ลูกมึงนี่ฮ็อตจริง ๆ จริงไหมยัยเหนือ" "ค...คะ พ่อถามเหนือทำไม เหนือไม่รู้" เหนือฟ้าสาวอวบผิวขาวอมชมพูถักเปียข้าง รีบปฏิเสธทันควัน "ทีตอนอยู่บ้านยังรู้เรื่องอยู่เลยนะ" ราตรีพี่สาวบีบแกมจ้ำม่ำของน้อง "เด็ก ๆ นี่กุญแจห้องพักจ้ะ" นับเก้าส่งคีย์การ์ดห้องพักให้ลูกสาวคนละอัน "พี่ไนท์น่าจะให้เหนือนอนด้วย ทำไมต้องนอนคนละหลังกัน เปลืองเงินเปลืองทอง" เหนือฟ้าสาวอวบบ่นพี่สาว เธอไม่เต็มใจที่จะนอนแยกห้องกับพี่ "โตเป็นสาวแล้วนะเรา ต้องหัดนอนคนเดียวให้เป็น" พี่สาวผิวสีน้ำผึ้งตัดบทแล้วแบกกระเป๋าเข้าบ้านพักของตัวเอง เหนือฟ้าลากกระเป๋าเข้าไปในห้องพัก แล้วรีบออกมาเดินเล่นคนเดียว เธอเห็นพ่อกับแม่กำลังนั่งชนแก้วสังสรรค์อยู่กับอาภูและอาต่าย จึงไม่อยากเข้าไปรบกวน ส่วนพี่สาวมาถึงก็ขลุกตัวนอนอยู่ในห้อง หญิงสาวในชุดเสื้อปาดไหล่แขนตุ๊กตาโชว์เนินอกขาวอวบเดินมาสั่งเครื่องดื่มที่คาเฟ่ของรีสอร์ท ขณะที่กำลังอ่านเมนูที่หน้าเคาน์เตอร์ บาริสต้าหนุ่มก็ชะโงกหน้าออกมา "รับอะไรดีครับคุณลูกค้า" "เอาข้าวโพดปั่นนมสดฮอกไกโดค่ะ" สาวแก้มยุ้ยเงยหน้าขึ้น พลันนั้นดวงตาคู่คมที่อยู่ห่างกับเธอเพียงไม่กี่เซนเกือบทำให้โลกทั้งใบแทบหยุดหมุน แม้กระทั่งหัวใจและร่างกายของเธอด้วย เพราะผู้ชายหล่อเหลาตรงหน้าคือ ภาคี พี่คีของสาว ๆ ทั้งประเทศ ฉายาหนุ่มหล่อแห่งชาติมาดขรึมแห่งยุค มีดีกรีเป็นถึงนักกีฬายิงปืนเก่า เก่งกีฬาแทบทุกประเภท เรียนจบปริญญาตรีจากควีนแลนดส์ มหาวิทยาลัยอันดับต้น ๆ ของโลกที่เลื่องลือด้านการเกษตร ดังนั้นเขาจึงเป็นผู้ชายที่ครบเครื่องทุกอย่างจนคิดว่าคนประเภทนี้ไม่น่ามีตัวตนอยู่จริง "นั่งรอพี่ก่อนนะ ใส่วิปครีมไหมครับ" เจ้าของร้านถามขณะที่ฝานข้าวโพดสีขาวลงโถปั่น "ใส่ค่ะ" เหนือฟ้าตอบสั้น ๆ แล้วนั่งลงที่เก้าอี้โดยไม่ได้ดูว่ามันเป็นเก้าอี้พลาสติกเก่ากึกที่จวนเจียนจะหักเต็มที โครม!!!!!! ขาเก้าอี้หักเป็นสองท่อน สาวร่างอวบหงายหลังกลิ้งขลุก ๆ ไปกองกับพื้น "โอ้ย.... ตูดแหกหมดแล้วมั้งเนี่ย" ภาคีรีบวิ่งออกมาจากเคาน์เตอร์บาร์ด้านในแล้วงัดร่างตุ้ยนุ้ยของหญิงสาวขึ้นมา "เฮ้ยน้อง....เจ็บไหม มานั่งตรงนี้ก่อน" ชายหนุ่มผมหยักศกมัดผมครึ่งหัวรวบตัวเธอขึ้นได้อย่างสบาย ๆ เหนือฟ้าตัวแข็งทื่อรีบคล้องมือไปที่หลังคอด้วยความตกใจ "เอ่อ...พี่ไม่หนักเหรอคะ" น้ำเสียงหวานใสกริ๊งถามแบบไม่สบตา ภาคียิ้มแล้ววางคนซุ่มซ่ามลงบนโซฟาหวายตัวยาว พร้อมกับชันเข่าหนึ่งข้างสำรวจใบหน้าจิ้มลิ้มและแก้มอวบอิ่มของสาวเก้าอี้หักตรงหน้า "ไม่หนักครับ แค่นี้พี่อุ้มไหว" เจ้าของเสียงนุ่มเอ่ย เพียงแค่ฉีกยิ้มมุมปากจนเห็นเขี้ยวขาวคม คนฟังก็ถึงถึงกับละลายกลายเป็นของเหลว บาริสต้าหนุ่มเดินไปล้วงบางอย่างในกล่องพลาสติก แล้วกลับมาพร้อมกับขวดยาหม่อง "เอาไว้นวดก้นนะ" อายชะมัด มาเจอคนหล่อขวัญใจสาวระดับประเทศแต่กลับมาทำทุเรศต่อหน้าด้วยการทำเก้าอี้ร้านเขาหัก "ขอบคุณค่ะ" สาวขี้อายพยักหน้ารับ เจ้าของร้านกาแฟจึงฉีกยิ้มกว้าง จากนั้นเดินกลับไปทำข้าวโพดปั่นต่อ และเพียงไม่กี่นาทีเครื่องดื่มที่เธอสั่งก็ถูกเสิร์ฟด้วยคนหล่ออีกครั้ง "ค่อย ๆ ดูดนะไม่ต้องรีบ เดี๋ยวจะสำลัก" เขาบอกแล้วเดินกลับไปรับออเดอร์จากลูกค้าที่มายืนสั่งเครื่องดื่มอีกสองสามคน "น่ารักจัง" หญิงสาวพูดพึมพำแล้วนั่งรอจังหวะที่คนโล่งถึงจะเดินไปจ่ายเงิน "มาจ่ายเงินค่าข้าวโพดปั่นค่ะ" "ห้าสิบห้าบาทครับ" ภาคีตะโกนบอกเพราะกำลังยุ่งกับการชงกาแฟอยู่ "งั้นวางเงินไว้ตรงนี้นะคะ" เหนือฟ้าหยิบแบงค์ยี่สิบสามใบเท่ากับหกสิบบาท เธอทิปพิเศษให้เขาห้าบาทแล้วจากไปเงียบ ๆ ช่วงเวลาโพล้เพล้หม่อมเจ้าภูวสินกับอากระต่ายเรียกทัพฟ้าและนับเก้ารวมทั้งลูกสาวอีกสองคนไปร่วม แจมหมูกระทะชมพระอาทิตย์ตกดินบนบ้านเนินเขา จังหวะที่เหนือฟ้ากับราตรีเดินตามพ่อแม่ขึ้นมาแล้วนั่งลงบนเสื่อที่ระเบียงชมดาวของบ้าน ตรงหน้ามีเตาและกระทะตั้งน้ำซุปรออยู่ก่อนแล้ว "พ่อครับขอโทษทีวันนี้ที่คาเฟ่ลูกค้าเยอะ" ภาคีโผล่มาแจมด้วย "อุ้ย" ราตรีสะกิดน้องสาวและยื่นมือไปสะกิดพ่อกับแม่อีกที ทั้งสามคนรู้ดีว่าเหนือฟ้ากำลังกรี๊ดกร๊าดภาคีอยู่ ผู้อำนวยการทัพฟ้ารีบกระซิบข้างหูหม่อมเจ้าภูวสิน ชายวัยกลางคนลุคเซอร์ผมยาวคลุมช่วงคอพอกับลูกชายรีบกระตุกยิ้มเห็นด้วยกับเพื่อนซี้ "ไม่เป็นไรลูก แต่คีทักทายอาฟ้ากับอานับก่อนสิลูก" พ่อผู้มีแผนลึกลุกขึ้นกระชับหัวไหล่ล่ำของลูกชาย "สวัสดีครับอาฟ้า อานับ ไม่เจอกันนานเลย อ้อแล้วก็นั่นพี่ไนท์ใช่ไหมครับ" ภาคียกมือสวัสดีทุกคน "จ้ะพี่เอง คีโตขึ้นเยอะเลยอ่ะ แถมหล่อระเบิดเถิดเทิงเลยด้วย จริงไหมเหนือฟ้าาาา" ราตรีหันไปถามน้องสาวที่นั่งหันหลังให้ภาคีอยู่ที่โต๊ะหมูกระทะด้านหลัง "แล้วนั่นลูกสาวคนเล็กของอาฟ้ากับอานับใช่ไหมครับ" หนุ่มมาดเซอร์เกริ่นถามแล้วพยายามจะมองหน้าสาวร่างอวบที่ดูละม้ายคล้ายคลึงกับลูกค้าข้าวโพดปั่นเมื่อตอนกลางวัน "เหนือฟ้ารักษามารยาทหน่อยสิลูก สวัสดีพี่คีเร็วเข้า" นับเก้าสะกิดไหล่ลูกสาว หญิงสาวไม่มีทางเลือกค่อย ๆ เบือนหน้าหันไปหาคนด้านหลัง เมื่อภาคีเห็นว่าเป็นสาวคนเดียวกันกับลูกค้าเก้าอี้หัก "อ๋อ ฮ่าฮ่า" จู่ ๆ เขาก็หลุดหัวเราะต่อหน้าทุกคนโดยไม่มีสาเหตุ สาวอวบชักสีหน้าไม่พอใจรีบหันหน้ากลับ "สวัสดีค่ะคุณภาคี" เหนือฟ้าอารมณ์เสียคิดว่าภาคีกำลังจะโพนทนาเรื่องที่เธอทำเก้าอี้พลาสติกนั่นหักจนกลายเป็นซากพลาสติก "สวัสดีครับ" เขาทักทายกลับแต่ก็ยังทำหน้ากลั้นขำใส่เธออยู่เหมือนเดิม เหนือฟ้าโมโหจึงลุกขึ้นแล้วพยายามจะเดินหนีไปให้ไกล "อ้าวยัยเหนือจะไปไหน" ราตรีตะโกนเรียกน้องสาว" "ไปทำธุระส่วนตัวค่ะ" เหนือฟ้าตะโกนกลับมา "สงสัยน้องคงจะโกรธผมมั้งครับ" ภาคีสารภาพ "แล้วไปเจอกันตอนไหน แล้วทำไรให้น้องโกรธเหรอ" หม่อมเจ้าภูวสินยกมือทาบอกตวัดคิ้วเข้มเป็นปม "น้องไปซื้อน้ำที่ร้านครับ แล้วก็ทำเก้าอี้ที่ร้านหัก แต่ไม่ใช่ความผิดน้องครับเก้าอี้มันเก่าแล้ว" "ฮะ..หักเลยเหรอ โธ่! น้องฉัน" ราตรีเวทนาน้องสาว การที่น้องมีน้ำหนักตัวทะลุเกือบเจ็ดสิบทำให้หลายคนมักจะบูลลี่น้องอยู่เสมอ และเธอเองก็ไม่ชอบไอ้พวกปากหอยปากปูเหล่านั้นเลยสักนิด "เดี๋ยวผมไปตามน้องกลับมาเองครับ" เขายิ้มแล้วรีบวิ่งตามสาวอวบที่เดินกระแทกเท้าด้วยความโกรธลงมาจากบ้านเนินเขาเหนือฟ้าเดินสะบัดสะบิ้งเตรียมเรียกรถกอล์ฟของรีสอร์ตตรงกลับห้องพัก แต่ภาคีเร็วกว่าเพียงแค่ฝ่ามือใหญ่หนายึดข้อมือเธอไว้ กระชากให้หันกลับไปด้วยกำลังเล็กน้อย ตัวของเธอก็ปะทะกับกล้ามอกแน่นเข้าอย่างจัง "จะไปไหน" "จะกลับห้องพักค่ะ เหนือไม่หิวแล้ว" โครก!!! คราก!!! อยู่ดี ๆ ไอ้ท้องบ้าก็เกิดทรยศขึ้นมา มิหนำซ้ำยังร้องซะเสียงดังน่าเกลียด ภาคีเม้มปากแน่นพยายามกลั้นขำ "อยากขำก็ขำเถอะค่ะ" เหนือฟ้าสะบัดหน้าโกรธแล้วก้มลงมองวงแขนบึกบึนที่รวบเอวเธอไม่ยอมปล่อย เหนือฟ้ายืนตัวเกร็ง "ตอนเด็ก ๆ เหนือคงจำไม่ได้ว่าขี่หลังพี่ประจำ อ้อนให้พี่อุ้มอยู่บ่อย ๆ" ภาคีรำลึกความหลังสมัยเหนือฟ้ามาวิ่งเล่นอยู่บนไร่ชาบนดอยของเขานานร่วมเดือนช่วงที่พ่อแม่ของเธอแวะมาพักผ่อนหย่อนใจที่นี่ "เด็กขนาดนั้นใครจะจำได้ ยังไงเหนือขอร่างกายคืนด้วยค่ะ" สาวอวบจิกตาขวาง "ทำไมรู้สึกไม่ค่อยอยากคืนซะแล้ว" หน้าขาวโน้มต่ำลงมาให้ริมฝีปากคลอเคลียอยู่แถวหน้าผาก เหนือฟ้ารีบดึงตัวออก แต่วงแขนแกร่งก็ผลักเข้ามาอีก "พี่ภาคี!" "น่ากลัวจัง ปล่อยก็ได้" เขายกแขนแต่เปลี่ยนเป็นรวบตัวเธอขึ้นสูงแทน "นี่....พี่คีปล่อย อุ้มเหนือทำไม
ภาคีขับรถกอล์ฟมาส่งเหนือฟ้าลงหน้าบ้านพัก เขาจอดรถและเดินตามหลังมา "เหนือ" "คะ...พี่คีมีอะไรเหรอ" "ยินดีที่ได้รู้จักอีกครั้งนะครับเหนือฟ้า พี่ขอแนะนำตัวเองอย่างเป็นทางการ พี่ภาคี กฤตกล้าธนาดร อายุยี่สิบห้าปี สถานะโสด" "รู้มาตั้งนานแล้ว" สาวแก้มยุ้ยพูดพึมพำ "ว่าไงนะ" "เปล่าค่ะไม่มีอะไร งั้นราตรีสวัสดิ์ค่ะ" "ฝันดี" แผ่นหลังสูงขับรถกอล์ฟไปจอดที่มุมมืดเพื่อลอบมองดูสาวอวบที่กำลังแตะคีย์การ์ดเข้าห้อง พอมั่นใจว่าเธอปลอดภัยเขาถึงขับรถออกไป นี่เป็นครั้งแรกที่เหนือฟ้านอนคนเดียวในที่ต่างถิ่น หลังจากอาบน้ำเสร็จเธอก็เปิดไฟสว่างไปทั่วห้อง ตั๊บแก!! ตั๊บตั๊บตั๊บแก" "ตุ๊กแกที่นี่ก้างติดคอหรือไง แต่บรรยากาศที่นี่วังเวงจัง ป่านนี้พี่ไนท์หลับหรือยังนะ" เหนือฟ้าแชตไปหาพี่สาว แต่ราตรีไม่อ่านข้อความของเธอ หญิงสาวจึงพยายามสวดมนต์เพื่อผ่อนคลายตัวเองก่อนนอนและฝืนข่มตา แต่ผ่านไปเพียงไม่กี่นาทีอาการกลัวผียิ่งทำให้เธอกระสับกระส่าย จนกระทั่งเวลาล่วงเลยไปถึงห้าทุ่ม "ฮือตายแน่นอนไม่หลับ" แฟ่ก! แฟ่ก! เหนือฟ้าสะดุ้งลุกดึงผ้าห่มมาคลุมจนมิดหัว "เสียงอะไรอ่ะ" ด้านนอกระเบียงมีแมวประจำรีสอร์ตแวะมา
ภาคีผลักประตูแล้วรีบกดล็อกสาวเท้าเข้ามาจนเหนือฟ้าวิ่งหนีไปอยู่มุมห้อง "พี่คีจะทำอะไร หยุดอยู่ตรงนั้นไม่ต้องเข้ามา" หนุ่มมาดเซอร์ท่าทางยียวนกวนประสาทเลิกคิ้วสูงแล้วพุ่งตัวเข้าใส่สาวอวบหลับตาปี๋ยกแขนป้องตัวเอง สองแขนเต็มด้วยมัดกล้ามคร่อมแนบหัวไหล่เปลือยขาว "ขี้แย ขี้ตกใจ ขี้ขางด้วย น่าฮักขนาด" "ขี้ขางอะไรเหนือไม่เข้าใจค่ะ" เหนือฟ้าหลุบตามองพื้นพยายามทำตัวลีบแบน "ฮ่าฮ่าบ่ะหนุนน้อย จะย่อขนาดเหรอครับ ตัวเท่านี้แหละพี่ชอบ" "ฮะ...ชอบ ชอบอะไร" หญิงสาวพยายามจะมุดออกจากวงแขนกว้าง แต่ภาคีก็ขยับตามตลอด "ชอบบ่ะหนุนไง อร่อยดี" "เหนือไม่ใช่ขนุน....เฮ้ยพี่คีนั่นจิ้งเหลนนี่คะ มันเข้ามาในห้องได้ยังไง" เหนือฟ้าแสร้งหลอกให้เขาตายใจ "ฮะไหน" เขาก็ช่างหลอกง่าย สาวอวบจึงได้โอกาสมุดตัวหนีออกจากวงแขนที่คร่อมยันผนังอยู่ "จะหนีไปไหน" ถึงจะหลงกลแต่ระดับความเร็วของเขาก็ต่างกันอยู่ดี เรียวแขนแกร่งรวบเอวเหนือฟ้าแล้วรั้งให้หันกลับมาปะทะกับตัวของเขา คราวนี้ภาคีใช้แขนสองข้างรัดตัวเธอไม่ต่างกับงูเหลือมเพศผู้ "พี่คีชอบใช้กำลัง" บ่นอุบอิบทำแก้มป่องจนอยากก้มลงฟัดให้ช้ำกันไปข้างนึง "เปล่านะ พี่ไม่ได้ชอบใ
อีกวันเดียวครอบครัวเวหะชลการก็จะเดินทางกลับกรุงเทพ ภาคีจึงมายืนดักรอเหนือฟ้าหลังเธอกินมื้อเช้ากับครอบครัวเสร็จ วันนี้เหนือฟ้าใส่ชุดเอี๊ยมกางเกงขายาวสวมหมวกปีกกว้าง มองเผิน ๆ ดูน่ารักเหมือนสาวชาวไร่ ขณะที่เธอกำลังเดินมาถึงตัวเขามากขึ้นเรื่อย ๆ หนุ่มผมยาวตัดสินใจคุกเข่าลงตรงหน้า "เหนือเป็นแฟนกับพี่นะ" ทั้งพ่อแม่พี่สาว ทุกคนมองเธอเป็นตาเดียวกันแล้วรีบซอยเท้าเดินหนีไปจากตรงนั้นเพื่อให้เธออยู่กับเขาสองคน "พี่คีอ่ะ...ลุกเถอะค่ะเหนืออาย" "ไม่ลุก จนกว่าเหนือจะตกลง" "ก็ได้ค่ะ เหนือจะเป็นแฟนกับพี่คี" สาวอวบอมยิ้มแล้วฉุดแขนภาคีขึ้นมา "นี่ดอกไม้ที่พี่ปลูกเอง" ดอกไม้สารพัดสายพันธุ์ช่อใหญ่อยู่ในมือของเขา เหนือฟ้ารีบดึงช่อดอกไม้ดังกล่าวมาอย่างว่องไว พราะไม่อยากยืนเป็นเป้าสายตาของใครต่อใคร "ขอบคุณค่ะ" "พรุ่งนี้จะกลับกรุงเทพแล้วใช่ไหม พี่แวะไปหาได้เปล่า" "เหนือปิดเทอมแค่สองอาทิตย์ก็ต้องกลับไปเรียนต่อแล้วค่ะ พี่คีจะไปหาก็ไปหาที่บ้านแทนได้ไหม คือเหนือไม่อยากให้คนอื่น ๆ นินทาพี่คี" "ใครเขาจะพูดอะไรก็ปล่อยให้พูดไปสิ พี่ไม่แคร์" ความจริงแล้วเธอหวงเขาต่างหากไม่อยากให้ใครเ
นิสิตสาวเดินลงมาจากตึกคณะโบกมือลาเพื่อน ๆ ในกลุ่มจากนั้นตรงไปที่ร้านน้ำปั่นเจ้าโปรดเพื่อสั่งข้าวโพดนมสดปั่น แต่ขาเจ้ากรรมกลับสะดุดกึก เพราะห่างจากเธอไม่กี่เมตรคือ สารถีรูปหล่อสุดฮ็อตที่กำลังยืนกินหม่าล่าอยู่ข้าง ๆ ร้านน้ำปั่น โดยที่รอบตัวเขามีแต่นักศึกษาชายหญิงที่กำลังยืนห้อมล้อมราวกับพบดาราดัง "ทั้งหมดเท่าไหร่ครับ ผมขอแสกนจ่ายนะ" ภาคีล้วงหาโทรศัพท์เพื่อแสกนจ่าย แต่ทันใดนั้นดาวมหาลัยอย่างลินินก็เสนอตัวด้วยการยื่นแบงค์พันส่งให้ชายหนุ่ม"หนึ่งร้อยบาทจ้ะพ่อหนุ่ม นี่จ้ะ" ป้าแม่ค้าบอกพลางหยิบคิวอาร์โค้ดให้ลูกค้าหนุ่มแสกนจ่าย"เดี๋ยวลิเลี้ยงมื้อนี้เองค่ะ" นิสิตคนสวยกล่าวด้วยท่าทางมั่นอกมั่นใจ เหนือฟ้าที่ยืนมองดูอยู่นั้นได้แต่ลอบถอนหายใจอย่างเซ็ง ๆ แล้วรีบยกกระเป๋าปิดหน้าเดินไปสั่งน้ำข้าวโพดแก้วโปรดโดยไม่สนใจภาคี"ไม่เป็นไรครับ ผมมีเงิน" ภาคีตัดบทแล้วหยิบโทรศัพท์มาแสกนจ่าย สายตาที่เขาตวัดมองลินินนั้นดูเย็นชาและแฝงด้วยความน่ากลัว โชคดีที่เธอแชตมาสั่งมาน้ำปั่นกับแม่ค้าก่อน พอไปถึงก็ได้รับน้ำข้าวโพดปั่นกลิ่นหอมพอดี ทำให้เธอสามารถหลบหลีกการปะทะกับผู้ห
เหนือฟ้านั่งบิดขี้เกียจอยู่ใต้โคมไฟสีส้มสลัว ดวงตากลมเริ่มพร่าเลือนจนภาคีที่กำลังจัดวางกับข้าวถึงต้องชะเง้อคอมองดูด้วยความกังวล "เสร็จแล้วครับ มากินได้เลย" หนุ่มมาดเซอร์ในชุดผ้ากันเปื้อนมัดจุกรวบเก็บผมไว้ครึ่งหัวเดินมาตามนิสิตแสนขยันในห้อง สาวอวบกลั้นยิ้มเพราะเธอโคตรโชคดีที่ได้เห็นหนุ่มฮ็อตขวัญใจสาวค่อนประเทศในสภาพพ่อบ้านกล้ามโต "รับทราบค่ะ" เหนือฟ้าเดินตรงไปที่โต๊ะกินข้าว มองข้าวซอยไก่ชามใหญ่และน้ำข้าวโพดปั่นนมสดฮอกไกโดกลิ่นหอมสองชุด ภาคีนั่งลงฝั่งตรงข้าม แล้วรินน้ำเปล่าเพิ่มให้เธออีกหนึ่งแก้ว ทำไมเขาช่างดีกับเธอมากมายขนาดนี้ ทั้งที่เธอทำตัวเย็นชากับเขาสารพัด แต่เขาก็ไม่โกรธเลยสักครั้ง "พี่คีทำอาหารน่ากินจัง" เหนือฟ้าบอกแล้วตักข้าวซอยไก่ร้อน ๆ คำแรกใส่ปาก ดวงตากลมถลึงมองเมนูดังกล่าวในชามตัวเอง แล้วเริ่มจ้วงกินคำใหญ่อย่างลืมตัว จนพ่อครัวหัวเราะร่วน "อร่อยใช่ไหม กินเยอะ ๆ นะเดี๋ยวจะผอมไป" เขาแซว "อร่อยมากค่ะ ไก่ก็เปื่อยมาก น้ำซุปก็จัดจ้าน กดไลก์ให้เลย" เหนือฟ้าฉีกยิ้มเคี้ยวแก้มตุ่ย ภาคีรู้สึกภูมิใจที่ทำให้สาวที่เขาลงท
เมื่อคืนเหนือฟ้านอนไม่ค่อยหลับเพราะอดคิดไม่ตกเรื่องที่เขาบอกมีแพลนจะเดินทางเร็ว ๆ นี้ วันนี้ก็เลยตื่นตั้งตีห้าครึ่ง ทั้งที่มีคาบเรียนแรกตอนแปดโมงเช้า นิสิตสาวอาบน้ำแต่งตัวมองหาชุดนักศึกษาที่เธอแขวนไว้กับตู้ กะว่าจะขอเตารีดของภาคีมาใช้รีดชุดตอนเช้า ทว่าชุดของเธอกลับไม่ได้แขวนไว้ที่เดิม เพราะมันถูกแขวนไว้ที่โต๊ะยืนรีดผ้ายิ่งไปกว่านั้นทั้งเสื้อและกระโปรงของเธอก็ถูกรีดจนเนี๊ยบไม่มีรอยยับรอยพับใด ๆ"ฝีมือพี่คีเหรอ" หญิงสาวพูดพึมพำพลางหยิบชุดนักศึกษามาใส่ แล้วคิดว่าจะทำมื้อเช้าให้เขารับประทาน เขาจะได้รู้ว่าเธอเองก็มีเสน่ห์ปลายจวักอยู่เหมือนกันผ่านไปเพียงสิบกว่านาทีไข่กระทะกับนมจืดก็ถูกเสิร์ฟบนโต๊ะกินข้าว แต่รอจนหกโมงครึ่งภาคีก็ยังไม่ตื่น เหนือฟ้าจึงเดินไปเคาะห้องทำงาน"พี่คีคะ พี่คีตื่นหรือยัง"เพราะเขาไม่ตอบเธอจึงค่อย ๆ บิดกลอนประตูเข้าไปแล้วเดินให้เงียบที่สุด แต่พอเห็นว่าเขานอนหลับฟุบอยู่หน้าจอคอม จึงเข้าใจว่าทำไมเขาถึงยังไม่ตื่น เหนือฟ้าหยุดที่หน้าจอคอม มองดูบางสิ่งที่เขาทำค้างไว้ ผลปรากฏว่ามันคือเอกสารภาษาญี่ปุ่นล้วน ๆ ซึ่งเธออ่านไม่ออกเลยสักตัว"พี่คี เหนือมาปลุกไปกินมื้อเช้าค่ะ"
เหนือฟ้านอนร้องไห้ตาบวมจนถึงสามทุ่ม จึงลุกเดินไปอาบน้ำแล้วกลับมาอ่านชีตสรุปสำหรับการสอบเก็บคะแนนในสัปดาห์หน้า"เหนือ พี่จะเอาเสื้อผ้าไปซักให้ เปิดประตูให้พี่หน่อยครับ"คนด้านในแง้มประตูออกเพียงเล็กน้อย "เหนือซักเองได้ค่ะ พี่คีป่วยอยู่ก็ไปพักเถอะ"จังหวะที่กำลังจะปิดประตู ภาคีสังเกตเห็นดวงตาที่บวมช้ำ เขาจึงจับขอบประตูไว้ไม่ให้เหนือฟ้าปิด "เป็นอะไรรึเปล่า""ไม่ได้เป็นอะไรค่ะ เหนือจะอ่านหนังสือสอบ" เหนือฟ้าพยายามดึงประตูที่ภาคีกำลังง้างออก แต่ด้วยสู้แรงคนตัวใหญ่กว่าไม่ได้ สุดท้ายจึงต้องยอมให้เขาเปิดประตูเข้ามาคนที่กำลังเสียใจรีบเดินหนีไปโต๊ะทรงกลมริมหน้าต่างห้องนอน พยายามกลั้นน้ำตาไม่ให้ไหล "เหนือ หันมาหาพี่หน่อย""พี่คีจะไปญี่ปุ่นเหรอคะ"ภาคีอึ้งคิ้วเข้มขมวดเข้ามากัน นึกย้อนไปถึงตอนที่เขาให้เธอไปหยิบยาในลิ้นชัก สงสัยคงจะไปเจอเอกสารมหาลัยที่ญี่ปุ่นกับพาสปอตที่เขาแอบเก็บไว้"ใช่ พี่จะไปเรียนต่อปริญญาโทที่นั่น""แล้วพี่คีคิดจะบอกเหนือเมื่อไหร่ หรือคิดจะบอกตอนที่เหนือถลำลึกไปมากกว่านี้" เหนือฟ้าเถียงเสียงสั่นพยายามเดินหนีไปที่อื่นไม่ให้เขาเห็น ภาคีรีบเดินไปดักหน้า ทำให้พบว่าดวงหน้าจิ้มลิ้ม
เช้าวันต่อมาหลังจบงานประกวดนางนพมาศ"เย้เย้ ชาหลองกั๋นตกกันเต๊อะ" นิ่มฟ้ากระโดดโลดเต้นวิ่งวนไปรอบตัวมะแป่มกับยายนับเก้าหลังจากที่กรรมการประกาศว่าผู้ชนะการประกวดนางนพมาศรุ่นน้อยและรุ่นใหญ่ปีนี้ได้แก่ตัวแทนจากไร่พิทักษ์มหิงสา เด็กหญิงก็ดีใจออกนอกหน้าประหนึ่งว่าตัวเองเป็นผู้เข้าแข่งขัน"จะกิ๋นหยั่งอีก" หม่อมเจ้าภูวสินทักหลานสาวขณะที่กำลังช่วยลูกชายจัดโต๊ะเพื่อฉลองให้กับชัยชนะของนพมาศสองรุ่น"กิ๋นกั๋นตกไงจ้าว ป้ออุ้ยบ่เคยกิ๋นก่อ" เด็กหญิงเดินไปถามปู่ใกล้ ๆ"ปู่กินขันโตกประจำ ปู่เป็นหนุ่มเหนือเน้อ" คุณปู่ยังหนุ่มอุ้มหลานสาวขึ้นมานั่งในวงแขนแกร่ง"นิ่มฟ้าคะมาอาบน้ำได้แล้วค่ะ น้ำกำลังอุ่นเลย" เหนือฟ้าทำน้ำสมุนไพรด้วยการต้มใบมะขามและหอมแดงบุบซึ่งเธอมักจะใช้วิธีนี้เป็นประจำทุกครั้งที่ลูก ๆ เป็นไข้หวัดมะแป่มอาบน้ำเปลี่ยนเป็นชุดเอี๊ยมประโปรงสีฟ้าออกมานั่งแกว่งขารออยู่บนเก้าอี้ตัวยาว ส่วนน่านฟ้ากับบะแต๋งกำลังช่วยปู่ย่าตายายหิ้วตะกร้าผักและเครื่องเคียงออกมาจากในครัวของบ้านแฝดหญิงที่เพิ่งอาบน้ำอาบท่าเสร็จจึงเดินกระโดดดึ๋ง ๆ ออกมาพร้อมกับแพะใส่เสื้อผ้าสองตัว บะแปปกับบะแว้งวิ่งไปทั่วรอบรั้วหน้าบ้าน
ถึงช่วงการประกวดนางนพมาศน้อยและนางนพมาศใหญ่ เมื่อพิธีกรในงานประกาศรายชื่อผู้เข้าแข่งขันซึ่งเป็นตัวแทนจนมาถึงรายชื่อของมะแป่มกับครูนับเก้า สาวงามในชุดไทยต่างรุ่นจึงเดินเยื้องย่างออกมาด้วยท่าทางงดงาม"นางนพมาศน้อยและนางนพมาศรุ่นใหญ่ตัวแทนจากไร่พิทักษ์มหิงสา เด็กหญิงวาริชา มหาจันทร์ น้องมะแป่มอายุสี่ขวบควงคู่มากับคุณทวดนับเก้า.." พิธีกรหนุ่มไม่ทันพูดจบ"ฉันสวยขนาดนี้เป็นทวดเลยเหรอ ฉันคุณยายจ้ะ แค่คุณยาย" ครูนับเก้ารีบสวนกลับว่าตนเป็นยายไม่ใช่ทวด"ขอ ขอประทานโทษครับ" พิธีกรหนุ่มยิ้มเจื่อน "งั้นขอเชิญผู้ประกวดรุ่นใหญ่รุ่นเล็กแนะนำตัวสักเล็กน้อยครับ" ไมค์อันเล็กถูกยื่นมาให้มะแป่มเป็นคนแรก เด็กหญิงมือสั่นเล็กน้อยแต่พอเห็นพี่น่านฟ้าชูสองนิ้วสู้ตายมาให้ ความหวาดหวั่นในหัวใจนั้นแปรเปลี่ยนเป็นความกล้าหาญทันที"ซาวัดดีค่า หนูชื่อเด็กหญิงวายิชา ม๋าชัน ชื่อเย่นว่ามาแพ่ม อยู่อายุบานหยึ่งโรงเรียนอายุบานเวหะโชนยะกาน วันนี้หนูไม่ได้มาเย่น ๆ เพราะหนูมาเอาต้วยยางวันไปฝากปู้จายค่า""ว้ายตาเถร! ที่ซ้อมกันมามันไม่ใช่แบบนี้นี่ลูก" ครูนับเก้ายกมือปิดปาก แต่ผู้ชมด้านล่างกับปรบมือกรี๊ดกร๊าดชอบอกชอบใจกันยกใหญ่ แ
มะแป่มไม่สามารถอยู่เชียร์นิ่มฟ้ากับน่านฟ้าได้จนจบ เพราะหนูน้อยต้องไปเตรียมตัวประกวดนางนพมาศที่จะเริ่มจัดช่วงเย็นจนถึงมืด แซมมี่จึงพาลูกสาวกลับไปแต่งหน้าแต่งตัวที่บ้าน โดยมียายนับเก้าช่วยทำผมเพราะสาวใหญ่ก็ลงประกวดคู่กับมะแป่มเป็นนพมาศรุ่นใหญ่กับรุ่นเด็กที่จะต้องเดินจับมือขึ้นเวทีพร้อมกันปีนี้ภาคีเข้าประชุมกับหน่วยงานท้องถิ่นออกและเสนอไอเดียให้มีกิจกรรมสร้างสรรค์แปลกใหม่ และห้ามให้มีการจุดพลุในไร่และพื้นที่โดยรอบ เพื่อป้องการสิงสาราสัตว์ในไร่แตกตื่น นอกจากนี้ยังห้ามให้มีการลอยกระทงใบตอง มีแต่การลอยกระทงด้วยผักและขนมปังเพื่อลดมลพิษและขยะที่ก่อให้เกิดน้ำเน่าเสียและส่งผลกระทบกับสัตว์น้ำแต่กระนั้นกิจกรรมเช่น การแสดงดนตรีสด เครื่องเล่นต่างที่มาให้บริการในไร่ก็ยังคงมีอยู่ รวมทั้งการประกวดต่าง ๆ เพื่อเพิ่มอรรถรสให้กับคนในงานและชุมชนก็ยังคงมีต่อไปเสร็จสิ้นการแข่งตอบชื่อผักและสมุนไพรนิ่มฟ้ากับน่านฟ้าก็แทบหมดเรี่ยวแรง เพราะแฝดพี่น้องต้องใช้สมองขบคิดค่อนข้างเยอะ ถึงขนาดนิ่มฟ้าที่มัดผมสวยเกาหัวยุ่งจนเป็นยัยเพิ้ง"ปีหน้านิ่งบ่เอาแล้ว นิ่งไม่แก่งอารัยทั้งนั้น อิดขนาด นิ่งอยากขี่ฟายแก่งมากฟ่า" นิ่ม
ช่วงบ่ายนิ่มฟ้าและน่านฟ้าไปเตรียมตัวแข่งขันตอบชื่อผักและสมุนไพรพื้นบ้านโดยมีทุกคนตามไปให้กำลังใจ เด็กทั้งสองเปลี่ยนเป็นชุดหม้อฮ้อมสวมงอบชาวนาให้เข้ากับกติกาเครื่องแต่งกายที่กรรมการตั้งเงื่อนไขถึงแม้นี่จะเป็นโพรเจกต์แรกของโรงเรียนอนุบาลเวหะชลการที่นำโดยกรรมการบริหารอย่างครูนับเก้าเป็นคนไอเดีย แต่ทั้งผอ.ทัพฟ้าที่เป็นผู้บริหารสูงสุดและภรรยากับเลือกที่จะไม่ขอเป็นกรรมการตัดสิน เพื่อให้ไม่เกิดข้อครหาและการซุบซิบนินทาในภายหลัง"เสร็จแล้วค่ะ เดี๋ยวอีกสามสิบนาทีก็แข่งแล้วหนูจะกินข้าวกินอะไรก่อนไหมแม่จะไปซื้อมาให้" เหนือฟ้ามัดผมของนิ่มฟ้าสองข้างแล้วใช้ยางหลากสีสันมัดเป็นข้อเล็ก ๆ แล้วหยิบกระจกให้ลูกสาวส่องดูทรงผม"โค๊ะ! กนอารัยงามย่มเมือง" นิ่มฟ้ากะพริบตาวิบวับใส่กระจกในมือแม่"ไม่ค่อยจะอวยตัวเองเลยเนอะลูกฉัน แล้วสรุปจะกินอะไรไหม""กิ๋นสิจ้าว แต่นิ่งอยากทายิปฉีจุมออนแบบอี่แม่ นิ่งทาได้ก่อ" นิ่มฟ้าจิ้มไปที่ริมฝีปากบางเล็กของเหนือฟ้า"ได้สิคะ แต่แม่จะทาแบบลิปมันวาว ๆ ให้จะได้บำรุงริมฝีปากด้วย" เหนือฟ้าล้วงลิปกลอสแท่งออกมาจากกระเป๋าสะพายข้างแล้วบรรจงละเลงบนปากลูกสาว "เสร็จแล้วค่ะ ส่องกระจกดูสิ"น
ถึงวันแข่งตอบชื่อผักและสมุนไพรพื้นบ้านของนิ่มฟ้าและน่านฟ้า แต่ช่วงเช้าทุกคนรวมตัวไปให้กำลังใจบะแต๋งทำภารกิจแสดงควายร่วมกับหุยหุยพร้อมกับพ่อและตาสำรวยก่อนที่จะไปเชียร์คู่แฝดในรอบบ่าย และรอบเย็นจะเป็นการประกวดนพมาศน้อยในโดมลานการแสดงประจำไร่พิทักษ์มหิงสาซึ่งชุดการแสดงรอบแรกนี้จะถูกเปิดตัวโดยเจ้าภาพจัดงาน และตามมาด้วยการแสดงของฟาร์มควายแคระอีกหลากหลายจังหวัดที่เข้าร่วมด้วยนับสิบรายบนที่นั่งสูงไล่ระดับสองฝั่งซ้ายขวามีป้ายไวนิลสกรีนรูปหุยหุยกับบะแต๋งคู่กัน เมื่อภาคีในชุดผ้าฝ้ายล้านนาพื้นเมืองประยุกต์สีกรมคอจีน และกาเกงผ้าฝ้ายขายาวเข้าคู่กัน โพกผ้าสีขาวสไตล์หนุ่มเหนือ เดินนำทีมจูงพ่อสะเดาควายแคระเผือกเข้ามาในลานการแสดง แถวกลางเป็นหุยหุยลูกของมันพร้อมกับบะแต๋งพี้เลี้ยงคนสนิท ท้ายแถวเป็นแม่บะผางที่จูงโดยตาสำรวยคนคุมควายประจำไร่เมื่อทั้งสามยืนเรียงแถวหน้ากระดานพร้อมกับควายประจำตัวของตน เสียงกรี๊ดกร๊าดละม้ายเหนือฟ้านิ่มฟ้าดังขึ้นแซงหน้าเสียงชาวบ้านที่นั่งชมการแสดงอยู่ฝั่งตรงข้าม"กรี๊ดดด ปาขี้อ้ายแท๋งตาฉำกวย หย่อขนาด หย่อตี้ฉุดในนายกเวจี" นิ่มฟ้าใส่ชุดไทยล้านนาเสื้อผ้าฝ้ายสีชมพูโอรสสวมผ้าซิ่
ช่วงเช้าภาคีสอนลูก ๆ คัดแยกผักพื้นบ้าน สมุนไพรเกือบสามชั่วโมงเต็มแล้วไปสอนบะแต๋งกับหุยหุยเรื่องงานแสดงโชว์ควายแคระประจำไร่ โชคดีที่บะแต๋งคอยฝึกซ้อมกับตาสำรวยและอินเหลาอยู่เป็นประจำ ทำให้หุยหุยฟังคำสั่งเข้าใจ"เดี๋ยวนิ่มกับน่านอยู่บ้านกับป้ออุ้ยแม่อุ้ยนะครับ ป้อจะพาแม่ไปฝากครรภ์ครับ""ปาขี้ฉื้อหนมมาฝากนิ่งกับน่านโตยเน้อ หนุนน้อยเพย์เงินให้ป้อนะ ป้อจะได้มีเงินฉื้อหนม" นิ่มฟ้าตบลงบนก้นแม่"อะไรกันคะ ทำไมแม่ต้องเป็นคนเปย์ ป้อหนูก็มีเงิน" เหนือฟ้าค้อนตาใส่ลูกกับสามี"แต่น่านเห็นแม่เข็บเงินป้อไว้ในตู้เชฟเน้อ" น่านฟ้าชี้ขึ้นไปบนบ้าน"หนูเห็นตอนไหนครับน่านฟ้า หนูอาจจะฝันไปก็ได้" คุณแม่ปฏิเสธทั้งที่เธอเรื่องเก็บเงินของสามีไว้ในตู้เซฟคือเรื่องจริง"เห็นตาหยอดเลย" เด็กชายแหกตาตัวเองให้แม่ดู"ป้อ อี่แม่แต๋งเสร็จแล้ว" ไม่มีครั้งไหนที่แม่ไปโรงพยาบาลแล้วจะไร้เงาลูกชายคนนี้ เพราะเรื่องที่แม่เคยแท้งน้องไปมันยังฝังในใจของบะแต๋งอยู่เสมอ เด็กชายจึงกลัวว่าแม่จะเป็นอะไรไป จึงพยายามเกาะติดแม่ทุกฝีก้าวเพื่อคอยดูแลแม่ให้ดีที่สุด"แย้วอะหยังน่านเติงไปกับหนุนฟ้าบ่ได้ น่านอยากไปดูหมอฉวย ๆ ที่โฮงยา" เด็กชายตัวน้อ
"หนุนเหนือตึ่งได้แล้วจ้าว" นิ่มฟ้าเขย่าตัวแม่แล้วหันไปเขย่าพ่อต่อ "ป้อขี้ตื่ง นิ่งอยากปิ๊กเฮือน นิ่งกึ๊ดเติงหาอ้ายแท๋งกับน่าน"เหนือฟ้ากับภาคีลุกพร้อมกับยืดเส้นยืดสายกะพริบตาปริบ ๆ มองดูลูกสาวที่ตื่นแต่เช้าตั้งแต่พระอาทิตย์ยังไม่ขึ้น"ยังตีห้าอยู่เลยลูก ทำไมรีบตื่นจังคะ" คุณแม่เอื้อมมือกดเปิดสวิตซ์ไฟ นิ่มฟ้าจึงกระเถิบตัวลงจากเตียงไปหยิบผ้าขนหนูลายการ์ตูนของตนแล้วเดินเข้าห้องน้ำ"นิ่งฉันยากับน้องว่าชาซ้อมแก่ง นิ่งท่องไปให้ทงเวยา" เด็กหญิงแสนรู้เดินสับเท้าตรงไปยังซิงค์ล้างหน้า ดันเก้าอี้ตัวสั้นก้าวขึ้นไปยืนส่องกระจกยิ้มหวานสะบัดผมชื่นชมความงามของตนเอง "ต๊าย กนอายัยงามเฟ่อร์""ฮึ ๆ" ภาคีหัวเราะในลำคอเพราะลูกสาวมีท่าทางมั่นอกมั่นใจเกินวัย"พี่คีหัวเราะอะไรคะ" เหนือฟ้าเดินไปเปิดตู้เย็นหยิบน้ำออกมาดื่ม"ก็ลูกดูเป็นเด็กที่พกความมั่นใจเกินร้อย ผิดกับเหนือที่ขาดความมั่นใจ" เขาบอกแล้วเปรียบเทียบเธอกับลูกให้ฟัง"เหนือแค่ไม่มั่นใจในรูปร่างตัวเอง แต่อย่างอื่นก็มั่นใจหมดนะ โดยเฉพาะเรื่องพี่คี" เจ้าของหุ่นเจ้าเนื้อคลานสี่ขาแล้วขึ้นคร่อมเอวสามีต่อหน้านิ่มฟ้าที่กำลังยืนแปรงฟัน"อี่แม่จะปาสมปันก๊ะ คิก ๆ
"โอ้ หัวใจ๋แหลวแหล้ะแหลวแล่น โอ้ อะหยังปี้ทำย้ายใจ๋น้องแหลวแฝ้ะแหลวแฟ่น" เด็กหญิงร้องเพลงขณะที่แม่กำลังใช้หวีสางผมหยักศกสีดำขลับ"เพลงอะไรของหนูคะนิ่มฟ้า แม่ไม่เคยได้ยินมาก่อน" เหนือฟ้าถามแล้วประแป้งบาง ๆ บนหน้านิ่มฟ้า"นิ่งแต่งเองจ้าว เพลงของนิ่งม่วนอ๋กม่วนใจ๋ดีก่อ" เด็กหญิงในชุดกระโปรงลายนกฟลามิงโก้สีชมพูเอี้ยวตัวไปถามแม่"ม่วนอ๋กม่วนใจ๋ขนาดจ้าว" ตอบด้วยรอยยิ้มยกมือบีบแก้มป่องของลูกทั้งสองข้างอย่างมันเขี้ยว"แล้วป้อทำหยังอยู่จ้าว" หนูน้อยฉงนทำหน้ามึนงงเพราะเห็นพ่อกำลังซิทอัพอยู่นอกระเบียงสาวอวบชะโงกหน้าดูครุ่นคิดถึงเหตุการณ์เมื่อหลายนาทีก่อนที่เธอแกล้งอ่อยสามีให้ตบะแตก "สงสัยป้อจะแข็ง""แข็งกือหยัง อะหยังแข็งก๊ะ" มือเล็กสะกิดถามแม่"อ้อ แม่หมายถึงแข็งแรงจ้ะ ฮ่าฮ่า" เกือบหลุดบอกลูกในสิ่งที่ไม่ควรพูดไปซะแล้ว ขืนหลุดบอกไปว่าควายน้อยของพ่อแข็ง มีหวังต้อนถามยันสว่างแน่เลยนิ่มฟ้ากระดึ๊บตัวลงจากเตียงเดินไปรื้อถุงของเล่นและเครื่องสำอางเด็กและอุปกรณ์แต่งตัวที่ย่าต่ายซื้อให้ออกมาวางทีละชิ้น หนูน้อยหันไปพิจารณาแม่ แล้วส่ายหัวเล็กน้อยก่อนจะเปลี่ยนเป้าหมายไปยังพ่อที่กำลังออกกำลังกายอย่างแข็งขั
ระหว่างรอสามีอาบน้ำเหนือฟ้ารู้สึกหิวจนคลื่นไส้จึงตัดสินใจสั่งอาหารจากภัตตาคารชุดใหญ่ให้มาเสริฟ์ยังวิลล่าของไร่ ภาคีที่ผิวปากอารมณ์ดีออกมาในสภาพผ้าขนหนูพันรอบเอวผืนสั้นจนเห็นขาอ่อนขาวจั๊วะชะงักงันเล็กน้อย เพราะกลัวพวกพนักงานเห็นตนอยู่ในชุดเกือบเปลือยหลังจากคนที่ภัตตาคารทยอยออกไปจากวิลล่า พ่อเลี้ยงหนุ่มจึงย่องออกไปหาภรรยาช้า ๆ ที่ระเบียงห้องริมสระว่ายน้ำ"หนุนน้อยสั่งอะไรมาเยอะแยะเลย หิวมากเลยเหรอ" เขายืนพิงต้นกล้วยไม้ทั้งที่ทั้งเนื้อตัวมีเพียงผ้าขนหนู"หิวขนาดค่ะ ก็พี่คีมัวแต่ขัดอะไรอยู่ในห้องน้ำตั้งนาน เหนือรอไม่ไหวก็เลยโทรสั่ง แต่เหนือสั่งของโปรดพี่คีมาด้วย""ไหนบอกมาสิว่าพี่ชอบอะไร" เขาสาวเท้าเข้ามาแล้วกอดไหล่เธอจากด้านหลังเกยคางแนบบ่า"พี่คีควรไปใส่เสื้อผ้าก่อนนะคะ ถึงนี่จะเป็นวิลล่าส่วนตัวแต่พี่คีก็ไม่ควรมาเดินนุ่งผ้าขนหนูโชว์ตัวแบบนี้" เหนือฟ้าบ่นอุบอิบแล้วตักแกงคั่วเห็ดถอบใส่ปาก"คืนนี้กะว่าจะไม่ใส่" เขายังคงหยอกย้อนกวนประสาท"ถ้างั้นเหนือจะเดินแก้ผ้าบ้างดีไหมคะ" นัยน์ตากลมมองขวางอย่างเอาเรื่อง"โอเคครับ อย่าแก้นะคนดี เดี๋ยวพี่จะขับรถกลับไปเอาเสื้อผ้าก่อนเอาชุดนอนมาเผื่อเหนือด้