Share

-4-

last update Last Updated: 2025-03-05 10:43:57

รุ่งเช้าปิ่นมณีเดินไปด้อมๆ มองๆ อยู่ที่ร้านอาหารขนาดย่อมร้านหนึ่งที่ตั้งอยู่ตรงกลางโดยมีร้านขายดอกไม้และร้านขายยาขนาบอยู่สองข้างซ้ายขวา หน้าร้านสีขาวขนาดสองคูหาสองชั้นตกแต่งด้วยไม้ดอกจำพวกชวนชมหลากสีที่ตัดแต่งเป็นพุ่มสวยงาม ปิ่นมณีจ้องมองอย่างอดที่จะชื่นชมไม่ได้ หญิงสาวมองป้ายประกาศเล็กๆ ที่ติดอยู่บนกระจกหน้าร้านพลางเลยไปยังป้ายขนาดใหญ่ที่เขียนด้วยอักษรนูนสีทองว่า จิ๊กกี๋โภชนา’   อย่างใช้ความคิดสักพักก่อนจะตัดสินใจเปิดประตูกระจกเข้าไป

“ขอโทษนะคะคุณ ตอนนี้ร้านยังไม่เปิดให้บริการค่ะ” พนักงานสาวที่ไม่สวยเลยสักนิดหันมาบอกอย่างตกใจเมื่อเห็นปิ่นมณีเดินเข้ามาด้วยคิดว่าเป็นลูกค้า

“คือ…ฉะ…หนูมาสมัครงานค่ะ”

ปิ่นมณีพูดอย่างไม่มั่นใจนักว่าจะใช้คำสรรพนามเรียกตัวเองว่าอะไร สุดท้ายก็นึกขึ้นมาได้ว่าเธอกำลังปลอมตัวเป็นเด็กมาหางานพิเศษทำ จึงใช้คำเรียกตัวเองว่า หนู แทน ฉัน อย่างที่ตั้งใจไว้ในตอนแรก

“สมัครงานงั้นเหรอ” เมื่อรู้ว่าปิ่นมณีไม่ใช่แขก หญิงสาวคนเดิมจึงเปลี่ยนท่าทีการพูดในทันใด

“เธออายุเท่าไหร่”

“เอ่อ…17 จ้ะ” ปิ่นมณีตอบทันที เธอรู้สึกว่าอีกฝ่ายกำลังมองเธออย่างไม่ค่อยจะเชื่อนัก

“รอเดี๋ยวนะ จะไปตามเถ้าแก่เนี้ยมาให้”

“ขอบคุณจ้ะ”

ไม่นานนักหญิงที่ถูกเรียกว่าเถ้าแก่เนี้ยก็ปรากฏกายขึ้น เธอเป็นหญิงวัยกลางคน ผมหยิกหยองที่จัดตกแต่งทรงได้อย่างไม่มีที่ตินั้นทำให้ปิ่นมณีนึกถึงบรรดาพวกภริยาของนักการเมืองระดับสูงเวลาออกงานสังคม ใบหน้าอวบอูมนั้นดูมีสง่าราศีสมกับเป็นเศรษฐีนีคนหนึ่งทีเดียว ปิ่นมณียกมือไหว้อย่างมีมารยาทพลางนึกถึงป้าไฝหัวฟูเจ้าของตึกที่เธอเช่าอยู่อย่างนึกขัน ทำไมพวกเศรษฐีนีถึงได้มีลักษณะเหมือนกันแบบนี้นะ

“ไหว้พระเถอะ” เถ้าแก่เนี้ยรับไหว้พลางทักทายด้วยสำเนียงลูกครึ่งจีนแผ่นดินใหญ่

“นั่งลงสิ”

“คือ…หนูเห็นป้ายรับสมัครพนักงานเสิร์ฟอยู่หน้าร้านน่ะค่ะ ก็เลยสนใจอยากมาสมัคร” ปิ่นมณีพูดขึ้นหลังทรุดตัวลงนั่งบนเก้าอี้ตามคำบอก หญิงสาวพยายามทำท่าทางให้ดูเด็กที่สุดเท่าที่จะทำได้ พลางคิดว่าตนเองคงดูไม่แก่เกินไปนัก

“ชื่ออะไรล่ะเรา”

“ปะ…ปิ่น เอ่อ…โบตั๋นค่ะ”

“อายุเท่าไหร่แล้วล่ะ”

“17 ค่ะ”

“อืม…เด็กสมัยนี้โตเร็วกันจริงจริ้ง อายุไม่เท่าไหร่ก็ดูเป็นผู้ใหญ่เสียแล้ว”

เถ้าแก่เนี้ยพูดไปเรื่อยเปื่อยตามประสา โดยไม่ทันได้สังเกตเลยว่าคนฟังเริ่มเบ้ปากอย่างไม่ค่อยพอใจนัก เพราะคิดว่าอีกฝ่ายกำลังแดกดันเธอ

pก็แน่ล่ะ จะไม่ให้โตได้ยังไง ปีนี้ฉันน่ะ 23 ย่าง 24 แล้วต่างหาก”

“หนูว่าอะไรนะ” เถ้าแก่เนี้ยหันมาถามเพราะได้ยินไม่ค่อยถนัดนัก ปิ่นมณีรีบแก้ตัวทันที

“เอ่อ…คือ…หนูบอกว่าหนูมีพี่คนนึงอายุ 23 น่ะค่ะ”

“งั้นเหรอ! แล้วหนูมาจากไหนล่ะ”

“หนูเพิ่งมาจากต่างจังหวัด…เพชรบุรีน่ะค่ะ เพิ่งเข้ามาเรียนม.ปลายปีแรก ตอนนี้เป็นช่วงปิดเทอมก็เลยตั้งใจมาทำงานหารายได้พิเศษจ่ายค่าเทอม”

“อื้ม…ที่นี่เองก็ขาดเด็กเสิร์ฟอยู่เหมือนกัน คนเก่าก็อายุประมาณหนูนี่แหละ ทำงานได้ไม่กี่เดือนก็มาขอลาออก บอกว่าจะไปแต่งงาน ได้หนูมาคงช่วยงานได้มาก”

“เอ่อ…แต่ว่า…หนูคงทำได้แค่ชั่วคราวนะคะ” 

“เอาเถอะ! ชั่วคราวก็ยังดีกว่าไม่มี งานที่นี่ค่อนข้างหนัก รายได้วันละ 200 บาท ค่าทิปต่างหาก แต่เป็นทิปรวม และต้องทำทุกอย่าง ตั้งแต่เสิร์ฟ ทำความสะอาด ทุกๆ วันจันทร์ และวันศุกร์ก็ต้องผลัดเวรกันล้างห้องน้ำ แล้วก็อนุญาตให้ลาหยุดได้ถ้าจำเป็น ร้านจะหยุดทุกวันพุธ เปิดให้บริการตั้งแต่ 5 โมงเย็นถึง 3 ทุ่ม แต่หนูต้องมาทำงานตั้งแต่ 9 โมงเช้า มีอะไรจะถามอีกไหม”

“ไม่มีค่ะ” ปิ่นมณีตอบทั้งๆ ที่ยังไม่หายเบลอกับสิ่งที่เถ้าแก่เนี้ยร่ายยาวมาเป็นชุด

"หนูจะเริ่มงานได้เมื่อไหร่”

“เอ่อ…” ปิ่นมณีนั่งใช้ความคิดสักพัก “ขอเป็นพรุ่ง…” ยังไม่ทันได้พูดจบประโยค เถ้าแก่เนี้ยก็ชิงพูดขึ้นทันที

“เอาเป็นวันนี้เลยเป็นไง ไหนๆ ก็มาแล้ว แถมวันนี้เด็กก็ลาหยุดตั้ง 2 คน กำลังกลุ้มใจอยู่พอดี หนูมาจะได้ช่วยทำงานเล็กๆ น้อยๆ อย่างอื่นได้ เอาตามนี้นะ” เถ้าแก่เนี้ยไม่รอคำตอบรับหรือปฏิเสธจากหญิงสาว เพราะพูดเสร็จก็รีบไปหลังครัวทันที ทิ้งให้ปิ่นมณีนั่งทำหน้าเบ้อยู่คนเดียว

“นี่ฉันคิดผิดหรือเปล่าเนี่ย”

ไม่กี่อึดใจต่อมา ปิ่นมณีก็ถูกแนะนำให้รู้จักกับวราภรณ์ หัวหน้าพนักงานเสิร์ฟที่ทำหน้าที่เป็นเหมือนกับผู้ช่วยของเถ้าแก่เนี้ย เธอเป็นหญิงไม่สาวร่างบางตัวเล็กที่มารู้ทีหลังว่าโสดสนิทแถมเกาะคานทองนิเวศน์มาหลายปีดีดักจนอายุปาเข้าไปจวนจะห้าสิบอยู่รอมร่อ แถมยังเป็นคู่ทุกข์คู่ยากกับเถ้าแก่เนี้ยมาเนิ่นนาน ประมาณว่าเคยมีบุญคุณต่อกันเอาไว้ วราภรณ์แนะนำให้รู้จักกับหญิงสาวชื่ออ้อย ปิ่นมณีจำได้ว่าเป็นคนคนเดียวกับที่เธอเจอตอนที่เดินเข้าร้านมา อ้อยมองเธออย่างเหยียดๆ เพราะเห็นว่าเป็นเด็กใหม่และเด็กกว่าเธอมาก

“หนูคนนี้ชื่อโบตั๋น เพิ่งเริ่มงานวันนี้เป็นวันแรก ยังไงก็ฝากด้วยนะ หนูโบตั๋น…มีอะไรไม่เข้าใจก็ถามอ้อยเขาได้ อ้อยเขาอยู่ที่นี่มานาน ฉันไปก่อนนะ” วราภรณ์พูดทิ้งท้ายก่อนจะเดินไปจัดการกับงานที่ค้างไว้

“เคยทำงานแบบนี้มาก่อนหรือเปล่า” อ้อยเอ่ยถามแบบมะนาวไม่มีน้ำ

“ไม่เคยจ้ะ”&nbsp“งั้นก็จำเอาไว้ อยู่ที่นี่ห้ามขี้เกียจ ห้ามเกี่ยงงาน และที่สำคัญเธอต้องมีสัมมาคารวะโดยเฉพาะรุ่นพี่อย่างฉัน”

“จ้ะ! ฉันจะจำไว้”

ปิ่นมณีรับปากพลางคิดว่าพวกเด็กเสิร์ฟก็มีมาเฟียด้วยหรือเนี่ย ก่อนจะถอนหายใจอย่างปลงๆ เมื่อพอจะเดาออกว่าเธอจะต้องเจอกับอะไรต่อไปบ้าง

“เอาเถอะน่ายายปิ่น…อดทนเข้าไว้เพื่องาน…”

“เธอบ่นอะไรอยู่คนเดียวมาตั้งแต่เมื่อกี้แล้ว” อ้อยเอ็ดเสียงแข็งเมื่อเห็นปิ่นมณีทำปากขมุบขมิบอยู่คนเดียวเพราะเข้าใจว่าหญิงสาวกำลังไม่พอใจและคิดต่อต้านเธอ

“เปล่าจ้ะ…ว่าแต่พี่มีอะไรให้ฉันช่วยไหม”     

“มีสิ” อ้อยนิ่งไปสักพักก่อนจะยิ้มที่มุมปากอย่างคนนึกอะไรดีๆ ได้

“วันนี้คนเราขาดไปตั้งสองคน เธอช่วยไปล้างห้องน้ำแทนยายมะลิที่ลาหยุดวันนี้หน่อยสิ”

“ล้างห้องน้ำ!” ปิ่นมณีพูดย้ำอีกครั้งเพื่อความแน่ใจ แต่มันกลับดูเหมือนว่าเธอกำลังตะโกนเสียงดังด้วยความไม่พอใจเสียมากกว่า

“ทั้งห้องน้ำหญิงและห้องน้ำชายเลยนะ ตอนดึกๆ ลูกค้าร้านเราจะเยอะมาก คนจะใช้ห้องน้ำเยอะ เพราะงั้นมันเลยค่อนข้างจะสกปรกนิดหน่อย อุปกรณ์อยู่ในห้องเก็บของ เธอเข้าไปเอาเองก็แล้วกัน ฉันต้องไปทำงานอื่นต่อ” พูดเสร็จอ้อยก็เดินเชิดหน้าออกไป ทิ้งให้ปิ่นมณียืนทำหน้าเบ้เหมือนคนใกล้จะร้องไห้อยู่คนเดียว

หญิงสาวเข้ามาเปลี่ยนเครื่องแต่งตัวเป็นชุดทำความสะอาดที่หาได้จากห้องเก็บของเพราะกลัวชุดที่ใส่มาวันนี้จะเปื้อน พลางเตรียมอุปกรณ์ล้างห้องน้ำครบเซ็ทอันประกอบไปด้วยถังน้ำใบใหญ่ แปรงกาบมะพร้าวด้ามสั้นกระชับมือ น้ำยาล้างห้องน้ำสูตรเพอร์เฟ็กต์ขจัดคราบสกปรกภายในเสี้ยววินาที ถุงมือยาง และรองเท้าบูท ปิ่นมณียืนมองสภาพตัวเองผ่านเงาในกระจกห้องน้ำอย่างปลงตกพลางสูดหายใจลึกเพื่อเรียกกำลังใจก่อนจะเริ่มปฏิบัติการนางแจ๋ว

“แหวะ! เหม็นชะมัด”

ปิ่นมณีเริ่มต้นที่ห้องน้ำหญิงก่อน แม้จะเป็นห้องน้ำเล็กๆ แค่ห้องเดียวตามสไตล์ห้องน้ำในร้านอาหารก็ตาม แต่คราบเหลืองๆ ลื่นๆ ที่ปรากฏอยู่ตามซอกพื้น ซอกผนัง และโถส้วมก็ทำให้ปิ่นมณีคลื่นไส้แทบจะอ้วกออกมา แถมกลิ่นอันไม่พึงประสงค์ยังคลุ้งไปทั่วอีกต่างหาก

“ให้ตายเถอะ! ทำไมมันถึงได้สกปรกอย่างนี้นะ เป็นผู้หญิงแท้ๆ ใช้ห้องน้ำไม่ระวังกันเล้ย” ปิ่นมณีบ่นขณะที่เอามือหนึ่งบีบจมูกเอาไว้ ส่วนอีกมือก็เอาแปรงขัดๆ ถูๆ อย่างขยะแขยง เธอหลับหูหลับตาเอาน้ำยาล้างห้องน้ำเทไปจนทั่วห้อง แล้วก็หลับตาเอามือถูๆ ก่อนจะราดน้ำโครมใหญ่

“เฮ้อ! ค่อยยังชั่วหน่อย หายใจแทบไม่ออก”

ปิ่นมณีรีบวิ่งออกมาหอบหายใจหน้ากระจกทันที อาการของเธอในเวลานี้เหมือนคนใกล้จะขาดใจตายอยู่รอมร่อเพราะขาดอากาศหายใจ ระหว่างนั้นเธอก็ได้ยินเสียงหนึ่งดังขึ้นที่หน้าประตูห้องน้ำ เป็นเสียงทุ้มลึกของผู้ชาย

“เป็นอะไรมากไหม” 

ไม่มีเสียงตอบจากอีกฝ่าย

“แต่อาการเธอดูน่าเป็นห่วงนะ บอกเถ้าแก่เนี้ยขอลาหยุดสักวันดีกว่า” เสียงนั้นดังขึ้นอีกครั้ง

ยังคงไม่มีเสียงตอบจากอีกฝ่าย ปิ่นมณีเริ่มสงสัยและอยากรู้ว่าเจ้าของเสียงทุ้มลึกนี้คือใคร แต่แล้วก็นึกขึ้นมาได้ว่าอาจจะเป็นของคนที่เธอกำลังตามหาอยู่ก็ได้ เพราะเธอเองก็ยังไม่ได้เจอหน้าเชฟที่ชื่อพัลลภเลย

“หนูไม่เป็นอะไรมากหรอกค่ะ แค่หน้ามืดนิดหน่อย อีกอย่างถ้าหนูหยุด คนก็จะขาดอีก วันนี้ก็ลาหยุดไปแล้วตั้งสองคน”

“แต่เธอไม่สบาย เถ้าแก่เนี้ยคงเข้าใจ วันนี้ฉันได้ยินว่ามีคนมาสมัครใหม่อีกคน คงไม่เป็นไรหรอก”

“ไม่เป็นไรค่ะ หนูยังทำไหว”

เสียงพูดนั้นหายไป ก่อนจะตามมาด้วยเสียงฝีเท้าที่ค่อยๆ ห่างออกไป ปิ่นมณีแทบลืมหายใจ เสียงนั้นต้องเป็นเด็กสาวที่ชื่อเปิ้ลกับเชฟพัลลภอย่างแน่นอน เธอบอกกับตัวเองว่าหลังเสร็จงานแล้วอย่าลืมจดบันทึกสิ่งที่เกิดขึ้นเด็ดขาด และอีกอย่างที่สำคัญมากก็คือ เธอต้องเข้าไปตีสนิทกับเด็กสาวที่ชื่อเปิ้ลให้ได้    

หลังจากล้างห้องน้ำทั้งสองห้องเสร็จ ปิ่นมณีก็ตั้งใจว่าจะนั่งพักให้หายเหนื่อยสักครู่ เพราะรู้สึกแสบจมูกกับกลิ่นของน้ำยาล้างห้องน้ำที่สูดดมเข้าไป หญิงสาวทรุดตัวลงนั่งบนโต๊ะภายในห้องพักพนักงาน พลางหยิบสมุดโน้ตออกมาจากกระเป๋า ยังไม่ทันได้เปิดหน้ากระดาษ เสียงของอ้อยก็ดังขึ้นมาอีกครั้ง

“ล้างห้องน้ำเสร็จแล้วเหรอ” เมื่อเห็นปิ่นมณีพยักหน้าตอบรับ เธอก็พูดขึ้นต่อ “ถ้างั้นก็ไปช่วยทำความสะอาดร้านหน่อยสิ ฉันมีอย่างอื่นอีกมากมายที่ต้องทำต่อ อีกอย่างตอนนี้เถ้าแก่เนี้ยกับเจ๊ภรณ์ก็ไม่อยู่ด้วย”

“เอ่อ…แต่ว่า…”

ปิ่นมณีตั้งท่าจะบอกว่าเธอเพิ่งล้างห้องน้ำเสร็จมาเมื่อกี้ ยังไม่ได้พักเลย แต่ก็พูดไม่ออกเมื่อเห็นสายตาที่จิกกัดของอ้อยส่งมายังเธอ

“ก็ได้จ้ะ” ปิ่นมณีรับคำก่อนจะเดินออกจากห้องไปอย่างจำใจ

อ้อยยืนยิ้มอยู่คนเดียวอย่างสะใจที่ได้แกล้งเด็กใหม่อย่างปิ่นมณีได้ ความจริงแล้วงานวันนี้มันไม่ได้ยุ่งยากอะไรนัก เพียงแต่เธอรู้สึกหมั่นไส้ยายเด็กใหม่ก็เลยวางแผนแกล้งเธอโดยการถือโอกาสที่เถ้าแก่เนี้ยออกไปข้างนอกโกหกพนักงานคนอื่นๆ ว่างานทุกอย่างเสร็จแล้ว เหลือแค่รอเปิดร้าน คนอื่นๆ จึงถือโอกาสออกไปเที่ยวเล่นก่อนจะกลับเข้ามาทำงานอีกครั้งในตอนเย็นเมื่อร้านเปิด โดยเธอรับอาสาเฝ้าร้านแทนให้ ซึ่งก็เท่ากับว่ามีเธอกับปิ่นมณีเท่านั้นที่ต้องทำงานด้วยกัน หรือจะพูดให้ถูกก็คือมีปิ่นมณีคนเดียวเท่านั้นที่ทำงาน ส่วนอ้อยก็แค่ยืนใช้เธอพลางทำท่าเป็นคุณนายเจ้าของร้านนั่นเอง

ขณะที่เดินถือไม้ถูพื้นออกมานั้น ปิ่นมณีก็ได้เจอกับเด็กสาวคนหนึ่งที่มองปราดเดียวก็รู้ว่าเพิ่งจะจบ       ม. ปลายมาได้ไม่กี่ปี เมื่อเห็นปิ่นมณี เด็กสาวก็ส่งยิ้มให้อย่างเป็นมิตรก่อนจะก้มหน้าก้มตาทำความสะอาดโต๊ะนั่งของลูกค้าอย่างขะมักเขม้น ปิ่นมณียิ้มตอบพลางเริ่มต้นถูพื้นอย่างไม่ค่อยตั้งใจนัก เพราะมัวแต่สนใจเด็กสาวตรงหน้า

“เธอเพิ่งมาทำงานวันนี้เป็นวันแรกใช่ไหม” เด็กสาวที่ละมือจากงานหันมาถามเสียงแผ่ว

“เอ่อ…ใช่” ปิ่นมณีตกใจที่อยู่ๆ คนที่เธอมองก็หันมาถามอย่างไม่ทันตั้งตัว เธอจึงตอบออกไปอย่างตะกุกตะกัก

“ได้ยินว่าเธอเพิ่งจะอายุ 17 งั้นก็อ่อนกว่าฉันตั้ง 2 ปี”

“งั้นเหรอ”

“อื้อ! ฉัน…” ยังไม่ทันที่เด็กสาวจะพูดอะไรต่อ อยู่ๆ เธอก็ล้มลงไป ปิ่นมณีตกใจมาก เธอรีบวิ่งไปประคองเด็กสาวได้ทันเวลา

“เป็นอะไรไปน่ะ” ปิ่นมณีถามออกมาอย่างตกใจ เธอมองร่างในมืออย่างเป็นห่วง

“ฉัน…ฉันเวียนหัวจัง”

“เธอ…เป็นลมเหรอเนี่ย เดี๋ยวนะ…ฉันจะพาเธอออกไปข้างนอก อากาศในนี้มันอึดอัดเกินไป”

“ไม่ต้องหรอก ช่วยพาฉันขึ้นไปนั่งที่โต๊ะก็พอ”

“แต่ว่า…”

“เอาเถอะ…ทำตามที่ฉันบอก…นะ” เด็กสาวพูดเสียงแผ่ว

ปิ่นมณีประคองเด็กสาวมานั่งที่โต๊ะ ก่อนจะล้วงหายาดมจากกระเป๋าเสื้อที่เธอเพิ่งยัดลงไปเมื่อตอนล้างห้องน้ำเสร็จใหม่ๆ พลางส่งให้เด็กสาว

“เธอไหวไหม ฉันไปตามพี่อ้อยให้ดีกว่า” ปิ่นมณีตั้งท่าจะเดินออกไป แต่อ้อยเดินเข้ามาพอดีเพราะได้ยินเสียงโหวกเหวกโวยวายเมื่อครู่

“มีอะไร!” อ้อยถามเสียงห้วน “แล้วทำไมไปนั่งอยู่ตรงนั้นล่ะเปิ้ล”

“คือ…เปิ้ลไม่สบายน่ะ อยู่ๆ ก็เป็นลม หนูกำลังจะไปตามพี่อยู่พอดี”

“ไม่ไหวก็ไปพักสิ จะฝืนทำไม เมื่อกี้ก็บอกแล้วว่าให้พักได้ ก็ไม่ยอมไป” พูดเสร็จอ้อยก็เดินเข้ามาประคองเด็กสาวที่ชื่อเปิ้ลเข้าไปด้านใน

“เดี๋ยวฉันจะพาเข้าไปพักข้างในนะ เธอก็ช่วยทำแทนหน่อยก็แล้วกัน”

“ไม่เป็นไรค่ะ เดี๋ยวตรงนี้ฉันจัดการเอง”

ปิ่นมณีพูดพลางมองตามหลังอ้อยไปอย่างชื่นชมโดยไม่รู้เลยว่าจริงๆ แล้วอ้อยไม่ได้ห่วงอะไรเด็กที่ชื่อเปิ้ลหรอก เพียงแต่เธอต้องการแกล้งปิ่นมณีให้ทำงานคนเดียวก็เท่านั้น

“เด็กคนนั้นสินะที่ชื่อเปิ้ล อืม…ท่าทางเป็นคนซื่อๆ คงจะล้วงความลับได้ไม่ยาก”

ปิ่นมณีพูดอยู่คนเดียวพร้อมรอยยิ้มแห่งชัยชนะพลางคิดว่าผลงานของเธอออกมาได้ดีเกินคาดกว่าที่คิดเอาไว้เยอะทีเดียว

ลีลาวดีมาหาปิ่นมณีที่ห้องเมื่อตอนบ่ายแก่ๆ ขณะที่กำลังเคาะห้องเป็นครั้งที่สิบอย่างไร้เสียงตอบรับอยู่นั้น ก็มีเสียงของใครบางคนดังขึ้นมาจากด้านหลัง

"มาหาปิ่นมณีหรือครับ”        

“เอ่อ…ค่ะ” หญิงสาวหันไปตอบรับทันทีที่ได้ยินเสียง

“ไม่อยู่หรอกครับ ออกไปตั้งแต่เช้าแล้วล่ะ” เมื่อเห็นอีกฝ่ายทำหน้าแปลกใจ ชายหนุ่มร่างสูงก็หัวเราะกับตัวเองอย่างเขินๆ ก่อนจะพูดขึ้นต่อ

“ผมอยู่ห้องข้างๆ คุณปิ่นมณีน่ะครับ” ไม่พูดเปล่า เขายังชี้มือไปยังห้องของเขาที่อยู่เยื้องไปทางด้านขวามือ

“ผมเจอคุณปิ่นตั้งแต่เช้า เห็นว่าจะออกไปหางานหรือยังไงนี่แหละ”

“หางานเหรอคะ”

ลีลาวดีรู้สึกงงเป็นไก่ตาแตกกับคำตอบของชายหนุ่มแปลกหน้า เพื่อนของเธอน่ะเหรอออกไปหางานทำ…ไม่น่าเป็นไปได้

“คุณพอทราบไหมคะว่าปิ่นไปหางานแถวไหน”

“เรื่องนั้นผมไม่รู้หรอกครับ”

“งั้นหรือคะ”

“มีอะไรหรือเปล่าครับ” ชายหนุ่มถามขึ้นเมื่อเห็นสีหน้าของลีลาวดีมีแววกังวลใจแกมสงสัย

“เปล่าค่ะ ไม่มีอะไร” ลีลาวดีส่ายหน้าปฏิเสธพัลวัน

“ถ้ามีธุระด่วนลองโทรเข้ามือถือเธอดูสิครับ”

“ฉันโทรแล้ว แต่ไม่มีคนรับ…ช่างเถอะค่ะ มันไม่ใช่ธุระสำคัญอะไร เอาไว้ฉันเข้ามาหาใหม่ก็แล้วกัน”

“ถ้ามีอะไรฝากผมไว้ก็ได้นะครับ ผมกับคุณปิ่นสนิทกัน”

ลีลาวดีมองชายหนุ่มตรงหน้าอย่างใช้ความคิด รูปร่างหน้าตาก็ไม่เลว แววตาเป็นประกายเหมือนยิ้มได้ ผิวพรรณสะอาดสะอ้าน น่าจะไว้ใจได้ แต่ยังไงเขาก็ยังเป็นชายหนุ่มแปลกหน้าสำหรับเธออยู่ดี

“ไม่เป็นไรค่ะ…งั้นฝากบอกปิ่นมณีด้วยนะคะว่าลีลาวดีมาหา” ลีลาวดีพูดทิ้งท้ายก่อนจะขอตัวกลับ ชายหนุ่มพยักหน้าตอบรับ เมื่อเห็นหญิงสาวเดินลับตาไปแล้ว เขาก็ไขกุญแจเข้าห้องไปอย่างอารมณ์ดี  

ลีลาวดีเดินออกจากตึกหอพักของปิ่นมณีด้วยหน้าตาบูดบึ้ง เธออารมณ์ไม่ดีมาตั้งแต่เช้าเพราะเครียดเรื่องสมัครงาน ตั้งใจว่าจะมาชวนเพื่อนรักออกไปเที่ยวให้หายเครียด ก็ดันไม่เจอตัว แถมปิ่นมณียังทำให้เธอโมโหมากขึ้นเมื่อไม่ยอมรับโทรศัพท์อีกต่างหาก ลีลาวดีจึงยิ่งเซ็งเป็นสองเท่า ระหว่างที่เดินมาตามถนนด้วยใบหน้าบอกบุญไม่รับอยู่นั้น โทรศัพท์มือถือก็ดังขึ้น เบอร์ที่ไม่คุ้นตาโชว์หราอยู่บนหน้าจอ ลีลาวดีกดรับอย่างเซ็งๆ เพราะเข้าใจว่าเป็นของพวกที่ชอบโทรผิด แถมยังชอบโทรมาติดที่เบอร์ของเธออีกต่างหาก

“สวัสดีค่ะ”

“คุณลีลาวดีใช่ไหมคะ”

“ค่ะ”

“ดิฉันวดี โทรมาจากบริษัทดรีมเมค อินเทอร์เรอร์นะคะ คุณผ่านการคัดเลือกให้เป็นพนักงานฝ่ายประสานงานของบริษัท เพราะมีคุณสมบัติตรงตามที่ต้องการ ไม่ทราบว่าคุณจะสะดวกเข้ามาเซ็นสัญญาได้เมื่อไหร่คะ”

“หา! ฉัน…ได้รับคัดเลือกหรือคะ” ลีลาวดีถามอีกฝ่ายอย่างไม่ค่อยเชื่อหูนัก

“ใช่ค่ะ! ยินดีด้วยนะคะ”

“เอ่อ…ถ้าฉันจะเข้าไปวันนี้เลยจะเป็นไรไหมคะ”

“วันนี้เหรอคะ เอ่อ…รบกวนรอสักครู่นะคะ ขอดิฉันเช็คดูก่อนว่าคุณทัดภูมิอยู่ที่บริษัทหรือเปล่า”

สิ้นเสียงหวานๆ ของคนที่ชื่อวดี ลีลาวดีก็ได้ยินเสียงเพลงรอสายดังตามมา เธอยืนยิ้มอยู่คนเดียวชนิดที่ถ้าใครมาเห็นเข้าคงต้องพากันบอกว่าเธอบ้าร้อยเปอร์เซ็นต์อย่างแน่นอน

“ขอโทษที่ให้รอนะคะ ตกลงคุณเข้ามาวันนี้ได้เลยค่ะ ทางเราจะเตรียมเอกสารสัญญาไว้ให้ ไม่ทราบว่าคุณจะมาถึงตอนกี่โมงคะ”

“อืม…ไม่เกินหนึ่งชั่วโมงแน่นอนค่ะ”

ลีลาวดีพูดอย่างมั่นใจขณะก้มมองนาฬิกาที่ข้อมือ หญิงสาวยิ้มกับตัวเองอีกครั้งหลังจากที่วางสายไปแล้ว พลางบอกตัวเองว่าเธอช่างเป็นผู้หญิงที่โชคดีเสียจริง ข่าวดีเรื่องงานของเธอในวันนี้ ทำให้หญิงสาวลืมอารมณ์ขุ่นมัวเมื่อครู่ไปเสียสนิท

กว่าปิ่นมณีจะถึงบ้านก็ปาเข้าไปเกือบสองทุ่ม วันนี้เธอทำงานมากเกินกว่าทุกครั้งจนแทบจะไม่มีแรงเดิน ทันทีที่ถึงห้องเธอก็โยนกระเป๋าถือและถุงเป็ดพะโล้น้ำแดงของฝากจากร้านอาหารลงพื้น ก่อนจะทิ้งตัวลงบนเตียงนุ่มและหลับตาอย่างหมดแรง แต่เมื่อนึกขึ้นได้ว่ายังไม่ได้ทำอะไรบางอย่าง หญิงสาวก็กระโดดลงจากเตียง ก่อนจะเดินมาเปิดโน้ตบุ๊คส์ตัวเก่งและทรุดตัวลงนั่งบนเก้าอี้ทั้งที่ตาทั้งสองข้างหนักอึ้งแทบจะลืมไม่ขึ้น

ปิ่นมณีนึกทบทวนสิ่งที่เกิดขึ้นในวันนี้ก่อนจะเริ่มพิมพ์รายละเอียดลงไปในคอมพิวเตอร์  เริ่มตั้งแต่เรื่องที่เธอได้เจอเด็กสาวที่ชื่อเปิ้ลกับเชฟพัลลภ อาการประหลาดของเปิ้ลที่เป็นลมไปโดยไม่รู้สาเหตุถึงสี่ครั้งภายในวันเดียว คำพูดแปลกๆ ของคนทั้งสอง รวมถึงเรื่องที่เธอเจอทั้งสองคนอยู่บนรถคันเดียวกันตอนจะกลับบ้านอีกด้วย เมื่อพิมพ์เสร็จเธอก็ตั้งข้อสันนิษฐานว่าสองคนนี้ต้องมีอะไรกันจริงๆ ตามคำบอกเล่าของคุณวรรณี ส่วนเรื่องที่เด็กสาวชื่อเปิ้ลตั้งท้องนั้นยังคงเป็นปริศนา เธอพิมพ์เครื่องหมายเควกชั่น มาร์คลงไปในช่องที่เขียนว่าท้องด้วยตัวสีแดง พร้อมกับข้อความกำกับด้านล่างว่า รอสืบหาความจริงก่อนจะปิดเครื่อง

ให้ช้านตาย ดีกว่าร้ากเธอ…”

เสียงโทรศัพท์มือถืออันมีเอกลักษณ์ของปิ่นมณีดังขึ้น หญิงสาวกดรับโดยทันทีเมื่อเห็นว่าอีกฝ่ายเป็นคนคุ้นเคย

“ยายบ้า! ปิดเครื่องหนีเจ้าหนี้อยู่หรือไงยะ ฉันโทรหาทั้งวันจนปวดมือไปหมดแล้ว” เสียงต่อว่าจากปลายสายดังแหววมา ทำให้ปิ่นมณีเบ้หน้าด้วยความรำคาญ เพราะตอนนี้เธอง่วงเต็มแก่ ถ้าไม่เห็นว่าเป็นเพื่อนสนิท คงตัดสายทิ้งไปแล้ว

“โทษทีนะริน วันนี้ฉันยุ่งไปหน่อย”

“ยุ่งเรื่องอะไรยะแม่สาวโบตั๋น”

“อย่ามาแกล้งฉันเลยริน ตอนนี้ฉันง่วงจะตายอยู่แล้ว เหนื่อยด้วย”

“อะไรกัน พูดอย่างกับไปใช้แรงงานมาทั้งวันงั้นแหละ”

“ก็ทำนองนั้น ถ้าไม่มีอะไรก็แค่นี้นะ”

“เฮ้ย! เดี๋ยวสิ” ลีลาวดีโวยวายขึ้นเมื่ออีกฝ่ายทำท่าจะวางสาย “ฉันมีเรื่องจะบอกแก”

“เรื่องอะไร”

“ฉันได้งานแล้วนะ”

“ว่าไงนะ” คำพูดของลีลาวดีทำเอาปิ่นมณีตาสว่าง

“บริษัทรับตกแต่งภายในที่ฉันไปสมัครไว้รับฉันเข้าทำงานแล้ว”

“งั้นก็ดีน่ะสิ ดีใจด้วยนะ”

“อื้อ! แกรู้ไหมว่าฉันตื่นเต้นจนนอนไม่หลับเลยล่ะ ฉันก็เลยจะโทรมาชวนแกไปซื้อชุดทำงานเป็นเพื่อนหน่อย แกพอมีเวลาว่างไหม”

“เมื่อไหร่”

“พรุ่งนี้เป็นไง เพราะว่าอีกสามวันฉันก็จะเริ่มงานแล้ว”

“พรุ่งนี้เหรอ…”

ปิ่นมณีเงียบไปอย่างใช้ความคิด พรุ่งนี้เธอต้องไปทำงานตั้งแต่ 9 โมงเช้า แต่ถ้าปฏิเสธ ลีลาวดีคงโกรธเธอแน่

“ก็ได้!”

“งั้นพรุ่งนี้ฉันไปหาแกที่ห้องแต่เช้าก็แล้วกัน”

“อื้อ!”

ปิ่นมณีรับคำก่อนจะวางสาย เธอนั่งครุ่นคิดถึงเรื่องราวของวันพรุ่งนี้ ก่อนจะตัดสินใจได้ว่าจะโทรไปลางานที่ร้านแต่เช้า และจะเข้าไปทำงานตอนเย็นเมื่อร้านเปิดอีกครั้ง ขณะนึกถึงเรื่องราวที่ร้านอาหาร ปิ่นมณีก็นึกถึงเรื่องของเชฟพัลลภกับเด็กชื่อเปิ้ลขึ้นมาอีกครั้ง ก่อนจะเผลอหลับไปโดยไม่รู้ตัว

เวณิกา

สวัสดีคุณผู้อ่านทุกท่านนะคะ เสน่ห์รักนักสืบสาวก็มาถึงตอนที่ 4 แล้วค่ะ หวังว่าคุณผู้อ่านทุกท่านคงชอบนะคะ เนื้อเรื่องจะเป็นแนวรักอ่านง่ายๆ ที่อาจจะดูเวิ่นเว้อไปบ้าง แต่รับรองว่าอ่านเพลิน ถ้าเปรียบกับเพลงก็คงจะเป็นแนว Easy listening เน้นความเบาสบาย อ่านเพลินในวันว่างๆ เหมาะกับการพักผ่อนค่ะ ขอบคุุณคุณผู้อ่านทุกท่านที่ติดตาม เข้ามาอ่านกันเยอะๆ นะคะ ช่วยเป็นกำลังใจให้นักเขียนมือใหม่ด้วยค่ะ ขอบคุณมากๆ ค่ะ

| 1

Related chapters

  • เสน่ห์รักนักสืบสาว   -5-

    ก๊อก…ก๊อก…ก๊อก…เสียงเคาะประตูดังขึ้นที่หน้าห้อง แต่ดูเหมือนว่าเจ้าของห้องจะยังคงหลับไม่รู้เรื่องก๊อก…ก๊อก…ก๊อก…เสียงเคาะประตูดังต่อเนื่องขึ้นมาอีกครั้ง แต่ดูเหมือนจะแรงและเร็วกว่าครั้งแรกมากนัก ได้ผล! เจ้าของห้องเริ่มเกิดปฏิกิริยา เธอลืมตาขึ้นมาด้วยความตกใจเมื่อเห็นว่าตนเองนอนหลับฟุบคาอยู่ที่โต๊ะคอมพิวเตอร์ข้างเตียง“เช้าแล้วเหรอเนี่ย เผลอหลับไปได้ยังไงกันนะเรา” ก๊อก…ก๊อก…ก๊อก…เสียงเคาะประตูดังขึ้นอีกครั้ง คราวนี้ปิ่นมณีวิ่งแจ้นไปเปิดประตูทันที“ยายปิ่น! นี่แกไปทำอะไรมาเนี่ย ผมเผ้ามันถึงได้กระเซอะกระเซิงแบบนี้”“ฉันเพิ่งตื่นน่ะ เข้ามาก่อนสิ” ปิ่นมณีพูดพลางเดินหันหลังกลับเข้ามาในห้อง ทิ้งให้เพื่อนสนิทอย่างลีลาวดีเดินตามเข้ามา ลีลาวดีมองเพื่อนรักจากทางด้านหลังพลางทำหน้าบอกบุญไม่รับ“นี่ถามจริงเหอะ…แกไปทำอะไรมากันแน่ สภาพถึงได้ยับเยินแบบนี้”“อื้อ! ฉันไปทำงานมาน่ะ”“งานอะไรของแก”“ก็งานนักสืบน่ะสิ เอาน่า…อย่าเพิ่งมาซักฉันตอนนี้เลย ยังไงฉันก็ต้องเล่าให้แกฟังอยู่ดีนั่นแหละ” ปิ่นมณีพูดตัดบทขณะคว้าผ้าเช็ดตัวเข้าห้องน้ำไป“ย่ะ! แม่เพื่อนตัวดี” ลีลาวดีส่งค้อนให้ด้วยความหมั่นไส้ก่อนจะเดินเ

    Last Updated : 2025-03-06
  • เสน่ห์รักนักสืบสาว   -1-

    “เอาล่ะ! เท่านี้ก็เสร็จเรียบร้อย” หญิงสาวผมสั้นทรงบ็อบเทพูดกับตัวเองขณะมองดูผลงานบนจอคอมพิวเตอร์อย่างอารมณ์ดี“เพียงแค่คุณคือผู้เดือดร้อน ไม่สบายใจในทุกปัญหา ต้องการค้นพบคำตอบที่ถูกอำพรางไว้ โทรหาเราสิคะ 089-xxxxxxx นักสืบสาวโบตั๋นยินดีช่วยเหลือ…แกแน่ใจแล้วเหรอยายปิ่น” ลีลาวดีอ่านข้อความในบล็อกส่วนตัวของเพื่อนสาวพลางทำหน้าปูเลี่ยน ก่อนจะหันมาถามเพื่อความแน่ใจอีกครั้งกับการตัดสินใจของเพื่อนซี้“แน่ยิ่งกว่าแน่ ก็ฉันไม่มีทางเลือกแล้วนี่ คนตกงานเป็นปีๆ อย่างฉัน ลองมาทุกทางแล้วก็ไม่เห็นมีอะไรคืบหน้าสักที ก็มีแค่ทางนี้ทางเดียวเท่านั้นแหละ”“แต่ไอ้งานนักสืบเนี่ยมันเสี่ยงมากนะ อย่างแกน่ะมันไม่หนักไปหน่อยเหรอ เดี๋ยวนี้ยิ่งมีข่าวต้มตุ๋นหลอก ลวงกันไม่เว้นแต่ละวัน เราไม่หลอกเขา เขาก็หลอกเรา ฉันว่าแกอย่าเสี่ยงเลยปิ่น เชื่อฉันเหอะ”“มันก็ไม่แน่เสมอไปหรอกริน ฉันอาจจะโชคดีมือขึ้นทางนี้ก็ได้ อีกอย่างแกก็รู้ว่าฉันเก่งวิชาพละ มีอะไรเกิดขึ้นฉันเอาตัวรอดได้อยู่แล้ว”“ทำเป็นอวดเก่ง แกจะใช้วิชาม้วนหน้าม้วนหลัง หกกบ สะพานโค้ง ตีลังกาล้อเกวียนหนีพวกโจรมัน เหรอไง ยายบ้า”“แกไม่เป็นฉันแกไม่รู้หรอกว่าการที่ต้

    Last Updated : 2025-03-03
  • เสน่ห์รักนักสืบสาว   -2-

    “ว่าไงนะ!” รจนากับลีลาวดีถามขึ้นมาพร้อมกันเมื่อได้ยินสิ่งที่ปิ่นมณีเล่าให้ฟัง“ก็อย่างที่พูดมานั่นแหละ ยายเจ๊นั่นเดินเอาขวดฉี่ไปสาดหน้าผัวแล้วก็ชู้กลางร้าน กลิ่นนี้เหม็นหึ่ง ขนาดฉันยืนอยู่ข้างนอกยังได้กลิ่นชัดเลย ไอ้ผัวจอมเจ้าชู้นั่นนะอย่างกับหมูตกบ่อฉี่เลยล่ะ” สิ้นเสียงของปิ่นมณี เสียงหัวเราะท้องแข็งก็ดังประสานกันขึ้นมา ทำเอาร้านเล็กๆ อย่างร้านช็อกโกแล็ตสั่นสะเทือน“พูดถึงแล้วก็อยากเห็นหน้าแม่นั่นตอนโดนสาดฉี่จังเลยเนอะ” ลีลาวดีพูดทั้งๆ ที่ยังไม่หยุดหัวเราะ“แต่พี่ว่ามันไม่ค่อยน่าดูเท่าไหร่หรอกนะ ผัวเมียไปตบตีกันในร้านอาหารสาธารณะเนี่ย เฮ้อ! โชคดีที่พี่ไม่คิดแต่งงาน ถ้ามาเจออย่างนี้เข้าคงซวยไปทั้งชาติ แต่ปิ่นก็ต้องระวังตัวด้วยนะ พี่ว่าไอ้งานแบบนี้มันเสี่ยงใช่ย่อย เราเองก็เป็นผู้หญิงตัวคนเดียว ถ้าเป็นไปได้เลิกทำเถอะ พี่ฟังแล้วยังอดกลัวแทนไม่ได้เลย ถ้าวันหนึ่งมันไม่ใช่แค่ฉี่ แต่เป็นพวกสารเคมีหรือว่าน้ำกรดขึ้นมา เราจะกลายเป็นคนบาปได้นะ ยังไงก่อนจะรับงานก็ดูให้ดีๆ ก่อนละกัน ยิ่งงานที่ค่าจ้างงามๆ เนี่ยมันน่าคิด เศรษฐกิจแบบนี้คงไม่มีใครเอางานง่ายๆ ที่จ่ายค่าจ้างแพงๆ มาให้ทำหรอก”“แหม! พี่นา

    Last Updated : 2025-03-03
  • เสน่ห์รักนักสืบสาว   -3-

    “ทัดคะ คุณทำแบบนี้กับโรสได้ยังไงกัน ทั้งๆ ที่โรสชวนคุณทานข้าว โรสเป็นห่วงว่าคุณจะเครียดเกินไป แต่คุณก็บอกว่าไม่ว่าง กลับไปนั่งสวีตกับใครก็ไม่รู้ในร้านที่เราไปด้วยกันประจำ แล้วแม่นั่นน่ะเหรอลูกค้า โรสว่ามองยังไงมันก็ไอ้ผู้หญิงที่ชอบแย่งของของชาวบ้านนั่นแหละ ทำไมคุณต้องโกหกโรสด้วยคะ” โรสในชุดสีแดงไวน์โวยวายลั่นห้องพร้อมน้ำตา“ผมว่าคุณเข้าใจผิดไปใหญ่แล้วนะโรส ผมไปทานข้าวกับลูกค้าจริงๆ คุณภาณิณีเป็นลูกค้ารายใหญ่ของผม เธอเป็นลูกสาวของประธานบริษัทสกาย คอนสตัคชั่น บริษัทก่อสร้างยักษ์ใหญ่ที่คอยสนับสนุนบริษัทของผม จะพูดจะจาอะไรก็หัดให้เกียรติเขาบ้าง”“ถึงกับออกรับแทนกันเลยเหรอคะ ผู้หญิงแพศยาแบบนั้นโรสว่ามันยังน้อยไปด้วยซ้ำ มีอย่างที่ไหน ผู้ชายก็มีตั้งเยอะแยะ ชอบทำตัวเป็นแมวขโมยของของคนอื่น พฤติกรรมแบบนี้ลูกผู้ลากมากดีเขาไม่ทำกันหรอก”“มันจะไปกันใหญ่แล้วนะโรส คุณเองก็เหมือนกัน…หัดมีเหตุผลบ้างสิ เอาแต่พูดจาให้ร้ายคนอื่นแบบเสียๆ หายๆ คุณเองก็เป็นลูกผู้ลากมากดีเหมือนกัน แต่ทำไมยิ่งนับวันก็ยิ่งหยาบคาย พูดจาไม่ให้เกียรติคนอื่นเลย ผมเองก็ไม่อยากพูดจาแบบนี้กับคุณหรอกนะ แต่พฤติกรรมของคุณนับวันผมเริ่มทน

    Last Updated : 2025-03-04

Latest chapter

  • เสน่ห์รักนักสืบสาว   -5-

    ก๊อก…ก๊อก…ก๊อก…เสียงเคาะประตูดังขึ้นที่หน้าห้อง แต่ดูเหมือนว่าเจ้าของห้องจะยังคงหลับไม่รู้เรื่องก๊อก…ก๊อก…ก๊อก…เสียงเคาะประตูดังต่อเนื่องขึ้นมาอีกครั้ง แต่ดูเหมือนจะแรงและเร็วกว่าครั้งแรกมากนัก ได้ผล! เจ้าของห้องเริ่มเกิดปฏิกิริยา เธอลืมตาขึ้นมาด้วยความตกใจเมื่อเห็นว่าตนเองนอนหลับฟุบคาอยู่ที่โต๊ะคอมพิวเตอร์ข้างเตียง“เช้าแล้วเหรอเนี่ย เผลอหลับไปได้ยังไงกันนะเรา” ก๊อก…ก๊อก…ก๊อก…เสียงเคาะประตูดังขึ้นอีกครั้ง คราวนี้ปิ่นมณีวิ่งแจ้นไปเปิดประตูทันที“ยายปิ่น! นี่แกไปทำอะไรมาเนี่ย ผมเผ้ามันถึงได้กระเซอะกระเซิงแบบนี้”“ฉันเพิ่งตื่นน่ะ เข้ามาก่อนสิ” ปิ่นมณีพูดพลางเดินหันหลังกลับเข้ามาในห้อง ทิ้งให้เพื่อนสนิทอย่างลีลาวดีเดินตามเข้ามา ลีลาวดีมองเพื่อนรักจากทางด้านหลังพลางทำหน้าบอกบุญไม่รับ“นี่ถามจริงเหอะ…แกไปทำอะไรมากันแน่ สภาพถึงได้ยับเยินแบบนี้”“อื้อ! ฉันไปทำงานมาน่ะ”“งานอะไรของแก”“ก็งานนักสืบน่ะสิ เอาน่า…อย่าเพิ่งมาซักฉันตอนนี้เลย ยังไงฉันก็ต้องเล่าให้แกฟังอยู่ดีนั่นแหละ” ปิ่นมณีพูดตัดบทขณะคว้าผ้าเช็ดตัวเข้าห้องน้ำไป“ย่ะ! แม่เพื่อนตัวดี” ลีลาวดีส่งค้อนให้ด้วยความหมั่นไส้ก่อนจะเดินเ

  • เสน่ห์รักนักสืบสาว   -4-

    รุ่งเช้าปิ่นมณีเดินไปด้อมๆ มองๆ อยู่ที่ร้านอาหารขนาดย่อมร้านหนึ่งที่ตั้งอยู่ตรงกลางโดยมีร้านขายดอกไม้และร้านขายยาขนาบอยู่สองข้างซ้ายขวา หน้าร้านสีขาวขนาดสองคูหาสองชั้นตกแต่งด้วยไม้ดอกจำพวกชวนชมหลากสีที่ตัดแต่งเป็นพุ่มสวยงาม ปิ่นมณีจ้องมองอย่างอดที่จะชื่นชมไม่ได้ หญิงสาวมองป้ายประกาศเล็กๆ ที่ติดอยู่บนกระจกหน้าร้านพลางเลยไปยังป้ายขนาดใหญ่ที่เขียนด้วยอักษรนูนสีทองว่า ‘จิ๊กกี๋โภชนา’ อย่างใช้ความคิดสักพักก่อนจะตัดสินใจเปิดประตูกระจกเข้าไป“ขอโทษนะคะคุณ ตอนนี้ร้านยังไม่เปิดให้บริการค่ะ” พนักงานสาวที่ไม่สวยเลยสักนิดหันมาบอกอย่างตกใจเมื่อเห็นปิ่นมณีเดินเข้ามาด้วยคิดว่าเป็นลูกค้า“คือ…ฉะ…หนูมาสมัครงานค่ะ”ปิ่นมณีพูดอย่างไม่มั่นใจนักว่าจะใช้คำสรรพนามเรียกตัวเองว่าอะไร สุดท้ายก็นึกขึ้นมาได้ว่าเธอกำลังปลอมตัวเป็นเด็กมาหางานพิเศษทำ จึงใช้คำเรียกตัวเองว่า ‘หนู’ แทน ‘ฉัน’ อย่างที่ตั้งใจไว้ในตอนแรก“สมัครงานงั้นเหรอ” เมื่อรู้ว่าปิ่นมณีไม่ใช่แขก หญิงสาวคนเดิมจึงเปลี่ยนท่าทีการพูดในทันใด“เธออายุเท่าไหร่”“เอ่อ…17 จ้ะ” ปิ่นมณีตอบทันที เธอรู้สึกว่าอีกฝ่ายกำลังมองเธออย่างไม่ค่อยจะเชื่อนัก“รอเดี๋ยวนะ จะ

  • เสน่ห์รักนักสืบสาว   -3-

    “ทัดคะ คุณทำแบบนี้กับโรสได้ยังไงกัน ทั้งๆ ที่โรสชวนคุณทานข้าว โรสเป็นห่วงว่าคุณจะเครียดเกินไป แต่คุณก็บอกว่าไม่ว่าง กลับไปนั่งสวีตกับใครก็ไม่รู้ในร้านที่เราไปด้วยกันประจำ แล้วแม่นั่นน่ะเหรอลูกค้า โรสว่ามองยังไงมันก็ไอ้ผู้หญิงที่ชอบแย่งของของชาวบ้านนั่นแหละ ทำไมคุณต้องโกหกโรสด้วยคะ” โรสในชุดสีแดงไวน์โวยวายลั่นห้องพร้อมน้ำตา“ผมว่าคุณเข้าใจผิดไปใหญ่แล้วนะโรส ผมไปทานข้าวกับลูกค้าจริงๆ คุณภาณิณีเป็นลูกค้ารายใหญ่ของผม เธอเป็นลูกสาวของประธานบริษัทสกาย คอนสตัคชั่น บริษัทก่อสร้างยักษ์ใหญ่ที่คอยสนับสนุนบริษัทของผม จะพูดจะจาอะไรก็หัดให้เกียรติเขาบ้าง”“ถึงกับออกรับแทนกันเลยเหรอคะ ผู้หญิงแพศยาแบบนั้นโรสว่ามันยังน้อยไปด้วยซ้ำ มีอย่างที่ไหน ผู้ชายก็มีตั้งเยอะแยะ ชอบทำตัวเป็นแมวขโมยของของคนอื่น พฤติกรรมแบบนี้ลูกผู้ลากมากดีเขาไม่ทำกันหรอก”“มันจะไปกันใหญ่แล้วนะโรส คุณเองก็เหมือนกัน…หัดมีเหตุผลบ้างสิ เอาแต่พูดจาให้ร้ายคนอื่นแบบเสียๆ หายๆ คุณเองก็เป็นลูกผู้ลากมากดีเหมือนกัน แต่ทำไมยิ่งนับวันก็ยิ่งหยาบคาย พูดจาไม่ให้เกียรติคนอื่นเลย ผมเองก็ไม่อยากพูดจาแบบนี้กับคุณหรอกนะ แต่พฤติกรรมของคุณนับวันผมเริ่มทน

  • เสน่ห์รักนักสืบสาว   -2-

    “ว่าไงนะ!” รจนากับลีลาวดีถามขึ้นมาพร้อมกันเมื่อได้ยินสิ่งที่ปิ่นมณีเล่าให้ฟัง“ก็อย่างที่พูดมานั่นแหละ ยายเจ๊นั่นเดินเอาขวดฉี่ไปสาดหน้าผัวแล้วก็ชู้กลางร้าน กลิ่นนี้เหม็นหึ่ง ขนาดฉันยืนอยู่ข้างนอกยังได้กลิ่นชัดเลย ไอ้ผัวจอมเจ้าชู้นั่นนะอย่างกับหมูตกบ่อฉี่เลยล่ะ” สิ้นเสียงของปิ่นมณี เสียงหัวเราะท้องแข็งก็ดังประสานกันขึ้นมา ทำเอาร้านเล็กๆ อย่างร้านช็อกโกแล็ตสั่นสะเทือน“พูดถึงแล้วก็อยากเห็นหน้าแม่นั่นตอนโดนสาดฉี่จังเลยเนอะ” ลีลาวดีพูดทั้งๆ ที่ยังไม่หยุดหัวเราะ“แต่พี่ว่ามันไม่ค่อยน่าดูเท่าไหร่หรอกนะ ผัวเมียไปตบตีกันในร้านอาหารสาธารณะเนี่ย เฮ้อ! โชคดีที่พี่ไม่คิดแต่งงาน ถ้ามาเจออย่างนี้เข้าคงซวยไปทั้งชาติ แต่ปิ่นก็ต้องระวังตัวด้วยนะ พี่ว่าไอ้งานแบบนี้มันเสี่ยงใช่ย่อย เราเองก็เป็นผู้หญิงตัวคนเดียว ถ้าเป็นไปได้เลิกทำเถอะ พี่ฟังแล้วยังอดกลัวแทนไม่ได้เลย ถ้าวันหนึ่งมันไม่ใช่แค่ฉี่ แต่เป็นพวกสารเคมีหรือว่าน้ำกรดขึ้นมา เราจะกลายเป็นคนบาปได้นะ ยังไงก่อนจะรับงานก็ดูให้ดีๆ ก่อนละกัน ยิ่งงานที่ค่าจ้างงามๆ เนี่ยมันน่าคิด เศรษฐกิจแบบนี้คงไม่มีใครเอางานง่ายๆ ที่จ่ายค่าจ้างแพงๆ มาให้ทำหรอก”“แหม! พี่นา

  • เสน่ห์รักนักสืบสาว   -1-

    “เอาล่ะ! เท่านี้ก็เสร็จเรียบร้อย” หญิงสาวผมสั้นทรงบ็อบเทพูดกับตัวเองขณะมองดูผลงานบนจอคอมพิวเตอร์อย่างอารมณ์ดี“เพียงแค่คุณคือผู้เดือดร้อน ไม่สบายใจในทุกปัญหา ต้องการค้นพบคำตอบที่ถูกอำพรางไว้ โทรหาเราสิคะ 089-xxxxxxx นักสืบสาวโบตั๋นยินดีช่วยเหลือ…แกแน่ใจแล้วเหรอยายปิ่น” ลีลาวดีอ่านข้อความในบล็อกส่วนตัวของเพื่อนสาวพลางทำหน้าปูเลี่ยน ก่อนจะหันมาถามเพื่อความแน่ใจอีกครั้งกับการตัดสินใจของเพื่อนซี้“แน่ยิ่งกว่าแน่ ก็ฉันไม่มีทางเลือกแล้วนี่ คนตกงานเป็นปีๆ อย่างฉัน ลองมาทุกทางแล้วก็ไม่เห็นมีอะไรคืบหน้าสักที ก็มีแค่ทางนี้ทางเดียวเท่านั้นแหละ”“แต่ไอ้งานนักสืบเนี่ยมันเสี่ยงมากนะ อย่างแกน่ะมันไม่หนักไปหน่อยเหรอ เดี๋ยวนี้ยิ่งมีข่าวต้มตุ๋นหลอก ลวงกันไม่เว้นแต่ละวัน เราไม่หลอกเขา เขาก็หลอกเรา ฉันว่าแกอย่าเสี่ยงเลยปิ่น เชื่อฉันเหอะ”“มันก็ไม่แน่เสมอไปหรอกริน ฉันอาจจะโชคดีมือขึ้นทางนี้ก็ได้ อีกอย่างแกก็รู้ว่าฉันเก่งวิชาพละ มีอะไรเกิดขึ้นฉันเอาตัวรอดได้อยู่แล้ว”“ทำเป็นอวดเก่ง แกจะใช้วิชาม้วนหน้าม้วนหลัง หกกบ สะพานโค้ง ตีลังกาล้อเกวียนหนีพวกโจรมัน เหรอไง ยายบ้า”“แกไม่เป็นฉันแกไม่รู้หรอกว่าการที่ต้

Scan code to read on App
DMCA.com Protection Status