‘คฤหาสน์ลี’
นั่นคือชื่อของคฤหาสน์ที่ตั้งตระหง่านอยู่บนยอดเขาสูงกลางเกาะฮ่องกง พื้นที่ที่คนรวยสุดขีดของเกาะฮ่องกงเท่านั้นจึงจะสามารถอยู่อาศัยได้ เพราะราคาที่ดินของทำเลทองคำนี้สูงลิ่วถึงตารางฟุตละ 7 แสนบาทไทย ดังนั้นใต้ฝ่าเท้าที่เธอกำลังจะเหยียบย่างอยู่นี้ ทุกย่างก้าวคือมูลค่ามากกว่าครึ่งล้านบาท
ร่างงามระหงในชุดสูทเข้ารูปสีชมพูพาสเทลของ ‘อินถวา จิตราภานุพงษ์’ ค่อยๆ จดฝ่าเท้าก้าวลงจากรถอย่างแผ่วเบา เพราะกลัวเหลือเกินว่าเธออาจทำให้พื้นถนนด้านหน้าคฤหาสน์นี้ยุบตัวลง เพราะหากมีอะไรเสียหายสักน้อยนิด เธอก็คงจะไม่มีปัญญาไปชดใช้ได้ แต่ถึงอย่างนั้นก็อดไม่ได้ที่จะแหงนหน้าสำรวจไปทั่วบริเวณ
เพราะนี่เป็นครั้งแรกที่เธอเดินทางออกนอกประเทศไทย เป็นครั้งแรกที่มาเยือนฮ่องกง และก็เป็นครั้งแรกอีกเช่นกันกับการทำงาน เพราะเธอเพิ่งเรียนจบมาหมาดๆ และยังไม่ทันรับพระราชทานปริญญาบัตรเลยด้วยซ้ำ แต่ภาวะจำเป็นทำให้ต้องเลือกมาทำงานต่างแดน ทั้งที่ใจจริงไม่ได้อยากมาเลย
ใบหน้างดงามมองสำรวจคฤหาสน์สไตล์โมเดิลที่คล้ายเป็นประติมากรรมที่ประดับอยู่บนหน้าผามากกว่าที่จะเข้าอยู่อาศัยได้จริง นั่นคือสิ่งที่เธอมองเห็นตั้งแต่รถยนต์เคลื่อนเข้ามา แต่เมื่อมายืนอยู่ด้านหน้าจริงๆ กลับพบว่าประติมากรรมนี้มีความแข็งแกร่งและควรค่าแก่การตั้งตระหง่านท้าแดดท้าลมได้จริง เพราะเสาโรมันแต่ละต้น เหล็กแต่ละท่อน บันไดหินขนาดใหญ่นั้นไม่ต่างจากการค้ำจุนให้พื้นที่นี้ยิ่งเข้มแข็ง ดูงามสง่า และน่าครั่นคร้ามมากขึ้น
เมื่อแน่ใจในความแข็งแกร่ง อินถวาจึงผินใบหน้าสวยหวานดุจดอกไม้แรกแย้มมองออกไปด้านนอกจนเส้นผมดำยาวสยายที่รวบไว้เป็นหางม้าสูงสะบัดเป็นพวงกระทบแผ่นหลังของเธอ เธอยิ้มเมื่อสัมผัสได้ถึงสิ่งที่ส่ายไปมาที่แผ่นหลัง เพราะความมีน้ำหนักของเส้นผมนี่แหละคือสิ่งที่เธอภูมิใจนัก นอกจากผิวสุขภาพดีที่เธอก็ภูมิใจเช่นกัน เธอไม่ชอบการแต่งหน้า แต่เพราะนี่คือการเดินทางไกลครั้งแรก การแต่งแต้มใบหน้านิดหน่อยเพื่อให้มีสีสันอย่างสุภาพ จึงเป็นสิ่งที่เหมาะสม ดังนั้นใบหน้าจึงลงแป้งอัดแข็งบางเบาไม่ให้ผิวมันเยิ้มและริมฝีปากก็ฉาบไว้ด้วยลิปสติกสีเดียวกับชุดให้พอแมท
รอยยิ้มพิมพ์ใจระบายอยู่ทั่วใบหน้าเมื่อมองเห็นวิวโดยรอบของเกาะฮ่องกงเป็นวงกว้าง เพราะเบื้องหน้าของเธอนี้คืออ่าววิคตอเรีย ซึ่งเป็นหนึ่งในสถานที่ท่องเที่ยวที่นิยมของผู้มาเยือนฮ่องกง
อินถวามองดูวิถีการใช้ชีวิตของคนฮ่องกงที่ยังกลมกลืนกับวัฒนธรรมดั้งเดิมได้อย่างลงตัว เพราะบ้านเรือนหรือร้านอาหารที่ปลูกสร้างขนาบกับริมอ่าวอยู่นั้น มีบ้างที่แปลกตาเพราะเป็นสิ่งปลูกสร้างของคนฮ่องกงดั้งเดิม และก็มีที่ปลูกสร้างอย่างร่วมสมัย รวมทั้งเรือที่กำลังแล่นอยู่ในอ่าวและจอดเทียบท่าอยู่ด้วย เพราะมีทั้งเรือยอชต์ส่วนตัวสุดหรู เรือท่องเที่ยว เรือรับจ้าง และเรือประมงที่เป็นวิถีดั้งเดิมของคนพื้นที่ หรือจะเป็นตึกระฟ้าหลากหลายตึกที่กลายเป็นสัญลักษณ์ความศิวิไลซ์ที่ทำให้ทั่วโลกรู้จักเกาะฮ่องกง
ใบหน้างดงามหันกลับมามองคฤหาสน์ยิ่งใหญ่ที่นับต่อแต่นี้ไป คือสถานที่ทำงานของเธอ อินถวาไม่แปลกใจเลยว่าทำไม ‘ตระกูลลี’ จึงติดอันดับมหาเศรษฐีอันดับต้นๆ ของเกาะฮ่องกง และอาจเป็นอันดับต้นๆ ของโลกด้วยก็ได้ เพราะจุดที่ตั้งของคฤหาสน์ลีนั้นอยู่ในตำแหน่งชัยภูมิดีเลิศ และอาจเรียกได้ว่าเป็นจุดชมวิวที่ดีที่สุดในฮ่องกงก็ได้
ดวงตาสวยหวานสุกสกาวไม่ต่างจากดาวบนฟากฟ้ายังคงมองสำรวจไปให้ทั่วบริเวณ ซึ่งกะประเมินจากสายตา คฤหาสน์มูลค่ากว่า 3,000 ล้านบาทไทยนี้ ต่อให้สำรวจจนหมดวันเธอก็คงจะมองและจดจำพื้นที่ทั้งหมดนี้ได้ไม่ทั่วแน่ เพราะจากข้อมูลที่ได้มาก็คือ คฤหาสน์แห่งนี้รวมทั้งอาณาจักรโดยรอบถูกก่อสร้างอยู่บนที่ดินที่กว้างกว่า 10 ไร่ แน่นอนว่าด้านนอกยังยิ่งใหญ่อลังการณ์งานสร้างได้มากขนาดนี้ ด้านในนั้นคงไม่ต่างจากสรวงสวรรค์
แต่อินถวาก็ต้องยิ้มขื่นให้กับตัวเอง เพราะแม้วันนี้เธอจะสำรวจได้ไม่ทั่ว แต่นับจากนี้ไปอีก 2 ปี เธอคงจะสำรวจได้ครบในสักวัน
‘2 ปี’
แค่คิดถึงระยะเวลาในสัญญาจ้างงาน น้ำตาก็พานจะไหลออกมาทุกที ทว่านี่เป็นสิ่งที่เธอเลือกแล้ว และจะต้องทำงานให้ดีตามที่นายจ้างระบุเอาไว้ เพราะเธอรับเงินค่าจ้างล่วงหน้านั้นมาแล้ว เงินจำนวนมหาศาลที่เธอต้องหาให้ได้ภายใน 1 เดือน เพื่อช่วยแม่ให้ปลดเปลื้องจากความทุกข์ที่กัดกินหัวใจจนทำให้แม่ป่วย และนายจ้างผู้ใจดีก็ยินดีจ่ายให้อย่างไม่อิดออดหรือสอบถามอะไรให้วุ่นวาย
ใบหน้าสวยหมองลงเมื่อภาพความทรงจำแห่งความทุกข์หวนคืนมาในความคิด วันที่เธอสอบเสร็จและหวังจะรีบไปบอกให้แม่ภูมิใจว่าลูกของแม่คนนี้เรียนจบแล้ว ต่อไปนี้เธอจะช่วยแม่สานต่อธุรกิจเต็นท์รถมือสองของครอบครัวเอง เธอจะไม่ไปเรียนต่อที่ต่างประเทศอย่างที่เคยตั้งใจไว้ แต่จะเรียนในเมืองไทยและจะเปิดร้านขนมไทยร่วมสมัยตรงที่ว่างด้านข้างของเต็นท์รถนั่นเอง
เธอจะได้ช่วยแม่บริหารงานได้อย่างเต็มเวลา แม่จะได้มีเวลาพักผ่อนมากกว่านี้ และเมื่อมีวันหยุด เธอก็จะพาแม่ไปเที่ยวในทุกที่ที่แม่อยากไป เธอจะรับผิดชอบงานทุกอย่างแทนแม่ เพื่อตอบแทนให้สมกับที่แม่เป็น ‘คุณแม่เลี้ยงเดี่ยว’ ที่ดูแลเธอมาเป็นอย่างดี นับตั้งแต่วันที่พ่อเสียชีวิตไปเมื่อ 10 ปีก่อน ทว่าเธอกลับมารับรู้เรื่องราวที่แม่กำลังทุ่มเถียงกับ ‘น้าอิฐ’ น้องชายเพียงคนเดียวของแม่ แต่เป็นน้าชายที่ไม่ค่อยชอบขี้หน้าเธอนัก
‘อิฐ! พี่ไม่เข้าใจแกเลย แกเอาเงินไปทำอะไรหมด แกขาดเหลืออะไรทำไมแกไม่บอกพี่ล่ะ แกไปเอาเงินบริษัทเขามาทำไม’
เสียงของแม่ที่ดังลอดออกมาจากออฟฟิศเจือไปด้วยความขมขื่นทำให้เธอต้องยืนจับลูกบิดประตูค้างอยู่แบบนั้น เพราะไม่กล้าที่จะเข้าไป ใจหนึ่งอยากถอยห่างออกมา แต่อีกใจก็อยากรู้ว่าเรื่องใดถึงทำให้แม่ต้องร้องไห้ ทว่าสิ่งที่น้าชายพูดออกมาทั้งหมดกลับทำให้ร่างกายของเธอชาวาบตั้งแต่ศีรษะจดปลายเท้า
‘พี่อรไม่เข้าใจหรอก บอกมาว่าจะช่วยหรือไม่ช่วยเท่านั้น ไม่ต้องมาบ่นให้มากความ ถ้าพี่ไม่ช่วย ฉันก็แค่ติดคุกเท่านั้นแหละ จะยากอะไร’ ‘ทำไมแกพูดอย่างนั้นอิฐ ฉันเป็นพี่สาวแกนะ แกดูถูกน้ำใจพี่สาวคนนี้มากไปแล้ว ถ้าแกบอกพี่มาตรงๆ ว่าแกเอาเงินไปทำอะไร พี่อาจหาทางช่วยแกได้ แต่แกไม่บอกพี่ แล้วแกจะให้พี่ทำยังไง’ ‘พูดไปพี่อรก็ไม่เข้าใจฉันหรอก ฉันมันเป็นแค่น้อง ไม่ใช่ลูกพี่หนิ พี่จะมาช่วยเหลืออะไรฉันเต็มร้อย สุดท้ายพี่ก็ต้องเลือกอนาคตของยัยพุดอยู่ดี’ ‘แกพูดอะไรของแกอิฐ ยัยพุดมาเกี่ยวอะไรด้วย หลานไม่เคยยุ่งอะไรกับแกเลยนะ’ ‘ไม่ยุ่งได้ไง ก็เพราะพี่มียัยพุดไง พี่ถึงไม่สนใจฉัน เงินทุกบาททุกสตางค์ พี่ก็พูดแต่ว่าเก็บไว้ให้ลูก แล้วอย่างนี้พี่ยังจะมาบอกว่าถ้าฉันขาดเหลืออะไรก็ให้มาบอกพี่เหรอ เจอหน้าฉันทีไร พี่ก็บ่นว่าต้องจ่ายค่าเทอมยัยพุด ต้องจ่ายค่าเรียนพิเศษ ค่าเรียนเต้น ค่าเรียนรำไทย ค่าเรียนดนตรี เรียนวาดภาพ เรียนว่ายน้ำ สารพัดที่มันร่ำร้องจะเรียน แล้วพี่ก็หาเงินตัวเป็นเกลียวหัวเป็นน็อตปรนเปรอมันทุกอย่าง มันอยากไปเรียนซัมเมอร์ที่เมืองนอก พี่ก็หาเงินส่งมันไป
‘หรือฉันจะไปทำงานที่ยัยรุ้งแนะนำดี’ ‘งานอะไร ทำไมฉันไม่รู้ ไม่เห็นยัยรุ้งบอกฉันว่าแนะนำงานให้แก’ ‘อ้าวก็งานรับจ้างเป็นเพื่อนไง ยัยรุ้งบอกว่างานนี้ที่เมืองนอกบูมมากเลยนะ ตอนนี้บ้านเราก็เลยเอามาทำบ้าง เห็นรุ้งว่าได้ค่าจ้างวันละห้าหมื่นเลยล่ะ และยังได้ค่าน้ำมันรถ ค่าอาหาร เบี้ยเลี้ยงต่างหากด้วย ชุคิดสิ พุดทำแค่ยี่สิบวัน ก็ได้ล้านนึงแล้วนะ’ ‘แล้วยัยรุ้งบอกหรือเปล่าว่าคนที่เขามาจ้างนะเป็นใคร ใครที่ไหนเขาจะมาเสียเงินจ้างเพื่อน และถ้าไม่มีเพื่อนจนถึงขนาดที่ต้องมาจ้าง ไม่เพี้ยนก็โรคจิตแล้วล่ะ’ ‘ไม่ใช่แบบนั้น รับจ้างเป็นเพื่อน ก็เช่นมีนักธุรกิจมาจากเมืองนอก ต้องการให้เราไปเป็นเพื่อนเดินซื้อของ ไปเป็นเพื่อนกินข้าว ดูหนัง ฟังเพลง แบบบางทีเขามาจากต่างบ้านต่างเมืองก็ต้องการคนพื้นที่ให้พาไปไง คนรวยทั้งนั้นแหละชุ แค่เศษเงินเขา ไม่ได้เยอะอะไรหรอก’ นั่นคือข้อมูลที่เธอได้มาจากเพื่อนที่เรียนอยู่คณะเดียวกัน เพราะเพื่อนก็ทำงานรับจ้างเป็นเพื่อนนี้มาหลายเดือนแล้วเหมือนกัน และก็ได้เงินดีจนมีเงินเก็บและส่งเสียทางบ้านได้ แต่สีหน้าของชุติมน
คฤหาสน์กว้างใหญ่นี้ไม่ใช่เพียงสง่างามน่าเกรงขาม ทว่าเธอกลับรู้สึกเหมือนกับว่าที่นี่มีพลังงานบางอย่างที่ทำให้เลือดในกายของเธอเย็นเฉียบ ทุกย่างก้าวที่เดินตามอาฉีจึงพยายามแล้วที่จะสลัดไล่ความประหม่าในหัวใจนี้ออกไป แต่อาการเสียวสันหลังวาบๆ นี่คืออะไรล่ะ ที่นี่มีอะไรที่น่ากลัวอย่างนั้นเหรอ ‘ฉันว่าแกต้องเจอเนื้อคู่ที่ฮ่องกงแน่ยัยพุด’ ‘ทำไม... ทำไมต้องฮ่องกง’ ‘อ้าว... ก็เวลาฝันว่างูรัดก็แปลว่าจะเจอเนื้อคู่น่ะสิ แต่นี่แกดันฝันว่ามังกรรัด มังกร ฮ่องกง เข้ากันจะตายไป มังกรตาสีเขียวด้วย จำไว้นะถ้าเจอใครตาสีเขียว นั่นแหละเนื้อคู่แก’ นั่นคือคำหยอกเย้าของชุติมนต์เมื่อเธอบอกเล่าความฝันนั้นให้ฟังก่อนที่จะเดินทางมาที่นี่ เพราะความฝันดันเกิดขึ้นเมื่อคืนน่ะสิ คืนก่อนวันเดินทางแต่กลับฝันสัปดน แค่เธอฝันว่าถูกมังกรรัด ชุติมนต์ยังล้อเลียนเธอแบบนี้ หากเธอพูดทั้งหมดว่าถูกมังกรทำ... ชุติมนต์จะไม่ยิ่งล้อมากกว่านี้เหรอ แต่สัมผัสวาบหวิวรอบกายและหนาวจนต้องลูบต้นแขนที่รับรู้ได้ในขณะนี้ อินถวากลับคิดต่าง เพราะหากดวงตาสีเขียวมาปรากฏตรงหน้าจริง นั่นเธอจะคิดว่
สัมผัสบางอย่างที่เคลียคลออยู่รอบตัวทำให้อินถวาพยายามจะเปิดเปลือกตาที่ง่วงงุนขึ้นมองดู เพราะนี่ไม่ใช่สิ่งปกติที่จะเกิดขึ้น เมื่อฝ่ามืออุ่นจัดของใครบางคนกำลังลูบไล้เนื้อตัวของเธออยู่ทั้งๆ ที่เธอ ‘นอนคนเดียว’ แค่คิดถึงสิ่งนั้น ความง่วงงุนก็หายวับพร้อมดวงตาที่หนักอึ่งก็บางเบาราวติดปีกและดีดผึงขึ้นทันที ทว่าสิ่งที่เห็นนั้นมีเพียงความมืดมิด มืดจนไม่มองไม่เห็นอะไรเลยสักอย่าง แต่สัมผัสนั้นยังคงอยู่ อินถวาสั่นไปทั้งร่าง ขนกายลุกตั้งไปทั้งตัวตั้งแต่ศีรษะไปจนถึงปลายเท้า ไม่มีจุดใดเลยที่ขนจะไม่ลุก เพราะสิ่งที่มองไม่เห็นกำลังลูบไล้ไปทั่วทั้งเนื้อตัวเธอ ‘มัน’ หรือ ‘ใคร’ หรือ ‘อะไร’ บางอย่าง ยังไม่หยุดเคลื่อนไหว ทั้งๆ ที่น่าจะรู้ว่าเธอตื่นแล้ว ‘กรี๊ดดดดด... ปล่อยฉันนะ! กรี๊ดดดดด...’ เสียงร้องที่ดังอยู่เพียงในลำคอ ยิ่งทำให้อินถวาสะท้านและสั่นจนหยุดไม่ได้ เพราะไม่ว่าจะพยายามดิ้นรนหรือจะกรีดร้องดังเพียงใดแต่เสียงนั้นก็เพียงได้ยินอยู่ในลำคอของเธอเท่านั้น เธอพยายามแล้วที่จะดิ้นรน พยายามที่จะกรีดร้องให้ดังที่สุด แต่เจ้าของฝ่ามือที่แตะ