แชร์

-5-

ผู้เขียน: เวณิกา
last update ปรับปรุงล่าสุด: 2025-03-06 13:58:58

ก๊อกก๊อกก๊อก

เสียงเคาะประตูดังขึ้นที่หน้าห้อง แต่ดูเหมือนว่าเจ้าของห้องจะยังคงหลับไม่รู้เรื่อง

ก๊อกก๊อกก๊อก

เสียงเคาะประตูดังต่อเนื่องขึ้นมาอีกครั้ง แต่ดูเหมือนจะแรงและเร็วกว่าครั้งแรกมากนัก ได้ผล! เจ้าของห้องเริ่มเกิดปฏิกิริยา เธอลืมตาขึ้นมาด้วยความตกใจเมื่อเห็นว่าตนเองนอนหลับฟุบคาอยู่ที่โต๊ะคอมพิวเตอร์ข้างเตียง

“เช้าแล้วเหรอเนี่ย เผลอหลับไปได้ยังไงกันนะเรา”

ก๊อกก๊อกก๊อก

เสียงเคาะประตูดังขึ้นอีกครั้ง คราวนี้ปิ่นมณีวิ่งแจ้นไปเปิดประตูทันที

“ยายปิ่น! นี่แกไปทำอะไรมาเนี่ย ผมเผ้ามันถึงได้กระเซอะกระเซิงแบบนี้”

“ฉันเพิ่งตื่นน่ะ เข้ามาก่อนสิ” ปิ่นมณีพูดพลางเดินหันหลังกลับเข้ามาในห้อง ทิ้งให้เพื่อนสนิทอย่างลีลาวดีเดินตามเข้ามา ลีลาวดีมองเพื่อนรักจากทางด้านหลังพลางทำหน้าบอกบุญไม่รับ

“นี่ถามจริงเหอะ…แกไปทำอะไรมากันแน่ สภาพถึงได้ยับเยินแบบนี้”

“อื้อ! ฉันไปทำงานมาน่ะ”

“งานอะไรของแก”

“ก็งานนักสืบน่ะสิ เอาน่า…อย่าเพิ่งมาซักฉันตอนนี้เลย ยังไงฉันก็ต้องเล่าให้แกฟังอยู่ดีนั่นแหละ” ปิ่นมณีพูดตัดบทขณะคว้าผ้าเช็ดตัวเข้าห้องน้ำไป

“ย่ะ! แม่เพื่อนตัวดี” ลีลาวดีส่งค้อนให้ด้วยความหมั่นไส้ก่อนจะเดินเอาถุงของฝากไปวางไว้บนโต๊ะกินข้าวที่อยู่เยื้องเข้ามาด้านใน 

“ฉันซื้อโจ๊กรอบสายมาฝากเธอด้วย วางอยู่ที่โต๊ะแล้วนะ”

ไม่มีเสียงตอบรับดังกลับมาแสดงว่าเพื่อนของเธอคงไม่ได้ยิน หญิงสาวจึงเดินไปรอบห้องตามประสาคนหวังดี เผื่อมีอะไรที่เธอพอจะช่วยเก็บกวาดได้บ้าง แล้วเท้าเจ้ากรรมของลีลาวดีก็ไปสะดุดโดนเข้ากับอะไรบางอย่าง หญิงสาวก้มลงเก็บถุงพลาสติกขนาดย่อมขึ้นมา ทันทีที่หยิบกลิ่นอันไม่พึงประสงค์ก็โชยคลุ้งไปทั่ว ลีลาวดีเอามืออุดจมูกขณะพยายามแกะถุงนั้นออกดู

“นี่มัน…แหวะ! ฟองขึ้นปุดเชียว” ลีลาวดีรีบมัดถุงเจ้าปัญหาโดยเร็วก่อนจะโยนทิ้งลงถังขยะอย่างรังเกียจ “เป็ดพะโล้เน่าจนขึ้นฟองแล้วยังไม่รู้อีก เฮ้อ!” ลีลาวดีเผลอถอนหายใจออกมาด้วยความเหนื่อยหน่าย

ไม่นานนักปิ่นมณีก็ออกมาจากห้องน้ำ ตอนนี้เธอรู้สึกสดชื่นขึ้นกว่าเดิมมาก กลิ่นหอมฟุ้งของโจ๊กหมูลอยเข้าจมูกทำให้เธอเริ่มหิวเมื่อนึกขึ้นมาได้ว่ายังไม่ได้กินอะไรเลยตั้งแต่เมื่อวาน

“แกเนี่ยรู้ใจฉันเสมอเลยนะ” ปิ่นมณีพูดยิ้มๆ เมื่อเห็นเพื่อนรักจัดแจงเอาโจ๊กที่อุ่นร้อนๆ ออกจากกระทะไฟฟ้าตักใส่ถ้วยให้เธอ

“ก็แน่ล่ะสิ สภาพแกตอนนี้ฉันไม่มั่นใจหรอกนะว่าจะทำอะไรได้ ขนาดเป็ดพะโล้ถุงเดียวยังลืมไว้จนเน่าคาถุงเลย”

“อ๊ะ! จริงด้วย ลืมสนิทเลย”

“ฉันโยนทิ้งถังขยะไปแล้ว” ลีลาวดีพูดอย่างเอือมระอาเมื่อเห็นเพื่อนซี้ตั้งท่าจะวิ่งไปหาถุงเป็ดพะโล้เน่า

“เหรอ…ขอบใจนะ” ปิ่นมณีพูดเสียงอ่อย

“ไม่เป็นไรหรอก ฉันชินแล้วล่ะ ว่าแต่แกน่ะรีบกินโจ๊กให้หมดดีกว่า เดี๋ยวเย็นหมดแล้วจะมาหาว่าโจ๊กของฉันรสชาติห่วยแตก”

สิ้นเสียงของลีลาวดี ปิ่นมณีก็ตั้งหน้าตั้งตากินโจ๊กอย่างเอาเป็นเอาตายด้วยความหิว เมื่อเห็นว่าเพื่อนรักอิ่มหนำสำราญแล้ว ลีลาวดีก็เริ่มเปิดฉากสอบสวน

“คราวนี้จะเล่าให้ฉันฟังได้หรือยัง”

“ก็ไม่มีอะไรมากหรอก ฉันก็แค่ปลอมตัวไปเป็นเด็กเสิร์ฟในร้านอาหารเจ้าที่ว่า แล้วก็เล่นบทเด็กเสิร์ฟซะสมจริงเกินเหตุ” ลีลาวดีนั่งฟังปิ่นมณีเล่าเรื่องราวทั้งหมดที่เกิดขึ้นอย่างตั้งใจ ก่อนจะพูดขึ้นทันทีที่เพื่อนรักเล่าจบ

“ฉันว่าแกรีบไปลาออกดีกว่า”

“เฮ้ย! ทำไมพูดงั้นล่ะ ฉันอุตส่าห์ได้เบาะแสมาแล้วแท้ๆ”

“นี่ยายปิ่น ฉันถามแกจริงๆ เถอะ ยายแม่ค้าขายขนมอะไรนั่นให้เงินแกมากมายซะขนาดที่แกยอมเปลืองตัวขนาดนี้เลยเหรอ”

“เปล่าหรอก…ความจริงแล้ว ฉันยังไม่รู้เลยด้วยซ้ำว่าเขาจะให้ฉันเท่าไหร่” ปิ่นมณีพูดเสียงอ่อย “แต่ฉันก็ไม่ได้ลำบากอะไรนักหรอก ก็แค่ไม่ได้ออกกำลังกายมานานมันก็เลยเหนื่อยไปหน่อย”

“ฉันไม่เห็นด้วยกับแกเลยนะปิ่น ที่แกจะมาทำงานแบบนี้ เอางี้ก็แล้วกัน เอาไว้ฉันเข้าไปทำงานแล้วจะแนะนำงานดีๆ ให้แก แกจะได้ไม่ต้องมาลำบากแบบนี้”

“แกไม่ต้องห่วงฉันขนาดนั้นหรอกน่า ฉันน่ะลำบากมาจนชินแล้ว เรื่องแค่นี้รับมือได้สบาย”

“ฉันรู้ว่าแกน่ะเก่ง แต่ขืนทำแบบนี้ต่อไปเรื่อยๆ ฉันกลัวว่าแกจะอยู่ไม่สุข เกิดวันใดวันหนึ่งแกเผลอไปสร้างศัตรูเอาไว้โดยไม่รู้ตัว ถูกเขาดักยิงเอาจะทำยังไง”

“แกก็คิดไปเรื่อย มันจะเป็นแบบนั้นได้ยังไง”

“เอาเถอะ! ฉันไม่เถียงกับแกแล้ว เดี๋ยวจะหมดอารมณ์ไปเสียก่อน” ลีลาวดีพูดตัดบทก่อนจะคว้าชามโจ๊กไปล้างในอ่างด้านใน “แกไปเตรียมด้วยได้แล้ว ฉันล้างจานแป็บเดียว สายมากๆ คนมันจะเยอะ”

“เฮ้ย! นี่กี่โมงแล้ว” ปิ่นมณีตะโกนขึ้นมาอย่างนึกขึ้นได้ เมื่อเดินไปดูนาฬิกาที่แขวนไว้บนผนังก็ตกใจ “ตายแล้ว! ฉันลืมโทรไปลางานที่ร้าน” แล้วหญิงสาวก็คว้าโทรศัพท์ขึ้นมาพูดสองสามประโยคก่อนจะวางสายด้วยความโล่งอก

ณ สปาชื่อดังร้านหนึ่ง บนถนนเศรษฐกิจสายหนึ่งในกรุงเทพมหานคร

 “คุณโรสคะ โทรศัพท์ดังค่ะ” เสียงของพนักงานสปาสาวสวยนางหนึ่งวิ่งหน้าตาตื่นเข้ามาพร้อมด้วยโทรศัพท์สีเงินรุ่นใหม่ที่สั่งทำพิเศษจากอิตาลีในมือ

“เบาๆ สิยะแม่เอ็มมี่ เดี๋ยวโทรศัพท์ฉันก็เป็นรอยนิ้วมือของเธอพอดี” โรสกรีดนิ้วออกไปรับโทรศัพท์จากมือของพนักงานสปาสาวที่ชื่อเอ็มมี่อย่างระวังไม่ให้เล็บมือที่เพิ่งแต่งแต้มด้วยสีแดงเบอร์กันดีเสียหาย เสียงเพลงเรียกเข้าภาษาฝรั่งเศสดังขึ้นอย่างต่อเนื่อง แต่โรสกลับไม่ใส่ใจ เบอร์อันคุ้นตาโชว์หราอยู่บนหน้าจอ หลังจากชั่งใจอยู่สักพักหญิงสาวสวยไฮโซก็กดรับสาย

“ว่าไง”

“เอ่อ…คุณโรสใช่ไหมคะ” อีกฝ่ายพูดเสียงแผ่วราวกระซิบ

“ก็แล้วหล่อนตั้งใจจะโทรหาใครละยะ”

“ดิฉัน…พิมพ์จิตรค่ะ”

“รู้แล้ว! มีอะไรก็ว่ามา มัวลีลาอยู่ได้” โรสเริ่มอารมณ์เสีย

“เอ่อ…ค่ะ! คือว่า…เมื่อวานนี้คุณทัดภูมิออกไปข้างนอกกับผู้หญิงหน้าตาดีคนหนึ่งตั้งแต่ตอนบ่าย จนป่านนี้ยังไม่กลับเข้ามาเลยค่ะ”

“ว่าไงนะ! แต่นี่มันจะเที่ยงแล้วไม่ใช่เหรอ ออกไปตั้งแต่เมื่อวานแล้วทำไมเธอถึงเพิ่งมาบอกฉันเอาป่านนี้”

“ขอโทษนะคะคุณโรส ดิฉันคิดว่าเป็นแค่ลูกค้าธรรมดาๆ แต่นี่ยังไม่เห็นกลับมาเลย”

“แล้วทัดไม่ได้บอกอะไรเธอบ้างเลยหรือ เป็นเลขาฯ ภาษาอะไร เจ้านายออกไปไหนข้ามวันข้ามคืนแบบนี้กลับไม่รู้”

“คือ…คุณทัดภูมิไม่ได้บอกอะไรดิฉันเลยค่ะ สั่งเอาไว้แค่เพียงว่าถ้ามีคนมาหา หรือโทรมาหาให้บอกว่าติดประชุมนอกบริษัท”

“มีอะไรอยากจะบอกฉันอีกไหม ถ้าไม่มีก็แค่นี้แล้วกัน อ้อ! ในฐานะที่เธอทำงานพลาด ฉันจะตัดเงินค่าจ้างพิเศษของเธอเดือนนี้เหลือแค่ครึ่งเดียว” พูดเสร็จโรสก็วางสายทันทีโดยไม่รอฟังเสียงร้องโวยวายของคนปลายสาย

“เอ้า! ทำต่อสิยะ มัวมองอะไรกันอยู่ได้” โรสเอ็ดพวกพนักงานสาวๆ ที่ยืนฟังเรื่องของเธอตาเป็นมัน “เร่งมือหน่อยนะ ฉันมีธุระต้องรีบไป”

“อ้าว! ไหนคุณโรสบอกว่าวันนี้มีเวลาว่างทั้งวันนี่คะ”

“นั่นสิ…นี่ยังไม่ได้สปาดีท็อกซ์ผิวเลยนะคะ” พนักงานสปาสาวสวยอีกคนพูดขึ้น

“เอาไว้คราวหน้าก็แล้วกัน” ว่าแล้วไฮโซสาวก็คว้าโทรศัพท์เครื่องเดิมขึ้นมาอีกครั้งก่อนจะกดหมายเลขที่คุ้นมือทันที เธอรอฟังเสียงรอสายอยู่สักพักก็มีเสียงตอบรับดังกลับมา ก่อนจะกรอกเสียงหวานที่ไม่ค่อยใสนักลงไป

“ตอนนี้ทัดอยู่ที่ไหนคะ”

“เอ่อ…อยู่ข้างนอกน่ะครับ กำลังจะกลับเข้าบริษัท คุณมีอะไรหรือเปล่า”

“ฮึ!”  ไฮโซสาวทำเสียงขึ้นจมูก “เดี๋ยวนี้ต้องมีธุระด้วยหรือคะโรสถึงจะโทรหาคุณได้”

“อย่าเข้าใจผิดสิครับโรส ไม่ใช่อย่างนั้นสักหน่อย”

“ช่างเถอะค่ะ! โรสก็แค่จะโทรมาชวนคุณออกไปหาอะไรอร่อยๆ กินกันก็แค่นั้นเอง”

“แต่บ่ายนี้ผมมีประชุมด่วน เอางี้นะครับ ตอนเย็นผมจะไปรับคุณที่คอนโดฯ ดีไหม” ทัดภูมิให้ข้อเสนอ ชายหนุ่มเกรงว่าคำปฏิเสธของเขาอาจทำให้แฟนสาวเกิดอารมณ์โมโห และอาจจะอาละวาดคนรอบข้างได้เพราะถูกขัดใจ เขาเลยขอเลื่อนเป็นมื้อเย็นแทน ซึ่งก็ได้ผล

“งั้นก็ได้ค่ะ อย่ามาสายนะคะ” โรสพูดเสียงหวานก่อนจะวางสายไปอย่างอารมณ์ดี ใบหน้าของเธอยิ้มแย้มผิดกับเมื่อครู่ลิบลับ

“คืนนี้มีนัดดินเนอร์เหรอคะ” แม่สาวสปาถามขึ้นอีกครั้ง

“แหม! พวกเธอเนี่ยมันหูตาไวเสียจริงนะ แต่ก็เอาเถอะ! วันนี้ฉันอารมณ์ดี จะยกให้สักวัน แล้วก็…เตรียมห้องดีท็อกซ์ไว้เลยนะ วันนี้ฉันไม่มีธุระอะไรแล้ว ทำให้สุดฝีมือล่ะ ฉันจะตบรางวัลให้อย่างงาม”

ฝ่ายทัดภูมิที่พอวางสายจากแฟนสาวแล้วก็ก้มหน้าก้มตากับการศึกษาแบบตกแต่งภายในที่สถาปนิกของเขาเพิ่งส่งมาให้เมื่อครู่ วันนี้สิทธิศักดิ์ติดงานสำคัญ เขาจึงอาสาที่จะออกมารับงานกับอินเทอร์เรอร์ด้วยตัวเอง โดยมีสถานที่นัดหมายอยู่ที่ร้านกาแฟที่มีหนังสือเกี่ยวกับการออกแบบ และตกแต่งเยอะที่สุดเท่าที่เขาเคยเห็นมา

ชายหนุ่มพักสายตาโดยการมองผนังสีขาวที่ตกแต่งภาพวาด ‘Sunflowers’ ของแวนโก๊ะห์ ก่อนจะไล้สายตาไปทั่วร้านจนมาถึงโต๊ะว่างด้านข้าง ภาพเมื่อหลายสัปดาห์ก่อนปรากฏขึ้นมาอีกครั้ง ในวันนั้นตอนที่เข้ามาที่ร้านนี้ครั้งแรก เขาได้พบกับผู้หญิงคนหนึ่งกำลังนั่งหน้าตาเคร่งเครียดอยู่หน้าโน้ตบุ๊คส์ ถ้าจำไม่ผิดเธอสั่งช็อคโกแล็ตแค่เพียงแก้วเดียว ก่อนจะพูดคุยกับเขาสองสามคำ แม้ว่าเธอจะแต่งตัวแสนจะธรรมดาจนเรียกได้ว่า บ้านแบบสุดๆ เมื่อเทียบกับโรสแฟนสาวของเขา แต่ในความรู้สึกของชายหนุ่ม เธอกลับดูน่าประทับใจอย่างประหลาด

“ว่าแต่ว่า…ผู้หญิงคนนั้นหน้าตาเป็นยังไงนะ”

ทัดภูมิพูดกับตัวเองเหมือนรำพึงเสียมากกว่า เมื่อนึกไม่ออกว่าผู้หญิงที่เขาเคยได้พบที่นี่เมื่อหลายสัปดาห์ก่อนนั้นมีหน้าตาแบบไหน ก่อนจะถอนหายใจออกมาอย่างยอมแพ้

“เฮ้อ! คิดไปก็ปวดหัว กลับออฟฟิตดีกว่า”

แค่ก แค่ก แค่กเสียงสำลักอย่างรุนแรงของปิ่นมณีทำเอาคนทั้งร้านหันมามองเป็นตาเดียว ลีลาวดีพยายามลูบหลังเพื่อน ขณะที่เจ้าตัวเอาแต่ดื่มน้ำเพื่อทำให้เม็ดข้าวที่ค้างอยู่ในลำคอร่วงลงกระเพาะไป

“ค่อยยังชั่วขึ้นบ้างไหม” ลีลาวดีถามขึ้นอย่างเป็นห่วง

“อื้อ! ไม่เป็นไรแล้วล่ะ” ปิ่นมณีตอบขึ้นหลังจากดื่มน้ำหมดเหยือก “อยู่ดีๆ ข้าวก็เกิดติดคอขึ้นมา”

“สำลักแบบนี้โบราณว่าไว้ถ้าไม่มีคนนินทา ก็ต้องมีคนนึกถึง”

“ถ้างั้นก็คงเป็นคนที่ร้านนั่นแหละ ป่านนี้คงคิดว่าฉันหนีงานแน่ๆ”

“พูดถึงที่ร้านฉันว่าแกอย่าเข้าใกล้คนที่ชื่ออ้อยมากนักจะดีกว่า” เมื่อเห็นคนข้างๆ ส่งสายตาเป็นเชิงถามถึงเหตุผล ลีลาวดีก็พูดต่อ

“ฉันว่ายายนี่ต้องคิดไม่ดีกับเธอแน่ๆ เลย”

“แกไม่ต้องห่วงหรอกน่า ฉันมีวิธีรับมือ”

“เหรอ! รับมือโดยการยอมทำทุกอย่างตามที่แม่นั่นพูดงั้นเหรอ”

“ก็…ช่างมันเหอะ แค่ช่วงเวลาสั้นๆ เท่านั้นเอง ไม่เป็นไรหรอก ฉันมั่นใจว่าอีกไม่นานก็คงได้เบาะแสสำคัญ ฉันอยากรู้แค่เพียงว่าเด็กที่ชื่อเปิ้ลน่ะท้องกับเชฟพัลลภจริงหรือเปล่า ถ้าได้เห็นกับตาตัวเองฉันถึงจะเชื่อ”

“ยังไงก็อย่าทำให้มันยืดเยื้อจนถอนตัวออกมาไม่ได้ล่ะ เออนี่! ว่าแต่แกชอบชุดสีชมพูที่ฉันซื้อมาหรือเปล่า”

“ก็…สวยดี ถามทำไม”

“ฉันถามแกว่าชอบหรือไม่ชอบ ไม่ได้ถามว่ามันสวยหรือเปล่า”

“ชอบสิ มีอะไรเหรอ”

“เปล่าหรอก! ฉันแค่คิดว่าแกใส่สวยกว่าฉัน ก็เลยตั้งใจจะให้น่ะ”

“เฮ้ย! ไม่ต้องหรอก แล้วอีกอย่าง ตั้งแต่เกิดมาฉันก็ไม่เคยใส่ชุดสีชมพูด้วย”

“ก็ลองเปลี่ยนดูบ้างสิ ไม่เห็นเป็นไรเลย”

“แกจะให้ฉันใส่ออกไปไหนไม่ทราบ งานการก็ไม่ได้ทำหรูหราอะไรกับเขา ทุกวันนี้ก็ใส่แต่เสื้อยืดกางเกงยีน แถมชุดแกก็ดูหรูซะอย่างกับจะแต่งไปออกงานบอล”

“จะบ้าเหรอไง! มันก็แค่ชุดใส่ไปเที่ยวธรรมดาๆ เท่านั้นแหละ แกเอาไปเหอะ เอาไว้ใส่ตอนออกไปดูหนังกับฉันก็ได้” ลีลาวดีพูดพลางยัดถุงเสื้อใส่มือเพื่อนรัก ทำให้ปิ่นมณีต้องจำใจรับมาอย่างไม่ค่อยเต็มใจนัก

“ขอบใจนะ”

“อื้อ! อะ…จริงสิ ว่าจะถามแกตั้งแต่เมื่อกี้แล้ว”

“อะไรเหรอ”

“ข้างห้องแกมีผู้ชายตัวสูงๆ ผิวสองสี หน้าคมๆ อยู่ด้วยใช่ไหม”

ปิ่นมณีฟังคำถามของเพื่อนรักก่อนจะใช้ความคิดอย่างเต็มที่ เธอพยายามนึกถึงหน้าของคนที่อาศัยร่วมชั้นเดียวกันกับเธอทุกคน

“อ๋อ! ลักษณะท่าทางแบบนั้นก็คงมีแต่นายกฤษณ์คนเดียวแหละ”

“นายกฤษณ์เหรอ”

“ใช่! เขาชื่อกฤษณ์ เป็นนักข่าวสารคดี ไม่ค่อยจะอยู่ที่ห้องหรอก ออกต่างจังหวัดตลอด แกถามทำไม”

“เปล่าหรอก! พอดีฉันเจอเขาโดยบังเอิญตอนที่มาหาแกน่ะ”

“กฤษณ์กับฉันสนิทกัน ไว้ใจได้ ยังเคยให้ช่วยมาซ่อมท่อน้ำแล้วก็หลอดไฟอยู่บ่อยๆ ถ้ามาไม่เจอฉันก็ฝากกฤษณ์เอาไว้ก็ได้”

“ไม่เห็นแกเคยเล่าให้ฉันฟังเลย”

“ก็…เห็นว่าไม่ใช่เรื่องสำคัญอะไร ว่าแต่แกกลับคนเดียวได้ใช่ไหม ฉันต้องไปทำงานที่ร้านต่อ” ปิ่นมณีพูดขึ้นอย่างนึกได้ ก่อนจะแยกกับเพื่อนรักที่หน้าห้างสรรพสินค้า ก่อนไปลีลาวดีไม่ลืมกำชับให้เธอระวังตัวให้ดี

“ย่ะ! ถ้ามีอะไรฉันจะรีบโทรไปรายงานแกเป็นคนแรกเลย ไม่ต้องห่วงหรอกน่า” ปิ่นมณีตะโกนบอกเพื่อนรัก พลางโบกมือให้ก่อนจะกระโดดขึ้นรถเมล์ไปอย่างอารมณ์ดี

กว่าปิ่นมณีออกจากร้าน จิ๊กกี๋โภชนา

ก็ล่วงเข้าสามทุ่มเศษ ร่างกายเธออ่อนล้าเพราะการทำงานหนัก แม้ว่าขาทั้งสองข้างแทบจะไม่มีแรง แต่เธอก็ยังกระปรี้กระเปร่าและมีสติเต็มร้อย ขณะที่หญิงสาวกำลังเดินออกจากร้านนั้น ก็แอบเห็นเด็กสาวชื่อเปิ้ลยืนคุยกับเชฟพัลลภอยู่ตรงซอกตึกที่ร้างผู้คน ปิ่นมณีหันมองซ้ายมองขวา เมื่อเห็นว่าปลอดคนจึงค่อยๆ ย่องเข้าไปใกล้ โดยแอบอยู่ข้างรถคันสีดำคันใหญ่ที่จอดขวางทางอยู่ เสียงพูดคุยของทั้งสองดังแว่วมา

“เธอพูดจริงเหรอ” เชฟพัลลภพูดเสียงเครียด

“หนูก็ไม่รู้ แค่รู้สึกว่าจะใช่”

“เรื่องแบบนี้มันจะไปคิดเองได้ยังไง เธอฟังฉันนะ พรุ่งนี้เช้าเข้าไปที่ร้านขายยา แล้วก็จัดการให้เรียบร้อย ได้ผลยังไงรีบบอกฉันทันที จะได้หาวิธีแก้ไขได้ทัน”

“แต่ว่า…”

“ไม่ต้องพูดอะไรอีกแล้ว” เชฟพัลลภหันไปมองรอบตัวก่อนจะดึงตัวเด็กสาวขึ้นรถที่จอดไว้ ปิ่นมณีรีบหลบวูบ “ขึ้นรถเถอะ เดี๋ยวใครมาเห็นเข้า” ไม่กี่วินาทีต่อมารถคันดังกล่าวก็ขับฝ่าความมืดออกไป ทิ้งให้ปิ่นมณียืนคิดอยู่คนเดียวอย่างไม่เข้าใจ

“พรุ่งนี้ทำไมต้องเข้าไปที่ร้านขายยาด้วย" ปิ่นมณีพูดพึมพำก่อนจะออกเดินไปตามถนนอีกครั้ง เธอตั้งใจว่าพรุ่งนี้จะต้องแอบตามเด็กที่ชื่อเปิ้ลไปเสียแล้ว

ฝ่ายทัดภูมิกับโรส เมื่อเสร็จสิ้นจากการดินเนอร์ในภัตตาคารสุดหรู เขาก็ขับรถไปส่งเธอที่บ้าน สาวโรสนั่งคอเชิดยิ้มหน้าบานอยู่ในรถจนถึงบ้าน

“ถึงแล้วจ้ะ”

“แหม! โรสยังไม่อยากกลับเลยค่ะ อยู่กับทัดทีไรรู้สึกว่าเวลามันผ่านไปเร็วทุกที ขอโรสนั่งอยู่ในนี้กับทัดสักพักได้ไหมคะ หมู่นี้เราไม่ค่อยได้เจอกันเลย”

“อย่าเลยครับ ดึกแล้ว…เข้าบ้านเถอะ”

โรสทำท่าอิดออด แต่เมื่อเห็นสายตาของอีกฝ่าย เธอจึงจำใจลงจากรถโดยไม่ลืมหันไปหอมแก้มชายหนุ่มฟอดใหญ่ ทัดภูมิทำหน้าเหวอเมื่อถูกอีกฝ่ายจู่โจมอย่างไม่ทันตั้งตัว

“ราตรีสวัสดิ์ค่ะ ดาร์ลิ่ง”

ไฮโซสาวหันมาโบกไม้โบกมือก่อนจะเดินนวยนาดเข้าบ้านไปอย่างอารมณ์ดี เมื่อเห็นว่าหญิงสาวเดินเข้าบ้านไปแล้ว ทัดภูมิก็ขับรถจากไป

ระหว่างทางกลับบ้าน ทัดภูมิก็ต้องอารมณ์เสียอีกครั้ง เมื่อถูกรถแท็กซี่วิ่งตัดหน้า เขารีบขับรถประกบอย่างไม่ยอมแพ้ ก่อนจะตัดหน้าจนแท็กซี่เบรกตัวโก่ง ปิ่นมณีที่นั่งอยู่บนรถสะดุ้งเฮือก

“ไอ้บ้าเอ๊ย!” คนขับแท็กซี่บ่นอย่างหัวเสียก่อนจะเปิดปะตูลงจากรถ

“คุณอยู่ในนี้ก่อนนะ เดี๋ยวผมมา”

ปิ่นมณีมองตามไปอย่างหวาดๆ ได้แต่ภาวนาว่าอย่ามีเรื่องร้ายแรงอะไรเกิดขึ้น เธอมองเห็นคนขับแท็กซี่เดินไปเคาะกระจกรถคันหรูที่ขับมาขวางหน้าอย่างอารมณ์เสีย จากนั้นไม่นานชายหนุ่มเจ้าของรถก็โผล่หน้าออกมา ซึ่งเธอเห็นไม่ถนัดนัก ทั้งสองพูดคุยกันอยู่สักพัก ปิ่นมณีไม่กล้าแม้จะเปิดกระจกรถ จากภาพที่ได้เห็นเธอคิดว่ามันไม่ใช่การพูดคุยกันธรรมดาแน่ๆ แต่มันเป็นการถกเถียงกันเสียมากกว่า ปิ่นมณีเห็นคนขับแท็กซี่เดินหน้ามุ่ยมาที่รถก่อนจะขับออกไปอย่างเร็วชนิดที่ปิ่นมณีต้องเอามือจับเบาะหลับตาปี๋ ไม่กล้าแม้จะถามถึงเรื่องราวที่เกิดขึ้น สิ่งเดียวที่คิดได้ตอนนี้คือขอให้เธอกลับถึงบ้านโดยปลอดภัยก็พอ

ทัดภูมิขับรถเข้าบ้านด้วยใบหน้าบูดบึ้ง เขายังไม่หายโมโหคนขับแท็กซี่ที่ก่อกวนบนท้องถนนจนเขาต้องเปิดฉากสงครามฝีปากกลางถนนหลวงอย่างไม่เกรงใจใคร ชายหนุ่มลงจากรถเดินเข้าบ้านก็พบกับวันชัย ผู้เป็นพ่อยืนหน้าบึ้งไม่แพ้กันรออยู่ที่หน้าประตู

“งานยุ่งนักหรือไงถึงได้กลับดึกๆ ดื่นๆ แบบนี้”

“แล้วใครใช้ให้รอผมล่ะ”

“แกไม่เถียงฉันสักวันได้ไหม”

“พ่อครับ ผมไม่มีอารมณ์มาทำสงครามประสาทกับพ่อหรอกนะครับ วันนี้ผมเหนื่อยมาก”

“แกไม่เคยกลับดึกขนาดนี้ ไปไหนมากันแน่ เห็นสิทธิศักดิ์บอกว่าหมู่นี้แกไม่ค่อยเข้าออฟฟิต คิดจะทำตัวเหลวไหลอย่างนั้นเหรอ”

“นี่พ่อถึงขนาดโทรไปเช็คผมถึงที่บริษัทเลยเหรอ มันไม่มากไปหน่อยเหรอครับ ที่นั่นมันเป็นของผม ผมเป็นคนก่อตั้งมันขึ้นมาเองกับมือ ผมจะเข้าหรือไม่เข้า จะทำงานหรือไม่ทำก็ไม่เห็นเกี่ยวกับพ่อ แล้วต่อไปนี้ก็อย่ายุ่งเรื่องของผมด้วย” ทัดภูมิตะโกนใส่หน้าพ่ออย่างฉุนเฉียวก่อนจะหนีขึ้นไปบนห้อง ทิ้งให้วันชัยยืนโมโหจนตัวสั่น 

“ไอ้ลูกเวร หยุดเดินหนีฉันเดี๋ยวนี้นะ”

เช้าวันรุ่งขึ้น ปิ่นมณีไปถึงร้านอาหารแต่เช้าก่อนใครเพื่อน ไม่ใช่เพราะว่าต้องการจะชดเชยความผิดที่เธอขาดงานช่วงเช้าเมื่อวันก่อน แต่เพราะเธอมีจุดมุ่งหมายอื่น นั่นคือการตามดูพฤติกรรมของเด็กที่ชื่อเปิ้ลต่างหาก  

“อ้าว! โบตั๋น มาแต่เช้าเลยนะวันนี้” เสียงของวราภรณ์ทักขึ้นทันทีที่เห็น

“สวัสดีค่ะเจ๊ภรณ์” ปิ่นมณียกมือไหว้อย่างนอบน้อม วราภรณ์ไหว้ตอบตามมารยาท

“ยังไม่มีใครมาเลยจ้ะ อ๊ะ! ไม่สิ…เปิ้ลมาแล้ว อยู่ข้างในแน่ะ”

“งั้นหนูขอตัวก่อนนะคะ” ปิ่นมณีรีบเข้าไปข้างในทันที เพราะสบโอกาสที่จะได้อยู่กับเด็กชื่อเปิ้ลตามลำพัง

“อ้าว! โบตั๋น มาแต่เช้าเชียว” เปิ้ลเอ่ยทักเสียงแผ่ว ใบหน้าขาวซีดนั้นเห็นได้ชัดว่าเธอกำลังมีอะไรในใจ

“พี่เปิ้ลเป็นอะไรไปคะ ทำไมหน้าซีดจัง” เปิ้ลเอามือจับหน้าตัวเองอย่างตกใจ

“ไม่มีอะไรหรอกจ้ะ ฉันแค่นอนไม่หลับน่ะ”

“เหรอคะ…เอ่อ…พี่เปิ้ลคะ ฉันมีเรื่องอะไรบางอย่างอยากถาม” เมื่อเห็นเปิ้ลทำท่าทางสนใจ ปิ่นมณีจึงพูดต่อ

“คือ…ถ้าสมมติว่าเราเกิดไปมีความรู้สึกพิเศษกับคนที่มีเจ้าของแล้ว เราควรทำยังไงดีคะ” ปิ่นมณีแกล้งเล่นละครแอ็บแบ๊วถามคำถามเสียงแผ่ว

เปิ้ลเงียบไปพักใหญ่ก่อนจะพูดขึ้นด้วยแววตาเลื่อนลอย “ความรู้สึกรักมันห้ามไม่ได้หรอก แต่ถ้าเราคุมให้มันอยู่ในที่ที่ควรอยู่ให้ได้ ก็จะไม่มีปัญหาตามมา ขอเพียงแค่อย่าเกินเลยไปมากกว่านี้ก็พอ”

“พี่คิดอย่างนี้จริงเหรอคะ แล้วถ้า…มันเกิดคุมไม่ได้จนกลายเป็นเรื่องใหญ่ พี่จะทำยังไง”

“พี่ก็ไม่รู้เหมือนกัน เพราะพี่เองก็ยังแก้ไขมันไม่ได้เลย”

“อะไรนะคะ” ปิ่นมณีถามย้ำอีกครั้ง เธอมั่นใจว่าตัวเองได้ยินไม่ผิด เด็กสาวชื่อเปิ้ลเผลอพูดอะไรบางอย่างออกมา

“อ๊ะ! เปล่าหรอก โบตั๋นถามทำไมเหรอ”

“เปล่าหรอกค่ะ!” ปิ่นมณีปฏิเสธ แต่เมื่อเห็นอีกฝ่ายจ้องมองอย่างไม่เชื่อนัก หญิงสาวจึงต้องจำใจแต่งเรื่องต่อไป

“คือ…เพื่อนของหนูที่ต่างจังหวัดโทรมาปรึกษาน่ะค่ะ เค้าเกิดไปรักผู้ชายที่มีเมียแล้ว แถมยังได้เสียกันอีกต่างหาก ก็เลยกลัวว่าเมียหลวงที่บ้านจะรู้ ตอนนี้ก็เลยไม่รู้จะทำยังไง หนูก็เลยบอกไปว่าอย่าคิดมาก ค่อยๆ หาทางแก้ปัญหา”

“ดีแล้วล่ะ เอ่อ…พี่ขอตัวก่อนนะ”

อยู่ๆ เปิ้ลก็ขอตัว ปิ่นมณีเห็นเธอเดินออกไปจากร้าน จึงแอบเดินตามไปติดๆ จริงอย่างที่เธอคิดเอาไว้ เปิ้ลตรงไปที่ร้านขายยาข้างๆ ปิ่นมณีเห็นเปิ้ลยืนอยู่หน้าเคาท์เตอร์สักพักก่อนจะหิ้วถุงพลาสติกใบเล็กๆ ออกมา หญิงสาวทำทีคว้าไม้กวาดที่อยู่ในร้านมากวาดพื้นขณะที่เปิ้ลเดินกลับเข้ามาในร้าน ก่อนจะตรงดิ่งไปยังห้องน้ำหญิง เมื่อเปิ้ลเดินลับตาไปแล้ว ปิ่นมณีก็ออกไปที่ร้านขายยาทันที

“เอ่อ…หนูขอซื้อแบบเดียวกับที่ผู้หญิงคนเมื่อกี้ซื้อไปน่ะค่ะ” คนขายทำหน้าสงสัยเล็กน้อย แต่ก็ยอมหยิบ ไอ้นั่น ใส่ถุงให้โดยดี เขาคิดว่าหญิงสาวคงจะอายเลยทำเป็นไม่ใส่ใจนัก

“อันนี้ขายดีมากนะ รับรองให้ผลร้อยเปอร์เซ็นต์” คนขายไม่ลืมอวดสรรพคุณของสินค้า ก่อนจะคิดเงิน เมื่อออกมานอกร้าน ปิ่นมณีก็หยิบของที่เพิ่งซื้อออกมาจากถุง เมื่อเห็นว่ามันคืออะไร เธอก็ทำตาโต  

“นี่มัน! ชุดตรวจการตั้งครรภ์ด้วยตัวเองนี่” หญิงสาวหน้าแดงฉาน คนขายต้องคิดว่าเธอกำลังตั้งท้องอยู่แน่ๆ ถึงได้ทำหน้าแปลกๆ ใส่เธอตอนที่เธอเข้าไปซื้อ  

“ถ้างั้น…เปิ้ลก็มาซื้อไอ้นี่ไปเพื่อตรวจดูว่าตัวเองท้องหรือไม่ท้องงั้นสิ ได้การแล้วปิ่นมณี วันนี้แหละ เธอจะได้รู้กันสักที” ว่าแล้วหญิงสาวก็ตามไปประกบเด็กสาวชื่อเปิ้ลทันที

ยามสายของวันเสาร์ ทัดภูมินั่งอ่านหนังสือพิมพ์จิบกาแฟอย่างอารมณ์ดีอยู่ในสวนหน้าบ้าน วันชัยที่เดินออกมาสูดอากาศเห็นเข้าก็แปลกใจ เขาชะลอฝีเท้าก่อนจะเดินไปหาลูกชายตัวดีทันที

“วันนี้อยู่บ้านได้สักทีนะ” ทัดภูมิได้ยินเสียงทักของพ่อก็เกิดอาการหน้าชาขึ้นมาทันที อารมณ์สุนทรีย์เมื่อครู่หายไปหมดสิ้น

“แล้วพ่อไม่ไปหาผู้หญิงคนนั้นที่เชียงใหม่เหรอ เห็นทุกครั้งถึงวันหยุดทีไร ต้องรีบแจ้นไปหาทันทีนี่” ทัดภูมิพูดแดกดันผู้เป็นพ่อ ผู้หญิงคนนั้น ที่เขาพูดถึงคือโชติกา สาวชาวเหนือ ภรรยาคนใหม่ของพ่อ หรือจะพูดให้ถูกก็คือ แม่เลี้ยงของเขานั่นเอง

“เมื่อไหร่แกจะหยุดพูดแดกดันฉันเรื่องโชติกาสักที ขนาดเขาหนีแกไปอยู่โรงงานที่เชียงใหม่แล้ว แกยังไม่เลิกพูดถึงเขาเสียๆ หายๆ รู้ซะบ้างสิที่เขาอยู่ที่นี่ไม่ได้ก็เพราะว่าแกเป็นต้นเหตุ”

“แล้วไงครับ พ่อก็เลยจะหาทางยกโรงงานให้มันดูแลด้วยงั้นสิ”

“ไปกันใหญ่แล้ว…” วันชัยพยายามทำใจเย็นก่อนจะพูดต่อ “ฉันมีงานให้แกช่วย อาทิตย์หน้าฉันต้องไปคุยกับลูกค้าที่สั่งผ้าไหมล็อตใหญ่ที่อเมริกา ฉันอยากให้แกช่วยไปดูงานที่โรงงานแทนฉันสัก 4-5 วัน”

“คงไม่ได้หรอกครับ ที่บริษัทผมเองก็ยุ่งเหมือนกัน ลูกค้าจากสเปนจะเข้ามาดูงาน เรื่องง่ายๆ แค่นี้แม่นั่นก็ทำได้ ทำไมไม่ให้ดูแทนล่ะ สแตนบายอยู่ที่โรงงานอยู่แล้วนี่ ยังไงซะพ่อก็ตั้งใจจะยกกิจการให้แม่นั่นอยู่แล้ว ก็ถือซะว่าเป็นการฝึกงานไปในตัวก็แล้วกัน”

“หยุดเดี๋ยวนี้นะไอ้ลูกเวร! หยุดพูดอะไรบ้าๆ สักที แล้วก็เลิกทำตัวเป็นเด็กได้แล้ว หัดมีเหตุผลซะบ้าง”

“เชิญพ่อทำไปคนเดียวเถอะ! จำไว้นะครับ ผมไม่มีวันหายใจร่วมกับผู้หญิงคนนั้นเป็นอันขาด” ทัดภูมิโมโหสุดขีด เขาเดินตรงไปที่รถส่วนตัว ก่อนจะสตาร์ทและขับออกจากบ้านไปอย่างเร็วด้วยความโมโหสุดขีด

บทที่เกี่ยวข้อง

  • เสน่ห์รักนักสืบสาว   -1-

    “เอาล่ะ! เท่านี้ก็เสร็จเรียบร้อย” หญิงสาวผมสั้นทรงบ็อบเทพูดกับตัวเองขณะมองดูผลงานบนจอคอมพิวเตอร์อย่างอารมณ์ดี“เพียงแค่คุณคือผู้เดือดร้อน ไม่สบายใจในทุกปัญหา ต้องการค้นพบคำตอบที่ถูกอำพรางไว้ โทรหาเราสิคะ 089-xxxxxxx นักสืบสาวโบตั๋นยินดีช่วยเหลือ…แกแน่ใจแล้วเหรอยายปิ่น” ลีลาวดีอ่านข้อความในบล็อกส่วนตัวของเพื่อนสาวพลางทำหน้าปูเลี่ยน ก่อนจะหันมาถามเพื่อความแน่ใจอีกครั้งกับการตัดสินใจของเพื่อนซี้“แน่ยิ่งกว่าแน่ ก็ฉันไม่มีทางเลือกแล้วนี่ คนตกงานเป็นปีๆ อย่างฉัน ลองมาทุกทางแล้วก็ไม่เห็นมีอะไรคืบหน้าสักที ก็มีแค่ทางนี้ทางเดียวเท่านั้นแหละ”“แต่ไอ้งานนักสืบเนี่ยมันเสี่ยงมากนะ อย่างแกน่ะมันไม่หนักไปหน่อยเหรอ เดี๋ยวนี้ยิ่งมีข่าวต้มตุ๋นหลอก ลวงกันไม่เว้นแต่ละวัน เราไม่หลอกเขา เขาก็หลอกเรา ฉันว่าแกอย่าเสี่ยงเลยปิ่น เชื่อฉันเหอะ”“มันก็ไม่แน่เสมอไปหรอกริน ฉันอาจจะโชคดีมือขึ้นทางนี้ก็ได้ อีกอย่างแกก็รู้ว่าฉันเก่งวิชาพละ มีอะไรเกิดขึ้นฉันเอาตัวรอดได้อยู่แล้ว”“ทำเป็นอวดเก่ง แกจะใช้วิชาม้วนหน้าม้วนหลัง หกกบ สะพานโค้ง ตีลังกาล้อเกวียนหนีพวกโจรมัน เหรอไง ยายบ้า”“แกไม่เป็นฉันแกไม่รู้หรอกว่าการที่ต้

    ปรับปรุงล่าสุด : 2025-03-03
  • เสน่ห์รักนักสืบสาว   -2-

    “ว่าไงนะ!” รจนากับลีลาวดีถามขึ้นมาพร้อมกันเมื่อได้ยินสิ่งที่ปิ่นมณีเล่าให้ฟัง“ก็อย่างที่พูดมานั่นแหละ ยายเจ๊นั่นเดินเอาขวดฉี่ไปสาดหน้าผัวแล้วก็ชู้กลางร้าน กลิ่นนี้เหม็นหึ่ง ขนาดฉันยืนอยู่ข้างนอกยังได้กลิ่นชัดเลย ไอ้ผัวจอมเจ้าชู้นั่นนะอย่างกับหมูตกบ่อฉี่เลยล่ะ” สิ้นเสียงของปิ่นมณี เสียงหัวเราะท้องแข็งก็ดังประสานกันขึ้นมา ทำเอาร้านเล็กๆ อย่างร้านช็อกโกแล็ตสั่นสะเทือน“พูดถึงแล้วก็อยากเห็นหน้าแม่นั่นตอนโดนสาดฉี่จังเลยเนอะ” ลีลาวดีพูดทั้งๆ ที่ยังไม่หยุดหัวเราะ“แต่พี่ว่ามันไม่ค่อยน่าดูเท่าไหร่หรอกนะ ผัวเมียไปตบตีกันในร้านอาหารสาธารณะเนี่ย เฮ้อ! โชคดีที่พี่ไม่คิดแต่งงาน ถ้ามาเจออย่างนี้เข้าคงซวยไปทั้งชาติ แต่ปิ่นก็ต้องระวังตัวด้วยนะ พี่ว่าไอ้งานแบบนี้มันเสี่ยงใช่ย่อย เราเองก็เป็นผู้หญิงตัวคนเดียว ถ้าเป็นไปได้เลิกทำเถอะ พี่ฟังแล้วยังอดกลัวแทนไม่ได้เลย ถ้าวันหนึ่งมันไม่ใช่แค่ฉี่ แต่เป็นพวกสารเคมีหรือว่าน้ำกรดขึ้นมา เราจะกลายเป็นคนบาปได้นะ ยังไงก่อนจะรับงานก็ดูให้ดีๆ ก่อนละกัน ยิ่งงานที่ค่าจ้างงามๆ เนี่ยมันน่าคิด เศรษฐกิจแบบนี้คงไม่มีใครเอางานง่ายๆ ที่จ่ายค่าจ้างแพงๆ มาให้ทำหรอก”“แหม! พี่นา

    ปรับปรุงล่าสุด : 2025-03-03
  • เสน่ห์รักนักสืบสาว   -3-

    “ทัดคะ คุณทำแบบนี้กับโรสได้ยังไงกัน ทั้งๆ ที่โรสชวนคุณทานข้าว โรสเป็นห่วงว่าคุณจะเครียดเกินไป แต่คุณก็บอกว่าไม่ว่าง กลับไปนั่งสวีตกับใครก็ไม่รู้ในร้านที่เราไปด้วยกันประจำ แล้วแม่นั่นน่ะเหรอลูกค้า โรสว่ามองยังไงมันก็ไอ้ผู้หญิงที่ชอบแย่งของของชาวบ้านนั่นแหละ ทำไมคุณต้องโกหกโรสด้วยคะ” โรสในชุดสีแดงไวน์โวยวายลั่นห้องพร้อมน้ำตา“ผมว่าคุณเข้าใจผิดไปใหญ่แล้วนะโรส ผมไปทานข้าวกับลูกค้าจริงๆ คุณภาณิณีเป็นลูกค้ารายใหญ่ของผม เธอเป็นลูกสาวของประธานบริษัทสกาย คอนสตัคชั่น บริษัทก่อสร้างยักษ์ใหญ่ที่คอยสนับสนุนบริษัทของผม จะพูดจะจาอะไรก็หัดให้เกียรติเขาบ้าง”“ถึงกับออกรับแทนกันเลยเหรอคะ ผู้หญิงแพศยาแบบนั้นโรสว่ามันยังน้อยไปด้วยซ้ำ มีอย่างที่ไหน ผู้ชายก็มีตั้งเยอะแยะ ชอบทำตัวเป็นแมวขโมยของของคนอื่น พฤติกรรมแบบนี้ลูกผู้ลากมากดีเขาไม่ทำกันหรอก”“มันจะไปกันใหญ่แล้วนะโรส คุณเองก็เหมือนกัน…หัดมีเหตุผลบ้างสิ เอาแต่พูดจาให้ร้ายคนอื่นแบบเสียๆ หายๆ คุณเองก็เป็นลูกผู้ลากมากดีเหมือนกัน แต่ทำไมยิ่งนับวันก็ยิ่งหยาบคาย พูดจาไม่ให้เกียรติคนอื่นเลย ผมเองก็ไม่อยากพูดจาแบบนี้กับคุณหรอกนะ แต่พฤติกรรมของคุณนับวันผมเริ่มทน

    ปรับปรุงล่าสุด : 2025-03-04
  • เสน่ห์รักนักสืบสาว   -4-

    รุ่งเช้าปิ่นมณีเดินไปด้อมๆ มองๆ อยู่ที่ร้านอาหารขนาดย่อมร้านหนึ่งที่ตั้งอยู่ตรงกลางโดยมีร้านขายดอกไม้และร้านขายยาขนาบอยู่สองข้างซ้ายขวา หน้าร้านสีขาวขนาดสองคูหาสองชั้นตกแต่งด้วยไม้ดอกจำพวกชวนชมหลากสีที่ตัดแต่งเป็นพุ่มสวยงาม ปิ่นมณีจ้องมองอย่างอดที่จะชื่นชมไม่ได้ หญิงสาวมองป้ายประกาศเล็กๆ ที่ติดอยู่บนกระจกหน้าร้านพลางเลยไปยังป้ายขนาดใหญ่ที่เขียนด้วยอักษรนูนสีทองว่า ‘จิ๊กกี๋โภชนา’ อย่างใช้ความคิดสักพักก่อนจะตัดสินใจเปิดประตูกระจกเข้าไป“ขอโทษนะคะคุณ ตอนนี้ร้านยังไม่เปิดให้บริการค่ะ” พนักงานสาวที่ไม่สวยเลยสักนิดหันมาบอกอย่างตกใจเมื่อเห็นปิ่นมณีเดินเข้ามาด้วยคิดว่าเป็นลูกค้า“คือ…ฉะ…หนูมาสมัครงานค่ะ”ปิ่นมณีพูดอย่างไม่มั่นใจนักว่าจะใช้คำสรรพนามเรียกตัวเองว่าอะไร สุดท้ายก็นึกขึ้นมาได้ว่าเธอกำลังปลอมตัวเป็นเด็กมาหางานพิเศษทำ จึงใช้คำเรียกตัวเองว่า ‘หนู’ แทน ‘ฉัน’ อย่างที่ตั้งใจไว้ในตอนแรก“สมัครงานงั้นเหรอ” เมื่อรู้ว่าปิ่นมณีไม่ใช่แขก หญิงสาวคนเดิมจึงเปลี่ยนท่าทีการพูดในทันใด“เธออายุเท่าไหร่”“เอ่อ…17 จ้ะ” ปิ่นมณีตอบทันที เธอรู้สึกว่าอีกฝ่ายกำลังมองเธออย่างไม่ค่อยจะเชื่อนัก“รอเดี๋ยวนะ จะ

    ปรับปรุงล่าสุด : 2025-03-05

บทล่าสุด

  • เสน่ห์รักนักสืบสาว   -5-

    ก๊อก…ก๊อก…ก๊อก…เสียงเคาะประตูดังขึ้นที่หน้าห้อง แต่ดูเหมือนว่าเจ้าของห้องจะยังคงหลับไม่รู้เรื่องก๊อก…ก๊อก…ก๊อก…เสียงเคาะประตูดังต่อเนื่องขึ้นมาอีกครั้ง แต่ดูเหมือนจะแรงและเร็วกว่าครั้งแรกมากนัก ได้ผล! เจ้าของห้องเริ่มเกิดปฏิกิริยา เธอลืมตาขึ้นมาด้วยความตกใจเมื่อเห็นว่าตนเองนอนหลับฟุบคาอยู่ที่โต๊ะคอมพิวเตอร์ข้างเตียง“เช้าแล้วเหรอเนี่ย เผลอหลับไปได้ยังไงกันนะเรา” ก๊อก…ก๊อก…ก๊อก…เสียงเคาะประตูดังขึ้นอีกครั้ง คราวนี้ปิ่นมณีวิ่งแจ้นไปเปิดประตูทันที“ยายปิ่น! นี่แกไปทำอะไรมาเนี่ย ผมเผ้ามันถึงได้กระเซอะกระเซิงแบบนี้”“ฉันเพิ่งตื่นน่ะ เข้ามาก่อนสิ” ปิ่นมณีพูดพลางเดินหันหลังกลับเข้ามาในห้อง ทิ้งให้เพื่อนสนิทอย่างลีลาวดีเดินตามเข้ามา ลีลาวดีมองเพื่อนรักจากทางด้านหลังพลางทำหน้าบอกบุญไม่รับ“นี่ถามจริงเหอะ…แกไปทำอะไรมากันแน่ สภาพถึงได้ยับเยินแบบนี้”“อื้อ! ฉันไปทำงานมาน่ะ”“งานอะไรของแก”“ก็งานนักสืบน่ะสิ เอาน่า…อย่าเพิ่งมาซักฉันตอนนี้เลย ยังไงฉันก็ต้องเล่าให้แกฟังอยู่ดีนั่นแหละ” ปิ่นมณีพูดตัดบทขณะคว้าผ้าเช็ดตัวเข้าห้องน้ำไป“ย่ะ! แม่เพื่อนตัวดี” ลีลาวดีส่งค้อนให้ด้วยความหมั่นไส้ก่อนจะเดินเ

  • เสน่ห์รักนักสืบสาว   -4-

    รุ่งเช้าปิ่นมณีเดินไปด้อมๆ มองๆ อยู่ที่ร้านอาหารขนาดย่อมร้านหนึ่งที่ตั้งอยู่ตรงกลางโดยมีร้านขายดอกไม้และร้านขายยาขนาบอยู่สองข้างซ้ายขวา หน้าร้านสีขาวขนาดสองคูหาสองชั้นตกแต่งด้วยไม้ดอกจำพวกชวนชมหลากสีที่ตัดแต่งเป็นพุ่มสวยงาม ปิ่นมณีจ้องมองอย่างอดที่จะชื่นชมไม่ได้ หญิงสาวมองป้ายประกาศเล็กๆ ที่ติดอยู่บนกระจกหน้าร้านพลางเลยไปยังป้ายขนาดใหญ่ที่เขียนด้วยอักษรนูนสีทองว่า ‘จิ๊กกี๋โภชนา’ อย่างใช้ความคิดสักพักก่อนจะตัดสินใจเปิดประตูกระจกเข้าไป“ขอโทษนะคะคุณ ตอนนี้ร้านยังไม่เปิดให้บริการค่ะ” พนักงานสาวที่ไม่สวยเลยสักนิดหันมาบอกอย่างตกใจเมื่อเห็นปิ่นมณีเดินเข้ามาด้วยคิดว่าเป็นลูกค้า“คือ…ฉะ…หนูมาสมัครงานค่ะ”ปิ่นมณีพูดอย่างไม่มั่นใจนักว่าจะใช้คำสรรพนามเรียกตัวเองว่าอะไร สุดท้ายก็นึกขึ้นมาได้ว่าเธอกำลังปลอมตัวเป็นเด็กมาหางานพิเศษทำ จึงใช้คำเรียกตัวเองว่า ‘หนู’ แทน ‘ฉัน’ อย่างที่ตั้งใจไว้ในตอนแรก“สมัครงานงั้นเหรอ” เมื่อรู้ว่าปิ่นมณีไม่ใช่แขก หญิงสาวคนเดิมจึงเปลี่ยนท่าทีการพูดในทันใด“เธออายุเท่าไหร่”“เอ่อ…17 จ้ะ” ปิ่นมณีตอบทันที เธอรู้สึกว่าอีกฝ่ายกำลังมองเธออย่างไม่ค่อยจะเชื่อนัก“รอเดี๋ยวนะ จะ

  • เสน่ห์รักนักสืบสาว   -3-

    “ทัดคะ คุณทำแบบนี้กับโรสได้ยังไงกัน ทั้งๆ ที่โรสชวนคุณทานข้าว โรสเป็นห่วงว่าคุณจะเครียดเกินไป แต่คุณก็บอกว่าไม่ว่าง กลับไปนั่งสวีตกับใครก็ไม่รู้ในร้านที่เราไปด้วยกันประจำ แล้วแม่นั่นน่ะเหรอลูกค้า โรสว่ามองยังไงมันก็ไอ้ผู้หญิงที่ชอบแย่งของของชาวบ้านนั่นแหละ ทำไมคุณต้องโกหกโรสด้วยคะ” โรสในชุดสีแดงไวน์โวยวายลั่นห้องพร้อมน้ำตา“ผมว่าคุณเข้าใจผิดไปใหญ่แล้วนะโรส ผมไปทานข้าวกับลูกค้าจริงๆ คุณภาณิณีเป็นลูกค้ารายใหญ่ของผม เธอเป็นลูกสาวของประธานบริษัทสกาย คอนสตัคชั่น บริษัทก่อสร้างยักษ์ใหญ่ที่คอยสนับสนุนบริษัทของผม จะพูดจะจาอะไรก็หัดให้เกียรติเขาบ้าง”“ถึงกับออกรับแทนกันเลยเหรอคะ ผู้หญิงแพศยาแบบนั้นโรสว่ามันยังน้อยไปด้วยซ้ำ มีอย่างที่ไหน ผู้ชายก็มีตั้งเยอะแยะ ชอบทำตัวเป็นแมวขโมยของของคนอื่น พฤติกรรมแบบนี้ลูกผู้ลากมากดีเขาไม่ทำกันหรอก”“มันจะไปกันใหญ่แล้วนะโรส คุณเองก็เหมือนกัน…หัดมีเหตุผลบ้างสิ เอาแต่พูดจาให้ร้ายคนอื่นแบบเสียๆ หายๆ คุณเองก็เป็นลูกผู้ลากมากดีเหมือนกัน แต่ทำไมยิ่งนับวันก็ยิ่งหยาบคาย พูดจาไม่ให้เกียรติคนอื่นเลย ผมเองก็ไม่อยากพูดจาแบบนี้กับคุณหรอกนะ แต่พฤติกรรมของคุณนับวันผมเริ่มทน

  • เสน่ห์รักนักสืบสาว   -2-

    “ว่าไงนะ!” รจนากับลีลาวดีถามขึ้นมาพร้อมกันเมื่อได้ยินสิ่งที่ปิ่นมณีเล่าให้ฟัง“ก็อย่างที่พูดมานั่นแหละ ยายเจ๊นั่นเดินเอาขวดฉี่ไปสาดหน้าผัวแล้วก็ชู้กลางร้าน กลิ่นนี้เหม็นหึ่ง ขนาดฉันยืนอยู่ข้างนอกยังได้กลิ่นชัดเลย ไอ้ผัวจอมเจ้าชู้นั่นนะอย่างกับหมูตกบ่อฉี่เลยล่ะ” สิ้นเสียงของปิ่นมณี เสียงหัวเราะท้องแข็งก็ดังประสานกันขึ้นมา ทำเอาร้านเล็กๆ อย่างร้านช็อกโกแล็ตสั่นสะเทือน“พูดถึงแล้วก็อยากเห็นหน้าแม่นั่นตอนโดนสาดฉี่จังเลยเนอะ” ลีลาวดีพูดทั้งๆ ที่ยังไม่หยุดหัวเราะ“แต่พี่ว่ามันไม่ค่อยน่าดูเท่าไหร่หรอกนะ ผัวเมียไปตบตีกันในร้านอาหารสาธารณะเนี่ย เฮ้อ! โชคดีที่พี่ไม่คิดแต่งงาน ถ้ามาเจออย่างนี้เข้าคงซวยไปทั้งชาติ แต่ปิ่นก็ต้องระวังตัวด้วยนะ พี่ว่าไอ้งานแบบนี้มันเสี่ยงใช่ย่อย เราเองก็เป็นผู้หญิงตัวคนเดียว ถ้าเป็นไปได้เลิกทำเถอะ พี่ฟังแล้วยังอดกลัวแทนไม่ได้เลย ถ้าวันหนึ่งมันไม่ใช่แค่ฉี่ แต่เป็นพวกสารเคมีหรือว่าน้ำกรดขึ้นมา เราจะกลายเป็นคนบาปได้นะ ยังไงก่อนจะรับงานก็ดูให้ดีๆ ก่อนละกัน ยิ่งงานที่ค่าจ้างงามๆ เนี่ยมันน่าคิด เศรษฐกิจแบบนี้คงไม่มีใครเอางานง่ายๆ ที่จ่ายค่าจ้างแพงๆ มาให้ทำหรอก”“แหม! พี่นา

  • เสน่ห์รักนักสืบสาว   -1-

    “เอาล่ะ! เท่านี้ก็เสร็จเรียบร้อย” หญิงสาวผมสั้นทรงบ็อบเทพูดกับตัวเองขณะมองดูผลงานบนจอคอมพิวเตอร์อย่างอารมณ์ดี“เพียงแค่คุณคือผู้เดือดร้อน ไม่สบายใจในทุกปัญหา ต้องการค้นพบคำตอบที่ถูกอำพรางไว้ โทรหาเราสิคะ 089-xxxxxxx นักสืบสาวโบตั๋นยินดีช่วยเหลือ…แกแน่ใจแล้วเหรอยายปิ่น” ลีลาวดีอ่านข้อความในบล็อกส่วนตัวของเพื่อนสาวพลางทำหน้าปูเลี่ยน ก่อนจะหันมาถามเพื่อความแน่ใจอีกครั้งกับการตัดสินใจของเพื่อนซี้“แน่ยิ่งกว่าแน่ ก็ฉันไม่มีทางเลือกแล้วนี่ คนตกงานเป็นปีๆ อย่างฉัน ลองมาทุกทางแล้วก็ไม่เห็นมีอะไรคืบหน้าสักที ก็มีแค่ทางนี้ทางเดียวเท่านั้นแหละ”“แต่ไอ้งานนักสืบเนี่ยมันเสี่ยงมากนะ อย่างแกน่ะมันไม่หนักไปหน่อยเหรอ เดี๋ยวนี้ยิ่งมีข่าวต้มตุ๋นหลอก ลวงกันไม่เว้นแต่ละวัน เราไม่หลอกเขา เขาก็หลอกเรา ฉันว่าแกอย่าเสี่ยงเลยปิ่น เชื่อฉันเหอะ”“มันก็ไม่แน่เสมอไปหรอกริน ฉันอาจจะโชคดีมือขึ้นทางนี้ก็ได้ อีกอย่างแกก็รู้ว่าฉันเก่งวิชาพละ มีอะไรเกิดขึ้นฉันเอาตัวรอดได้อยู่แล้ว”“ทำเป็นอวดเก่ง แกจะใช้วิชาม้วนหน้าม้วนหลัง หกกบ สะพานโค้ง ตีลังกาล้อเกวียนหนีพวกโจรมัน เหรอไง ยายบ้า”“แกไม่เป็นฉันแกไม่รู้หรอกว่าการที่ต้

สแกนรหัสเพื่ออ่านบนแอป
DMCA.com Protection Status