“ทัดคะ คุณทำแบบนี้กับโรสได้ยังไงกัน ทั้งๆ ที่โรสชวนคุณทานข้าว โรสเป็นห่วงว่าคุณจะเครียดเกินไป แต่คุณก็บอกว่าไม่ว่าง กลับไปนั่งสวีตกับใครก็ไม่รู้ในร้านที่เราไปด้วยกันประจำ แล้วแม่นั่นน่ะเหรอลูกค้า โรสว่ามองยังไงมันก็ไอ้ผู้หญิงที่ชอบแย่งของของชาวบ้านนั่นแหละ ทำไมคุณต้องโกหกโรสด้วยคะ” โรสในชุดสีแดงไวน์โวยวายลั่นห้องพร้อมน้ำตา
“ผมว่าคุณเข้าใจผิดไปใหญ่แล้วนะโรส ผมไปทานข้าวกับลูกค้าจริงๆ คุณภาณิณีเป็นลูกค้ารายใหญ่ของผม เธอเป็นลูกสาวของประธานบริษัทสกาย คอนสตัคชั่น บริษัทก่อสร้างยักษ์ใหญ่ที่คอยสนับสนุนบริษัทของผม จะพูดจะจาอะไรก็หัดให้เกียรติเขาบ้าง”
“ถึงกับออกรับแทนกันเลยเหรอคะ ผู้หญิงแพศยาแบบนั้นโรสว่ามันยังน้อยไปด้วยซ้ำ มีอย่างที่ไหน ผู้ชายก็มีตั้งเยอะแยะ ชอบทำตัวเป็นแมวขโมยของของคนอื่น พฤติกรรมแบบนี้ลูกผู้ลากมากดีเขาไม่ทำกันหรอก”
“มันจะไปกันใหญ่แล้วนะโรส คุณเองก็เหมือนกัน…หัดมีเหตุผลบ้างสิ เอาแต่พูดจาให้ร้ายคนอื่นแบบเสียๆ หายๆ คุณเองก็เป็นลูกผู้ลากมากดีเหมือนกัน แต่ทำไมยิ่งนับวันก็ยิ่งหยาบคาย พูดจาไม่ให้เกียรติคนอื่นเลย ผมเองก็ไม่อยากพูดจาแบบนี้กับคุณหรอกนะ แต่พฤติกรรมของคุณนับวันผมเริ่มทนไม่ได้ ก่อนจะว่าคนอื่น ช่วยดูตัวเองให้ดีก่อนจะดีกว่า” ทัดภูมิพูดเสียงแข็งใบหน้าเรียบเฉย แต่แฝงไว้ด้วยความเฉียบขาดอย่างที่ไม่เคยเป็นมาก่อน โรสฟังคำพูดนั้นตัวสั่นระริก น้ำตาที่เอ่อล้นออกมายิ่งรินไหล
“คุณกล้าดียังไงมาว่าโรสแบบนี้ เพราะผู้หญิงคนเดียวทำให้คุณเปลี่ยนไป คุณรู้ไหมคะว่าคุณเปลี่ยนไปมาก ผู้ชายก็เป็นแบบนี้ทุกคน พอมีคนใหม่ก็เขี่ยของเก่าทิ้ง โรสจะจำคำพูดทุกคำของคุณเอาไว้ มันยังไม่จบหรอกค่ะทัด แล้วเราจะได้เห็นดีกัน คุณจะได้รู้ว่าการทำให้คนอย่างโรสโกรธมันเป็นยังไง” โรสพูดเสียงสั่นก่อนจะเดินกระทืบเท้าออกจากห้องไป ทัดภูมิตบโต๊ะดังปังอย่างหัวเสียหลังจากที่โรสออกไปแล้ว พลางเอามือกุมขมับอย่างอ่อนแรง
พิมพ์จิตรที่นั่งส่องกระจกอยู่ที่โต๊ะทำงานสะดุ้งโหยงเมื่อได้ยินเสียงต่อล้อต่อเถียงกันของเจ้านายกับแฟนสาว เธอจึงค่อยๆ ขยับเก้าอี้เข้าใกล้ประตูห้องยิ่งขึ้น เพื่อหวังจะฟังเสียงให้ถนัด แต่ยังไม่ทันได้ฟังประตูห้องก็เปิดออกดังผัวะ ร่างระหงของโรสในชุดสีแดงเดินกระทืบเท้าออกมาพร้อมน้ำตานองหน้า ทำเอาพิมพ์จิตรตัวแข็งทื่อ ทำอะไรไม่ถูก โรสจ้องมองเธอด้วยแววตาอาฆาตเหมือนคนขาดสติ พลางพูดเสียงเย็นเยียบแต่เฉียบขาด
“ฉันมีงานบางอย่างให้เธอทำ”
“งะ…งานอะไรเหรอคะ” พิมพ์จิตรพูดเสียงแผ่วด้วยความหวาดกลัว
“คอยจับตาดูคุณทัดภูมิเอาไว้ให้ดี ไม่ว่าเขาจะทำอะไร หรือออกไปที่ไหน เธอต้องรายงานฉัน เข้าใจไหม”
“เอ่อ…ค่ะ”
“อ้อ! แล้วถ้าทัดภูมินัดพบกับใคร เธอต้องบอกฉันให้ละเอียดว่าคนคนนั้นเป็นใคร นัดเจอที่ไหน เข้าใจไหม”
“ค่ะ” พิมพ์จิตรทำท่าอิดออดเหมือนต้องการพูดอะไรบางอย่างแต่ไม่กล้า
“เท่านี้พอไหม” โรสควักเงินปึกหนึ่งออกมาจากกระเป๋าเหมือนเข้าใจความหมาย พิมพ์จิตรเห็นเงินในมือโรสจึงยิ้มออก
“ถ้าเธอทำงานให้ฉันพอใจ เธอจะได้มากกว่านี้” พิมพ์จิตรพยักหน้าพร้อมบอกว่า
“ได้ค่ะ ดิฉันจะทำงานให้ดีที่สุด”
โรสเดินนวยนาดออกมาจากทาวโฮมสามชั้น ก่อนจะขึ้นรถยนต์คันหรูไปด้วยความโล่งใจ แต่ยังไม่วายมองขึ้นไปบนชั้นบนสุดของทาวโฮมซึ่งเป็นที่ตั้งของห้องเจ้าของบริษัทด้วยสายตาอาฆาตแค้น
“คอยดูนะทัดภูมิ ฉันไม่ปล่อยคุณไปแน่”
“นี่หมายความว่าแกจะรับงานเกี่ยวกับผัวๆ เมียๆ อีกแล้วเหรอ” ลีลาวดีเอ่ยถามขึ้นเสียงดังลั่นร้านช็อกโกแล็ตที่ตอนนี้กลายเป็นฐานทัพใหญ่ของนักสืบสาวโบตั๋นเป็นที่เรียบร้อยไปแล้ว
“จะให้ฉันทำยังไงล่ะ ท่าทางเขาดูน่าสงสารมากเลยนะ วันๆ เอาแต่ขายของตัวเป็นเกลียวหัวเป็นน็อต ไม่ได้เห็นเดือนเห็นตะวัน ส่วนไอ้ผัวนั่นเป็นเชฟมือหนึ่งของร้านอาหารก็จริง แต่ก็อ้างเมียว่างานที่ร้านยุ่งแอบไปคั่วเด็กเสิร์ฟที่เพิ่งจบม.ปลาย เงินที่ได้มาทั้งหมดแทนที่จะตกไปอยู่กับครอบครัวลูกเมีย กลับถูกใช้ไปเพื่อปรนเปรอใครก็ไม่รู้ เป็นแก…แกจะรู้สึกยังไง”
“แล้วคำพูดของยายแม่ค้าขนมหวานลูกค้าแกมันเชื่อถือได้แค่ไหนกัน”
“ฉันถึงต้องไปสืบด้วยตัวเองไงล่ะ”
“ว่าไงนะ! หมายความว่าแกจะเข้าไปสืบเรื่องนี้งั้นเหรอ”
“ใช่! จะได้รู้ความจริงไงล่ะว่าไอ้เชฟแก่นั่นมันมีเมียน้อยจริงหรือเปล่า”
“แล้วแกจะทำยังไง ใช่ว่าร้านอาหารแบบนั้นจะเข้านอกออกในได้ตามอำเภอใจ”
“แกไม่ต้องห่วงหรอกริน ฉันมีวิธีของฉันก็แล้วกัน”
“แกคิดดีแล้วเหรอที่รับงานแบบนี้อีก เรื่องของผัวเมียถ้าไม่จำเป็นก็อย่าเข้าไปยุ่งจะดีกว่า เพราะถ้ามีปัญหาเกิดขึ้นมามันจะเดือดร้อน แกจำงานชิ้นแรกไม่ได้เหรอ”
“ฉันรู้นะรินว่าแกเป็นห่วงฉัน แต่ฉันเกลียดผู้ชายที่ไร้ความรับผิดชอบแบบนี้จริงๆ เมื่อเกิดเรื่องแบบนี้ขึ้นฉันต้องช่วยเต็มที่ แล้วก็ต้องช่วยให้ได้ด้วย”
“รู้ตัวไหมเนี่ยว่าแกจะกลายเป็นนักสืบเรื่องผัวๆ เมียๆ เข้าไปทุกทีแล้วนะ” ลีลาวดีพูดอย่างเอือมระอาในพฤติกรรมของเพื่อน เพราะรู้ดีว่าถ้าเพื่อนตัวดีลองตัดสินใจทำอะไรแล้วละก็ ไม่มีใครสามารถหยุดได้สักคน ปิ่นมณีเอาแต่หัวเราะชอบใจ แต่ในใจกลับนึกถึงใบหน้าทุกข์ร้อนของลูกค้าที่เธอเพิ่งไปพบเมื่อวาน
“ฉันรู้สึกว่าผัวของฉันมันจะมีเมียน้อย คุณนักสืบต้องช่วยฉันนะคะ ฉันยอมจ่ายหมดตัวเลยเชียวล่ะ ขอแค่ได้รู้ว่ามันคั่วอยู่กับใคร”
“คุณน้าแน่ใจนะคะว่าสามีคุณน้าเป็นแบบนั้นจริงๆ”
“มั่นใจสิแม่หนู ไอ้ฉันน่ะมัวแต่ทำงานเลยไม่มีเวลาได้สนใจสิ่งรอบข้างก็จริง แต่ฉันกับผัวอยู่กินด้วยกันมานานจนลูกโตตัวเท่าควายแล้ว ระยะหลังๆ มันไม่เคยดูแลบ้านเหมือนแต่ก่อน เงินทองที่เคยได้มากก็น้อยลง บางทีก็ไม่มี เงินเดือนเชฟแม้จะไม่มากมายนัก แต่ก็อยู่กันได้อย่างสบาย ไม่งั้นฉันไม่กล้าส่งลูกเข้าเรียนโรงเรียนเอกชนหรอก ฉันน่ะลำบากแค่ไหนก็ไม่เคยบ่น ขอแค่ให้ลูกได้เรียนจนจบ ฉันเลยทำงานงกๆ ทั้งวัน แล้วก็เข้าใจว่าผัวฉันก็ตั้งใจทำงานเก็บเงินให้ลูกเหมือนกัน แต่ที่ไหนได้ มันดันไม่เหลือเงินสักบาท ถามไปถามมาก็บอกว่ากิจการไม่ดี เถ้าแก่ลดเงิน ฉันก็ไม่ว่า เพราะคิดว่าเป็นแบบนั้น ฉันเลยทำขนมมากขึ้นเพื่อจะได้ขายให้มากขึ้น แต่ไม่นึกเลยว่าไอ้ผัวตัวดีมันจะทำเรื่อง”
“หมายความว่ายังไงคะ” ปิ่นมณีถามขึ้นอย่างสนใจ
“มีคนบอกฉันว่าไอ้ผัวเฮงซวยมันทำเด็กเสิร์ฟในร้านท้องน่ะสิ” แม่ค้าขนมลูกค้าของปิ่นมณีพูดขึ้นพลางเบ้ปากเหมือนจะร้องไห้
“จริงหรือคะ”
“ฉันก็ไม่รู้หรอก ฉันเลยจ้างให้หนูช่วยสืบให้ฉันทีว่ามันเป็นเรื่องจริงหรือเปล่า”
ปิ่นมณีเม้มปากพลางกำมือแน่นอย่างไม่รู้ตัวเมื่อนึกถึงสิ่งที่ได้ยินได้ฟังมา โดยมีลีลาวดีมองอาการเพื่อนสาวอยู่ข้างๆ ด้วยสายตาเป็นห่วง
เมื่อปิ่นมณีรับรู้ปัญหาของแม่ค้าผู้น่าสงสารแล้ว เธอก็วางแผนการเข้าไปสืบความลับในร้านอาหารดังกล่าว โดยจับจองที่นั่งด้านในสุดของร้านช็อกโกแล็ตซึ่งเป็นโต๊ะประจำของเธอ ขณะที่หญิงสาวเปิดคอมพิวเตอร์โน้ตบุ๊คส์ตัวโปรดพิมพ์แผนการปฎิบัติงานส่วนตัวอยู่นั้น จู่ๆ ก็มีผู้คนมากมายแห่กันเข้ามาจับจองที่นั่งภายในร้าน จนร้านช็อกโกแล็ตแน่นขนัดชนิดที่ปิ่นมณีได้เห็นแล้วก็แทบจะไม่เชื่อสายตาตัวเอง เมื่อคนมากขึ้น ความวุ่นวายก็มากขึ้นตามไปด้วย เสียงพูดคุยที่ดังเซ็งแซ่ทำให้ปิ่นมณีเริ่มไม่สบอารมณ์ หญิงสาวปิดโน้ตบุ๊คส์ดังปังก่อนจะคว้ามันยัดใส่กระเป๋าหิ้วใบโตออกจากร้านช็อกโกแล็ตตรงดิ่งไปยังถนนใหญ่ทันที โชคดีของปิ่นมณีที่มีรถแท็กซี่แล่นผ่านมา เธอจึงโบกมือเรียกก่อนจะขึ้นไปนั่งอย่างสบายอารมณ์โดยมีจุดหมายปลายทางอยู่ที่ห้างสรรพสินค้าชื่อดังแห่งหนึ่งที่อยู่ใกล้ในละแวกนั้นมากที่สุด
ไม่นานนักปิ่นมณีก็มาถึงจุดหมาย ทันทีที่ย่างเท้าเข้าไปด้านใน หญิงสาวก็เผลอดึงเสื้อคลุมแขนยาวตัวนอกให้กระชับกับตัวมากขึ้นเพราะความหนาวเย็นจากสายลมด้านนอกพัดมาปะทะกับความเย็นฉ่ำจากเครื่องปรับอากาศภายใน หญิงสาวเดินหันซ้ายหันขวาขณะห่อตัวอยู่ในเสื้อคลุมแขนยาว เธอพยายามมองหาร้านอาหารเงียบๆ โล่งๆ สักร้านเพื่ออาศัยเป็นฐานทัพชั่วคราวสำหรับการวางแผนออกปฏิบัติการของนักสืบสาวโบตั๋น อีกอึดใจต่อมาปิ่นมณีก็ได้เจอกับร้านกาแฟเล็กๆ ร้านนึงที่ไม่มีคนพลุกพล่านมากนัก เมื่อตรงไปที่เคาท์เตอร์ ปิ่นมณีก็ต้องตาโตกับเมนูอาหารที่แพงหูฉี่สำหรับเธอ
“กาแฟอะไรวะ แพงยิ่งกว่าข้าวเย็นทั้งมื้อของฉันอีก” ปิ่นมณีคิดในใจขณะมองดูเมนูอย่างใช้ความคิด พนักงานหน้าเคาท์เตอร์ที่รอออเดอร์ของเธอก็ยืนรออย่างใจเย็น
“เอ่อ…ขอเป็นช็อกโกแล็ตสมูตตี้แบบธรรมดาก็แล้วกันค่ะ” ปิ่นมณีสั่งเครื่องดื่มที่เห็นว่าถูกที่สุดในร้าน
“จะรับของหวานอะไรเพิ่มไหมคะ”
“ของหวานเหรอ” ปิ่นมณีพูดลอยๆ ก่อนจะหันไปมองเมนูอีกครั้ง “เอ่อ…เอาเป็นพายแอ็ปเปิ้ลชิ้นนึงละกัน”
“ทั้งหมด 180 บาทค่ะ”
ปิ่นมณีส่งเงินให้พนักงานขาย 200 บาท เมื่อได้รับเงินทอน เธอก็เดินเข้าไปหาที่นั่งด้านในทันทีพร้อมกับมองเงิน 20 บาทในมืออย่างนึกเสียดาย
“น้ำแก้วละ 120 ขนมชิ้นละ 60 ขืนกินอย่างนี้ทุกวัน ฉันได้หมดตัวแน่ มิน่า! คนเงียบอย่างกับเป่าสาก ถ้าไม่ติดป้ายหน้าร้าน ฉันต้องคิดว่าเป็นป่าช้าแน่ๆ”
ปิ่นมณีบ่นกระปอดกระแปดไปตามประสาคนทรัพย์น้อย แต่พอมองไปรอบร้านก็อดที่จะชื่นชมรสนิยมในการตกแต่งร้านของเจ้าของไม่ได้ รอบด้านที่ทาด้วยสีขาวตกแต่งด้วยภาพสีน้ำมันขนาดใหญ่ที่วาดเลียนแบบภาพของศิลปินระดับโลกอย่างภาพ ‘Sunflowers’ ของแวนโก๊ะ ภาพ ‘Apartment Interior’ ของโมเน่ต์ และภาพ ‘The Birth of Venus’ ของบอตติเซลลี ตรงโต๊ะเล็กๆ ที่ปิ่นมณีเลือกนั่งนั้น ตรงมุมมุมหนึ่งด้านซ้ายมือถูกจัดเป็นชั้นวางหนังสือขนาดย่อมที่มีหนังสือหลากหลายประเภทวางอยู่ ส่วนใหญ่จะเป็นหนังสือต่างประเทศ พอปิ่นมณีหันไปเห็นก็ทำหน้าเบ้ เพราะเธอเกลียดภาษาอังกฤษเข้าไส้ แค่เห็นก็อยากปล่อยของเสียออกจากท้องออกมาเสียแล้ว
“เมนูที่สั่งได้แล้วค่ะ”
พนักงานเสิร์ฟสาวสวยที่ดูก็รู้ว่าเป็นนักศึกษาทำงานพาร์ทไทม์เดินถือถาดอาหารมาวางไว้ให้ที่โต๊ะพอดี ปิ่นมณีจึงละสายตาจากชั้นวางหนังสือและความคิดเรื่อยเปื่อยในสมองมาจับจ้องอยู่ที่แก้วช็อคโกแล็ตสมูทตี้ตรงหน้า เมื่อได้ชิมรสชาติเธอก็ถึงกับอุทานออกมา
“สมกับราคาจริงๆ”
หญิงสาวพูดทิ้งท้ายไว้แค่นั้นก่อนจะตั้งสติ และหยิบโน้ตบุ๊คส์คู่ชีพขึ้นมาพิมพ์แผนการที่ค้างไว้ต่อ อาการเสียดายเงินเมื่อครู่หายเป็นปลิดทิ้ง ตอนนี้เธอเริ่มอารมณ์ดีขึ้นมากแล้ว คงเป็นเพราะความเย็นจากช็อกโกแล็ตในแก้วหรูทรงยาว และเพลงบรรเลงเบาๆ ที่ดังคลออยู่ในร้านเป็นแน่
“อืม…เอาตามแผนนี้แหละ” ปิ่นมณีพูดพลางจ้องหน้าจอโน้ตบุ๊คส์ด้วยสีหน้าเคร่งเครียด
“เริ่มต้นจากการปลอมตัวไปเป็นเด็กทำงานพาร์ทไทม์ จากนั้นก็เข้าไปตีสนิทกับเด็กในร้าน แล้วก็ตามหาตัวเชฟที่ชื่อพัลลภกับเด็กเสิร์ฟที่ชื่อเปิ้ล ที่เหลือก็แค่ตามติดทั้งสองคนพร้อมกับรายงานผลให้คุณวรรณีทราบ แล้วถ้าเด็กที่ชื่อเปิ้ลเกิดท้องขึ้นมาจริงๆ จะทำไงล่ะ…ถ้าเกิดคุณวรรณีดันมาอาละวาดกลางร้านเหมือนกับลูกค้ารายแรก เราก็แย่น่ะสิ! ถ้าเป็นอย่างนั้นจริง ก็ต้องเผ่นลูกเดียว”
ปิ่นมณีพิมพ์คำว่าเผ่นลงในแผนภาพการปฏิบัติงานของเธอด้วยสีแดงตัวโต ก่อนจะกดปุ่ม SAVE เพื่อบันทึกข้อมูลทั้งหมดลงในคอมฯ อีกครั้ง ระหว่างนั้นเธอก็หันมาตักช็อกโกแล็ตสมูทตี้เข้าปากตามด้วยพายแอ็ปเปิ้ลอีกหนึ่งคำ ขณะที่กำลังเคี้ยวตุ้ยๆ อยู่นั้น ก็มีชายหนุ่มคนหนึ่งเดินมานั่งที่โต๊ะตรงข้ามเธอ ชายหนุ่มคนดังกล่าวมีรูปร่างหน้าตาท่าทางดูดีตั้งแต่หัวจรดเท้า เนื่องจากเขานั่งหันหน้ามาทางเธอ จึงถือเป็นโชคดีของปิ่นมณีที่มีอาหารตาให้ดูอย่างสบายอารมณ์ ‘สุดหล่อ’ ของปิ่นมณีสั่งกาแฟร้อนมาหนึ่งแก้ว มีสมุดโน้ตเล่มหนาวางอยู่บนโต๊ะอีกหนึ่งเล่มด้วย ขณะที่ปิ่นมณีกำลังเอร็ดอร่อยกับพายแอ็ปเปิ้ลพร้อมกับลอบมองดูอาหารตาโต๊ะข้างๆ อยู่นั้น ‘สุดหล่อ’ ที่ถูกมองก็เดินมาหยิบหนังสือตรงชั้นวางข้างๆ โต๊ะของปิ่นมณีไป 2-3 เล่มก่อนจะเปิดดูอยู่สักพักก็เดินเอามาเก็บที่เดิม แล้วหยิบเล่มอื่นไปดูแทน เขาทำอย่างนี้อยู่หลายครั้ง ปิ่นมณีสังเกตเห็นว่าหนังสือที่เขาหยิบออกมาจากชั้นนั้นล้วนแต่เกี่ยวกับการออกแบบตกแต่งทั้งสิ้น เธอจึงอดชำเลืองมองเขาด้วยความสนใจไม่ได้ และเหมือนว่า ‘สุดหล่อ’ ของปิ่นมณีจะรู้ตัว เขาจึงหันมามองเธอพร้อมกับเอ่ยถามเสียงแผ่วด้วยใบหน้าเรียบเฉย
“มีอะไรหรือเปล่าครับ”
คำถามของชายหนุ่มทำเอาปิ่นมณีตั้งตัวไม่ทัน ไม่คิดว่าคนที่กำลังคร่ำเคร่งกับหนังสือตรงหน้าจะรู้ตัวและหันมาถามเธอซึ่งๆ หน้าแบบนี้
“เอ่อ…คือ…ขอโทษนะคะที่เสียมารยาท เพียงแต่…ฉันเห็นคุณอ่านหนังสือเยอะก็เลยแปลกใจน่ะค่ะ”
ชายหนุ่มหันไปมองกองหนังสือที่วางสุมกันอยู่บนโต๊ะของตัวเองก่อนจะหัวเราะเขิน “นั่นสิครับ…เยอะอย่างที่คุณว่าจริงๆ ด้วย พอดีผมอยากหาข้อมูลอะไรนิดหน่อยน่ะครับ ถ้ามันรบกวนสมาธิในการทำงานของคุณก็ขอโทษด้วยนะครับ”
“เอ่อ…คุณเป็นสถาปนิกหรือคะ”
“ก็…ก็ประมาณนั้นแหละ แต่ก็ไม่ถึงกับมือโปรหรอก แค่พอรู้เรื่องบ้างนิดหน่อย ถึงต้องศึกษาเพิ่มเติมไงครับ” ชายหนุ่มตอบพลางชายตามองโน้ตบุ๊คส์ที่วางอยู่บนโต๊ะของปิ่นมณี
“คุณคงเป็นนักเขียนสินะครับ”
“เอ๊ะ!” ปิ่นมณีได้ยินคำถามก็ทำหน้าตาเหรอหราก่อนจะรีบปฏิเสธทันควัน
“เปล่าหรอกค่ะ”
“อ้าว! งั้นเหรอครับ ผมคงดูผิดไป” ชายหนุ่มทำหน้าตกใจก่อนที่ใบหน้าขาวนวลจะค่อยๆ เปลี่ยนเป็นสีแดงระเรื่อ
“ปกติผมเห็นพวกนักเขียนมักจะมีโน้ตบุ๊คส์ติดตัวตลอด พอคิดอะไรได้ก็จะพิมพ์ลงเครื่อง เห็นคุณทำหน้าตาเคร่งเครียดอยู่หน้าคอมฯ ก็เลยคิดว่าคงเป็นพวกนักเขียน ขอโทษนะครับ” ชายหนุ่มเอ่ยขอโทษปิ่นมณีอีกครั้งก่อนจะจมอยู่กับหนังสือกองโตบนโต๊ะอีกครั้ง
ผ่านไปไม่นานนักปิ่นมณีได้ยินเสียงโทรศัพท์มือถือของ ‘สุดหล่อ’ ดังขึ้น ก่อนจะตามมาด้วยเสียงเรียบของเจ้าของเครื่อง
“ฮัลโหล! เออ…ว่าไง ได้! จริงสิวะ แกเห็นว่าไอ้ทัดภูมิคนนี้เป็นคนไม่รับผิดชอบในสิ่งที่ตัวเองทำหรือไง จะไปเดี๋ยวนี้แหละ โอเค! แล้วเจอกันที่ออฟฟิต”
ปิ่นมณีมองชายหนุ่มถอนหายใจเฮือกใหญ่หลังจากที่วางสายอย่างไม่ค่อยเข้าใจนัก ก่อนจะหันไปตักพายแอ็ปเปิ้ลชิ้นสุดท้ายเข้าปาก ฝ่าย ‘สุดหล่อ’ นั้นก็นั่งจดอะไรยุกยิกๆ ลงในสมุดโน้ตเล่มหนาอยู่สักพักก่อนจะออกจากร้าน ก่อนไปเขาหันมาผงกหัวให้ปิ่นมณีพร้อมกับส่งยิ้มให้เป็นการบอกเป็นนัยๆ ว่าขอตัวก่อน ท่าทางของเขาทำให้ปิ่นมณียิ้มหน้าบาน พลางวาดภาพในห้วงความคิดคำนึงตามประสาสาวโสดเกาะคานทองนิเวศน์ว่าถ้าเธอมีแฟนเป็นชายหนุ่มสุภาพสุดหล่อคนนี้ ชีวิตเธอจะเพอร์เฟ็กต์สักแค่ไหนกันนะ
รุ่งเช้าปิ่นมณีเดินไปด้อมๆ มองๆ อยู่ที่ร้านอาหารขนาดย่อมร้านหนึ่งที่ตั้งอยู่ตรงกลางโดยมีร้านขายดอกไม้และร้านขายยาขนาบอยู่สองข้างซ้ายขวา หน้าร้านสีขาวขนาดสองคูหาสองชั้นตกแต่งด้วยไม้ดอกจำพวกชวนชมหลากสีที่ตัดแต่งเป็นพุ่มสวยงาม ปิ่นมณีจ้องมองอย่างอดที่จะชื่นชมไม่ได้ หญิงสาวมองป้ายประกาศเล็กๆ ที่ติดอยู่บนกระจกหน้าร้านพลางเลยไปยังป้ายขนาดใหญ่ที่เขียนด้วยอักษรนูนสีทองว่า ‘จิ๊กกี๋โภชนา’ อย่างใช้ความคิดสักพักก่อนจะตัดสินใจเปิดประตูกระจกเข้าไป“ขอโทษนะคะคุณ ตอนนี้ร้านยังไม่เปิดให้บริการค่ะ” พนักงานสาวที่ไม่สวยเลยสักนิดหันมาบอกอย่างตกใจเมื่อเห็นปิ่นมณีเดินเข้ามาด้วยคิดว่าเป็นลูกค้า“คือ…ฉะ…หนูมาสมัครงานค่ะ”ปิ่นมณีพูดอย่างไม่มั่นใจนักว่าจะใช้คำสรรพนามเรียกตัวเองว่าอะไร สุดท้ายก็นึกขึ้นมาได้ว่าเธอกำลังปลอมตัวเป็นเด็กมาหางานพิเศษทำ จึงใช้คำเรียกตัวเองว่า ‘หนู’ แทน ‘ฉัน’ อย่างที่ตั้งใจไว้ในตอนแรก“สมัครงานงั้นเหรอ” เมื่อรู้ว่าปิ่นมณีไม่ใช่แขก หญิงสาวคนเดิมจึงเปลี่ยนท่าทีการพูดในทันใด“เธออายุเท่าไหร่”“เอ่อ…17 จ้ะ” ปิ่นมณีตอบทันที เธอรู้สึกว่าอีกฝ่ายกำลังมองเธออย่างไม่ค่อยจะเชื่อนัก“รอเดี๋ยวนะ จะ
ก๊อก…ก๊อก…ก๊อก…เสียงเคาะประตูดังขึ้นที่หน้าห้อง แต่ดูเหมือนว่าเจ้าของห้องจะยังคงหลับไม่รู้เรื่องก๊อก…ก๊อก…ก๊อก…เสียงเคาะประตูดังต่อเนื่องขึ้นมาอีกครั้ง แต่ดูเหมือนจะแรงและเร็วกว่าครั้งแรกมากนัก ได้ผล! เจ้าของห้องเริ่มเกิดปฏิกิริยา เธอลืมตาขึ้นมาด้วยความตกใจเมื่อเห็นว่าตนเองนอนหลับฟุบคาอยู่ที่โต๊ะคอมพิวเตอร์ข้างเตียง“เช้าแล้วเหรอเนี่ย เผลอหลับไปได้ยังไงกันนะเรา” ก๊อก…ก๊อก…ก๊อก…เสียงเคาะประตูดังขึ้นอีกครั้ง คราวนี้ปิ่นมณีวิ่งแจ้นไปเปิดประตูทันที“ยายปิ่น! นี่แกไปทำอะไรมาเนี่ย ผมเผ้ามันถึงได้กระเซอะกระเซิงแบบนี้”“ฉันเพิ่งตื่นน่ะ เข้ามาก่อนสิ” ปิ่นมณีพูดพลางเดินหันหลังกลับเข้ามาในห้อง ทิ้งให้เพื่อนสนิทอย่างลีลาวดีเดินตามเข้ามา ลีลาวดีมองเพื่อนรักจากทางด้านหลังพลางทำหน้าบอกบุญไม่รับ“นี่ถามจริงเหอะ…แกไปทำอะไรมากันแน่ สภาพถึงได้ยับเยินแบบนี้”“อื้อ! ฉันไปทำงานมาน่ะ”“งานอะไรของแก”“ก็งานนักสืบน่ะสิ เอาน่า…อย่าเพิ่งมาซักฉันตอนนี้เลย ยังไงฉันก็ต้องเล่าให้แกฟังอยู่ดีนั่นแหละ” ปิ่นมณีพูดตัดบทขณะคว้าผ้าเช็ดตัวเข้าห้องน้ำไป“ย่ะ! แม่เพื่อนตัวดี” ลีลาวดีส่งค้อนให้ด้วยความหมั่นไส้ก่อนจะเดินเ
“เอาล่ะ! เท่านี้ก็เสร็จเรียบร้อย” หญิงสาวผมสั้นทรงบ็อบเทพูดกับตัวเองขณะมองดูผลงานบนจอคอมพิวเตอร์อย่างอารมณ์ดี“เพียงแค่คุณคือผู้เดือดร้อน ไม่สบายใจในทุกปัญหา ต้องการค้นพบคำตอบที่ถูกอำพรางไว้ โทรหาเราสิคะ 089-xxxxxxx นักสืบสาวโบตั๋นยินดีช่วยเหลือ…แกแน่ใจแล้วเหรอยายปิ่น” ลีลาวดีอ่านข้อความในบล็อกส่วนตัวของเพื่อนสาวพลางทำหน้าปูเลี่ยน ก่อนจะหันมาถามเพื่อความแน่ใจอีกครั้งกับการตัดสินใจของเพื่อนซี้“แน่ยิ่งกว่าแน่ ก็ฉันไม่มีทางเลือกแล้วนี่ คนตกงานเป็นปีๆ อย่างฉัน ลองมาทุกทางแล้วก็ไม่เห็นมีอะไรคืบหน้าสักที ก็มีแค่ทางนี้ทางเดียวเท่านั้นแหละ”“แต่ไอ้งานนักสืบเนี่ยมันเสี่ยงมากนะ อย่างแกน่ะมันไม่หนักไปหน่อยเหรอ เดี๋ยวนี้ยิ่งมีข่าวต้มตุ๋นหลอก ลวงกันไม่เว้นแต่ละวัน เราไม่หลอกเขา เขาก็หลอกเรา ฉันว่าแกอย่าเสี่ยงเลยปิ่น เชื่อฉันเหอะ”“มันก็ไม่แน่เสมอไปหรอกริน ฉันอาจจะโชคดีมือขึ้นทางนี้ก็ได้ อีกอย่างแกก็รู้ว่าฉันเก่งวิชาพละ มีอะไรเกิดขึ้นฉันเอาตัวรอดได้อยู่แล้ว”“ทำเป็นอวดเก่ง แกจะใช้วิชาม้วนหน้าม้วนหลัง หกกบ สะพานโค้ง ตีลังกาล้อเกวียนหนีพวกโจรมัน เหรอไง ยายบ้า”“แกไม่เป็นฉันแกไม่รู้หรอกว่าการที่ต้
“ว่าไงนะ!” รจนากับลีลาวดีถามขึ้นมาพร้อมกันเมื่อได้ยินสิ่งที่ปิ่นมณีเล่าให้ฟัง“ก็อย่างที่พูดมานั่นแหละ ยายเจ๊นั่นเดินเอาขวดฉี่ไปสาดหน้าผัวแล้วก็ชู้กลางร้าน กลิ่นนี้เหม็นหึ่ง ขนาดฉันยืนอยู่ข้างนอกยังได้กลิ่นชัดเลย ไอ้ผัวจอมเจ้าชู้นั่นนะอย่างกับหมูตกบ่อฉี่เลยล่ะ” สิ้นเสียงของปิ่นมณี เสียงหัวเราะท้องแข็งก็ดังประสานกันขึ้นมา ทำเอาร้านเล็กๆ อย่างร้านช็อกโกแล็ตสั่นสะเทือน“พูดถึงแล้วก็อยากเห็นหน้าแม่นั่นตอนโดนสาดฉี่จังเลยเนอะ” ลีลาวดีพูดทั้งๆ ที่ยังไม่หยุดหัวเราะ“แต่พี่ว่ามันไม่ค่อยน่าดูเท่าไหร่หรอกนะ ผัวเมียไปตบตีกันในร้านอาหารสาธารณะเนี่ย เฮ้อ! โชคดีที่พี่ไม่คิดแต่งงาน ถ้ามาเจออย่างนี้เข้าคงซวยไปทั้งชาติ แต่ปิ่นก็ต้องระวังตัวด้วยนะ พี่ว่าไอ้งานแบบนี้มันเสี่ยงใช่ย่อย เราเองก็เป็นผู้หญิงตัวคนเดียว ถ้าเป็นไปได้เลิกทำเถอะ พี่ฟังแล้วยังอดกลัวแทนไม่ได้เลย ถ้าวันหนึ่งมันไม่ใช่แค่ฉี่ แต่เป็นพวกสารเคมีหรือว่าน้ำกรดขึ้นมา เราจะกลายเป็นคนบาปได้นะ ยังไงก่อนจะรับงานก็ดูให้ดีๆ ก่อนละกัน ยิ่งงานที่ค่าจ้างงามๆ เนี่ยมันน่าคิด เศรษฐกิจแบบนี้คงไม่มีใครเอางานง่ายๆ ที่จ่ายค่าจ้างแพงๆ มาให้ทำหรอก”“แหม! พี่นา
ก๊อก…ก๊อก…ก๊อก…เสียงเคาะประตูดังขึ้นที่หน้าห้อง แต่ดูเหมือนว่าเจ้าของห้องจะยังคงหลับไม่รู้เรื่องก๊อก…ก๊อก…ก๊อก…เสียงเคาะประตูดังต่อเนื่องขึ้นมาอีกครั้ง แต่ดูเหมือนจะแรงและเร็วกว่าครั้งแรกมากนัก ได้ผล! เจ้าของห้องเริ่มเกิดปฏิกิริยา เธอลืมตาขึ้นมาด้วยความตกใจเมื่อเห็นว่าตนเองนอนหลับฟุบคาอยู่ที่โต๊ะคอมพิวเตอร์ข้างเตียง“เช้าแล้วเหรอเนี่ย เผลอหลับไปได้ยังไงกันนะเรา” ก๊อก…ก๊อก…ก๊อก…เสียงเคาะประตูดังขึ้นอีกครั้ง คราวนี้ปิ่นมณีวิ่งแจ้นไปเปิดประตูทันที“ยายปิ่น! นี่แกไปทำอะไรมาเนี่ย ผมเผ้ามันถึงได้กระเซอะกระเซิงแบบนี้”“ฉันเพิ่งตื่นน่ะ เข้ามาก่อนสิ” ปิ่นมณีพูดพลางเดินหันหลังกลับเข้ามาในห้อง ทิ้งให้เพื่อนสนิทอย่างลีลาวดีเดินตามเข้ามา ลีลาวดีมองเพื่อนรักจากทางด้านหลังพลางทำหน้าบอกบุญไม่รับ“นี่ถามจริงเหอะ…แกไปทำอะไรมากันแน่ สภาพถึงได้ยับเยินแบบนี้”“อื้อ! ฉันไปทำงานมาน่ะ”“งานอะไรของแก”“ก็งานนักสืบน่ะสิ เอาน่า…อย่าเพิ่งมาซักฉันตอนนี้เลย ยังไงฉันก็ต้องเล่าให้แกฟังอยู่ดีนั่นแหละ” ปิ่นมณีพูดตัดบทขณะคว้าผ้าเช็ดตัวเข้าห้องน้ำไป“ย่ะ! แม่เพื่อนตัวดี” ลีลาวดีส่งค้อนให้ด้วยความหมั่นไส้ก่อนจะเดินเ
รุ่งเช้าปิ่นมณีเดินไปด้อมๆ มองๆ อยู่ที่ร้านอาหารขนาดย่อมร้านหนึ่งที่ตั้งอยู่ตรงกลางโดยมีร้านขายดอกไม้และร้านขายยาขนาบอยู่สองข้างซ้ายขวา หน้าร้านสีขาวขนาดสองคูหาสองชั้นตกแต่งด้วยไม้ดอกจำพวกชวนชมหลากสีที่ตัดแต่งเป็นพุ่มสวยงาม ปิ่นมณีจ้องมองอย่างอดที่จะชื่นชมไม่ได้ หญิงสาวมองป้ายประกาศเล็กๆ ที่ติดอยู่บนกระจกหน้าร้านพลางเลยไปยังป้ายขนาดใหญ่ที่เขียนด้วยอักษรนูนสีทองว่า ‘จิ๊กกี๋โภชนา’ อย่างใช้ความคิดสักพักก่อนจะตัดสินใจเปิดประตูกระจกเข้าไป“ขอโทษนะคะคุณ ตอนนี้ร้านยังไม่เปิดให้บริการค่ะ” พนักงานสาวที่ไม่สวยเลยสักนิดหันมาบอกอย่างตกใจเมื่อเห็นปิ่นมณีเดินเข้ามาด้วยคิดว่าเป็นลูกค้า“คือ…ฉะ…หนูมาสมัครงานค่ะ”ปิ่นมณีพูดอย่างไม่มั่นใจนักว่าจะใช้คำสรรพนามเรียกตัวเองว่าอะไร สุดท้ายก็นึกขึ้นมาได้ว่าเธอกำลังปลอมตัวเป็นเด็กมาหางานพิเศษทำ จึงใช้คำเรียกตัวเองว่า ‘หนู’ แทน ‘ฉัน’ อย่างที่ตั้งใจไว้ในตอนแรก“สมัครงานงั้นเหรอ” เมื่อรู้ว่าปิ่นมณีไม่ใช่แขก หญิงสาวคนเดิมจึงเปลี่ยนท่าทีการพูดในทันใด“เธออายุเท่าไหร่”“เอ่อ…17 จ้ะ” ปิ่นมณีตอบทันที เธอรู้สึกว่าอีกฝ่ายกำลังมองเธออย่างไม่ค่อยจะเชื่อนัก“รอเดี๋ยวนะ จะ
“ทัดคะ คุณทำแบบนี้กับโรสได้ยังไงกัน ทั้งๆ ที่โรสชวนคุณทานข้าว โรสเป็นห่วงว่าคุณจะเครียดเกินไป แต่คุณก็บอกว่าไม่ว่าง กลับไปนั่งสวีตกับใครก็ไม่รู้ในร้านที่เราไปด้วยกันประจำ แล้วแม่นั่นน่ะเหรอลูกค้า โรสว่ามองยังไงมันก็ไอ้ผู้หญิงที่ชอบแย่งของของชาวบ้านนั่นแหละ ทำไมคุณต้องโกหกโรสด้วยคะ” โรสในชุดสีแดงไวน์โวยวายลั่นห้องพร้อมน้ำตา“ผมว่าคุณเข้าใจผิดไปใหญ่แล้วนะโรส ผมไปทานข้าวกับลูกค้าจริงๆ คุณภาณิณีเป็นลูกค้ารายใหญ่ของผม เธอเป็นลูกสาวของประธานบริษัทสกาย คอนสตัคชั่น บริษัทก่อสร้างยักษ์ใหญ่ที่คอยสนับสนุนบริษัทของผม จะพูดจะจาอะไรก็หัดให้เกียรติเขาบ้าง”“ถึงกับออกรับแทนกันเลยเหรอคะ ผู้หญิงแพศยาแบบนั้นโรสว่ามันยังน้อยไปด้วยซ้ำ มีอย่างที่ไหน ผู้ชายก็มีตั้งเยอะแยะ ชอบทำตัวเป็นแมวขโมยของของคนอื่น พฤติกรรมแบบนี้ลูกผู้ลากมากดีเขาไม่ทำกันหรอก”“มันจะไปกันใหญ่แล้วนะโรส คุณเองก็เหมือนกัน…หัดมีเหตุผลบ้างสิ เอาแต่พูดจาให้ร้ายคนอื่นแบบเสียๆ หายๆ คุณเองก็เป็นลูกผู้ลากมากดีเหมือนกัน แต่ทำไมยิ่งนับวันก็ยิ่งหยาบคาย พูดจาไม่ให้เกียรติคนอื่นเลย ผมเองก็ไม่อยากพูดจาแบบนี้กับคุณหรอกนะ แต่พฤติกรรมของคุณนับวันผมเริ่มทน
“ว่าไงนะ!” รจนากับลีลาวดีถามขึ้นมาพร้อมกันเมื่อได้ยินสิ่งที่ปิ่นมณีเล่าให้ฟัง“ก็อย่างที่พูดมานั่นแหละ ยายเจ๊นั่นเดินเอาขวดฉี่ไปสาดหน้าผัวแล้วก็ชู้กลางร้าน กลิ่นนี้เหม็นหึ่ง ขนาดฉันยืนอยู่ข้างนอกยังได้กลิ่นชัดเลย ไอ้ผัวจอมเจ้าชู้นั่นนะอย่างกับหมูตกบ่อฉี่เลยล่ะ” สิ้นเสียงของปิ่นมณี เสียงหัวเราะท้องแข็งก็ดังประสานกันขึ้นมา ทำเอาร้านเล็กๆ อย่างร้านช็อกโกแล็ตสั่นสะเทือน“พูดถึงแล้วก็อยากเห็นหน้าแม่นั่นตอนโดนสาดฉี่จังเลยเนอะ” ลีลาวดีพูดทั้งๆ ที่ยังไม่หยุดหัวเราะ“แต่พี่ว่ามันไม่ค่อยน่าดูเท่าไหร่หรอกนะ ผัวเมียไปตบตีกันในร้านอาหารสาธารณะเนี่ย เฮ้อ! โชคดีที่พี่ไม่คิดแต่งงาน ถ้ามาเจออย่างนี้เข้าคงซวยไปทั้งชาติ แต่ปิ่นก็ต้องระวังตัวด้วยนะ พี่ว่าไอ้งานแบบนี้มันเสี่ยงใช่ย่อย เราเองก็เป็นผู้หญิงตัวคนเดียว ถ้าเป็นไปได้เลิกทำเถอะ พี่ฟังแล้วยังอดกลัวแทนไม่ได้เลย ถ้าวันหนึ่งมันไม่ใช่แค่ฉี่ แต่เป็นพวกสารเคมีหรือว่าน้ำกรดขึ้นมา เราจะกลายเป็นคนบาปได้นะ ยังไงก่อนจะรับงานก็ดูให้ดีๆ ก่อนละกัน ยิ่งงานที่ค่าจ้างงามๆ เนี่ยมันน่าคิด เศรษฐกิจแบบนี้คงไม่มีใครเอางานง่ายๆ ที่จ่ายค่าจ้างแพงๆ มาให้ทำหรอก”“แหม! พี่นา
“เอาล่ะ! เท่านี้ก็เสร็จเรียบร้อย” หญิงสาวผมสั้นทรงบ็อบเทพูดกับตัวเองขณะมองดูผลงานบนจอคอมพิวเตอร์อย่างอารมณ์ดี“เพียงแค่คุณคือผู้เดือดร้อน ไม่สบายใจในทุกปัญหา ต้องการค้นพบคำตอบที่ถูกอำพรางไว้ โทรหาเราสิคะ 089-xxxxxxx นักสืบสาวโบตั๋นยินดีช่วยเหลือ…แกแน่ใจแล้วเหรอยายปิ่น” ลีลาวดีอ่านข้อความในบล็อกส่วนตัวของเพื่อนสาวพลางทำหน้าปูเลี่ยน ก่อนจะหันมาถามเพื่อความแน่ใจอีกครั้งกับการตัดสินใจของเพื่อนซี้“แน่ยิ่งกว่าแน่ ก็ฉันไม่มีทางเลือกแล้วนี่ คนตกงานเป็นปีๆ อย่างฉัน ลองมาทุกทางแล้วก็ไม่เห็นมีอะไรคืบหน้าสักที ก็มีแค่ทางนี้ทางเดียวเท่านั้นแหละ”“แต่ไอ้งานนักสืบเนี่ยมันเสี่ยงมากนะ อย่างแกน่ะมันไม่หนักไปหน่อยเหรอ เดี๋ยวนี้ยิ่งมีข่าวต้มตุ๋นหลอก ลวงกันไม่เว้นแต่ละวัน เราไม่หลอกเขา เขาก็หลอกเรา ฉันว่าแกอย่าเสี่ยงเลยปิ่น เชื่อฉันเหอะ”“มันก็ไม่แน่เสมอไปหรอกริน ฉันอาจจะโชคดีมือขึ้นทางนี้ก็ได้ อีกอย่างแกก็รู้ว่าฉันเก่งวิชาพละ มีอะไรเกิดขึ้นฉันเอาตัวรอดได้อยู่แล้ว”“ทำเป็นอวดเก่ง แกจะใช้วิชาม้วนหน้าม้วนหลัง หกกบ สะพานโค้ง ตีลังกาล้อเกวียนหนีพวกโจรมัน เหรอไง ยายบ้า”“แกไม่เป็นฉันแกไม่รู้หรอกว่าการที่ต้